ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Universe Story II

    ลำดับตอนที่ #3 : ตำนานทะเลแห่งความตาย เดดซี

    • อัปเดตล่าสุด 20 ต.ค. 57


    บทที่สาม: ตำนานทะเลแห่งความตาย เดดซี

    “หนูไปก่อนนะคะ” ลอเรียเดินไปอำลาพ่อและแม่ของเธอก่อนจะออกเดินทาง พวกเขาใส่ชุดพร้อมออกภารกิจแน่นอนว่ายกเว้น นาปากัซ พวกเขามุ่งหน้าไปยังยานเพื่อเปลี่ยนให้มันเป็นเรือดำน้ำในการเดินทาง เมื่อถึงที่ เอ อาษาไปคุยกับเจ้าหน้าที่ที่นั่นและก็ได้รับอนุญาติกลับมา จากยานอวกาศสีดำกลายเป็นเรือดำน้ำสีน้ำเงินเพื่อพลางจากศัตรู

    ทั้งหกเข้าไปในยานเพื่อออกเดินทางภายในน้ำมุ่งตรงไปยังจุดหมาย ภาคกลางของดาวดวงนี้

    “นี่ที่นั่นอันตรายมากเลยนะ” ลอเรียบอกขณะนั่งอยู่ในห้องโดยสารให้กับเพื่อนของเธอฟัง

    “ทำไมหรอ” เนียทาพองถาม

    “ที่นั่นเป็นที่ๆเรียกว่า DEAD SEA” เธอบอกซึ่งทำให้ เอ นึกถึง เดดซี บนโลก

    “คงจะเค็มมาก”เขาคิดในใจ

    “ที่นั่นมีแต่อสุรกายใต้ทะเลทั้งนั้น ดุมากด้วย” ลอเรียอธิบายต่อ

    “งั้นดูเหมือน ชุด กับ ของเล่นที่เธอซื้อคงจะต้องโดนเขมือบไปด้วยแน่เลย” เนียทาพอง แซว เอเซกุด

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะหนูกะไว้แล้วหนูเลยให้ไปส่งที่ป้อมปราการ HEXAGON เลย” เธอยิ้มและยืดอกในความฉลาดของเธอ

    การเดินทางเป็นไปอย่างเรื่อยๆเพราะกฏหมายห้ามวาร์ปทำให้ต้องเสียเวลาและพลังงานของยานยิ่งเดินทางเท่าไรก็ยิ่งลึกขึ้นเท่านั้น ปาการัง และ กุ้ง หอย ปู ปลา ก็เริ่มหายไป ภายนอกนั้นหนาวขึ้นและมืดขึ้นเรื่อยๆแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับยานดำน้ำนี้แต่ที่จะเป็นปัญหาเพราะยังไม่ถึงครึ่งของระยะทางก็เริ่มมีซากสัตว์น้ำที่ถูกทำร้ายตายจมอยู่ใต้ทะเลสัตว์เล็กก็รุมกินซากศพน่าสอิดสะเอียนมากและความลึกตอนนี้ก็เกือบจะแตะพันเมตรแล้วซึ่งมีทีท่าว่าจะลึกต่อไปอีกความดันภายนอกตอนนี้ก็เยอะมากหากออกไปโดยไร้ชุดคงจะยิ่งกว่ากระป๋องที่โดนสิบล้อทับ

    “ใกล้รึยัง” เอ ถาม คาร่า

    “ยังคงจะอีกสักพักน่าจะพรุ่งนี้เช้าถึง” เขาตอบ

    “ดาวดวงนี้ใหญ่จริงๆ”เนียทาพองบ่น

    ฟูม

    เงาดำขนาดใหญ่เคลื่อนตัดหน้ายาน ยานเองก็ส่งสัญญาณเตือนอันตรายเช่นกันและวิเคราะห์สัตว์ร้ายตัวนี้

