คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #81 : บทที่ 7 บ้าน
บทที่ 7 บ้าน
"แฮกริด กลับมา!"
แฮร์รี่ไปได้ถึงครึ่งทางเท่านั้น แฮกริดก็หายเข้าไปในฝูงแมงมุมเสียแล้ว เฮเลนวิ่งตามเขาลงไปโดยมีเดรโก เฮอร์ไมโอนี่และรอนวิ่งตามมาด้วย แฮร์รี่ชะงักเมื่อเมื่อยักษ์สูงยี่สิบฟุตมาขวางหน้าเขาไว้ มันขยับตัวอย่างคล่องแคล่วและเหี้ยมโหด เมื่อพวกเขาวิ่งไปถึงตัวแฮร์รี่ก็เห็นว่ายักษ์กำลังพยายามคว้าใครสักคนออกมาจากหน้าต่าง
"แฮกเกอร์"
กรอว์ปถลาเลี้ยวหัวมุมปราสาทมา ตอนนี้เองที่เฮเลนเข้าใจแล้วว่าที่แฮกริดพูดว่ากรอว์ปเป็นยักษ์ที่เล็กกว่ามาตรฐานหมายความว่าอย่างไร ยักษ์ยี่สิบฟุตกับกรอว์ปวิ่งเข้าใส่กันอย่างดุร้าย พวกเขาไม่รอช้าวิ่งลงไปที่สนามอย่างรวดเร็ว ตรงไปยังป่าต้องห้ามและไปได้ครึ่งทางก็ต้องหยุด
อากาศรอบตัวเย็นเยือก เงาร่างมากมายไหวอยู่ในเงามืด ทุกร่างหมุนวนและเป็นสีดำสนิท เคลื่อนที่เป็นระลอกมาสู่ปราสาท ใบหน้าอยู่ใต้หมวกคลุมหัว และเสียงหายใจดังหวีดหวิว เสียงต่อสู้เบื้องหลังค่อยๆ เงียบลงอย่างน่าหวาดกลัว ความเงียบงันแผ่ปกคลุมในยามราตรี มันคือความเงียบที่ผู้คุมวิญญาณเท่านั้นที่จะก่อขึ้นได้...
แฮร์รี่ชูไม้กายสิทธิ์ขึ้น แต่เขาหมดหวังและหม่นหมองแสดงออกอย่างชัดเจนบนใบหน้าของเขา เฮเลนชูไม้กายสิทธิ์ขึ้นตาม ความปรารถนาที่จะช่วยให้สเนปรอดตายนั้นก่อให้เกิดความหวังในหัวใจ เธอสามารถช่วยเฟร็ดไม่ให้ตายไปได้แล้วคนหนึ่ง ดังนั้นไม่มีอะไรอีกแล้วที่เธอจะต้องกลัวแม้แต่ลอร์ดโวลเดอมอร์ก็ตาม
"เอกซ์เปกโต พาโตรนุม!"
ผู้คุมวิญญาณนับร้อยดาหน้าเข้ามา สุนัขจิ้งจอกของเฮเลนระเบิดออกมาในอากาศ กระโดดเข้าใส่ผู้คุมวิญญาณอย่างเข้มแข็ง ตามมาด้วยสุนัขเมอร์เรียร์สีเงินของรอน นาคของเฮอร์ไมโอนี่บิดตัวกลางอากาศอย่างซุกซน กระต่ายป่า หมูป่าสีเงินก็เหินผ่านศีรษะของเฮเลนไปอีกกลุ่ม สิ่งที่ตื่นตาตื่นใจมากที่สุดนั่นก็คือสัตว์ตัวสุดท้าย
...นกยูงสีเงิน...
ผู้คุมวิญญาณถอยกรูเมื่อสัตว์เหล่านั้นเข้าไปใกล้ คนอีกสามคนโผล่ออกมาจากความมืดเพื่อยืนเคียงข้างพวกเขา ไม้กายสิทธิ์ของทุกคนยื่นออกมาข้างหน้า ยังคงเสกคาถาผู้พิทักษ์ต่อไป ลูน่า เออร์นี่ และเชมัสนั่นเอง และสิ่งที่ประหลาดใจที่สุดของเฮเลนก็คือผู้พิทักษ์ของเดรโกซึ่งมันไม่ใช่หงส์
"ดีกมากพวกเรา" ลูน่าพูดให้กำลังใจ "แฮร์รี่... เร็วเข้า คิดถึงอะไรที่มีความสุขสิ..."
