ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    炎 BURNING [ BTS ]

    ลำดับตอนที่ #1 : C H A P T E R : 0 1

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.ค. 58











     C H A P T E R 0 1

     

     

    Shichi fukujin

     

     

              ชิจิฟุคุจินหรือที่รู้จักกันในนามเทพเจ้าแห่งโชคลาภ คือชื่อขององค์กรที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆของทวีปเอเชีย เป็นองค์กรที่ดูแลคาบสมุทรเกาหลี ญี่ปุ่น จีนรวมไปถึงฮ่องกง

              ด้วยความฉลาดในการบริหารงานของผู้บริหารทั้ง
    7 ทำให้ชิจิฟุคุจินมีหุ้นอยู่ในบริษัทชั้นนำอื่นๆอีกมากมาย แต่สิ่งที่เป็นปริศนามาโดยตลอดคือชื่อและหน้าตาของผู้บริหาร จากการตามสืบและจับตาดูของกรมตำรวจเกาหลีและญี่ปุ่นเป็นเวลานับสิบปี

               พวกเขาคว้าน้ำเหลวในการเปิดเผยหน้าเหล่าผู้บริหาร แม้จะสอบถามบริษัทที่ร่วมลงทุนกับชิจิฟุคุจินแล้ว ก็ได้เพียงแต่คำตอบเดิมๆกลับมา
    เหล่าผู้บริหารมีตัวแทน ชิจิฟุคุจินไม่ใช่ปัญหาใหญ่ทางกฎหมายอย่างมาเฟียหรือผู้มีอิทธิพล เพียงแต่บางเรื่องที่พวกเขามีส่วนร่วมทำให้เกิดปัญหาใหญ่เกินกว่าจะจินตนาการได้ แต่โดยรวมแล้วพวกเขามีส่วนช่วยในการบริหารเม็ดเงินในประเทศ แถมยังสามารถทำให้บริษัทที่อยู่ในขั้นตกต่ำกลับมามีรายได้ดีเป็นเทน้ำเทท่าขึ้นมาในเวลาไม่กี่ปี รัฐบาลจึงตัดสินใจเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เพื่อเศรษฐกิจที่ดีของประเทศ

              รัฐบาลญี่ปุ่นและเกาหลี จีนรวมถึงฮ่องกงต้องการจับมือเพื่อทำข้อตกลงเจรจากับชิจิฟุคุจิน แต่หลังจากที่พยายามมาเป็นเวลาแปดปีก็ไม่เป็นผลสำเร็จจนต้องปล่อยเลยตามเลย

              ชิจิฟุคุจินเป็นเทพแห่งความสุขสมดังชื่อแม้จะมีกลิ่นคาวของธุรกิจผิดกฎหมายแต่รัฐบาลก็ยังลอยหน้าลอยตาถือหางต่อไป

              ผู้บริหารทั้ง 7 คนจะแทนตัวเองเวลาติดต่อการค้ากับด้วยชื่อเทพแห่งความสุขทั้ง 7 ตามตำนานญี่ปุ่น

              1 ) เอบิสุ เทพแห่งการประมงและการค้าขาย

              2 ) ไดโกกุ  เทพแห่งความมั่งคั่ง

              3 ) บิชามอนเทน เทพแห่งอัศวินและนักรบ

              4 ) ฟูกุโรกูยุ เทพแห่งความสุขและอายุยืน

              5 ) โฮเท เทพแห่งความอุดมสมบูรณ์และสุขภาพ

              6 ) จูโรยิน เทพแห่งความอายุยืน

              7 ) เบ็นเท็น เทพเจ้าองค์เดียวในบรรดาเทพทั้งเจ็ดที่เป็นสตรี เป็นเทพแห่งศิลปะและความงาม

             

              ผู้บริหารทั้งเจ็ดคนแบ่งกันบริหารงานแต่ล่ะส่วนหน้าที่และส่วนที่บริหารดูแลเชื่อมโยงกับชื่อและหน้าที่ของเทพองค์นั้นๆ การบริหารทั้งหมดกระจายกันไปแต่ล่ะที่ในสามประเทศ ญี่ปุ่น เกาหลี และเกาะฮ่องกง

             

     

     

    - Burning -

     

     

    11. 35 : สำนักงานตำรวจแห่งชาติ , โซล , เกาหลีใต้

     