    “แบล็คฟิช สัตว์น้ำขนาดเท่ารถสิบล้อสามคันใหญ่เท่าตึกสามชั้น เกร็ดหนาสามสิบนิ้ว อันตราย กินเนื้อ” คอมพิวเตอร์รายงาน

    “ทำไงดี” เอเซกุดถาม เอ

    “ลอเรีย กับ นาปากัซ นั่งประจำตำแหน่งอาวุธ ส่วนฉัน กับ เนียทาพองจะไปจัดการมันข้างนอก ถ้าพวกเราเอาไม่อยู่ เธอค่อยเข้ามาช่วยนะ เอเซกุด” สิ้นเสียงของ เอ ทุกคนก็ทำตาม เอ และ เนียทาพองเตรียมความพร้อมของชุดแล้วออกไปเผชิญหน้ากับมัน

    “ตัวใหญ่มาก” เออุทานเมื่อเห็นตัวของมันจริงๆ

    “ต้องใช้เจ้านี่” เนียทาพองนำปืนมิซไซล์กลยิงใส่ตัวของมันและก็โดนเข้าอย่างจังแต่กลับไม่เป็นอะไรแค่เสียหลักเล็กน้อยเท่านั้น

    “เกร็ดหนาสินะ” เอคิดและสิเคราะห์ศัตรูครู่หนึ่ง

    “ใช่แล้วตามัน” เอคิดออกแล้ววาร์ปดาบบีมมาในมือก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปที่ส่วนหัว

    แต่ทว่าเมื่อเข้าไปดูใกล้ๆกลับพบว่ามันไม่มีตาแม้แต่น้อยเพราะเป็นสัตว์ในความมืดจึงใช้เสียงในการเคลื่อนที่

    “ไร้จุดอ่อนหรอเนี่ย” เอ เจ็บใจเล็กน้อยก่อนจะหลบหางที่มันตวัดมา

    เนียทาพองเปลี่ยนอาวุธเป็นสนับมือหัวสว่านเข้าไปประชิดแต่ว่ามันกลับไวกว่านอกจากนี้ยังมาเพิ่มอีกเป็นฝูงด้วยตอนนี้ยานดำน้ำถูกล้อมเอาไว้แล้ว

    “ให้หนูออกไปช่วยมั้ยคะ” เอเซกุดถามผ่านวิทยุ

    “ยังแต่ช่วยยิงหน่อย” เอตอบ

    ยานดำน้ำเริ่มยิงกลับซึ่งเป็นกระสุนเลเซอร์ความร้อนสูงและด้วยจำนวนพลังงานที่มากทำให้ปลาพวกนั้นเกิดบาดแผล

    “อ๋อพวกแพ้ความร้อนสินะ” เอยิ้มแล้ววาร์ปดาบเลเซอร์มาในมือพร้อมกับเนียทาพองที่ใช้ปืนเลเซอร์ร้อน

    เอ เข้าไปฟันพวกมันเพียงแค่ตวัดก็ทำให้มันผ่าครึ่งไปได้ เนียทาพองยิงสวนก็ทะลุลำตัวอย่างง่าย

    “ปลาพวกนี้ทนความเย็นได้ แต่ทนความร้อนไม่เป็นสินะ” เนียทาพองพูดขณะที่กราดยิงปลาเหล่านั้นแต่ก็ไม่หมดเสียที

    สักพักพวกมันก็หนีกลับทั้งฝูง

    “กลัวเราแล้วสินะ”เนียทาพองพูด

    คาร่าที่อยู่ในยานรู้สึกแปลกใจอย่างมากที่พวกมันหนีไปง่ายๆ เขาเปิดดูเรดาร์ก็พบว่ามีบางอย่างกำลังพุ่งมาทางนี้

    “เดดวอเทอดรากอน เลื้อยคลาน กินเนื้อ ลำตัวยาวและแข็งมีพิษ” ข้อมูลของศัตรูตัวใหม่ปรากฏขึ้น

