คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #56 : บทที่ 8 : อาจารย์ใหญ่คนใหม่ฮอกวอตส์
บทที่ 8 : อาจารย์ใหญ่คนใหม่ฮอกวอตส์
“ว่างไงนะ”
แฮร์รี่พูดเสียงดังลั่นในระหว่างกำลังตักซุบหัวหอมเข้าปาก เขาเกือบพ่นมันออกมาแล้วถ้าไม่ติดว่ามันยังไม่เข้าไปในปากล่ะก็นะ “เฮเลนปลอดภัยกีงั้นเหรอ”
เอล์ฟตอบรับพลางก้มโค้งจนศีรษะแทบจรดพื้น
แฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่มองหน้ากันอย่างมีความหวัง หลังจากที่ครีเชอร์จับมันดังกัสได้และได้ล็อกเก็ตปลอมนั้นไปครอบครองดูเหมือนมันจะทำตัวดีขึ้นกว่าเดิมจนน่าตกใจ
นอกจากนั้นมันยังนำข่าวที่ไม่น่าเป็นไปได้มาให้พวกเขาอีกด้วย
“นายหญิงเฮเลนให้มาบอกพวกคุณว่าเธอสบายดีไม่ต้องเป็นห่วง”
ครีเชอร์พูด “เธอถามถึงเรื่องนายท่านแฮร์รี่มากมาย
แต่เธอสั่งครีเชอร์ว่าไม่ให้บอกเธอว่าพวกนายน้อยอยู่ที่ไหน”
“ทำไมเป็นงั้นล่ะ”
รอนว่า “ถ้าเขาถาม เขาก็จะรู้แล้วแท้ๆ ว่าเราอยู่ไหน จะได้มาเจอกันได้”
“มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นนะรอน”
เฮอร์ไมโอนี่บอกเสียงเข้ม “การที่เฮเลนไม่ยอมรับรู้เรื่องของเรานั่นหมายความว่าเธอกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการถูกจับได้
หรือเสี่ยงว่าโวลเดอมมอร์จะรู้ว่าแฮร์รี่อยู่ที่ไหน”
“เขากำลังปกป้องเรา”
แฮร์รี่พึมพำ “ใครอยู่กับเฮเลนตอนนั้น
แล้วบอกฉันได้ไหมครีเชอร์ว่าตอนนี่ยัยนั่นอยู่ไหน”
“ครีเชอร์ไม่รู้ขอรับ”
เอล์ฟตอบ “แต่นายท่านเดรโกอยู่กับเธอด้วย
เขามีท่าทางที่เหนื่อยล้าเสียจนครีเชอร์แปลกใจ”
ทั้งสามคนมองหน้ากันอีกครั้ง
“เราต้องทำอะไรสักอย่าง”
รอนพูด “เริ่มจากวางแผนไปเอาฮอร์ครักซ์ของจริงจากอัมบริดจ์มาให้ได้ก่อน”
“นี่เธอใช่รอนจริงๆ
หรือเปล่า” เฮอร์ไมโอนี่เลิกคิ้ว “แต่ก็ช่างเถอะ
ตอนนี้ฉันมีแผนสำหรับเรื่องนั้นแล้ว
แต่ว่าเราคงต้องใช้เวลาสักหน่อยเพื่อไม่ให้คนในกระทรวงจับเราได้ง่ายๆ”
แฮร์รี่เงียบ
ตั้งใจฟังว่าเฮอร์ไมโอนี่กำลังจะพูดอะไรต่อ
“เริ่มจากเราต้องจับตาดูคนที่ไปทำงานที่กระทรวงเวลาเดิมทุกวัน”
เธอบอก “แล้วก็ต้องเป็นคนที่เราต้องรู้ด้วยว่าเขาจะต้องเข้าไปในกระทรวงแน่ๆ
อีกอย่างหนึ่งก็คือตอนนี้เราไม่ได้รู้ข่าวสารอะไรเลยนอกจากหนังสือพิมพ์เดลี่พรอเฟ็ตเมื่อครั้งก่อนโน่นที่ศาสตราจารย์ลูปินเอามาให้
ดังนั้นถ้าเกิดว่าขโมยหนังสือพิมพ์มาได้ด้วยก็จะถือว่าดีเพราะเราจะได้ติดตามข่าวสารข้างนอกนั่นได้ด้วย”
“แล้วใครจะเป็นคนออกไป”
