คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #57 : บทที่ 9 : ทำนายฝัน
บทที่ 9 : ทำนายฝัน
“ไม่ต้องทำนาย”
เฮเลนทวนคำสีหน้างงงวย เธอมองใบหน้าของนาร์ซิสซาที่ซีดกว่าทุกวัน “หมายความว่าไงคะ
โวลเดอมอร์ไม่ต้องการรู้คำทำนายอะไรแล้วงั้นเหรอ”
“กล้าดียังไงถึงได้กล้าพูดชื่อของท่าน!”
นาร์ซิสซาตวาด ดวงตาสีซีดจ้องเขม็ง
“ขะ
ขอโทษค่ะ” เฮเลนพูดเสียงเบา “แต่ว่าปกติแล้ว...”
“ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น”
เธอพูดเสียงเฉียบ “กลับห้องไปซะ วันนี้เดรโกไม่ได้อยู่ที่นี่ เธอคงจะต้องระวังตัวหน่อย”
“หมายความว่าไงคะซิสซี่”
เฮเลนเลิกคิ้ว มองหน้านาร์ซิสซาอย่างต้องการคำตอบ “ยังไงเดรโกก็ต้องกลับมาตอนเย็นอยู่ดีไม่ใช่เหรอคะ”
เมื่อไหร่ไม่รู้ที่นาร์ซิสซายอมให้เฮเลนเรียกเธอว่าซิสซี่และที่สำคัญ
ใบหน้าที่เคยเย่อหยิ่งใส่เฮเลนทุกครั้งที่พบหน้าเริ่มจางหายไปแล้ว
ตอนนี้ทั้งสองนั่งพูดคุยกันในห้องพยากรณ์ห้องเดิมที่เฮเลนจำเป็นต้องมาทุกเช้า
แต่ในวันนี้นาร์ซิสซาไม่ต้องการเห็นคำทำนายจากเธอ
ซึ่งมันช่างน่าประหลาดใจเหลือเกิน
“ขาคงไม่ได้กลับ”
นาร์ซิสซาตอบ “จอมมารจำเป็นต้องให้เขาช่วยงาน วันนี้เธอคงต้องนอนคนเดียว”
เฮเลนไม่ตอบอะไรเพียงแต่หลุบตาลงมองหน้าตักของตัวเองเท่านั้น
เมื่อคืนนี้เดรโกก็พึมพำเรื่องนี้ให้ฟังอยู่บ้างแต่เขาก็ไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรให้เธอฟังมากนัก
เพราะช่วงมื้อเย็นมีคนรายงานว่าพบแฮร์รี่
พอตเตอร์ที่หน้ากระทรวงเวทมนตร์แต่พวกเขาก็จับตัวไม่ได้ เฮเลนคิดว่าแฮร์รี่คงไปสำรวจเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะแอบลอบเข้ากระทรวงเวทมนตร์ไปในวันนี้เหมือนที่ครีเชอร์บอก
ถ้าหากวันนี้เดรโกถูกส่งตัวไปที่นั่นเพื่อเฝ้าระวังแล้วทำพลาดจับแฮร์รี่มาไม่ได้
สิ่งที่รอเขาอยู่คืออะไรเธอรู้ดีอยู่แก่ใจ โวลเดอมอร์เกลียดความผิดพลาด เขาคงไม่ให้อภัยแน่ถ้าหากปล่อยให้แฮร์รี่หนีไปได้อีก
“นี่”
หลังจากที่เงียบไปอยู่นาน นาร์ซิสซาก็พูดขึ้น “เธอน่ะ รู้สึกยังไงกันแน่”
“คะ?”
เฮเลนเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าซีดเซียวของเธอ “รู้สึกอะไรคะ”
“ฉันหมายถึง
รู้สึกยังไงที่ต้องเป็นผู้ถูกเลือก” นาร์ซิสซาบอก “ถ้าเกิดว่าเธอเป็นเลือดบริสุทธิ์
ต่อให้เป็นผู้ถูกเลือกฉันก็คงจะดีใจมากกว่านี้”
เฮเลนเม้มริมฝีปาก
ไม่ตอบอะไรออกไป
“ฉันรู้ว่าเดรโกรักเธอมาก”
นาร์ซิสซาพูดต่อ “แต่ฉันไม่อาจปล่อยให้ลูกชายต้องพบกับอันตรายไปมากกว่านี้
ทำไมถึงต้องเป็นเธอ พอตเตอร์ ทำไมถึงไม่ใช่คนอื่น แพนซี่หรือใครก็ตามที่ใช่เธอ”
น้ำเสียงของนาร์ซิสซาบ่งบอกถึงความรู้สึกของเธอได้เป็นอยางดี
ความรักที่มีต่อลูกชายเพียงคนเดียวที่มีอยู่นั้นช่างชัดเจนเหลือเกิน
“เขาถูกจอมมารข่มขู่เรื่องของเธอทุกครั้งก่อนจะทำภารกิจ
ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเดรโกถึงไม่ปักใจเกลียดเธอซะตั้งแต่ลูเซียสตาย!”
เฮเลนสะดุ้ง
นาร์ซิสซาตวาดเสียงดังก่อนจะลุกขึ้นยืน ดวงตาสีซีดจับจ้องมาที่เฮเลนอย่างดุร้าย
“ฉันไม่อยากเสียลูกชายคนเดียวของฉันไป”
เธอบอก “บางครั้งฉันนึกอยากจะฆ่าเธอให้ตายไปซะเดี๋ยวนี้เลยด้วยซ้ำ พอตเตอร์!
