ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfic Harry Potter] [OCxDM] If Harry Potter has a sister!

    ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ 8 : การก่อตัวของความรู้สึก (Re.03)

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ค. 64


    TB

    UP : 25/07/60

    Re-write : 16/08/60

    Re-write 2 : 20/09/61

    Re-write 3 : 10/06/64

    บทที่ 8 : การก่อตัวของความรู้สึก

     

    หลังจากทานอาหาร ทั้งสี่คนก็มุ่งตรงไปยังชั้นเรียนสัตว์วิเศษทันที พวกเขายังคุยอะไรกันอีกนิดหน่อยในระหว่างที่กำลังเดินเกี่ยวกับมัลฟอยและถึงแม้ว่าแฮร์รี่และรอนจะพยายามเปลี่ยนใจเฮเลนยังไงก็ไม่ได้ผล พวกเขาจึงถอดใจและรอดูตามที่เฮอร์ไมโอนี่บอก เพราะมันไม่ผิดอย่างที่เฮเลนว่า ถ้าแค่ลองเสี่ยงดูสักครั้ง บางทีอาจจะได้อะไรที่ยิ่งใหญ่กลับคืนมา

    แต่ถ้ามันล้มเหลวขึ้นมาล่ะ? แฮร์รี่ยังคงเป็นกังวลอยู่นิดหน่อยอยู่ดี เขากลัวว่าถ้าหากวันหนึ่งพวกเขาเชื่อใจในตัวเดรโก มัลฟอยขึ้นมา แล้วมัลฟอยหักหลังพวกเขาล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น แบบนั้นพวกเขาจะไม่แย่กันไปใหญ่หรืออย่างไร

    การเรียนการสอนวันนี้ แฮกริดเลือกที่จะสอนเกี่ยวกับเรื่องพัฟสไกน์ สัตว์วิเศษรูปร่างอ้วนกลม  มีขนนุ่มๆ สีเหลืองคัสตาร์ด นิสัยเชื่อง ยอมให้กอดรัดหรือจับโยนไปมาได้ เลี้ยงง่ายและจะส่งเสียงครางเบาๆ เมื่อรู้สึกพอใจ พัฟสไกน์เป็นนักเขมือบตัวยง มันกินทุกอย่างตั้งแต่ของเหลือไปจนถึงแมงมุม แต่ที่ชื่นชอบเป็นพิเศษคือการแลบลิ้นเลียจมูกพ่อมดที่นอนหลับ และกินวิญญาณร้ายที่รังควานพวกเขาอยู่ พฤติกรรมแบบนี้ทำให้พัฟสไกน์เป็นที่รักใคร่ของเด็กๆ ตระกูลพ่อมดมาหลายชั่วอายุคน และยังเป็นสัตว์เลี้ยงของพ่อมดที่ได้รับความนิยมสูงสุดอีกด้วย

    “ฉันขอนั่งคนเดียวนะ” เฮเลนพูดและเหลือบมองไปยังมัลฟอยที่ยังคงยืนพูดคุยกับเพื่อนของเขาพร้อมกับโยนสัตว์วิเศษตัวเล็กในมือไปมาราวกับเป็นของเล็น “เชื่อใจฉัน ฉันคิดว่ามันน่าจะได้ผล”

    “แล้วถ้ามันไม่ได้ผล?” รอนเลิกคิ้วถามพร้อมกับพยายามไม่ให้พัฟสไกน์ของเขาหนีไปจากมือ

    “มันต้องได้ผลสิ!” เฮเลนแยกเขี้ยว “ตราบใดที่เขายังชอบฉัน ยังไงมันก็ต้องได้ผลสิ -- ฉันควรใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ โรนัลด์ ไม่อย่างนั้นเราก็คงไม่มีโอกาสอีกต่อไปแล้ว”

    “แล้วเธอมั่นใจได้ยังไงว่าสุดท้ายแล้วเธอจะไม่ได้ชอบเขาเสียเอง เฮเลน” เฮอร์ไมโอนี่พูด "มันเสี่ยงมากนะกับการดึงเขามาเป็นพวก ถึงจะมาอยู่กับเราได้ แต่เราจะเชื่อใจเขาได้มากแค่ไหนกัน"

    “มันไม่สำคัญหรอกน่า!” เฮเลนร้อง "ฉันรู้ว่ามัลฟอยไม่ใช่คนเลวร้าย"

    “สำคัญสิ!” แฮร์รี่โพลงขึ้นมาเสียงดังจนทำให้รอนต้องหันไปตะครุบปากเขาเพราะนักเรียนคนอื่นๆ เริ่มหันความสนใจมาที่พวกเขาแล้ว แฮร์รี่ปัดมือรอนออกแล้วพูดต่อ “มันสำคัญสิ ถ้าเกิดเธอพลาดขึ้นมา มัลฟอยอาจจะลากเธอเข้าศาสตร์มืดก็ได้ไม่มีอะไรแน่นอนทั้งนั้นแหละเฮเลน มันเสี่ยงเกินไป”

