ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfic Harry Potter] [OCxDM] If Harry Potter has a sister!

    ลำดับตอนที่ #77 : บทที่ 3 ฮอกวอตส์

    • อัปเดตล่าสุด 17 ม.ค. 65


    บทที่ 3 ฮอกวอตส์


    “แล้วพวกเธอเห็นหรือเปล่าว่ามันอยู่ที่ไหนในฮอกวอตส์” รอนถาม ลุกยืนขึ้นตามมาเช่นกัน

    “ไม่” แฮร์รี่ส่ายหน้า “เขาคิดเรื่องที่จะไปเตือนสเนป ไม่ได้คิดเรื่องที่ว่ามันอยู่ที่ไหน – ”

    “มันอยู่ในห้องต้องประสงค์” เฮเลนบอกเสียงเรียบ ทุกคนเงียบเสียงลงไปในทันใด “มันคือ – รัดเกล้า – รัดเกล้าที่สาบสูญของเรเวนคลอ”

    เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก่อน!”  เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้น “มันจะเป็นไปได้ยังไง – ในเมื่อไม่ว่าใครก็หามันไม่เจอมานับศตวรรษแล้ว – ไม่มีทาง – ไม่มีทางเจอแน่ ฉันไม่ – ”

    “แต่แม้กระทั่งล็อกเก็ตของสลิธีริน – ถ้วยของฮัฟเฟิลพัฟ – ดาบของกริฟฟินดอร์” เฮเลนจ้องหน้าเฮอร์ไมโอนี่ “ทุกอย่างเรายังหาเจอได้ แล้วทำไมรัดเกล้าของเรเวนคลอ – เราจะหามันไม่เจอล่ะ!

    “แต่เราจะไปกันเฉยๆ ไม่ได้!” เฮอร์ไมโอนี่เถียงในขณะที่รอนหยิบฮอร์ครักซ์และแฮร์รี่ดึงผ้าคลุมออกมาอีกครั้ง “ในเมื่อเราไม่รู้ว่ามันยังอยู่หรือเปล่า เราก็ควรวางแผน – ”

    “เราต้องรีบไป” แฮร์รี่พูดเสียงหนักแน่น เฮเลนกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ แฮร์รี่พูดถูก พวกเขาไม่มีเวลาพักอีกแล้วในตอนนี้ “เธอนึกไม่ออกเหรอว่าเขาจะทำอะไรถ้ารู้ว่าแหวนกับล็อกเก็ตหายไปแล้ว ถ้าเกิดเขาตัดสินใจว่าฮอร์ครักซ์ที่ฮอกวอตส์ไม่ปลอดภัยแล้วย้ายไปที่อื่นล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น”

    “แต่เราจะหายตัวไปใต้ผ้าคลุมหมดได้ยังไง – เรามีตั้งห้าคนเลยนะ!

    แฮร์รี่เงียบไป เฮอร์ไมโอนี่พูดถูก ผ้าคลุมไม่สามารถบดบังพวกเขาได้ทั้งหมดแน่ เฮเลนกวาดตามองทุกคนก่อนจะเอ่ยขึ้น

    “ก็ไม่ต้องคลุมผ้าคลุม!” เธอพูดเสียงหนักแน่น “ฉันรู้ว่าเราควรจะหายตัวไปที่ไหน – จับมือฉันเอาไว้แล้วกัน – แล้วพวกเธอจะเข้าใจที่ฉันพูด เขาคนนั้น จะช่วยให้เราปลอดภัย”

    เสียงกระพือปีกมหึมาดังก้องข้ามผืนน้ำสีดำ พวกเขาเพิ่งสังเกตเห็นว่ามังกรร่อนลงดื่มน้ำอยู่ฝั่งตรงกันข้ามของลำธาร มันโผบินขึ้นไปในอากาศ พวกเขามองมันบินไต่สูงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งร่างของมันกลายเป็นสีดำทาบอยู่บนท้องฟ้าซึ่งมืดลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นมันก็หายลับไปจากสายตา เดรโกเอื้อมมือมาจับมือของเธอเอาไว้ส่วนแฮร์รี่จับอยู่ทางขวาตามด้วยรอนและเฮอร์ไมโอนี่ แล้วทั้งหมดก็หมุนรอบตัว ตรงเข้าไปสู่ความมืดมิดที่บีบคั้น

    เฮเลนนึกถึงร้านหัวหมูที่เคยไปกับดัมเบิลดอร์ เท้าของพวกเขาแตะพื้นถนนสายหลักฮอกส์มี้ดที่แสนคุ้นเคย ทั้งหน้าร้านมืดๆ เมื่อปีที่ผ่านมาพวกเขามาที่นี่พร้อมกับดัมเบิลดอร์ เธอนึกถึงภาพทั้งหมดภายในวินาทีเดียวที่เท้าแตะพื้น – จากนั้นเมื่อแฮร์รี่และเดรโกคลายมือออกจากมือของเธอมันก็ส่งเสียงขึ้น

    อากาศสั่นสะเทือนด้วยเสียงกรีดร้องของแมวหง่าว มันชำแหรกเส้นประสาททุกเส้นในร่างของพวกเขา เสียงฝีเท้าและเสียงเปิดประตูดังปึงปังอยู่ไม่ไกล เฮเลนรีบฉุดมือแฮร์รี่และเดรโกให้ออกวิ่งตามมาในทันที เธอวิ่งอ้อมไปหลังร้านหัวหมู เสียงกลอนประตูดังขึ้น แล้วประตูบานนั้นก็เปิดออก เสียงแหบห้าวดังขึ้นว่า “พอตเตอร์ ในนี้ เร็ว!

