คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตำนานทะเลแห่งความตาย เดดซี
บทที่สาม: ตำนานทะเลแห่งความตาย เดดซี
“หนูไปก่อนนะคะ” ลอเรียเดินไปอำลาพ่อและแม่ของเธอก่อนจะออกเดินทาง พวกเขาใส่ชุดพร้อมออกภารกิจแน่นอนว่ายกเว้น นาปากัซ พวกเขามุ่งหน้าไปยังยานเพื่อเปลี่ยนให้มันเป็นเรือดำน้ำในการเดินทาง เมื่อถึงที่ เอ อาษาไปคุยกับเจ้าหน้าที่ที่นั่นและก็ได้รับอนุญาติกลับมา จากยานอวกาศสีดำกลายเป็นเรือดำน้ำสีน้ำเงินเพื่อพลางจากศัตรู
ทั้งหกเข้าไปในยานเพื่อออกเดินทางภายในน้ำมุ่งตรงไปยังจุดหมาย ภาคกลางของดาวดวงนี้
“นี่ที่นั่นอันตรายมากเลยนะ” ลอเรียบอกขณะนั่งอยู่ในห้องโดยสารให้กับเพื่อนของเธอฟัง
“ทำไมหรอ” เนียทาพองถาม
“ที่นั่นเป็นที่ๆเรียกว่า DEAD SEA” เธอบอกซึ่งทำให้ เอ นึกถึง เดดซี บนโลก
“คงจะเค็มมาก”เขาคิดในใจ
“ที่นั่นมีแต่อสุรกายใต้ทะเลทั้งนั้น ดุมากด้วย” ลอเรียอธิบายต่อ
“งั้นดูเหมือน ชุด กับ ของเล่นที่เธอซื้อคงจะต้องโดนเขมือบไปด้วยแน่เลย” เนียทาพอง แซว เอเซกุด
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะหนูกะไว้แล้วหนูเลยให้ไปส่งที่ป้อมปราการ HEXAGON เลย” เธอยิ้มและยืดอกในความฉลาดของเธอ
การเดินทางเป็นไปอย่างเรื่อยๆเพราะกฏหมายห้ามวาร์ปทำให้ต้องเสียเวลาและพลังงานของยานยิ่งเดินทางเท่าไรก็ยิ่งลึกขึ้นเท่านั้น ปาการัง และ กุ้ง หอย ปู ปลา ก็เริ่มหายไป ภายนอกนั้นหนาวขึ้นและมืดขึ้นเรื่อยๆแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับยานดำน้ำนี้แต่ที่จะเป็นปัญหาเพราะยังไม่ถึงครึ่งของระยะทางก็เริ่มมีซากสัตว์น้ำที่ถูกทำร้ายตายจมอยู่ใต้ทะเลสัตว์เล็กก็รุมกินซากศพน่าสอิดสะเอียนมากและความลึกตอนนี้ก็เกือบจะแตะพันเมตรแล้วซึ่งมีทีท่าว่าจะลึกต่อไปอีกความดันภายนอกตอนนี้ก็เยอะมากหากออกไปโดยไร้ชุดคงจะยิ่งกว่ากระป๋องที่โดนสิบล้อทับ
“ใกล้รึยัง” เอ ถาม คาร่า
“ยังคงจะอีกสักพักน่าจะพรุ่งนี้เช้าถึง” เขาตอบ
“ดาวดวงนี้ใหญ่จริงๆ”เนียทาพองบ่น
ฟูม
เงาดำขนาดใหญ่เคลื่อนตัดหน้ายาน ยานเองก็ส่งสัญญาณเตือนอันตรายเช่นกันและวิเคราะห์สัตว์ร้ายตัวนี้
“แบล็คฟิช สัตว์น้ำขนาดเท่ารถสิบล้อสามคันใหญ่เท่าตึกสามชั้น เกร็ดหนาสามสิบนิ้ว อันตราย กินเนื้อ” คอมพิวเตอร์รายงาน
“ทำไงดี” เอเซกุดถาม เอ
“ลอเรีย กับ นาปากัซ นั่งประจำตำแหน่งอาวุธ ส่วนฉัน กับ เนียทาพองจะไปจัดการมันข้างนอก ถ้าพวกเราเอาไม่อยู่ เธอค่อยเข้ามาช่วยนะ เอเซกุด” สิ้นเสียงของ เอ ทุกคนก็ทำตาม เอ และ เนียทาพองเตรียมความพร้อมของชุดแล้วออกไปเผชิญหน้ากับมัน
