ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfic Harry Potter] [OCxDM] If Harry Potter has a sister!

    ลำดับตอนที่ #74 : บทเกริ่น [SS4]

    • อัปเดตล่าสุด 10 ม.ค. 65



    บทเกริ่น


    กระท่อมของบิลกับเฟลอร์ตั้งโดดเดี่ยวอยู่บนหน้าผาหันหน้าออกสู่ทะเล กำแพงกระท่อมฝังด้วยเปลือกหอยและฉาบปูนสีขาว มันเป็นสถานที่ที่อ้างว้างแต่สวยงาม ไม่ว่าเฮเลนจะอยู่ที่ไหนในกระท่อมหรือในสวน เธอจะได้ยินเสียงทะเลสาดซัดไม่ขาดสาย เสมือนเสียงหายใจของสัตว์ที่กำลังนอนหลับอยู่

    สองสามวันถัดมา เฮเลนมักจะเห็นแฮร์รี่หลบออกไปจากกระท่อมและไปอยู่ที่ริมหน้าผา เดรโกกับเธอมักจะนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นและอ่านหนังสือไปด้วยกันเงียบๆ เฮเลนพยายามไม่นึกถึงไม้กายสิทธิ์กับโวลเดอมอร์ มันทำให้เธอหวาดหวั่น ในใจเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายที่เริ่มผุดขึ้นมาในหัวอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

    เรื่องที่เธอมั่นใจว่าเดรโกไม่สมควรอยู่ที่นี่ เรื่องที่เธอมั่นใจว่าลูเซียส มัลฟอยไม่น่าจะต้องตาย ข้อสงสัยและความทรงจำแปลกๆ ที่ผุดขึ้นมาทำให้เธอสับสนไปหมด สงครามก็ใกล้เข้ามาแล้วนอกจากนั้นเดรโกก็ยังคงอยู่ที่นี่อีก แล้วอะไรกันที่ทำให้เธอคิดว่าเดรโกไม่ควรจะอยู่ในกระท่อมเปลือกหอยหรืออยู่ข้างๆ กับเธอตอนนี้

    เฮเลนไม่รู้ว่าคำตอบคืออะไรบางทีก็คิดว่าตัวเองอาจจะบ้าไปแล้วที่ไม่เชื่อว่าสิ่งที่เป็นอยู่นี่มันคือเรื่องจริง เธออธิบายให้ตัวเองพอใจไม่ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะยิ่งนานตัวเองเริ่มรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่ผิดแปลกแล้วก็เหมือนเธอจะมั่นใจว่ายังไงโวลเดอมอร์ก็ไม่มีวันชนะ แม้ว่าจะบอกแฮร์รี่เป็นสิบครั้งดูเหมือนว่าเขาจะไม่รับฟังเลย เขาเอาแต่หมกมุ่นว่าจะสามารถรวบรวมฮอร์ครักซ์และเอาชนะไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์ได้อย่างไรเท่านั้นเอง

    ในทุกๆ วันเฮเลนจะได้ฟังเฮอร์ไมโอนี่พูดยืนกรานว่าไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์เป็นวัตถุชั่วร้าย พวกเขาไม่มีทางทำลายหลุมศพของดัมเบิลดอร์ได้เหมือนกับโวลเดอมอร์เพราะมันเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจที่สุด ยังไงฝาแฝดก็ยังกลัวศพของดัมเบิลดอร์น้อยกว่ากลัวว่าตัวเองจะตีความตั้งใจของดัมเบิลดอร์ผิดเป็นไหนๆ แม้ว่าจะรู้สึกเหมือนเดินทางไปในความมืดอีกครั้งทั้งที่เลือกทางเดินของตัวเองแล้ว แน่นอนว่าเธอยังต้องหันไปมองป้ายข้างหลังเพราะสงสัยว่าตัวเองอ่านป้ายผิดและเดินมาถูกทางหรือเปล่า

    รอนหาเรื่องมาเถียงว่าดัมเบิลดอร์ตายไปแล้วจริงๆ เหรอ จนเฮเลนต้องเดินไปหาที่เงียบๆ นั่งเพียงลำพัง เดรโกมีสีหน้าวิตกกังวลอยู่หลายครั้งแต่ก็พยายามที่จะกลบเกลื่อนมันด้วยรอยยิ้มดั่งเคย เฮเลนพยายามขอร้องให้เขาพูดเรื่องที่ลำบากใจ แต่แน่นนอนว่าเขาปฏิเสธ เธอมั่นใจว่าเขาคงเป็นห่วงนาร์ซิสซา แต่ยังไงเธอก็มั่นใจว่านาร์ซิสซาปลอดภัยอย่างแน่นอนเพราะเธอไม่ได้สังหรณ์อะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้นเลยแม้แต่เพียงนิด เดรโกเล่าว่าวันที่เธอหนีไปนั้นลาเมียร้องโหยหวนจนน่าตกใจในระหว่างที่พวกเขาอยู่หน้าคฤหาสน์ มีผู้เสพความตายคนหนึ่งถูกเบลาทริกซ์ฆ่าเพราะสุดจะทนเรื่องที่เฮเลนหนีไปหลังจากวันนั้นไม่นาน

    “ถ้าไม่ใช่ดัมเบิลดอร์แล้วด๊อบบี้รู้ได้ยังไงว่าเราอยู่ในห้องใต้ดิน เธออธิบายสิ!” รอนพูดครั้งที่หนึ่งร้อยของวัน เขายังคงหาเหตุผลมาเถียงกับเฮอร์ไมโอนี่ว่าดัมเบิลดอร์ยังไม่มีทางตายแน่นอน

    “ฉันอธิบายไม่ได้! – แต่เธออธิบายได้ไหมล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่เถียง “ว่าดัมเบิลดอร์ส่งคนมาช่วยได้ยังไงในเมื่อเขานอนอยู่ในสุสานที่ฮอกวอตส์!