"อะไรที่มีความสุขล่ะ..." แฮร์รี่พูด มองไปรอบกายด้วยสายตาว่างเปล่า
"ก็เรายังไม่ตายไง" เฮเลนพูด "เรายังอยู่นี่... อยู่ตรงนี้และเราจะต้องปกป้องฮอกวอตส์!"
"เรายังคงต่อสู้อยู่" ลูน่ากระซิบ "เร็วเข้าสิ ตอนนี้เลย..."
จากนั้นกวางหนุ่มก็ระเบิดออกมาจากปลายไม้กายสิทธิ์ของแฮร์รี่ มันวิ่งบุกไปข้างหน้า คราวนี้ผู้คุมวิญญาณแตกกระเจิงอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้น อากาศก็กลับมาเย็นสบายอีกครั้ง แต่เสียงการต่อสู้ก็ยังคงดังเซ็งแซ่อยู่ในหู
มีเสียงคำรามและแผ่นดินสะเทือน ยักษ์อีกตัวโผล่ออกมาจากป่าที่มืดมิดควงกระบองซึ่งโตกว่าทุกคน
"วิ่ง!" แฮร์รี่ตะโกน ทุกคนวิ่งกระจายกันออกไปและนับว่าเส้นยาแดงผ่าแปดจริงๆ เพราะอีกนาทีต่อมา เท่ามหึมาของยักษ์ร้ายก็กระแทกลงตรงจุดที่พวกเขาเคยยืนอยู่ เสียงตะโกนของมันแหวกผ่านราตรี ก้องไปทั่วสนาม ขณะที่ลำแสงสีแดงและเขียวยังคงสว่างวาบท่ามกลางความมืดมิด
พวกเขาวิ่งห้อลงไป ลืมอีกสามคนที่เข้ามาช่วยเอาไว้ชั่วขณะ วิ่งเร็วกว่าครั้งใดในชีวิต เฮเลนเห็นต้นวิลโลว์อยู่ไกลลิบๆ ต้นไม้ที่ซ่อนความลับเอาไว้ที่รากของมัน ด้วยกิ่งก้านที่หวดขวับดังแส้พร้อมกับใครบางคนที่ยืนรอคอยพวกเขาอยู่ไม่ไกลนัก
รอบเขตกิ่งก้านของต้นวิลโลว์ แท็คกำลังยืนรอคอยพวกเขาอยู่ด้วยใบหน้าที่ดูไม่ดีเหมือนอย่างที่เธอเห็นในตอนแรก เขาถือขวดน้ำยาอะไรสักอย่างพร้อมกับเขย่าและโรยเส้นบางๆ ลงไปในนั้น แท็คยิ้มให้กับพวกเขาที่วิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าอย่างพอดิบพอดี
"นายกำลังจะ -- " เฮเลนยังไม่ทันพูดจบกระโยคดี แท็คก็กระดกน้ำยานั้นดื่มไปเสียแล้ว
ร่างของเด็กหนุ่มตรงหน้าเริ่มเปลี่ยนไปที่ละน้อย ความสูงยืดขึ้นและผมยาวขึ้น จมูกโด่งเป็นสันงองุ้มลงเหมือนกับตะขอ ใบหน้าแสนคุ้นเคยปรากฏขึ้นตรงหน้าเฮเลนอย่างเด่นชัด เธออ้าปากค้างและพูดชื่อของเขาออกมาด้วยเสียงเบาๆ ว่า "สเนป"
"นายปลอมเป็นสเนปทำไม!" เดรโกถามอย่างเหลือเชื่อ
"ผมว่าคุณก็รู้แล้วนะว่าทำไม" แท็คยกยิ้มเล็กน้อย "ตามผมมาเถอะ ผมรู้ว่าพวกคุณจะต้องปกป้องเขา -- มันไม่จำเป็นอีกแล้วล่ะ -- ตอนนี้ผมจะไปอยู่ตรงนั้นแทนเขาเอง"
"แล้วนายไม่กลัวโวลเดอมอร์จะจับได้หรือยังไง!" แฮร์รี่ร้องถาม "สเนปเป็น..."