    เฮเลนกลอกตาไปมาอย่างหงุดหงิด เธอรู้สึกว่าบางทีการที่อะไรบางอย่างส่งเธอมาเป็นน้องสาวแฮร์รี่ มันต้องมีเหตุผลแน่นอน ทั้งทำให้เธอคุ้นหน้าแท็ค ทั้งทิ้งสมองและความรู้เอาไว้ให้ ทั้งทำให้มัลฟอยชอบเธอ มันต้องมีเหตุผล อย่างน้อยๆ หนึ่งเหตุผลนั่นก็คงเป็นการดึงมัลฟอยออกจากศาสตร์มืดแน่ๆ มันต้องเป็นอย่างนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย บางทีคงมีใครสักคนต้องการให้เธอเปลี่ยนแปลงโลกที่ถูกสร้างขึ้นมาสมบูรณ์แบบแล้วให้เป็นไปตามที่พวกเขาต้องการก็ได้!

    ดังนั้นเธอต้องทำอะไรสักอย่าง ต้องเปลี่ยนแปลงให้มันดีขึ้นกว่านี้!

    “ฉันเข้าใจ แฮร์รี่!” เฮเลนเถียงพี่ชายฝาแฝด “ฉันรู้ว่ามันยากที่ฉันจะไม่ตกหลุมรักเขาเสียเอง แต่ว่าฉันจะพยายาม ของแบบนี้มันต้องเสี่ยง ถ้าเธอไม่ให้ฉันไปเสี่ยงแล้วใครจะทำเรื่องนี้ – เมินได้เลยที่จะบอกให้เฮอร์ไมโอนี่ไปทำ เขาเกลียดขี้หน้ากันจะตาย!

    แฮร์รี่เงียบไป ดูเหมือนเขาจะยอมแพ้แต่ก็ไม่ใช่ เฮเลนถอนหายใจออกมาเบาๆ เธอไม่ได้คิดเรื่องที่แฮร์รี่หวงน้องสาวมากมายขนาดนี้มาก่อน บางทีเธออาจจะรับมือเขาไม่ได้มากนัก อีกอย่างเธอก็ไม่รู้ด้วยว่าเธอจะถูกส่งตัวกลับไปที่โลกเดิมของเธอเมื่อไหร่ เฮเลนจึงต้องระวังอย่างมากเรื่องของความรู้สึกของตัวเอง – ไม่ให้หลงระเริง – กับความรู้สึกแสนเปราะบางที่อาจจะทำให้เธอต้องเจ็บปวดเข้าสักวัน

    เธอจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง เท่าที่เปลี่ยนได้ -- เท่าที่ตัวเองจะทำได้ในขณะที่ยังมีโอกาส

    “ฉันจะไปนั่งตรงนั้น” เฮเลนพยักหน้าไปทางก้อนหินไม่ไกลจากตรงที่พวกเขาอยู่นัก มันเป็นก้อนหินที่ใหญ่พอจะให้คนสองคนนั่งด้วยกันเท่านั้น และมันยังเป็นจุดที่สามารถทำให้พวกเขาทั้งสามคนมองเห็นเธอได้ง่ายที่สุดด้วย “ถ้าฉันยังอยู่กับพวกเธอ มัลฟอยไม่มีทางเข้าหาฉันแน่”

    “ช่างประไร” รอนว่า “ถ้าหมอนั่นชอบเธอจริงก็ต้องเข้ามาสิ”

    “โรนัลด์!” เฮอร์ไมโอนี่มองรอนตาเขียว “ถ้าเป็นเธอ เธอจะกล้าเข้าหาผู้หญิงที่อยู่กับเพื่อนหลายๆ คนไหม – ฉันรู้ว่าไม่มีทาง – เรื่องเมื่อปีที่แล้วพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีเลย”

    “แล้ว – ”

    “พอเถอะรอน” แฮร์รี่ปราม “ไปสิเฮเลน เราจะคอยมองอยู่ตรงนี้นั่นล่ะ”

    เฮเลนพยักหน้า เธอมองจ้องใบหน้าของแฮร์รี่และขอให้เขาเชื่อใจเธอ ซึ่งเธอไม่รู้ว่าเขาจะเชื่อไหมแต่อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ยอมปล่อยให้เธอทำอย่างที่เธอต้องการ ร่างบางเดินไปนั่งเล่นกับสัตว์วิเศษตัวน้อยเพียงลำพังบนก้อนหินที่มีขนาดพอเหมาะ เธอมองไปยังแฮร์รี่ รอน เฮอร์ไมโอนี่ที่ทำทีเป็นคุยกับแฮกริดเกี่ยวกับสัตว์วิเศษอย่างสนุกสนานนิดหน่อยก่อนจะหันความสนใจมาที่เจ้าตัวน้อยขนปุยในมือ

