ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfic Harry Potter] [OCxDM] If Harry Potter has a sister!

    ลำดับตอนที่ #59 : บทที่ 11 : เกลเลิร์ต กรินเดวัลด์

    • อัปเดตล่าสุด 2 ธ.ค. 64


    บทที่ 11 : เกลเลิร์ต กรินเดวัลด์


    “ไม่มีทาง” เบลาทริกซ์เอ่ยเสียงเฉียบ “เป็นแค่นักโทษไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรจากพวกเราทั้งนั้น!

    เฮเลนถอนหายใจรอบที่สิบของวัน เธอหันหลังแล้วเดินออกมาจากห้องนั่งเล่นในคฤหาสน์และกลับมายังห้องนอน นาร์ซิสซายังคงไม่ยอมพูดคุยกับเธอเหมือนเคย ร่างบางทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้าง ดวงตาเหลือบไปมองหม้อต้มยาที่ยังคงตั้งทิ้งเอาไว้ข้างเตียง เธออยากผสมน้ำยาหลงลืมหรือน้ำยาพองตัวแต่ก็กลัวว่าจะใช้วัตถุดิบไปอย่างสูญเปล่าเพราะคงไม่ได้ใช้มัน หม้อพวกนี้ยังทำให้เธอคิดถึงซลักฮอร์นกับงานปาร์ตี้น้ำชาที่ไม่น่าพิสมัยของเขา ถึงมันจะไม่น่าสนุกแต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอตกอยู่ในสภาวะกดดันเช่นตอนนี้

    ผ่านไปสองสามชั่วโมง เฮเลนทนที่จะนอนอยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ไหว เธอลุกจากเตียงออกไปเดินสำรวจในคฤหาสน์ มีหลายห้องที่เธอยังไม่ได้เข้าไปเนื่องจากวันๆ หนึ่งเดรโกเอาแต่ขังให้เธออยู่ในห้องนอนเพราะเดรโกกลัวว่าแท็คจะทำร้ายเธอ ตอนนี้แท็คไม่อยู่แล้ว การเดินสำรวจไปรอบๆ คฤหาสน์คงไม่ส่งผลร้ายกับเธอมากนัก

    คฤหาสน์มัลฟอยกว้างใหญ่กว่าที่เฮเลนคิดเอาไว้มาก ร่างบางเดินไปบนระเบียงทางเดินชั้นสองเป็นชั้นแรก ชั้นนี้เป็นชั้นที่ผู้เสพความตายบางส่วนจะมาเข้าพักกันถ้าหากว่ามีประชุม จำนวนห้องมากมายจึงไม่มีใครหวั่นใจว่าจะมีผู้เสพความตายที่ไม่ได้มีแผนที่บ้านเข้ามาทำร้ายเธอได้ มันจะกว้างใหญ่ขนาดไหนคงไม่จำเป็นต้องอธิบายมากนัก

    ห้องบางห้องในคฤหาสน์ก็ไม่ได้ล็อกกุญแจ แต่เฮเลนก็ไม่บังอาจทำตัวเสียมารยาทโดยการเปิดประตูเข้าไปดู ชั้นสามของคฤหาสน์ถ้าจำไม่ผิดเดรโกเคยบอกว่าเป็นที่พักของแท็ค เขาไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้แท็คเคยพักที่ไหนมาก่อนแต่ว่าเมื่อปีที่ผ่านมาเขาเข้ามาอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้พร้อมๆ กับโวลเดอมอร์ เฮเลนเดินมองรูปภาพที่ติดตามผนังไปเรื่อยเปื่อยก่อนจะพบว่ามีประตูห้องหนึ่งในชั้นสามเปิดแง้มเอาไว้

    เฮเลนแอบมองลอดช่องประตูเข้าไป ภายในห้องนั้นไม่มีฟอร์นิเจอร์อะไรมากมาย มีเพียงรูปภาพใหญ่ๆ ถูกแขวนเอาไว้พร้อมกับสิ่งที่เฮเลนเห็นเหมือนตอนที่อยู่ในกริมโมลด์เพลซ มือเล็กค่อยๆ ผลักบานประตูเปิดออกและพบว่ามันคือแผนผังตระกูลของตระกูลมัลฟอยซึ่งมีรากฐานเริ่มต้นมาจากอาร์มันต์ มัลฟอยขุนนางอังกฤษที่ได้เดินทางมายังเกาะอังกฤษพร้อมกับพระเจ้าวิลเลี่ยมผู้พิชิตและได้เป็นส่วนหนึ่งของการรุกรานกองทัพนอร์แมนที่เธอเคยอ่านเรื่องของเขาในหนังสือประวัติศาสตร์เวทมนตร์เล่มเก่าก่อนที่บาทิลดา แบ็กชอทจะเอามาเขียนเป็นเล่มปัจจุบัน

    บรรพบุรุษของพวกมัลฟอยนั้นจะไม่มีการสมรสกับพวกมักเกิ้ลเลยแม้แต่น้อย ส่วนใหญ่คนที่เข้ามาในตระกูลของพวกเขามักจะเป็นสายเลือดบริสุทธิ์อาทิตระกูลแบล็กหรือตระกูลเลสแตรงจ์ บุคคลในตระกูลมัลฟอยที่มีชื่อเสียงในรุ่นก่อนๆ ได้แก่ นิโคลัส มัลฟอย แห่งศตวรรษที่ 14 ซึ่งเชื่อว่าเคยสังหารบรรดามักเกิ้ลหัวดื้อผู้เช่าอาศัยที่ดินภายใต้หน้ากากของความตายสีดำและได้หลบหนีข้อกล่าวหาจากสภาพ่อมดในที่สุด เซ็ปติมัส มัลฟอย ผู้ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากต่อกระทรวงในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 แอแบรกซัส มัลฟอย ผู้ซึ่งเชื่อว่ามีส่วนในความคลุมเครืออันเกี่ยวเนื่องกับการที่ น๊อบบี้ ลีช ซึ่งเป็นรัฐมนตรีผู้เกิดจากมักเกิ้ลคนแรก ได้ออกจากวาระการดำรงตำแหน่งของเขาก่อนกำหนดในปี 1968

    ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขียนเรียงร้อยอยู่บนกำแพงนั้นบอกกับเธอว่าไม่มีหลักฐานใดๆ เอาผิดกับพวกตระกูลมัลฟอยได้มาหลายศตวรรษตั้งแต่รุ่นทวดของทวดของทวดหรือต้นตระกูลของเขา ลูเซียส มัลฟอยเป็นลูกชายของอะบราซัส มัลฟอย เขาได้แต่งงานกับนาร์ซิสซา แบล็กซึ่งซีเรียส แบล็ก พ่อทูนหัวของเธอจึงเป็นคุณลุงของเดรโกก็ว่าได้

    ตอนที่อยู่ในกริมโมลด์เพลซ เฮเลนไม่ได้สนใจอ่านรายชื่อของตระกูลพวกเขานัก รอยแยกของรากไม้นั้นเชื่อมต่อไปถึงรายชื่อของตระกูลแบล็ก นาร์ซิสซามีพี่น้องอีกสองคนนั่นคือเบลาทริกซ์และอัลโดรเมดรา แบล็ก เบลาทริกซ์นั้นได้แต่งงานกับโรโดลฟัส เลสแตรงจ์ส่วนอัลโดรเมดรา...

