ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfic Harry Potter] [OCxDM] If Harry Potter has a sister!

    ลำดับตอนที่ #64 : บทที่ 16 : หุบเขาหิมะ

    • อัปเดตล่าสุด 17 ธ.ค. 64


    บทที่ 16 : หุบเขาหิมะ

    ช่วงสายของวันรุ่งขึ้นเฮเลนกับรอนจัดข้าวของเตรียมตัวออกเดินทางเพื่อตามหาแฮร์รี่ เฮเลนเก็บของที่ตัวเองคิดว่าสำคัญจะต้องใช้เอาไว้ในกระเป๋าลูกปัด (โดยเฉพาะน้ำยาต่างๆ ซึ่งสำคัญอย่างยิ่ง) ก่อนจะออกเดินทางบิลและเฟลอร์ท่าทางเป็นห่วง พวกเขาเตรียมอาหารและเสบียงเอาไว้ให้จำนวนหนึ่งโดยที่พยายามปิดบังไม่ให้ทางกระทรวงเวทมนตร์รู้ว่าเธอและรอนอยู่ที่นี่ 

    “แล้วเราจะไปไหนกันรอน” เฮเลนเอ่ยถามเมื่อทั้งคู่เดินออกมาห่างจากกระท่อมเปลือกหอยพอสมควรแล้ว”

    “ไม่รู้หรอก” รอนตอบ “แต่เธอก็รู้ใช่ไหมว่าฉันเปิดปิดดีลูมิเนเตอร์เมื่อคืน”

    เฮเลนกลอกตาเล็กน้อยเพราะหลังจากที่ลาเมียกลับไปและเธอรู้ข่าวคราวของเดรโกมันทำให้เฮเลนรู้สึกสบายใจมากขึ้นจนผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว อีกอย่างถ้าจำไม่ผิดเธอจำได้ว่ารอนหลับไปก่อนเธอตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือ

    “ไม่” เฮเลนส่ายหน้า เดินไปตามโขดหินด้วยความระมัดระวัง “ฉันไม่เห็นสักหน่อย นายหลับไปก่อนฉันอีกไม่ใช่เหรอ”

    “เปล่า” รอนยักไหล่เบาๆ เอื้อมมือมาจับมือเฮเลนเอาไว้ “ฉันก็เปิดๆ ปิดๆ ดีลูมิเนเตอร์อยู่ที่เตียงนั่นแหละ มันมีอะไรผิดปกตินิดหน่อย ฉันก็เลยอยากจะออกตามหาพวกนั้น”

    “ไม่ใช่เพราะนายรู้สึกผิดเหรอ” เฮเลนเหน็บ รอนเบ้ปากอย่างขัดใจ “นายอยากกลับไปหาพวกเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้วไม่ใช่หรือไงล่ะ ยังเรื่องเฮอร์ไมโอนี่อีก นายพูดอะไรไม่ดีไปตั้งเยอะ”

    “เธอจะรู้ได้ยังไงว่าฉันพูดอะไร” รอนว่า “ตอนนั้นเธอไม่ได้อยู่ด้วยสักหน่อย”

    “ไม่อยู่แต่ฉันก็ได้ยินนี่” เฮเลนบอกเสียงเรียบ มอบใบหน้ารอนที่เต็มไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวดและรู้สึกผิดอยู่เต็มไปหมด “เพราะฉันเดินอยู่รอบเต็นท์ อีกอย่างนายไม่ควรที่จะหนีมาแบบนั้นด้วยซ้ำไป”

    “อย่าตอกย้ำนักเลยน่า” เขาขมวดคิ้ว บีบมือเล็กแรงขึ้นจนคนตัวเล็กรู้สึกเจ็บไปหมดก่อนจะสะดุ้งเหมือนรู้สึกตัวและคลายมือออกทันใด “ขอโทษที เอาล่ะพร้อมไหม ฉันจะไปแล้ว”

    “นายจะไปที่ไหน” เฮเลนหยุดชะงัก มองหน้ารอนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย “นายไม่รู้จุดหายปลายทางเลยด้วยซ้ำ”

    “ฉันรู้ก็แล้วกัน” รอนบอก “เชื่อใจฉันเถอะ ฉันจะพาเธอไปหาแฮร์รี่ให้ได้”

    ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันอย่างชั่งใจก่อนที่เฮเลนจะพยักหน้าและปล่อยให้รอนหลับตานึกถึงภาพที่ที่เขาจะต้องไป ร่างบางกระชับเสื้อคลุมสีดำสนิทของนาร์ซิสซาเอาไว้แน่นพยายามเพ่งจิตไปแค่การหายตัวตามรอนไป ในที่สุดพวกเขาก็มาปรากฏตัวอยู่ในที่แห่งหนึ่ง ซึ่งอากาศหนาวเหน็บและเย็นเยือกจนชวนให้คิดถึงเตาผิงอุ่นๆ ในบ้านของบิลกับเฟลอร์ขึ้นมาแทบจะในทันทีที่สองเท้าเหยียบไปถึงที่นั่น

    “ที่นี่ที่ไหนกันรอน!” เฮเลนพูดขึ้นทันทีเมื่อเท้าทั้งสองข้างจมลงไปในหิมะหนาราวหนึ่งฟุต ความเย็นยะเยือกบวกกับกระแสลมอ่อนๆ ที่พัดพาความหนาวมากระทบกายนี่ทำให้ร่างทั้งร่างสั่นได้โดยไม่ได้มีอาการหวาดกลัว “นายจะฆ่าฉันหรือไง!

    “เปล่าสักหน่อย” รอนว่า “ฉันแค่หายตัวมาตามที่ดีลูมิเนเตอร์นี่บอก รู้ไหมว่าฉันได้ยินอะไร”

    “ฉันจะไปรู้ได้ยังไง” เฮเลนแยกเขี้ยว เธออยากจะหายตัวกลับไปที่กระท่อมเปลือกหอยเหลือเกิน “ดีลูมิเนเตอร์ของดัมเบิลดอร์บอกอะไรนายล่ะ ก็บอกฉันด้วยสิ”

    “ฉันได้ยินเสียง!” เขาว่าพลางก้าวขาออกเดินไปในหิมะหนานั้นและมองไปรอบกายอย่างมีความหวัง “ฉันได้ยินเสียงเฮอร์ไมโอนี่ ฉันเชื่อว่าพวกเขาต้องอยู่ที่นี่”

    “แค่เชื่อแบบนั้นงั้นเหรอ!” เฮเลนก้าวเท้าตามเขาไปและดึงเสื้อคลุมมาคลุมปิดมิดชิดรอบกายด้วยความหนาว “นายบ้าหรือเปล่า!

