คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #63 : บทที่ 15 : คริสมาสต์แห่งความเยือกเย็น
บทที่ 15
: คริสมาสต์แห่งความเยือกเย็น
ซากศพของพ่อแม่นอนผุพังอยู่ใต้แผ่นหินและกองหิมะหนานี้
พวกเขาไม่ได้รับรู้หรือเข้าใจอะไรอีกแล้ว ดวงตาทั้งสองข้างของเฮเลนร้อนผ่าว
เธอหยุดยั้งความโศกเศร้านั้นเอาไว้ได้
ถึงมันจะไม่มีประโยชน์ที่เสแสร้งว่าตัวเองไม่ได้เจ็บปวดกับสิ่งที่เห็นก็ตาม
เธอก้มลงองหิมะหนาที่ซ่อนร่างของลิลลี่กับเจมส์เอาไว้
บัดนี้พวกเขาคงเหลือแต่กระดูหรืออาจจะเป็นเพียงแค่ผงธุลี
คงไม่ได้รับรู้ว่าบัดนี้เธอยืนอยู่ใกล้ทั้งสองเหลือเกิน
ความเจ็บปวดและความหนาวที่เหมือนจะฉีกปอดออกเป็นชิ้นๆ
นี่กำลังบอกว่าเธอยังมีชีวิตเพราะการเสียสละของพ่อแม่และในวินาทีนี้
ก็เกือบจะหวังให้ตัวเองได้นอนหลับอยู่ใต้หิมะกับพ่อและแม่พร้อมๆ กับแฮร์รี่
เฮเลนเลื่อนมือไปจับมือรอนเอาไว้แน่น
เธอไม่อาจเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของเพื่อนคนนี้ได้
เขาทำเพียงแค่บีบมือของเธอตอบกลับมาเท่านั้น อากาศยามราตรีหนาวเย็นบาดคอ
เฮเลนพยายามรวบรวมสติและควบคุมตัวเอง
เธอควรจะเอาอะไรมาฝากทั้งสองคนบางแต่ว่าในระหว่างที่กำลังหลบหนีพวกนักต้อนอยู่อย่างนี้เธอคงไม่สามารถหาอะไรมาให้ได้
เฮเลนบีบมือรอนเบาๆ
เพื่อแสดงความต้องการถึงความอยากไปจากที่นี่ ทั้งสองหันหลังกลับอย่างเงียบๆ
เดินฝ่าหิมะไปก่อนที่ดวงตาสีเขียวมรกตจะเหลือบไปเห็นหินแกรนิตสีคล้ำมีตะไคร่จับเป็นจุดๆ
คำว่า เคนดรา ดัมเบิลดอร์ สลักเอาไว้ ข้างใต้วันเกิดและวันตายของเธอมีคำว่า
และแอรีอานนา บุตรสาว นอกจากนี้ยังมีข้อความจารึกเอาไว้ด้วยว่า
ทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหน
ใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย
เฮเลนชะงัก
มองแผ่นป้ายนั้นอย่างเงียบๆ เป็นอันว่าข้อมูลของริต้า
สกีตเตอร์กับมิวเรียลก็ถูกต้องอยู่เหมือนกัน ครอบครัวดัมเบิลดอร์อยู่ที่นี่จริงๆ
และส่วนหนึ่งก็ตายที่นี่
การเห็นหลุมศพกับตาแย่กว่าการได้ฟังเรื่องราวเสียอีก
บางทีอาจารย์ใหญ่น่าจะเล่าเรื่องราวของที่นี่ให้เธอและแฮรฅ์รี่ฟังบ้างแต่กลับไม่เคยเลยแม้กระทั่งจะพูดถึง
บางทีพวกเขาอาจจะมาเยี่ยมหลุมศพที่นี่ด้วยกัน สายสัมพันธ์ของพวกเขาจะแนบแน่นแค่ไหนกันนะ
แล้วมันจะมีความหายมากมายเพียงใดสำหรับสองพี่น้อง แต่สำหรับดัมเบิลดอร์แล้วการที่ครอบครัวของพวกเขานอนเคียงข้างกันในป่าช้าเดียวกันนี้
ดูจะเป็นเหตุบังเอิญที่ไม่สำคัญ
“เธอแน่ใจเหรอว่าเขาไม่เคย—”
รอนเริ่มเอ่ย
“ไม่”
เฮเลนส่ายหน้า “ไม่เคยเลย”
เธอดันหลังรอนให้เดินต่อไป
นึกเสียใจว่าไม่น่าเหลือบไปเห็นหลุมศพนั่นเลย
ทั้งสองคนเดินกลับไปสู่โบสถ์ที่มืดมิดและประตูที่อยู่ไกลสายตา
“เธอคิดว่ามีผู้เสพความตายอยู่ที่นี่ไหม”
รอนกระซิบ มองไปในความมืดเบื้องหน้า
“ไม่หรอก”
เฮเลนตอบ “ถ้าเป็นผู้เสพความตาย ป่านนี้เราคงเหลือซากแล้วล่ะ รีบไปเถอะ”
เฮเลนเหลียวหน้าแลหลังบ่อยๆ
ระหว่างเดินบุกออกมาจากป่าช้า เฮเลนไม่ได้รู้สึกมั่นใจอย่างที่บอกรอนเท่าไรนัก
เธอดีใจเมื่อเดินไปถึงประตูและทางเท้าลื่นๆ นั่นเสียที ร้านเหล้ายังคงเงียบเชียบ
ทั้งสองเดินไปตามทางที่เต็มไปด้วยหิมะหนาจนกระทั่ง...