    “เท็ด ท๊องส์” เฮเลนพึมพำชื่อของสามีอัลโดรเมดราออกมาเบาๆ “พ่อของท๊องส์ เป็นลูกมักเกิ้ล”

    ไม่ใช่ว่าเรื่องนี้เธอเพิ่งจะได้รู้ แต่เธอไม่คิดว่าตระกูลเลือดบริสุทธิ์จะแต่งงานกับคนที่พวกเขาเรียกกันว่าเลือดสีโคลน รูปของอัลโดรเมดราถูกคราบสีดำๆ เหมือนรอยไหม้ปิดเอาไว้จนเหลือแต่ชื่อ เฮเลนมองสายตระกูลของพวกเขาต่อไปจนพบเข้ากับรูปหนึ่งที่อยู่บนนั้น มันยังไม่ถูกรอยไหม้ปกปิดรูปเอาไว้

    “เรกูลัส แบล็ก” เฮเลนมองชื่อของเขาพร้อมกับมองใบหน้าที่คล้ายคลึงกับซีเรียส “คนนี้เป็นผู้เสพความตายที่ครีเชอร์พูดถึงงั้นสินะ”

    เรกูลัสเป็นคนที่นำฮอร์ครักซ์ไปซ่อนและเอาล็อกเก็ตปลอมไปใส่เอาไว้แทน เฮเลนไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงทรยศลอร์ดโวลเดอมอร์แต่ก็ต้องขอบคุณที่ปัจจุบันนี้ล็อกเก็ตได้มาอยู่ในมือของแฮร์รี่เรียบร้อยแล้ว เฮเลนมั่นใจว่าต่อให้เขาไม่ได้ตายในถ้ำของโวลเดอมอร์ที่พวกเธอไปกับดัมเบิลดอร์ โวลเดอมอร์ก็ต้องฆ่าเขาอย่างไม่ต้องสงสัยแน่ๆ

    กว่าจะรู้ตัวว่าไม่ควรอยู่ที่นี่นานจนเกินไปเพื่อไม่ให้เบลาทริกซ์หรือนาร์ซิสซามาเห็นเข้า เฮเลนจึงรีบเดินออกไปจากห้องนั้นอย่างรวดเร็ว การรู้แผนผังตระกูลมัลฟอยนั้นทำให้เฮเลนรู้สึกได้ว่าบางทีเดรโกอาจจะเป็นเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในตระกูลของเขา ผู้ที่สามารถสืบทอดสายเลือดบริสุทธิ์ของตระกูลสืบต่อไปได้ แต่ถ้าหากว่าเดรโกเลือกเลือดผสมอย่างเธอเข้ามาอยู่ในตระกูล มันก็อาจทำให้เลือดที่บริสุทธิ์ของพวกเขานั้นเปื้อนไป

    มันคงเป็นสาเหตุที่นาร์ซิสซาไม่ชอบเธอ เฮเลนพิสูจน์แทบไม่ได้เลยว่าตระกูลพอตเตอร์เป็นเลือดบริสุทธิ์และเหมาะสมมากพอที่จะเป็นผู้ที่สืบสายเลือดบริสุทธิ์ให้กับพวกเขาต่อไปได้ ลิลลี่ พอตเตอร์เกิดจากพ่อแม่ที่เป็นมักเกิ้ล ไม่มีใครบอกเลยว่าตระกูลเอฟเวนส์ทางฝ่ายของแม่นั้นมาจากอะไร

    รู้ตัวอีกทีเฮเลนก็เดินลงมาจนถึงชั้นล่างที่เป็นทางเดินลงไปยังคุกใต้ดิน โดยปกติแล้วเธอจะเห็นหางหนอนคอยเฝ้าระวังหรือไม่ก็ผู้เสพความตายบางคนยืนผลัดกันเปลี่ยนเวรยามอยู่ตรงนี้บ่อยครั้ง แต่ทว่าตอนนี้มันกลับไม่มีใครอยู่ที่นี่แม้แต่คนเดียว เธอเกิดความสงสัยขึ้นมาเล็กน้อยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมวันนี้ในคฤหาสน์ถึงมีแต่ความเงียบราวกับว่าไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียว

    "คุณโอลลิแวนเดอร์"

    เฮเลนเดินลงมาถึงหน้ากรงขัง ชายร่างผอมแห้งและดูหมดเรี่ยวแรงนั่งอยู่บนรถเข็นที่ดูไม่แข็งแรงนัก เขายิ้มกว้างเมื่อเห็นเธอโดยมีหญิงสาวเรือนผมสีบลอนด์สว่างยืนอยู่ตรงนั้น...

    "ลูน่า!!"

    "สวัสดีเฮเลน ไม่ได้เจอกันนานนะ"

    "ทะ ทำไมเธอถึงได้มาอยู่ที่นี่"

    "เพราะพ่อของฉันเขียนนิตยาสารเข้าข้างแฮร์รี่มากเกินไปน่ะ" ลูน่าพูดพลางก้มลงมองมือของตัวเอง "พวกเขาจับฉันเอาไว้เพื่อที่จะให้พ่ออยู่ข้างเขา ฉันขอโทษด้วยนะเฮเลน"

    เฮเลนเม้มปาก เธอมองไปยังโอลลิเเวนเดอร์ที่มีท่าทางอ่อนแรงกว่าทุกครั้ง ไม่รู้ว่าเขาได้ทานอาหารครบสามมื้อไหม และไม่รู้ว่าเขาจะต้องทนทรมานกับคำสาปกรีดแทงมานานแค่ไหนแล้วกันแน่ในขณะที่เธอมีเดรโกคอยดูแลอยู่อย่างสุขสบาย มีเตียงนุ่มๆ ให้นอนและมีทุกสิ่งทุกอย่างพร้อม...