    ในระหว่างที่มัลฟอยยังไม่ได้ให้ความสนใจเธอ เฮเลนใช้สมองทบทวนเรื่องราวทั้งหมดอีกครั้งวนไปวนมาในหัว เริ่มจากที่เธอมาอยู่ที่นี่และต้องไปขึ้นศาลสูงวินเซ็นกาม็อทกับแฮร์รี่เรื่องการเสกเวทมนตร์ผู้พิทักษ์ในเขตต้องห้าม ตามช่วงเวลาตอนนี้ คนที่คุณก็รู้ว่าใคร จะต้องฟื้นคืนชีพมาแล้ว และอย่างที่แฮร์รี่บอกคือเขาไม่สมบูรณ์เท่าที่ควรเพราะขาดเลือดของเธอ อย่างน้อยๆ ตอนนี้เขาก็แตะต้องตัวเธอไม่ได้และฆ่าเธอไม่ได้เช่นกันแต่เขาสามารถใช้แฮร์รี่ในการทำร้ายเธอได้ไม่ยากนัก บางทีเธอคงต้องระวังเรื่องนี้ให้มากกว่านี้

    เรื่องที่สองคือแท็ค ตัวละครปริศนาที่เธอคุ้นหน้าอย่างบอกไม่ถูก ใบหน้าของลูกพี่ลูกน้องเฮอร์ไมโอนี่ที่ไม่เหมือนเฮอร์ไมโอนี่เลยสักนิด เขาเหมือนใครอีกคนมากกว่า ใครอีกคนที่เธอนึกไม่ออกว่าคือใครกันแน่ เขาจะต้องเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เนื้อเรื่องผิดเพี้ยนไป เขาต้องเป็นคนที่เกี่ยวข้องการศาสตร์มืดอย่างแน่นอน

    เรื่องที่สาม คือมัลฟอย การที่ความทรงจำของเธอได้บอกเธอว่าเฮเลน พอตเตอร์กับเดรโก มัลฟอยได้มีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างจะเป็น 'มิตรภาพ' ที่มากกว่าเพื่อนแต่ก็ไม่เกินไปมากกว่านั้นในสมองของเธอแล้ว ความรู้สึกที่อยู่ในอกยังบ่งบอกให้เธอได้มั่นใจอีกว่า ระหว่าเฮเลนกับมัลฟอยจะต้องมีอะไรบางอย่างระหว่างกัน ความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ นั้นไม่ได้ทำให้เข้าใจอะไรยากเลย

    เฮเลนกับมัลฟอยกำลังมีความรู้สึกลับๆ บางอย่างให้แก่กัน พวกเขาใช้เวลาสี่ปีในการอยู่ร่วมกันโดยที่แฮร์รี่ไม่เข้าใจความสัมพันธ์เหล่านั้นและไม่มีใครรู้สึกถึงความรู้สึกของทั้งคู่ที่ก่อรวมขึ้นมาร่วมกัน เฮเลนจึงค่อนข้างมั่นใจว่า ถ้าหากเลือกที่จะฉุดเดรโก มัลฟอยคนนี้ให้หลุดจากการควบคุมของพ่อแม่ของเขา อาจจะมีไม่กี่ทางเลือกให้เลือกทำ 

    เลือกให้เขามาอยู่ในภาคีเสียตั้งแต่แรก หรือปล่อยให้เขาเดินทางไปแบบเดิม มันก็คงเลือกไม่ยากนักหรอก

    “นั่งคิดอะไรอยู่งั้นเหรอพอตเตอร์”

    เฮือก!

    เสียงที่คุ้นหูดังขึ้นข้างกาย ร่างสูงโปร่งของชายผู้มีเรือนผมสีบลอนด์จาง ดวงตาสีฟ้าอ่อนกำลังยืนถือพัฟสไกน์ตัวขนาดเท่าฝ่ามือยืนมองเธออยู่ เดรโก มัลฟอยนั่งลงข้างๆ กับเฮเลนพลางมองหน้าและรอคำตอบจากคนตัวเล็กที่ยังคงนั่งเงียบอยู่ กลิ่นกายหอมหวานที่เคยได้สัมผัสในคืนนั้นลอยเข้ามาต้องจมูก เฮเลนรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกสะกดด้วยกลิ่นนั้น

    “เป็นอะไร เดี๋ยวนี้เธอหยิ่งไม่ยอมตอบคำถามฉันแล้วเหรอ?”

    “ปละ เปล่า!" เฮเลนสะดุ้ง "ฉันแค่..."

    “แปลกใจเหรอ" เขาพูด "ที่ฉันเรียกเธอว่าพอตเตอร์"

    “ก็... ประมานนั้น” เฮเลนยักไหล่ เธอพยายามไม่มองหน้าเขาและจดจ่ออยู่กับสัตว์วิเศษตัวน้อยในมือ "ฉันรู้สึกแปลกๆ นิดหน่อยน่ะ"

    มัลฟอยโยนพัฟสไกน์ในมือไปมาพลางหัวเราะออกมานิดหน่อยก่อนจะพูดต่อ

    “มันทำให้เธอรู้สึกว่าห่างเหินไปงั้นเหรอ" มัลฟอยเลิกคิ้ว "ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอเป็นคนบอกให้ฉันเรียกเธอแบบนี้เองนี่”

    “ก็เปล่า... ก็แค่สงสัยนิดหน่อยน่ะ”

    “เหรอ”