“รอน”
เฮเลนกระตุกมือรอน “ดูนั่น”
บางทีคาถาฟิเดลิอัสคงหมดฤทธิ์ไปพร้อมกับชีวิตของเจมส์และลิลลี่
ตลอดเวลาสิบแปดปี
รั้วต้นไม้ได้งอกสูงขึ้นมามากและซากปรักหักพังที่แฮกริดพาฝาแฝดออกมาก็กองเกลื่อนกลาดในพงหญ้าสูงถึงเอว
ตัวกระท่อมส่วนใหญ่ยังตั้งอยู่ แต่ก็มีเถาวัลย์และหิมะปกคลุมเต็มไปหมด
ด้านขวาของชั้นบนสุดถูกระเบิดออกไปแล้ว เฮเลนมั่นใจว่าตรงนั้นคงเป็นจุดที่คำสาปตีกลับ
เฮเลนยืนอยู่ที่ประตูกับรอน
จ้องเขม็งไปที่ซากตรงหน้า ครั้งหนึ่งมันคงเคยมีหน้าตาเหมือนกระท่อมที่ขนาบข้างกันอยู่
“นี่บ้านเธอใช่ไหม”
รอนถาม “บ้านของครอบครัวพอตเตอร์”
“คงงั้น”
เฮเลนพึมพำ ดวงตายังคงกวาดมองไปทั่ว
“ทำไมเขาไม่สร้างมันขึ้นใหม่ล่ะ”
รอนกระซิบ
“อาจจะสร้างไม่ได้มั้ง”
เฮเลนตอบ “มันคงจะเหมือนบาดแผลจากเวทมนตร์ศาสตร์มืด
ที่ไม่มีทางรักษาให้เหมือนเดิมได้”
“เหมือนหูของจอร์จสินะ”
รอนบอก “เขาเสียหูไปข้างหนึ่งตอนพาแฮร์รี่มาที่บ้านโพรงกระต่ายน่ะ”
เฮเลนพยักหน้าเล็กน้อย
เธอเอื้อมมือไปจับบนประตูเหล็กสนิมเขรอะที่มีหิมะคลุมอยู่ ดันมันออกเบาๆ
ป้ายแผ่นหนึ่งผุดขึ้นมาจากผืนดินเบื้องหน้า (“ดูนั่นสิ” รอนร้องเสียงเบา) ผ่านต้นเน็ตเทิลและวัชพืชที่พันกันรุงรัง
ราวกับเป็นดอกไม้ประหลาดที่บานขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตัวหนังสือสีทองบนป้ายไม้นั้นเขียนเอาไว้ว่า
ณ ที่นี้
ในคืนวันที่ 31 ตุลาคม ค.ศ. 1981
ลิลลี่และเจมส์
พอตเตอร์ได้เสียชีวิต
ลูกแฝดของพวกเขายังคงเป็นเด็กสองคนที่รอดชีวิตจากคำสาปพิฆาต
บ้านหลังนี้ไม่มีมักเกิ้ลคนใดมองเห็นและถูกคงเอาไว้ในสภาพปรักหักพัง
เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ครอบครัวพอตเตอร์
เพื่อเตือนใจถึงความรุนแรงที่ทำลายครอบครัวนี้
รอบๆ
ตักอักษรที่สวยงามนั้น มีลายมือเขียนเติมเอาไว้มากมาย
โดยพ่อมดแม่มดที่มาเยี่ยมชมที่นี่ ที่ที่แฝดผู้รอดชีวิตได้หลบหนีจากความตาย บางคนเซ็นชื่อด้วยน้ำหมึกทนถาวร
หลายคนสลักชื่อย่อลงบนไม้ แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยทิ้งข้อความเอาไว้ด้วย
ข้อความที่เขียนใหม่ๆ จะดูแวววาวมากกว่า
ลายมือที่แสนคุ้นตาก็ถูกเขียนเอาไว้บนนั้นด้วย ความหมายของประโยคสั้นๆ
ไม่ได้พูดถึงฝาแฝด แต่มันราวกับเจาะจงให้เธอรับรู้เพียงลำพัง
“โชคดียัยเพี้ยน
ไม่ว่าตอนนี้จะอยู่ที่ไหน รอดไปให้ได้นะ”
“ยอดไปเลยนะว่าไหม”
เฮเลนกระซิบ รู้สึกเหมือนตัวเองจะร้องไห้อีกครั้ง “ฉันดีใจที่เขาเขียน...”
