ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Universe Story II

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่เจ็ด: รอบตัดเชือก เพลงดาบแห่งสายน้ำ

    • อัปเดตล่าสุด 25 ต.ค. 57


    บทที่เจ็ด: รอบตัดเชือก เพลงดาบแห่งสายน้ำ

                อัศวินเกราะเงินแห่งแอตแลนติสทั้งห้า และ เด็กๆอีกห้าคนกำลังรัวการโจมตีอย่างเมามันส์จนคนดูทุกคนต่างลุ้นระทึก ทั้งเสียงโลหะที่กระทบกัน เสียงของระเบิดและรอยขีดข่วน นี่เป็นศัตรูที่สูสีสำหรับพวกเขาทั้งห้าคน

                “เก่งไม่เบาเลยนี่” เนียทาพองโชว์เขี้ยวขณะที่กราดยิงอีกฝ่าย ทั้งปืนบีมและกระสุนเลเซอร์ถูกปัดจากดาบของอัศวินเหล่านั้น

                “หนอยโลหะ พาวเวอร์เดรน สินะ” คาร่าที่นั่งตรงขอบสนามนั่งประเมินสถาณการณ์โดยทิ้งให้ เอเซกุดจัดการอัศวินเหล่านั้นสองคนในคราวเดียวกัน

    พาวเวอร์เดรน เป็นชนิดของโลหะที่สามารถดูดซับพลังได้ทุกชนิดและอัศวินเหล่านั้นก็มีดาบและเกราะที่ทำจากวัสดุนี้ แถมที่ดาบยังมีฝัง พาวเวอร์สโตน ซึ่งยังดีที่เป็นอันเล็กมากทำให้มีพลังเพิ่มขึ้นมาไม่กี่เท่า

                “ชิ มันไม่เนื่อยเลยรึไงนะ” นาปากัซที่พยายามกระโจนเข้าไปโจมตีอย่างรวดเร็วจากทุกทิศก็ไม่สามารถจัดการเหล่าอัศวินนั้นได้และยังมีบางทีที่นาปากัซโดนสวนกลับจนเลือดออกเป็นแนวยาวหลายครั้ง

     

    ด้านของเอ

                “แน่จิงก็เอาไอ้เกราะบ้านี่ออกซี่ ใส่ซะมิดเลยนะ” เอสบถขณะที่รำเพลงดาบโจมตีอีกฝ่าย กระบวนท่าเพลงดาบหมดไปสิบกว่าเพลงแล้วแต่ผลออกมาก็เช่นเดิมคือไม่สามารถโจมตีอีกฝ่ายได้ทั้งนี้อีกฝ่ายก็ยังเป็นหัวหน้าองค์รักษ์อีกด้วยหาก เอ ชนะได้ก็คงเผด็จศึกข้าศึกได้แต่ไม่ง่ายเลย การต่อสู้ระหว่าง เอ และ หัวหน้าองค์รักษ์เป็นไปอย่างดุเดือด

     

    ด้านของ เนียทาพอง

    เสียงระเบิด กระสุน บีม เลเซอร์ ยังคงดังต่อเนื่อง เนียทาพองที่กำลังกราดยิงอีกฝ่ายที่ถึงแม้ยิงไปโดนเต็มๆอีกฝ่ายก็ไร้ความเสียหายนั้น เนียทาพองเสียเปรียบสุดๆ

                “ไอ้พวกขี้โกงเอ้ย” เขาด่าทออีกฝ่าย

    ฉึกๆๆ

    อัศวินคนนั้นแทงเข้ามาที่เขา แม้จะหลบได้แต่ก็เป็นแผลยาวที่ต้นแขนถึงหัวไหล่เป็นสามทาง เนียทาพองเจ็บแปลบทันที ความแสบจากบาดแผลทำให้เข้าเสียหลักแล้วล้มลง

                “หนอยยยย” เนียทาพองทุบพื้นแล้วยืนขึ้นมืออีกข้างกดแผลเอาไว้ไม่ให้ออกแล้วมองหน้าคนที่ ฟัน เขา

                “ตายยยซะ” เขาตวาดเสียงดังแล้วดีดตัวขึ้นฟ้าไอพ่นด้านหลังพยุงเขาให้เขาลอยเหนือหัวเขาบินสูงเกือบหกเมตรแล้วควักอาวุธต้องห้ามออกมา

