คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : C H A P T E R : 0 2 [ 9 0 % ]
Burning
16.00 : โกดังท่าเรือ A , อินชอน , เกาหลีใต้
หลังจากวนรถฝ่าการจราจรแสนติดขัดในโซลเพื่อพาผู้การคนใหม่ไปซื้อกาแฟยามบ่าย คิมนัมจุนก็ขับรถตรงมาที่โกดังที่จับคุมผู้ต้องหาได้ เวลาบนรถสี่ชั่วโมงทำให้อึดอัดไม่น้อยสำหรับคนที่เพิ่งรู้จักกันไม่กี่ชั่วโมง เมื่อรถจอดสนิทนัมจุนดับเครื่อง ยุนกิเปิดประตูออกจากรถก่อนที่เขาจะดับเครื่องเสียอีก เขารีบพาตัวเองออกจากรถกระแทกประตูปิดแล้ววิ่งตามอีกคนไป
ที่โกดังสีแดงมีตัวอักษร A - 01 สีขาวขนาดใหญ่เขียนกำกับไว้ ยุนกิยืนคอยเขาที่หน้าประตูโกดัง เขาล้วงหยิบกุญแจตรงเข็มขัดแล้วปลดล็อคแม่กุญแจอันใหญ่
เสียงบนพับเหล็กดังเอี้ยดเมื่อมีแรงไปกระทบมัน ประตูบานใหญ่เปิดออกคนข้างๆเขาก้าวเท้าเดินนำเข้าไปก่อน รอยเลือดจากศพที่ยังไม่ได้ถูกทำความสะอาดกระจายอยู่เต็มพื้น คราบของเหลวสีแดงข้นๆพร้อมกับชิ้นส่วนสมองสีชมพูกระจายเต็มไปหมด นัมจุนย่นจมูกก่อนหันหนีอย่างน่ารังเกียจ ป้ายสีเหลืองพร้อมกับตัวเลขระบุหลักฐานในที่เกิดเหตุวางไว้ทั่วบริเวณเหมือนกับเทปสีเหลือง
“เหมือนเดิมเป๊ะ” ยุนกิเปรยขึ้นมา เขาล้วงมือถือออกมากดถ่ายรูปจนพอใจแล้วหันมาหานัมจุน
“คุณได้บุกมาจับคุมที่นี้ด้วยไหม” นัมจุนพยักหน้าช้าๆ
“ผมว่าผมพอเดาสถานการณ์ออก” ยุนกิเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋าแล้วหยิบถุงมือยางสีขาวขึ้นมาใส่ ดึงมันตึงจนมีเสียงเปรี๊ยะตอนปล่อยแล้วนั่งยองๆลงก่อนจะเริ่มพูด “พวกคุณบุกมากะจะไม่ให้พวกมันไม่ทันตั้งตัวจนทิ้งยาไม่ทัน แต่ผิดคาดที่แทนที่จะคว้าพวกถุงไร้ประโยชน์สีขาวบนโต๊ะนั่นมันกลับชักปืนขึ้นมายิงกรอกปากตัวเองแทน” ยุนกิเขี่ยกองชิ้นส่วนสมองออกแล้วหยิบกระสุนสีทองขึ้นมาโชว์ให้เขาดู
“ให้เดาคงเป็นคาร์นิคห้าห้าคอมเพ็คซีหนึ่งร้อย กระสุนเก้ามม.”