    เฮเลนพยักหน้าตอบมัลฟอย เธอไม่กล้าเงยหน้ามองหน้าเขาเพราะกลัวว่าดวงตาคู่นั้นจะมีอิทธิพลกับเธออีกครั้งเหมือนกับในคืนนั้น อีกอย่างตอนนี้เธอก็ยังตกใจอยู่ที่เขาโผล่พรวดเข้ามาทำให้สิ่งที่เธอเตรียมจะหว่านล้อมเขาหายไปจากสมองจนหมด

    “แล้ว...” เฮเลนอึกอัก กลอกตาไปมาอย่างใช้ความคิด “แล้วทำไมนายถึงไม่ยอมแต่งงานกับคนที่พ่อนายหามาให้ล่ะ”

    “เธอหมายถึงอะไร” มัลฟอยเลิกคิ้ว ดวงตาคมจ้องมองไปยังใบหน้าของเด็กสาวที่รู้สึกได้ว่าเธอกำลังมีอะไรบางอย่างที่กำลังเก็บเอาไว้ภายในใจและเขารับรองได้ว่าถ้าหากเขาไม่ได้บอกคำตอบให้กับเธอในตอนนี้มันคงจะเป็นเรื่องยุ่งยากในอนาคตแน่นอน “เธออ่านหนังสือพิมพ์วันนั้นด้วยเหรอ”

    เฮเลนยักไหล่ เหลือบตาไปมองเขาเล็กน้อยโดยไม่ได้พูดอะไร เธอแน่ใจว่าแค่นี้มัลฟอยก็น่าจะรู้คำตอบ

    “ฉันบอกพ่อแล้วว่าอย่างให้ยัยริต้ามาที่งานด้วย” มัลฟอยถอนหายใจ “ฉันแค่ไม่ชอบยัยนั่น ต่อให้เป็นเลือดบริสุทธิ์เหมือนกันก็เถอะ แล้วก็ – แล้วก็ – ขอโทษด้วยที่ทำให้เธอต้องเดือดร้อนไปด้วย ความจริงฉันน่าจะอยู่ห่างๆ เธอเอาไว้หน่อยช่วงนั้น”

    “หือ” เฮเลนเลิกคิ้ว “เมื่อกี้นายบอกว่าขอโทษงั้นเหรอ”

    “ทำไม” มัลฟอยทำหน้างงเล็กน้อย “ใช่ ฉันพูด”

    “ไม่ยักกะรู้ว่าคนอย่างนายก็ขอโทษเป็นด้วย” เฮเลนยักไหล่อีกครั้งแล้วเหล่ดวงตาไปทางแฮร์รี่ ทั้งสามคนเหมือนจะมองมาทางเธอเป็นระยะโดยไม่ลืมที่จะแกล้งหัวเราะไปกับแฮกริด “ไม่สมกับเป็นนายเลยนะ”

    “เธอต้องการอะไรจากฉันเนี่ย”

    มัลฟอยทำท่าเหมือนจะขว้างพัฟสไกน์ใส่เธอ เฮเลนหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ เธอเผลอหันไปมองใบหน้าของมัลฟอยและสบเข้ากับดวงตาสีฟ้าซีดของเขาเข้าอย่างจัง เฮเลนรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุนกะทันหัน เสียงของคนรอบข้างเบาลงจนแทบไม่ได้ยินเลยในตอนนี้ แล้วอยู่ๆ ก็มีภาพจางๆ ในสมองผุดขึ้นมา

     

    “เลือกคู่!” เฮเลนร้องในขณะที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่กับเฮอร์ไมโอนี่ที่ใต้ต้นบีชริมทะเลสาบ “ทำไมจะต้องมีงานเต้นรำอะไรนั่นด้วย”

    “ฉันไม่แน่ใจว่าเธอไม่ชอบใจเรื่องงานเต้นรำหรือเรื่องของแฮร์รี่กันแน่” เฮอร์ไมโอนี่เลิกคิ้ว

    “ทั้งสองเรื่องนั่นแหละ!” เธอบอกพลางพลิกหน้าหนังสือในมืออีกครั้ง “ถึงฉันจะรู้แก่ใจว่าเขาไม่มีวันทำแบบนั้น แต่ยังไงฉันก็อดหงุดหงิดไม่ได้อยู่ดี”

    “ก็กลับไปคืนดีกับเขาซะสิ” เฮอร์ไมโอนี่พูด “เขาคงอยากคุยกับเธอใจจะขาดแล้ว”

    “ไม่ล่ะ” เฮเลนถอนหายใจ “ขอมองดูต่อไปเงียบๆ จะดีกว่า”

    ในระหว่างที่นั่งอ่านหนังสือมีเด็กนักเรียนชายของโรงเรียนเดิร์มสแตรงก์เดินเรียงแถวเข้ามาชวนทั้งคู่ไปเต้นรำไม่ต่ำกว่าสี่รายแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ตกลงที่จะไปเต้นรำกับวิคเตอร์อย่างง่ายดายซึ่งเฮเลนก็เห็นดีเห็นงามกับเรื่องนั้นเพราะว่ารอนดูท่าจะทำตัวน่าหมั่นไส้เกินไปหน่อยสำหรับวิธีการขอให้ไปงานเต้นรำด้วยกันของเขา

    “ได้โปรด ไปงาน...”