    คนในสนามทั้งหมดมองไปที่เขาเป็นตาเดียวกัน พวกเขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เด็กอีกสี่คนรู้แน่นอนปืนใหญ่บีมกลหากยิงต่อเนื่องทั้งแอรีน่าต้องพังพินาศแน่นอน แต่ตอนนี้เนียทาพองเสียสตืไปแล้วเขาแบกปืนไว้ที่บ่าเตรียมเหนี่ยวไก

                โชวะ

    อัศวินคู่ต่อสู้ของเขากระโดดขึ้นมาด้วยเท้าเปล่าล้าใช้ดาบฟันปืนจนขาดเป็นสองท่อนต่อหน้าต่อตาเนียทาพอง

                “นี่มันกระโดดสูงมากเลยนะเนี่ย”  เอ มองก่อนจะหลบคมดาบที่ฟันมาจากอีกฝ่ายแล้วกลับไปสู้ต่อ

    เนียทาพองมองตาค้าง ปืนที่อยู่บนบ่าของเขาถูกตัดเป็นสองท่อนกลางอากาศ น่าเจ็บใจนักแต่อย่างน้อยมันก็เรียกสติของเขาและมันก็ไม่ได้ทำลายทั้งอารีน่าจนพัง

    ทั้งสองลงมาจากอากาศอย่างสง่างามและมองหน้ากัน

                “เอาหล่ะงั้นต่อเลยดีกว่า” เนียทาพองหยิบปืนคู่มาในมือแล้วบรรจุกระสุนเข้าไป

    อีกฝ่ายยักใหล่กวนๆเล็กน้อยจากนั้นรอบสองของทั้งคู่ก็เริ่มขึ้น

    ในสนามแห่งนี้ที่เป็นที่จับตาดูมากที่สุดคือ เอเซกุด และ องค์รักษ์ถึงสองคน แม้จะเป็นคู่ที่สูสีแต่ฝ่ายที่เสียเปรียบส่วนมากจะเป็นองค์รักษ์เหล่านั้น เอเซกุดได้ใช้พลังมาดอนขีดสุดเพราะคราวนี้อาวุธที่อีกฝ่ายมีนั้นทำให้พลังของมาดอนถูกดูดซับแม้ไม่ได้ทั้งหมดแต่ก็ไม่มากพอที่จะเผด็จศึกได้อย่างรวดเร็ว

                “ย้าก” กระบวนท่าการต่อสู้ด้วยมือเปล่ารับดาบของสองอัศวินได้อย่างง่ายดาย มืออันอ่อนล้าของทั้งสองที่เข้ามาโจมตีเพราะถูกเด็กผู้หญิงตัวเล็กโจมตีไปหลายรอบยังคงตั้งรับเธอ และ โจมตีเมื่อมีโอกาส หมัดของเธอมีพลังพอที่จะส่งพลังหมัดไปถึงอีกฝ่ายแม้จะเป็นห้าเปอร์เซนต์ของพลังมาดอนแต่ก็เป็นแรงที่สามารถล้มช้างได้หลายตัวเลยทีเดียว หากทั้งสองอัศวินไม่มีพาวเวอร์สโตนหล่ะก็คงจะนอนสลบอนาทไปนานแล้ว

                “เจ้าเด็กนี่น่ากลัวจริงๆ ขาดโดนรุมยังสามารถรับมือได้อีกด้วย” ราชผู้อาวุโสพูดปนชมเล็กๆ

                “เป็นอย่างนี้หากองค์รักษ์สองคนนั้นต้านไม่ไหวหล่ะก็ พวกเด็กนั่นก็จะพลิกเกมได้” ราชาอีกคนหนึ่งเสียงเครียด

    และก็เกิดขึ้น ในที่สุด เกราะ พาวเวอร์เดรนของทั้งสองอัศวินก็แตกราวกระจกเพราะไม่สามารถต้านพลังของเธอได้ พลังมาดอนที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล ทั้งสองอัศวินรีบหนีไปตั้งหลักและอีกสามคนก็รวมกลุ่มกัน กลายเป็นว่าเป็นฝ่ายองค์รักษ์ที่ต้องถอยมาตั้งหลักแทน