"ผมรู้ว่าผมกำลังจะทำอะไร" แท็คพูดเสียงเรียบ "ไปเถอะครับ อย่าให้เวลามันไหลไปมากกว่านี้เลย"
กิ่งไม้ปริศนาลอยไปกระแทกลงบริเวณใกล้ราก แล้วทันใดนั้นต้นไม้ก็หยุดบิดตัวและนิ่งสนิท พวกเขาไม่ได้พูดอะไรกันต่อ แฮร์รี่อาจจะยังลังเลว่าทำไมต้องพารอน เฮอร์ไมโอนี่และเดรโกไปเสี่ยง หรือทำไมแท็คต้องปลอมตัวเป็นสเนป แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มุดรากต้นไม้เข้าไปในอุโมงค์ มันแคบกว่าที่เฮเลนคิด ทั้งหกคนเคลื่อนที่อย่างไร้ซุ่มเสียง จนในที่สุดอุโมงค์ก็เริ่มลาดชัน
พวกเขาคลานต่อไปให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ ประสาทสัมผัสทั้งหมดตึงเครียด กังวลว่าจะถูกค้นพบได้ในทุกวินาที แท็กหายไปจากอุโมงค์ก่อนหน้าพวกเขาแล้วด้วยวิธีใดก็ไม่ทราบ อยู่ๆ เขาก็หายไปเหมือนกับที่จินนี่บอก เฮเลนนึกถึงเรื่องผู้พิทักษ์ขึ้นมาได้ ถ้าหากผู้พิทักษ์ของเดรโกเป็นนกยูง แล้วหงส์สีเงินตัวนั้นล่ะเป็นของใคร...
พงกเขาค่อยๆ เขยิบไปที่ปากทาง สิ่งที่แย่ก็คือเฮเลนลืมไปว่ามีอะไรบางอย่างขวางทางออกอุโมงค์เอาไว้ พวกเขาจึงได้แต่แอบมองผ่านช่องโหว่ระหว่างลังกับกำแพง ห้องตรงนั้นมืดสลัว แต่มองเห็นนากินีได้ชัดเจน มันกำลังหมุนไปรอบๆ ตัวขดเหมือนงูใต้น้ำ เฮเลนค่อยๆ ดันลังกระดาษนั้นออกไปให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ ร่างบางเลื่อนตัวออกมาจากโพรงอย่างเชื่องช้าและแนบตัวติดกับกำแพงทันทีที่ขึ้นมาได้ อีกสี่คนแทรกตัวขึ้นตามมา เฮเลนเห็นแท็คหันหลังบังประตูที่แง้มอยู่เอาไว้ให้พวกเขา
เฮเลนหัวใจเต้นรัวอย่างหวาดหวั่น ถ้าเธอจำไม่ผิดตอนนี้ศาสตราจารย์สเนปจะ... แต่ถ้าหากว่าสเนปไม่ได้เป็นคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น งั้นก็หมายความว่าคนที่จะตายไม่ใช่สเนปงั้นเหรอ หมายความว่าโวลเดอมอร์ไม่รู้ตัวจริงๆ เหรอว่าคนที่อยู่ตรงหน้าของเขานั่นคือแท็คไม่ใช่สเนป แล้วถ้าหากโวลเดอมอร์ฆ่าลูกชายตัวเอง...
ไม่ได้... เธอให้เขาทำแบบนั้นไม่ได้ เธอจะต้องปกป้อง...