              เห้อออออคิมนัมจุนถอนหายใจยาวเหยียดหลังเดินออกมาจากห้องประชุม วันนี้เป็นการเรียกประชุมใหญ่โดยท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่าด้วยเรื่องเทพแห่งความสุขอะไรเทือกนั้น เอกสารหนาไม่ถึงหนึ่งมิลลิเมตรที่เขาถืออยู่คือข้อมูลทั้งหมดที่รวมรวบได้เกี่ยวกับชิจิฟุคุจิน ให้ตาย กรมตำรวจเกาหลีรวบรวมข้อมูลมาเป็นสิบปีแถมยังจับตามองแทบไม่กระพริบแต่กลับไม่มีอะไรใหม่ๆให้ตื่นเต้นเลยสักอย่าง

              เขายกมือขยี้หัวตัวเองเกาศีรษะน้อยๆแล้วเดินไปที่ลิฟต์กดปุ่มลงแล้วยืนรอมันสักพัก

     

              ว่าไงผู้กองคิม เดินเกาหัวมาแต่ไกลเชียวแค่เข้าประชุมเนี้ยมันจะตายหรือไง นัมจุนขมวดคิ้วก่อนหันไปหาคนพูด ผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกับเขาเดินเข้ามาใกล้ นัมจุนยิ้มตอบคนตรงหน้าน้อยๆ

              ทำไงได้ล่ะสารวัตรจอง คนมันไม่ชอบอะไรแบบนี้นี่หว่า ให้ออกไปขับรถไล่คนร้ายยังจะดีกว่า สารวัตรชินหรือชิน จีโฮ เพื่อนของเราตั้งแต่สมัยเรียนโรงเรียนนายร้อยด้วยกันหัวเราะออกมาเบาๆเพราะท่าทีเบื่อหน่ายการประชุมของเขา

              ตั้งแต่สมัยเรียนนายก็เป็นแบบนี้ล่ะจะได้เป็นสารวัตรกับเขาไหมล่ะผู้กอง

              นิสัยเสียมันแก้ไม่หายนี้หว่า เรื่องประชุมไรงี้ก็ไม่เอาแล้ว ไหนจะมาเจอเรื่องเทพแห่งโชคลาภ ความสุขเขาเรียกว่าอะไรนะ ชิ ชิ ชิกุวะ ?พอเขาพูดจบสารวัตรชินก็หลุดขำออกมาพรึดใหญ่

              ชิจิฟุคุจิน นายได้เปิดอ่านเอกสารบ้างไหมเนี้ย นี้มันบางกว่ารายงานที่นายเขียนส่งตอนสมัยเรียนอีกนะจีโฮพูด ลิฟต์ก็มาถึงพอดีพวกเขาก้าวเข้าไปในลิฟต์พร้อมกัน

              อ่านสิ ฉันล่ะสงสัยจริงๆรัฐบาลทั้งสามประเทศช่วยกันสืบยังได้ข้อมูลแค่นี้เองนะ นายคิดว่าพวกเขาจะให้เราทำอะไรกันแน่ สืบต่อหรือไง เขาบ่นอุบคนข้างตัวเขายกแผ่นเอกสารในมือมาเปิด

              พวกเขานี้ยอดไปเลยนะทำยังไงถึงก่อตั้งองค์กรณ์ได้มาเป็นสิบๆปีโดยไม่โดนเปิดเผยชื่อหรือหน้าตาเลยแม้แต่นิดเดียว ดูสิแม้แต่บริษัทที่พวกเขาติดต่องานด้วยยังให้ตัวแทนไปติดต่อให้ แถมยังใช้ชื่อเทพเจ้าแทนชื่อจริงอีกต่างหาก สุดโต่งไปเลย

              ใช่ไหมล่ะ ทำอะไรให้ยุ่งยากเสียจริงแถมชื่อยังเป็นภาษาญี่ปุ่นอีกนะ ทำไมทางญี่ปุ่นเขาไม่รู้อะไรเพิ่มบ้าง

              “เราแชร์ข้อมูลกันทั้งหมดแล้วเรื่องที่รู้ก็มีแค่นี้แหล่ะ ถึงจะมีซีไอเอของสหรัฐยื่นมือมาสอดล้วงข้อมูลไปนิดๆหน่อยๆแต่นี้แหล่ะที่เรามีทั้งหมดนัมจุนถอนหายใจ

              ให้ตายสิ องค์กรนี้มันลับยิ่งกว่าความลับระดับชาติแล้วมั้งเนี้ยเขาบ่น จีโฮยื่นมือมาตบบ่าเขาเบาๆ