“แต่พวกเขาไม่ควรเขียนอะไรลงบนป้าย”
รอนว่า “มันไม่ดีเลย”
“ช่างเถอะรอน”
เฮเลนบอก “มันไม่มีอะไรที่ทำให้ฉัน---”
“ไม่มีอะไรที่ทำให้รู้สึกดีไปกว่านี้แล้ว”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นใกล้ๆ
พุ่มไม้สูงนั้นปรากฏร่างของชายหนุ่มเรือนผมสีบลอนด์จางยืนพิงอยู่ไม่ไกลไปนักในตัวบ้านซอมซ่อ
ดวงตาคมกริบสีฟ้าซีดมองมายังทั้งสองด้วยสายตาห่วงหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขามองมาที่ร่างบางที่ยังคงยืนอยู่ข้างๆ
กับรอน
“เดรโก”
เฮเลนเอ่ย “ทำไมนายถึง...”
“วันนี้ฉันต้องคุมที่นี่”
เขาตอบ ใบหน้าที่เคยเนียนใสมีรอยแผลจางๆ ราวกับถูกอะไรบาดมาหาดๆ “รีบไปเถอะ
ที่นี่ไม่ได้มีแค่ฉัน --- พายัยนี่ไปสิวีสลีย์”
รอนไม่ตอบอะไร
เขามองใบหน้าของเดรโก มัลฟอยด้วยสายตาพิศวง ทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง
“ใครที่อยู่ที่นี่”
เฮเลนถาม พยายามฉุดมือเอาไว้เมื่อรอนดึงแขนของเธอเบาๆ เพื่อทำตามคำพูดของเดรโก
“เธอจะรู้เอง”
เขาตอบ เริ่มขมวดคิ้ว “ไปสิ!”
เฮเลนอยากจะวิ่งเข้าไปหาเขาแต่ว่าถ้าเกิดเธอทำแบบนั้น
คนที่เดรโกบอกก็อาจจะมีพบเขาและรู้ว่าเขานั้นทรยศ
ถึงจะมีคำถามมากมายว่าโวลเดอมอร์รู้หรือยังว่าเธอหนีออกมาได้
เขาโดนลงโทษมามายมายแค่ไหนหรือแม้กระทั่งความเป็นอยู่ของนาร์ซิสซา
“แล้วเจอกันนะเดรโก”
เฮเลนบอก ดวงตามองไปยังร่างสูงที่ยิ้มให้เธอบางๆ
ก่อนจะถูกรอนลากออกมาจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว จนสองขาเล็กๆ แทบจะวิ่งตามเขาไปไม่ทัน
“หมอนั่นดูแลเธอดีไหม”
หลังจากห่างมาจากบ้านหลังนั้นพอสมควรรอนก็พูดขึ้น “แฮร์รี่เหมือนจะไว้ใจมัลฟอยมาก”
“ถ้านายเป็นเขา
นายก็คงจะไว้ใจไม่ต่างกัน” เฮเลนตอบ เดินตามเขาต่อไปอย่างเงียบๆ
มองผ่านบ้านของบาทิลดา ตรงหน้าต่างชั้นสองมีใครบางคนยืนอยู่ มองลงมายังร่างของทั้งสองที่เดินอยู่บนหิมะหนา
เฮเลนดันหลังรอนให้เดินเร็วขึ้นจนในที่สุดพวกเขาก็เดินมาจนถึงจุดที่หายตัวายืนครั้งแรก
“รีบไปเถอะรอน”
เฮเลนกระซิบ “ไปสิ!”