    ทั้งห้าคนวิ่งพรวดเข้าไปในนั้นโดยไม่ลังเล พวกเขากระโจนผ่านช่องประตูเข้าไป

    เฮเลนลากพวกเขาขึ้นไปด้านบนอย่างรวดเร็วโดยไม่ฟังคำถามจากแฮร์รี่หรือเสียงทักท้วงของเจ้าบ้าน ข้างบนนั้นเป็นห้องนั่งเล่นที่ปูพรมบางจนแทบสึก มีเตาผิงเล็กๆ หนึ่งเตา เหนือเตาผิงแขวนรูปภาพสีน้ำมันขนาดใหญ่ เป็นรูปเด็กผู้หญิงผมบลอนด์คนหนึ่ง เธอมองมาอย่างอ่อนหวานแต่เลื่อนลอย

    เฮอร์ไมโอนี่ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ไม้ขาโยกเยกในขณะที่เฮเลนเดินไปนั่งใกล้ๆ กับเตาผิงโดยมีเดรโกนั่งข้างๆ พลางดึงให้ร่างบางเอนตัวมาซบไหล่ แฮร์รี่กับรอนแอบแหวกม่านดูลาดเลาข้างนอกเมื่อเสียงฝีเท้าของพวกผู้เสพความตายเริ่มเบาบางลง ไม่นานทั้งคู่ก็รูดม่านพร้อมกับเสียงฝีเท้าของเจ้าของร้านหัวหมูใส่กลอนประตูและเดินไปเดินมาอยู่เบื้องล่างก่อนจะตามมาด้วยเสียงไต่บันได

    “นั่นเป็นคาถาแมวครวญใช่ไหมคะ” เฮเลนถามขึ้นทันทีที่คนขายเหล้าเข้ามาในห้อง เขากวาดตามองทั้งห้าคน

    “ใช่ พวกเธอนี่มันโง่เง่าจริงๆ” เขาพูดเสียงกระด้าง “คิดอะไรกันถึงมาที่นี่”

    “แต่คุณก็รู้ว่าเราจะมา” เฮเลนตอบกลับไปอีก “ใช่ไหมคะ คุณอาเบอร์ฟอร์ธ ดัมเบิลดอร์”

    แฮรืรี่หันมามองหน้าเฮเลนเล็กน้อยก่อนจะหันไปหาอาเบอร์ฟอร์ธ ในขณะที่ทั้งห้องเงียบกริบ

    “ตาของคุณนั่นเองที่ผมเห็นในกระจกเงา” แฮร์รี่พูด “คุณส่งด๊อบบี้ไป”

    “คิดว่ามันจะกลับมาพร้อมพวกเธอเสียอีก เอามันไปทิ้งไว้ที่ไหนล่ะ”

    “เขาตายแล้วครับ” เดรโกบอก “ป้าเบลาทริกซ์ฆ่าเขา”

    “ฉันเสียใจที่ได้ยินเรื่องนี้” อาเบอร์ฟอร์ธถอนหายใจเบาๆ “ฉันชอบเอลฟ์นั่น”

    เขาหันหลัง ทิ่มไม้กายสิทธิ์ไปจุดตะเกียงในห้องและไม่มองดูพวกเขาเลย

    “คุณได้กระจกนั่นมาได้ยังไงครับ” แฮร์รี่ถาม พลางเดินไปทางกระจกเงาบานหนึ่ง เฮเลนจำได้แม่นว่ามันคืออะไร เธอไม่อยากเชื่อตัวเองเลยว่าการเผลอไผลปล่อยความรู้สึกทำให้หนังสือเล่มนี้ดึงตัวตนของเธอไปหมด มันดึงไปแม้กระทั่งความทรงจำของเนื้อเรื่องและพาเธอไปตามเกมส์ที่มันต้องการ ต้องขอบคุณอาการปวดหัวและแผลเป็นบนหน้าผากที่ช่วงหลังนี้มันปวดบ่อยเสียเหลือเกิน

    “ซื้อมาจากดังเมื่อปีที่แล้ว” อาเบอร์ฟอร์ธพูด “อัลบัสเคยบอกว่ามันคืออะไร ก็คอยๆ ดูๆ เธอเผื่อไว้”

    รอนอุทานเบาๆ

    “กวางสาวสีเงิน!” เขาร้องอย่างตื่นเต้น “นั่นเป็นคุณเหมือนกันใช่ไหม”

    “เธอพูดเรื่องอะไรกัน” อาเบอร์ฟอร์ธถาม

    “มีคนส่งผู้พิทักษ์กวางตัวเมียไปหาเรา”

    “ผู้พิทักษ์ของเขาเป็นแพะ” เฮเลนตอบเสียงเรียบ เรียกสายตาทุกคนมองมายังใบหน้าของเธอ “นั่นเป็นผู้พิทักษ์ของ...”