    "อย่าทำหน้าแบบนั้นเลยคุณพอตเตอร์"

    เสียงของโอลลิแวนเดอร์ทำให้เฮเลนสะดุ้ง เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความรู้สึกผิด

    "พวกคุณทั้งสองเป็นอนาคตของพวกเรา อย่ากังวลเกี่ยวกับเราสองคนเลยนะ ผมรู้ว่าเดี๋ยวพวกเราก็จะได้ออกไปจากที่นี่"

    "ฉันจะทำได้เหรอคะ" เฮเลนพูด เธอรู้สึกเกลียดตัวเองเหลือเกินตอนนี้ "ฉันจะช่วยพวกคุณได้จริงๆ เหรอคะ"

    "ได้แน่นอนอยู่แล้ว"

    โอลลิแวนเดอร์ยิ้ม ลูน่าเลื่อนมือมาจับมือของเธอเอาไว้เบาๆ อย่างปลอบใจ เฮเลนผละออกมาจากทั้งสองคนเพราะรู้ดีว่าอยู่ต่อไปก็ไม่สามารถช่วยพวกเขาออกมาจากตรงนั้นได้ เธอเดนกลับมาที่ชั้นสองกลับมาสู่หน้าห้องนอนอีกครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมีอะไรให้คิดเยอะแยะจนน่าปวดหัว และเฮเลนคิดว่าวันนี้ตัวเองควรจะรีบเข้านอนตั้งแต่หัววันเพื่อไม่ให้ทุกอย่างในสมองตีกันจนกลายเป็นเครื่องเทศเละๆ ในสตูว์เสียก่อน เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไป เฮเลนพบกับลาเมียอีกครั้ง คราวนี้มันคาบกระดาษแผ่นเล็กเอาไว้ในปากพร้อมกับยืนอยู่บนหนังสือเล่มหนาที่วางอยู่บนเตียงกว้าง

    เฮเลนจำได้ว่าก่อนออกไปจากห้องลาเมียไม่ได้อยู่ในรังของมัน แต่มันกลับมาที่ห้องพร้อมกับสิ่งของเหมือนกับครั้งที่แล้วอีกแล้ว นั่นยิ่งทำให้เฮเลนสงสัยว่าใครกันที่ให้ลาเมียคาบมันมา คงไม่น่าใช่เดรโกที่กำลังทำภารกิจหรืออาจแอบเฝ้าอยู่ที่ฮอกส์มี้ดหรือก็อดดริกส์โฮลโล่ มันคงจะลำบากมากไปหน่อยสำหรับเขาที่ต้องแอบพวกผู้เสพความตายซื้อหนังสือของดัมเบิลดอร์และเรียกลาเมียนำมันมาส่งให้

    เฮเลนรับกระดาษใบเล็กมาจากลาเมีย มันร้องเบาๆ แสดงความรักใคร่ก่อนจะบินกลับขึ้นไปที่รังบนหัวเตียง หนังสือเล่มหนามีตัวอักษรสวยงามเขียนเอาไว้ว่า ชีวประวัติ อัลบัส ดัมเบิลดอร์ เขียนโดยริต้า สกีตเตอร์

    ความรู้สึกที่คิดว่าคนส่งอาจจะเป็นเซเวอร์รัส สเนปปรากฏขึ้นในหัวอีกครั้ง แต่ว่าเขาไม่มีทางรู้แน่ว่าเธอกำลังต้องการหนังสือชีวประวัติของดัมเบิลดอร์ที่ริต้าเขียน นอกจากนั้นเขาคงไม่รู้อีกแน่ว่าเธอกำลังต้องการอะไรมากที่สุดตอนนี้ แต่จะเป็นใครกันล่ะที่ส่งของพวกนี้ผ่านลาเมียมาให้ ถึงจะไม่รู้ว่าใครแต่เขาจะเป็นคนที่มีพระคุณกับเธอเป็นอย่างมาก

    ร่างบางทิ้งตัวลงนั่งบนฟูกเตียงนุ่มและเริ่มต้นอ่านในกระดาษใบนั้นและพบว่ามันเป็นหน้าต่อของหนังสือพิมพ์เมื่อวานนี้นั่นเอง


    ริต้า สกีตเตอร์ตัวจริง น่ารักน่าคบมากกว่าริต้าที่แสดงออกในงานเขียนจากปากกาขนนกอันดุร้ายและมีชื่อเสียงของเธอเอง เธอต้อนรับดิฉันที่โถงทางเดินในบ้านน่าอยู่ แล้วนำตรงไปยังห้องครัว เพื่อรับน้ำชาถ้วยหนึ่งกับขนมเค้กอีกหนึ่งชิ้น แถมมาด้วยเรื่อยนินทาควันฉุยอีกหนึ่งหม้อ อันนี้ไม่บอกก็คงรู้นะคะ

    “อ๋อ แน่นอน ดัมเบิลดอร์น่ะเป็นความฝันของนักชีวประวัติเลยล่ะค่ะ” สกีตเตอร์บอก “ชีวิตที่ยืนยาวและเต็มเปี่ยม ฉันแน่ใจว่าหนังสือของฉันจะต้องเป็นเล่มแรกในอีกหลายๆ เล่มที่จะตามมา”

    แน่นอนค่ะ สกีตเตอร์รวดเร็วทันเหตุการณ์มาก หนังสือเก้าร้อยหน้าของเธอเสร็จสมบูรณ์ภายในเวลาเพียงสี่สัปดาห์ หลังจากมรณกรรมลึกลับของดัมเบิลดอร์ในเดือนมิถุนายน ดิฉันถามว่า เธอทำยังไงถึงได้เร็วสุดยอดแบบนี้

    “อ๋อ ถ้าใครเป็นนักหนังสือพิมพ์มานานเท่าฉัน การทำงานให้ทันเส้นตายก็จะเป็นเหมือนสันดานที่สองเลยล่ะค่ะ ฉันรู้ว่าโลกผู้วิเศษกำลังเรียกร้องเรื่องราวที่สมบูรณ์ แล้วฉันก็อยากเป็นคนแรกที่ตอบสนองความต้องการเหล่านี้”

    ดิฉันเอ่ยถึงคำวิจารณ์ที่เพิ่งจะตีพิมพ์เมื่อเร็วๆ นี้ของเอลฟายอัส โดจ ที่ปรึกษาพิเศษของศาลสูงวิเซ็นกาม็อตและเพื่อนเก่าขาประจำของอัลบัส ดัมเบิลดอร์ที่ว่า “หนังสือของสกีตเตอร์มีข้อเท็จจริงน้อยกว่าในการ์ดกบช็อกโกแลตเสียอีก”

    สกีตเตอร์แหงนหน้าหัวเราะ

    “ด๊อดจี้ที่รัก! ฉันจำได้ว่าฉันเคยสัมภาษณ์เขาเมื่อหลายปีก่อน เรื่องเกี่ยวกับสิทธิของชาวเงือก สวรรค์โปรดเขาเถอะค่ะ แก่จนหลงเลยล่ะ ดูเหมือนจะคิดว่าเรากำลังนั่งกันอยู่ที่ก้นทะเลสาบวินเดอร์เมียร์ เฝ้าแต่บอกให้ฉันระวังปลาเทราต์”

    แต่กระนั้นคำกล่าวหาของเอลฟายอัส โดจเรื่องข้อเท็จจริงไม่เที่ยงตรงก็ได้รับการขานรับในหลายที่ สกีตเตอร์แน่ใจจริงๆ หรือว่า สี่สัปดาห์ที่แสนสั้นนี้เพียงพอที่จะได้ภาพชีวิตที่สมบูรณ์ของดัมเบิลดอร์ ชีวิตซึ่งยาวนานและพิเศษกว่าธรรมดา