แต่ถ้าหากเธอตาย เดรโกก็จะต้องตาย ทำไมต้องเป็นฉันที่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเฝ้ามองเขาทรมาน
ทำไม! พอตเตอร์”
เฮเลนรู้สึกชาวาบไปทั้งตัว หญิงสาวพูดอะไรไม่ออก เธอรู้ว่านาร์ซิสซาทรมานแค่ไหนเมื่อต้องสูญเสียลูเซียสไป คงไม่ต่างจากเดรโกมากมายเท่าไรนัก นาร์ซิสซาเหมือนกับเป็นคนที่ทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว ถึงจะดูเห็นแก่ตัวแต่เฮเลนที่เหลือพี่ชายฝาแฝดเพียงคนเดียวย่อมรู้ดีว่าความรู้สึกพวกนั้นเป็นเช่นไร มันทรมานและหวาดกลัวเหลือเกินที่ทำได้แค่เฝ้านรอข่าวคราวจากคนในครอบครัวที่ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรในแต่ละวัน
“อย่าหาคำตอบจากเรื่องนั้นเลยค่ะ”
เฮเลนพูด “ฉันคงไม่มีคำตอบให้คุณ แต่ว่าการที่เขายอมสละเพื่อความถูกต้อง
ฉันไม่เคยบังคับเขาเลย เขาเคยพูดว่าเขาเป็นห่วงคุณมากกว่าคนอื่นนะคะซิสซี่
ดังนั้นไม่ต้องกังวลหรอกค่ะว่าเขาจะตาย”
นาร์ซิสซาไม่พูดอะไร
เธอเดินออกจากห้องพยากรณ์ไปอย่างรวดเร็วและหายไปจากสายตา
เฮเลนถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา ร่างบางนั่งจ้องลูกแก้วลูกใหญ่อยู่ครู่หนึ่ง
เธออยากรู้เสียจริงว่าตอนนี้แฮร์รี่กำลังทำอะไรอยู่ เดรโกอยู่ที่ไหน
รอนและเฮอร์ไมโอนี่จะเป็นยังไงบ้าง แผนของพวกเขาจะสำเร็จด้วยดีหรือเปล่า
ทำไมกับแค่เรื่องง่ายๆ คำตอบของมันถึงได้หายากเย็นนัก
“ครีเชอร์”
ริมฝีปากบางเอ่ยขึ้นเบาๆ
เฮเลนมั่นใจว่าตอนนี้แฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่ออกไปจากกริมโมลด์เพลซแล้วอย่างแน่นอน
เธอเหม่อมองพื้นพรมสีดำด้วยสายตาเรียบเฉย ในขณะเดียวกันนั้นเสียง เปรี้ยง
ก็ดังขึ้นพร้อมกับเอล์ฟประจำบ้านตัวเดิมปรากฏขึ้นตรงหน้า
ครีเชอร์ยังคงสวมล็อกเก็ตปลอมนั้นเอาไว้ที่คอเหมือนเมื่อวาน
ดูท่าว่ามันคงไม่อยากให้สร้อยเส้นนั้นอยู่ห่างจากตัวเลยแม้แต่วินาทีเดียว
“นายหญิงเรียกกระผมหรือขอรับ”
เอล์ฟพูดแล้วก้มโค้งลงเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้ามองเฮเลน
“ใช่”
เฮเลนตอบ “พวกแฮร์รี่ออกไปจากกริมโมลด์เพลซแล้วใช่ไหม”
“ขอรับ”
เอล์ฟพูด “พวกเขาไปกันตั้งแต่เช้าตรู่พร้อมกันทั้งสามคนเลยขอรับนายท่าน ครีเชอร์บอกพวกเขาว่าจะเตรียมสตูว์เอาไว้สำหรับพวกเขาเป็นมื้อเย็น”
“แสดงว่าตอนนี้ทั้งสามคนก็อยู่ที่กระทรวงเวทมนตร์แล้วใช่ไหม”
เฮเลนถามอย่างกังวล สายตามองไปยังครีเชอร์ที่ท่าทีแจ่มใสมากกว่าทุกครั้ง
“พวกเขาจะปลอดภัยใช่ไหมครีเชอร์”
“ขอรับ
ครีเชอร์มั่นใจมาก” เอล์ฟตอบพลางยิ้มกว้าง
ดวงตาโตฉ่ำมองมายังเฮเลนด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
“เมื่อนายท่านบอกครีเชอร์ว่าจะต้องกลับมา นายท่านก็ต้องกลับแน่นอนขอรับ”
เฮเลนรู้สึกว่าดีจริงๆ
ที่ครีเชอร์มั่นใจและเชื่อมั่นในตัวแฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่มากขนาดนั้น
ซึ่งต่างจากเธอเอามากๆ เพราะนอกจากเธอจะไม่มั่นใจว่าแฮร์รี่จะทำภารกิจสำเร็จแล้ว
ยังกังวลด้วยว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขาถูกจับได้
การที่ทำได้แค่รับรู้มันช่างแย่เสียเหลือเกิน
“ขอบใจนะ”
เฮเลนว่า “คุณไปได้แล้วครีเชอร์ ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็มาบอกฉันทีนะ”
เอล์ฟหายตัวกลับไปทำให้ห้องนี้เงียบลงไปอีกครั้ง
เฮเลนเลื่อนมือไปที่ลูกแก้วลูกใหญ่แล้วตั้งใจภาวนา
ตอนนี้สิ่งที่เธออยากรู้มากที่สุดก็คือเดรโกอยู่ที่ไหนกันแน่
แต่มันคงจะไม่ออกมาให้เห็นตรงๆ
เธออาจจะเห็นเดรโกในวันพรุ่งนี้หรืออนาคตที่ไม่แน่นอนของเขาก็ได้
เฮเลนตั้งสมาธิและนึกถึงใบหน้าของเดรโก
กลุ่มควันหนาสีขาวขุ่นหมุนเป็นวงไปมาในลูกแก้ว
ภาพทั้งหลายค่อยๆ แปรเปลี่ยนไป ร่างของใครบางคนปรากฏขึ้นมา
เขายืนอยู่ที่ไหนสักแห่งพร้อมกับผู้คนมากมายรายล้อมอยู่ตรงนั้น
กลุ่มคนชูไม้กายสิทธิ์เข้าหากันราวกับกำลังจะมีการต่อสู้ เดรโกอยู่ในนั้น
เขาเป็นหนึ่งในผู้ที่ยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาในกลุ่มคนหมู่มากก่อนที่กลุ่มคนอีกฝั่งจะหายวับไปจากตรงนั้นและทุกๆ
อย่างก็สลายไปกลายเป็นกลุ่มควันสีขาวดังเดิม
เฮเลนไม่เข้าใจว่ามันกำลังจะเกิดอะไรขึ้น
กลุ่มคนที่หายไปนั่นคืออะไร แล้วทำไมเดรโกถึงได้ยกไม้กายสิทธิ์ชี้ไปที่พวกเขา
หญิงสาวเดินออกมาจากห้องนั้นพร้อมกับสิ่งที่ตีกันอยู่ในสมอง
มันจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นแล้วเดรโกจะทำอะไรงั้นเหรอ
ทำไมถึงต้องเป็นเดรโกที่ทำล่ะ?