                “เอาหล่ะ จะยอมแพ้หรือยัง” เอถามอีกฝ่าย

    ทั้งห้าอัศวินมองหน้ากันและพึมพำตกลงอะไรบางอย่างอยู่

                “เราไม่มีทางยอมแพ้” หัวหน้าองค์รักษ์พูดออกมาจากภายในเกราะเหล็ก

    จากนั้นทั้งห้าคนก็ชูดาบขึ้นมา

                “โอ้ว ในที่สุดพวกเขาก็เอาจริงเสียที” เหล่าราชาพูดคุยกัน

                “นี่อาจเป็นจุดพลิกเกมเลยก็ได้นะ”

                “เจ้าเด็กพวกนั้นไม่รอดแน่หากพวกเขาทั้งห้าอยู้ด้วยกัน”

    “กระบวนท่าที่มีมานานในแอตแลนติส”

    “แดร์เพอร์ไซดอน เพลงดาบที่รุนแรงถึงชีวิต งานนี้คงจะหนักไม่น้อย” ราชาผู้อาวุโสคิดในใจ

    ในสนาม หลังจากที่ทั้งห้าได้ยกดาบขึ้นมา พื้นดินก็สั่นเสทือนจนยืนไม่อยู่ เด็กทั้งห้างุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเล็กน้อยก่อนจะสังเกตุเห็นน้ำภายนอกนครแอตแลนติสกำลังปันป่วน

    ตึง

    จู่ๆแรงดึงดูดของที่นี่ก็เพิ่มขึ้นหลายเท่า พวกเขาถูกดูดติดกับพื้นก่อนที่ชุดที่พวกเขาใส่จะปรับสภาพอัตโนมัติให้แรงดึงดูดนั้นพอดีกับพวกเขา

                “นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย” นาปากัซมองไปรอบๆ ลมที่หมุนแรงกระโชก แม้แต่ผู้ชมรอบสนามก็ยังต้องหลบออกจากการดวลครั้งนี้ แต่ก็ยังมีบางคนฝืนดูต่อไป

    น้ำเหนือหัวพวกเขาปั่นป่วนและหมุนวนเป็นพายุใต้น้ำขนาดใหญ่โตและมันกำลังทลวงเกราะฟองอากาศเข้ามา

                “รึว่าจะเกี่ยวกับเจ้าพวกนั้น” เนียทาพองบอก

                “มันแน่อยู่แล้ว เพิ่งรู้หรอ” คาร่าตะคอกใส่เสียงดุ

    เอ และ นาปากัซพยายามเข้าไปยุดแต่แล้วก็ไม่ทันมวลน้ำมหึมาที่ไหลเข้ามาเป็นเกราะป้องกันอย่างดี จากนั้นน้ำเหล่านั้นก็ได้ท่วมทั่วสนามต่อสู้ระดับน้ำคือหน้าอกของ เนียทาพอง ชุดของพวกเขาปรับให้พวกเขาลอยน้ำได้ทำให้ คาร่า และ เอเซกุด ลอยขึ้นมาแม้จะว่ายน้ำไม่เป็นก็ตาม

                ซูมมมมม

    อัศวินทั้งห้าในตอนนี้ได้อยู่ในมวลน้ำที่กำลังก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง พวกเขาขยับดาบซึ่งดูเหมือนจะเป็นการบังคับน้ำเหล่านั้น

                “นี่มันอะไรกันเนี่ย” คาร่ามองไปยังน้ำที่ก่อตัวจนสูงขึ้นเกือบห้าเมตร

                “นี่มัน เพอไซดอนไม่ใช่หรอ” เอมองไปยังน้ำที่ก่อตัวเป็นรูปร่างของชายร่างใหญ่ที่ถือตรีศูรอยู่ซึ่งรูปร่างหน้าตาเหมือนเพอไซดอนไม่มีผิด

                “นี่คือร่างของเผ่าพันธ์ แองเจอร่า เป็นรุ่นบรรพบุรุษเลยหล่ะ เล่ากันว่าตอนตายพลังงานของเขาก็กลายเป็นน้ำไปทั่วทั้งจักรวาล เจ้าพวกนี้มันจะทำอะไรกันแน่” คาร่าพึมพำ

    ไม่ทันที่จะได้คิด อัศวินทั้งห้าก็รำเพลงดาบ ร่างเพอไซดอนก็ขยับมาโจมตีพวกเขาอย่างรวดเร็ว คาร่าโดนหมัดของมันเข้าเต็มๆ