              เอาน่าๆสารวัตรหนุ่มบอกยิ้มๆ นายว่างไหมล่ะวันนี้ ตรงหน้าตึกมีร้านกาแฟเปิดอยู่นะ ทาร์ตกับโดนัทของที่นั้นอร่อยดีแถมอเมริกาโน่อาจจะถูกใจนายก็ได้ ถ้าว่างก็มาคุยเรื่องนี้ต่อกันไหมล่ะผู้กอง

              ให้ตายเถอะ นายช่วยคุยเรื่ององค์กรที่ลับระดับชาติในร้านกาแฟที่ความเป็นส่วนตัวแทบจะเป็นศูนย์ ให้ตายเถอะสารวัตร คุณเลื่อนขั้นได้ยังไงกันครับเนี่ย เขาแกล้งทำเสียงอ่อนเพลียปนเหนื่อยใจ จนถูกหมัดหนักๆของเพื่อนสนิทชกเข้าเต็มๆที่แขนก่อนที่อีกหมัดหนึ่งจะตามเข้ามาสอยเขาอีกประตูลิฟต์ก็เปิดออก

     

     

              ถือว่ารอด เขากระโดดออกมาจากลิฟต์แล้วเดินเร็วๆไปทางออกไล่หลังมาด้วยเสียงสารวัตรชินโวยวาย นัมจุนหันหลังไปยกมือขอโทษยิ้มให้น้อยๆแล้วรีบจ้ำเท้าเพื่อเดินไปทางออก

              แต่ระหว่างหันหลังกลับดูเหมือนเขาจะไม่ทันสังเกตข้างหน้าเขามีผู้ชายตัวเล็กกว่าเขาในชุดเครื่องแบบสีเข้ม พวกเขาชนกันอย่างจังจนถอยหลัง

     

     

              ああ すみません เสียงทุ้มๆของคนที่ชนกับเขาดังขึ้นก่อน คนตัวเล็กตรงหน้าอาจจะเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองไม่ได้พูดภาษาเกาหลีอยู่

              อ่า ขอโทษครับ คนตรงหน้าเขาพูดคำว่าขอโทษออกมาอีกครั้งหนึ่งก่อนก้มหัวน้อยๆให้

              ไม่เป็นไร คุณพูดขอโทษสองครั้งแล้วนะ แถมยังทั้งสองภาษาซะด้วยเขาตอบยิ้มๆ เครื่องแบบสีเข้มที่คนตรงหน้าเขาใส่อยู่เป็นเครื่องแบบตำรวจของประเทศญี่ปุ่นเสื้อเชิ้ตสีฟ้าๆนั่นเป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีเลยว่าไม่ใช่ตำรวจเกาหลีเพราะเครื่องแบบที่เขาใส่อยู่ มันสีขาว

              อ่า นั่นสิ

              เพิ่งมาถึงหรอครับ มีอะไรให้ช่วยไหมคนตัวเล็กกว่าขมวดคิ้วนิดๆก่อนจะพยักหน้า

              ผมเพิ่งมาถึงเมื่อเช้านี้ ผมต้องการติดต่อกับผู้บัญชาการของคุณ นัมจุนเลิกคิ้วก่อนยิ้มตอบให้

              คุณต้องเดินไปตรงนู้นครับ ที่มีป้ายอยู่ตรงนั้นแล้วก็บอกกับคุณผู้หญิงตรงนั้นว่ามาติดต่อราชการกับผู้บัญชาการครับเขาชี้นิ้วไปแถวๆแผนกประชาสัมพันธ์ คนตัวเล็กพยักหน้าสองสามครั้งแล้วกล่าวขอบคุณ

     

              พอเดินไปได้สักสองสามก้าว คุณตำรวจญี่ปุ่นก็หันหน้ากลับมาจ้องหน้าเขาซะงั้น นัมจุนยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่าอะไร

              คุณชื่ออะไรคุณตำรวจตัวเล็กถาม โถ่เขาก็นึกว่าอะไร

              โถ่ ผมก็นึกว่าอะไร ผมร้อยตำรวจเอกคิม นัมจุนครับคนตรงหน้าเขาพยักหน้า

              คุณไม่แนะนำตัวหน่อยหรอเขาถาม คนตรงหน้าเขาขมวดคิ้วน้อยๆอีกครั้งก่อนจะเปิดปากพูด

              อ่าจริงสิ ผมควรบอกชื่อตัวเองก่อน ผมพันตำรวจเอกพิเศษมิน ยุนกิเป็นที่ปรึกษาชั่วคราวของกองทัพญี่ปุ่นกับเกาหลีแล้วก็จะมาทำงานที่นี้สักพักครับ