    ฟรูมมมม

    ร่างของงูยักษ์สีดำมีดวงตาสีแดงเขี้ยววาวแสดงตัวให้เห็นมันเริ่มจู่โจม เอ และ เนียทาพอง ด้วยการฉกพวกเขายิ่งสภาพอยู่ในน้ำแรงดันสูงทำให้พวกเขาหลบช้ากว่าปรกติเกือบเท่าตัว เอ และ เนียทาพองโดนโจมตีบาเรียที่คุ้มกันอยู่ก็เริ่มอ่อนกำลังลง ปืนที่ยิงใส่ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผล

    “ช่วยหน่อย เอเซกุด” เอพูดผ่านวิทยุสื่อสาร

    ทันใดนั้นสาวน้อยก็ออกมาจากยานชาร์จพลังเต็มที่ไปที่หมัดของเธอ

    “ย้าง”

    หมัดของเธออัดเข้าตรงหน้าผากของมันอย่างจังด้วยพลังเกือบร้อยเปอร์เซนต์ที่เธอทุ่มไปทำให้งูยักษ์หลับเป็นตายร่วงลงใต้น้ำ

    “เรียกหนูแต่แรกก็หมดเรื่อง” เธองอน

    “เอาเถอะหมดเรื่องแล้วก็ดีเข้ายานเถอะ” เอยิ้ม

    “ระวัง” เสียงเตือนจากคาร่าดังออกมาแต่ไม่ทัน เจ้างูยักษ์ใช้แรงเฮือกสุดท้ายฝากรอยแผล และ พิษเข้าที่ขาของเอ

    พิษที่เข้าไปทำให้เขาหน้ามืดสิ่งรอบตัวเลือนหายอย่างรวดเร็วแล้วเขาก็หลับไป

    เนียทาพองเข้าไปรับเขาและพาเข้าไปในยาน

    “ลอเรียมียามั้ย”

    “ต้องผสม” ลอเรียรีบขว้าหนังสือมาจากกระเป๋ามิติแล้วหยิบขวดยามาสิบกว่าอย่างจากนั้นก็เปิดหนังสือเล่มหนา

    “เปิดไปที่ยาแก้พิษของ เดดวอเทอดรากอน” ทันใดนั้นหนังสือก็เปิดเองไปยังหน้าที่ต้องการจากนั้นเธอก็เริ่มผสมยาอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้พิษลุกลาม

    “เสร็จ” เธอนำยาที่ผสมเสร็จกรอกปาก เอ ทั้งหมด สักพักเขาก็เริ่มได้สติ

    “โอย รอดแล้วแฮะ” เอยืนทั้งๆที่ไม่ค่อยตรงท่ามกลางความโล่งอกของทุกคน

    “นี่แค่ทางเข้าของ เดดซี นะ ต่อไปคงจะของจิง” คาร่าจับคันบังคับอย่างแน่นแล้วเริ่มเดินทางต่อ

    มันมืดขึ้นเรื่อยๆลึกขึ้นเรื่อยๆซากศพมากขึ้นเรื่อยๆไม่มีท่าทีจะหมดหรือน้อยลง

    ปิ้บๆๆๆ

    เสียงเตือนดังขึ้นอีกครังเพราะข้างหน้าก็มีสัตว์น้ำตัวใหญ่พร้อมหนวดมากมายของมัน

    “คราเคน กินเนื้อ ขนาดตัวแล้วแต่อายุ” สิ้นเสียงของข้อมูลมันก็เริ่มขยับร่างกาย

    “ให้จัดการกับเจ้าหนวดนี้แพ้แน่มันมีตั้งหลายหนวด” เนียทาพองประเมิน เอเซกุด ก็ดูเหมือนจะกลัวปลาหมึกซะงั้น