    “เออ ฉันมันบ้า!” รอนสวน “เพราะฉันแค่อยากหาพวกนั้นให้เจอ! แฮร์รี่! เฮ้ แฮร์รี่ นายต้องอยู่แถวนี้ใช่ไหม เฮอร์ไมโอนี่! เธอได้ยินฉันรึเปล่า ออกมาที ฉันขอร้อง!

    เฮเลนมองรอนด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ก้าวตามเขาไปท่ามกลางป่าสนสูงที่ปกคลุมเอาไว้ด้วยหิมะหนาและสายลมเย็นเฉียบเสียดแทงเข้าไปถึงกระดูก อากาศที่แทบจะฉีกปอดของเธอออกเป็นชิ้นๆ เธอไม่อยากเชื่อว่ารอนจะทำตามสัญชาตญาณเพี้ยนๆ ของเขาจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังดีกว่านอนรอโชคชะตาที่ไม่รู้ว่าพระเจ้านั้นรักพวกเขามากพอที่จะทำให้พวกเขาเจอกันไหม

    แต่ถ้าให้ตอบ เฮเลนคิดว่าบางทีพระเจ้าคงรังเกียจพวกเขาไม่มากก็น้อย ถึงได้ทำให้ทุกอย่างยากลำบากถึงเพียงนี้ แม้แต่ดัมเบิลดอร์เองก็ตาม เขาคงจะเกลียดฝาแฝดพอตเตอร์เสียจนไม่อาจบอกทางออกของอุโมงค์คดเคี้ยวนี้ให้กับพวกเขา

    ท้องฟ้าที่เป็นสีครามเริ่มเปลี่ยนเป็นสีมุก ลมหนาวเริ่มสงบลงบ้างแล้วแต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าทั้งสองจะพบแฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่ เฮเลนมั่นใจว่าพวกเขาทั้งสองคนคงจะเสกคาถาคุ้มกันภัยเอาไว้มากมายเหลือเกิน และทั้งสองคนนั้นคงจะเหนื่อยสำหรับการหนีไปทั่วมากเสียจนไม่ได้ยินเสียงเรียกของเธอและรอน หรือบางทีทั้งสองคนอาจจะไม่ได้อยู่ที่นี่เลยตั้งแต่แรกก็เป็นได้

    รอนและเฮเลนพักทานอาหารที่เฟลอร์เตรียมเอาไว้ให้เป็นมื้อเที่ยง แต่ถึงอย่างนั้นรอนก็ยังไม่ยอมแพ้ที่จะตามหาทั้งสองคนนั้นต่อไปจนกระทั่งท้องฟ้าสีมุกได้เปลี่ยนเป็นสีหมึกพร้อมกับการปรากฏของก้องเมฆครึ้มลอยปกคลุมท้องฟ้า เฮเลนคิดว่าอีกไม่นานหิมะจะต้องตกแน่นอน แล้วมันก็เป็นจริงดังคาด

    “รอน!” เฮเลนร้องเรียก “หิมะตกแล้ว เราหาที่หลบกันก่อนเถอะ”

    “เดี๋ยวก่อนสิ” รอนแย้ง “ฉันขอตามหาต่ออีกหน่อยเถอะนะ ไม่แน่พวกนั้นอาจจะได้ยินเราแล้วก็ได้”

    “แต่เราไม่มีเต็นท์เลยนะ! เราจะอยู่ในที่แบบนี้ตลอดทั้งคืนไม่ได้”

    “บิลยัดใส่ตะกร้ามาให้ด้วย” รอนบอกและยังไม่หยุดตะโกนเรียกแฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่ “เราเอามันออกมากางได้ แล้วก็คืนนี้เราพักที่นี่แหละ ฉันจะเป็นยามให้เอง”

    เขาหยุดเดิน หันมามองหน้าเฮเลนและดึงตะกร้าเสบียงไปจากมือของเธอพร้อมกับเปิดมันออกควานหาอะไรสักอย่างภายในก่อนจะหยิบผ้าใบใหญ่ๆ ออกมากางออกอย่างชำนาญ เต็นท์ขนาดเล็กที่สามารถนอนได้เพียงสองคนนั้นทำให้เฮเลนแอบรู้สึกหวั่นใจเล็กๆ แต่เธอเองก็ไม่ควรจะลืมไปว่าเธออยู่ในโลกที่มีเวทมนตร์

    “เอาล่ะ ฉันคิดว่าบิลกับเฟลอร์เตรียมของเอาไว้ให้พวกเราเรียบร้อยหมดแล้ว” รอนว่า “เธอไปพักก่อนเถอะ ฉันจะออกตามมหาสองคนนั้นอีกพัก แล้วเดี๋ยวจะตามเข้าไป”

    “แต่ว่าฉันเฝ้าให้แล้วนายไปนอนไม่ดีกว่าเหรอ” เฮเลนแย้ง วันนี้ทั้งวันรอนเองก็ไม่ได้พักผ่อนเหมือนกับเธอและนอกจากนั้นถ้าจะพักก็ควรจะได้พักพร้อมๆ กันไม่ใช่หรือ “บางทีเสียงฉันอาจจะทำให้สองคนนั้นได้ยินก็ได้”

    “ไม่ต้อง” รอนแยกเขี้ยว “เธออย่าลืมว่าเธอเป็นที่ต้องการของพวกนั้น ถ้าพวกผู้เสพความตายเจอเธอเข้า สิ่งที่มัลฟอยทำจะหมดความหมาย เข้าใจไหม”

    เฮเลนเงียบ ไม่รู้ว่าจะเถียงอะไร ภายในเต็นท์มีขนาดไม่กว้างมากนัก เฮเลนเข้าใจว่าบางทีครอบครัววีสลีย์คงไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อเต็นท์ใหญ่ราคาแพงๆ ด้านในเหมือนกับห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ มีโต๊ะทานอาหาร ที่นอนอยู่รวมกันในห้องเดียว คืนนั้นเฮเลนเข้านอนก่อนที่รอนจะกลับมาที่เต็นท์ เธอรู้สึกเหมือนกำลังจะไม่สบาย นากินีและคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างบานนั้นผลัดกันผลุบเข้าผลุบออกในความฝันจนน่าตกใจ เธอสะดุ้งตื่นแทบจะตลอดทั้งคืน สายลมที่พัดกระโชกรอบเต็นท์ทำให้เฮเลนแทบจะเป็นบ้า เธอได้ยินเสียงเรียกของแฮร์รี่ลอยมาจากสายลมกระหน่ำนั้นด้วยซ้ำ แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ในเมื่อสองคนนั้นยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอหนีออกมาจากคฤหาสน์นั้นได้แล้ว