"บางทีแกคงรู้แล้วสินะ แกเป็นคนฉลาดมากนี่ เซเวอร์รัส แกเป็นคนใช้ที่ดีและซื่อสัตย์ และฉันเสียดายที่ต้องทำแบบนี้"
เฮเลนสะดุ้งเมื่อรู้ตัวว่าใกล้จะถึงเวลาที่โวลเดอมอร์จะฆ่าสเนปแล้ว เฮเลนมองลอดช่องกำแพงเข้าไปด้านในห้องอีกครั้ง
"ไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์ที่ไม่อาจรับใช้ฉันได้ดี เซเวอร์รัส เพราะว่าฉันไม่ใช่นายที่แท้จริงของมัน ไม้เอลเดอร์เป็นของพ่อมดคนที่ฆ่าเจ้าของเดิมมันได้ แกฆ่าอัลบัส ดัมเบิลดอร์ ตราบเท่าที่แกมีชีวิตอยู่ เซเวอร์รัส ไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์ไม่มีวันเป็นของฉันอย่างแท้จริง"
"เจ้านาย!" แท็คร้องประท้วง เฮเลนกล้าพูดเลยว่าเขาแสดงได้สมจริงมาก
"มันไม่มีทางอื่นไปได้" โวลเดอมอร์พูด "ฉันต้องเป็นนายของไม้อันนี้ เซเวอร์รัส นายของไม้กายสิทธิ์ แล้วฉันก็จะเป็นนายของพอตเตอร์ในที่สุด"
ในขณะที่โวลเดอมอร์ตวัดไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์ฟาดอากาศ เฮเลนกระโดดพรวดไปบังร่างของแท็คเอาไว้แต่ว่าความจริงแล้วสิ่งที่โวลเดอมอร์ทำนั้นไม่ใช่หารสาปสเนป เฮเลนเพิ่งจะนึกขึ้นได้เดี๋ยวนั้นเองว่าโวลเดอมอร์ไม่ได้ฆ่าสเนปด้วยคำสาปแต่เขาใช่นากินีฆ่าสเนป... กว่าจะทันตั้งตัวกรงงูก็ล้อมรอบศีรษะเธอไปจนถึงบ่าเสียแล้ว
"ฆ่า"
ปากที่อ้ากว้างกำลังเตรียมพร้อมที่จะฉกเข้ามานั้นชะงักไปเมื่อมีงูอีกตัวกระโจนเข้ามาในกรงและงับเข้าที่คอนากินีอย่างแรง มันมีขนาดเล็กกว่านากินีเล็กน้อยแต่จะมีคนเชื่อจริงๆ เหรอว่าต่อให้งูตัวนี้ปรากฏตัวขึ้นมา เธอจะรอดจากเงื้อมือจอมมาร... "อะวาดา เคดาฟ-รา!"
แสงสีเขียวสว่างวาบ ดวงตาทั้งสองข้างพร่าเลือน เฮเลนได้ยินเสียงโวลเดอมอร์หัวเราะชอบใจและพานากินีออกไปจากที่นั่น ภาพงูใหญ่ที่กลายร่างคืนร่างเดิมอย่างช้าๆ และเสียงตะโกนของเดรโกดังสนั่น และแล้วทุกสิ่งก็เลือนหายไป...
เฮือก!
ดวงตาทั้งสองข้างลืมขึ้นอีกครั้งหนึ่งในห้องที่มืดสนิท บ้านทั้งหลังเงียบกริบเหมือนดังทุกวันที่เธออยู่ ร่างบางหันไปมองหนังสือเล่มบางในมือของตัวเองอีกครั้ง มันยังคงกางออกและวางทิ้งอยู่ตรงนั้นไม่หายไปไหน ตอนนี้เธอก็พอเข้าใจแล้วว่าทำไมหนังสือเล่มนี้ถึงไม่ถูกตีพิมพ์และถูกส่งออกไปขาย เพราะว่าเมื่อตัวเอกตายนิยายเรื่องนี้ก็จะจบลง... มันเดาได้ไม่ยากเลยว่ามันจะต้องขายไม่ออกแน่นอน
อยู่ๆ น้ำตามันก็พาลจะไหลออกมาดื้อๆ ดวงตากลมพยายามกะพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่น้ำตาออกไปจากใบหน้า ห้องที่มืดมิดยังคงเงียบเชียบ เธอนอนอยู่เพียงลำพัง ลำพังจริงๆ ไม่มีใครเฝ้าดู ไม่มีใครอยู่ที่นี่ด้วย ท่ามกลางความว่างเปล่าของความฝันที่แหลกสลายไปเมื่อต้องตื่นนอน