“ตัวใหญ่มาก” เออุทานเมื่อเห็นตัวของมันจริงๆ
“ต้องใช้เจ้านี่” เนียทาพองนำปืนมิซไซล์กลยิงใส่ตัวของมันและก็โดนเข้าอย่างจังแต่กลับไม่เป็นอะไรแค่เสียหลักเล็กน้อยเท่านั้น
“เกร็ดหนาสินะ” เอคิดและสิเคราะห์ศัตรูครู่หนึ่ง
“ใช่แล้วตามัน” เอคิดออกแล้ววาร์ปดาบบีมมาในมือก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปที่ส่วนหัว
แต่ทว่าเมื่อเข้าไปดูใกล้ๆกลับพบว่ามันไม่มีตาแม้แต่น้อยเพราะเป็นสัตว์ในความมืดจึงใช้เสียงในการเคลื่อนที่
“ไร้จุดอ่อนหรอเนี่ย” เอ เจ็บใจเล็กน้อยก่อนจะหลบหางที่มันตวัดมา
เนียทาพองเปลี่ยนอาวุธเป็นสนับมือหัวสว่านเข้าไปประชิดแต่ว่ามันกลับไวกว่านอกจากนี้ยังมาเพิ่มอีกเป็นฝูงด้วยตอนนี้ยานดำน้ำถูกล้อมเอาไว้แล้ว
“ให้หนูออกไปช่วยมั้ยคะ” เอเซกุดถามผ่านวิทยุ
“ยังแต่ช่วยยิงหน่อย” เอตอบ
ยานดำน้ำเริ่มยิงกลับซึ่งเป็นกระสุนเลเซอร์ความร้อนสูงและด้วยจำนวนพลังงานที่มากทำให้ปลาพวกนั้นเกิดบาดแผล
“อ๋อพวกแพ้ความร้อนสินะ” เอยิ้มแล้ววาร์ปดาบเลเซอร์มาในมือพร้อมกับเนียทาพองที่ใช้ปืนเลเซอร์ร้อน
เอ เข้าไปฟันพวกมันเพียงแค่ตวัดก็ทำให้มันผ่าครึ่งไปได้ เนียทาพองยิงสวนก็ทะลุลำตัวอย่างง่าย
“ปลาพวกนี้ทนความเย็นได้ แต่ทนความร้อนไม่เป็นสินะ” เนียทาพองพูดขณะที่กราดยิงปลาเหล่านั้นแต่ก็ไม่หมดเสียที
สักพักพวกมันก็หนีกลับทั้งฝูง
“กลัวเราแล้วสินะ”เนียทาพองพูด
คาร่าที่อยู่ในยานรู้สึกแปลกใจอย่างมากที่พวกมันหนีไปง่ายๆ เขาเปิดดูเรดาร์ก็พบว่ามีบางอย่างกำลังพุ่งมาทางนี้
“เดดวอเทอดรากอน เลื้อยคลาน กินเนื้อ ลำตัวยาวและแข็งมีพิษ” ข้อมูลของศัตรูตัวใหม่ปรากฏขึ้น
ฟรูมมมม
ร่างของงูยักษ์สีดำมีดวงตาสีแดงเขี้ยววาวแสดงตัวให้เห็นมันเริ่มจู่โจม เอ และ เนียทาพอง ด้วยการฉกพวกเขายิ่งสภาพอยู่ในน้ำแรงดันสูงทำให้พวกเขาหลบช้ากว่าปรกติเกือบเท่าตัว เอ และ เนียทาพองโดนโจมตีบาเรียที่คุ้มกันอยู่ก็เริ่มอ่อนกำลังลง ปืนที่ยิงใส่ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผล
“ช่วยหน่อย เอเซกุด” เอพูดผ่านวิทยุสื่อสาร
ทันใดนั้นสาวน้อยก็ออกมาจากยานชาร์จพลังเต็มที่ไปที่หมัดของเธอ
“ย้าง”
หมัดของเธออัดเข้าตรงหน้าผากของมันอย่างจังด้วยพลังเกือบร้อยเปอร์เซนต์ที่เธอทุ่มไปทำให้งูยักษ์หลับเป็นตายร่วงลงใต้น้ำ
“เรียกหนูแต่แรกก็หมดเรื่อง” เธองอน
“เอาเถอะหมดเรื่องแล้วก็ดีเข้ายานเถอะ” เอยิ้ม