     

     

     

    - Burning


     


     

     

     

              รสชาตินุ่มๆจากอเมริกาโน่เย็นช่วยปลุกสติให้ตื่นได้เป็นอย่างดี นัมจุนวางแก้วกาแฟจากร้านมีชื่อที่ฝากลูกน้องไปซื้อลงบนโต๊ะ ปากอิ่มพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ให้ตายสิ พอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อกลางวันก็ทำเขารู้สึกแย่ๆขึ้นมาทันที

     

              ใครมันจะไปรู้ล่ะว่าคุณตำรวจที่มาจากญี่ปุ่นตัวเล็กๆหน้าขาวๆนั้นเป็นผู้การคนใหม่ที่ย้ายมาทำคดีชั่วคราวที่นี้ คดีที่ว่าก็ไม่ใช่อะไรนอกจากไอ้องค์กรลึกลับที่ไม่เปิดเผยตัวมาเป็นสิบๆปีนี้แหล่ะ ตอนมินยุนกิหันหน้ามายิ้มให้เขาก่อนจะแนะนำตัวแล้วเดินไปติดต่อเคาน์เตอร์เขางี้อึ้งจนแทบช็อคไปเลยให้ตาย

             

              หลังจากบ่นงุบงิบกับตัวเองสักพักผู้กองหนุ่มก็หยิบกาแฟขึ้นมาดูดอีกอึกใหญ่แล้วลุกขึ้นเดินไปที่ตู้เก็บเอกสาร มือเรียวดึงลิ้นชักออกมาแล้วไล่หาสิ่งที่ต้องการด้านใน พอหาไปได้สักพักเขาก็ต้องขมวดคิ้ว นัมจุนหันซ้ายหันขวาหาคนที่พอจะช่วยเขาได้

     

              หมวดๆเขาเรียกผู้หมวดที่เพิ่งเดินผ่าน

              ครับ ผู้กอง

              หมวดพอจะเห็นเอกสารเกี่ยวกับบริษัทที่มีธุรกิจใหญ่ๆในตู้นี้ไหม ผมว่าเมื่อสัปดาห์ก่อนผมหยิบมันมาอ่านอยู่เขาถาม นายตำรวจตรงหน้าของเขายกมือลูบคางแล้วขมวดคิ้ว

              มันไม่อยู่ในนั้นหรอครับ

              ก็ไม่น่ะสิ ถ้ามันอยู่ผมจะถามคุณไหมล่ะ

              “งั้นเดี๋ยวผมไปถามหมวดอีกคนที่อาจจะรู้ให้นะครับ

    นัมจุนพยักหน้าก่อนออกคำสั่ง

    ถ้ายังไงผมก็ขอให้เอามาให้ผมให้ด่วนที่สุดนะ ผมต้องการใช้มันเดี๋ยวนี้ ผู้หมวดพยักหน้าเร็วๆสองทีแล้วเดินออกไปด้านนอกนัมจุนทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิมอีกครั้ง

    โต๊ะทำงานรกๆของเขามีแก้วกาแฟที่กินหมดแล้ววางทิ้งไว้สองสามแก้ว โพสอิทสีเหลืองจดสิ่งที่ต้องทำที่ยังไม่ได้ดึงออก นัมจุนยื่นมือไปหยิบมันมาขย้ำทิ้งลงถังขยะใบเล็ก กวาดตามองแฟ้มเอกสารรกๆบนโต๊ะ เขานึกสงสัยในตัวเองว่าไม่ได้สนใจเรื่องหยุมหยิมแบบนี้มานานแค่ไหนกัน สองอาทิตย์ก่อนหน้านี้เขาทำคดีเกี่ยวกับพวกค้ายาเสพติดแทบไม่มีเวลายกกาแฟขึ้นมาซดด้วยซ้ำ กลับบ้านนอนแทบนับชั่วโมงได้ นอนในรถมากกว่าบนเตียงอีกต่างหาก เรื่องความสกปรกยิ่งไม่ต้องพูดถึง เขาเกลียดตัวเองช่วงนั้นแทบบ้า

     

     

    เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานดังขึ้นขัดความคิดเรื่อยเปื่อยของเขา

             