    “อย่า!” เดรโกร้อง “อย่าพูด เขาจะรู้”

    “ตอนนี้มันไม่สำคัญหรอกเดรโก” เฮเลนมองใบหน้าเขาเล็กน้อย “เขาไม่ได้สนใจฉัน เขากำลังมุ่งมั่นกับการตรวจสอบฮอร์ครักซ์และหาทางป้องกันมันให้ควั่ก” เฮเลนสูดลมหายใจเข้าปอดนิดหน่อย “นั่นเป็นผู้พิทักษ์ของเซเวอร์รัส สเนปแล้วเขาเองก็เป็นคนที่ช่วยเราอยู่ข้างหลังมาตลอดด้วย ฉันรู้หมดแล้ว!

    “ฉันไม่คิดว่าเธอจะรู้เยอะขนาดนี้นะ” เดรโกทำท่าตกใจอย่างปิดไม่มิด “ฉันคิดว่าเธอรู้แค่เขามีผู้พิทักษ์...”

    “ฉันรู้หมดทุกอย่างนั่นแหละ แต่ฉันเปลี่ยนอะไรไม่ได้สักอย่าง” เฮเลนฟุบหน้าลงกับเข่าที่ชันขึ้นมาเมื่อสักครู่และพูดต่อด้วยเสียงอู้อี้ “ฉันสมเพชตัวเองมาก น่าสมเพชที่สุด”

    “เดี๋ยว เธอหมายความว่าสเนปอยู่ข้างเราจริงๆ งั้นเหรอ” แฮร์รี่พูดอย่างไม่อยากเชื่อ “แต่ตอนนี้เขาอยู่กับพวกมัน เขาเป็นผู้...”

    “ผมหิวแล้วครับ!” รอนพูดขัดขึ้นมา “ใช่... ผมหิว!

    เขาพูดดังๆ พร้อมกับท้องไส้ที่ร้องโครกครากขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง

    “ฉันมีอาหาร” อาเบอร์ฟอร์ธพูด เขาเดินตัวเอียงออกไปจากห้อง สักพักก็โผล่กลับมาพร้อมกับขนมปังก้อนใหญ่ เนยแข็งและเหยือกดีบุกใส่เหล้าน้ำผึ้ง เขาวางทั้งหมดลงบนโต๊ะตัวเล็กหน้าเตาผิง ทั้งห้าคนเริ่มดื่มกินกันอย่างหิวโหยโดยไม่พูดอะไรกันต่ออีก ชั่วครู่ที่ทั้งห้องเงียบสนิท มีเพียงเสียงลูกไฟแตก เสียงถ้วยเชิงกระทบไม้ และเสียงเคี้ยวอาหาร

    “เอาล่ะทีนี้” อาเบอร์ฟอร์ธพูดเมื่อทุกคนรับประทานกันเสร็จแล้ว “เราต้องคิดหาวิธีพาพวกเธอออก...”

    “ไม่ค่ะ เราไม่ออก” เฮเลนแทรกขึ้นทันที อาเบอร์ฟอร์ธทำท่าไม่พอใจเล็กน้อย

    “ใช่ครับ เราไม่กลับไป” แฮร์รี่เสริม “เราต้องเข้าไปในฮอกวอตส์ ตามเป้าหมายของเรา”

    “ไม่ต้องเล่าอะไรทั้งนั้นค่ะ” เฮเลนดักเมื่ออาเบอร์ฟอร์ธทำท่าจะอ้าปากพูด “ไม่ต้องถามว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ต้องถามเรื่องดัมเบิลดอร์ หนูจะเล่าทุกอย่างให้แฮร์รี่ฟังที่หลังค่ะ – ตอนนี้ แน่นอน วินาทีนี้ – หนูต้องการความช่วยเหลือจากคุณ มากเสียด้วย ถ้าคุณช่วยเราได้ – ตอนนี้แหละที่คุณต้องบอกวิธีมา”

    เฮเลนจ้องหน้าอาเบอร์ฟอร์ธ เธอมองตาเข้าและจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาสีฟ้าสดใสนั้นอย่างมีความหมาย เธอไม่ต้องการให้เรื่องราวยืดเยื้อไปมากกว่านี้แล้ว ตอนนี้สงครามใกล้เข้ามาแล้วทุกทีเธอไม่ต้องการเสียเวลาอีกแล้ว เธอต้องทำในสิ่งที่ควรทำให้มากที่สุด เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเหลืออีกคนหนึ่งที่เธออาจจะช่วยได้ แม้ว่าจะมีโอกาสน้อยมากที่จะช่วยเขาให้สำเร็จก็ตาม