รอนถาม ยกน้ำขึ้นดื่มในขณะที่แฮร์รี่เองก็สงสัยเรื่องนี้เช่นกัน
“ผลัดเวรกันออกไป”
เฮอร์ไมโอนี่พูดท่าทางขึงขัง “เริ่มจากวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป
วันแรกให้ฉันเป็นคนไปก่อน”
“ไม่ได้หรอก”
รอนแย้งขึ้นทันใด “ต้องให้ฉันไปก่อนสิ เธอเป็นหนึ่งในรายชื่อลูกมักเกิ้ลที่พวกเขาต้องการตัวนะ”
“แต่เธอก็เป็นโรคจุดกระจายนอนอยู่ที่บ้านโพรงกระต่ายเหมือนกัน”
แฮร์รี่มองเพื่อนทั้งสองเถียงกันเรื่องนี้มาไม่ต่ำกว่าร้อยครั้งแล้วในสัปดาห์นี้
พวกเขามักจะดูเป็นห่วงเป็นใยกันอยู่เสมอนั่นทำให้แฮร์รี่คิดถึงจินนี่ขึ้นมาจับใจ
ถึงจะรู้ว่าเธอยังปลอดภัยดีแต่ก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้เลย
“พอเถอะ” แฮร์รี่ตัดบท “วันแรกให้ฉันออกไปเอง
เราจะใช้ผ้าคลุมล่องหนแล้วก็ไปหายตัวออกไปจากบ้านเพื่อไปยืนเฝ้าหน้าทางเข้ากระทรวง
เอาเท่าที่ไหวแล้วก็คอยสังเกตอย่างที่เฮอร์ไมโอนี่บอก ตกลงไหม”
รอนและเฮอร์ไมโอนี่ลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยอมพยักหน้าอย่างจำใจในขณะที่ครีเชอร์กำลังง่วนอยู่กับการตักซุปใส่เพิ่มในถ้วยที่ว่างเปล่าของรอน
ทั้งสามพูดคุยถึงเรื่องที่จะต้องทำในวันพรุ่งนี้กันอยู่นานจนกระทั่งเข้านอน
เช้าวันรุ่นขึ้นแฮร์รี่รีบตื่นขึ้นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง
เขารีบอาบน้ำและคว้าผ้าคลุมล่องหนออกมาจากในกระเป๋าลูกปัดดของเฮอร์ไมโอนีทันที
ระหว่างรอครีเชอร์ทำมื้อเช้าได้โอกาสพูดคุยกับรอนและเฮอร์ไมโอนี่นิดหน่อยก่อนจะออกมา
แฮร์รี่ยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้ากระทรวงเวทมนตร์อยู่นานพอสมควร
พ่อมดแม่มดมากหน้าหลายตาเดินผ่านร่างของเขาไปโดยไม่หันมอง ซึ่งเป็นที่น่าพอใจว่าแผนหนึ่งในสี่สำเร็จไปด้วยดี
เขาไม่พบนายวีสลีย์เลย
แฮร์รี่ค่อนข้างกังวลเล็กน้อยเมื่อไม่เจอคนที่อยากรู้ความเป็นไปมากที่สุดในกระทรวง
เวลาผ่านไปราวหกชั่วโมง
ช่วงเที่ยงของวันยังไม่มีผู้เสพความตายปรากฏตัวหน้ากระทรวงแต่อย่างใด
แฮร์รี่คิดว่าบางคนในกระทรวงอาจจะเป็นผู้เสพวามตายที่แฝงตัวอยู่ที่นั่นก็เป็นได้
เขาหายตัวกลับไปที่กริมโมลด์เพลซในช่วงบ่ายโมง
ผู้เสพความตายสวมเสื้อคลุมสีดำสองคนยืนเฝ้าอยู่หน้าบ้านเลขที่สิบเอ็ดและสิบสาม
แฮร์รี่คาดว่าโวลเดอมอร์คงส่งพวกเขามาเฝ้าที่นี่หลังจากที่โดโลฮอฟพลาดการจับพวกเขาไปในวันนั้น
“กลับมาแล้วเหรอแฮร์รี่”
รอนเอ่ยทักขึ้นเมื่อแฮร์รี่ผ่านกับดักที่แม้ด-อายสร้างเอาไว้แล้วเข้ามาถึงห้องครัว