                “อั่ก” แรงน้ำนั้นมหาศาลจนคาร่าจุกแล้วกระเด็นไปขอบสนาม

    เด็กอีกสี่คนก็พร้อมสู้ต่างขวักอาวุธของตนเองเพื่อต่อสู้กับเพอไซดอนที่อัศวินทั้งห้าสร้างขึ้น

    เอ ตวัดดาบเข้าไปแต่ว่าดาบนั้นก็ผ่านน้ำไปไม่มีอะไรเกิดขึ้น และ เอ ก็โดนสวนกลับทันทีจนกระเด็นไปอยู่ที่โซนผู้ชม

                “แกต้องเจอนี่” เนียทาพองยิงขีปนาวุธเข้าไป แต่กลับมีน้ำพุ่งออกมาจากพื้นด้วยแรงดันสูงจนขปนาวุธเปลี่ยนทิศทางไปหาเขาเอง

                “เฮ้ย”

    ตูมมมมม

    เป็นครั้งแรกที่เนียทาพองโดนอาวุธของตนเองเล่นงานจนหมดสภาพ ซ้ำร้ายแรงอัดจากน้ำที่มาซ้ำเขาก็ยิ่งทำให้สติของเขาเกือบจะหลุดไป

    นาปากัซก็เช่นกัน เข้าพุ่งเข้าไปแล้วก็ทะลุออกมาเรื่อยๆจนเหนื่อยเอง ไม่มีทางที่เขาจะสามารถทำลายของเหลวได้หรอก เขาหลบการโจมตีของโพไซดอนได้ แต่ ก็ไม่สามารถโจมตีเพอไซดอนได้เช่นกัน

     ส่วนเอเซกุดนั้นก็ไม่ต่างจากนาปากัซหรือเอ ในขณะนี้พลังมาดอนไม่ได้ส่งผลมากนัก ซ้ำเธอยังเข้าขั้นเสียเปรียบอีกด้วย

                “ฮ่าๆๆ ยอมแพ้ซะเถอะ พวกเจ้าไม่มีทางชนะเพอไซดอน ผู้ทรงเป็นผู้สร้างแอตแลนติสได้หรอก” เหล่าราชาโห่ร้องกดดันให้พวกเขายอมแพ้

                “ไม่มีทาง” เอกัดฟันกรอดแล้วพุ่งตัวขึ้นเหนือศรีษะของโพไซดอนด้วยเครื่องร่อนไอพ่นอันเล็กด้านหลังของชุด เขาจับดาบอย่างมั่นคงแล้วตั้งเป้าหมายที่หัวหน้าองค์รักษ์ซึ่งอยู่ในส่วนกลางของศรีษะเพอร์ไซดอน

                ฟูมๆๆๆๆ

    น้ำที่พุ่งออกมาจากข้างบน ข้างล่าง และจากตัวของเพอร์ไซดอน  เอ พยายามหลบอย่างสุดความสามารถแต่ก็ไม่สามารถแม้จะเอื้อมไปแตะแม้แต่ร่างกายของ เพอร์ไซดอน

                “เจ้าพวกมนุษย์จากโลกภายนอกผู้โง่เขลา คิดจะเอื้อมมาแตะตัวเทพอย่างเพอไซดอน ยังเร็วไปอีกพันปี” ราชาคนหนึ่งตะโกนออกมาอย่างเหยียดหยาม

    เด็กทั้งห้าคน คาร่า ที่สลบไม่ได้สติ เอเซกุดที่หมดแรง นาปากัซ เนียทาพอง และ เอ ที่หมดกำลังใจ กำลังนั่งอย่างหมดกำลังใจต่อหน้าแทบเท้า เพอไซดอน

                “เราไม่มีทางจัดการมันได้เลยเหรอ” นาปากัซพูดเสียงสลด

                “เราทำอะไรมันไม่ได้เลย” เนียทาพองนั่งหอบ

                เอ มองไปยัง เพอไซดอน ที่ยืนอยู่อย่างผู้มีชัยที่อยู่ข้างหน้า สีหน้าจากเต็มไปด้วยความมั่นใจเป็นหมดความหวัง มืดแปดด้านจนอยากจะร้องไห้ ครั้งแรกที่ พวกเขา รู้สึกอย่างนี้ฃ