    “ฉันไม่รู้หรอก อาจจะเป็นผีของเขาก็ได้”

    “ดัมเบิลดอร์จะไม่กลับมาเป็นผีหรอก” แฮร์รี่พูด “เขาจะต้องไปต่ด”

    ในขณะที่รอนอ้าปากจะพูด เฟลอร์ก็ออกมาจากกระท่อมและส่งเสียงเรียกพวกเขาเสียก่อน ผมยาวสีเงินปลิวไสวอยู่ในสายลม

    “กริ๊บฮุกอยากจะพูดอะไรกับพวกเธอหน่อย เขาอยู่ในห้องนอนที่เล็กที่สุด แล้วก็บอกว่าไม่อยากให้ใครได้ยิน”

    เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ชอบใจเลยที่ถูกก๊อบลินใช้ให้ทมาส่งข่าว เฟลอร์ดูหงุดหงิดขณะที่หันหลังกลับไปที่บ้าน

    กริ๊บฮุกคอยพวกเขาอยู่แล้วตามที่เฟลอร์บอก ในห้องนอนที่เล็กที่สุดในสามห้องของบ้านนี้ เป็นห้องที่เฮอร์ไมโอนี่ เฮเลนและลูน่าใช้ในตอนกลางคืน แฮร์รี่รูดม่านผ้าฝ้ายปิด สีแดงบดบังท้องฟ้าสว่างสไวที่ปกคลุมไปด้วยเมฆ ทำให้ห้องนั้นเป็นสีเพลิงเรืองรองขัดกับส่วนอื่นๆ ของกระท่อมที่สว่างและร่าเริง

    “ผมตัดสินใจแล้ว” ก๊อบลินพูด เขานั่งขัดสมาธิอยู่บนเก้าอี้เตี้ยๆ นิ้วเรียวบอบบางรัวเคาะที่เท้าแขนเก้าอี้ “พวกก๊อบลินที่กริงกอตส์อาจจะถือว่านี่เป็นการทรยศที่ต่ำช้า แต่ผมตัดสินใจที่จะช่วยพวกคุณ – ”

    “วิเศษ” แฮร์รี่พูดอย่างโล่งใจ

    “แต่ฉันว่า – ” เฮเลนพูดพลางมองหน้าก๊อบลิน “คุณจะต้องการอะไรสักอย่างใช่ไหม – อย่างดาบของกริฟฟินดอร์”

    ดวงตาสีดำนั้นเป็นประกาย แต่ไม่มีตาขาวเลยในตาของเขา

     “ถูกต้อง”

    สีหน้ายินดีของแฮร์รี่หายวับไปทันตา เฮเลนเข้าไปตบบ่าเขาเบาๆ

    “คุณเอาดาบไปไม่ได้” เขาพูด “ผมเสียใจนะ”

    “ถ้าอย่างนั้น” ก๊อบลินพูดอย่างนุ่มนวล “เราก็มีปัญหาแล้ว”

    “ดาบนั่น – มันเป็นของเรา” เดรโกพูดเสียงเรียบ

    “ไม่ใช่” ก๊อบลินพูด

    “เราเป็นกริฟฟินดอร์ – ถึงจะมีคนหนึ่งไม่ใช่ก็เถอะ – ” แฮร์รี่พูดพลางเหลือบมองเดรโกเล็กน้อย “แล้วนี่ก็เป็นดาบของก็อดดริก กริฟฟินดอร์ – ”

    “แล้วก่อนที่มันจะเป็นของกริฟฟินดอร์ มันเป็นของใครกันล่ะ” ก๊อบลินตั้งคำถาม นั่งตัวตรง

    “ไม่มีหรอก” รอนตอบ “ดาบนี้สร้างมาเพื่อเขาไม่ใช่เหรอ”

    “ไม่ใช่เลย!” ก๊อบลินร้อง ตัวพองขึ้นด้วยความโกรธแบะชี้นิ้วยาวๆ ไปที่รอน “ความอวดดีของพ่อมดอีกแล้ว! ดาบนี่เป็นของแร็กนุกที่หนึ่ง ก็อดดริก กริฟฟินดอร์แย่งไปจากเขา! มันเป็นสมบัติที่หายไป เป็นสิ่งประดิษฐ์ชิ้นเอกของก๊อบลิน! มันเป็นสมบัติของก๊อบลิน! ดาบนี่คือค่าจ้างผม ถ้าไม่ให้ก็ไม่ตกลง!

    กริ๊บฮุกจ้องพวกเขาเขม็ง แฮร์รี่กับเฮเลนมองหน้ากันนิดหน่อย

    “เราคงต้องปรึกษากันก่อน กริ๊บฮุก” เฮเลนบอก

    “เราขอเวลาสักสองสามนาทีนะ” แฮร์รี่พูด

    ก๊อบลินพยักหน้า สีหน้าของเขายังไมพอใจ

    ที่ห้องนั่งเล่นข้างล่างซึ่งไม่มีใครอยู่ พวกเขานั่งลงที่หน้าเตาผิง พยายามคิดว่าควรทำอย่างไร

    “มันกำลังหัวเราะเยาะเราแน่ๆ” รอนพูด “เราให้ดาบมันไม่ได้หรอก”

    “นั่นเป็นความจริงหรือเปล่า” แฮร์รี่ถามเฮอร์ไมโอนี่ “กริฟฟินดอร์ขโมยดาบมาจริงๆ เหรอ”