คิดอะไรไม่ได้มากนักเฮเลนก็เดินมาถึงหน้าห้องนอนเสียแล้ว
เธอเปิดประตูเข้าไปด้านในและลงกลอนเหมือนทุกที คนตัวเล็กทิ้งตัวลงนอนบนฟูกกว้าง ผ้าห่มสีเขียวผืนหนายังเต็มไปด้วยกลิ่นไอของเดรโกที่สามารถทำให้เฮเลนรู้สึกปลอดภัยทุกครั้งที่ได้นอนบนเตียงนี้
ยิ่งไปกว่านั้นการที่เจ้าของกลิ่นนอนอยู่เคียงข้างกันมันก็ทำให้เธอรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรสักอย่างถ้าหากต้องอยู่ในคฤหาสน์แห่งความมืดมนแห่งนี้
ลาเมียไม่ได้อยู่บนรังของมันบนหัวเตียง
ถึงเฮเลนจะแอบสงสัยนิดหน่อยว่ามันหายไปไหนแต่ก็ไม่ได้เก็บมาคิดมากมายเท่ากับเรื่องของเดรโกและการหาหนทางจะออกไปจากที่นี่
ทั้งที่เมื่อวานคิดเอาไว้แล้วแท้ๆ
ว่าจะต้องวางแผนหนีออกไปให้ได้แต่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรดีๆ แว้บเข้ามาเลย
เธอควรจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดีล่ะ
สำรวจให้รอบคฤหาสน์ก่อนดีหรือว่าปรุงน้ำยาสรรพรสเพื่อปลอมตัวเป็นคนอื่นออกไปจากที่นี่ดี
คิดอะไรได้ไม่นานเสียงเคาะประตูเบาๆ
ก็ดังขึ้นมา
หญิงสาวสะดุ้งเฮือกเมื่อคิดว่าทั้งคฤหาสน์มีเพียงเธอและนาร์ซิสซาเพียงสองคนเท่านั้น
ตามปกติแล้วนาร์ซิสซาจะเอาแต่อยู่ในห้องของเธอหรือไม่ก็อยู่แถวๆ สวนกับนกยูง
สัตว์เลี้ยงของครอบครัว
หล่อนไม่เคยเข้ามาหาเธอที่ห้องด้วยซ้ำในช่วงเวลาที่เดรโกไม่อยู่
มันจะแปลกเกินไปหรือเปล่าที่ตอนนี้นาร์ซิสซามาหาเธอทั้งที่เพิ่งพบกันไปเมื่อครู่เท่านั้น
“เปิดประตูที
พอตเตอร์” เสียงเข้มๆ แสนคุ้นหูดังขึ้นมา “ฉันมีเรื่องจะต้องคุยกับเธอ”
ร่างบางยันตัวลุกขึ้นจากเตียงกว้างเดินไปที่ประตู
มือเล็กดึงมันให้เปิดออกพร้อมกับการปรากฏตัวของคนที่ไม่คาดคิด
จมูกโค้งเหมือนตะขอ ผมยาวแหวกกลางเหมือนม่านกับดวงตาสีดำสนิทไร้ความรู้สึกกำลังจ้องมองมาที่เธอ
“ศาสตราจารย์สเนป”
เฮเลนพึมพำ “คุณมาทำอะไรที่นี่ ตอนนี้คุณควรจะอยู่ที่โรงเรียน”
“เวลานี้ไม่ต้องมีฉันก็ได้”
สเนปตอบพลางชำเลืองมองที่คอของเธอ “สร้อยสวยดี เอาเป็นว่าลงไปพบฉันข้างล่าง ฉันมีเรื่องจะต้องคุยกับเธอ
นาร์ซิสซาก็กำลังคอยอยู่เหมือนกัน”
“ซิสซี่?”
เฮเลนทวน “มีอะไรกันงั้นเหรอคะ”
“ยังไม่ใช่ตอนนี้”
สเนปตอบ “ลงไปข้างล่าง เจอกันที่สวนหน้าคฤหาสน์ ฉันมีเวลาไม่มาก
อย่าให้ช้าเกินห้านาที”
พูดจบเขาก็เดินออกไป
ชายผ้าคลุมสะบัดไหวตามแรงเดินของเขา
เฮเลนนึกฉงนในใจว่าทำไมเธอจึงถูกเรียกตัวไปอีกครั้งหนึ่ง ในเมื่อวันนี้หมดเวลาในการพยากรณ์แล้ว
อีกอย่างเซเวอร์รัส สเนปเกี่ยวอะไรด้วย ทำไมเขาถึงทิ้งโรงเรียนมาที่นี่กันล่ะ
เมื่อมีคำถามก็ต้องรีบหาคำตอบ
เฮเลนมองนาฬิกาที่ติดอยู่บนผนังห้องเล็กน้อยก่อนจะรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและวิ่งลงไปข้างล่าง
ประตูคฤหาสน์ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างบางก้าวออกมา สวนหน้าคฤหาสน์ยังคงเต็มไปด้วยต้นไม้สวยงามราคาแพงประดับเอาไว้และโต๊ะหินอ่อนกับม้านั่งหรูหราก็ยังคงอยู่ที่เดิมที่เธอเคยนั่งเป็นประจำ
ตอนนี้ตรงนั้นมีสเนปนั่งคอยอยู่พร้อมกับนาร์ซิสซา
สองขาเล็กๆ
ก้าวไปหาทั้งสองในทันที ดวงตากลมโตสีเขียวมรกตจ้องมองใบหน้าเรียบเฉยของสเนปสลับไปมากับใบหน้าซีดเซียวของนาร์ซิสซา
ทั้งสองไม่ได้พูดจากันแต่อย่างใดเมื่อเธอเดินไปถึง
สเนปผายมือเชิญให้เฮเลนนั่งลงตรงกันข้ามกับเขา
“ตอนนี้เธอคิดจะหาทางออกไปจากที่นี่ใช่ไหม”
สเนปพูดขึ้นทันทีเมื่อเฮเลนก้นแตะเก้าอี้ “ฉันดูออกจากสีหน้าของเธอในตอนนี้”
เฮเลนสะดุ้งเฮือก
เธอหลุบตาลงเลี่ยงที่จะมองหน้าสเนป ความรู้สึกหวั่นวิตกแทรกเข้ามาในใจ
“อย่าแม้แต่จะคิด”
เขาพูดต่อ “เธอคงจะรู้ดีว่าสักวันหนึ่งเธอจะต้องตายอยู่แล้ว
อย่าเร่งเวลาให้ตัวเองตายเร็วขึ้นนักเลย พอตเตอร์”
“ฉันเปล่า!”