“ระวัง” เสียงเตือนจากคาร่าดังออกมาแต่ไม่ทัน เจ้างูยักษ์ใช้แรงเฮือกสุดท้ายฝากรอยแผล และ พิษเข้าที่ขาของเอ
พิษที่เข้าไปทำให้เขาหน้ามืดสิ่งรอบตัวเลือนหายอย่างรวดเร็วแล้วเขาก็หลับไป
เนียทาพองเข้าไปรับเขาและพาเข้าไปในยาน
“ลอเรียมียามั้ย”
“ต้องผสม” ลอเรียรีบขว้าหนังสือมาจากกระเป๋ามิติแล้วหยิบขวดยามาสิบกว่าอย่างจากนั้นก็เปิดหนังสือเล่มหนา
“เปิดไปที่ยาแก้พิษของ เดดวอเทอดรากอน” ทันใดนั้นหนังสือก็เปิดเองไปยังหน้าที่ต้องการจากนั้นเธอก็เริ่มผสมยาอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้พิษลุกลาม
“เสร็จ” เธอนำยาที่ผสมเสร็จกรอกปาก เอ ทั้งหมด สักพักเขาก็เริ่มได้สติ
“โอย รอดแล้วแฮะ” เอยืนทั้งๆที่ไม่ค่อยตรงท่ามกลางความโล่งอกของทุกคน
“นี่แค่ทางเข้าของ เดดซี นะ ต่อไปคงจะของจิง” คาร่าจับคันบังคับอย่างแน่นแล้วเริ่มเดินทางต่อ
มันมืดขึ้นเรื่อยๆลึกขึ้นเรื่อยๆซากศพมากขึ้นเรื่อยๆไม่มีท่าทีจะหมดหรือน้อยลง
ปิ้บๆๆๆ
เสียงเตือนดังขึ้นอีกครังเพราะข้างหน้าก็มีสัตว์น้ำตัวใหญ่พร้อมหนวดมากมายของมัน
“คราเคน กินเนื้อ ขนาดตัวแล้วแต่อายุ” สิ้นเสียงของข้อมูลมันก็เริ่มขยับร่างกาย
“ให้จัดการกับเจ้าหนวดนี้แพ้แน่มันมีตั้งหลายหนวด” เนียทาพองประเมิน เอเซกุด ก็ดูเหมือนจะกลัวปลาหมึกซะงั้น
“คอมพิวเตอร์บอกจุดอ่อน” เอถาม
“แสง วัตถุที่ใหญ่กว่า” คอมพิวเตอร์ตอบ
“เออเนอะ ลืมไปเลย”คาร่าหัวเราะเจื่อนๆก่อนจะปรับแสงไฟจนสว่างจ้าทำให้มันหนีไป
“นายนี่ชอบลืมเรื่องเล็กๆน้อยๆอยู่เรื่อยเลยนะ” ลอเรียต่อว่า
ต่อจากนั้นความกลัวก็หายไปเมื่อรู้ถึงจุดอ่อนของแต่ละตัวทั้งปลายักษ์ต่างๆหลายชนิดหรือแม้กระทั่งปูยักษ์แต่แล้วพวกเขาก็เจอกับทางแยก
“อะไรเนี่ย” คาร่าเซ็งเขาอยากจะถึงจุดหมายเร็วๆอยู่แล้วยังต้องเจอปัญหาอีก
“นี่คือเขาวงกตทางแยก” ลอเรียพูดขึ้นท่ามกลางความเครียด
“มีนิทานเก่าแก่ของที่นี่เกี่ยวกับมัน” เธอพูดต่อ
“อัศวินคนหนึ่งในชุดเกราะสง่างามมีภารกิจในการพิชิตมังกรร้ายแห่งทะเลลึกเขาได้เดินทางมาถึงถ้ำของมันการต่อสู้ได้เริ่มขึ้นอัศวินสามารถปราบมังกรร้ายนั้นได้ แต่ทว่าเขากลับไม่สามารถทำลายไข่ของมันได้จึงต้องสร้างเขาวงกตที่ซับซ้อนจากหินในถ้ำไม่เคยมีใครออกมาได้นอกจากอัศวินคนนั้นมันถูกสร้างมาเพื่อขังมังกรร้ายไม่ให้ออกมาอาละวาดผู้อื่นได้”
ทุกคนใช้ความคิด แล้วจะรู้ทางไปได้ยังไงนะ เอมองไปยังผนังหินณใจกลางทางแยก
วิ้ง