    “ฉันไม่รู้” เธอพูดอย่างหมดหวัง “ประวัติศาสตร์มักพูดข้ามเวลาพ่อมดไปทำอะไรกับเผ่าพันธ์อื่น”

    “คงเป็นนิทานของก๊อบลินตามเคย” รอนว่า “ที่ว่าพ่อมดชอบเอาเปรียบพวกมัน อะไรต่อมิอะไร ฉันว่าเราโชคดีด้วยซ้ำที่มันไม่มีไม้กายสิทธิ์เหมือนเรา”

    “ก๊อบลินมีเหตุผลที่เกลียดพ่อมดนะ รอน” เฮเลนพูด “ในอดีตพ่อมดเหี้ยมโหดกับพวกเขามาก”

    “ก๊อบลินเองก็ไม่ใช่กระต่ายขนฟูสักหน่อย” รอนแย้ง “มันฆ่าพวกเราก็เยอะแยะ ก็สู้แบบสกปรกเหมือนกันนั่นแหละน่า”

    “แต่การไปเถียงกริ๊บฮุกเรื่องของเผ่าพันธุ์” เดรโกพูด “มันก็คงไม่ทำให้เขาอยากช่วยเรามากขึ้นหรอกนะ ว่าไหม”

    พวกเขานิ่งไปชั่วครู่ ต่างคนต่างพยายามคิดวิธีแก้ปัญหา เฮเลนมองผ่านหน้าต่างออกไปที่หลุมศพของด๊อบบี้ ลูน่ากำลังจัดดอกลาเวนเดอร์ทะเลในขวดแยมวางลงข้างๆ หลุมศพ

    “โอเค” รอนพูด หันไปหาแฮร์รี่ “ทำแบบนี้ไหม เราก็ให้ของปลอมไปที่หลัง”

    “รอน เขารู้ข้อแตกต่างดีกว่าเราด้วยซ้ำ!” เฮอร์ไมโอนี่พูด “เราเป็นคนเดียวที่รู้ว่าดาบถูกเปลี่ยน”

    “ใช่ แต่กว่าเขาจะรู้ตัว เราก็เผ่นไปแล้ว – ”

    “ทีนี้ก็ไม่ต้องสงสัยแล้วใช่ไหมว่าทำไมก๊อบลินถึงเกลียดพ่อมด” เฮเลนหรี่ตามองรอนนิดหน่อย “ให้เขาช่วย แต่ก็หักหลังเขา น่าชื่นชอบเสียไม่มี”

    หูของรอนเปลี่ยนเป็นสีแดง

    “ก็ได้! ฉันคิดได้แค่นี้แหละ! แล้วพวกเธอล่ะคิดอะไรได้บ้าง”

    “เราควรเสนอของที่มีค่าพอๆ กับดาบให้เขา” เดรโกบอก “แต่ว่าเราไม่มีอะไรที่สามารถแลกกับดาบกริฟฟินดอร์ได้เลย”

    ทุกคนเงียบกันไปอีกครั้ง เฮเลนมั่นใจมากว่ากริ๊บฮุกจะไม่ยอมรับสิ่งอื่นใดนอกจากดาบของกริฟฟินดอร์แน่ๆ แม้ว่าพวกเขาจะให้ของที่มีค่าพอๆ กันขนาดไหนก็ตาม แต่กระนั้นดาบก็เป็นอาวุธที่ขาดไม่ได้เลยในการกำจัดฮอร์ครักซ์ แต่อย่างน้อยก็ยังมีอย่างอื่นที่ใช้ได้ในการกำจัดฮอร์ครักซ์เช่นกัน

    “บางทีเขาอาจจะโกหก” แฮร์รี่โพลงขึ้นมา “กริ๊บฮุกคงจะโกหกเรื่องขโมยดาบ ประวัติศาสตร์ฉบับก๊อบลินคงไม่ได้ถูกต้อง”

    “แล้วมันจะต่างกันยังไง” เฮอร์ไมโอนี่ถาม

    “อย่างน้อยก็รู้สึกต่าง” แฮร์รี่ตอบ “เราจะบอกเขาว่า เขาจะได้ดาบหลังจากช่วยให้เราเข้าไปในห้องนิรภัยได้แล้ว – แต่เราต้องระวัง ห้ามระบุว่าเขาจะได้ดาบเมื่อไหร่”

    รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าของรอน เฮอร์ไมโอนี่มีสีหน้าตื่นตระหนก ส่วนเดรโกทำท่าครุ่นคิด

    “แต่เราจะทำได้งั้นเหรอ” เดรโกถาม “นายคิดว่าเขาจะยอมเราอย่างนั้นจริงๆ น่ะเหรอ”

    “เราคงทำแบบนั้นไม่ได้หรอก – ” เฮเลนแย้ง “เขาคงเอาดาบนั่นไปทันทีที่เราเข้าไปได้แน่”

    “เธอเห็นเหรอเฮเลน” แฮร์รี่พูดพลางเลิกคิ้ว

    “ไม่ – แต่ฉันเดาได้ว่าต้องเป็นอย่างนั้น”

    มันเหมือนรู้อยู่ว่าว่าต้องเป็นแบบนั้น เฮเลนไม่แน่ใจว่าตัวเองรู้ได้อย่างไรกันแน่

    “แต่ฉันว่าความคิดนี้อัจฉริยะเลยนะ” รอนบอกพลางยืนขึ้น “ไปเถอะ ไปบอกเขากัน”