    วันรุ่งขึ้นเฮเลนเป็นคนเตรียมอาหารเช้า และในขณะที่นั่งอ่านหนังสือ ตำราการพยากรณ์ขั้นสูง อยู่พร้อมกับทานไข่ดาวกับเบคอนไปด้วย รอนก็ผุดลุกจากเตียงเดินเข้ามาที่โต๊ะทานอาหารขนาดเล็กและจัดแจงทานอาหารตรงหน้าทันทีโดยไม่พูดไม่จาราวกับว่ากำลังทำเวลา

    “เป็นอะไรไป” เฮเลนถามพลางขมวดคิ้ว หิมะหยุดตกแล้วในช่วงเช้า

    “เราจะออกเดินทางกัน” รอนบอกห้วนๆ ยังคงตักไข่ดาวเข้าปาก “ฉันรู้สึกได้ว่าสองคนนั้นไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว”

    “แล้วจะไปที่ไหน” เฮเลนร้องถาม ปิดหนังสือลงอย่างอึ้งๆ “เรายังหาที่นี่ไม่ทั่วเลยนะ”

    “ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาขนาดนั้น” เขาตอบ ยกแก้วน้ำที่วางอยู่ข้างจานขึ้นมาดื่ม “เชื่อใจฉันหน่อยสิ แล้วเธอจะได้เจอพี่ชายฝาแฝดของเธอแน่ๆ เฮเลน”

    หญิงสาวเม้มริมฝีปากอีกครั้ง เธอถอนหายใจออกมาเล็กน้อยและพยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงเข้าใจ อีกครึ่งชั่วโมงต่อมา เมื่อรับประทานอาหารเช้าและเก็บเต็นท์เรียบร้อยแล้ว ทั้งสองก็หายตัวอีกครั้ง เท้าของเฮเลนหลุดจากพื้นที่ปกคลุมด้วยหิมะแล้วก็กระแทกลงบนอะไรที่คล้ายๆ ผืนดินเย็นจัดที่ปกคลุมด้วยใบไม้

    เฮเลนไม่ได้ถามว่าตอนนี่อยู่ที่ไหน เพราะยังไงรอนก็มาที่นี่ตามสัญชาตญาณอยู่แล้ว รอนบอกให้เธอเอาเต็นท์ออกมากาง ทั้งสองยังได้เริ่มออกตามมหาแฮร์รี่กันเดี๋ยวนั้นเพราะอากาศที่นี่ไม่ได้ต่างจากที่นั่นเลยแม้แต่น้อย หิมะเกาะอยู่เต็มยอดไม้ แต่อย่างน้อยตอนนี้ทั้งสองก็มีที่หลบลมหนาว

    เฮเลนและรอนนั่งอยู่ในเต็นท์อุ่นๆ ทั้งวัน เฮเลนบังคับไม่ให้เขาออกไปตามหาทั้งคู่ตอนนี้ รอนดูขัดใจเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมฟังเธอแต่โดยดี หญิงสาวเดินออกไปร่ายคาถาป้องกันต่างๆ ที่คิดขึ้นมาได้รอบๆ เต็นท์ อย่างน้อยคาถาแมวครวญคงสามารถใช้การได้ในเวลานี้ ถึงแจะมั่นใจว่าคาถา มัฟฟลิอาโต จะช่วยไม่ให้คนที่ผ่านไปผ่านมาได้ยินเสียงพวกเขาก็ตาม

    หลังจากที่นอนไม่ค่อยจะหลับเพราะรอนเปิดปิดดีลูมิเนเตอร์ทั้งคืน ดูเหมือนเฮเลนใกล้จะประสาทเสียเข้าไปทุกทีแล้ว เธอฝันถึงเดรโกติดๆ กันสองสามคืน โวลเดอมอร์กำลังทรมานเขาเพื่อให้เขาพูดความจริงและการสกัดใจของเขานั้นไม่ได้ผลเมื่ออยู่ต่อหน้าของจอมมาร มีแต่เลือดเต็มไปหมด นาร์ซิสซาก็ถูกคำสาปของเบลาทริกซ์ทรมานปางตาย เฮเลนรู้สึกว่าตัวเองอ่อนล้าทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรเลยในช่วงนี้ มีเพียงรอนที่ออกไปตามหาทั้งสองทุกๆ วัน

    เมื่อความมืดเข้ามาเยือน เฮเลนปฏิเสธที่จะเข้าไปนอน เธอเห็นรอนสวมเสื้อกันหนาวทุกตัวที่มีเพื่อป้องกันความหนาวราวกับว่ากำลังจะออกไปตามหาทั้งสองคนอีกแม้กระทั่งเป็นเวลากลางคืนที่มืดมิด เฮเลนเก็บเต็นท์หลังจากที่รอนสวมเสื้อเสร็จแล้ว เธอยืนยันว่าจะออกไปตามหาทั้งคู่กับเขาด้วยในคืนนี้เพราะตัวเธอเองนั้นรู้ดีว่าต่อให้หลับตาเธอก็ไม่ได้พักผ่อนดั่งใจต้องการอยู่ดี ในใจตอนนี้มีเพียงแค่ขอให้เดรโกและนาร์ซิสซายังคงปลอดภัยจากเงื้อมือของโวลเดอมอร์ก็เพียงพอแล้ว

    ไม้กายสิทธิ์ทั้งสองด้ามถูกจุดขึ้นแทบจะพร้อมๆ กันในความมืดมิดที่แทบมองอะไรไม่เห็น เฮเลนเหลือบไปเห็นไม้กายสิทธิ์ของแท็คในกระเป๋าเสื้อคลุม เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเอามันมาด้วย ช่วงนี้ที่ฮอกวอตส์คงกำลังอยู่ในช่วงหยุดคริสมาสต์ พนันได้เลยว่าโวลเดอมอร์ต้องรู้เรื่องที่เธอหนีออกมาจากคฤหาสน์แล้วแน่ๆ