    “ยัยนี่ต้องไปกับฉัน!”

    ในขณะที่เด็กนักเรียนเดิร์มสแตรงก์คนที่ห้าหรือหกเดินเข้ามาเชิญให้เฮเลนไปงานเต้นรำตอนนั้นเองมัลฟอยก็ปรากฏตัวขึ้นมาด้านหลังของเด็กสาว ร่างบางเหลือบตาไปมองเขานิดหน่อยก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ

    “ทำไมฉันต้องไปกับนายด้วย” เธอว่าแล้วหันไปส่งสายตาให้เฮอร์ไมโอนี่เพื่อเตรียมลุกเดินไปนั่งที่อื่น “ไม่มีความจำเป็นเลยด้วยซ้ำ ไปเถอะเฮอร์ไมโอนี่”

    “เดี๋ยว!”

    ยังไม่ทันจะได้ลุกไปไหน ข้อมือเล็กก็ถูกรั้งเอาไว้เสียก่อนจนทำให้เฮเลนที่กำลังจะลุกขึ้นยืนเสียหลักหงายหลังล้มลงทับร่างของคนที่ดึงไปในทันที

    “อะไรของนาย ตางั่ง!” เธอแยกเขี้ยว “ปล่อย!”

    “ไปให้พ้นนะมัลฟอย!” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง เธอหันไปหาเด็กเดิร์มสแตรงก์คนนั้นและโบกไม้โบกมือไล่ให้เขารีบไปก่อนที่จะโดนไปด้วย “นายไปที่อื่นก่อนเถอะ แล้วเราค่อยคุยกัน”

    เขาโค้งเล็กน้อยและเดินออกไปด้วยใบหน้างงงวย ทางด้านเฮเลนนั้นถูกเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์จางรวบเอวเอาไว้แน่น เธอพยายามพลิกตัวให้หันไปคร่อมเขาเพื่อที่อย่างน้อยจะได้ดันตัวเองออกมาจากมัลฟอยได้ง่ายๆ แต่มันไม่ได้ผลเลยสักนิด

    “เออ! ฉันไปก็ได้” ในที่สุดร่างบางก็ตะโกนออกมา ประโยคนั้นทำให้เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้าง “ปล่อยฉันสักที ไปก็ได้! ตกลงไหมอีตาลูกแหง่!”

    “ถ้าเธอเรียกฉันแบบนั้นอีกครั้ง ฉันจะจูบเธอกลางงานเต้นรำเลยคอยดู!”

    “ให้เมอร์ลินกลายเป็นกบเถอะย่ะ!”

     

    “ให้เมอร์ลินกลายเป็นกบเถอะ!” เฮเลนสบถแล้วถอยพรวดห่างออกจากมัลฟอยทันทีจนเกือบตกจากก้อนหิน โชคดีที่เขารวบเอวของเธอเอาไว้ได้ทัน เจ้าของร่างบางสะดุ้งและยกมือขึ้นมาปัดป่ายด้วยความตกใจ “ปล่อยนะ!

    “อยู่ๆ ก็เป็นอะไรของเธอเนี่ย” มัลฟอยขมวดคิ้ว มองหน้าเฮเลนด้วยสายตาสงสัย

    เฮเลนพยายามเรียกสติของตัวเองกลับมา เธอสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ และพยายามทำให้ตัวเองใจเย็นลง ภาพที่ปรากฏในสมองของเธอเมื่อสักครู่ดูเหมือนจะเป็นภาพความทรงจำของเมื่อปีที่แล้วที่เธอยอมตกลงไปงานเต้นรำกับมัลฟอย มันไม่ใช่เพราะเธอโดนคาถาหรืออะไร แต่มันเพราะเธอรู้สึกรำคาญที่เขาเอาแต่ตามตื้อจนน่าหงุดหงิด แต่ความรู้สึกตอนนั้นมันดันพุ่งพรวดเข้ามาในตัวเธอตอนนี้ด้วยนี่สิ

    แค่เห็นหน้าก็หงุดหงิดแบบนี้จะไปทำอะไรต่อได้ล่ะเนี่ย!

    “เปล่า – ไม่ – ไม่มีอะไร” เฮเลนตอบ เธอพยายามเรียกสติและสงบอารมณ์อีกครั้ง ร่างบางก้มลงมองพัฟสไกต์บนตักและลูบมันเบาๆ พร้อมกับผ่อนลมหายใจและนับหนึ่งสองสามถึงสิบล้านในใจ “ฉันก็แค่นึกถึงเมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้นายชวนฉันไปงานเต้นรำ”

    มัลฟอยหัวเราะเล็กน้อยตอนที่เธอพูดจบ

    “ฉันรู้นะว่าตอนนั้นเธอรำคาญ” เขาบอกพลางโยนสัตว์วิเศษตัวน้อยไปมาระหว่างมือทั้งสองข้าง  เฮเลนกังวลเหลือเกินว่าเจ้าตัวน้อยจะเฉาตายคามือของเขา “แต่ยังไงฉันก็รู้สึกว่าฉันยอมไม่ได้ที่จะให้คนอื่นเต้นรำกับเธอ – ฉันไม่แน่ใจว่าตอนนั้นเธอเข้าใจไหม – แต่ว่าฉันก็หาคำพูดดีๆ ชวนเธอไปงานด้วยกันไม่ได้”