เฮเลนพูด “ฉันไม่ได้จะหนีเลยนะคะ ฉันแค่...”
“แค่อยากจะออกไปจากที่นี่”
นาร์ซิสซาพูด จ้องใบหน้าของเธอเขม็ง “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ เฮเลน พอตเตอร์
เธอพยายามที่จะวางแผนหนีออกไปจากที่นี่ใช่ไหมล่ะ
แล้วเธอก็จะลากเอาลูกชายของฉันเข้าไปเกี่ยวด้วย เธอกำลังจะทำให้เขาตาย
เธอรู้ตัวไหม!”
“เดี๋ยวสิคะซิสซี่”
เฮเลนหันไปหานาร์ซิสซา “ฉันไม่เคยจะให้เดรโกตายเลยนะคะ
ฉันก็แค่บอกเขาว่าฉันเป็นห่วงแฮร์รี่”
“แล้วมันยังไง!”
นาร์ซิสซาพูดเสียงแข็ง “มันก็คือเธออยากจะออกจากที่นี่ไปหาแฮร์รี่
พอตเตอร์อยู่ดีไม่ใช่หรือไง เธอรู้ไหมว่าตอนนี้เขาแข็งข้อกับฉันกับจอมมารแค่ไหน มันทำให้เขาต้องเสี่ยงอันตรายแค่ไหนเธอเคยรู้ไหมพอตเตอร์!”
เฮเลนเงียบเสียงไป
เธอเถียงอะไรนาร์ซิสซาไม่ได้เลยเนื่องจากเธอไม่รู้ว่าเดรโกออกไปทำภารกิจอะไรบ้างและนอกจากนั้นยังไม่เคยรู้เลยด้วยซ้ำว่าเขาสบายดีจริงๆ
อย่างที่เขาบอกเธอทุกวันหรือเปล่า
“ฉันมีลูกชายแค่คนเดียว”
นาร์ซิสซาพึมพำ “ฉันไม่เหลือใครอีกแล้ว”
“เอาล่ะ”
สเนปพูดแทรกขึ้น “สิ่งที่ฉันจะมาบอกก็คือทรีลอว์นีย์ฝากของมาให้เธอ
มันเป็นหนังสือพยากรณ์อะไรสักอย่างนั่นล่ะ อย่างที่เธอเคยได้
ที่จริงฉันจะเผามันทิ้งแต่ก็สงสารที่เธอได้แค่หมกตัวอยู่ที่นี่ไม่ได้ไปไหน บางทีหนังสืองี่เง่านี่อาจจะทำให้เธอหายเบื่อ”
สเนปยื่นหนังสือวิชาการพยากรณ์ชั้นสูงมาวางลงตรงหน้าของเฮเลน
ดวงตากลมโตสีเขียวมรกตจ้องมองมันด้วยความรู้สึกแปลกใจ
มันคงยากที่สเนปจะรับฝากของจากใครสักคนมาส่งให้ถึงมือเธอ ในหนังสือเล่มนี้อาจจะมีอะไรบางอย่างแอบซ่อนเอาไว้หรือไม่ก็คงเป็นสิ่งที่สำคัญมากอย่างแน่นอน
เฮเลนเอื้อมมือไปรับมันมาถือเอาไว้
ดวงตากวาดมองสภาพหนังสือเก่าๆ ในมือ
“แล้วเรื่องการพยากรณ์เป็นยังไง”
สเนปพูดต่อ เมื่อเห็นว่านาร์ซิสซาไม่มีทีท่าอยากจะพูด “เธอรู้เรื่องของแฮร์รี่
พอตเตอร์มากขึ้นไหม”
“ไม่”
เฮเลนบอก “ฉันไม่เคยเห็นเลยว่าเขาอยู่ที่ไหน
มันอาจเป็นสถานทีที่ถูกปิดเอาไว้เป็นความลับและมีผู้รักษาความลับเอาไว้”
สเนปนิ่งไป
มองจ้องใบหน้าของเฮเลนด้วยสายตาพินิจพิจารณา
“ฉันจะมองเห็นแค่สิ่งที่ใกล้จะเกิดขึ้น”
เฮเลนพูดต่อ “ทุกวันสิ่งที่มองเห็นอาจจะซ้ำกับเมื่อวานหรืออาจจะเปลี่ยนไปจากเดิมฉันก็บอกไม่ได้
แต่ว่าล่าสุดที่ฉันเห็นก็คือฉันเห็นกระทรวงเวทมนตร์
แต่ก็เห็นแค่กระทรวงเวทมนตร์อย่างเดียวเท่านั้น
ฉันไม่เคยเห็นอย่างอื่นหรือเหตุการณ์อื่นนอกเหนือจากนั้นเลย”
“เพราะอย่างนั้นจอมมารถึงส่งตัวเดรโกไปที่กระทรวงสินะ”
นาร์ซิสซาพูดขึ้น “เพราะเขาคิดว่าบางทีอาจจะพบตัวแฮร์รี่ พอตเตอร์ที่นั่น หึ!
ถ้าเธอไม่เห็นแม้กระทั่งเงาของพี่ชายฝาแฝดก็น่าจะหุบปากเงียบเอาไว้สิ”
“แต่คุณต้องการให้ฉันบอกว่าฉันเห็นอะไรนี่คะซิสซี่!”