    “คอมพิวเตอร์บอกจุดอ่อน” เอถาม

    “แสง วัตถุที่ใหญ่กว่า” คอมพิวเตอร์ตอบ

    “เออเนอะ ลืมไปเลย”คาร่าหัวเราะเจื่อนๆก่อนจะปรับแสงไฟจนสว่างจ้าทำให้มันหนีไป

    “นายนี่ชอบลืมเรื่องเล็กๆน้อยๆอยู่เรื่อยเลยนะ” ลอเรียต่อว่า

    ต่อจากนั้นความกลัวก็หายไปเมื่อรู้ถึงจุดอ่อนของแต่ละตัวทั้งปลายักษ์ต่างๆหลายชนิดหรือแม้กระทั่งปูยักษ์แต่แล้วพวกเขาก็เจอกับทางแยก

    “อะไรเนี่ย” คาร่าเซ็งเขาอยากจะถึงจุดหมายเร็วๆอยู่แล้วยังต้องเจอปัญหาอีก

    “นี่คือเขาวงกตทางแยก” ลอเรียพูดขึ้นท่ามกลางความเครียด

    “มีนิทานเก่าแก่ของที่นี่เกี่ยวกับมัน” เธอพูดต่อ

    “อัศวินคนหนึ่งในชุดเกราะสง่างามมีภารกิจในการพิชิตมังกรร้ายแห่งทะเลลึกเขาได้เดินทางมาถึงถ้ำของมันการต่อสู้ได้เริ่มขึ้นอัศวินสามารถปราบมังกรร้ายนั้นได้ แต่ทว่าเขากลับไม่สามารถทำลายไข่ของมันได้จึงต้องสร้างเขาวงกตที่ซับซ้อนจากหินในถ้ำไม่เคยมีใครออกมาได้นอกจากอัศวินคนนั้นมันถูกสร้างมาเพื่อขังมังกรร้ายไม่ให้ออกมาอาละวาดผู้อื่นได้”

    ทุกคนใช้ความคิด แล้วจะรู้ทางไปได้ยังไงนะ เอมองไปยังผนังหินณใจกลางทางแยก

    วิ้ง

    “คาร่าฉายไปตรงนั้นที” เอ บอกและก็เห็นคำสลักบนนั้น

    “ภาษาอะไร” เอ สงสัยเขาไม่เคยเห็นมาก่อน

    “ภาษาของพวกแอตแลนติส” คาร่ามองแวปเดียวก็รู้เขาถอดภาษาพวกนั้นในสมองแล้วประมวณมาเป็นภาษาตอนนี้

    “ทางเข้าสู่แอตแลนติสยินดีต้อนรับระวังมังกร ภาษาคาบาน่า” เขาถอดออกมา

    “ภาษาคาบาน่าเหรอ” เอ นึกออกแล้วเขียนเลขหนึ่งกับศูนย์

    “ฉันเห็นมันจากหนังสือรวมภาษาโบราณหน่ะ นี่ใช่มั้ย”

    “ใช่แล้ว”คาร่าตอบถึงจะรู้ว่ามันคืออะไรแต่ก็ไม่รู้ว่า หนึ่งกับศูนย์เกี่ยวกันยังไงอยู่ดี

    “ฉันว่าทางมันไม่เท่ากันนะดูเหมือนทางซ้ายจะแคบกว่าหน่อย” นาปากัซบอก

    “ใช่แล้ว แคบคือ ศูนย์ กว้างคือ หนึ่ง” คาร่านึกออกทันทีจากนั้นเขาก็อนุมานว่าจะต้องเขียนภาษาคาบาน่าให้แปลว่า ทางเข้าสู่แอตแลนติสยินดีต้อนรับระวังมังกร แน่นอน”