    “อุ๊ยที่รัก” สกีตเตอร์ยิ้มกว้า พลางเคาะนิ้วอย่างรักใคร่ “คุณก็รู้ดีพอๆ กับฉันนี่คะ ถ้าลองใช้ถุงทองเกลเลียนอ้วนๆ แล้วเล่นลูกตื้อไม่ยอมฟังคำปฏิเสธ แถมด้วยปากกาจดทันใจแหลมคมดีๆ อีกด้าม แค่นี้ข้อมูลก็ไหลมาเทมาแล้วล่ะค่ะ! อีกอย่างผู้คนก็รอเข้าแถวรอคำนิทาว่าร้ายดัมเบิลดอร์อยู่แล้ว ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะคะที่คิดว่าเขาดีวิเศษ คุณรู้ไหมว่าเขาเหยียบนิ้วหัวแม่เท้าคนใหญ่คนโตตั้งเยอะแยะ แต่ตาแก่ด๊อดจี้โดจนั่นน่ะลงจากหลังฮิปโปกริฟฟ์ได้แล้ว เลิกทำฉลาดกว่าคนอื่นเสียที เพราะฉันน่ะมีแหล่งข่าวที่นักหนังสือพิมพ์ทั้งหลายจะต้องยอมเอาไม้กายสิทธิ์เข้าแลกเลย เป็นคนที่ไม่พูดต่อสาธารณะมาก่อน คนที่ใกล้ชิดกับดัมเบิลดอร์ในช่วยวัยรุ่นที่ยุ่งเหยิงอลหม่านมากที่สุด”


    มือของเฮเลนสั่นไปหมด ตั้งแต่เจอริต้า สกีตเตอร์ครั้งสุดท้ายที่ฮอกส์มี้ดในวันนั้นมันเป็นความทรงจำที่แย่มากสำหรับเธอเลยทีเดียว ริต้าเป็นแม่มดที่เขียนข่าวให้ร้ายได้เก่งกว่านักข่าวคนไหนๆ ที่เฮเลนเคยเจอ


    ข่าวประชาสัมพันธ์ระบุแน่ชัดว่า หนังสือชีวประวัติเล่มนี้ของสกีเตอร์จะมีเรื่องตื่นตกใจคอยอยู่ สำหรับผู้ที่เชื่อว่าดัมเบิลดอร์นั้นมีชีวิตที่ปราศจากตำหนิ ดิฉันถามว่าเรื่องน่าแปลกใจที่สุดที่เธอขุดคุ้ยมาได้คือเรื่องอะไร

    “แหม ไม่เอาน่าเบ็ตตี้ ฉันไม่เผยเรื่องเด็ดๆ ก่อนที่คนจะซื้อหนังสือหรอก!” สกีตเตอร์หัวเราะ “แต่ฉันจะสัญญา ใครที่ยังคิดว่าดัมเบิลดอร์ขาวสะอาดเหมือนเคราของเขาล่ะก็ จะต้องสะดุ้งตื่นมาเจอฝันร้ายแน่ๆ! พูดแบบนี้ก็แล้วกัน คนที่เคยได้ยินเขากราดเกรี้ยวใส่คนที่เราก็รู้ว่าใครคงไม่เคยคิดฝันแน่ว่าสมัยหนุ่มๆ เขาก็เคยแกว่งเท้าอยู่ในศาสตร์มืดเหมือนกัน! แล้วในฐานะพ่อมดชราที่เฝ้าอ้อนวอนขอให้ใครๆ มีขันติธรรม เขาก็ไม่ใช่จะใจกว้างนักหรอกนะตอนที่เขาอายุน้อยๆ ใช่แล้ว อัลบัส ดัมเบิลดอร์มีอดีตที่มืดมัว แล้วไหนจะครอบครัวที่เหม็นคาวคลุ้งอีกล่ะ ซึ่งเขาพยายามเสียเหลือเกินที่จะปิดข่าว”

    ดิฉันถามสกีตเตอร์ว่า เธอหมายถึงอาเบอร์ฟอร์ธน้องชายของดัมเบิลดอร์ใช่ไหม อาเบอร์ฟอร์ธถูกศาลสูงวิเซ็นกาม็อตตัดสินว่าผิดในข้อหาใช้เวทมนตร์ในทางมิชอบ เป็นเรื่องอื้อฉาวเมื่อสิบห้าปีก่อน

    “โอ๊ย อาเบอร์ฟอร์ธเป็นแค่ยอดกองมูลสัตว์ค่ะ” สกีตเตอร์หัวเราะ “ไม่ใช่เล้ย ไม่ใช่ค่ะ เรื่องที่ฉันว่าน่ะแย่ยิ่งกว่าเรื่องอขงน้องชายเข้าชอบไปวุ่นวายกับแพะ หรือเรื่องที่พ่อเขาทำร้ายมักเกิ้ลจนพิการเสียอีก แล้วดัมเบิลดอร์ก็ปิดสองเรื่องนี้เป็นความลับไม่ได้อยู่แล้วนี่คะ เพราะทั้งคู่ถูกศาลสูงวิเซ็นกาม็อตตัดสิน เรื่องที่ฉันสนใจน่ะ เรื่องแม่ของเขากับน้องสาวต่างหาก แล้วแค่ขุดคุ้ยนิดเดียวก็เจอรังแห่งความชั่วร้ายของเขารังเบ้อเริ่ม แต่ก็อย่างที่ฉันบอกนั่นแหละ คุณต้องคอยอ่านบทที่เก้าถึงสิบสอง ถึงจะรู้รายละเอียดทั้งหมด ตอนนี้ที่ฉันจะพูดได้ก็คือ ไม่มน่าประหลาดใจเลยที่ดัมเบิลดอร์ไม่เคยพูดว่าจมูกของเขาหักได้ยังไง”

    แม้จะมีโครงกระดูกอยู่ในครอบครัว แต่สกีตเตอร์จะปฏิเสธความหลักแหลมที่นำดัมเบิลดอร์ไปสู่การค้นพบทางเวทมนตร์หลายต่อหลายเรื่องได้หรือ

    “เขามีสมองแน่ล่ะ” เธอยอมรับ “แต่เดี๋ยวนี้คนก็ตั้งคำถามกันเยอะแล้วว่าบรรดาความสำเร็จที่ติ๊ต่างว่าเป็นของเขานี่น่ะ มันเป็นฝีมือของเขาทั้งหมดจริงๆ หรือ อย่างที่ฉันเปิดเผยไว้ในบทที่สิบหกนะคะ ไอวอร์ ดิลลันสบี้อ้างว่าเขาค้นพบวิธีใช้เลือดมังกรได้ถึงแปดวิธีแล้วตอนที่ดัมเบิลดอร์ ขอยืม บทความของเขาไป”

    ดิฉันค้านต่อไปว่า แต่ความสำเร็จของดัมเบิลดอร์บางอย่างก็สำคัญมากจนปฏิเสธไม่ได้ เช่นชัยชนะเหนือเกลเลิร์ต กรินเดวัลด์ที่ทุกคนรู้จักดี