รอนบีบมือเธอแรงๆ
ก่อนที่ความรู้สึกเหมือนถูกบีบอัดเข้าไปอยู่ในท่อยางแคบๆ
จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรอนก็พาเฮเลนมาปรากฏตัวขึ้นที่กระท่อมหลังเล็กริมทะเลสาบสีกำมะหยี่และท้องฟ้าสีน้ำหมึกพร่างพราวไปด้วยดวงดาวระยิบระยับ
สองเท้าของเธอยืนอยู่บนทรายละเอียดเย็นเฉียบ
รอนทุบประตูบ้านกลางดึกทำให้เจ้าของบ้านค่อนข้างหัวเสีย
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มาอาจขับไล่น้องชายคนสุดท้างของครอบครัวไปได้
บิลเปิดประตูต้องรับเฮเลนและรอนเข้าไปในบ้านพร้อมกับเสิร์ฟชาอุ่นๆ ให้กับพวกเขา
ทั้งสองคนดูดีใจที่เห็นเฮเลนปลอดภัย
ใบหน้าของบิลดูมีความหวัดมากกว่าตอนที่มาเปิดประตูบ้านและพบรอนเสียอีก
“ฉันนึกว่าโวล...”
บิลเกริ่น
“อย่าพูด!”
เฮเลนร้อง วางถ้วยชาลงกระแทกโต๊ะเสียงดังจนเฟลอร์สะดุ้ง “ชื่อของเขาต้องคำสาป
มันจะทำให้เวทมนตร์ป้องกันเสื่อม เพราะพวกผู้เสพความตายต้องการกวาดล้างพวกภาคี”
ทั้งห้องเงียบกริบ
บิลชะงักปากค้างเอาไว้ที่ชื่อของโวลเดอมอร์
เขาสูดหายใจเอาลมเย็นเข้าไปเต็มปอดก่อนจะเริ่มต้นพูดต่อ
“ฉันก็นึกว่า
คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ฆ่าเธอไปแล้ว” บิลพูด “ปาติหารย์จริงๆ
ที่เธอยังมีชีวิต”
“ปาติหาริย์ยิ่งกว่าคือเรารอดจากพวกนักต้อนมาได้”
รอนว่า เหลือบตามองพี่ชายและพี่สะใภ้สลับกันไปมา “มีพวกที่จ้องจะจับพวกลูกมักเกิ้ลอยู่เต็มไปหมด”
“นั่นล่ะที่น่ากลัว”
บิลพูด หันไปมองหน้าเฟลอร์ที่หมองลงเล็กน้อย “ทุกวันจะมีพวกที่จับลูกมักเกิ้ลไปส่งที่กระทรวง
เฟลอร์ลำบากใจมากที่ต้องคอยจับตาดูเด็กๆ พวกนั้นก่อนจะถูกพาไปหาอัมบริดจ์”
“พวกเขาไม่อยากถูกส่งไปอัซคาบัน”
เฟลอร์ว่า “คุกนั่นน่ากลัว แถมพวกผู้คุมวิญญาณนั่นจะทำให้เด็กๆ พวกนั้นเป็นบ้า
พวกเขาอ่อนแอเกินกว่าจะต้องต่อสู้กับสิ่งเหล่านั้น”
ร้ายกาจ
เฮเลนคิด สองมือเล็กๆ กำแก้วชาเอาไว้แน่น บทสนทนาของพวกเขาไปได้ไม่ไกลกว่านั้น
บิลจัดแจงหาที่นอนให้ทั้งสองและตลอดทั้งคืนเฮเลนกึ่งหลับกึ่งตื่น
ภาพที่เห็นไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือว่าความฝัน