    “ฉันก็แค่คิดว่านายต้องการให้แฮร์รี่หัวเสีย” เฮเลนพูด “แล้วฉันก็หงุดหงิดมากด้วยที่นายตามตื้อ”

    มัลฟอยหัวเราะออกมาอีกครั้ง

    “เธอไม่รู้หรอกว่าฉันพยายามกวนใจเธอมาตลอดนั่นน่ะเพราะอะไร” มัลฟอยว่า “ฉันมีเหตุผล แล้วฉันก็พยายามทำทุกอย่างให้เธอมองเห็นฉันในสายตา – ถึงความจริงเธอจะไม่ชอบมันก็เถอะ – แต่มันก็ไม่ค่อยได้ผล บางทีการทำตัวดีดีคงไม่เหมาะกับฉัน”

    เฮเลนยักไหล่และไม่ตอบอะไร เธอเริ่มกลับมาคิดอีกครั้งว่าจะทำอย่างไรให้เขายอมเข้าร่วมกับภาคี

    “แต่เรื่องที่พูดตอนจูบเธอเมื่อปีที่แล้วฉันไม่ได้โกหกนะ” มัลฟอยพูดต่อ “ที่จริงฉันก็แอบเสียใจนิดๆ ด้วยที่เธอบอกว่าจำไม่ได้”

    “เอ่อ – ฉันก็ไม่ได้โกหกนะว่าฉันจำไม่ได้” เฮเลนกลอกตาไปมา ตอนนี้เธอรู้สึกอยากให้ภาพพวกนั้นผุดมามากกว่านี้ จะได้รู้ว่าเขาพูดอะไรและจูบที่ว่านั่นจริงหรือไม่จริง “แล้วฉันก็จำไม่ได้ด้วยเรื่องที่นาย เอ่อ...”

    “ยัยเกรนเจอร์ก็รู้เรื่องนี้นี่” เขาบอก “แต่ฉันมั่นใจว่าเธอไม่ได้บอกพี่ชายเธอเรื่องนี้”

    “รู้ดียิ่งกว่าฉันอีกนะ” เฮเลนพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ

    “แน่นอน ก็ฉันชอบเธอมาตั้งนานนี่” มัลฟอยยักไหล่และหันไปมองทางอื่นทันทีหลังจากพูดจบ

    “อะไรนะ – เมื่อกี้นายพูดว่า...”

    “ฉันไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น!” มัลฟอยแยกเขี้ยวและโยนพัฟสไกต์ใส่เธอ เฮเลนสะดุ้งแล้วรับพัฟสไกต์มากอดไว้อย่างงงๆ เจ้าสัตว์วิเศษตัวน้อยร้องออกมาด้วยเสียงเล็กแหลมราวกับว่าพวกมันกำลังจะบอกว่าพวกมันตกใจที่เขาทำแบบนี้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เข้าไปซุกในเสื้อคลุมของเธอ และนั่นทำให้มัลฟอยรู้สึกหมั่นไส้พวกมันขึ้นมา “ไอ้พวก...”

    “อย่ามาหยาบคายนะ!” เฮเลนพูด “นายจะโยนพวกเขาใส่ฉันแบบนั้นก็ทำให้เขาตกใจพออยู่แล้ว”

    “โอ๋กันไปเลย กับไอ้...”

    “มัลฟอย!” เฮเลนแยกเขี้ยวใส่เขา ไม่รู้ว่าอยู่ดีดีมัลฟอยเป็นอะไรไปถึงได้เป็นแบบนี้ “ถ้านายยังทำแบบนี้ฉันจะไปนั่งที่อื่น!

    เขาเงียบไป เขาใช้มือขวาเสยผมที่ผลอยลงมาปรกใบหน้าเอาไว้และพยายามหันหน้าหนีไปทางอื่น นั่นทำให้เฮเลนมองเห็นไม่ชัดว่าเขามีสีหน้าเช่นไรในตอนนี้ แต่ถ้าเมื่อกี้หูเธอไม่ได้ฝาด เฮเลนได้ยินเขาพูดว่า ก็ฉันชอบเธอมาตั้งนาน ใช่ไหมนะ...

    “นี่” มัลฟอยเอ่ยขึ้นมาเบาๆ “ฉันถามจริงๆ ตลอดเวลาที่เธอมองฉัน เธอเห็นฉันเป็นแบบไหน”

    มัลฟอยเปิดประเด็นถามขึ้นมา เฮเลนเอียงคอมองหน้าเขานิดหน่อยก่อนจะกลอกตาทำท่านึกในขณะที่มือก็ลูบขนพัฟสไกน์อย่างเบามือ

    “ก็... เป็นเจ้างั่งที่งี่เง่า หยิ่ง ปากเสีย น่าหมั่นไส้ แถมยัง...”

    “หยุดๆ พอเลย พอ” จริงๆ เขาอยากให้เธอหยุดตั้งแต่เอ่ยออกมาคำแรกแล้ว มัลฟอยถอนหายใจออกมาเล็กน้อยและหันหน้ากลับมามองเธอ “ฉันดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ”

    “แน่นอน!