    เมื่อกลับเข้าไปในห้องนอนที่เล็กที่สุด แฮร์รี่ก็บอกข้อเสนอโดยระมัดระวัง ไม่บอกเวลาที่แน่นอนที่จะส่งมอบดาบให้ เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้วใส่พื้นห้อง รอนมองจ้องแฮร์รี่ตาไม่กระพริบ เดรโกยืนกอดอกนิ่งๆ และมองออกไปที่ม่านผ้าฝ้ายราวกับจะมองให้ทะลุออกไปด้านนอก ส่วนเฮเลนนั่งฟังแฮร์รี่พูดคุยกับกริ๊บฮุกเงียบๆ ยังไงก็ตาม ก๊อบลินไม่มองใครเลยนอกจากแฮร์รี่

    “ถ้าอย่างนั้น เราก็เริ่มทำงาน!” กริ๊บฮุกพูดเมื่อพวกเขาอธิบายทุกอย่างจบ

    มันเหมือนวางแผนที่จะออกไปจากคฤหาสน์มืดมนนั่นอีกครั้ง พวกเขาตกลงทำงานกันในห้องนอนที่เล็กที่สุดซึ่งต้องอยู่ในสภาพเกือบมืดมิด ตามความพอใจของกริ๊บฮุก

    “ผมเคยไปห้องนิรภัยของพวกเลสแตรงจ์แค่ครั้งเดียว – พร้อมกับคุณ” กริ๊บฮุกบอกพวกเขาพลางชำเลืองมองเดรโก “ตอนที่ถูกสั่งให้เอาดาบปลอมนั่นไปเก็บ มันเป็นหนึ่งในห้องที่โบราณที่สุด ตระกูลพ่อมดเก่าแกมักจะเก็บสมบัติเอาไว้ในระดับที่ลึกที่สุด ห้องนิรภัยพวกนี้จะใหญ่ที่สุดและได้รับความคุ้มครองที่ดีที่สุดด้วย”

    พวกเขาอยู่ในห้องที่เล็กเหมือนตู้นั้นครั้งละหลายๆ ชั่วโมง วันผ่านไปเป็นสัปดาห์ มีปัญหาแล้วปัญหาเล่าที่ต้องแก้ไข ที่สำคัญคือน้ำยาสรรพรสที่ลดปริมาณลงอย่างน่าใจหาย

    “จริงๆ แล้วมีเหลือพอแค่สองคนเท่านั้น” เฮเลนพูดพลางหยิบน้ำยาสรรพรสขวดกระจ้อยร่อยขึ้นมายื่นให้เฮอร์ไมโอนี่ “ถ้าเอาของฉันรวมกับของเฮอร์ไมโอนี่ – แต่เรามียารักษามากพอในระดับหนึ่ง”

    “แค่นั้นก็พอแล้ว” แฮร์รี่ตอบ เขามองจ้องแผนที่ที่กริ๊บฮุกวาดให้อย่างตั้งอกตั้งใจ

    ผู้พักอาศัยของกระท่อมเปลือกหอยต้องสังเกตเห็นแน่ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นเพราะแฮร์รี่ เฮเลน เดรโก รอนและเฮอร์ไมโอนี่มักจะโผล่หน้าออกมาก็ต่อเมื่อถึงเวลาอาหาร เดรโกดูไม่มีท่าทีไม่พอใจกับมื้ออาหารแต่อย่างใด แม้ว่ามันจะไม่เลิศหรูเหมือนตอนที่อยู่คฤหาสน์นั้นก็ตาม เฮเลนคาดว่าเขาคงปล่อยวางความถือตัวของตัวเองลงไปมากแล้วกระมัง

    ไม่มีใครถามอะไรพวกเขาเลย มีเพียงบิลเท่านั้นที่มองด้วยสายตากังวล

    ยิ่งอยู่ด้วยกันมากเท่าไหร่ ความเกลียดชังที่มีต่อกริ๊บฮุกนั้นยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ เขากระหายเลือดอย่างคาดไม่ถึง มักจะหัวเราะเมื่อเห็นความเจ็บปวดของสัตว์ที่ด้อยกว่าตน และดูจะพอใจเมื่อพวกเขาจะต้องทำร้ายพ่อมดคนอื่นๆระหว่างทางเข้าไปห้องนิรภัยพวกเลสแตรงจ์ เดรโกดูคุ้นเคยกับท่าทีนี้ดี พวกเขาแต่ละคนไม่พอใจมาก แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร เพราะจำเป็นต้องพึ่งกริ๊บฮุก

    ก๊อบลินยอมลงมากินอาหารกับคนอื่นๆ อย่างไม่เต็มใจ หลังจากที่ขาหายดีแล้ว เขาก็ยังคงขอให้ส่งอาหารขึ้นไปที่ห้องเหมือนโอลลิแวนเดอร์ผู้อ่อนแอ จนกระทั่งบิลขึ้นไปข้างบน (หลังจากที่เฟลอร์เดินปึงปังออกมา) และบอกว่าเขาไม่อาจจัดการเช่นนี้ได้อีกต่อไป ดังนั้นกริ๊บฮุกจึงลงมาร่วมทานอาหารกับทุกคนที่โต๊ะอันแน่ขนัด ทว่าเขาปฏิเสธที่จะกินอาหารเหมือนคนอื่นๆ ยืนกรานที่จะกินเนื้อดิบ รากไม้และเห็ดราต่างๆ แทน

    “คุณโอลลิแวนเดอร์จะไปบ้านคุณยายมิวเรียลค่ำนี้แล้ว ทีนี้ทุกอย่างคงจะง่ายขึ้น” เฟลอร์พูดพลางชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่หม้อซอสบนเตา หลังจากเพิ่งจัดการกับชิ้นเนื้อของบิลกับกริ๊บฮุกเสร็จเรียบร้อยแล้ว “เดี๋ยวก๊อบลินก็จะได้ย้ายลงมาข้างล่าง แล้วแฮร์รี่ รอน เดรโกกับดีนก็จะได้ไปอยู่ห้องนั้นแทน”