มีนากินีผลุบเข้าผลุบออกตลอดและเสียงเรียกอยู่ห่างไกลทำให้เธอต้องสะดุ้งทั้งคืน
ความฝันประหลาดที่เหมือนกับเธอได้ไปอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นตานั่นยิ่งทำให้เธอระแวง
ในที่สุดวันคริสมาสต์ก็มาถึง
ภาพของเดรโกที่บ้านของพ่อแม่ผุดขึ้นมาในความทรงจำ งานเลี้ยงเล็กๆ ในกระท่อมเปลือกหอยทำให้เฮเลนดีขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น
ถ้าหากเป็นเมื่อสองปีก่อนเธอก็คงได้ฉลองคริสมาสต์อยู่กับทุกคน
อย่างน้อยปีที่แล้วก็ยังได้ทานอาหาร่วมกับครอบครัววีสลีย์และสคริมเจอร์เองก็ยังไม่ตายด้วย
“ช่วยส่งนั่นให้ฉันทีได้ไหมเฮเลน”
เฟลอร์พูด ชี้ไปยังกระทะที่แขวนเอาไว้ไม่ไกล
มือเล็กเลื่อนไปหยิบมันให้เธออย่างเชื่องช้า
ดวงตากลมสีเขียวมรกตมองออกไปนอกหน้าต่างที่มีหิมะหนาตาและทะเลสาบที่เริ่มกลายเป็นน้ำแข็ง
พระอาทิตย์ทอแสงอย่างอ่อนล้ากว่าทุกวัน ถ้าหากตอนนี้ยังคงอยู่ที่ฮอกวอตส์
มันอาจจะเป็นช่วงเวลาที่พวกเขากำลังเล่นปาหิมะหรือเล่นปะทัดคริสมาสต์กันอยู่ก็ได้
ไม่แน่ตอนนี้เฮนรี่อาจจะกำลังคาบหนูขาวไปให้เฮ็ดวิกหรืออะไรทำนองนั้น
ซึ่งตอนนี้มันไม่มีอีกแล้ว
ฮอกวอตส์กำลังตกอยู่ภายใต้อำนาจศาสตร์มืด
ไม่มีดัมเบิลดอร์ที่คอยร้องเพลงนำวันคริสมาสต์หรือแม้กระทั่งเฮนรี่และเฮ็ดวิกอีกต่อไปแล้ว
ถ้าเกิดวันนั้นสเนปไม่เอาคำทำนายไปบอกโวลเดอมอร์ เธอคงไม่ต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปแบบนี้หรือบางทีโลกนี้อาจถูกปกครองด้วยศาสตร์มืดไปแล้วก็ได้
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ต้องเสียทุกอย่างเหมือนตอนนี้
“เฮเลน!”
เสียงของรอนทะลุเข้ามาในโสตประสาท
เฮเลนเผลอปล่อยหนังสืออ่านเล่นของเฟลอร์หลุดือร่วงลงไปบนพื้นพรม
ร่างบางหันไปหาเจ้าของเสียงที่ดูเหนื่อยมากกว่าปกติเล็กน้อย “เหม่ออะไรของเธอ ฉันเรียกตั้งนานแล้วนะ”
“อ่อ
เปล่า!” เฮเลนว่าพลางหยิบหนังสือขึ้นมาจากพื้น “มีอะไรเหรอ”
“ฉันว่าจะออกตามหาแฮร์รี่”
รอนบอก มือหมุนวิทยุไปมาอย่างตั้งใจ “บิลบอกว่ารายการจับตาพอตเตอร์เป็นรายการวิทยุที่ภาคีทำขึ้นมาอย่างลับๆ
พวกนั้นยังอยู่ที่ฮอกวอตส์!”