    ครับ ผู้กองคิมพูดสาย

    โอ้ ผู้กองคิม นี้สารวัตรชินนะเขาเลิกคิ้วแล้วตอบกลับไป มีอะไรครับ แยกกันไม่ถึงวันคิดถึงกันแล้วหรือไงสาบานได้เขาได้ยินปลายสายหัวเราะร่า

    ตลกตายล่ะ มีอะไรว่ามา

    ฉันล่ะสงสัยจริงๆ นายก็ทำคดีแถมเข้ากะจนไม่มีเวลานอนอย่างกับแพทย์อีอาร์* แต่กลับมีหนุ่มน้อยมาถามหานายจากฉันซะงั้น คิมนัมจุน ตอบมาเลยนะนายใช้เวลาไหนไปตกเหยื่อได้เขามาล่ะ

    นายพูดเรื่องอะไร ?นัมจุนขมวดคิ้ว วันนี้เขายังไม่ได้นั่งคอฟฟี่ช้อปที่ไหนสักหน่อย

    อย่ามาทำไขสือน่า รู้ไหมฉันตกใจแทบแย่ตอนเขาเดินมาถามฉันว่ารู้จักผู้กองคิมไหม

    ตลกแล้ว วันนี้นอกจากร้านกาแฟตรงข้ามกับสน. ฉันก็ไม่ได้ไปไหนเลยนะ นี้พูดจริง

    นายนั้นแหล่ะตลกคิมนัมจุน เขาเดินมาถามหานายกับฉันจริงๆนะ เอ่อ แปปนึง คุณชื่ออะไรนะครับ  ( ยุนกิ มินยุนกิ ) นายได้ยินไหม เขาบอกว่าชื่อมินยุนกิ คุณตำรวจญี่ปุ่นสุดคาวาอี้มินยุนกิ ฮัลโหลนัมจุน พูดสายอยู่ไหมนัมจุนยกมือขึ้นมาลูบหน้าตัวเองช้าๆ ให้ตายสิจีโฮ นายมันหาเรื่องตายชัดๆ

    โอเค เขาบอกอะไรอีกไหมว่ามาหาฉันเพราะอะไรแล้วพวกนายอยู่ไหนกันเขาคว้ามือไปหยิบกุญแจรถบนโต๊ะ แล้วหยิบกาแฟในแก้วมากระดกอย่างรวดเร็ว

    เรายืนอยู่ที่หน้าตึกสำนักงานใหญ่ โอ้ เดี๋ยวฉันถามเขาให้ เขาถามว่าคุณมาหาเขาเพราะอะไรนะ  (พอดีว่าผู้กำกับเขา--)เขาได้ยินเสียงผู้การหน้าเด็กพูดยังไม่จบประโยคเสียงของจีโฮก็แทรกขึ้นมาอีก ผู้กำกับสวัสดีตอนบ่ายครับ

    ให้ตายสิชินจีโฮเขาสถบเบาๆ กดปลดล็อครถแล้วนั่งลงบนที่นั่งคนขับ บิดกุญแจ คาดเข็มขัดนิรภัย เช็คความผิดปรกติ หยิบหูฟังแบบบลูทูธขึ้นมาใส่ สายเงียบแล้วแต่ยังไม่ตัดไป

    เฮ้ จีโฮ นายยังอยู่หรือเปล่า

    คิมเฮงซวยนัมจุน!” เสียงเพื่อนสนิทดังออกมาจนเขาสะดุ้ง

    นายทำไมไม่บอกฉันก่อนวะ โว้ยยยยยย นายรู้ไหมสีหน้าฉันตอนรู้ว่าคุณตำรวจญี่ปุ่นคนน่ารักถูกผู้กำกับทักด้วยการโค้งให้แถมยังพูดสุภาพด้วยแบบ สุภาพสัสๆเป็นยังไง สาบานได้ตอนนี้เขากลั้นขำอยู่ พยายามแล้วจริงๆ

    ก็นายเอาแต่พล่ามเรื่องนู้นเรื่องนี้ ฉันจะเอาเวลาไหนไปบอก

    อย่ามาทำเสียงเยาะเย้ยฉันนะ ให้ตายสิ ให้ตาย เท่เป็นบ้า หน้าตาเด็กกว่าฉันอีกแต่ดันเป็นผู้การ ให้ตายสิ นั้นมันใหญ่กว่าผู้กำกับอีกนะ