    “ไม่ลังเลเลยนะ” มัลฟอยว่า ใบหน้าเขามีรอยสีแดงจางๆ ขึ้นมาเล็กน้อย เด็กสาวแลบลิ้นใส่มัลฟอย เขาหัวเราะและเอื้อมมือไปไปผลักศีรษะของเฮเลนเบาๆ ทั้งที่ความจริงเขาควรจะรู้สึกหงุดหงิดและสาปเธอไปแล้วถ้าเกิดว่าคนตรงหน้าคือแฮร์รี่ “แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันรู้แล้วว่าทำไม่เธอไม่ชอบฉัน”

    เฮเลนยักไหล่ใส่เขาและไม่พูดอะไร เธอเหลือบตาไปมองแฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่ ดูเหมือนรอนกับเฮอร์ไมโอนี่กำลังเถียงกันเรื่องอะไรสักอย่างโดยมีแฮร์รี่และแฮกริดเป็นคนปราม แฮร์รี่หันมาหาเฮเลนและส่งสายตาหงุดหงิดมาให้ เธอคิดว่าเขาคงไม่พอใจที่มัลฟอยทำท่าเหมือนกับสนิทสนมกับเธอกระมัง

    “หลังจากงานเต้นรำ นายบอกฉันว่าฉันจะเขียนไปหานายใช่ไหม” เฮเลนเอ่ยขึ้นหลังจากที่ทั้งสองเงียบกันไปพักหนึ่ง “แล้วนายได้เขียนมาหาฉันบ้างหรือเปล่า”

    “ฉันรอเธอเขียนมาก่อนต่างหาก” มัลฟอยพูด “ฉันทำแบบนั้นต่อไปไม่ได้หรอกนะ ถ้าเกิดไม่รู้ว่าตัวเองมีความหวังไหม – แล้วจริงๆ เมื่อวานเธอก็ชัดเจนแล้วด้วย – แต่ฉันก็ไม่อยากจะยอมแพ้”

    “ความหวัง?” เฮเลนทวนคำ

    “เลิกถามย้ำทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วสักทีได้ไหม” มัลฟอยว่า “ฉันต้องกลับไปหาพวกนั้นแล้ว แล้วเจอกัน พอตเตอร์”

    “เดี๋ยว!” ในขณะที่มัลฟอยกำลังจะลุกขึ้นและเดินออกไปนั้นเอง ไม่รู้อะไรดลใจให้เฮเลนรั้งเขาเอาไว้ก่อน มัลฟอยหันกลับมามองเธอด้วยสายตาสงสัย “คือ... เรียกฉันว่าเฮเลนเหมือนเดิมก็ได้”

    “แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร” เขาว่า “ในเมื่อยังไงเธอก็เรียกฉันว่ามัลฟอยอยู่ดี”

    “งั้นฉันจะเรียกนายว่าเดรโก” เฮเลนบอก “ถ้านายไม่อยากให้ฉันเรียกนายว่ามัลฟอย”

    “ก็เปล่า” เขายักไหล่ “ต่อให้เรียกยังไง ถ้าเป็นเสียงเธอยังไงฉันก็ไปหาอยู่แล้ว -- ต่อให้ฉันอยู่ไกลแค่ไหน หากฉันได้ยินเสียงเธอ ฉันก็จะไปหาแน่นอน”

    “พูดอย่างกับตัวเองเป็นซูเปอร์แมน” เฮเลนแบะปากเล็กน้อยอย่างหมั่นไส้

    “มันคืออะไร ไอ้ซู... – อะไรนั่นน่ะ – ” มัลฟอยขมวดคิ้ว เขาคงไม่ได้ลืมใช่ไหมว่าตัวเองจะเดินกลับไปหาเพื่อนของตัวเอง

    “ช่างมันเถอะ เดรโก” เฮเลนพูดแล้วยิ้มกว้างให้เขา "เอาเป็นว่า -- แล้วเจอกันนะ"

    มัลฟอยเลิกคิ้วแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ เขายื่นมือมายีผมเฮเลนเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นเดินกลับไปยังกลุ่มเพื่อนสลิธีรินของเขา เฮเลนเองก็ลุกขึ้นเดินไปหาแฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่ตามเดิม พวกเขาดูโล่งใจเมื่อเธอเดินกลับไปหา ความจริงรอนและเฮอร์ไมโอนี่ไมได้ทะเลาะอะไรกัน นั่นเป็นเพียงการแสดงตบตาเพื่อทำให้มัลฟอยไม่สงสัยว่าพวกเขาแอบมองทั้งคู่อยู่

    “แนบเนียนมาก” เฮเลนบอกเฮอร์ไมโอนี่ “ฉันคิดว่าเธอกับรอนทะเลาะกันอยู่จริงๆ เสียอีก”

    “มันก็ – ก็ไม่เชิง – ล่ะนะ” เฮอร์ไมโอนี่กลอกตาไปมา “ว่าแต่พวกเธอเป็นยังไงบ้างล่ะ พอจะมีหวังไหม”