    “เราไม่ว่าอะไรหรอกครับ นอนในห้องนั่งเล่นก็ได้” เดรโกพูด แฮร์รี่กับรอนมองหน้ากันเล็กน้อย

    “ไม่น่าเชื่อเลยนะว่านั่นจะออกมาจากปากคุณชายมัลฟอย” รอนว่า เดรโกขมวดคิ้วใส่เขา

    “เงียบเถอะ วีสลีย์” เขาแยกเขี้ยว “เรื่องบางเรื่อง ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องพูด”

    ทั้งห้าคนหัวเราะ รวมไปถึงเฟลอร์ด้วย เฮเลนคิดว่ากริ๊บฮุกคงไม่ชอบนอนเก้าอี้ยาวๆ แน่ พวกเขาต้องดูแลกริ๊บฮุกให้มีความสุข มันจำเป็นมากต่อแผนการ

    “อย่าห่วงเราเลยครับ” แฮร์ร่บอกเมื่อเฟลอร์ทำท่าจะค้าน

    “เราจะไม่รอบกวนอีกนานนักหรอกค่ะ” เฮเลนพูด “เราคงอยู่ที่นี่อีกไม่นานแล้ว”

    “เธอหมายความว่าไง” เฟลอร์ขมวดคิ้ว “พวกเธอต้องไม่ไปไหนนะ ที่นี่ปลอดภัยสำหรับพวกเธอ”

    แฮร์รี่อมยิ้มเล็กน้อย บางครั้งเฮเลนก็เห็นภาพของนาร์ซิสซาซ้อนทับอยู่บนใบหน้าของเฟลอร์ ถึงแม้นาร์ซิสซาจะไม่ชอบใจเธอมาก แต่ว่าหลายครั้งที่เฮเลนรู้ว่าเธอแอบช่วยอยู่ และเฮเลนรู้สึกดีใจมากเมื่อลูน่ากับดีนเดินเข้ามาทางประตูหลัง ผมเปียกชื้นจากฝนข้างนอกและอ้อมแขนเต็มไปด้วยเศษไม้จากทะเล

    ดีนมีสีหน้าไม่สบายใจนัก เขายักไหล่เมื่อเดินผ่านแฮร์รี่ เฮเลน รอน เดรโกและเฮอร์ไมโอนี่ ตามหลังลูน่าเข้าไปในห้องอาหารผสมห้องนั่งเล่น รอนกับเฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นเดินตามไปช่วยกันจัดโต๊ะอาหาร แฮร์รี่ฉวยเหยือกน้ำฟักทองเดินตามพวกเขาไป เฮเลนจึงคว้าจานจากบนชั้นส่งไปให้เดรโก ส่วนเธอคว้ามีดกับส้อมเดินออกไปเพื่อหลีกเลี่ยงคำถามต่อไปของเฟลอร์

    “ลูน่า เราบอกแล้ว” เฮอร์ไมโอนี่ร้องบอกเมื่อเดินไปถึงโต๊ะ “เขานั่นระเบิดไปแล้ว มันเป็นเขาอีรัมเพนท์ ไม่ใช่สนอร์แค็กเขาย่น – ”

    ไม่ใช่ มันเป็นเขาสนอร์แค็กแน่ๆ” ลูน่าพูดอย่างสงบ เฮเลนเดินไปวางมีดกับส้อมลงข้างๆ จานที่เดรโกวางเรียงไว้ “พ่อบอกฉันมาแบบนี้ ป่านนี้มันคงจะก่อตัวขึ้นใหม่แล้วล่ะ มันซ่อมแซมตัวเองได้ เธอรู้ไหม”

    เฮอร์ไมโอนี่สั่นศีรษะพลางกลอกตาไปมาเล็กน้อย ขณะเดียวกันบิลเดินนำนายโอลลิแวนเดอร์ลงบันไดมา ช่างทำไม้กายสิทธิ์ยังดูอ่อนแออยู่มาก เขายึดแขนบิลเอาไว้แน่น ขณะที่ฝ่ายหลังพยุงและถือกระเป๋าเดินทางใบใหญ่

    “หนูคงจะคิดถึงคุณค่ะ คุณโอลลิแวนเดอร์” ลูน่าพูดและเดินเข้าไปใกล้ชายชรา

    “ฉันก็เหมือนกัน แม่หนูที่รัก” โอลลิแวนเดอร์พูด พร้อมกับตบบ่าเธอเบาๆ “เธอเป็นความสุขที่บรรยายไม่ถูกเลยในสถานที่ร้ายกาจนั่น”

    “เดินทางปลอดภัยนะคะ คุณโอลลิแวนเดอร์” เฮเลนเดินเข้าไปสวมกอดช่างทำไม้กายสิทธิ์ที่ผอมแห้ง เขากอดตอบเธอเบาๆ “เราจะคิดถึงคุณค่ะ”

    “เธอเป็นเหมือนความหวังของเรา” โอลลิแวนเดอร์คลายอ้อมกอดออกพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน

    “ถ้าเช่นนั้นก็ โอวัวร์ ค่ะ คุณโอลลิแวนเดอร์” เฟลอร์พูดพลางจูบแก้มของเขาทั้งสองข้าง “แล้วไม่ทราบว่าคุณจะช่วยส่งของให้คุณยายมิวเรียลของบิลด้วยได้ไหมคะ ฉันยังไม่ได้คืนมงกุฎเล”