“คาร่าฉายไปตรงนั้นที” เอ บอกและก็เห็นคำสลักบนนั้น
“ภาษาอะไร” เอ สงสัยเขาไม่เคยเห็นมาก่อน
“ภาษาของพวกแอตแลนติส” คาร่ามองแวปเดียวก็รู้เขาถอดภาษาพวกนั้นในสมองแล้วประมวณมาเป็นภาษาตอนนี้
“ทางเข้าสู่แอตแลนติสยินดีต้อนรับระวังมังกร ภาษาคาบาน่า” เขาถอดออกมา
“ภาษาคาบาน่าเหรอ” เอ นึกออกแล้วเขียนเลขหนึ่งกับศูนย์
“ฉันเห็นมันจากหนังสือรวมภาษาโบราณหน่ะ นี่ใช่มั้ย”
“ใช่แล้ว”คาร่าตอบถึงจะรู้ว่ามันคืออะไรแต่ก็ไม่รู้ว่า หนึ่งกับศูนย์เกี่ยวกันยังไงอยู่ดี
“ฉันว่าทางมันไม่เท่ากันนะดูเหมือนทางซ้ายจะแคบกว่าหน่อย” นาปากัซบอก
“ใช่แล้ว แคบคือ ศูนย์ กว้างคือ หนึ่ง” คาร่านึกออกทันทีจากนั้นเขาก็อนุมานว่าจะต้องเขียนภาษาคาบาน่าให้แปลว่า ทางเข้าสู่แอตแลนติสยินดีต้อนรับระวังมังกร แน่นอน”
แต่ภาษานี้ต้องใช้เวลาแปลนานและต้องแกะตัวอักษรซึ่งหนึ่งตัวก็เกือบจะสิบเลขแล้วแต่ว่าระดับไอคิวของคาร่าได้แปลออกเรียบร้อยในหนึ่งวินาทีแล้วมุ่งหน้าไปทางขวาในเขาวงกตมีสองทางแยกเสมอมีการหลอกสลับที่แคบไปมาแต่ก็หลอกคาร่าไม่ได้เข้าเลี้ยวไปมาอย่างชำนาญ จนทำให้ผู้โดยสารบางคนเมาเรือทั้งทางที่คดเขี้ยวและมืดมากจนต้องปรับไฟในระดับสูงสุดข้างผนังมีขอบแหลมคอยทิ่มแทงจึงต้องหลบให้ดี คาร่าใช้สมาธิอย่างมาก ผ่านไปหลายชั่วโมงก็ยังไม่ผ่านเสียที
“นี่ไอ้ค่คำต้อนรับมันใช้กี่ตัวเลขเนี่ย” นาปากัซโวยหลังจากอ้วกต่อกันสามรอบ
“เกือบสามร้อย” คาร่าตอบเครียดๆ
ยานหลบหลีกทั้งสิ่งกีดขวางและเลี้ยวลอดไปยังทางในที่สุดพวกเขาก็เห็นแสงสว่างเสียที
ฟุบ
ยานหลุดออกมาตรงหน้าคือแสงส่วนที่ลอดออกมาพวกเขาเคลื่อนยานไปเพื่อจะออกจากปากถ้ำ
“ทำไมที่นี่มันใหญ่กว่าปรกตินะ” เนียทาพอง สังเกตุรอบข้างที่กว้างขวางใหญ่โตผิดปรกติทั้งๆที่เมื่อกี้ยังเป็นเพียงช่องทางเล็กแคบอยู่
“ฉันว่าได้คำตอบแล้วหล่ะ” นาปากัซ ชี้ไปยังก้นถ้ำ
พวกเขามองตามนิ้วของ นาปากัซ ที่ยังคงนิ่งตาค้างเหมือนกับท่อนไม้
ร่างของสัตว์ลำตัวสีน้ำเงินอมดำขนาดใหญ่รูปร่างของหน้าตาเหมือยกับมังกรแต่ลำตัวกลับเหมือนงูมากกว่าคมเขี้ยวที่ยาวน่ากลัวสะท้อนแสงแวววับและที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือหัวของมันมีมากมายเหลือเกินและยังคงนอนหลับอยู่ในทะเลแห่งนี้
“นั่นมัน มังกรที่อยู่ในนิทานนี่นา” ลอเรียอุทาน
“งั้นก็ดูเหมือนมันจะไม่ใช่แค่นิทานแล้วหล่ะ” เอ กล่าว