    ท่ามกลางป่าอันกว้างใหญ่ ความเคลื่อนไหวเล็กจิ๋วทุกชนิดดูเหมือนจะถูกขยายใหญ่ขึ้นทันที เฮเลนมั่นใจว่าในป่านี้จะต้องเต็มไปด้วยสัตว์ต่างๆ เป็นแน่ เธอได้แต่ภาวนาไม่ให้มีสัตว์ร้ายอยู่แถวนี้ เฮเลนคิดถึงเสียงเสื้อคลุมเลื่อนไหลบนใบไม้แห้งที่หน้าคฤหาสน์มัลฟอย และพอคิดได้มันก็เหมือนจะดังขึ้นมาจริงๆ ถ้าไม่คิดว่านั่นเป็นเสียงผ้าคลุมที่เธอสวมอยู่ล่ะก็เธอคงจะอดคิดถึงผู้เสพความตายไม่ได้แน่

    ราตรีมืดดุจกำมะหยี่ทั้งสองร่างยังคงก้าวไปในความมืดมิด เมื่อไรไม่รู้ที่รอนหายไปจากตรงหน้า ทิ้งให้เฮเลนยืนอยู่ตรงนั้นเพียงลำพังโดยปราศจากเงาของสิ่งมีชีวิตรอบกาย

    “รอน!” เฮเลนร้อง “รอน! นายอยู่ไหนน่ะ”

    ไม่มีการตอบรับใดๆ จากอีกฝ่าย ความมืดมิดนั้นทำให้ร่างบางสั่นสะท้านไปหมด มันทำให้เธอรู้สึกกดดันราวกับว่าถูกล้อมกรอบเอาไว้ด้วยกำแพงสีใสที่ไม่สามารถป้องกันตัวจากอะไรได้ เฮเลนอยากดับไฟที่ปลายไม้กายสิทธิ์เดี๋ยวนั้นเพื่อไม่ให้ใครมองเห็นร่างของเธอ แต่ถ้าหากดับแล้วเธอก็จะสามารถมองเห็นได้เลยว่ามีอะไรอยู่ตรงหน้า

    “รอน!” ร่างบางตะโกนอีกครั้ง หันรีหันขวางไปมามองรอบกายอย่างหวาดระแวง “รอน! ได้โปรด นายอยู่ไหน”

    เสียงฝีเท้าดังกึกก้องสะท้อนไปมาในหัวสมอง ภาพนึกคิดต่างๆ นาๆ ปรากฏขึ้นอย่างไม่อาจห้ามได้ ผู้เสพความตาย ผู้คุมวิญญาณหรือแม้กระทั่งสัตว์ร้าย ไม่มีอะไรเลยที่ปลอดภัยในเวลากลางคืนอย่างนี้ เฮเลยอยากจะร้องเรียกให้เดรโกออกมาช่วย แต่ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ที่นี่และเธอจะทำให้สิ่งที่เขาเสียสละไปนั้นสูญเปล่าด้วยการถูกจับไปเสียก่อนจะเจอกับแฮร์รี่ไม่ได้

    ได้โปรด เฮเลนคิด ได้โปรดอย่าเกิดอะไรขึ้นตอนนี้เลย

    ร่างเล็กๆ ก้าวรวดเร็วฝ่าใบไม้แห้งกองสูงท่วมด้วยหิมะไป ผ่านต้นไม้ใหญ่และอะไรต่างๆ ในความมืดไปอย่างไร้จุดหมาย จะมีใครบ้างที่สามารถช่วยเธอได้นอกจากตัวเธอเอง ลมเย็นรอบกายทำให้สติของเฮเลนไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเสียเท่าไรนัก ตะกร้าใบเล็กในอ้อมแขนไม่ได้ช่วยให้อุ่นใจขึ้นเลย เธอจะลากเอาเต็นท์ออกมากาง ณ ตอนนี้เลยอย่างนั้นเหรอ เป็นไปแทบไม่ได้เลย

    “ใจเย็นๆ” เธอปลอบใจตัวเองและหยุดเดินอย่างกะทันหันพลางถอนหายใจออกมา “ตั้งสติหน่อยสิเฮเลน เธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว เอ๊ะ เดี๋ยวสิ ตอนนี้ก็อยู่คนเดียวนี่ โอ๊ย พอแล้ว สงบใจหน่อยเฮเลน”

    เฮเลนมั่นใจว่าอีกนิดเดียวเธอก็จะเป็นโรคประสาทแล้ว เรื่องของเดรโกและความปลอดภัยของครอบครัวเซเลสเทีย การตามหาแฮร์รี่ โวลเดอมอร์ ครอบครัววีสลีย์และความรู้สึกหนักอึ้งที่อยู่ในอกทำให้ความมืดรอบกายกดร่างบางจมลงไปในห้วงแห่งความกลัวและผลักเธอเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดของอุโมงค์อันแสนมืดมิด แสงสว่างที่เคยมองเห็นดับวูบไปต่อหน้าต่อตา

    สัมผัสเย็นเฉียบของฝ่ามือใครบางคนทำให้เฮเลนหลุดจากภวังค์ เจ้าของมือนั้นดึงร่างบางเข้าไปสวมกอดอย่างรวดเร็วจนไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างบางสะบัดหนีทันทีแม้ว่าจะไม่ได้รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่อย่างน้อยตอนนี้เฮเลนก็มั่นใจว่ารอนคงไม่ทำอะไรแบบนี้อย่างแน่นอน

    “อย่าดิ้นได้ไหมยังเพี้ยน” เสียงทุ้มอันแสนคุ้นเคยลอยมาเข้าหูของเธอ “ฉันคิดถึงเธอใจจะขาด รู้ตัวไหม”

    เฮเลนชะงัก ร่างบางเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงพร้อมกับยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อให้มองเห็นใบหน้าเรียวใสที่ดูโทรมลงไปกว่าเคย นอกจากนั้นรอยแผลเป็นเล็กๆ ราวกับถูกกรีดบนใบหน้านั้นทำให้ความรู้สึกผิดถาโถเข้ามากระแทกลงกลางหัวใจ เรือนผมสีบลอนด์จางดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย

    “เดรโก” เฮเลนเรียกเขาเสียงแผ่วเบา “ทำไมนายถึง...”