เฮเลนเถียง “ฉันอยู่กับคุณในห้องพยากรณ์นั่นทุกครั้ง คุณก็จะถามทุกวันว่าฉันเห็นอะไร
แล้วจะไม่ให้ฉันบอกคุณงั้นเหรอคะนาร์ซิสซา ถ้าคุณไม่ได้คำตอบไปบอกโวลเดอมอร์
คุณก็รู้นี่คะว่าคุณจะโดนอะไรบ้าง!”
“เงียบนะ!”
นาร์ซิสซาตวาด “เธอกล้าดียังไงเอ่ยชื่อของท่าน
ฉันจะเป็นยังไงมันก็เรื่องของฉันพอตเตอร์ ทำหน้าที่ของเธอให้ดีที่สุดก็พอ!”
เฮเลนเงียบเสียงลงไปทันที
ดวงตากลมเสไปมองทางอื่น นกยูงประจำบ้านมัลฟอยเดินอย่างองอาจอยู่ในสวน
มันแผ่หางสวยงามราวกับว่าเป็นราชาผู้ยิ่งใหญ่ถึงแม้ความจริงจะไม่ใช่อย่างนั้นก็ตาม
“ใจเย็นๆ
นาร์ซิสซา” สเนปพูด “ผมรู้ว่าคุณเป็นห่วงลูกชาย แต่ตั้งแต่ต้น
เขาก็เป็นคนเลือกเองทั้งหมด”
นาร์ซิสซาไม่ตอบ
เธอลุกขึ้นยืน
“ใครจะไปเข้าใจ”
เธอพูด “ใครจะไปเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่อย่างฉันล่ะ!”
นาร์ซิสซาเดินออกไปอย่างรวดเร็วจนเฮเลนไม่ทันได้เอ่ยรั้ง
เธอทำได้แค่กระชับหนังสือเล่มเก่าๆ ในมือเอาไว้แน่น
“ฉันหมดธุระแล้ว”
สนเปบอก “ขอตัว”
เขาลุกขึ้นยืนและเดินออกไปยังประตูรั้วคฤหาสน์และหายตัวไป
ทิ้งให้เฮเลนนั่งอยู่ท่ามกลางสายลมเย็นเฉียบที่สามารถกัดกร่อนเนื้อเข้าไปสร้างความเจ็บปวดในกระดูกได้
ร่างบางค่อยๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ช้าๆ
เสียงกรีดร้องโหยหวนของสายลมทำให้เฮเลนรู้สึกปวดร้าวอยู่ในใจ
เธอกลับเข้ามานอนบนฟูกเตียงหนาในห้องนอนของเดรโกอีกครั้ง
ดวงตากลมกวาดมองหนังสือในมือด้วยความรู้สึกหดหู่ ถ้าเกิดว่าเธอไม่ได้เกิดมามีความสารถในการณ์พยากรณ์
เดรโกหรือแฮร์รี่ก็คงไม่จำเป็นต้องเดือดร้อนเพราะป่านนี้เธอคงตายไปนานแล้ว
โวลเดอมอร์ไม่ปล่อยให้ผู้ที่ถูกทำนายว่าจะกลายเป็นผู้ล้มล้างตัวเขาได้มีชีวิตอยู่ต่อได้นานนักหรอก
มือเล็กกางหนังสือออกช้าๆ
ดวงตาไล่อ่านตัวอักษรที่เขียนเอาไว้ในนั้นช้าๆ และพยายามทำความเข้าใจมันให้มากที่กว่าหนังสือเล่มไหนๆ
ที่ศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์เคยเอามาให้ ในครั้งนี้มันจะต้องมีความสำคัญอะไรอย่างแน่นอน
ไม่ว่าจะมีสักหมื่นแสนล้านตัวอักษร เธอก็จะต้องทำความเข้าใจมันให้ได้
หนังสือวิชาการพยากรณ์ขั้นสูง
การพยากรณ์ศาสตร์นั้นมีความเป็นมายาวนานมาตั้งแต่สมัยอดีตกาล
ส่วนใหญ่แล้วผู้ที่สามารถพยากรณ์ได้แม่นยำนั้นมักจะมีเชื้อสายของเลือดผู้พยากรณ์จากบรรพบุรุษ
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ดวงตาพยากรณ์นั้นก็มิอาจเรียกใช้ได้ทุกครั้งตราบที่เราต้องการยกเว้นเสียว่าความสามารถของท่านนั้นจะสูงเหนือความธรรมดาของเหล่าเชื้อสาย
การพยากรณ์นั้นมีหลายรูปแบบด้วยกัน
วิธีแรกคือวิธีที่ง่ายที่สุดและแม่นยำน้อยที่สุดนั่นก็คือการอ่านใบชา
จากผลที่พบนั้นการอ่านใบชาเป็นสิ่งที่นักพยากรณ์ศาสตร์ส่วนใหญ่ให้ความเป็นว่าเป็นการพยากรณ์ที่แม่นยำน้อยที่สุดเท่าที่มีมา
เนื่องจากใบชาที่ตกตะกอนอยู่ก้นแก้วนั้นจะสามารถเปลี่ยนรูปร่างได้เสมอเพียงแค่มีการขยับแก้วเล็กน้อย
นั่นทำให้การมองรูปลักษณ์ของมันผิดเพี้ยนและทำให้การพยากรณ์คลาดเคลื่อน