สักพักยานก็เคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆเพราะไม่อยากให้มันตื่นแม้แต่น้อย แต่แล้วก็เกิดเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้นอยู่ๆยานก็มีเสียงเตือนดังขึ้น
“เฮ้ย ไอ้ยานบ้านี่” คาร่า เหวี่ยง
เสียงเตือนของยานแม้จะเบาแต่ก็ไม่สามารถเบาพอที่จะไม่ให้อสูรน้ำหลายหูนี้ได้ยิน
“มันตื่นแล้ว” เอเซกุดร้อง
“คอมพิวเตอร์ จุดอ่อน” เอ ถามคอมพิวเตอร์ของยาน
“ไร้ข้อมูลเชิงลึก เป็นสัตว์ในตำนานของยูโทร่านาม เดดซีดราก้อน ไร้จุดอ่อน ไร้สถิติ ไร้ที่มา”
เป็นข้อมูลของสัตว์ร้ายตัวนี้
“คงจะต้องเข้าไปจัดการมันด้วยตัวเองแล้ว” เนียทาพองบอกกับ เอ ซึ่งเจ้ามังกรร้ายนั้นก็ลอยตัวอยู่ต่อหน้ายานเสียแล้วและแค่ขนาดของหัวของมันก็ใหญ่กว่ายานของพวกเขาเสียแล้ว
“ยังไงก็ห้ามให้ยานเสียหาย ไปลุยมันเลย” พูดจบ เอ เนียทาพอง และ เอเซกุด ก็ออกไปเผชิญหน้ากับมัน
“เอาไงดีหล่ะ ตัวมันใหญ่เกินไป” เนียทาพอง ถาม เอ
“เราล่อความสนใจมันก่อนให้ เอเซกุด เตรียมพลังจนถึงสุด”
จากนั้น เอ และ เนียทาพองก็พุ่งเข้าใกล้มันมากขึ้น ยานดำน้ำถอยห่างและเตรียมยิงส่วน เอเซกุด ก็กำลังรวมพลังมาดอนอยู่
เอ วาร์ปดาบเสเซอร์มาสองอันในมือทั้งสองข้างเข้าประชิด ส่วน เนียทาพองก็เลือกใช้ ปืนใหญ่บีมกล ซึ่งเป็นอาวุธหนักที่เกือบจะผิดกฏหมายการใช้แต่ละครั้งต้องขออณุญาติจาก รมต.ทั้งหกเองภพในเครือ HEXAGONALIA และ ผบ.สูงสุดของ HEXAGON แต่ครั้งนี้เขาไม่สนและยังวาร์ปมาสองอันเสียด้วย ด้วยน้ำหนักแต่ละกระบอกเกือบตันแต่แรงลอยตัวของทะเลลึกขนาดนี้ก็ทำให้เหมือนกับแบกอากาศอยู่อย่างไรอย่างนั้น
เอ พุ่งเข้าไปประชิด แต่ไม่ง่ายนักหัวของเจ้าสัตว์ยักษ์นี้มีมากมายเป็นสิบอาจแตะยี่สิบหัวขนาดยักษ์พุ่งโจมตีเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเขาก็พยายามหลบไม่ให้มันโดนเขาการหลบหัวเหล่านี้ทำให้เขาเกือบจะอยู่กับที่ไม่ได้ไปไหนอีกทั้งมันยังสามารถงอกหัวออกมาใหม่ได้อย่างรวดเร็วแม้จะฟันหัวมันไปก็ตาม
ซูมๆๆๆๆๆๆๆๆ
เสียงรัวบีมขนาดใหญ่ยิงใส่ช่วงลำตัวของของอสูรน้ำตัวนี้แต่กลับไม่เกิดแม้แต่รอยไหม้ ลำตัวของมันยังดูดซับบีมนั้นได้อีกด้วย
“อะไรเนี่ย” เนียทาพอง สบถอย่างอารมณ์เสีย
การรุกกลับของอสูรน้ำก็เริ่มขึ้นเมื่อ เอ และ เนียทาพองเริ่มหมดแรงและกำลังใจ หัวทุกหัวของมันอ้าปากใหญ่เล็งมาทางพวกเขา คลื่นน้ำขนาดใหญ่รอการยิงเมื่อมันพร้อม
“ไปเลย” เอ ส่งสัญญาณให้ เอเซกุด เพื่อโจมตีในขณะที่การป้องกันของมันอ่อนที่สุด