“ครับ ที่สำคัญไกทองซะด้วย” นัมจุนตอบแล้วยื่นถุงพลาสติกเก็บหลักฐานไปให้ยุนกิใส่กระสุน
“พวกค้ายานี้รสนิยมเหมือนกันหมดเลยหรือไง ไม่ทองก็ทอง ยังไงก็ต้องสีทองไว้ก่อนบ่งบอกความรวย” ยุนกิพูดแล้วหัวเราะเบาๆ นัมจุนไว้ไหล่
“เมื่อวานบุกจับคุมตอนกี่โมง”
“ประมาณห้าทุ่มเศษๆ สายบอกว่าพวกมันจะมารวมตัวกันเรื่องส่วนแบ่งยา”
“เสียชีวิตทั้งหมดหรือเปล่า”
“คนที่มีปืนอยู่กับตัวก็ระเบิดสมองตัวเองเละ คนที่ไม่มีก็พยายามฆ่าตัวตายเหลือที่ยังมีชีวิตอยู่แต่สภาพสุดจะบรรยายอยู่สองสามคนครับ” ยุนกิพยักหน้าแล้วถอดถุงมือยางออก โยนมันทิ้งไว้บนพื้นแถวนั้น
“ผมอยากไปดูศพหน่อย” เขาพูดระหว่างเดินนำ
“ได้ตามนั้นครับท่าน ศพทั้งหมดอยู่ที่สถาบันนิติเวทแพทย์กำลังพยายามให้เขาระบุตัวจากดีเอ็นเออยู่ แต่ดูเหมือนยังไม่คืบหน้าเท่าไร่” เขารายงานตามความเป็นจริง
“ก็ดี ตอนขากลับผมแวะซื้อกาแฟอีกแก้วได้ไหม”
นัมจุนสั่นหัวอย่างเสียไม่ได้ก่อนพยักหน้าแล้วเดินนำออกจากโกดัง
Burning
18.50 : สถาบันนิติเวชศาสตร์ , โซล , เกาหลีใต้
“ผมไม่ต้องรูดบัตรยืนยันตัวเองหรือกรอกประวัติก่อนเข้าไปหรอ” ยุนกิที่เพิ่งผ่านด่านตรวจของรปภ.หันมาพูดกับเขา นัมจุนแค่ยักไหล่
“ไม่ครับ เพราะปรกติไม่มีใครขโมยศพนี้” เขาตอบแล้วเขย่าอเมริกาโน่เย็นเบาๆก่อนดูดมันจนหมด
“ผู้การรีบดื่มให้หมดดีกว่าครับ ข้างในเขาห้ามนำอาหารเข้าไป” นัมจุนพูดก่อนเดินนำไปเปิดประตูกระจกค้างไว้แล้วหันมาหายุนกิ คนตัวขาวขมวดคิ้วหน่อยๆมองแก้วลาเต้ในมือกับนัมจุนสลับไปมา
“ผมเพิ่งซื้อมาเองนะ ยังจิบไปไม่กี่หยดด้วย”
“นั้นไม่ใช่ปัญหานะครับ ถ้าเราคลาดกับหมอจองนั้นสิเรียกว่าปัญหา เอามันไปทิ้งขยะซะเดี๋ยวขากลับผมซื้อให้ใหม่” ให้ตาย คิมนัมจุน นายเพิ่งออกคำสั่งกับผู้การคนใหม่เชียวนะ ผู้การ พันตำรวจเอกพิเศษควบที่ปรึกษากองทัพ เทียบกับตำแหน่งตัวเองตอนนี้เขาอาจจะโดนเด้งออกจากงานก็ได้ นัมจุนกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ในระหว่างที่เขามองยุนกิเดินไปทิ้งลาเต้ก่อนเดินมาหาเขา ใบหน้าขาวๆเงยขึ้นมาสบตา ดวงตาเล็กสื่อถึงอารมณ์หงุดหงิดที่พยายามปิดเอาไว้ไม่มิด ริมฝีปากที่คว่ำลงน้อยๆนั่นค่อยๆเปิดปากพูด
“คุณต้องซื้อแก้วใหม่ให้ผมนะผู้กอง ผมหมายถึงแก้วใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม”
โล่งอก
“ครับผู้การ เชิญทางนี้ครับ” นัมจุนคลี่ยิ้มแห้งๆแล้วเปิดประตูให้กว้างขึ้น ภายในเป็นห้องโถงสีขาวมีโซฟาสามถึงสี่ชุดไว้รับรองแขกเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลางมองเห็นได้ง่าย ไฟบางส่วนถูกปิดไปแล้วเนื่องจากเลยเวลาทำการ นัมจุนเดินไปที่หน้าเคาน์เตอร์ยกตราตำรวจขึ้นมาโชว์ก่อนจะกล่าวทักทายสองสาวที่ยังทำหน้าที่อยู่ ยุนกิแยกตัวออกไปเดินดูรอบๆปล่อยให้นัมจุนเป็นคนติดต่อ