    นายจะตกใจกว่านี้ถ้าฉันบอกว่าเขาคือพันตำรวจเอกพิเศษพ่วงด้วยตำแหน่งพิเศษอย่างที่ปรึกษาชั่วคราวของกองทัพเกาหลีและญี่ปุ่นเขาได้ยินเสียงอีกฝ่ายถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วร้องขอน้ำตาลซองใหม่ ให้เดาตอนนี้เขาอยู่ในร้านกาแฟตรงหัวมุมแถมยังตกใจตอนที่เขาบอกยศของผู้การคนใหม่จนฉีกน้ำตาลพลาดจนมันหกเต็มโต๊ะ

    จีโฮนายอยู่ร้านกาแฟที่หัวมุมหรือเปล่า

    อ่อ อยู่สิอยู่

    รอที่หน้าร้านเลยอีกไม่กี่นาทีฉันจะผ่านไป ให้เดาผู้กำกับคงชวนผู้การเข้าไปนั่งรอฉันที่ข้างในตึกแล้ว

    ใช่ ถูกเผง นายคงรู้ว่าบรรยากาศตอนอยู่กับผู้กำกับเป็นยังไง ฉันเลยขอตัวออกมาซื้อกาแฟ อันที่จริงฉันก็จะมาซื้อกาแฟแหล่ะ แต่ผู้การเขาดันมาเรียกฉันก่อน ให้ตายเถอะนัมจุน

     

    จีโฮเริ่มกรีดร้องโวยวายตามประสาคนประสาทเสีย ผมเข้าใจเขา ตอนผมรู้ครั้งแรกว่าผู้การหน้าเด็กนั่นเป็นผู้การจำได้ว่าตบหน้าตัวเองไปสามทีระหว่างสั่งกาแฟ ดูเสียสติใช้ได้

    ไม่นานผมก็มาถึงร้านกาแฟ รับจีโฮที่ยืนจิบลาเต้แล้วตรงไปสำนักงานต่อ บทสนทนาระหว่างเราบนรถเต็มไปด้วยคำว่าให้ตายเถอะ พระเจ้าอะไรเทือกนั้น ผมจอดรถที่ลาดจอดด้านนอกตามปรกติ จีโฮได้รับโทรศัพท์สายด่วนเกี่ยวกับคดีที่ทำอยู่จึงขอตัวไปก่อนให้ผมไปเผชิญหน้าผู้กำกับที่อารมณ์แปรปรวนกว่าผู้หญิงเป็นประจำเดือนด้วยตัวคนเดียว

     

     

    ผมสอบถามผู้หมวดสาวด้านหน้าแล้วเดินมากดลิฟต์ไม่นานผมก็มาอยู่ที่หน้าห้องผู้กำกับ ผมเคาะเท้าตัวเองสองสามครั้ง หรืออาจจะสี่ทำตัวให้ปรกติที่สุดแล้วยกมือเคาะประตูเป็นมารยาทก่อนผลักมันเขาไป

     

    สวัสดียามบ่ายผู้กอง คดีล่าสุดของคุณทำให้ทางเราพึงพอใจอย่างมากอีกอย่างผู้การมินเขาชื่นชมคุณมากที่ปิดคดีนี้ได้ด้วยตัวคนเดียว แทบรออ่านรายงานไม่ไหวเชียวละ ฮ่าๆเขายิ้มรับนิดๆ ผู้กำกับในโหมดชมแถมยังยิ้มให้นี้ไม่ค่อยได้เจอแหะ ครึ่งล่าสุดปีที่แล้วได้ปรับอารมณ์แทบไม่ทัน

    โอ้ นี้นายคงเคยเจอแล้วใช่ไหม นี้ผู้การมิน เขาจะมาประจำการอยู่ที่นี้สักพักเพื่อทำคดีค้ามนุษย์รายใหญ่เกี่ยวกับเขตที่นายรับผิดชอบอยู่เขามองไปที่ผู้การที่นั่งยิ้มตาปิดอยู่ข้างๆ

    ครับ เจอกันเมื่อเช้าตกใจแทบแย่ ผู้การเขาหน้าเด็กมากผมนึกว่าเขาจะแก่กว่านี้ซะอีกผู้กำกับหัวเราะชอบใจกับสิ่งที่เขาพูด ใช่ๆผมก็คิดเหมือนกันหน้าเขาเด็กเกินจะเป็นพันเอกพิเศษ