    อาเบอร์ฟอร์ธนิ่งไปชั่วครู่ เขากระแอมและยืนขึ้น เดินไปใกล้รูปวาดที่เฮเลนมั่นใจว่าคือแอรีอานนา น้องสาวของเขาแน่นอน

    “เธอรู้นะว่าต้องทำอะไร” เขาพูด

    เด็กหญิงยิ้มแล้วหมุนตัวเดินจากไป เธอไม่ได้เดินออกทางข้างๆ เหมือนคนในภาพอื่นๆ แต่กลับเดินไปตามทางที่เหมือนอุโมงค์ยาวด้านหลัง ทุกคนมองร่างเล็กๆ ของเธอไป จนในที่สุดร่างนั้นก็ถูกกลืนหายไปในความมืด

    “เอ่อ – นี่มัน – ” รอนเกริ่น

    “นี่เป็นทางเดียวที่จะเข้าไปได้ในตอนนี้” อาเบอร์ฟอร์ธบอก “พวกนั้นจัดการปิดทางลับเก่าๆ หมดแล้ว ทั้งทางเข้าทางออก ตามแนวกำแพงมีผู้คุมวิญญาณเต็มไปหมด ด้านในโรงเรียนก็มียามเดินลาดตระเวนตลอด นี่ตามที่แหล่งข่าวฉันบอกมา ฉันไม่เคยเห็นที่นั่นป้องกันแน่นหนาขนาดนี้มาก่อนเลย ส่วนพอเข้าไปได้พวกเธอจะทำอะไรกัน ถึงเธอจะรู้ว่าสเนปเป็นพวก แต่ก็มีพี่น้องแคร์โรว์เป็นผู้ช่วย”

    “เขาต้องจับเราอยู่แล้วตามแผนของดัมเบิลดอร์” เฮเลนพูดเสียงเรียบ “แต่เขาจะทำเป็นปล่อยให้เราหลุดไป เขาทำอย่างนั้นมาตลอดนั่นแหละ”

    จุดสีขาวโผล่กลับมาจากปลายอุโมงค์ ตอนนี้แอรีอานนากำลังเดินกลับมาหาพวกเขา ร่างของเธอใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เมื่อใกล้เข้ามา แต่คราวนี้มีใครอีกคนมากับเธอด้วย เขาตัวสูงกว่าเธอ เดินกะโผลกกะเผลก ท่าทางตื่นเต้น ผมของเขายาวขึ้น ดูเหมือนว่าเขาจะมีรอยแผลถูกกรีดหลายแห่งบนใบหน้า เสื้อผ้าฉีกขาดรุ่งริ่ง ร่างทั้งสองใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งมีศีรษะและบ่าอยู่เต็มภาพ จากนั้นรูปภาพก็เหวี่ยงเปิดออกราวกับเป็นประตูบานเล็ก เผยให้เห็นทางเข้าอุโมงค์ของจริงที่อยู่เบื้องหลัง ร่างที่มีผมยาวรุงรัง ใบหน้ามีรอยแผลและเสื้อคลุมขาดรุ่งริ่ง กระโดดออกมาจากอุโมงค์ นั่นคือเนวิลล์ ลองบัตท่อมตัวจริง เขาส่งเสียงร้องอย่างดีใจ ขณะกระโจนลงมาจากกรอบเตาผิงและตะโกนเสียงดัง “ฉันรู้ว่าพวกเธอต้องกลับมา!

    พวกเขากอดรัดกันอย่างแนบแน่น มีเพียงคนเดียวที่เนวิลล์เพียงจับมือเบาๆ นั่นก็คือเดรโก

    “ฉันรู้เรื่องของนายแล้วมัลฟอย” เนวิลล์พูดเบาๆ “เขาพูดกันให้ทั่วเลยว่านายทรยศ – เพราะนายช่วยเหลือพวกเขา ฉันทึ่งในตัวนายจริงๆ ไม่คิดเลยว่านายจะทำได้”

    “มันไม่เหมือนคำชมเลยนะ ลองบัตท่อม” เดรโกขมวดคิ้วเล็กน้อย

    เนวิลล์หันมาหาอาเบอร์ฟอร์ธ “แอ๊บ เดี๋ยวจะมีมาอีกสองสามคนนะครับ”

    “สองสามคนเหรอ” อาเบอร์ฟอร์ธทวนคำ น้ำเสียงไม่สู้ดี “เธอหมายความว่าอะไรสองสามคน ลองบัตท่อม นี่มันเวลาห้ามออกจากบ้าน แถมยังมีคาถาแมวครวญเสกไว้ทั่วหมู่บ้านด้วย”