“งั้นเหรอ”
เฮเลนว่า ไม่รู้ว่าจะตอบอะไรไปมากกว่านั้น
“มันเป็นอะไรที่เยี่ยมยอด
แฮร์รี่จำเป็นต้องรู้เรื่องนี้” รอนมีน้ำเสียงดีใจ “บิลบอกว่าจินนี่ยังปลอดภัย
ทุกคนก็ด้วย”
ดูเหมือนรอนจะดีใจมากที่ได้รับรู้เรื่องนี้แตกต่างจากเฮเลนโดยสิ้นเชิง
อย่างน้อยตอนนี้เขาก็รู้ว่าครอบครัวของเขายังปลอดภัยแต่เฮเลนไม่รู้เลย
ตอนนี้แฮร์รี่จะอยู่ที่ไหนและทำอะไรอยู่แถมเดรโกที่อยู่คฤหาสน์มัลฟอยจะโดนลงโทษอะไรบ้างที่ปล่อยให้เธอหนีหลุดรอดออกมา
โชคดีที่ว่าเธอได้รู้ว่าเขายังไม่ตายและโชคดีที่แฮร์รี่อยู่กับเฮอร์ไมโอนี่
อย่างน้อยเฮเลนก็มั่นใจว่าทั้งสองยังมีชีวิต แม้จะอยู่ในความเสี่ยงก็ตาม
งานปาร์ตี้คริสมาสต์เริ่มขึ้น
มันไม่สนุกนักในความคิดของเฮเลน
ถึงมันจะช่วยให้บรรยากาศอึครึมดีขึ้นนิดหน่อยแต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะคลายความตึงเครียดในสมองของเธอไปได้
บิลและเฟลอร์ให้ของขวัญเป็นสุดบันทึกเล่มเล็กๆ และกระเป๋าลูกปัด
บิลอยากให้เฮเลนใช้คาถาขยายพื้นที่กับมันเพื่อให้เก็บของได้มากขึ้น ยังไงก็ตาม
เฮเลนไม่ได้ทำตามที่เขาขอ
เฮเลนยืมหนังสือประวัติศาสตร์เวทมนตร์เล่มเก่าของบิลมาอ่านในคืนนั้นหลังจากปาร์ตี้คริสมาสต์จบลงอย่างไม่สวยงามนักเพราะรอนพยายามทำให้ทุกคนอารมณ์ดีโดยเริ่มต้นเล่นปาเค้ก
ซึ่งมันไม่ใช่ช่วงเวลาที่ควรจะทำอะไรแบบนั้นจเลยสักนิด
หิมะตกหนักตลอดทั้งคืน
นอกจากเนื้อหาซ้ำซากที่เธอเคยอ่านก็มีเพียงแสงจันทร์นอกหน้าต่างห้องเท่านั้นที่ช่วยไม่ให้เธอหลับ
รอนนอนหันหลังให้เธอที่เตียงอีกฟากหนึ่งของห้องและเฮเลนรู้ว่าเขาไม่ได้หลับ
เหมือนกำลังพึมพำอะไรบางอย่างที่เธอไม่เข้าใจดังเช่นตอนที่อยู่ในบ้านของเซเลสเทีย
โชคดีกว่านั้นที่เขาไม่ได้เปิดปิดดีลูมิเนเตอร์เหมือนคราวนั้นแล้ว ถึงแม้เธอจะแอบหวังให้เขาทำมันอีกก็ตาม
สิ่งที่ผุดอยู่ในหัวตลอดก็คือเดรโกยังสบายดีอยู่ไหม
นาร์ซิสซาเป็นอะไรหรือเปล่าและพวกเขาจะต้องสูญเสียอะไรไปเพราะเธออีกหรือไม่
เฮเลนทำได้แค่หวังว่าพวกเขาจะไม่สูญเสียอะไรไป
“หือ”
เฮเลนร้องขึ้นเบาๆ เมื่อเห็นเงาร่างเล็กๆ
ปรากฏตัวขึ้นที่ปรากฏขึ้นบนพระจันทร์เสี้ยว แสงสีเขียวประกายคุ้นตานั้นกำลังตรงมาที่หน้าต่างบานที่เธอมองอยู่
ร่างของนกฟินิกซ์คุ้นตากำลังบินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
พร้อมกับนำอะไรบางอย่างติดมาด้วย
ลาเมียบินเข้ามาและทิ้งห่อของลงบนตักของเฮเลนก่อนที่มันจะร่อนลงมาเกาะอยู่ที่ปลายเตียงของเธอ
“ลาเมีย”
เฮเลนร้อง “มาได้ยังไงน่ะ”
ฟินิกซ์สีเขียวผงกหัวเล็กน้อย
ขบปากเสียงดังกั๊บเบาๆ
ดวงตาสีเหลืองของมันจองมองไปยังห่อของที่นำมาให้เหมือนกับกำลังบอกให้เธอรีบเปิดมันออกให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
เฮเลนไม่รอช้าแกะมันออกทันที