ผ่านไปอีกครู่หนึ่งหรือบางทีอาจไม่ใช่ เฮเลนลุกขึ้นยืนในความมืดมิด เธอมองร่างเปลือยเปล่าที่จำได้รางๆ ว่ายังไม่ได้อาบน้ำก่อนอ่านหนังสือทำไมเสื้อผ้าถึงถูกถอดออกไปได้ แต่เรื่องนั้นมันก็ไม่ได้สำคัญอะไรนัก เฮเลนเดินไปหยิบชุดในตู้เสื้อผ้าที่เปิดออกแล้วรู้สึกแปลกใจว่าทำไมเสื้อผ้าจึงเหลืออยู่เพียงแค่ชุดเดียว
เฮเลนคิดว่าตัวเองควรไปอาบน้ำแต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องสวมเสื้อผ้าเสียก่อนที่จะเปิดประตูออกไป
"อะไรกัน" ร่างบางพึมพำเบาๆ กับตัวเอง
เมื่อเปิดประตูออกไปก็พบกับกลุ่มควันสีขาว ระเบียงทางเดินชั้นสองของบ้านกลายเป็นสีขาวไปหมด มีหมอกสีขาวลอยอยู่จางๆ ทว่ามันไม่เหมือนหมอกใดๆ ที่เธอเคยเห็นหรือสัมผัส บรรยากาศไม่หนาว ไม่อุ่นแค่รู้สึกว่ายังอยู่ตรงนี้เท่านั้น ว่างเปล่าและไม่มีอะไรเลย...
เฮเลนยกมือขึ้นกอดร่างของตัวเอง เธอไม่ได้ผิดปกติ ไม่ได้สวมแว่นแลัที่สำคัญ ไม่ได้มีรอยแผลเป็นรูปสายฟ้าอีกแล้ว...
เสียงหนึ่งลอยผ่านความว่างเปล่าเข้ามาถึงตัวเธอ เป็นเสียงกระแทกแผ่วเบา เหมือนบางอย่างกำลังพลิกตัว ดิ้นรน กระเสือกกระสน เป็นเสียงที่ฟังน่าสมเพชแต่ก็เจือเอาไว้ด้วยความหยาบโลน เธอรู้สึกกระอักกระอ่วนใจราวกับกำลังแอบฟังคนอื่นอยู่ภายในบ้านของตัวเอง
เฮเลนเหลียวมองไปรอบบ้าน ทุกอย่างนิ่งสนิทและเงียบกริบ มีเพียงเสียงกระแทกและครางแปลกประหลาด ซึ่งดังมาจากที่ไหนสักแห่งในบ้าน เฮเลนเดินลงบันไดมาที่ชั้นล่าง ทุกอย่างยังคงขาวสะอาดและเงียบเชียบ มันช่างว่างเปล่าจริงๆ ถ้าไม่นับ --
เฮเลนผงะ เธอเห็นสิ่งนั้นแล้ว เป็นเด็กตัวเปลือยเปล่า ร่างเล็กกระจ้อย นอนขดตัวอยู่บนพื้น ผิวสีแดงสดและถลอกปอกเปิก เหมือนถูกถลกหนังออกไป มันนอนตัวสั่นอยู่บนพรมหน้าประตูทางเข้าบ้าน เหมือนถูกทิ้งเอาไว้ตรงนี้ เหมือนไม่มีใครต้องการแถมยังอยากจะขับไล่ มันกระเสือกกระสนที่จะหายใจเอาชีวิตรอดต่อไป
เฮเลนรู้สึกว่าตัวเองกำลังตัวสั่นและตื่นกลัว ถึงมันจะตัวเล็ก อ่อนแอและบาดเจ็บเพียงใด เธอก็ยังรู้สึกได้ว่ามันอาจจะแว้งกัดเธอได้ทุกเมื่อ เธออยู่ใกล้มากพอที่จะจับ แต่ก็ไม่กล้า เธออยากจะช่วยมัน แต่ก็รังเกียจเกินกว่าจะทำได้
"เธอช่วยอะไรมันไม่ได้หรอก"
เฮเลนเงยหน้าขึ้น อัลบัส ดัมเบิลดอร์เดินเข้ามาพร้อมเด็กหนุ่มคนหนึ่ง เขาหันหลังปิดประตูและเดินก้าวข้ามสิ่งนั้นเข้ามาหาเธอ ดัมเบิลดอร์เดินตัวตรง ท่าทางกระฉับกระเฉง สวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มที่สะบัดพลิ้วและเด็กหนุ่มอีกคนก็ดูดีขึ้น เขายืดตัวตรง จัดทรงผมยุ่งเหยิงอย่างที่เคยเป็น สวมเสื้อคลุมสลิธีรินและใบหน้าสดใส