    “เป็นเกียรติแก่ผมครับ” โอลลิแวนเดอร์พูด พร้อมกับโค้งคำนับน้อยๆ “เป็นสิ่งน้อยนิดที่ผมจะทำเพื่อตอบแทนความเอื้อเฟื้อของคุณได้”

    เฟลอร์ดึงกล่องกำมะหยี่ค่อนข้างสึกออกมาเปิดให้ช่างทำไม้กายสิทธิ์ดู มงกุฏส่องแสงแวววาวเป็นประกายท่ามกลางแสงไฟจากตะเกียงที่ห้อยต่ำ

    “หินมูนสโตนและเพชร” กริ๊บฮุกพูด เขาเลื่อนตัวเข้ามาในห้องโดยที่เฮเลนไม่ทันได้สังเกต “คงเป็นฝีมือก๊อบลินกระมัง”

    “และได้รับค่าจ้างทำจากพ่อมด” บิลพูดเบาๆ ก๊อบลินจ้องมองเขาด้วยสายตากึ่งพิรุธกึ่งท้าทาย

    ลมแรงพัดกรรโชกใส่หน้าต่างกระท่อม ขณะที่บิลกับโอลลิแวนเดอร์ออกเดินทางในคืนนั้น คนที่เหลือนั่งเบียดกันรอบโต๊ะอาหาร ศอกชนศอกและแทบไม่มีที่ให้ขยับตัว ทุกคนลงมือรับประทานอาหาร ลูกไฟแตกปะทุบนตะแกรงในเตาผิง เฮเลนเห็นว่าเฟลอร์เขี่ยอาหารในจานและชำเลืองมองหน้าต่างในทุกๆ สองสามนาที เธอคงเป็นห่วงบิล ยังไงก็ตาม บิลกลับมาก่อนที่พวกเขาจะรับประทานอาหารจานแรกเสร็จ ผมยาวของเขาถูกลมตีจนยุ่ง

    “ทุกอย่างเรียบร้อย” เขารายงานเฟลอร์ “โอลลิแวนเดอร์ได้พักผ่อนแล้ว แม่กับพ่อฝากบอกสวัสดี จินนี่ส่งความรักมาให้ทุกคนคุณยายมิวเรียลจะบ้าตายเพราะเฟร็ดกับจอร์จ สองคนนั้นยังเปิดบริการสั่งของทางนกฮูกอยู่เลย ในบ้านแกนั่นแหละ แต่แกดีใจมากเลยที่ได้มงกุฎกลับมา แกบอกว่า คิดว่าเราจะขโยมันไปแล้ว”

    “แหม ช่างมีเสน่ห์เหลือเกินนะ คุณยายของเธอ” เฟลอร์พูดฉุนๆ เธอโบกไม้กายสิทธิ์ให้จานสกปรกลอยขึ้นไปเรียงกันเป็นตั้งอยู่ในอากาศก่อนจะรับมันมาถือเอาไว้และเดินออกไปจากห้อง

    มีเสียงเคาะดังปังที่ประตูหน้า ศีรษะของทุกคนหันไปทางนั้น เฟลอร์วิ่งออกมาจากครัวสีหน้าตื่นตระหนก บิลกระโดดลุกขึ้นยืน ชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่ประตู แฮร์รี่ เฮเลน เดรโก รอนและเฮอร์ไมโอนี่ทำแบบเดียวกัน กริ๊บฮุกเลื่อนตัวลงไปหลบใต้โต๊ะอย่างเงียบกริบ

    “นั่นใคร” บิลร้องถาม

    “ฉันเอง รีมัส จอห์น ลูปิน” เสียงตอบแข่งกับเสียงโหยหวนของลม “ฉันเป็นมนุษย์หมาป่า แต่งงานกับนิมฟาดอร่า ท็องส์และเธอ ผู้รักษาความปลอดภัยของกระท่อมเปลือกหอย เธอบอกที่อยู่ให้ฉันรู้และบอกให้ฉันมาเมื่อมีเรื่องฉุกเฉิน”

    “ลูปิน” บิลพึมพำแล้ววิ่งไปที่ประตู กระชากเปิดออก

    ลูปินล้มคะมำลงบนธรณีประตู เขาห่อหุ้มตัวในเสื้อเดินทาง ใบหน้าขาวซีด ผมสีเทาถูกลมตียุ่งเหยิง เขายืดตัวขึ้น มองไปรอบๆ ห้องให้แน่ใจว่ามีใครอยู่บ้าง แล้วถึงร้องด้วยเสียงอันดังว่า “เป็นเด็กผู้ชาย! เราตั้งชื่อเขาว่าเท็ด ตามชื่อพ่อของดอร่า!

    เฮอร์ไมโอนี่ร้องกรี๊ด เฮเลนหันหน้าไปมองทุกคนเพื่อถามว่าลูปินพูดถึงเรื่องอะไร

    “เธอคลอดแล้ว!” ลูปินตะโกน “เป็นเด็กผู้ชาย!