    “ไต้องพูดอะไรทั้งนั้น” เขาตอบเสียงเรียบ “ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าฉันมาที่นี่ได้ยังไง ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าฉันมาที่นี่ทำไมแล้วก็ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าฉันมาที่นี่กับใคร”

    ร่างสูงผ่อนลมหายใจเบาๆ และรัดรางบางแน่นขึ้น เฮเลนกระซิบพูด น็อกซ์ เบาๆ และไม่รอช้าที่จะสวมกอดเขากลับไปด้วยความคิดถึงจับใจ ความเป็นห่วงและความกดดันทั้งหลายหายไปในทันตาเมื่อได้รับกอดที่แสนอบอุ่นนี้ มันสื่อถึงทุกความรู้สึกได้ดียิ่งกว่าคำพูดทั้งหมดเสียอีก

    “ฉันอยากจบเรื่องนี้ไวๆ จังเลย” เฮเลนบอกเสียงแหบแห้ง ใบหน้าเริ่มร้อนผ่าวราวกับว่าน้ำตากำลังจะไหลออกมา “ฉันเป็นห่วงซิสซี่ นายแล้วก็คนอื่นๆ ฉันทำอะไรไม่ถูกแล้วตอนนี้”

    “ตั้งสติสิ” เดรโกกระซิบ “ถึงเธอจะยืนอยู่คนเดียวก็ไม่ได้หมายความว่าเธอตัวคนเดียว เธอมีอีกหลายคนอยู่ข้างๆ นะ รวมไปถึงฉันด้วย”

    เฮเลนไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่ซุกใบหน้าลงบนอกกว้างและปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมาอย่างช้าๆ ครู่หนึ่งเดรโกก็ผละออก จูบหวานๆ เจือความอบอุ่นถูกมอบให้เพื่อลดความหนาวเย็นในจิตใจ น้ำแข็งที่ห่อหุ้มทุกอย่างเอาไว้เริ่มละลายออกทำให้เฮเลนคลายความกังวลออกไปได้ส่วนหนึ่ง

    “รีบไปซะ” เดรโกพูดหลังจากถอนริมฝีปากออก “วีสลีย์กับแฮร์รี่กำลังรอเธออยู่”

    “แฮร์รี่เหรอ” เฮเลนทวนคำ “นายรู้ได้ยังไง”

    “ช่างเรื่องนั้นเถอะ” เขาว่า ดวงตาสีฟ้าซีดยกยิ้มเล็กน้อย “ไปซะ ตามมันไป”

    นิ้วเรียวยาวชี้ไปยังผู้พิทักษ์ที่ทอแสงอยู่ไม่ไกลจากจุดที่ยืนอยู่นัก มันไม่คล้ายกับสิ่งที่เฮเลนเคยเห็นในห้องต้องประสงค์วันนั้นเลยแม้เพียงนิด แสงของมันแผดจ้า ต้นไม้ที่อยู่เบื้องหน้าเป็นเงามืดสนิทและแสงนั้นก็ยังคงเคลื่อนไหวอยู่เบื้องหน้า ร่างสูงออกแรงผลักเฮเลนให้เดินตามมันไปโดยที่เขาทำเพียงแค่มองตามและยิ้มให้บางๆ เท่านั้น

    สัตว์ตัวนั้นคือหงส์สีขาวเงินส่องแสงสว่างราวกับดวงจันทร์ หัวที่สวยงามของมันเชิดสูง กางปีกออกโผบินไปเบื้องหน้าอย่างสง่างาม เฮเลนหันกลับไปทางเดรโกอีกครั้งและพบว่าเขาหายไปแล้ว เธอไม่พบแม้เพียงเงาของเขาเสียด้วยซ้ำไป นั่นเป็นสิ่งที่บอกเฮเลนได้อย่างดีว่าเขานั้นต้องการให้เธอตามหงส์ตัวนั้นไป

    แสงสว่างของมันถูกลำต้นสีดำหนาทึบพาดทับเป็นเส้นๆ สัญชาตญาณบอกกับเธอว่ามันไม่ใช่กลลวงของศาสตร์มืด สองขาเล็กๆ ออกวิ่งตามมันไปทันที หิมะดังกรอบแกรบอยู่ใต้เท้าของเฮเลน หงส์ตัวนั้นนำเธอเข้าไปในป่าลึกขึ้นเรื่อยๆ และเธอก็รีบเดินตามมันไปอย่างรวดเร็ว เฮเลนมั่นใจว่าเมื่อมันหยุด มันจะยอมให้เธอเข้าไปใกล้มันมากกว่านี้

    แต่ว่าอยู่ๆ มันก็หายวับไปกับความมืดมิด แม้ว่าความมืดจะกลืนกินมันเข้าไปแต่ว่าภาพของมันยังคงประทับติดอยู่ในดวงตา เสียงกิ่งไม้หักอยู่ไกลๆ และเสียงหิมะตกเบาๆ นั้นทำให้เฮเลนรู้สึกระแวง เธอยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาจุดไฟขึ้นอีกครั้ง และเธอคงไม่ได้คิดไปเองว่าเธอได้ยินเสียงคนพูดคุยกันอยู่ไม่ไกลจากตรงที่ยืนอยู่นัก

    สระน้ำเล็กๆ ที่จับตัวเป็นน้ำแข็งแวววาวต้องไม้กายสิทธิ์ ผิวหน้าสีดำที่แตกร้าวนั้นเป็นประกายระยิบระยับและเฮเลนก็สังเกตเห็นร่างของคนสองคนนอนคว่ำหน้าอยู่บนหิมะฝั่งตรงกันข้ามของสระน้ำ ทั้งสองเปียกโชกและดูเหมือนกำลังหนาวสั่น เฮเลนไม่รอช้าวิ่งเข้าไปหาทั้งสองคนนั้นทันที ร่างบางเดินเข้าไปและดึงล็อกเกตของสลิธีรินออกจากคอของแฮร์รี่แทบจะในทันทีที่เข้าไปถึงตัวเขา

    “นาย – ประสาท – ไปแล้วเหรอ”

    รอนหอบเสียงดังพร้อมกับถือวัตถุสีเงินประกายเอาไว้ในมือ เขากำมันแน่น เนื้อตัวเปียกชุ่มไปหมด เฮเลนดับไฟที่ปลายไม้กายสิทธิ์ของตนก่อนจะสะบัดไม้กายสิทธิ์ไปมาสองสามครั้งเพื่อทำให้เสื้อผ้าของทั้งสองคนแห้งอย่างรวดเร็ว

    “ให้ตายสิแฮร์รี่” เฮเลนพูดเสียงแหบ “ทำไมนายไม่ถอดมันออกก่อน”

    “เฮเลน” แฮร์รี่เบิกตากว้าง เขาตะเกียดตะกายลุกขึ้นนั่งและดึงร่างของเฮเลนเข้าไปสวมกอดอย่างรวดเร็ว “เธออยู่ตรงนี้ นี่ไม่ใช่ภาพลวงตาใช่ไหม”