“มีอะไรเกิดขึ้นบ้างไหม”
“ทุกอย่างปกติจนน่าตกใจ”
เขาตอบ มองเฮอร์ไมโอนี่ที่ขมวดคิ้วยุ่งกับตำราหลายเล่มตรงหน้า
“ฉันจะเริ่มเขียนเกี่ยวกับคนที่มาในวันนี้พร้อมเวลาเอาไว้
ช่วงสามวันแรกขอให้ฉันเป็นคนไปดูพวกเขาก่อนก็แล้วกัน พวกนายโอเครึเปล่า”
“ได้”
เฮอร์ไมโอนี่ตอบ แฮร์รี่เห็นครีเชอร์รีบร้อนนำถ้วยซุปและแก้วน้าให้เขา “ถ้าวันนี้เธอไม่พลาด
อีกสองสามวันก็คงไม่พลาด หลังจากนั้นเป็นตาฉันแล้วก็รอน”
“ฉันก่อนสิเฮอร์ไมโอนี่”
รอนพูดขึ้นทันที
“ก็ได้”
เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจ “เธอไปก่อนก็ได้ แล้วต่อจากนั้นก็ตาฉันนะ”
แฮร์รี่พยักหน้าและยื่นผ้าคลุมล่องหนให้กับครีเชอร์
พวกเขาไม่ได้พูดอะไรกันอีกและลงมือทานมื้อกลางวันกันอย่างเงียบๆ
โดยในสมองของแฮร์รี่มีแต่เรื่องที่จะต้องช่วยเฮเลนและเรื่องของจินนี่เต็มไปหมดจนเขาเองยังตกใจ
“ไปได้”
นาร์ซิสซาพูดเสียงราบเรียบ “วันนี้เราไม่มีอะไรจะถามเธออีกแล้ว”
เฮเลนพยักหน้า
ลุกขึ้นจากโต๊ะลูกแก้วในห้องที่มีวอลเปเปอร์สีดำทะมึนออกไปนอกห้อง
ช่วงนี้โวลเดอมอร์จัดการให้นาร์ซิสซาเข้ามาดูแลการพยากรณ์ของเธออยู่เป็นประจำโดยที่เขาไม่ได้มาปรากฏตัวที่คฤหาสน์มัลฟอยมาสักพักใหญ่ๆ
แล้วตั้งแต่เข้าเดือนสิงหาคม
คฤหาสน์มัลฟอยเต็มไปด้วยความเงียบ
เงียบเสียจนเฮเลนไม่รู้จะทำอะไรนอกจากนอนคิดเรื่องวิธีการหลบหนีออกไปจากที่นี่
มันยากเหลือเกินที่จะเดาว่ารอบๆ
คฤหาสน์ถูกเวทมนตร์ศาสตร์มืดอะไรร่ายเอาไว้บ้างเพื่อไม่ให้เธอหลบหนีไป
นอกจากนั้นตอนที่เธอถามนาร์ซิสซาเรื่องของโวลเดอมอร์
นอกจากนาร์ซิสซาจะไม่ตอบแล้วเธอยังมีสีหน้าไม่พอใจขึ้นาเสียอีกจนเฮเลนรู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับเหวลึกที่มองไม่เห็นก้นเหว
แท็คไม่ได้เข้ามาป้วนเปี้ยนใกล้เธอมาสักพักใหญ่แล้ว
ถึงจะรู้สึกดีขึ้นที่เขาไม่มายุ่งแต่มันก็ยังคงกังวลที่แท็คเองก็ถูกโวลเดอมอร์กำชับเด็ดขาดให้คอยเฝ้าระวังเธออย่างใกล้ชิดจนเฮเลนไม่เป็นอันทำอะไร
เพราะไม่ว่าจะไปที่ไหนเธอก็มักจะรู้สึกได้ถึงสายตาน่ากลัวกำลังจับจ้องมายังเธออยู่ตลอดเวลา
“ว่าไงลาเมีย”
เฮเลนเอ่ยทักทายฟินิกซ์สีเขียวทันทีที่มันโผบินเข้ามาหา
ลาเมียจะบินออกมาจากรังก็ต่อเมื่อเธอออกมานั่งที่สวนหน้าปราสาท
ตรงนี้มักจะเป็นที่ที่เธอมานั่งอยู่เป็นประจำเพราะมันทำให้เธอรู้สึกโล่วงใจอย่างบอกไม่ถูก
“เป็นห่วงเดรโกงั้นเหรอ”
เธอพูด มองหน้านกฟินิกซ์ที่มีทีท่าแปลกไป “เดี๋ยวเขาก็กลับมาแล้ว”