                “ฮ....ฮ...เฮ้พวก” เสียงสั่นเทาเรียกพวกเขา

    คาร่าที่ค่อยๆลุกขึ้นมาอย่างสั่นๆ เขานั่งลงแล้วมองไปยังรุ่นพี่ของเขาทุกคน

                “อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ” คาร่ายิ้มนิดๆ

                “นายไม่เห็นหรอ มันสามารถฆ่าเราได้เราได้เลยนะ” เนียทาพองตอบ

    เพียงเท่านั้นคาร่าก็ยิ้มและหัวเราะออกมาดังจนทำให้เหล่าราชามองพวกเขาอย่างงุนงง

                “ถ้ามันทำได้ ทำไมถึงไม่ทำตอนนี้เล่า”

    และแล้ว เด็กทั้งสี่ที่หมดหวังก็นึกขึ้นมาได้ ทำไม เพอไซดอนที่สามารถจัดการพวกเขาได้ในตอนนี้ถึงไม่ฆ่าพวกเขาเสียเลยหล่ะ และแล้วทั้งสี่ก็สนใจฟังคาร่าขึ้นมาทันที

                “เผ่าแองจีว่าหน่ะ มีกฏคือห้ามทำร้ายสิ่งมีชีวิตหากไร้ซึ่งเหตุผล..เพอไซดอนที่แม้ร่างกายจะสลายแต่จิตวิญญาณหรือพลังงานก็ยังคงอยู่ต่อไปโดยยึดกฏนี้อยู่ ดังนั้น เพอไซดอนจึงฆ่าเราโดยตรงไม่ได้ หากแต่ถ้าเราโจมตีไปเราก็จะเหนื่อยตายหรือบาดเจ็บตายเอง ดังนั้นเรายังปลอดภัยหากอยู่นิ่งๆ”

                “แต่ยังไงเราก็ไม่สามารถชนะเพอไซดอนได้หรอก” นาปากัซพูด

                คาร่ายิ้มอีกครั้ง สายตาเต็มไปด้วยประกายแห่งความมั่นใน

                “คู่ต่อสู้ของเราไม่ใช่ เพอไซดอนซักหน่อย แต่เป็นเจ้า อัศวินห้าคนที่บังคับน้ำซึ่งมาจากมิตินี้ ดูเหมือน พลังงาน ของเพอไซดอนจะเป็นคนสร้างมิตินี้มา เจ้าน้ำพวกนั้นเลยมีพลังมากกว่าปรกติด้วย” คาร่าวิเคราะห์จากนั้นก็ทำท่าครุ่นคิดแปปหนึ่ง

                “คิดออกแล้ว” คาร่าดีดนิ้วก่อนจะไปหาเนียทาพอง

                “เอาปืนของนายออกมาให้หมด” คาร่าสั่ง

    เนียทาพองงงเล็กน้อยแต่ก็นำปืนทั้งหมดออกมาตามคำของคาร่า

    คาร่าได้นำเอาอาวุธเหล่านั้นมาชำแหละออกจนหมด แยกชิ้นส่วนต่างๆออกแล้วใช่ปากกาของเขาที่ซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นเครื่องมือช่างมางัดแงะเติมต่อจนเป็นรูปเป็นร่าง

                “นายทำอะไรหน่ะ” เนียทาพองหน้าหวอเมื่อเห็นคาร่างัดแงะอาวุธของเขาที่เก็บตังค์ซื้อมาตั้งแต่เด็กจนไม่เหลือชิ้นดี

    แต่ตอนนี้คาร่ากำลังใช้สมาธิอยู่จึงไร้เสียงตอบรับใดๆ ในสนามไม่มีการต่อสู้เกิดขึ้น โพไซดอนน้ำก็อยู่นิ่งๆ เด็กทั้งห้าก็กำลังรวมหัวทำอะไรก็ไม่รู้ เหล่าพระราชาที่เห็นดังนี้ก็โมโหมากอยากดูจุดจบของเด็กพวกนั้นเร็วๆ จนบางคนต้องระบายอารมณ์โดยการลงไม้ลงมือกับข้าวของรอบข้างอย่างไม่เกรงใจ