วิธีที่
2 คือการพยากรณ์ด้วยไพ่ทาโร่ ศาสตร์การดูไพ่ทาโร่นั้นก็ไม่ได้แม่นยำปากกว่าการมองดูเศษใบชาจากก้นถ้วยเลย
การเลือกไพ่มาสักหนึ่งใบนั้นต้องใช้ความรู้สึกและสัมผัสทั้งเจ็ดในร่างกายรวมไปถึงสมาธิที่แน่วแน่มันคง
จดจ่ออยู่กับสิ่งที่ต้องการจะรู้เพียงเท่านั้น
นอกจากนั้นการทำนายด้วยไพ่ทาโร่ยังไม่ได้บอกถึงเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งอย่างชัดเจน
ไม่ว่าจะเกิดเรื่องดีหรือเรื่องร้ายอะไรขึ้นก็ไม่สามารถบอกได้ว่าจะเกิดอะไร
วิธีที่
3 ดาราพยากรณ์ เป็นการทำนายโดย อาศัยความหมายเฉพาะตัวของดวงดาว 12 ดวง
จากนั้นจึงเริ่มกระจายตำแหน่งของดาว ทั้งหมดลงเรือนชะตา ที่ได้จากอักขระ 8 ตัว
เพื่อทำนายชะตาตลอดอายุขัย นอกจากเซ็นทอร์แล้วการพยากรณ์โดยใช้วิชาการดาราศาสตร์เข้ามาเกี่ยวโยงด้วยนั้น
เหล่าผู้วิเศษเห็นว่าไม่เหมาะสมที่จะเชื่อถือตำแหน่งของดวงดาวที่สามารถเคลื่อนตัวไปได้ตลอดเวลาทุกวินาที
ดังนั้นดาราพยากรณ์จึงเป็นอีกศาสตร์การพยากรณ์ที่ค่อนข้างขาดความแม่นยำ
วิธีที่
4 การทำนายจากลูกแก้วพยากรณ์ ลูกแก้วลูกใหญ่ที่เรามักจะเห็นกันเมื่อพ่อมดแม่มดออกไปทำอาชีพหมอดูในโลกมักเกิ้ล
พวกเขานั้นจะมีลูกแก้วพยากรณ์ลูกใหญ่เข้าช่วยในการทำงานนั้นด้วย
การทำนายชะตาของผู้อื่นโดยใช้ลูกแก้วนั้นเป็นการทำนายที่ซับซ้อนและไม่สามารถระบุเวลาชัดเจนได้
ลูกแก้วจะแสดงผลสิ่งที่ต้องการจะเห็นแต่ก็ไม่สามารถเห็นได้ถ้าหากจิตใจมิได้คิดถึงสิ่งที่ปรารถนาอย่างแท้จริง
การทำนายชะตาให้ผู้อื่นโดยใช้ลูกแก้วนั้นจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างมีความแม่นทีเดียวถ้าหากว่าผู้พยากรณ์นั้นมีจิตที่มั่นคงมากพอ
วิธีที่
5 การดูลายมือ รูปหน้า และกระดูกสัมผัส เป็นการสัมผัสกัน ระหว่างแพทย์แผนจีน
เรียกรวมๆ ว่า การดูลักษณะทางกายภาพ ทำนายเรื่องสุขภาพ ความฉลาด
และนิสัยของเจ้าชะตา
ยิ่งไปกว่านั้นการทำนายลายมือของช่วงอายุและโรคความเจ็บป่วยนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อใดได้อีกด้วย
เนื่องจากว่าการพยากรณ์ในศาสตร์นี้นั้นเป็นสิ่งที่ผู้พยากรณ์จะต้องสัมผัสโดยตรงกับผู้ถูกทำนายจึงทำให้การพยากรณ์นั้นแม่นยำกว่าศาสตร์อื่นๆ
วิธีที่
6 ศาสตร์แห่งดวงดาว นอกจากราศีเกิดแล้ว ยังอิงดาว 10 ดวง ในระบบสุริยจักรวาลคือ
ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดาวพุธ ดาวศุกร์ ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส
ดาวเนปจูน และดาวพลูโต เพื่อทำนายพื้นฐานดวงชะตาตั้งแต่เกิด
วิธีที่
7 ศาสตร์แห่งการทำนายความฝัน
ความฝันของเหล่าพ่อมดแม่มดนั้นยากที่จะเกิดขึ้นถ้าหากไม่ได้จดจ่ออยู่กับสิ่งนั้นอย่างจริงจัง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่มีดวงตาแห่งการพยากรณ์แล้วนั้นการฝันจึงเป็นเรื่องที่น่าพิศวงที่สุดในหมู่การทำนาย
ถ้าหากผู้พยากรณ์ต้องการมองเห็นอนาคตของสิ่งที่ท่านตามหา เพียงแค่จดจ่ออยู่กับสิ่งนั้นและมั่นคงเพียงแค่สิ่งที่ท่านต้องการอยากจะรู้
เพียงเท่านั้นท่านก็เห็นในสิ่งที่ท่านต้องการ
“ความฝัน?”