    “ผมรู้ เพราะฉะนั้นพวกนั้นก็เลยจะตรงมาที่บาร์เลยครับ” เนวิลล์ตอบ “ถ้ามาถึงแล้วช่วยส่งไปตามทางเดินนี้ด้วยนะครับ”

    พวกเขาปีนเข้าไปบนกรอบเตาผิง เข้าไปในอุโมงค์ ข้างในมีขั้นบันไดหินเรียบๆ อยู่ ทางเดินนี้ดูเหมือนอยู่ที่นี่มาเป็นปีๆ แล้ว มีตะเกียงทองเหลืองแขวนไว้ตามกำแพง

    “อุโมงค์นี้มีตั้งแต่เมื่อไหร่” รอนถามเมื่อพวกเขาเริ่มออกเดินทาง

    “อย่าไปสนเรื่องพวกนั้นเลย” เนวิลล์ว่า “จริงหรือเปล่าที่พวกนายบุกเข้าไปในกริงกอตส์ แล้วก็ขี่มังกรหนีออกมา คนพูดเรื่องนี้กันทุกที่เลย แทรี่ บู๊ตถูกแคร์โรว์ตีเกือบตาย เพราะเขาตะโกนบอกเรื่องนี้ในห้องโถงใหญ่ตอนอาหารค่ำ”

    “ใช่ เป็นความจริง” แฮร์รี่ตอบ

    เนวิลล์หัวเราะร่าด้วยความยินดี

    “ตอนนั้นแหละที่พวกมันบอกว่ามัลฟอยเป็นคนทรยศ – แล้วนายทำยังไงกับมังกรล่ะ”

    “ปล่อยมันเข้าป่าไปน่ะสิ” รอนบอก “เฮอร์ไมโอนี่อยากจะเก็บเอามาเลี้ยง – ”

    “อย่าพล่ามเกินจริง รอน – ”

    “แต่พวกนายทำอะไรกันอยู่ล่ะ ใครๆ ก็พูดกันว่าพวกนายกำลังหนีหัวซุกหัวซุนไปทั่วเลย แต่ฉันไม่คิดงั้นนะ ฉันคิดว่าพวกนายมีแผนทำอะไรสักอย่าง”

    “นายคิดถูก” แฮร์รี่ตอบ “แต่เล่าเรื่องฮอกวอตส์ให้เราฟังหน่อยสิ”

    เนวิลล์ทำหน้าเศร้านิดหน่อยก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมด ไประหว่างทางเดิน “สุดท้ายพวกมันตัดสินใจว่าทางเดียวที่จะหยุดฉันได้คือไปจัดการกับคุณย่า เรื่องของเรื่องก็คือ พวกมันไม่รู้จักคุณย่าของฉัน แม่มดแก่ๆ ตัวเล็กๆ อยู่บ้านคนเดียว พวกมันคงคิดว่าคงไม่ต้องใช้ใครที่มีฝีมือมากๆ ก็ได้ แล้วเป็นไงล่ะ” เนวิลล์หัวเราะ “ดอว์ลิชตอนนี้ยังอยู่เซนต์มังโก้อยู่เลย ส่วนคุณย่าก็กำลังหนี ท่านส่งจดหมายมาถึงฉันอยู่ตลอดด้วย แต่เสียอย่างเดียว พอไม่มีอะไรจะขู่ฉัน พวกมันเลยตัดสินใจว่าไม่มีฉันฮอกวอตส์ก็อยู่ได้ ฉันไม่รู้หรอกว่ามันวางแผนอะไร แต่ฉันรู้สึกว่าถึงเวลาต้องหายหน้าแล้ว”

    พวกเขาเลี้ยวตรงหัวมุมแล้วทางเดินก็สิ้นสุดลงเบื้องหน้า มีบันไดเตี้ยๆ อีกสองสามขั้นนำไปสู่ประตูบานหนึ่ง เนวิลล์ผลักมันออกแล้วปีนออกไป และร้องว่า “ดูสิใครมา! ฉันบอกพวกเธอแล้วใช่ไหม”

    เมื่อพวกเขาโผล่ออกมาก็พบกับเสียงหัวเราะดีใจและโห่ร้อง พวกเขาถูกคนมากกว่ายี่สิบคนโห่ร้อง กอด ตบหลัง ขยี้ผมและจับมือเขย่า ราวกับว่าพวกเขาเพิ่งชนะควิดดิชรอบชิงแชมป์

    “โอเค สงบกันหน่อย!” เนวิลล์ร้องบอก เมื่อฝูงชนถอยหลังไป เฮเลนก็มองเห็นสภาพแวดล้อมได้

    “นี่เราอยู่ห้องต้องประสงค์กันใช่ไหม” เฮเลนถาม เธอดึงมือเดรโกเข้ามาจับเมื่อเห็นร่างของใครบางคนรางๆ อยู่ไม่ไกลนัก “แล้วทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่”