    “ใช่” เฮเลนพยักหน้าหนึกหงัก มองไปทางรอน “ฉันไม่ใช่ภาพลวงตา รอนก็เหมือนกัน”

    พี่ชายฝาแฝดผละออกจากร่างบางและหันไปจ้องใบหน้าของรอนเอาไว้โดยไม่ละสายตา

    “นั่นนายจริงๆ เหรอ” เขาพูด ฟันกระทบกันดังกึกๆ เสียงอ่อนระโหย “นายจริงๆ เหรอรอน”

    “อ้าว ก็ใช่สิ” รอนตอบ ท่าทางงุนงงเล็กน้อย

    “นาย – นายเสกกวางนั่นเหรอ”

    “อะไรนะ” รอนขมวดคิ้ว มองมายังใบหน้าของเฮเลนเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปหาแฮร์รี่อีกครั้ง “ไม่ใช่หรอก ฉันคิดว่านายเป็นคนเสกซะอีก”

    “ผู้พิทักษ์ของฉันเป็นกวางตัวผู้”

    “เออ นั่นก็จริง” รอนว่า “ถึงว่าทำไมมันถึงดูแปลกๆ”

    “แล้วนั่นก็คือสาเหตุที่นายทิ้งฉันไว้กลางป่างั้นสินะ” เฮเลนแยกเขี้ยวใส่รอน

    “ขอโทษที! ฉันคิดว่าถ้าละสายตาไปมันอาจจะหายไปน่ะ พอรู้อีกทีเธอก็ไม่ได้ตามฉันอยู่แล้ว”

    เฮเลนทำเสียงในลำคออย่างไม่พอใจก่อนที่แฮร์รี่จะพูดขึ้นอีกครั้ง

    “แล้วนายมาทำอะไรที่นี่ล่ะ”

    “ฉันกลับมาน่ะสิ” รอนกระแอมเล็กน้อย “ฉันพาเฮเลนกลับมาด้วย นายก็รู้นี่ นายยังต้องการฉันอยู่”

    นิ่งกันไปอึดใจหนึ่งจนน่าอึดอัด แต่อย่างน้อยรอนก็ช่วยชีวิตแฮร์รี่เอาไว้

    “นายกระโจนลงไปเพราะมันใช่ไหม” รอนชูดาบของกริฟฟินดอร์ขึ้นมาให้แฮร์รี่ดู “ฉันรู้ว่านายต้องการมัน”

    “ใช่” แฮร์รี่ตอบ “แต่ฉันไม่เข้าใจ นายมาได้ยังไง นายหาเราเจอได้ยังไง”

    “เรื่องมันยาวน่ะ” เฮเลนพูด หรี่ตามองรอนเล็กน้อย

    “ฉันกับเฮเลนตามหานายมาตลอดนั่นแหละ” รอนบอก “แล้วฉันก็เห็นกวางนั่นผ่านมา”

    “พวกนายไม่เห็นคนอื่นเลยเหรอ”

    “ไม่เลย” รอนตอบ มีท่าทีลังเล ชำเลืองมองไปที่ต้นไม้สองต้นที่ขึ้นชิดกัน อยู่ห่างไปไม่กี่หลา “ฉันคิดว่าฉันเห็นอะไรขยับอยู่ตรงนั้น แต่ตอนนั้นฉันวิ่งไปที่สระพอดีเพราะนายจมลงไปแล้วไม่โผล่ขึ้นมาสักที ฉันก็เลยไม่คิดจะแวะไปดู”

    “ฉันเจอเดรโก” เฮเลนกระซิบบอก “เขาพาฉันมาเจอพวกนาย ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าผู้พิทักษ์ของเขาคือหงส์”

    “แล้วเดรโกจะรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่” รอบถามอีก “เขาเป็นคนเสกกวางนั่นงั้นเหรอ”

    “หนึ่งคนจะมีผู้พิทักษ์ได้อย่างเดียวเท่านั้นรอน” แฮร์รี่บอก “อย่างน้อยตอนนี้เราก็อยู่ด้วยกันแล้ว ฉันคิดว่าคนที่เสกผู้พิทักษ์ที่เป็นกวางสาวนั่นไม่ก็เดรโกต้องเป็นคนใส่มันไว้ใต้สระนั่นแน่”

    ทั้งสามมองดูดาบเงินที่งามวิจิตร ด้ามที่ฝังทับทิมทอประกายเล็กน้อยในแสงไฟจากไม้กายสิทธิ์ของแฮร์รี่ที่วางอยู่บนหิมะ

    “นายคิดว่ามันเป็นของจริงไหม” รอนถาม

    “มีวิธีเดียวจะรู้ จริงไหม” แฮร์รี่พูดแล้วดึงล็อกเก็ตออกจากมือของเฮเลน

    ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาถกอะไรกันให้ยืดยาว ตอนนี้พวกเขาจะต้องทำลายล็อกเก็ตทิ้งให้สิ้นซาก แฮร์รี่เหลียวมองรอบตัว หยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาชูขึ้นสูงก่อนจะเดินไปที่หินก้อนแบนๆ ที่ตั้งอยู่ในร่มเงาของต้นซิคามอร์

    เฮเลนและรอนเดินตามไปในขณะที่แฮร์รี่ปัดหิมะออกจากหิน เขาวางฮอครักซ์ลงบนหน้าหินและหันมาหารอน

    “นายต้องทำ”

    “ฉันน่ะเหรอ” รอนพูด สีหน้าตกใจ “ทำไม”

    “เพราะนายเป็นคนเอาดาบขึ้นมาจากสระ เพราะฉะนั้นนายจะต้องลงือเอง”

    เฮเลนรู้ดีว่าแฮร์รี่ต้องการให้เขาลงดาบเช่นเดียวกับที่เธอมั่นใจว่าหงส์ตัวนั้นจะนำพาเธอไปหาศาสตร์มืด

    “ฉันจะเปิดมันนะ” แฮร์รี่บอก “แล้วนายก็แทงมันเลย รีบแทงทันทีเลยนะตกลงไหม เพราะอะไรสักอย่างที่อยู่ในนั้นมันต้องสู้แน่ วิญญาณของริดเดิ้ลในบันทึกก็เคยจะฆ่าฉันกับเฮเลนแล้วเหมือนกัน”

    “นายจะใช้ภาษาพาร์เซลบอกให้มันเปิดออกเหรอ” เฮเลนถาม แฮร์รี่พยักหน้าเบาๆ

    แฮร์รี่มองดูตัว S รูปงูที่ฝังด้วยหินสีเขียวเป็นประกาย มันคงจะง่ายมากที่จะนึกภาพว่ามันคืองูตัวเล็กๆ กำลังนอนขดอยู่บนก้อนหินเย็นๆ