มันเอียงคอมาถูกใบหน้าของเธอเบาๆ
ลาเมียลงน้ำหนักบนไหล่ของเฮเลนจนเธอรู้สึกหน่วง
มือเล็กจับมันลงมานอนบนตักโดยที่ลาเมียยอมทำตามอย่างว่าง่าย
มันฟุบตัวลงบนตักของเธอและทำท่าออกอ้อนให้ลูบขนของมัน
เฮเลนไล่ปลายนิ้วไปบนขนนุ่มสีเขียวของมันอย่างแผ่วเบา
ดวงตากลมฅโตจ้องมองไปยังท้องฟ้าที่ปกคลุมไปด้วยก้อนเมฆสีดำหนาตาทั้งที่ยังเป็นช่วงบ่าย
ทิวทัศน์สวยๆ ที่เธอเคยเห็นในตอนที่อยู่ฮอกวอตส์เหมือนจะไม่ปรากฏให้เธอเห็นอีกเลยนับตั้งแต่มาอยู่ที่นี่
เดือนสิงหาคมผ่านไปไวเหมือนโกหก
ในที่สุดวันที่หนึ่งกันยายนก็มาถึง
เฮเลนตื่นเช้ากว่าทุกวันและออกมายืนอยู่ที่สวนหน้าคฤหาสน์
วันนี้นาร์ซิสซาต้องออกไปส่งแท็คขึ้นรถด่วนฮอกวอตส์
หน้าที่คอยดูแลเธอที่คฤหาสน์จึงตกไปเป็นของเดรโกที่ยังคงไม่ยอมตื่นนอนเพราะเหนื่อยล้าจากภารกิจเมื่อวาน
แผ่นหลังของนาร์ซิสซาหายไปจากหน้าคฤหาสน์พร้อมกับแท็คและหีบกับกรงกิ้งก่าของเขา
เฮเลนนึกถึงเฮนรี่ขึ้นมาจับใจ
ภาพที่เฮ็ดวิกดิ่งลงไปจากความสูงและภาพที่เฮนรี่กำลังถูกไม้กายสิทธิ์ของโวลเดอมอร์ชี้เข้าใส่ยังคงติดอยู่ในสมองไม่จางหาย
เธอคงไม่มีวันได้พบเจ้านกฮูกตัวน้อยของเธอได้อีกแล้ว
วันนี้เป็นวันที่ค่อนข้างแปลก
เฮเลนเห็นหนังสือพิมพ์เดลี่พรอเฟ็ตถูกวางเอาไว้ที่โต๊ะทานอาหาร
พาดหัวข่าวใหญ่เบ้อเริ่มถึงแปะเอาไว้ใต้รูปของใครบางคนที่เธอคุ้นหน้าเขาดี
ยืนยัน เซเวอร์รัส
สเนป เป็นอาจารย์ใหญ่ฮอกวอตส์
เซเวอร์รัส
สเนป
อาจารย์สอนวิชาปรุงยาที่โรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์มาหลายปี
ได้รับแต่งตั้งให้เป็นอาจารย์ใหญ่อย่างแท้จริงในวันนี้
การเปลี่ยนแปลงคณาจารย์ครั้งสำคัญยิ่งของโรงเรียนอันเก่าแก่แห่งนี้ หลังจากการลาออกของอาจารย์สอนวิชามักเกิ้ลศึกษาคนก่อน
อะเล็กโต แคร์โรว์จะรับตำแหน่งนี้ไปสอนแทน ในขณะที่พี่ชายของเธอ อะมีคัส แคร์โรว์
รับตำแหน่ฃอาจารยน์วิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดที่ยังว่างอยู่
ผมยินดีที่จะได้มีโอกาสรักษาประเพณีและค่านิยมอันดีงามของผู้วิเศษอย่างเราเอาไว้ให้อยู่สืบทอดกันสู่รุ่นลูกหลาน
ในฐานะอาจารย์ใหญ่คนใหม่ของโรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์
ผมสัญญาว่าจะต้องทำให้โรงเรียนแห่งนี้เต็มไปด้วยผู้วิเศษที่มี---
เฮเลนทนอ่านต่อไปไม่ไหว
เธอโยนหนังสือลงไปบนโต๊ะหินอ่อนในสวนอย่างหงุดหงิด
สเนปกำลังหมายถึงการทำฆาตกรรมหมู่เด็กๆ
ที่เกิดจากมักเกิ้ลหรือการตัดหูคนไปห้อยเล่นในห้องอาจารย์ใหญ่งั้นสินะ!