    แท็คนั่งอยู่ที่หัวมุมหนึ่งของห้อง ดวงตาสีทึบเหม่อลอยไม่มีที่สิ้นสุด ทุกสายตาหันไปมองเขาวูบหนึ่งก่อนจะหันกลับมาที่ทั้งห้าคน

    “เขาค้านหัวชนฝาเรื่องการทรมานเด็กปีหนึ่ง ตอนแรกๆ เขาไม่พูดอะไรเลย แค่ทำเป็นไม่ทำแล้วอ้างว่าตัวเองเป็นใคร” เนวิลล์กระซิบ “แต่ฉันเห็น ว่าเขาหายตัวไปจากปราสาท คืนหนึ่งที่พวกเราออกมาเขียนเรื่องทัพดัมเบิลดอร์ เราก็เห็นเขาเดินออกไปจากโรงเรียนแล้วหายตัวไปที่ไหนสักแห่ง ฉันไม่เคยรู้เลยว่าเขาทำอะไร”

    “ฉันเห็น” เชมัสพึมพำ “เขาเป็นสลิธีรินคนเดียวที่ช่วยเด็กปีหนึ่งอย่างลับๆ และปฏิเสธการเข้าพวกกับเราเพราะเขาบอกมันทำให้เขาเสียหาย ฉันเพิ่งรู้ว่ามันหมายความว่าอะไรตอนแคร์โรว์มาเจอเขาเข้า ตอนที่เขากำลังสาปเด็กปีสี่สลิธีรินคนหนึ่งให้กลายเป็นกบเพราะเขาจะฆ่ารุ่นน้องที่เขาไม่ชอบหน้า”

    “ฉันจะเข้าไปคุยกับเขาหน่อย” เฮเลนว่า เธอหันไปพยักหน้าให้กับเดรโกเบาๆ เธอนึกเรื่องราวทุกอย่างออกแล้วและแน่นอนเขาเป็นตัวแปรสำคัญอีกตัวหนึ่งเหมือนกับเธอ เขาเป็นคนที่เธอคิดว่าจะมีอยู่และแน่นอน เธอต้องถามเขาด้วยว่าทำไมถึงได้กลายเป็นลูกพี่ลูกน้องเฮอร์ไมโอนี่ได้ “พวกนายคุยกันไปก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันกลับมา”

    เดรโกพยักหน้ารับ เฮเลนแหวกฝูงชนเดินไปหาแท็ค เธอนั่งลงตรงหน้าเขาในขณะที่เสียงพูดคุยของฝั่งแฮร์รี่ดังขึ้นอีกครั้ง

    “เธอกลับมาทำไม” แท็คพูดทั้งๆ ที่เฮเลนยังไม่ทันได้เอ่ยถ้อยคำใดๆ “มาฆ่าตัวตายงั้นเหรอพอตเตอร์”

    “วันนั้น” เฮเลนเกริ่น “นายจงใจไม่ฆ่าเราใช่ไหม... นายจงใจเข้าร่วมกับอัมบริดจ์ตั้งแต่แรก เพื่อสอดส่องในนั้นและขัดขวางหล่อนเท่าที่จำเป็น นายจงใจกวนประสาทเดรโกในห้องต้องประสงค์เพื่อให้เขาพูดความจริง นายจงใจล่อหลอกเขาให้เขาพูดเรื่องที่จะเกิดขึ้นเพราะนายรู้ว่าฉันอยู่ตรงนั้น นายจงใจเข้ามาบอกว่าชอบฉันเพื่อทำให้ฉันสงสัยในตัวนายแล้วรู้ได้ง่ายๆ ว่านายเป็นผู้เสพความตาย นายน่ะ...”

    “หุบปากเถอะน่า ทำไมถึงต้องมาฉลาดเอาตอนนี้ด้วย” แท็กพูด เขาไม่หันมามองหน้าเธอด้วยซ้ำ “ฉันไม่คิดหรอกนะว่ายัยโง่อย่างเธอจะเข้าใจ ฉันอยากให้เธอเกลียดๆ ฉันไปซะดีกว่าที่จะมานั่งบอกว่าเธอรักฉัน น่าสมเพช”

    “แต่นายก็รักฉันไม่ใช่เหรอ” 

    แท็คเงียบ ในที่สุดเขาก็เหลือบตามามองเธอด้วยสายตาประหลาด

    “เงียบเถอะน่า ฉันไม่ได้แสดงออกว่ารักเธอสักหน่อย อย่ามโนไปหน่อยเลย” เขาบอก “ถ้าเธอฉลาดขนาดรู้ว่าฉันคิดยังไง – ก็ไม่ต้องพูดก็ได้ – เพราะยังไงมันก็เป็นเรื่องจริง ฉันไม่ได้พยายามปกป้องเธอมาตั้งแต่แรกหรอกนะพูดตรงๆ ฉันแค่ – ”

    “แค่?”