"เฮเลน" ดัมเบิลดอร์ยิ้มกว้าง "แม่สาวน้อยที่กล้าหาญ ช่วยพาฉันเดินชมบ้านของเธอหน่อยได้ไหม"
"แล้ว -- แล้วเขาล่ะคะ" เฮเลนหันไปหาแท็ค เด็กหนุ่มยิ้มตอบเธอบางๆ
"ผมก็จะไปกับคุณด้วยไงครับ" แท็คว่าแล้วเดินตามดัมเบิลดอร์ที่เดินนำหน้าเข้าบ้านไปก่อน เฮเลนชะงักเล็กน้อยแต่ก็ยอมเดินตามพวกเขาไปโดยความรู้สึกประหลาดใจ ตกใจ งุนงง และเหลือเชื่อปะปนกันอยู่ในหัว
"นี่ต้องเป็นความฝันแน่ๆ ใช่ไหมคะ" เฮเลนเอ่ยถามหลังจากพาพวกเขาเข้าไปในห้องครัว ดัมเบิลดอร์กำลังสำรวจตะเกียบอันใหม่สีชมพูลายคิตตี้ที่เธอซื้อมาเมื่อวันก่อนและแท็กที่ทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตรงโต๊ะทานอาหารกลางห้องครัว "ฉัน -- ฉันไม่คิดว่าฉันจะฝันเรื่องเดิมได้ซ้ำซาก จริงๆ แล้วฉันควรตื่น..."
"ผมคิดว่ามันไม่ใช่ฝันหรอกนะครับ" แท็คยิ้ม รอยยิ้มที่ไม่เคยปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขาเลยตลอดสองปีที่เธอพบเขา "ดูสิ คุณก็อยู่ในบ้าน -- บ้านของคุณ -- และมันก็สวยดีนะครับ"
"ขอบใจ" เฮเลนตอบเสียงแผ่ว "แต่ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ -- อาจารย์ -- เอ่อ ตายแล้วไม่ใช่เหรอคะ"
"อ๋อ ใช่" ดัมเบิลดอร์ตอบหน้าตาเฉยแล้ววางตะเกียบลงที่เดิม
"ถ้างั้น ฉันก็ควรจะตื่น..." เฮเลนชะงัก "ไม่สิ ฉันก็ตายแล้ว..."
"อ้า" ดัมเบิลดอร์ร้องแล้วเดินไปนั่งลงข้างๆ กับแท็ค "นั่นก็เป็นเรื่องที่น่าสงสัยนะ จริงไหม แต่แม่สาวน้อยที่น่ารัก ฉันไม่คิดแบบนั้นหรอก ไม่คิดด้วยว่านี่จะเป็นแค่ความฝัน -- ใช่ไหม คุณแม็คมาเวลล์"
"ครับ" แท็คหันไปหาดัมเบิลดอร์ "ความจริง คุณมีความเกี่ยวโยงกับเฮเลน พอตเตอร์อยู่น่ะครับ"
"หมายความว่ายังไง"
ทั้งสามคนมองสบตากัน ดัมเบิลดอร์ยิ้มแฉ่ง
"ต้องบอกก่อนว่ามันเป็นอะไรที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ" ดัมเบิลดอร์กล่าว "จุดเชื่อมโยงของเฮเลน วินเทอร์ กับ เฮเลน พอตเตอร์ มันห่างกันแค่เส้นด้ายคั่นเอาไว้"
เฮเลนยังคงงุนงงกับเรื่องที่ดัมเบิลดอร์พูด เธอไม่เอ่ยตอบอะไร แต่ยืนนิ่งๆ เพื่อรอฟังประโยคถัดไปของเขา แท็คหัวเราะคิกคักท่าทางเหมือนกับกำลังสนุกกับท่าทางของเธอ
"ถ้าให้ผมอธิบายให้คุณเข้าใจก็คงจำเป็นต้องใช้ทฤษฎีของโลกคู่ขนานล่ะมั้งครับ" แท็คยังคงหัวเราะคิกคักทั้งๆ ที่กำลังพูด "คุณสองคนมีจุดเชื่อมต่อกันแค่เส้นด้ายเท่านั้น คุณสองคนสามารถสื่อถึงกันได้เพียงแค่นอนหลับและฝันไป มีความลับอีกหลายอย่างที่คุณยังไม่รู้ และผมจะขอเก็บมันเป็นความลับเอาไว้ดีกว่า"
"เดี๋ยวสิแท็ค!" เฮเลนร้องขึ้นมา "ถ้านายพูดแล้ว นายก็น่าจะบอกให้ฉันรู้ไปเลยสิ แล้วยิ่งตอนที่โวลเดอมอร์ฆ่าฉันอีก ฉันไม่ได้ป้องกันตัวเองเลย ฉันสมควรจะตาย!"