    “แหมฉันดีใจจริงๆ ที่คุณเอ่ยถึงกรินเดวัลด์ขึ้นมา” สกีตเตอร์ตอบ พร้อมรอยยิ้มยั่วเย้า “ฉันเกรงว่าพวกที่น้ำตาคลอเบ้าเวลาพูดถึงชัยชนะที่น่าตื่นตาของดัมเบิลดอร์คงต้องเตรียมรับลูกระเบิดกันหน่อยล่ะ หรือบางทีอาจจะเป็นระเบิดเหม็นด้วยซ้ำ เพราะมันเป็นเรื่องสกปรกจริงๆ ฉันบอกได้แค่ว่าอย่ามั่นใจนักเลยว่านั่นน่ะเป็นการประลองที่ตื่นเต้นเหมือนในตำนาน หลังจากที่อ่านหนังสือของฉันแล้ว ผู้คนทั้งหลายจะต้องยอมสรุปเลยว่า กรินเดวัลด์น่ะแค่เสกผ้าเช็ดหน้าขาวที่ปลายไม้กายสิทธิ์แล้วยอมแพ้ไปเงียบๆ!

    สกีตเตอร์ปฏิเสธที่จะเปิดเผยอะไรอีกเกี่ยวกับคำพูดนี้ ดังนั้นเราจึงหันมาคุยถึงความสัมพันธ์ที่ผู้อ่านส่วนใหญ่ของเธอคงจะสนใจมากกว่าเรื่องอื่นๆ แทน

    “อ๋อ ใช่แล้วค่ะ” สกีตเตอร์พูด พยักหน้าถี่ๆ “ฉันอุทิศให้กับบทหนึ่งเต็มๆ เลยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่าพี่น้องพอตเตอร์กับดัมเบิลดอร์ มันถูกเรียกว่าความสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัยหรือถึงระดับที่น่าขนลุกเลยนะคะ แต่ก็อีกนั่นแหละ ผู้อ่านของคุณต้องซื้อหนังสือของฉันค่ถึงจะได้รู้เรื่องเต็ม แต่ไม่ต้องสงสัยเลย ดัมเบิลดอร์น่ะสนใจพี่น้องคู่นั้นอย่างผิดธรรมชาติมาตั้งแต่แรกแล้ว มันอาจจะเพื่อประโยชน์สูงสุดของเด็กสองคนนั่น แต่ใช่จริงๆ หรือเปล่าล่ะ เราก็จะได้รู้กัน เขาปิดกันให้แซดล่ะค่ะ ว่าพี่น้องพอตเตอร์น่ะมีช่วงวัยรุ่นที่ปันป่วนมากที่สุด”


    เฮเลนอยากจะขยำบทความนี้ทิ้งแล้วเขวี้ยงใส่หน้ายัยริต้าเสียแรงๆ ถ้าเธออยู่ที่นั่นตอนที่เบ็ตตี้อะไรนี่สัมภาษณ์ริต้าอยู่ คาถาผูกลิ้นคงได้ถูกใช้ไปแน่ๆ อย่างไม่ต้องสงสัย เพื่อให้ยัยริต้า สกีตเตอร์หุบปากเน่าๆ ของหล่อนสักที แต่ถึงอย่างนั้น หญิงสาวก็ได้แต่พยายามสงบสติอารมณ์และอ่านบทความนั้นต่อไป


    ดิฉันถามสกีตเตอร์ว่าเธอยังคงติดต่อกับ แฮร์รี่และเฮเลน พอตเตอร์อยู่หรือเปล่า หลังจากที่เธอสัมภาษณ์เขาจนโด่งดังไปเมื่อปีก่อน ในข่าวสะเทือนวงการที่พวกพอตเตอร์บอกเธอคนเดียวว่า พวกเขา เชื่อว่าคนที่คุณก็รู้ว่าใครนั้นกลับมาแล้ว

    “อุ๊ย ใช่ค่ะ เราสามคนผูกพันใกล้ชิดกันมาก”

    เฮเลนรู้สึกอยากจะอ้วกกับประโยคนั้น แต่ก็ยังต้องทนฝืนอ่านมันต่อไป

    “พี่น้องพอตเตอร์ที่น่าสงสาร เพื่อนแท้ไม่กี่คนหรอกค่ะ แล้วพวกเราก็พบกันในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตเขาเลย ตอนประลองเวทไตรภาคีไงคะ ฉันคงเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ยังมีชีวิตอยู่ ที่พูดได้ว่ารู้จักแฮร์รี่และเฮเลน พอตเตอร์อย่างแท้จริง”

    ประโยคนี้นำเราตรงไปสู่ข่าวลือที่แพร่สะพัด เกี่ยวกับชั่วโมงสุดท้ายของดัมเบิลดอร์ สกีตเตอร์เชื่อหรือเปล่าว่าพวกพอตเตอร์อยู่ที่นั่นด้วยเมื่อดัมเบิลดอร์ถึงแก่กรรม

    “แหม เรื่องนี้ฉันไม่อยากพูดมากหรอก มันอยู่ในหนังสือทั้งหมดแล้ว แต่พยานที่ปราสาทฮอกวอตส์เห็นแฮร์รี่ พอตเตอร์วิ่งลงมาจากที่เกิดเหตุ หลังจากดัมเบิลดอร์ตกลงมาหรือกระโดด หรือถูกผลักลงมาในชั่วอึดใจเดียว ต่อมาแฮร์รี่ พอตเตอร์ก็ให้การกล่าวหาเซเวอร์รัส สเนป ซึ่งใครๆ ก็รู้ว่ามีเรื่องขุ่นแค้นใจกับพวกเขามานาน ทุกอย่างเป็นอย่างที่เห็นหรือเปล่า นั่นเป็นเรื่องที่ชุมชนผู้วิเศษต้องตัดสินใจ หลังจากที่อ่านหนังสือของฉันค่ะ”

    หลังเธอปิดท้ายด้วยประโยคลับลมคมในนี้ ดิฉันก็กล่าวลา ไต้องสงสัยเลยว่างานเขียนของสกีตเตอร์เล่มนี้ต้องเป็นหนังสือขายดีทันใจแน่ ในระหว่างนั้นกองทัพผู้นิยมชมชอบดัมเบิลดอร์อาจจะตัวสั่นเทา วิตกว่าเรื่องอะไรเกี่ยวกับวีรบุรุษของเขาที่จะผุดขึ้นมาในไม่ช้านี้