    ลูปินเดินอ้อมโต๊ะมากอดแฮร์รี่และเฮเลนแน่น ตอนนี้เฮเลนเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้แล้ว

    “เธอจะเป็นพ่อทูนหัวและแม่ทูนหัวให้เขานะ” เขาพูดเมื่อปล่อยตัวฝาแฝด

    “ผม/หนู เหรอคะ” ทั้งสองพูดพร้อมกัน

    “ใช่ ใช่ แน่นอน – ดอร่าเห็นด้วย ไม่มีใครดีไปกว่านี้แล้ว – ”

    “เรา – เอ่อ – ” เฮเลนพูดตะกุกตะกัก

    “ได้ – ได้สิครับ – ให้ตาย – ”

    เฮเลนบอกไม่ถูก ประหลาดใจ ดีใจ เธอหันหลังพุ่งเข้ากอดเดรโกเต็มแรง ตอนนี้บิลรีบไปเอาไวน์และเฟลอร์คะยั้นคะยอให้ลูปินอยู่ดื่มกับพวกเขา

    “จะว่าไปทำไม มัลฟอย – ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่” ลูปินเปลี่ยนสีหน้าไปนิดหน่อย “ที่กระท่อมนี้ ถ้าไม่ได้รับอนุญาตเธอคงจะเข้ามาไม่ได้ – เธอช่วย – ช่วย – ”

    “ผมหนีมาจากคฤหาสน์พร้อมๆ กับพอตเตอร์ครับ” เดรโกตอบ ผละออกจากเฮเลน “ผมคอยสืบข่าวอยู่ในคฤหาสน์ ไม่มีใครรู้เรื่องนี้มากนักหรอกครับ แต่บางทีดัมเบิลดอร์อาจจะบอกพวกคุณแล้วตั้งแต่ก่อนที่เขาจะตาย เรื่องที่ผมต้องพาเฮเลนไปที่คฤหาสน์”

    “ใช่ – เขาบอก” ลูปินเสียงอ่อยลงเล็กน้อย “ขอบใจมากที่พาเฮเลนกลับมาอยู่ที่นี่ – เอาล่ะ – ฉันอยู่ที่นี่นานไม่ได้หรอก ต้องรีบกลับแล้วล่ะ” ลูปินยิ้มหน้าบานให้กับทุกคน “ขอบคุณ ขอบคุณ บิล!

    บิลรินไวน์ใส่ถ้วยมีเชิงให้ทุกคน พวกเขายืนขึ้นและชูแก้วเครื่องดื่มขึ้นอวยพร

    “แด่เท็ดดี้ รีมัส ลูปิน” ลูปินพูด “พ่อมดผู้ยิ่งใหญ่ในอนาคต!

    “แล้วเขาเหมือนใครล่ะคะ” เฟลอร์ถาม

    “ฉันคิดว่าเขาเหมือนดอร่า และเธอคิดว่าเขาเหมือนฉัน ไม่ค่อยมีผมหรอก ตอนที่คลอดน่ะดูเป็นสีดำ แต่ฉันสาบานได้ว่าอีกชั่วโงมันก็เปลี่ยนเป็นสีแดง กว่าฉันจะกลับไปก็คงเปลี่ยนเป็นสีบลอนด์แล้วมั้ง อันโดรเมดาบอกว่าผมท็องส์ก็เริ่มเปลี่ยนสีวันที่เธอเกิดเหมือนกัน” เขายกถ้วยขึ้นดื่มจนหมด “โอ เอาอีกถ้วยก็ได้ แค่ถ้วยเดียวนะ” เขาเสริมพร้อมยิ้มแป้นเมื่อบิลทำท่าจะรินเครื่องดื่มเพิ่มให้

    ลมพัดกรรโชกใส่กระท่อมหลังน้อย เปลวไฟลุกโชติและส่งลูกไฟแตกกระจายและในไม่ช้าบิลก็เปิดไวน์อีกขวด ข่าวของลูปินทำให้ทุกคนลืมตัว พาพวกเขาออกจากสภาพที่เหมือนอยู่ในช่องว่างแคบๆ ชั่วคราว ข่าวดีเรื่องชีวิตใหม่ทำให้จิตใจเบิกบาน มีเพียงก๊อบลินที่ไม่ยินดีกับบรรยากาศรื่นเริงอย่างฉับพลันนี้ หลังจากนั้นชั่วครู่ เขาก็เดินกลับไปห้องนอน ซึ่งบัดนี้เขาได้ครอบครองแต่เพียงผู้เดียว เฮเลนคิดว่าแฮร์รี่และบิลก็สังเกตเห้นเช่นกัน

    “ไม่ได้ – ไม่ได้ – ฉันต้องกลับไปจริงๆ แล้ว” ลูปินพูดในที่สุด พลางปฏิเสธไวน์อีกถ้วย เขาลุกขึ้นยบืนและดึงเสื้อคลุมเดินทางขึ้นมาคลุมรอบตัว “ลาก่อน ลาก่อน – อีกสองสามวันจะพยายามเอารูปถ่ายมาให้ดู – ทุกคนคงดีใจมากที่ฉันได้เจอพวกเธอ – ฝาแฝดพอตเตอร์ที่กลับมาอยู่ด้วยกันแล้ว – ”

    เขากลัดกระดุมเสื้อคลุมแล้วบอกลา เขากอดพวกผู้หญิงและจับมือพวกผู้ชาย จากนั้นก็กลับออกไปสู่ราตรีที่ลมแรง โดยยังคงยิ้มแป้น บิล แฮร์รี่และเฮเลนวางถ้วยเชิงเปล่าๆ ลงในครัวพร้อมกันหลังจากช่วยกันเก็บโต๊ะจนเสร็จแล้ว กั้นเสียงพูดคุยของคนอื่นๆ ที่ยังคงฉลองกันต่อไป แม้ลูปินจะจากไปแล้ว

    “พอตเตอร์ ฉันอยากพูดอะไรกับพวกเธอสองคนหน่อย เป็นการส่วนตัว คนอยู่กันคลั่กขนาดนี้ไม่ค่อยมีโอกาสเท่าไหร่เลยนะ”

    บิลลังเล

    “พวกเธอกำลังวางแผนอะไรกับกริ๊บฮุก”