    “อย่า!” รอนร้อง “อย่าเปิดมัน ฉันพูดจริงๆ นะ”

    “ทำไม” เฮเลนถาม

    “จัดการไอ้ของบ้าๆ นี่เถอะน่า” แฮร์รี่บอก “มันอยู่มาเป็นเดือย ---“

    “ฉันทำไม่ได้ แฮร์รี่ ฉันพูดจริงๆ” รอนพูดเสียงสั่นเครือ “นายทำเถอะนะ ไม่ก็ให้เฮเลนทำก็ได้”

    “ทำไมล่ะ”

    “เพราะว่ามันไม่ถูกกับฉันน่ะสิ!” รอนพูดพลางถอยหนีจากล็อกเก็ตบนหิน “ฉันไม่เยรับมือมันได้เลย ฉันไม่ได้หาข้อแก้ตัวกับเรื่องที่ทำไปนะ แต่มันมีผลร้ายกับฉันยิ่งกว่านายหรือเฮอร์ไมโอนี่ มันทำให้ฉันคิดอะไรไปเรื่อย – จริงๆ ก็คิดไอ้เรื่องเดิมนั่นแหละ แต่มันทำให้เลวร้ายลงไปอีก ฉันอธิบายไม่ถูกหรอก แล้วพอฉันถอดมันออกไป สมองก็โล่งไปทีหนึ่ง แล้วไม่นานก็ต้องเอากลับมาใส่ใหม่ – ฉันทำไม่ได้หรอก! ฉันทำไม่ได้จริงๆ แฮร์รี่!

    เขาถอยหลังไปพลางสั่นศีรษะ ลากดาบไปข้างตัวจนเกือบชนเข้ากับร่างบาง

    “นายต้องทำได้สินรอน!” เฮเลนพูด มือเล็กเอื้อมไปจับท่อนแขนที่สั่นเทาของรอนเอาไว้เบาๆ “นายทำได้ เชื่อในตัวเองสิ”

    “นายเอาดาบขึ้นมาได้!” แฮร์รี่บอก “ฉันรู้ว่านายต้องเป็นคนใช้มัน ได้โปรด! กำจัดมันไปสักทีรอน”

    รอนกลืนน้ำลาย หันหน้ามามองเฮเลนเล็กน้อยจากนั้นเขาก็เดินกลับไปทางก้อนหิน ยังคงหายใจแรงๆ ผ่านจมูกยาวๆ ออกไป

    “จะให้แทงเมื่อไหร่ก็บอก” เขาพูดเสียงแหบ

    “นับถึงสามนะ” แฮร์รี่พูด

    เฮเลนหรี่ตามองล็อกเก็ตและปล่อยมือออกจากแขนของรอน เสียงขู่ฟ่อดังออกมาจากปากของแฮร์รี่ทันทีที่นับถึงสาม ฝาทองของล็อกเก็ตเหวี่ยงเปิดออกพร้อมเสียงกริ๊กเบาๆ ดวงตาที่มีชีวิตกะพริบอยู่หลังหรอบกระจกเล็กๆ ทั้งสองด้านในล็อกเก็ต เป็นดวงตาสีเข้มได้รูปเหมือนดวงตาของทอม ริดเดิ้ลในความทรงจำ

    “แทง” แฮร์รี่พูด จับล็อกเก็ตไว้มั่นบนก้อนหิน

    รอนยกดาบขึ้นด้วยมือสั่นเทา ปลายดาบส่ายไปมาเหนือดวงตาที่กลอกอย่างบ้าคลั่ง แฮร์รี่จับล็อกเก็ตเอาไว้แน่น เฮเลนนึกถึงภาพที่เลือดไหลทะลักออกมาจากตรงนั้น แต่ทันใดก็มีเสียงขู่ฟ่อออกมาจากฮอร์ครักซ์

    “ฉันได้เห็นหัวใจของแกแล้ว โรนัลด์ วีสลีย์ ตอนนี้มันเป็นของฉัน”

    “อย่าไปฟังนะ!” เฮเลนร้อง “แทงลงไป!

    “ฉันเคยเห็นความฝันของแก โรนัลด์ วีสลีย์ และความกลัวของแกด้วย ทุกอย่างที่แกปรารถนานั้นเป็นไปได้ แต่สิ่งที่แกกลัวก็เป็นไปได้เช่นกัน...”

    “แทงเร็ว!” แฮร์รี่ตะโกน เสียงก้องสะท้อนจากต้นไม้ที่อยู่ล้อมรอบ ปลายดาบยังคงสั่นเทิ้ม เฮเลนเห็นรอนก้มลงจ้องตาริดเดิ้ล

    “แม่แกรักแกน้อยที่สุดเพราะใฝ่ฝันอยากได้ลูกสาว แล้วตอนนี้แกก็ยังได้รับความรักน้อยที่สุดจากสาวที่ชอบเพื่อนของแกมากกว่า แกอยู่ใต้เงาของคนอื่นมาตลอด”

    “รอน!” เฮเลนตะโกน

    “รอน แทงมันเดี๋ยวนี้เลย!” แฮร์รี่ตะเบ็งเสียง เฮเลนรู้สึกกลัวสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นแล้วดวงตาของริดเดิ้ลก็สว่างวาบ

    ฟองประหลาดสองฟองบานออกมาจากดวงตาในกรอบล็อกเก็ต เป็นรูปศีรษะของแฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่ มันดูบิดเบี้ยวพิกล รอนร้องลั่นและหงานหลังลงไปนั่งกองอยู่กับพื้น ร่างทั้งสองบานออกมามากขึ้นมีอก เอวและขา จนกระทั่งยืนขึ้นเต็มตัวในล็อกเก็ต สีข้างของทั้งสองร่างนั้นแนบกับราวกับต้นไม้สองต้นที่มีรากเดียวกัน มันโงนเงนค้ำหัวทั้งสามคน แฮร์รี่กระชากนิ้วออกมาจากล็อกเก็ตอย่างรวดเร็วราวกับมันร้อนจัด

    “รอน!” แฮร์รี่ตะโกน แต่แฮร์รี่ของริดเดิ้ลกำลังพูดด้วยเสียงของโวลเดอมอร์และรอนกำลังจ้องใบหน้าของสองร่างนั้นราวกับกำลังถูกสะกดจิต