    แต่ภาษานี้ต้องใช้เวลาแปลนานและต้องแกะตัวอักษรซึ่งหนึ่งตัวก็เกือบจะสิบเลขแล้วแต่ว่าระดับไอคิวของคาร่าได้แปลออกเรียบร้อยในหนึ่งวินาทีแล้วมุ่งหน้าไปทางขวาในเขาวงกตมีสองทางแยกเสมอมีการหลอกสลับที่แคบไปมาแต่ก็หลอกคาร่าไม่ได้เข้าเลี้ยวไปมาอย่างชำนาญ จนทำให้ผู้โดยสารบางคนเมาเรือทั้งทางที่คดเขี้ยวและมืดมากจนต้องปรับไฟในระดับสูงสุดข้างผนังมีขอบแหลมคอยทิ่มแทงจึงต้องหลบให้ดี คาร่าใช้สมาธิอย่างมาก ผ่านไปหลายชั่วโมงก็ยังไม่ผ่านเสียที

    “นี่ไอ้ค่คำต้อนรับมันใช้กี่ตัวเลขเนี่ย” นาปากัซโวยหลังจากอ้วกต่อกันสามรอบ

    “เกือบสามร้อย” คาร่าตอบเครียดๆ

    ยานหลบหลีกทั้งสิ่งกีดขวางและเลี้ยวลอดไปยังทางในที่สุดพวกเขาก็เห็นแสงสว่างเสียที

    ฟุบ

    ยานหลุดออกมาตรงหน้าคือแสงส่วนที่ลอดออกมาพวกเขาเคลื่อนยานไปเพื่อจะออกจากปากถ้ำ

    “ทำไมที่นี่มันใหญ่กว่าปรกตินะ” เนียทาพอง สังเกตุรอบข้างที่กว้างขวางใหญ่โตผิดปรกติทั้งๆที่เมื่อกี้ยังเป็นเพียงช่องทางเล็กแคบอยู่

    “ฉันว่าได้คำตอบแล้วหล่ะ” นาปากัซ ชี้ไปยังก้นถ้ำ

    พวกเขามองตามนิ้วของ นาปากัซ ที่ยังคงนิ่งตาค้างเหมือนกับท่อนไม้

    ร่างของสัตว์ลำตัวสีน้ำเงินอมดำขนาดใหญ่รูปร่างของหน้าตาเหมือยกับมังกรแต่ลำตัวกลับเหมือนงูมากกว่าคมเขี้ยวที่ยาวน่ากลัวสะท้อนแสงแวววับและที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือหัวของมันมีมากมายเหลือเกินและยังคงนอนหลับอยู่ในทะเลแห่งนี้

    “นั่นมัน มังกรที่อยู่ในนิทานนี่นา” ลอเรียอุทาน

    “งั้นก็ดูเหมือนมันจะไม่ใช่แค่นิทานแล้วหล่ะ” เอ กล่าว

    สักพักยานก็เคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆเพราะไม่อยากให้มันตื่นแม้แต่น้อย แต่แล้วก็เกิดเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้นอยู่ๆยานก็มีเสียงเตือนดังขึ้น

    “เฮ้ย ไอ้ยานบ้านี่” คาร่า เหวี่ยง

    เสียงเตือนของยานแม้จะเบาแต่ก็ไม่สามารถเบาพอที่จะไม่ให้อสูรน้ำหลายหูนี้ได้ยิน

    “มันตื่นแล้ว” เอเซกุดร้อง

    “คอมพิวเตอร์ จุดอ่อน” เอ ถามคอมพิวเตอร์ของยาน

    “ไร้ข้อมูลเชิงลึก เป็นสัตว์ในตำนานของยูโทร่านาม เดดซีดราก้อน ไร้จุดอ่อน ไร้สถิติ ไร้ที่มา”

    เป็นข้อมูลของสัตว์ร้ายตัวนี้

    “คงจะต้องเข้าไปจัดการมันด้วยตัวเองแล้ว” เนียทาพองบอกกับ เอ ซึ่งเจ้ามังกรร้ายนั้นก็ลอยตัวอยู่ต่อหน้ายานเสียแล้วและแค่ขนาดของหัวของมันก็ใหญ่กว่ายานของพวกเขาเสียแล้ว