    มันเป็นประโยคบอกเล่าธรรมดา ไม่ใช่ประโยคคำถาม ฝาแฝดมองดูบิลคอยฟังต่อไป

    “ฉันรู้จักก๊อบลิน” บิลพูด “ฉันทำงานที่กริงกอตส์มาตั้งแต่จบฮอกวอตส์ ตราบเท่าที่พ่อมดกับก๊อบลินมีมิตรภาพต่อกันได้ ฉันก็มีเพื่อนก๊อบลิน – หรืออย่างน้อยก็มีก๊อบลินที่ฉันรู้จักดีและชอบ” บิลลัลเลอีกครั้ง “พวกเธอต้องการอะไรจากกริ๊บฮุก แล้วเธอสัญญาจะให้อะไรเขาตอบแทน”

    “ผมบอกคุณไม่ได้ครับ” แฮร์รี่พูด “ขอโทษด้วย บิล”

    ประตูครัวเปิดออก เฟลอร์พยายามจะเอาถ้วยเชิงเปล่าๆ เข้ามาอีก

    “คอยเดี๋ยวก่อน” บิลบอกเธอ “เดี๋ยวเดียวเท่านั้น”

    เธอถอยกลับไป เขาปิดประตูลงอีกครั้ง

    “ถ้างั้นฉันจะพูดแบบนี้แล้วกัน” บิลพูดต่อไป “ถ้าพวกเธอตกลงอะไรกับกริ๊บฮุก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามันเกี่ยวกับสมบัติล่ะก็ พวกเธอต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ก๊อบลินน่ะเข้าใจเรื่องความเป็นเจ้าของ การจ่ายเงินแล้วก็การชดใช้เงินคืนไม่เหมือนมนุษย์อย่างเราหรอกนะ”

    เฮเลนเลิกคิ้วก่อนเอ่ยถามว่า “คุณหมายความว่าอะไรคะ”

    “เรากำลังพูดถึงเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกันออกไป” บิลพูด “การติดต่อระหว่างพ่อมดกับก๊อบลินน่ะตึงเครียดมาหลายศตวรรษแล้ว – แต่พวกเธอคงรู้เรื่องทั้งหมดนี่จากวิชาประวัติศาสตร์เวทมนตร์ ที่จริงกีข้อบกพร่องทั้งสองฝ่ายนั่นแหละ ฉันไม่คิดเลยว่าพ่อมดจะบริสุทธิ์ผุดผ่อง แต่พวกก๊อบลินน่ะมีความเชื่ออยู่อย่างหนึ่ง และพวกที่ทำงานกริงกอตส์จะเชื่อมากกว่าเพื่อ นั่นคือพ่อมดจะไว้ใจไม่ได้ ถ้าเป็นเรื่องทองและสมบัติ พ่อมดไม่เคารพความเป็นเจ้าของของก๊อบลิน”

    “ผมเคารพ – ” แฮร์รี่เริ่มต้น แต่บิลสั่นศีรษะ

    “ไม่มีใครเข้าใจหรอกถ้าไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับก๊อบลิน สำหรับก๊อบลิน ผู้มีสิทธิ์และเป็นเจ้าของที่แท้จริงของวัตถุใดวัตถุหนึ่งก็คือคนที่ประดิษฐ์ขึ้นมา เป็นของก๊อบลินอย่างถูกต้องในสายตาของพวกเขา”

    “แต่ถ้ามันถูกซื้อล่ะคะ”

    “ – ก๊อบลินจะถือว่าคนที่จ่ายเงินนั้นเช่าของไป พวกเขาไม่ยอมเข้าใจเรื่องที่สิ่งประดิษฐ์ก๊อบลินส่งต่อระหว่างพ่อมด พวกเธอเห็นหน้ากริ๊บฮุกตอนที่มงกุฎนั่นผ่านตาเขาไหมล่ะ เขาไม่ชอบใจเลย ฉันเชื่อว่าเขาคิดเหมือนก๊อบลินที่หัวรุนแรงที่สุด ว่ามงกุฎนั่นควรคืนให้กับก๊อบลินทันทีที่คนซื้อคนแรกตาย พวกเขาเห็นว่าการที่เราเก็บสิ่งประดิษฐ์ของกอบลินไว้แล้วก็ส่งต่อให้พ่อมดอีกคนโดยไม่จ่ายเงินค่าตอบแทน นั่นเป้นนิสัยที่ไม่ได้ดีไปกว่าการขโมย"

    เฮเลนมองหน้าแฮร์รี่ที่มีสีหน้ากังวลใจ

    “ที่ฉันอยากบอกเธอก็คือ” บิลพูด มือจับอยู่ที่ประตู “จงระวังตัวให้ดีเมื่อเธอสัญญากับก๊อบลิน ลักลอบเข้าไปในกริงกอตส์น่ะอันตรายน้อยกว่าผิดคำสัญญาของก๊อบลินเสียอีก”

    บิลปิดประตูและเดินออกไป เฮเลนและแฮร์รี่มองหน้ากัน

    “เขารู้ดีกว่าที่เราคิดซะอีกนะ” เฮเลนพูด “สังหรณ์บิลนี่แม่นจริงๆ เลย”

    “คงใช่” แฮร์รี่หัวเราะ “ดูเหมือนเราจะเป็นพ่อและแม่ทูนหัวที่บ้าระห่ำของเท็ดดี้ ลูปิน พอๆ กับทีซีเรียสเป็นแล้วสิ”

    ฝาแฝดหัวเราะออกมาก่อนจะเดินออกไปจากห้องครัวเพื่อไปรวมตัวกับคนอื่นๆ พร้อมกัน


    ติดตามตอนต่อไป...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×