    เฮเลนอ่านมันจนจบ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย แต่มันก็อาจจะสามารถให้ข้อมูลกับเธอในบางส่วนได้ ริต้า สกีตเตอร์อาจจะไปสัมภาษณ์ใครบางคนที่อยู่ละแวกใกล้เคียงกับดัมเบิลดอร์และบางทีคนที่ว่านั่นอาจจะเป็นคนที่ดัมเบิลดอร์ใกล้ชิดหรือก็คือหนึ่งในคนรู้จักที่เอลฟายอัส โดจเป็นคนบอกในหัวข้อข่าวหนังสือพิมพ์ฉบับที่เพิ่งอ่านไปเมื่อวาน เฮเลนหันไปคว้ามันมาจากใต้เตียงซึ่งเธอซ่อนเอาไว้ให้พ้นจากสายตาของเดรโก

    คนที่เอลฟายอัส โดจบอกมีนิโคลัส แฟลมเมล นักเล่นแร่แปรธาตุที่เสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่ตอนที่เธออยู่ปีสองเพราะการทำลายศิลาอาถรรพ์ บาทิลดา แบ็คชอท นักประวัติศาสตร์เวทมนตร์ที่มีอายุคนหนึ่งซึ่งแทบไม่ปรากฏต่อสาธารณะชนและอดัลเบิร์ด วาฟฟลิงนักทฤษฏีเวทมนตร์ชื่อดัง ทั้งสามคนนี้อาจจะมีส่วนที่ให้ข้อมูลแก่ริต้า ซึ่งตัดนิโคลัส แฟลมเมลไปได้เลย เขาคงไม่เหลือแม้แต่รอยพิมพ์ของวิญญาณเอาไว้อย่างแน่นอน

    เฮเลนวางกระดาษใบนั้นลงบนเตียงและหยิบหนังสือขึ้นมา บนปกมีรูปของดัมเบิลดอร์ยืนยิ้มด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาจนเฮเลนคิดว่าเขายังไม่ตาย ร่างบางเปิดหนังสือออกอ่านไปทีละหน้าอย่างใจเย็นจนกระทั่งเธอพบเข้ากับชื่อของคนที่ให้ข้อมูลพวกนั้นแก่ริต้า สกีตเตอร์นั่นก็คือ บาทิลดา แบ็คชอท นักประวัติศาสตร์เวทมนตร์นั่นเอง เธอได้รู้ว่าบาทิลดาเป็นเพื่อนบ้างของดัมเบิลดอร์ แต่ว่าบทความพวกนั้นไม่อาจรั้งให้เฮเลนอ่านมันได้นานนัก เธอเปิดข้ามแต่ละบทไปเรื่อย ไม่รู้ว่าเพราะไม่อยากรู้ว่าดัมเบิลดอร์มีด้านมืดอะไรบ้างหรือเพราะว่าไม่อยากอ่านบทความของริต้ากันแน่

    แต่การเปิดข้ามๆ หน้าไปนั้นทำให้เฮเลนต้องตกใจ เมื่อเธอได้พบกับรูปภาพของใครบางคนที่เคนปรากฏอยู่ในหนังสือเล่มนั้น ใบหน้าของชายที่ปรากฏอยู่ในภาพนิมิตที่โวลเดอมอร์เห็นจากเกรโกโรวิตซ์

    “เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์” เฮเลนอ่านชื่อนั้นช้าๆ ดวงตากลมกวาดมองไปทั่วหน้ากระดาษ “ยืนอยู่ข้างๆ ดัมเบิลดอร์ นี่เขาเป็นเพื่อนกันงั้นเหรอ”

    ภาพของเกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ยืนคู่กับดัมเบิลดอร์ ทั้งสองส่งยิ้มมาให้เธออย่างมีความสุข ท่าทางของพวกเขานั้นเหมือนกับเพื่อนที่ค่อนข้างจะรักกันพอสมควร ดัมเบิลดอร์ในรูปนี้มีความสุขมากอย่างบอกไม่ถูก ถึงจะไม่มีแววตาแห่งความเมตตาเหมือนครั้งที่เคยพบกันแต่ว่าเขาดูมีความสุขมากจริงๆ

    ยังไม่ทันได้อ่านเนื้อความ เดรโกก็เปิดประตูเข้ามาในห้อง ใบหน้าเหนื่อยอ่อนนั้นทำให้เฮเลนรีบปิดหนังสือและซ่อนหนังสือพิมพ์พวกนั้นโดยการโยนมันไถลไปที่หม้อปรุงยาที่วางค้างเอาไว้ เหมือนว่าเดรโกจะไม่ได้สังเกตอะไรพวกนั้นนัก เขาปิดประตูและเดินเข้ามาช้าๆ ทิ้งร่างลงใส่หญิงสาวโดยไม่ถามเรื่องสุขภาพกันเลยสักคำ

    “พรุ่งนี้ฉันจะต้องไปที่กริมโมลด์เพลซ” ร่างสูงพึมพำเสียงแหบ สองแขนยกขึ้นมาโอบกอดร่างบางเอาไว้ “แยกซ์ลีย์บอกว่าไปดูแค่ผ่านๆ เท่านั้น เขาต้องการให้เราตรวจสอบแบบจริงจังจะได้รู้ว่าแฮร์รี่แอบซ่อนอะไรเอาไว้บ้าง”

    “พวกเขาจะทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้ล่ะ” เฮเลนถาม “คงไม่เหลืออะไรที่มากพอจะทำให้ตามทั้งสามคนนั่นไปได้หรอก”

    “แต่พวกนั้นไม่เจอครีเชอร์” เดรโกพูด ทิ้งน้ำหนักตัวลงจนคนตัวเล็กจำต้องเอนตัวลงนอนบนเตียงโดยมีร่างของเขาทับอยู่ “หลังจากที่เธอให้มาดูฉัน ฉันให้มันกลับไปที่กริมโมลด์เพลซ แต่แยกซ์ลีย์ไม่เจอมัน”

    “แล้วเขาจะไปไหนได้” เฮเลนว่า “ครีเชอร์ไม่ทำอะไรนอกเหนือคำสั่งแล้ว ฉันคิดว่าแบบนั้นนะ เราน่าจะเชื่อใจเขาได้”

    “เหนื่อยจัง” เขาพูด ซุกใบหน้าลงบนซอกคอขาว กลิ่นหอมอ่อนๆ ทำให้เดรโกกอดร่างบางแน่นขึ้น “ฉันอยากจะให้มันจบๆ ไปสักที ไม่เอาแล้วกับอะไรแบบนี้ ขอร้องเถอะเฮเลน ให้ฉันสอนวิชาสกัดใจให้เธอเถอะนะ”

    “ทำไม” เธอถาม “สกัดใจไปทำไมถ้าเกิดว่าสิ่งที่ฉันเห็นมันยังเป็นประโยชน์”

    เดรโกเงียบไป เขาไม่รู้จะหาคำพูดใดๆ มาบอกเฮเลนดีกว่ามันไม่ปลอดภัยเลยที่เธอจะรับรู้เรื่องของลอร์ดโวลเดอมอร์ต่อไป ถ้าจอมมารรู้ว่าเธอนั้นสามารถเข้าไปในหัวเขาได้ก็คงอาจจะไม่เหลือโอกาสมากพอให้หนีไปก็ได้

    “ฉันไม่อยากให้เธอเสี่ยงแล้วเฮเลน” เดรโกบอก “มันมากเกินไป ฉัน...”