“ไงครับ ตอนนี้หมอจองอยู่ไหม”
“อยู่ค่ะ ผู้การมาทำอะไรคะวันนี้ ” สาวทางด้านขวาเป็นคนถาม ต่อด้วยคนด้านซ้าย
“ฮั่นแน่ พกคนน่ารักมาด้วย เดทแบบใหม่หรอคะ โรแมนติกน่าดูเลยห้องเก็บศพเนี้ย”
“ไม่ใช่อย่างงั้นหรอกน่า ศพเมื่อวานยังอยู่ใช่ไหม ผมหมายถึงทั้งหมดเลยพอดีผู้การคนใหม่เขาอยากจะดู” พูดจบก็ใช้นิ้วโป้งชี้ไปที่ยุนกิทางด้านหลัง
“ผู้การคนใหม่หรอคะ ? หน้าเด็กมากนะคะนั้นส่วนมากยศสูงขนาดนั้นอายุคงไม่ใช่น้อยๆแล้วสินะคะ”
“ตกลงศพยังอยู่ไหมครับ” นัมจุนเตือนสติสองสาวก่อนประเด็นความหน้าเด็กของผู้การของเขาจะจุดความอยากรู้อยากเห็นเรื่องวิธีดูแลตัวเองของทั้งคู่มากไปกว่านี้
“อยู่ค่ะ ชั้นสามห้องเดิมเหมือนเดิมทุกอย่างเลยค่ะ” คนทางขวาตอบแล้วยิ้มให้เขาบางๆก่อนกระซิบเบาๆ
“ยังไงว่างๆก็ขอสัมภาษณ์ผู้การคนน่ารักเรื่องการดูแลตัวเองเป็นการส่วนตัวได้ไหมคะ นะนะน้า น้าผู้กอง”
นัมจุนส่ายหน้าพร้อมระบายยิ้มตอบสองสาว เรียกผู้การเบาๆแล้วเดินนำไปยังลิฟต์ไม่นานยุนกิก็มายืนข้างๆเขา
“ที่นี้ยอดไปเลย สวยกว่าในข่าวอีกนะ”
“ออกข่าวที่ญี่ปุ่นด้วยหรอครับ”
“เปล่า ผมอ่านข่าวในเว็บ”
“คุณมีอะไรที่น่าตกใจเยอะนะครับผู้การ” เสียงเตือนของลิฟต์ดังขึ้นพวกเขาทั้งสองก้าวเข้าไปด้านใน เขากดปุ่มของหมายเลขชั้นแล้วรอให้ประตูปิด ภายในลิฟต์เป็นกระจกเงาทั้งสามด้าน ยุนกิมองไปมารอบๆ
“คุณรู้ไหม ญี่ปุ่นเขามีตำนานเกี่ยวกับเรื่องกระจกแบบนี้ด้วยแหล่ะ” ยุนกิเปรย “มีคนเล่าว่าถ้าเอากระจกสองบ้านมาตั้งขนานกันในตอนเที่ยงคืนจะมีปีศาจออกมาช่วยทำให้คำขอเป็นจริงด้วยล่ะ”
“ถ้ามันทำให้คำขอเป็นจริงก็ไม่ใช่ปีศาจสิ เป็นเทพอะไรประมาณนั้นมากกว่า” เขาตอบกลับ ยุนกิส่ายหน้าเบาๆ
“มันทำให้คำขอเป็นจริง จากนั้นวันต่อมาคนที่ขอก็ตาย”
“ขี้โกงนี้ คุณไม่เล่าให้จบปล่อยให้ผมเดาว่าเป็นเทพ” เขาเถียงกลับ เสียงเตือนลิฟต์ดังบอกให้รู้ว่าพวกเขามาถึงชั้นที่ต้องการแล้ว ประตูลิฟต์เปิดออกแสดงให้เห็นห้องสีขาวขนาดใหญ่ ไฟทุกดวงเปิดทิ้งไว้สร้างความสว่างไสวให้ห้อง เตียงผู้ป่วยแบบเคลื่อนย้ายได้จำนวนสี่ห้าเตียงเรียงอยู่ทั้งสองด้านของห้อง มีแล็บแยกออกไปอีกสามสี่แล็บเดาจากประตูที่เชื่อมต่อห้องนี้กับห้องอื่น
กลางห้องมีเตียงผ่าตัดตั้งอยู่พร้อมชายในชุดเสื้อกาวน์สีขาวกำลังแยกส่วนร่างไร้วิญญาณบนเตียง มือเรียวทำงานอย่างคล่องแคล่วในการเก็บเนื้อเยื่อชิ้นส่วนรอการนำไปทดลอง สายตาแทบไม่ละจากร่างตรงหน้าด้วยซ้ำจนพวกเขาเดินมาใกล้
“สวัสดียามเย็นครับผู้กอง” หมอหนุ่มเป็นคนเอ่ยทัก
“สวัสดีครับหมอจอง”