    “กลับมาทำไมล่ะ ไม่มีนายเราสบายกว่านะ มีความสุขกว่าด้วย ดีใจจะตายที่นายหายไป เราหัวเราะความโง่เง่าของนาย ความตาขาว ความอวดดี—”

    “ความอวดดี! เฮอร์ไมโอนี่ของริดเดิ้ลพูดซ้ำ เธอส่งเสียงหัวเราะใส่หน้ารอน เขาดูหวาดกลัวแต่ก็จ้องตาไม่กะพริบ ดาบที่อยู่ข้างตัวนั้นไม่มีความหมาย “ใครล่ะจะเห็นหัวเธอ ใครมันจะสนใจมองเธอ เวลามีแฮร์รี่ พอตเตอร์อยู่ข้างๆ เธอเคยทำอะไรมาบ้างล่ะ ถ้าเทียบกับผู้ถูกเลือก เธอเป็นตัวอะไรถึงได้กล้ามาเทียบกับเด็กชายผู้รอดชีวิต”

    “รอน แทงมัน! ได้โปรด!!เฮเลนร้องแต่รอนก็ยังไม่ขยับ ดวงตาของเขาเบิกกว้าง แฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่ของริดเดิ้ลสะท้อนอยู่ในดวงตาของเขา ผมของสองคนนั้นปลิวสะบัดดังเปลวไฟ ดวงตาฉายสีแดงก่ำ ประสานเสียงคู่กันอย่างชั่วร้าย

    “แม่ของนายสารภาพ” แฮร์รี่ของริดเดิ้ลพูดน้ำเสียงเย้ยหยัน ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ของริดเดิ้ลกำลังหัวเราะเยาะ “ว่าเขาอยากได้ฉันเป็นลูกชายมากกว่า ยินดีที่จะแลกเลยล่ะ”

    “ใครจะไม่อยากได้เขามากกว่า ผู้หญิงคนไหนจะเอาเธอ เธอมันไม่มีค่า ไม่มีค่าเลยถ้าเทียบกับเขา” เฮอร์ไมโอนี่ของริดเดิ้ลร้องเป็นเพลงแล้วเธอก็เหยียดยิ้มกว้างก่อนจะตวัดแขนไปรวบร่างของแฮร์รี่ของริดเดิ้ลมากอดรัดเอาไว้แน่น ริมฝีปากของทั้งสองประกบกัน

    บนพื้นเบื้องหน้าของทั้งสอง ใบหน้าของรอนเต็มไปด้วยความทุกข์แสนสาหัส เขาเอื้อมมือไปจับดาบเอาไว้และยกมันขึ้นด้วยแขนที่สั่นเทา

    “ทำเลยรอน!” แฮร์รี่ตะโกน รอนเหลือบตามามองและเฮเลนเหือนจะเห็นรอยสีแดงในดวงตาเขา

    “รอน” เฮเลนพึมพำ กระโดดเขาไปกอดแฮร์รี่เอาไว้แน่น “ไม่นะรอน!

    ดาบเป็นประกายวาบ ทิ่มลงไป แฮร์รี่กอดร่างของเฮเลนแน่น มีเสียงโลหะดังเคร้งแล้วก็เสียงกรีดร้องโหยหวน ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด ร่างที่โหดร้ายของแฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่หายไปแล้ว เหลือแต่รอนที่ยืนอยู่ตรงนั้น เขาถือดาบไว้หลวมๆ ในมือ ก้มลงมองซากล็อกเก็ตที่แตกกระจายบนแผ่นหิน



    ติดตามตอนต่อไป...


    เนื่องจากไรท์ถอดตัวเองออกมาจากการประกวด ปั้นหมึกคอนเทส เป็นที่เรียบร้อยแล้ว (ถอดตัวเอง ไม่รอให้ใครมาถอดด้วย 5555) ก็เลยเอามาวางลงใน raw เด็กดี fictionlog และ ธัญวลัย ในรูปแบบที่ไม่ติดเหรียญ อ่านฟรียันจบไปเลยจ้า ถ้าหากนักอ่านท่านใดสะดวกที่จะเข้าไปอ่านและติดตามผลงาน Ori ของไรท์เบลอๆ คนนี้ก็ติดตามได้ทางช่องทางนี้จ้า

    ขอขอบพระคุณล่วงหน้างับ ♥

    ชื่อเรื่อง : Time reverse ฉีกกฏเวลา ย้อนกลับมารัก

    เรื่องราวของสาวน้อยที่เกิดใหม่หลายรอบจนพระเจ้าเหนื่อยใจ รอบนี้ย้อนเวลาให้อีกรอบก็เลยให้จำได้ซะเลยว่าตัวเองทำตัวแบบไหนมาแล้วถึงได้ตายซ้ำตายซาก แล้วมันก็ถึงเวลาแล้วที่จะต้องแก้ไขทุกอย่างและทำให้ทั้งคู่ได้รักกันสักที! เฮ้อ! พระเจ้าก็เหนื่อยเป็น (เอเดน ♥ ของขวัญ)

    RAW >>  https://www.readawrite.com/a/b73379daf113540832d8649bb4c89fd2

    Dek - D >> https://writer.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=2280680

    Thanwalai >> https://www.tunwalai.com/v2/story/603542

    Fiction log >> https://fictionlog.co/b/61ba150b3e481a001ccc3414

    และ

    ชื่อเรื่อง : Protective H! ภารกิจลับ ฉบับยัยตัวร้าย

    เรื่องของเจ้าเด็กอวดดีที่วันๆ เอาแต่คิดว่าตัวเองอยากจะได้อิสระในชีวิต จนลืมไปว่าก็ต้องใช้ชีวิตให้มันปลอดภัยด้วย ทำให้พ่อแม่ต้องหาบอดี้การ์ดส่วนตัวมาให้ แต่ไม่ได้หามาให้แบบให้รู้นะ บอดี้การ์ดนอกเครื่องแบบไปอีก! ทำไมต้องทำตัวให้มันมีปัญหามากขนาดนั้นด้วยนะ! (เฮอร์วิน ♥ วัตสัน)

    RAW >> https://www.readawrite.com/a/4b182a370f1a804e0984381bbf124cc5

    Dek - D >> https://writer.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=2280855

    Thanwalai >> https://www.tunwalai.com/v2/story/610542?rc=2

    Fiction log >> https://fictionlog.co/b/61b72c4af17a2b001d610d2a

    ปล. ช่วงนี้จะขายนิยายเก่งหน่อย อดทนนิดนึงนะคะ 5555555555555555555555


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×