เฮเลนถอนหายใจแรงๆ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้และรอให้สายลมเย็นๆ พัดมาให้เธอใจเย็นลง
“มาอยู่ตรงนี้อีกแล้วนะ”
เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้น เดรโกเดินเข้ามานั่งลงข้างๆ เฮเลน “ฉันเองก็คิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน
มันแปลกพิลึกนะที่ตอนนี้เราไม่ได้อยู่บนรถไฟนั่น”
ในใจของเฮเลนนึกเห็นภาพรถจักรสีแดงที่กำลังจอดคอยท่าให้พวกนักเรียนลากหีบใบโตขึ้นไปบนนั้น
เธอแน่ใจว่าตอนนี้เนวิลล์ ลูน่า จินนี่และเพื่อนคนอื่นๆ คงนั่งอยู่ด้วยกันในตู้
ทุกคนคงกำลังสงสัยว่าทำไมไม่เจอพวกเธอหรืออาจโต้เถียงกันเรื่องที่จะใช้วิธีไหนต่อต้านการปกครองระบอบใหม่ของสเนป
“ใช่”
เฮเลนตอบ “ฉันยังจำวันที่นายบุกจู่โจมฉันได้แม่นเลย”
“อย่าเอาเรื่องจริงมาล้อเล่นสิ”
เดรโกพูดพลางยกมือขึ้นมายีผมเธอเบาๆ “คิดว่าตอนนี้สามคนนั้นทำอะไรอยู่”
“ไม่รู้สิ”
เธอตอบ “บางทีอาจจะกำลังหาวิธีไปตามหาล็อกเก็ตที่แท้จริงของสลิธีรินอยู่ก็ได้มั้ง”
“จะว่าไป”
เดรโกพึมพำทำท่านึก “ฉันได้ยินแต่แม่พูดถึงเรื่องอัมบริดจ์ได้สร้อยเส้นใหม่มาตอนออกไปตรวจตรา
เห็นแม่บ่นว่ายัยป้านั่นเดินอวดไปทั่วกระทรวงเลยเชียวล่ะ”
“สร้อย?”
เฮเลนทวนคำ “น่าสนใจนะ บางทีอับริดจ์อาจจะได้สร้อยของสลิธีรินมาจากมันดังกัสก็ได้”
“ถ้ามันง่ายขนาดนั้นก็ดีสิ”
เขาว่า “เราจะได้ไม่ต้องไปหาไกล แค่แอบไปกระทรวงก็ได้แล้ว”
“เข้าไปข้างในกันเถอะ”
เฮเลนลุกขึ้นจากเก้าอี้ เอื้อมมือไปหยิบพรอเฟ็ตมาถือ “เผื่อว่าจะคิดอะไรออก”
“ขนาดอยู่ข้างนอกปลอดโปร่งขนาดนี้ยังคิดไม่ออก”
เดรโกพูดน้ำเสียงถอดใจ “เข้าไปข้างในจะนึกออกได้ยังไง”
เฮเลนยักไหล่เบาๆ
ก่อนจะเดินนำหน้าเขาเข้าไปข้างในคฤหาสน์
ในหัวพยายามทบทวนสิ่งที่ครีเชอร์เคยพูดเอาไว้ นายท่านพอตเตอร์ให้สร้อยของนายน้อยเรกูลัสกับครีเชอร์
งั้นเหรอ เรกูลัส? ถ้าให้เดาคงจะเป็นคนสำคัญสำหรับครีเชอร์
ดูเหมือนว่าจะเคยได้ยินชื่อนี้จากปากของศาสตราจารย์ซลักฮอร์นด้วยสินะ
ถ้าทบทวนให้ดีแล้วบางทีเขาอาจจะเป็นหนึ่งในคนของตระกูลแบล็กที่ครีเชอร์นับถือมากก็เป็นได้
ถ้าเกิดว่าครีเชอร์เรียกเรกูลัสว่านายน้อยนั่นหมายถึงบางทีเรกูลัสอาจจะเป็นพี่น้องของซีเรียส