ฟูม แรงน้ำที่เกิดจากการกระทบจากหมัดเล็กๆของเอเซกุดกับหนึ่งในศรีษะของอสูรน้ำทำให้ร่างของทุกคนกระเด็นไปส่วนในยานก็โคลงเคลงมากเช่นกัน
เอเซกุด รอดูผลงานของตน
กรรรร
อสูรน้ำคำรามอย่างอารมณ์เสีย พลังมาดอน ไม่สามารถโค่นเจ้านี่ได้และมันยังโกรธจัดมากอีกด้วยมันอ้าปากจะเขมือบ เอเซกุด
“หลบไป” เอ พุ่งไปผลัก เอเซกุดอย่างแรงจนผ้นเขตของปากมันจากนั้นเขาก็ถูกเจ้าปีศาจนั้นกลืนเข้าไปต่อหน้าต่อตาทุกคน
“เฮ้ย” ทุกคนตะโกนและอึ้งกับเหตุการ์ณตรงหน้าแต่การต่อสู้ยังไม่จบพวกเขายังต้องจัดการมันเพื่อภารกิจและแก้แค้นให้กับเพื่อนของพวกเขา ลำแสงจากปืนของยานยิงใส่มันบวกกับปืนของ เนียทาพอง แต่กไม่ได้ผลมากมายนักมันตั้งท่าจะโจมตีอีกรอบหนึ่งมันอ้าปากของมันเพื่อจะจัดการพวกเขาไปในครั้งเดียวและพวกเขาเองก็หมดกำลังใจในการสู้กับมันแล้ว
วูปปป
จู่ๆมวลน้ำที่มันรวบรวมก็หายไปช้าๆมันเริ่มมีอาการผิดสังเกตมันเกร็งร่างกายจนหงิกงอและร้องคำรามเสียงสูงดังจนแสบแก้วหู
“เกิดอะไรขึ้นนะเนี่ย” คาร่าคิดในใจเมื่อเห็นอาการและสีหน้าที่เจ็บปวดของมัน
“รึว่า” ช่วงที่ คาร่า คิดคำตอบออกแสงสีแดงจากเลเซอร์ที่คว้านท้องของสัตว์อสูรตัวนั้นจนทำให้ตัวของมันขาดเป็นสองท่อนผู้เป็นเจ้าของผลงานก็คือ เอ นั่นเอง แม้เขาดูจะเหนื่อยหอบนิดหน่อยแต่ก็ยิ้มออกมาได้พร้อมกับความดีใจของทุกคน
จากนั้นผู้อยู่นอกยานก็กลับเข้าในยาน
ตึกตักๆ
เสียงวิ่งด้วยความดีใจของ ลอเรีย เข้ามาหา เอ แล้วโผกอดต่อหน้าทุกคน
“ดีจริงๆที่นายไม่เป็นอะไร” ลอเรียดีใจจนน้ำตาซึม
“ไม่เป็นไร ฉันรอดแล้วหล่ะ” เขากอด ลอเรียแน่น
“หนูบอกแล้วว่าสองคนเนี้ยกิ๊กกัน” เอเซกุดมองทั้งสองคนอย่างเจ้าเลห์
“ฉันเชื่อแล้วหล่ะ” เนียทาพอง และ นาปากัซพยักหน้าเห็นด้วย
ทั้งสองคนก็ปล่อยตัวออกจากกัน
“เปล่านะแค่เป็นห่วงเฉยๆ” ลอเรียบอก
“นี่จะไร้สาระกันอีกนานมั้ย” คาร่าวัยสิบขวบดุรุ่นพี่แต่ลึกๆเขาก็ยินดีที่ เอ รอดมาได้
ยานนั้นได้เดินทางผ่านรูเพื่อไปหาต้นตอของแสง
ในนั้นคือโพรงขนาดยักษ์เช่นกันเพียงแต่ไร้ซึ่งมังกรทะเลนั่นแล้วในนั้นเป็นถ้ำปิด
“แสงมาจากไหนกันข้างบนก็ไม่มีรูหนิ” นาปากัซสงสัย
“นั่นไงหล่ะ” คาร่าชี้ไปยังรูมิติที่ฉีกน้ำจนเป็นรูกว้างซึ่งมันส่องแสงจ้าออกมา
“รูมิติสินะ” เอ พูด
“ใช่ ทางเข้าของเผ่า แอตแลนติสที่สูญหายจาก เอกภพ มาหลบอยู่ในมิติลึกลับที่ต้องผ่านทะเลนี่เท่านั้นจึงจะมาได้คงจะมาได้ไม่นานมิติยังขาดอยู่” คาร่าวิเคราะห์แล้วนำยานเข้าไปในรูฉีกของมิติทันที
............................
ความคิดเห็น