เฮเลนทวนคำ “แค่คิดจะมองเห็นจริงๆ งั้นเหรอ”
หญิงสาวกวาดตาอ่านเนื้อหาของหนังสือต่อไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งเวลาผ่านไปยาวนานก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมีอะไรดีๆ
อยู่ภายในหรือแอบซ่อนเอาไว้ในหนังสือเล่มหนานี้เลยแม้แต่เสี้ยวเดียวของประโยค เฮเลนโยนหนังสือลงไปบนพื้นพรมและหลับตาลงอย่างอ่อนล้า
ไม่มีอะไรในหนังสือวิชาการพยากรณ์ขั้นสูงนี้เลยแม้แต่เรื่องเดียว
ไม่มีอะไรพิเศษไปมากกว่าเนื้อหาอย่างเดิมๆ ที่ศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์เคยเอามาให้
จะมีอยู่ก็แค่อย่างเดียวที่เธอสะดุดตาเข้าตอนที่อ่าน นั่นก็คือการทำนายความฝันที่ต่างไปจากเดิม
ก่อนหน้านี้การทำนายความฝันที่เฮเลนเคยอ่านมาคือการทำนายจากความฝันที่พวกเขาเคยฝันถึงก่อนแล้วจึงนำความฝันนั้นมาตีความให้ออกมาเป็นคำพยากรณ์ที่สามารถบอกถึงอนาคตที่จะเกิดขึ้นได้
แต่เฮเลนไม่เคยเลยที่จะต้องคิดถึงเรื่องที่ต้องการรู้ก่อนเข้านอนเพื่อให้ตัวเองฝันถึงสิ่งที่ต้องการรู้
ทุกๆ คืนเธอจะเอาแต่ลืมเรื่องวุ่นวาย
ลืมเรื่องแฮร์รี่หรือลืมปัญหาทุกอย่างและเข้านอนก่อนที่ตอนเช้าจะตื่นขึ้นมาเพื่อเผชิญปัญหาใหม่อีกครั้ง
แต่ครั้งนี้มันจะเป็นครั้งแรกที่เธอจะลองทำตามหนังสือเล่มนี้
“มันไม่มีวิธีอื่นแล้วงั้นสินะ”
เฮเลนถอนหายใจ “นี่เรามาสุดทางแล้วหรือว่าเรามองไม่เห็นทางให้ไปต่อแล้วกันแน่ถึงได้ยอมทำตามหนังสือที่เพิ่งอ่านแบบนี้”
หญิงสาวพึมพำ
ร่างกายหนักอึ้งไปหมดเมื่อลองคิดถึงสายตาของนาร์ซิสซา คงไม่มีใครรักและเป็นห่วงเดรโกไปมากกว่านาร์ซิสซาอีกแล้ว
แม้แต่เธอเองเธอก็ยังคิดว่าความรักของเธอนั้นยังไม่มากพอเหมือกับนาร์ซิสซา
ดังนั้นบางทีเธอก็ควรจะเริ่มสักที อย่างที่เคยบอกเอาไว้ เริ่มทำ ไม่ใช่เริ่มคิด
ฉันต้องการรู้เรื่องของแฮร์รี่
พอตเตอร์ ฉันอยากรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน
แฮร์รี่
พอตเตอร์จะยังปลอดภัยหรือเปล่า แฮร์รี่ พอตเตอร์... แฮร์รี่ พอตเตอร์
ข่มตาเพียงไม่กี่นาทีร่างบางก็จมลึกเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว
“นี่แกขัดคำสั่งฉันรึไง”
เสียงตะคอกของชายร่างใหญ่คนหนึ่งลอยมาเข้าหู ภาพสีเทาจางๆ ปรากฏขึ้น “อยากโดนสั่งตรวจสาแหรกตระกูลเหมือนเดิร์ก
เครสเวลล์หรือไง”
“ขอโทษครับ!”
พ่อมดหัวล้านอ้าปากค้างและถอยจหนีเจ้าของเสียง “ผมไม่ได้ตั้งใจเลยอัลเบิร์ต แต่ผมคิดว่า...
ผมคิดว่าพวกนี้ถูกสอบสวน แล้ว...”
“เลือดของพวกเขาบริสุทธิ์”
อัลเบิร์ตพูดเสียงทุ้มต่ำดังก้องทั่วห้องโถงกว้างที่เมื่อสังเกตดีๆ
แล้วนั่นก็คือห้องโถงในกระทรวงเวทมนตร์นั่นเอง “บริสุทธิ์กว่าพวกแกหลายคนเชียวล่ะ
ฉันจะบอกให้ เอ้า! ไปกันได้แล้ว”
เขาคำรามไล่พวกกลุ่มพ่อมดแม่มดที่เดินตามเขามาด้วยท่าทางกล้าๆ
กลัวๆ ให้พวกเขาวิ่งไปทางเตาผิงและเริ่มหายตัวออกไป
พ่อมดในกระทรวงที่ดูคุ้นหน้าคุ้นตาบางคนก็ยืนเฉยๆ บางคนก็ดูสับสนและมึนงงอย่างรุนแรง
“ปิดผนึกทางออก!
ปิดเดี๋ยวนี้!”
ผู้เสพความตายที่เฮเลนจำได้ว่าเขาชื่อแยกซ์ลีย์พุ่งออกมาจากลิฟต์
วิ่งตรงมายังกลุ่มคนที่ยืนอยู่ข้างเตาผิง
ตอนนี้พวกพ่อมดและแม่มดที่อัลเบิร์ตไล่ไปหายตัวไปหมดแล้ว เหลืออยู่แค่สี่คนเท่านั้น
พ่อมดศีรษะล้านคนหนึ่งใกล้ๆ ยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาแต่นั่นก็ไม่ทันหมัดของอัลเบิร์ต
เขาถูกต่อยลอยไปในอากาศ
“หมอนี่ช่วยลูกมักเกิ้ลหนีไป
แยกซ์ลีย์!” อัลเบิร์ตตะโกน
เพื่อร่วมงานของพ่อมดแม่มดในบริเวณใกล้เคียงส่งเสียงตะโกนกันยกใหญ่
สองในสี่คนวิ่งเข้าไปในเตาผิงแล้วหายตัวไป แยกซ์ลีย์มีท่าทางสับสน
มองอัลเบิร์ตกับพ่อมดที่ถูกต่อยคว่ำสลับกันไปมา
ระหว่างนั้นพ่อมดอีกคนหนึ่งก็ตะโกนเสียงหลง
“เมียฉัน!