    แกรก

    ชิ้นส่วนสุดท้ายเสร็จสิ้น คาร่านำมันมาให้ทุกคนดู เป็นปืนขนาดพอดีมือสองกระบอก มีลายสีแดงหนึ่งกระบอกและสีฟ้าหนึ่งกระบอก ส่วนอีกอันเป็นปืนขนาดใหญ่ที่มีปากใหญ่เป็นพิเศษราวเครื่องดูดฝุ่น

                “นี่คืออะไร” เอ ถาม

                “สีแดงคือปืนที่ทำให้น้ำนั่นระเหยได้ส่วนสีฟ้าทำให้แข็งและเจ้าปืนอันใหญ่นี่คือปืนกักเก็บหน่ะ” คาร่าอธิบาย

                “ปืนไฟกะน้ำแข็งฉันก็มีนายยยแกะให้เละทำไม” เนียทาพองโวยวายหัวเสีย

                “นี่น้ำในมิตินี้มันไม่ธรรมดานะ มันเปลี่ยนสถานะแบบปรกติไม่ได้ต้องมีตัวแปรอื่นมาช่วย” คาร่าตอบ

    เนียทาพองกอดอกอย่างหัวเสีย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ อีกอย่างปืนพวกนั้นเดี๋ยวเขาก็ประกอบใหม่ก็ได้

                “นายนี่เก่งจริงๆ”  เอชม

                “อยู่แล้ว” เขาขยับแว่นเล็กน้อย

                “แล้วจะทำยังไงดีคะ” เอเซกุดถาม

                “เราจะใช้ปืนสองกระบอกแรกทำให้น้ำพวกนั้นเปลี่ยนสถานะแล้วก็เก็บมันในปืนใหญ่นี่ เพราะเจ้าปืนนี้คือปืนหลุมดำ ดูดแล้วคงไม่กลับมาหรอก” คาร่าอธิบายแผนการ

                “เอาหล่ะ งั้นเราก็มีสิทธิชนะ นาปากัซ กับ เนียทาพอง นายสองคนใช้ปืนสองกระบอกนั่น ส่วนฉันจะเตรียมเจ้าปืนหลุมดำนี่เอง” เอสั่งจากนั้นพวกเขาก็เริ่มแผน

    ราชาทั้งสิบสองเห็นเด็กพวกนั้นสู้ก็รู้สึกแปลกใจอย่างมาก ทั้งคิดว่าพวกเขานั้นโง่สิ้นดี

                “ย้าก” ไฟของปืนทำให้น้ำระเหยได้อย่างรวดเร็ว และ น้ำแข็งก็ทำให้มันแข็งจนเป็นน้ำแข็ง หลังจากเปลี่ยนสภาพจึงทำให้มวลของโพไซดอนหายไป ความร้ายกาจก็หายไปเรื่อยๆ เอ ก็ใช้ปืนหลุมดำดูดมวลทุกอณูเข้าไป กลายเป็นฝ่ายอัศวินที่เสียเปรียบ แม้จะโต้กลับได้บ้างแต่พลังก็ลดลงเรื่อยๆ

                “เป็นไปได้ยังไงกัน” เสียงฮือฮาของเหล่าราขาดังขึ้น

    และแล้วมวลน้ำก็หายไป เหล่าอัศวินทั้งห้าก็ร่วงลงมา

                “พี่ๆทำหนูแสบมากเลยนะคะ” เอเซกุดหักนิ้วลเผยรอยยิ้มที่น่ากลัวดั่งปิศาจ

    เหล่าอัศวินผวาและรีบหนีออกไป  เหล่าผู้ชมที่ยังอยู่ดูก็อึ้งสักพัก และเสียงปรบมือเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น เป็นเสียงปรบมือของ ราชาผู้อาวุโสที่สุด ตามมาด้วยเสียงปรบมือจากผู้ชม

                “และผู้ชนะครั้งนี้ก็คือ เหล่าเด็กจากโลกภายนอกนั่นเองงงง” เสียงของราชาอาวุโสป่าวประกาศและแสดงความยินดี แต่หารู้ไม่ว่ามีบางคนกำลังสาปแช่งอยู่ในใจด้วยสายตาเกลียดชัง

                “ข้าจะไม่ทนกับท่านอีกต่อไปแล้ว” ผู้นั้นคิด

    .....................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×