ในห่อนั้นมีหนังสือพยากรณ์ที่สเนปนำมาให้เธอในวันนั้นพร้อมกับสมุด ปากกาขนนกและน้ำยาสรรพรสขวดเล็กหนึ่งขวด
เฮเลนเงยหน้าขึ้นมองลาเมียทันทีเมื่อเห็นว่ายังมีจดหมายฉบับเล็กๆ
อีกฉบับอยู่ในนั้นด้วย เธอไม่คิดเลยว่าเดรโกจะสามารถส่งลาเมียมาหาเธอได้ทั้งๆ
ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธออยู่ที่ไหน หรือบางทีครีเชอร์อาจจะบอกเขาหรือเขาอาจจะสั่งให้ครีเชอร์คอยจับตาดูเธอตั้งแต่วันนั้นแล้วก็ได้
ถึงยัยเพี้ยนของฉัน
สุขสันต์วันคริสมาสต์
อยู่กับวีสลีย์ปลอดภัยดีไหม ขอโทษด้วยที่ไม่ได้บอกเรื่องที่ฉันจะให้ครีเชอร์พาเธอหนีไป
เพราะถ้าฉันบอกเธอจะต้องไม่ยอมไปแน่ๆ ฉันรู้ว่าเธอเป็นห่วงฉันกับแม่
แต่ไม่ต้องกังวลนะ ตอนนี้เราทั้งคู่สบายดี จอมมารโกรธนิดหน่อยที่เธอหายตัวไป แต่ดูเหมือนว่าเขาคิดว่าเขาจะตามตัวเธอได้ไม่ยากนัก
วันนี้ผู้เสพความตายพูดกันว่าเจอแฮร์รี่ที่ก็อดกริดส์
โฮลโล่ โชคร้าย
มันเป็นวันที่ฉันไม่ได้ไปเฝ้าที่นั่นฉันก็เลยบอกเธอไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
แต่อย่างน้อยฉันก็รู้ว่าเขาหนีไปได้และจอมมารก็โกรธมากจนเกือบฆ่าโรลว์ตาย
มันรู้สึกแย่นิดหน่อยที่ต้องทำตามคำสั่งของป้าเบลล่า
แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ต่างไปจากฉัน
เขาโดนจอมมารลงโทษหนักมากที่ไม่ตามไปคุมตอนที่ต้องไปตรวจสอบที่กริมโมลด์เพลซ
ฉันคิดว่าเขาคงหัวเสียน่าดู
เอาล่ะ
ฉันคิดว่าบางทีจดหมายที่ฉันกะจะเขียนสั้นๆ มันจะยาวเกินไปแล้ว
สุขสันต์วันคริสมาสต์อีกครั้ง ถึงจะแย่หน่อยที่ไมได้อยู่ด้วยกันแต่ดูแลตัวเองให้ดี
แล้วเราจะได้พบกันอีกไม่นาน แล้วก็จำเอาไว้ด้วยว่าฉันยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เธอปลอดภัย
ไม่ต้องตอบอะไรกลับมาล่ะ แค่ฝากคำพูดผ่านลาเมียมาก็พอ
มันจะบอกฉันเองว่าเธอเป็นยังไง
รักเสมอ เดรโก มัลฟอย
ดวงตากลมร้อนผ่าว
กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป เฮเลนไม่อยากโกหกตัวเองว่าตอนนี้เธอมีความสุข
เพราะเธอรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังแบกอยู่นั้นมันเกินกว่าจะรับเอาไว้ไหว เดรโกต้องเสี่ยงเพื่อเธอมามากมาย
เขาเสียสละให้ตัวเองต้องเจ็บปวดเพื่อให้เธอปลอดภัยมากี่ครั้งทั้งที่เขาไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นเสียด้วยซ้ำ
บางครั้งเธอยังคิดเลยว่าตัวเองน่าจะตายๆ
ไปเสียให้รู้แล้วรู้รอดเพื่อที่จะได้ไม่ต้องให้ใครมาเจ็บปวดเพราะเธออีก
ลาเมียกระโดดลงมาบนเตียงและเดินเตาะแตะเข้ามาหาเฮเลน
มันให้หัวไถไปมาบนแขนของเธอเบาๆ ราวกับกำลังปลอบใจ เฮเลนสงสัยอยู่ลึกๆ
ว่าเดรโกเลี้ยงมันยังไงให้เข้าใจในความรู้สึกของมนุษย์ได้มากมายขนาดนี้ มือเล็กลูบเบาๆ
ไปบนขนสีเขียวของมัน
“ขอบใจมากนะลาเมีย”
เฮเลนพูดเสียง ยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกจากใบหน้า “ขอบใจที่เอาของพวกนี้มาส่งให้ฉัน