    “ช่างหัวมันเถอะ” แท็คถอนหายใจ “ฉันรู้ว่าเธอกำลังต้องการทำลายฮอครักซ์นั่น ถ้วยของเฮลก้าฮัฟเฟิลพัฟ ฉันรู้”

    “ถ้านายฉลาดขนาดรู้ว่าเราต้องทำอะไร – ก็ไม่ต้องพูดก็ได้ – เพราะยังไงนายก็รู้อยู่แล้ว”

    “ไม่ต้องมายอกย้อน” แท็คถลึงตาใส่เฮเลน “ยังไงเธอก็ต้องใช้ฉัน”

    เฮเลนยักไหล่ ตอนนี้เองที่เธอสัมผัสได้ถึงความรู้สึกแสบร้อนที่แผลเป็นบนหน้าผาก แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจ เธอดึงแขนแท็คให้ลุกขึ้นเดินไปทางกลุ่มคนที่รวมตัวกันอยู่

    “ตกลงแผนเป็นไง” จอร์จถาม

    ตอนนี้มีหลายคนมากอยู่ที่นี่ เฟร็ด จอร์จ สมาชิกภาคีที่ยังเหลืออยู่ จินนี่ ลูน่า โช แชงและอีกหลายคน

    “ไม่รู้” แฮร์รี่ตอบ หันมองเฮเลนอย่างมีความหมาย “ฉัน – ฉันหมายถึงเราต้องหา – หาอะไรนะ”

    “รัดเกล้าของเรเวนคลอ” เฮเลนพูดเสียงดังฟังชัด “และฉันมีแผนแน่นอน ระหว่างฉันพูด ทุกคนห้ามพูด ห้ามเถียงและที่สำคัญ ห้ามขัดเด็กขาด – ย้ำว่าเด็ดขาด – โอเคไหม”

    ทุกคนพยักหน้าแม้ว่าหลายคนจะมีสายตาไม่พอใจเล็กน้อยก็ตาม เฮเลนดึงแท็คเข้ามาด้านใน

    “ฉันรู้ว่าต้องไปตามหารัดเกล้าที่ไหน ดังนั้นเราจะแยกกันเป็นสองกลุ่ม” เฮเลนสูดลมหายใจเข้าปอด “กลุ่มแรกคือฉัน แฮร์รี่ เดรโก ลูน่า เราสี่คนจะไปตามหารัดเกล้าเรเวนคลอกัน ส่วนอีกกลุ่มคือ รอน เฮอร์ไมโอนี่และแท็ค” รอนและเฮอร์ไมโอนี่มองไปยังแท็คที่ยืนทำหน้านิ่งงันอยู่ตรงหน้าพวกเขา “ให้เขาพาพวกเธอไป เขารู้ว่าต้องพาพวกเธอไปที่ไหน – ไม่ต้องกังวล เขาไม่กัดพวกเธอแน่”

    “เธอพูดเหมือนฉันเป็นหมาเลยนะ” แท็คเหน็บเล็กน้อย เฮเลนไม่ได้สนใจเขา

    “ส่วนพวกที่เหลือ เตรียมตัวให้พร้อมในนี้” เฮเลนพูดเสียงแข็ง “ฉันมั่นใจว่าเขากำลังจะมาแล้ว”

    ทุกคนพยักหน้า แต่แฮร์รี่กลับพูดขึ้นว่า “เธอรู้ได้ยังไงว่าเขากำลังจะมาที่นี่”

    “แน่ล่ะ” เฮเลนยักไหล่ “ตอนนี้ยัง แต่ระหว่างที่เรากำลังหารัดเกล้าล่ะก็มาแน่”

    ไม่มีใครพูดอะไรอีก พวกเขาหลบออกจากห้องต้องประสงค์อย่างเงียบๆ เฮเลนให้ลูน่าย่องนำหน้าพวกเขาไป เธอให้เดรโกถือผ้าคลุมล่องหนมาด้วยเพื่อความปลอดภัย ไม่ได้เผื่อว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นตามที่บอกเฮอร์ไมโอนี่หรอก แต่เธอมั่นใจและแน่ใจอยู่แล้วว่าอะเล็กโตต้องมาที่ห้องนั่งเล่นเรเวนคลออย่างแน่นอน

    “แล้วทำไมต้องพาลูน่าไปด้วยล่ะ” แฮร์รี่กระซิบ เหล่ตามองลูน่าด้วยสายตาประหลาดใจ

    “ต้องไปที่ทางเข้าหอเรเวนคลอ” เฮเลนตอบ “ถึงฉันจะรู้ว่าสิ่งที่เราตามหาคืออะไร แต่ฉันก็จำหน้าตามันไม่ได้หรอกนะ”

    พวกเขาตรวจแผนที่ตัวกวนทุกครั้งที่เดินผ่านโค้งและเลี้ยวหัวมุมที่ไม่รู้ว่าจะมีอะไรโผล่ออกมารึเปล่า สิ่งที่เฮเลนกังวลมากที่สุดคือพีฟส์ มันจะโผล่มาตอนไหนก็ไม่อาจรู้ได้เลยจึงทำให้เธอเป็นกังวลกับมันมากกว่าผีตัวไหนๆ