“ปรกติผู้กองมาคนเดียววันนี้พกใครมาด้วยล่ะ”
“นี้ผู้การมิน ผู้การเขามาจากญี่ปุ่น ส่วนผู้การครับ นี้หมอจองหัวหน้าฝ่ายนิติเวชที่นี่”
“สวัสดีครับผู้การ คงไม่ว่านะถ้าผมไม่จับมือด้วยพอดีถ้าเอามือออกจากช่วงลำไส้เล็กนี้กว่าจะล้วงลงไปใหม่คงลำบาก ไม่ว่ากันนะครับ” หมอหนุ่มเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ มือที่ค้างอยู่ในช่องท้องขยับเล็กน้อยจนเกิดเสียง นัมจุนเบือนหน้าหนี
“ไม่เป็นไรครับ อันนี้ศพจากไหน”
“ที่ตำรวจส่งมาเมื่อคืนนี้แหล่ะ นี้ศพสุดท้ายแล้ว เอ้าผู้กองสู้หน่อยผมว่าผมคว้าเจออะไรในนี้แล้ว” หมอจองบอก เขาดึงเอาสิ่งที่เจอออกมาวางไว้บนถาด ถุงพลาสติกสีฟ้าที่ปกคลุมไปด้วยเหมือกและเลือด
“ทุ่มทุนขนาดผ่าท้องตัวเองเพื่อซ่อนยาเลยหรอ” นัมจุนพึมพำ หมอจองยักไหล่แล้วเอื้อมมือหยิบมีดผ่าตัดเบอร์สิบเพื่อตัดพลาสติกออก
“ผมว่าอาจจะเป็นยาชนิดใหม่” หมอจองพึมพำ ผลึกสีขาวตัดกับสีฟ้าของพลาสติกอัดแน่นอยู่ด้านใน คล้ายน้ำตาลเม็ด ยุนกิยืนมองนิ่งๆด้วยสายตาที่คาดเดาไม่ได้
“แต่ยาที่จับได้ช่วงนี้ลักษณะไม่ตรงกับไอ้นี้เลยนะหมอ”
“งั้นแสดงว่าต้องใหม่มากๆหนะสิผู้กอง ผมว่าในตัวหมอนี้ต้องมีอะไรอีกแน่นอน” หมอหนุ่มพยักหน้าเห็นด้วยกับตัวเองแล้วเริ่มล้วงเข้าไปในช่องท้องอีกครั้ง เสียงไม่รื่นหูดังขึ้นมาจนนัมจุนต้องเบือนหน้าหนี
“ผมว่าในนั้นคงไม่มีอะไรให้ตามหาอีกแล้ว” ยุนกิที่เงียบอยู่พักใหญ่ๆจู่ๆก็โผล่งขึ้นมา หมอหนุ่มเงยหน้าจากศพขึ้นมาเลิกคิ้วใส่คนตัวขาว
“คุณรู้ได้ไง”
“ครั้งก่อนที่ญี่ปุ่นผมเป็นคนผ่าเอง ชำแหละทั้งตัวเจอแค่ถุงโง่ๆใบเดียว” ยุนกิบ่น สีหน้าไม่พอใจปรากฏขึ้นอย่างเสียไม่ได้ มือขาวล้วงเข้าไปในกางเกงสแล็คหยิบโทรศัพท์เครื่องบางออกมากดถ่ายรูปถุงยาจนพอใจ
“คุณไม่ได้เป็นหมอไม่ใช่หรอ”
“แต่ผมผ่าเป็นก็แล้วกัน คิมนัมจุนผมหมดธุระกับที่นี่แล้ว” สิ้นเสียงก็ฉีกยิ้มการตลาดให้กับจองโฮซอก ก้าวเท้าเร็วๆเดินออกจากห้องผ่าศพ นัมจุนที่นิ่งค้างไปสักพักพอได้สติก็หันหน้ามาโค้งให้คุณหมอ บอกลาแล้วรีบวิ่งตามคนตัวเล็กที่เดินไวอย่างกับจรวด
เส้นทางกลับจากสถาบันนิติเวชท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆฝนก้อนใหญ่ที่พร้อมจะถล่มหยาดน้ำลงมาเมื่อไหร่ก็ได้ รถติดเยอะเสียยิ่งกว่าตอนขาไปเพราะเป็นเวลาเลิกงานของเหล่ามนุษย์เงินเดือนเดินดิน ในที่สุดก็มาถึงตึกสูงกลางเมือง สังเกตจากป้ายแสดงสีก่อนมาถึงมันคือคอนโดสร้างใหม่ ผู้กำกับตัวซีดหันมากล่าวขอบคุณยืนนามบัตรให้แล้วเปิดประตูลงจากรถไป ทิ้งลาเต้แก้วแกร์นไว้ต่างหน้า รถยนต์สีเดียวกับท้องฟ้ายามค่ำคืนแล่นออกไปบนถนนที่เต็มไปด้วยแสงสีอีกครั้ง
Burning
90%
ความคิดเห็น