    “ยังไงก็ห้ามให้ยานเสียหาย ไปลุยมันเลย” พูดจบ เอ เนียทาพอง และ เอเซกุด ก็ออกไปเผชิญหน้ากับมัน

    “เอาไงดีหล่ะ ตัวมันใหญ่เกินไป” เนียทาพอง ถาม เอ

    “เราล่อความสนใจมันก่อนให้ เอเซกุด เตรียมพลังจนถึงสุด”

    จากนั้น เอ และ เนียทาพองก็พุ่งเข้าใกล้มันมากขึ้น ยานดำน้ำถอยห่างและเตรียมยิงส่วน เอเซกุด ก็กำลังรวมพลังมาดอนอยู่

    เอ วาร์ปดาบเสเซอร์มาสองอันในมือทั้งสองข้างเข้าประชิด ส่วน เนียทาพองก็เลือกใช้ ปืนใหญ่บีมกล ซึ่งเป็นอาวุธหนักที่เกือบจะผิดกฏหมายการใช้แต่ละครั้งต้องขออณุญาติจาก รมต.ทั้งหกเองภพในเครือ HEXAGONALIA และ ผบ.สูงสุดของ HEXAGON แต่ครั้งนี้เขาไม่สนและยังวาร์ปมาสองอันเสียด้วย ด้วยน้ำหนักแต่ละกระบอกเกือบตันแต่แรงลอยตัวของทะเลลึกขนาดนี้ก็ทำให้เหมือนกับแบกอากาศอยู่อย่างไรอย่างนั้น

    เอ พุ่งเข้าไปประชิด แต่ไม่ง่ายนักหัวของเจ้าสัตว์ยักษ์นี้มีมากมายเป็นสิบอาจแตะยี่สิบหัวขนาดยักษ์พุ่งโจมตีเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเขาก็พยายามหลบไม่ให้มันโดนเขาการหลบหัวเหล่านี้ทำให้เขาเกือบจะอยู่กับที่ไม่ได้ไปไหนอีกทั้งมันยังสามารถงอกหัวออกมาใหม่ได้อย่างรวดเร็วแม้จะฟันหัวมันไปก็ตาม

    ซูมๆๆๆๆๆๆๆๆ

    เสียงรัวบีมขนาดใหญ่ยิงใส่ช่วงลำตัวของของอสูรน้ำตัวนี้แต่กลับไม่เกิดแม้แต่รอยไหม้ ลำตัวของมันยังดูดซับบีมนั้นได้อีกด้วย

    “อะไรเนี่ย” เนียทาพอง สบถอย่างอารมณ์เสีย

    การรุกกลับของอสูรน้ำก็เริ่มขึ้นเมื่อ เอ และ เนียทาพองเริ่มหมดแรงและกำลังใจ หัวทุกหัวของมันอ้าปากใหญ่เล็งมาทางพวกเขา คลื่นน้ำขนาดใหญ่รอการยิงเมื่อมันพร้อม

    “ไปเลย” เอ ส่งสัญญาณให้ เอเซกุด เพื่อโจมตีในขณะที่การป้องกันของมันอ่อนที่สุด

    ฟูม แรงน้ำที่เกิดจากการกระทบจากหมัดเล็กๆของเอเซกุดกับหนึ่งในศรีษะของอสูรน้ำทำให้ร่างของทุกคนกระเด็นไปส่วนในยานก็โคลงเคลงมากเช่นกัน

    เอเซกุด รอดูผลงานของตน

    กรรรร

    อสูรน้ำคำรามอย่างอารมณ์เสีย พลังมาดอน ไม่สามารถโค่นเจ้านี่ได้และมันยังโกรธจัดมากอีกด้วยมันอ้าปากจะเขมือบ เอเซกุด

    “หลบไป” เอ พุ่งไปผลัก เอเซกุดอย่างแรงจนผ้นเขตของปากมันจากนั้นเขาก็ถูกเจ้าปีศาจนั้นกลืนเข้าไปต่อหน้าต่อตาทุกคน