    “ทางนี้” ลูกน่ากระซิบและกวักมือให้เดินไปทางบันไดเวียนอันหนึ่ง

    พวกเขาไต่บันไดขึ้นไป มันเป็นวงเวียนแคบๆ ชวนให้เวียนหัว ในที่สุดก็ไปถึงประตูบานหนึ่ง ซึ่งไม่มีลูกบิดหรือรูกุญแจ ไม่มีอะไรทั้งสิ้นนอกจากแผ่นไม้เก่าแก่ราบเรียบ และที่เคาะประตูสัมฤทธิ์รูปนกอินทรี

    ลูน่าเอื้อมมือขาวซีดออกไปเคาะประตูหนึ่งครั้งและในความเงียบสงัดเหมือนมันเป็นเสียงของลูกปืนใหญ่ไม่มีผิด จะงอยปากของนกอินทรีเปิดออกทันที แต่แทนที่จะเป็นเสียงนกร้อง กลับมีเสียงไพเราะดุจเสียงดนตรีดังเบาๆ ว่า “อะไรเอ่ยมาก่อน นกฟีนิกซ์หรือว่าเปลวไฟ”

    “อืม...เธอคิดว่าไงล่ะแฮร์รี่” ลูน่าพูด สีหน้าครุ่นคิด

    “อะไร ไม่ใช่แค่มีรหัสผ่านหรอกเหรอ” แฮร์รี่ถาม เฮเลนถอนหายใจเบาๆ คำถามมันเหมือนกับคำถามที่ว่า ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน ไม่มีผิดเพี้ยน

    “ไม่ใช่เลย เธอต้องตอบคำถามให้ได้” ลูน่าตอบ

    “แล้วถ้าตอบผิดล่ะ” เดรโกขมวดคิ้วถามต่อ

    “ก็ต้องคอยจนกว่าจะมีคนตอบถูกน่ะสิ” ลูน่าบอก “แบบนั้นเราจะได้เรียนรู้ไง”

    “แต่เราไม่มีเวลาคอยคนอื่นหรอกนะ” เดรโกพูดน้ำเสียงกึ่งไม่พอใจ

    “ไม่เหรอ” ลูน่าพูดอย่างเอาจริงเอาจัง “งั้นฉันคิดว่าคำตอบคือ วงกลมไม่มีจุดเริ่มต้น”

    “ให้เหตุผลดีมาก” เสียงนั้นตอบ แล้วบานประตูก็เหวี่ยงเปิดออก

    ไม่มีคนเลยในห้องนั่งเล่นของบ้านเรเวนคลอ ห้องนั้นกว้างขวาง เป็นรูปวงกลมและดูโปร่งกว่าห้องใดๆ ในฮอกวอตส์ บนกำแพงมีหน้าต่างรูปโค้งสง่างามอยู่เป็นช่วงๆ แขวนด้วยผ้าม่านผ้าไหมสีน้ำเงินและทองสัมฤทธิ์ เพดานห้องเป็นรูปโดม วาดเป็นรูปดาวล้อกับภาพบนพรมปูพื้นสีน้ำเงินเที่ยงคืน มีโต๊ะ เก้าอี้และชั้นหนังสือตั้งไว้ทั่วห้อง และในเวิ้งที่กำแพงตรงข้ามกับประตู มีรูปหินอ่อนสีขาวตั้งอยู่

    รูปสลักของโรเวนนา เรเวนคลอ เหมือนรูปสลักครึ่งตัวที่เห็นในบ้านของลูน่า รูปสลักยืนอยู่ข้างประตูที่เดาว่าน่าจะนำไปสู่หอนอนข้างบน บนศีรษะเธอมีเส้นวงกลมหินอ่อนแบบบางรัดอยู่รอบ เฮเลนเห็นแฮร์รี่ปีนขึ้นไปบนฐานรูปสลักเพื่อจะอ่าน

    เชาว์ปัญญาเหลือคณานับคือขุมทรัพย์มหาศาล

    “ซึ่งหมายความว่าพวกแกไม่มีสักแดงเดียว เจ้าคนไร้เชาว์ปัญญา” เสียงแหบๆ ดังขึ้น

    ทุกคนม้วนตัวกลับ แฮร์รี่ถไลลื่นจากฐานรูปสลักลงมาบนพื้น อะเล็กโต แคร์โรว์ยืนไหล่ลู่อยู่ตรงหน้าพวกเขา เดรโกกระชากร่างบางเข้ามาใกล้ๆ เขาในทันที ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็กดนิ้วชี้อ้วนป้อมลงไปที่ตราหัวกระโหลกและงูที่ประทับอยู่บนแขน...


    ติดตามตอนต่อไป...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×