    พวกคุณก็พูดเกินไปนะครับ ยุนกิที่นั่งเงียบอยู่นานตอบพร้อมยิ้มให้

    โอ้ ใช่สิ ผู้การครับคุณบอกว่าอยากดูคดียาเสพติดล่าสุดใช่ไหมครับ ผู้กองคิมเป็นคนรับผิดชอบคดีนี้เองอยากทราบอะไรถามได้เต็มที่เลยนะครับถามเขาสักคำหรือยังว่าอยากให้ถามไหม คดีนี้ยังเหลือปมที่แก้ไม่ออกอีกอื้อ แถมยังปิดไปได้แค่ยาเสพติด ผู้ต้องการส่วนใหญ่เสียชีวิตเหลือรอดเพียงไม่กี่คนตอนนี้แค่คุมไว้ไม่ให้กัดลิ้นฆ่าตัวตายหนีความผิดก็ดีแค่ไหนแล้ว

    เขายิ้มให้ผู้กำกับเป็นครั้งสุดท้าย บอกลาแล้วเดินจากห้องพร้อมผู้การมิน

     

     

    - Burning -

     

     

              “คุณจะว่าอะไรไหมถ้าผมอยากให้คุณจอดซื้อกาแฟตรงหัวมุมคนข้างๆเอาเอ่ยปากหลังจากที่นั่งเงียบมานาน

              อ่อ ได้เลย  โอ้ไม่สิ ได้เลยครับท่าน

              พูดเหมือนปรกติก็ได้นะ ผมไม่ได้เคร่งอะไรกับยศขนาดนั้น ยุนกิหัวเราะเบาๆเดาว่าคุณมีเรื่องอยากถามผม ไม่เอาเรื่องหน้าเด็กนะ ผมได้ยินมาบ่อยแล้วอันที่จริงผมยังไม่เลยสี่สิบสักหน่อย


              นัมจุนเหลือบมองคนข้างๆเขาที่กำลังทอดสายตาออกไปมองวิวข้างนอกอย่างสบายใจทั้งๆที่สองข้างทางเป็นรถที่กำลังสรรจรอย่างติดขัดทั้งนั้น 


              “ทำไมคุณ ไม่สิ ท่านถึงเป็นตำรวจอยู่ที่ญี่ปุ่นล่ะครับคำถามคาใจตั้งแต่เมื่อเช้า จะมีใครอีกที่ชื่อนามสกุลเป็นคนเกาหลีแต่ดันเป็นคนใหญ่คนโตที่ญี่ปุ่น

              “ ผมนึกว่าคำถามจะยากกว่านี้ซะอีกผู้กองคนเก่ง เพราะผมเกิดที่นั้นน่ะสิ ดูบัตรประจำตัวผมก็ได้นะ ผมสัญชาติญี่ปุ่น

              “ ว้าว นั่นความรู้ใหม่

              “มันไม่มีอะไรเป็นความรู้หรอกผู้กอง ทีนี้ตาผมบ้าง ผู้ต้องสงสัยคดีที่คุณเพิ่งปิดไปยังมีชีวิตอยู่กี่คนนัมจุนขมวดคิ้ว เขารู้ได้ยังไงว่ามีคนตาย รายงานเรื่องนี้ยังไม่ทันถูกเขียนส่งเลยด้วยซ้ำ

              คุณรู้ได้ยังไง/เพราะผมทำคดีลักษณะนี้มาสามปีแล้วผู้กองยุนกิพูดแทรกแทบจะทันที่ที่เขาอ้าปากถาม ท่าทีสบายๆกับนิ้วมือที่เคาะเป็นจังหวะอยู่ตรงคอนโซลรถขัดกับเรื่องคดีที่แสนซีเรียสนี้เหลือเกิน

              สามปีก่อนที่ฮ่องกงมีคดีลักษณะเดียวกันเกิดขึ้นตำรวจฮ่องกงจับผู้ต้องสงสัยได้และทุกคนพยายามฆ่าตัวตาย การเกลี้ยกล่อมหรือทรมานใช้อะไรกับพวกเขาไม่ได้เลยยุนกิอธิบาย นัมจุนพยักหน้าช้าๆ หลายอย่างตรงกับคดีที่เขาทำอยู่ ผู้ต้องสงสัยคลุ้มคลั่ง พยายามจะฆ่าตัวตายการเกลี้ยกล่อมไม่เป็นผล

              ตำรวจฮ่องกงเลยตัดสินใจใช้ยาสารภาพกับผู้ต้องสงสัยรายสุดท้าย ผมให้คุณทายว่าผลเป็นยังไง