    “เฮ้ย” ทุกคนตะโกนและอึ้งกับเหตุการ์ณตรงหน้าแต่การต่อสู้ยังไม่จบพวกเขายังต้องจัดการมันเพื่อภารกิจและแก้แค้นให้กับเพื่อนของพวกเขา ลำแสงจากปืนของยานยิงใส่มันบวกกับปืนของ เนียทาพอง แต่กไม่ได้ผลมากมายนักมันตั้งท่าจะโจมตีอีกรอบหนึ่งมันอ้าปากของมันเพื่อจะจัดการพวกเขาไปในครั้งเดียวและพวกเขาเองก็หมดกำลังใจในการสู้กับมันแล้ว

    วูปปป

    จู่ๆมวลน้ำที่มันรวบรวมก็หายไปช้าๆมันเริ่มมีอาการผิดสังเกตมันเกร็งร่างกายจนหงิกงอและร้องคำรามเสียงสูงดังจนแสบแก้วหู

    “เกิดอะไรขึ้นนะเนี่ย” คาร่าคิดในใจเมื่อเห็นอาการและสีหน้าที่เจ็บปวดของมัน

    “รึว่า” ช่วงที่ คาร่า คิดคำตอบออกแสงสีแดงจากเลเซอร์ที่คว้านท้องของสัตว์อสูรตัวนั้นจนทำให้ตัวของมันขาดเป็นสองท่อนผู้เป็นเจ้าของผลงานก็คือ เอ นั่นเอง แม้เขาดูจะเหนื่อยหอบนิดหน่อยแต่ก็ยิ้มออกมาได้พร้อมกับความดีใจของทุกคน

    จากนั้นผู้อยู่นอกยานก็กลับเข้าในยาน

    ตึกตักๆ

    เสียงวิ่งด้วยความดีใจของ ลอเรีย เข้ามาหา เอ แล้วโผกอดต่อหน้าทุกคน

    “ดีจริงๆที่นายไม่เป็นอะไร” ลอเรียดีใจจนน้ำตาซึม

    “ไม่เป็นไร ฉันรอดแล้วหล่ะ” เขากอด ลอเรียแน่น

    “หนูบอกแล้วว่าสองคนเนี้ยกิ๊กกัน” เอเซกุดมองทั้งสองคนอย่างเจ้าเลห์

    “ฉันเชื่อแล้วหล่ะ” เนียทาพอง และ นาปากัซพยักหน้าเห็นด้วย

    ทั้งสองคนก็ปล่อยตัวออกจากกัน

    “เปล่านะแค่เป็นห่วงเฉยๆ” ลอเรียบอก

    “นี่จะไร้สาระกันอีกนานมั้ย” คาร่าวัยสิบขวบดุรุ่นพี่แต่ลึกๆเขาก็ยินดีที่ เอ รอดมาได้

    ยานนั้นได้เดินทางผ่านรูเพื่อไปหาต้นตอของแสง

    ในนั้นคือโพรงขนาดยักษ์เช่นกันเพียงแต่ไร้ซึ่งมังกรทะเลนั่นแล้วในนั้นเป็นถ้ำปิด

    “แสงมาจากไหนกันข้างบนก็ไม่มีรูหนิ” นาปากัซสงสัย

    “นั่นไงหล่ะ” คาร่าชี้ไปยังรูมิติที่ฉีกน้ำจนเป็นรูกว้างซึ่งมันส่องแสงจ้าออกมา

    “รูมิติสินะ” เอ พูด

    “ใช่ ทางเข้าของเผ่า แอตแลนติสที่สูญหายจาก เอกภพ มาหลบอยู่ในมิติลึกลับที่ต้องผ่านทะเลนี่เท่านั้นจึงจะมาได้คงจะมาได้ไม่นานมิติยังขาดอยู่” คาร่าวิเคราะห์แล้วนำยานเข้าไปในรูฉีกของมิติทันที

    ............................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×