ฝากบอกเดรโกด้วยว่าฉันปลอดภัยดี ไม่ต้องเป็นห้วง”
นกฟินิกซ์มองใบหน้าเฮเลนอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่ง
มันกระพือปีกเบาๆ
เป็นเชิงรับรู้ก่อนจะบินออกนอกหน้าต่างเพื่อกลับไปยังสถานที่ที่มันจากมา
เฮเลนพับจดหมายสอดเอาไว้ในหนังสือและเลื่อนมันไปวางเอาไว้ข้างหมอนพร้อมกับสมุดและปากกาขนนก
ส่วนน้ำยาสรรพรสนั้นเธอเก็บรวมเอาไว้กับน้ำมันหนวดเมิร์ตแลปกับหัวเชื้อสมุนไพรดิตทานนีในกระเป๋าที่บิลให้ก่อนจะล้มตัวลงนอน
วันพรุ่งนี้เธอกับรอนคงต้องคุยกันสักหน่อยเรื่องที่จะออกเดินทางตามหาแฮร์รี่ว่าควรจะไปเมื่อไหร่และไปยังไงดี
ถ้าหากรอบๆ ยังเต็มไปด้วยพวกนักต้อนก็คงจะหาสถานที่ที่พวกเขาจะไปแคมป์กันได้ยากนัก
เฮเลนหวังว่าทุกๆ
อย่างจะผ่านไปด้วยดีโดยที่พวกเขาไม่ต้องพลัดจากกันอีกครั้งหนึ่งก็พอ
ติดตามตอนต่อไป...
เนื่องจากไรท์ถอดตัวเองออกมาจากการประกวด ปั้นหมึกคอนเทส เป็นที่เรียบร้อยแล้ว (ถอดตัวเอง ไม่รอให้ใครมาถอดด้วย 5555) ก็เลยเอามาวางลงใน raw เด็กดี fictionlog และ ธัญวลัย ในรูปแบบที่ไม่ติดเหรียญ อ่านฟรียันจบไปเลยจ้า ถ้าหากนักอ่านท่านใดสะดวกที่จะเข้าไปอ่านและติดตามผลงาน Ori ของไรท์เบลอๆ คนนี้ก็ติดตามได้ทางช่องทางนี้จ้า
ขอขอบพระคุณล่วงหน้างับ ♥
ชื่อเรื่อง : Time reverse ฉีกกฏเวลา ย้อนกลับมารัก
เรื่องราวของสาวน้อยที่เกิดใหม่หลายรอบจนพระเจ้าเหนื่อยใจ รอบนี้ย้อนเวลาให้อีกรอบก็เลยให้จำได้ซะเลยว่าตัวเองทำตัวแบบไหนมาแล้วถึงได้ตายซ้ำตายซาก แล้วมันก็ถึงเวลาแล้วที่จะต้องแก้ไขทุกอย่างและทำให้ทั้งคู่ได้รักกันสักที! เฮ้อ! พระเจ้าก็เหนื่อยเป็น (เอเดน ♥ ของขวัญ)
RAW >> https://www.readawrite.com/a/b73379daf113540832d8649bb4c89fd2
Dek - D >> https://writer.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=2280680
Thanwalai >> https://www.tunwalai.com/v2/story/603542
Fiction log >> https://fictionlog.co/b/61ba150b3e481a001ccc3414
และ
ชื่อเรื่อง : Protective H! ภารกิจลับ ฉบับยัยตัวร้าย
เรื่องของเจ้าเด็กอวดดีที่วันๆ เอาแต่คิดว่าตัวเองอยากจะได้อิสระในชีวิต จนลืมไปว่าก็ต้องใช้ชีวิตให้มันปลอดภัยด้วย ทำให้พ่อแม่ต้องหาบอดี้การ์ดส่วนตัวมาให้ แต่ไม่ได้หามาให้แบบให้รู้นะ บอดี้การ์ดนอกเครื่องแบบไปอีก! ทำไมต้องทำตัวให้มันมีปัญหามากขนาดนั้นด้วยนะ! (เฮอร์วิน ♥ วัตสัน)
RAW >> https://www.readawrite.com/a/4b182a370f1a804e0984381bbf124cc5
Dek - D >> https://writer.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=2280855
Thanwalai >> https://www.tunwalai.com/v2/story/610542?rc=2
Fiction log >> https://fictionlog.co/b/61b72c4af17a2b001d610d2a
ปล. ช่วงนี้จะขายนิยายเก่งหน่อย อดทนนิดนึงนะคะ 5555555555555555555555
ความคิดเห็น