    “ไม่หรอก” เฮเลนพูด มือเล็กลูบเรือนผมสีบลอนด์ไปมา “เขาจะต้องไม่รู้ แล้วอีกอย่าง ตอนนี้ฉันก็รู้แล้วด้วยว่าคนที่ฉันเห็นในความทรงจำของเกรโกโรวิตซ์คือใคร”

    เดรโกไม่พูดอะไร ราวกับว่ากำลังรอฟังว่าเธอกำลังจะบอกอะไรกับเขา

    “เขาคือกรินเดลวัลด์” เฮเลนพูดเสียงเรียบ ผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ “เขาเคยเป็นเพื่อนกับดัมเบิลดอร์ก่อนจะถูกดัมเบิลดอร์ปราบลง ไม้กายสิทธิ์นั่นอยู่กับเขาแน่”

    “แต่เขาถูกขังอยู่ในคุกนูร์เมนการ์ด” เดรโกพูด “แล้วถ้าดัมเบิลดอร์เคยเอาชนะเขา...”

    เดรโกชะงัก เกิดความเงียบแผ่ปกคลุมทั้งสองอยู่ชั่วขณะราวกับกำลังปล่อยให้สองคนใช้ความคิด

    “ไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์อยู่กับดัมเบิลดอร์!” เดรโกและเฮเลนพูดขึ้นพร้อมกัน รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าและดับวูบไปอย่างรวดเร็วเมื่อคิดว่ารู้เรื่องนี้ไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาถ้าหากไม่ได้เอาเรื่องนี้ไปบอกแฮร์รี่หรือว่าไม่สามารถหยุดยั้งโวลเดอมอร์ไม่ให้ไปเอาไม้กายสิทธิ์นั้นมาได้

    “แต่ยังไงเราก็ไม่รู้อยู่ดีว่าฟลิตวิกเอาศพของดัมเบิลดอร์ไปไว้ที่ไหน” เดรโกพึมพำ “ฉันลองถามจากครีเชอร์ มันก็ไม่รู้เรื่องนี้เพราะแฮร์รี่ไม่ได้เล่าอะไรให้มันฟังเกี่ยวกับดัมเบิลดอร์เลย”

    “ฉันคิดว่าน่าจะยังอยู่ในปราสาท หรือไม่ก็ริมทะเลสาบ จุดที่เขาชอบไปยืน” เฮเลนพูดตาม

    “แล้วเราจะทำอะไรได้” เดรโกว่า “เราออกไปจากที่นี่หรือหนีภารกิจไม่ได้ด้วยซ้ำ”

    ไม่มีใครพูดอะไรอีกหลังจากนั้น แม้แต่เฮเลนก็ไม่ออกความคิดเห็น มันถูกต้องที่ทั้งสองไม่อาจออกไปจากที่คฤหาสน์แห่งนี้ได้ พวกผู้เสพความตายจะต้องไม่ยอมอย่างแน่นอน  ส่วนเดรโกนั้นมีนาร์ซิสซาที่จะต้องคอยรับผิดชอบอยู่ ถ้าหากเขาหนีไปโดยทิ้งนาร์ซิสซาเอาไว้ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าเธอจะอยู่ที่นี่ได้อย่างปลอดภัย

    “ทำไมพอเหมือนจะหาทางออกได้ มันก็กลายเป็นทางตันทุกที” หญิงสาวพูดแหวกความเงียบขึ้นมา ร่างบางถูกเจ้าของมือเรียวจับพลิกตัวขึ้นไปนอนบนร่างของเขา “เราจะไม่มีทางหลุดพ้นจากที่นี่จริงๆ เหรอเดรโก ปลายอุโมงค์มันไม่มีแสงสว่างจริงๆ น่ะเหรอ”

    “มันต้องมีสิ” เขาพูด กดศีรษะของเฮเลนลงไป ทาบจุมพิตลงบนหน้าผากของเธออย่างแผ่วเบา “มันต้องมีอยู่แล้ว แสงสว่างที่อยู่ตรงปลายอุโมงค์ แต่มันแค่ยังส่องมาถึงเราเท่านั้นเอง”

    “แล้วมันจะอีกนานแค่ไหน เดรโก” เฮเลนพูด “เราพยายามมองหามันมานานมากแล้ว เหมือนจะเห็น แต่สุดท้ายเราก็ไปถึงมันเสียที บางทีฉันก็เหนื่อยจนอยากจะให้มันจบลงไปซะ”

    “อดทนหน่อยนะ” เขาพูด ดวงตาสีฟ้าซีดมีประกายประหลาด “ฉันจะไม่ทำให้เธอผิดหวัง”

    วันต่อมาการประชุมก่อนเข้าไปตรวจสอบกริมโมลด์เพลซก็เริ่มขึ้น วันนี้เป็นวันสุดสัปดาห์พอดีเซเวอร์รัส สเนปจึงมาเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ด้วย การประชุมจึงดำเนินไปอย่างตึงเครียด เฮเลนถูกบังคับให้ลงมาร่วมการประชุมครั้งนี้โดยมีนาร์ซิสซาขึ้นไปตามตัวเธอลงมา

    “แต่ว่าฉันไม่ได้เกี่ยวข้องกับภารกิจพวกนี้เลยนะคะซิสซี่” เฮเลนพูด หลังจากเปิดประตูออกมาจากห้อง “จอมมารคงไม่ต้องการให้ฉันเข้าไปวุ่นวายกับเรื่องแบบนี้หรออกค่ะ”

    “เธอต้องลงไป” นาร์ซิสซาพูดเสียงเรียบ “นี่เป็นคำสั่ง”

    “แต่...”

    “ไม่มีข้อโต้แย้งอะไรทั้งนั้น พอตเตอร์!” เธอพูดเสียงเฉียบขาด เฮเลนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก “ลงไปซะพอตเตอร์ แล้วเธอจะรู้เองว่าตัวเองจะมีส่วนร่วมอะไรในเรื่องนี้ ไป!

    เฮเลนจำใจต้องลงมานั่งร่วมโต๊ะกับกลุ่มผู้เสพความตายอย่างช่วยไม่ได้ เดรโกมีท่าทางไม่พอใจเล็กน้อย เขาไม่แสดงออกมามากมายนักนอกจากบีบมือของเธอเบาๆ และขมวดคิ้วอยู่แทบจะตลอดช่วงเวลาการประชุม สเนปแจกแจงแผนการและแบ่งแยกหน้าที่ของผู้เสพความตายแต่ละคนอย่างละเอียดโดยที่ไม่สนใจเฮเลนเลยแม้แต่นิดเดียว เขาไม่พูดถึงหนังสือที่เคยเอามาให้หรือว่าอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ นาร์ซิสซาก็เช่นกัน

    “พอตเตอร์” หลังจากการประชุมสิ้นสุดลงก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันออกไปตามหน้าที่ สเนปก็พูดขึ้นอีกครั้งในขณะที่เฮเลนกำลังจะลุกออกไป “เธอต้องไปกับเดรโก”

    “คะ?” เฮเลนขมวดคิ้ว มองหน้าสเนปด้วยสายตาฉงน “ฉันด้วยเหรอคะ”

    “ใช่” สเนปบอก “เราจำเป็นต้องมีเธอไปด้วยเพื่อที่เราจะได้รู้ว่าแฮร์รี่ พอตเตอร์หลงเหลืออะไรเอาไว้ที่นั่นบ้าง”

    “แต่ว่าฉัน...”