              “เขายอมสารภาพอย่างงั้นหรอบางทีผมอาจโทรบอกหมวดที่คุมผู้ต้องหาอยู่ให้ลองใช้ยาสารภาพ

              คุณซื่อบื้อกว่าที่ผมคิดนะอันนี้แรงผมว่าเขาอยากจะหาคำมาเหน็บผมแรงกว่านี้เขาอาจไม่ชำนาญภาษาเกาหลีสักเท่าไหร่ ถ้าเขายอมสารภาพทุกอย่างคงจะง่ายกว่านี้ เขาเสียชีวิตหลังจากได้รับตัวยาไปภายในยี่สิบนาที 

              เป็นไปได้ยังไงตอนนี้ผมว่าผมคงไม่ต้องโทรบอกหมวดแล้ว

              แพทย์ชันสูตรบอกว่าตัวยามีปัญหากับเลือดในตัวเขาแบบถ้าได้รับเข้าไปเลือดจะเป็นพิษ เริ่มแข็งตัวก่อเป็นลิ่มที่หัวใจและ บูม เขาตาย

              บ้าชะมัด

              “ใช่ไหมล่ะ ดูเหมือนหลุดออกมาจากซีรี่ย์ตอนเที่ยงคืนหรือนิยายสืบสวนสอบสวนอะไรอย่างงั้น แต่มันคือเรื่องจริงผู้กองรถบนถนนเริ่มขยับตัว นัมจุนกลืนน้ำลายหนืดๆลงคอ

              ก่อนตายเขายอมเปิดปากด้วยนะ

              “เขาว่ายังไงครับผู้การ

              “คุณลองจินตนาการตามที่ผมบอกนะ ผู้ชายอายุยี่สิบต้นๆใบหน้าบิดเบี้ยวจากการพยายามทำร้ายตัวเอง ดวงตาข้างหนึ่งช้ำเลือดจนกลายเป็นสีแดงรอยแผลฟกช้ำเต็มไปหมด แค่ฟังก็รู้สึกขยะแขยงแล้วให้ตาย

              ริมฝีปากที่โดนกัดจนมีแต่แผลยอมเปิดปากและพูดเป็นประโยคสุดท้าย

              “.....

              มนุษย์ไม่มีวันจับต้องเทพได้ ผู้ที่ล่วงรู้จะโดนชำระล้าง บู้ม เขาก็ตายไม่ได้อะไรเลย นอกจากรอยสักตรงต้นขาแถมแพทย์ชันสูตรไม่สามารถยืนยันได้อย่างเต็มปากสาเหตุการตายมีแค่เลือดเป็นพิษ คุณรู้ไหมตอนนี้เรากำลังเจอกับอะไรผู้กองมินยุนกิที่ทำท่าสบายๆกลับมาจริงจังสมกับตำแหน่งที่แบกรับเอาไว้

              มนุษย์ไม่มีวันจับต้องเทพได้ อะไรที่เรียกคนอื่นว่ามนุษย์และกำหนดตัวเองเป็นเทพ อะไรที่ทำเรื่องไม่น่าเป็นไปได้ให้เป็นไปได้ อะไรที่สามารถลบทุกอย่างที่ไม่ต้องการออกไปจากโลกนี้ได้ 

              ชิจิฟุคุจิน..เขาเปรยมันออกมาเบาๆ

              “ใช่ผู้กอง องกรลึกลับบ้าบอที่ไม่น่าเชื่อถือนั้นมีจริง ..ผมอยากได้ยาลดความดันชะมัด ถ้าตอนนี้ผมอายุมากกว่านี้เป็นคุณปู่นัมจุนในวัยใกล้ปลดเกษียนผมคงช็อคไปแล้ว เรื่องนี้มันบ้า

              อันที่จริงยังมีอีกเรื่องที่สำคัญกว่านัมจุนตวัดตาไปมองยุนกิในขณะที่อีกฝ่ายก็มองเขากลับ

              มีที่น่าตกใจกว่านี้อีกหรอ?ยุนกิพยักหน้าช้าๆตอบคำถามเขา

              คือผู้การมินมองเหล่มองไปนอกกระจกแล้วใช้นิ้วโป้งชี้ออกไป

              คุณเลยร้านกาแฟของผมมาสักพักแล้ว จะเป็นไรไหมถ้าจะวนรถกลับ ?”       

     

     

              ให้ตาย..

               

     

     

     

     

     

    To be continued .


    แพทย์อีอาร์ = แพทย์ฉุกเฉิน
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×