ใครอยู่กับเมียฉัน! เกิดอะไรขึ้น”
แยกซ์ลีย์เหมือนจะเข้าใจทุกอย่าง
อัลเบิร์ตคว้าแขนแม่มดอีกคนหนึ่งกระโจนเข้าไปในเตาผิงด้วยกันในขณะที่คำสาปแล่นฉิวผ่านหัวเขาไป
พวกเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งที่ห้องส้วม
อัลเบิร์ตผลักประตูออกและพบกับพ่อมดคนแรกที่เข้ามากับแม่มดอีกคน
แต่ก่อนจะได้ทำอะไรไปมากกว่าแค่การพูดคุย
อัลเบิร์ตก็คว้าแขนเขาและพาหายตัวไปอีกรอบ
แสงสีเทาหมุนวนกระจุกกันเป็นก้อนมองไม่ชัดเจน
อะไรก็ตามที่ปรากฏขึ้นเหมือนจะเป็นเพียงกลุ่มก้อนอะไรบางอย่างเท่านั้น
ทุกสิ่งทุกอย่างดำมืดไปหมดจนเหมือนกับจมอยู่ในแอ่งน้ำลึก
ชั่วครู่
ร่างของคนสามคนนอนอยู่บนกองใบไม้แห้งก็ปรากฏขึ้น หนึ่งในนั้นเหมือนจะรู้สึกตัวแล้ว
อัลเบิร์ตเป็นคนแรกที่ยันตัวลุกขึ้นมา ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปจากเดิมจากที่เห็นตอนแรก
เขาคลานไปหาเพื่อนพ่อมดอีกคนที่พาตัวมาพร้อมๆ
กับแม่มดที่รูปร่างเปลี่ยนไปเช่นกัน
“เขาเป็นอะไรเฮอร์ไมโอนี่”
“ค้างครึ่ง”
เธอตอบ นิ้วมือคลำวุ่นอยู่ที่แขนเสื้อของร่างที่นอนอยู่บนพื้น เลือดชุ่มโชกไปครึ่งตัว
“ในกระเป๋าฉัน แฮร์รี่ ค้นให้ที มันจะมีขวดเล็กๆ ที่เขียนว่าหัวน้ำมันดิตทานี”
แฮร์รี่วิ่งพรวดไปตรงจุดที่กะเป๋าของเฮอร์ไมโอนี่ตกอยู่
เขาคว้ามันขึ้นมาแล้วล้วงเข้าไปขข้างใน ดูท่าจะหาไม่เจอจนต้องใช้คาถาเรียกมันออกมา
เขาโยนไปให้เฮอร์ไมโอนี่
“เขาสลบไปแล้ว”
เธอพูด ใบหน้ากลับมาเป็นสาวผมฟูที่คุ้นหน้าคุ้นตา “เปิดจุกให้ฉันทีแฮร์รี่
มันเป็นสิ่งสุดท้ายที่ฉันคิดได้แล้วตอนนี้ มีคาถาที่รักษาได้เหมือนกัน
แต่ฉันไม่กล้าลอง เขาเสียเลือดไปมากแล้ว”
“รอนบาดเจ็บได้ยังไงกัน”
แฮร์รี่ส่ายหน้า “ฉันหมายถึง ทำไมเรามาอยู่ที่นี่ ทำไมเราถึง—“
“เรากลับไปที่นั่นไม่ได้แล้ว
แยกซ์ลีย์รู้แล้วว่าเราอยู่ที่นั่น ดังนั้นตอนนี้เราจะต้องหนี” เฮอร์ไมโอนี่บอก “ฝากดูรอนด้วย
ฉันจะไปร่ายคาถา”
“แล้วเราอยู่ที่ไหนกันเฮอร์ไมโอนี่”
แฮร์รี่ถาม “ถ้าเราไม่ได้กลับไปที่กริมโมลด์เพลซ”
“ตอนนี้เราอยู่ที่...”
มือเย็นเฉียบที่สัมผัสมาถูกเนื้อทำให้เฮเลนสะดุ้งเฮือกขึ้นมาในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่กำลังจะตอบแฮร์รี่ว่าพวกเขานั้นอยู่ที่ไหนกัน
ดวงตากลมลืมขึ้นมาช้าๆ และพบว่าครีเชอร์นั่นเองที่ปรากฏตัวขึ้นและทำให้เธอตื่นขึ้นมา
เฮเลนมองเจ้าของมือเย็นเฉียบนั้นด้วยความสงสัย
“ครีเชอร์”
เธอพูด “ไหนบอกว่าจะมาจนกว่าฉันจะเรียกไง”
“มีใครบางคนปรากฏตัวที่บ้านเราขอรับ”
เอล์ฟพูด เสียงกัดพันกรอดดังขึ้นมาถี่ๆ “สัตว์สกปรกที่นายท่านแฮร์รี่รังเกียจกำลังเข้ามาในบ้านของเรา
ครีเชอร์อยู่ที่นั่นไม่ได้ขอรับ นายท่านแฮร์รี่สั่งเอาไว้ว่าถ้ามีอะไรผิดปกติให้มาหานายหญิงเฮเลนทันที”
“แยกซ์ลีย์”
เฮเลนพึมพำ “แย่ล่ะสิ”
ถ้าหากว่าแยกซ์ลีย์เข้าไปในบ้านกริมโมลด์เพลซได้นั่นก็หมายความว่าอีกไม่นานเขาต้องมายกโขยงผู้เสพความตายไปค้นที่นั่นอย่างแน่นอน
โชคดีที่แฮร์รี่รอบคอบสั่งให้ครีเชอร์มาหาเธอทันทีที่มีอะไรผิดปกติและพวกเขาต้องมั่นใจแล้วแน่ๆ
ว่าแฮร์รี่หนีไปได้ ดังนั้นเดรโกที่ถูกส่งไปเฝ้ากระทรวงก็จะทำภารกิจผิดพลาดและมีสิทธิ์ถูกทำโทษอย่างแน่นอน
“ครีเชอร์
ช่วยอะไรฉันหน่อยสิ” เฮเลนบอก “ยังจำสัญญาได้ไหม ตั้งแต่นาทีหลังจากนี้ฉันจะให้เธอไปเป็นเอล์ฟของเดรโกยี่สิบสี่ชั่วโมง”
“ขอรับ”
ครีเชอร์มองหน้าเฮเลนอย่างงุนงง “หลังจากนาทีนี้เลยหรือขอรับ”
“ใช่”
เธอพยักหน้า “ดูแลเขาให้ปลอดภัยที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ ฟังคำสั่งเขา ไปได้”
เอล์ฟโค้งคำนับหนึ่งครั้งก่อนจะหายวับไป
ความเครียดแผ่เข้ามาอย่างเต็มพิกัด เฮเลนกัดริมฝีปากอย่างกังวลใจ สิ่งที่หนังสือนั่นพูดคือเรื่องจริงอย่างนั้นสินะ
แต่ถ้าหากว่าแฮร์รี่หนีไปได้แล้วความปลอดภัยของเดรโกก็อยู่ในระดับต่ำสุด
เขาต้องโดนลงโทษแน่
“ขอให้แยกซ์ลีย์พาเขาไปสำรวจกริมโมลด์เพลซพร้อมคนอื่นด้วยเถอะ”
เฮเลนพึมพำและเต็มไปด้วยความปรารถนาให้เดรโกปลอดภัยและลอร์ดโวลเดอมอร์ไม่โกรธเขาก็พอ
ติดตามตอนต่อไป...
ความคิดเห็น