"นั่นล่ะ" ดัมเบิลดอร์พูด "จึงทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป ฉันว่านะ"
รังสีความสุขแผ่ออกมาจากตัวดัมเบิลดอร์เหมือนแสงสว่าง เหมือนเปลวไฟที่แสนอบอุ่น
"อธิบายด้วยค่ะ" เฮเลนพูด
"แต่เธอก็น่าจะรู้แล้วนี่นา" ดัมเบิลดอร์พูด หันไปสบตากับแท็ค
"หนูไปที่โลกคู่ขนานมาสองปี! หนู..." เฮเลนกลืนประโยคนั้นลงคอ "หนูปล่อยให้โวลเดอมอร์ฆ่าหนู!"
"ใช่แล้ว" ดัมเบิลดอร์พยักหน้า "พูดต่อไปสิ!"
"เพื่อส่วนหนึ่งของวิญญาณของเขาที่อยู่ในตัวหายไป" เฮเลนเสียงแผ่วลง "และมันอาจจะ..."
"มันทำให้คุณในโลกนั้นตายไปด้วย"
แท็คเติมประโยคจนเต็ม เฮเลนรู้สึกเหมือนโลกทลาย ใช่... เธอตายแล้วและไม่อาจกลับไปที่นั่นได้อีกด้วย
"แล้วนายล่ะ" เฮเลนถาม "นายก็ตายเหรอ -- แล้วฉันปกป้องนายไปเพื่ออะไร"
แท็คยักไหล่เล็กน้อย
"มันเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นครับ" แท็คตอบ "แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะไปต่อนี่ครับ"
แท็คหันไปหาดัมเบิลดอร์ ทั้งสองสบตากันอย่างมีความหมายในขณะที่เฮเลนขมวดคิ้วจนแทบเป็นปม
"วิญญาณของเธอและโวลเดอมอร์ในโลกคู่ขนานได้หายไปแล้ว" ดัมเบิลดอร์พูด "แต่วิญญาณดวงนี้ที่ไปอยู่ที่นั่นมาสองปียังคงสมบูรณ์..."
เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น เฮเลนสะดุ้งเฮือก
"ฉันคิดว่าฉันคงต้องไปแล้ว" ดัมเบิลดอร์บอกพลางยันตัวลุกขึ้น "เลือกให้ดีนะเฮเลน"
"คุณจะไปไหนคะ..."
"ฉันต้อง ไปต่อ" ดัมเบิลดอร์ว่าแล้วเดินออกไปจากห้อง เหลือแค่เธอกับแท็คที่มองตามหลังเขาไปเพียงลำพังแค่สองคน
"แล้วนายล่ะ" เฮเลนหันไปหาแท็ค
"ผมยังไม่ไปต่อตอนนี้หรอกครับ" แท็คตอบ "ถึงผมจะย้อนกลับไปไม่ได้ก็ตาม -- เอาล่ะ ผมว่าอีกคนหนึ่งกำลังมาแล้ว ผมออกไปยืนรอข้างนอกนะครับ"
แท็คยิ้มแล้วเดินไปที่ประตูห้องครัว เขาผายมือให้ใครอีกคนเข้ามา ร่างบางที่มีเรือนผมสีออกแดงและใบหน้าคล้ายกับเธออย่างกับถอดแบบออกมา...
ติดตามตอนต่อไป...
ความคิดเห็น