    “ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น” เสนปออกคำสั่ง เฮเลนรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองอยู่ในชั่วโมงป้องกันตัวจากศาสตร์มืดเมื่อปีก่อนไม่มีผิดเพี้ยน “ตามเดรโกไปซะ เธอยังมีประโยชน์กับเราอีกมาก”

    เดรโกบีบมือเธอแน่นขึ้นอีก ใบหน้าของเขาตึงเครียด ริมฝีปากบางถูกขบกัดจนห้อเลือดในขณะที่เขาดึงเธอขึ้นไปบนชั้นสองเพื่อเตรียมตัวก่อนออกไปทำภารกิจ การเตรียมตัวของทั้งสองนั้นเต็มไปด้วยบรรยากาศกดดันอย่างบอกไม่ถูก เดรโกไม่พูดอะไรในระหว่างนั้น เฮเลนรู้ดีว่าเขาคงมัวคิดถึงเรื่องที่สเนปส่งตัวเธอออกไปด้วยทั้งที่เขาไม่อยากให้เธอเข้ามาข้องเกี่ยวกับผู้เสพความตายหรือภารกิจอะไรของโวลเดอมอร์มากกว่าที่นี้อีก

    “ไปเถอะ” เมื่อติดกระดุมเม็ดสุดท้ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว เดรโกก็หันมาหาเธอพร้อมด้วยแววตาที่แข็งเสียจนเฮเลนไม่อาจบอกได้ว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไร “เราต้องรีบก่อนที่โรลว์หรือใครจะเอาเรื่องที่เราไปสายไปฟ้องสเนป”

    เฮเลนพยักหน้าหลังจากสวมเสื้อคลุมสีดำสนิทของนาร์ซิสซาเสร็จเรียบร้อยแล้ว เดรโกจับมือของเธอพาเดินลงไปยังชั้นล่าง ทั้งสองเดินออกไปที่หน้าคฤหาสน์พร้อมกันเพื่อหายตัวออกไปยังกริมโมลด์เพลซ ร่างบางรู้สึกสะอิดสะเอียดเหมือนลำไส้กำลังบิดตัวก่อนที่พวกเขาจะมาปรากฏตัวอยู่ที่หน้าบ้านเลขที่สิบสอง กริมโมลด์เพลซ ลอนดอนโดยมีผู้เสพความตายคนหนึ่งยืนรออยู่ที่หน้าบ้าน

    การตรวจค้นเริ่มจากด้านบนสุดของบ้าน ห้องใต้หลังคาที่ซีเรียสเคยให้บัคบีคพักอาศัยอยู่ มันเต็มไปด้วยเศษปลอกหมอน ขนนกและเศษฟางกองสุมรวมกันอยู่เต็มไปหมด ฝุ่นหนาเตอะบอกได้เป็นอย่างดีว่าที่นี่ไม่ได้มีใครขึ้นมาทำความสะอาดนานมากแล้วแม้แต่ครีเชอร์ก็ตาม เฮเลนแยกตัวจากกลุ่มผู้เสพความตายลงมายังห้องที่พวกเธอเคยนอนรวมกันกับเฟร็ด จอร์จ รอน จินนี้ เฮอร์ไมโอนี่และแฮร์รี่

    ความทรงจำในช่วงเวลานั้นแว้บเข้ามาให้เธอรู้สึกใจหายเล่นๆ เสียอย่างนั้น ช่วงเวลาที่เฮอร์ไมโอนี่และจินนี่นั่งหัวเราะกับเรื่องตลกฝืดๆ ของรอน แฮร์รี่ รอน เฟร็ดกับจอร์จคุยกันเรื่องควิดดิชเวิลด์คัฟกันพร้อมกับวิพากษ์วิจารณ์การแข่งกันอย่างออกรส แต่ตอนนี้ในห้องนี้กลับว่างเปล่า ที่นอน ผ้าห่ม แม้กระทั่งสิ่งของที่เคยถูกนางวีสลีย์จัดเอาไว้อย่างเรียบร้อยถูกรื้อค้นกระจุยกระจายไปหมด

    เฮเลนเดินเข้าไปนั่งบนเตียงริมหน้าต่างเตียงเดิมที่เธอเคยนั่งในครั้งนั้น ดวงตากลมโตมองทอดออกไปนอกหน้าต่าง มองดูพวกมักเกิ้ลเดินสวนทางกันไปมาด้วยความเร่งรีบ เธอหวังลึกๆ ว่าจะได้มีโอกาสนั่งร่วมวงคุยกับพวกเขาแบบนั้นอีกสักครั้ง ความเจ็บปวดในอกบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้เธอยังไม่ตายและจำเป็นต้องพยายามต่อไปเพื่อโค่นล้มโวลเดอมอร์ลงไปให้ได้และกลับไปใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเช่นเดิมกับพวกเขาและเดรโกอีกครั้งหนึ่ง



    ติดตามตอนต่อไป...


    แจ้งข่าว : ไรท์อาจจะอัพเรื่องของแม่สาว เอลลี่ เอทเดอไวล์นช้าลงไปสักหน่อยนะคะเพราะว่าตอนนี้เรื่องของเฮเลนกำลังเข้มข้นและมาไกลเกินที่ไรท์จะเบรกเอาไว้ได้ แรงบันดาลใจในเรื่องนี้มาแรงมากจริงๆ ค่ะ จนไรท์ไม่สามารถที่จะสวมบทเอลลี่ในตัวเองได้เลย มันจะกลายเป็นหดหู่เหมือนเฮเลนไปซะหมด ดังนั้นไรท์อาจจะเลื่อนอัพไปสักสองสามวันจากกำหนดเล็กน้อย ที่ปกติจะอัพไม่เกิน 7 วัน ขอโทษด้วยนะคะ บางทีอาจจะไม่ได้ตอบคอมเมนต์หรือพูดอะไรมากนอกจากให้ติดตามตอนต่อไป แต่ก็ขอบคุณที่ทุกท่านเข้ามาอ่านและยังอยู่กับเฮเลน พอตเตอร์

    ส่วนเรื่องรูปเล่ม ไรท์กำลังอยู่ในช่วงลงสีปก ให้เหมาะสมกับเนื้อเรื่อง ขอบคุณที่ติดตาม ขอบคุณมากๆ ค่ะ ♥

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×