    “เธอพูดเหมือนเฮเลนเข้าไปจีบมัลฟอยอย่างนั้นแหละ” รอนว่า เฮอร์ไมโอนี่ส่งสายตาไม่พอใจไปให้เขา

    “ดูเหมือนจะไปได้สวยสินะ” แฮร์รี่พูด เขาเป็นคนที่ทำท่าโล่งใจที่สุดเมื่อเห็นเธอเดินกลับมา “มัลฟอยว่ายังไงบ้าง”

    “เรื่องไหนก่อนดีล่ะ” เฮเลนทำท่านึก “เรื่องแรกที่เขาไม่ยอมแต่งเพราะเขาไม่ชอบฝ่ายหญิง ส่วนความเป็นไปได้ที่ฉันจะดึงเขาเข้ามาร่วมกับเราฉันว่ามันเป็นไปได้มากเลยนะแฮร์รี่”

    แฮร์รี่ถอนหายใจเบาๆ “ถ้าเธอมั่นใจ ฉันก็ไม่ขัดข้องอะไร”

    “หวังว่าหมอนั่นจะไม่มาเป็นหนอนบ่อนไส้นะ  โอ๊ย!” รอนพูด เฮอร์ไมโอนี่หันไปตีแขนเขาแรงๆ ครั้งหนึ่ง

    “ทำไมเธอต้องพูดให้เสียเรื่องด้วยนะ โรนัลด์!” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ แต่ดูท่ารอนจะไม่ได้ใส่ใจเสียเท่าไหร่นัก เฮเลนพยายามไม่สนใจเขาและหันไปถามเรื่องพัฟสไกต์กับแฮกริดแทน

    อีกด้านหนึ่งของเด็กบ้านสลิธีรินที่ได้เรียนรวมกันกับพวกเขา แครบและกอยล์เหมือนจะค่อนข้างพึงพอใจที่เดรโกเข้าใกล้เฮเลนได้มากกว่าเดิมราวกับว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่พวกเขารอคอยให้เป้นจริงอยู่ยังไงอย่างนั้น การเชื่อมโยงระหว่างคนทั้งสองมีความเป็นไปได้สูงที่จะช่วยให้ลอร์ดมือฟื้นคืนชีพได้อย่างสมบูรณ์แบบมากขึ้นและมันจะสามารถช่วยเหลือครอบครัวเลือดบริสุทธิ์ของเขาได้อย่างง่ายดายด้วย

    เมื่อจบชั่วโมงเรียน เจ้าของดวงตาคมสีฟ้าซีดมองร่างบางที่ยืนอมยิ้มอยู่ข้างๆ กับฝาแฝดก่อนจะวิ่งอย่างสดใสไปหาแฮกริดเพื่อนำพัฟสไกน์ไปคืน เดรโกยกยิ้มมุมปากขึ้นมาเล็กน้อยอย่างพึงพอใจ ไม่รู้ทำไมตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน เขาไม่เคยต่อต้านผู้หญิงคนนี้ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว บางทีเธออาจจะเป็นคนที่เขาจะต้องแพ้ไปตลอดเลยก็ได้

    แพ้รอยยิ้ม แพ้คำพูด และแพ้ทุกทาง เพราะไม่ว่าเธอจะทำอะไร มันก็ส่งผลกระทบถึงหัวใจเขาทั้งหมด มันไม่มีคาถาใดจะสามารถแก้คำสาปที่เธอทำให้เขาเป็นแบบนี้ได้เลย ไม่มี...

    "มีเรื่องอะไรดีดีเหรอเดรโก" แพนซี่ เพื่อนสมัยเด็กของเขาเดินเข้ามาหาพร้อมกับคล้องแขนของเขาไว้อย่างเคยชิน "หน้าตาดูมีความสุขเชียว -- หรือว่ามีเรื่องอะไรจะแกล้งพวกมันงั้นเหรอ"

    "ไม่ -- เธอไม่ควรทำตัวเหมือนเดิมกับฉันนะ" เดรโกพูดแล้วดึงมือของแพนซี่ที่จับแขนของเขาอยู่ออกไป "ฉันไม่อยากให้เฮเลนเข้าใจผิดน่ะ"

    เขาสะบัดแขนเล็กน้อยแล้วเดินจากไปอย่างไม่ใยดี แพนซี่เป็นคนที่เขาเคยหลงใหลมาก่อนที่จะได้พบเฮเลน ทั้งคู่เหมือนจะได้เป็นคู่หมั้นกันเพราะการตกลงกันเองของพ่อแม่ แต่ถึงอย่างนั้นเดรโกก็ไม่เคยคิดกับแพนซี่เกินกว่าเพื่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว ไม่มีครั้งใดเลยที่เขาจะเห็นแพนซี่เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่หลงรักเขา

    ถึงจะรู้สึกผิดมากมายเพียงใดที่ต้องทำแบบนั้นกับเพื่อนที่สนิดกันมาตั้งแต่เด็ก -- แต่ถ้าเลือกได้ เขาก็เลือกให้เฮเลนมาที่หนึ่งอยู่ดี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

     

    ติดตามตอนต่อไป...

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×