แต่ว่าทำไมครีเชอร์ถึงได้บอกว่าฮอร์ครักซ์ปลอมของโวลเดอมอร์นั่นคือของเรกูลัสล่ะ
ปัญหาหลายข้อผุดขึ้นมาทำให้เฮเลนขมวดคิ้วยุ่งในขณะที่เดินผ่านห้องครัวเข้าไป
ท๊อฟฟี่เอล์ฟประจำบ้านของแท็คยืนหลบอยู่ตรงมุมห้องท่าทางหวาดกลัว
“ท๊อฟฟี่”
เฮเลนหยุดเดิน หันไปมองหน้ามัน “ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”
เอล์ฟตัวสั่น
มันหันรีหันขวางราวกับกำลังสำรวจรอบกายว่ามีใครอยู่แถวนั้นหรือเปล่า
ซึ่งเฮเลนได้ส่ายหน้าเป็นเชิงบอกมันว่าไม่มีใครสามารถทำร้ายมันได้ในเวลานี้
ท๊อฟฟี่เดินออกมาจากมุมนั้นพร้อมกับเดรโกที่เดินมายืนอยู่ข้างๆ เธอพอดิบพอดี
ในหัวของเฮเลนเต็มไปด้วยคำถามมากมายเกี่ยวกับเอล์ฟประจำบ้านที่จำเป็นต้องถามให้ได้ก่อนที่จะเรียกครีเชอร์มา
“ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”
เฮเลนบอก “ไม่ต้องกลัวนะ ตอนนี้แท็คไม่อยู่ที่นี่”
“มะ
มีอะไรจะถามท๊อฟฟี่เหรอขอรับ” เอล์ฟพูดเสียงสั่นเครือ “ท๊อฟ
ท๊อฟฟี่ถูกสั่งห้ามไม่ให้บอกอะไรหลายอย่างกับคุณ
เขาไม่รู้ว่าคุณกำลังจะหนีไปจากที่นี่ตอนไหน”
“ฉันมีไม่กี่คำถามจะถาม”
เธอตอบ “แล้วฉันก็คิดว่ามันไม่สำคัญมากขนาดนั้นหรอก”
“ไม่ใช่เรื่องที่จะหนีใช่ไหมขอรับ”
“ไม่ใช่”
เฮเลนส่ายหน้า “ฉันอยากจะถามเรื่องของครีเชอร์ เธอพอจะรู้เรื่องของเขาบ้างรึเปล่า”
“นี่เธอจะถามเกี่ยวกับเอล์ฟของตัวเองเนี่ยนะ”
เดรโกเลิกคิ้ว “ทำไมไม่เรียกมันมาถามเลยจะได้จบ”
เฮเลนหันไปมองหน้าเดรโกเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไร
ตอนนี้เธอต้องการคำตอบจากท๊อฟฟี่มากกว่า
“แท็คห้ามเธอตอบเรื่องนี้กับฉันไหม”
เฮเลนถามย้ำ “ตอบฉันได้ไหมท๊อฟฟี่”
เอล์ฟมีทีท่าลังเลเล็กน้อย
แต่ก็ยอมปริปากพูดออกมา
“ครีเชอร์เป็นเอล์ฟประจำบ้านของตระกูลแบล็กขอรับ”
มันบอก “ตระกูลแบล็กส่วนใหญ่นั้นล้วนเป็นผู้เสพความตายทั้งหมด
จะยกเว้นก็เพียงแต่ซีเรียส แบล็กเท่านั้นขอรับ
ท๊อฟฟี่ได้รู้จักกับครีเชอร์ก็เมื่อตอนที่จอมมารบอกว่าต้องการเอล์ฟประจำบ้านสักตัวเพื่อทดลองบางสิ่งบางอย่างขอรับ
วันนั้นท่านเรกูลัสก็พาครีเชอร์มาแล้วจอมมารก็พาเขาหายไป”
“หายไป?”
เฮเลนทวน “หายไปไหน”
“ท๊อฟฟี่ก็ไม่ทราบขอรับ”
เอล์ฟส่ายหน้าเบาๆ “แต่หลังจากวันนั้นท่านเรกูลัสก็แปลกไป
ครีเชอร์เล่าให้ท๊อฟฟี่ฟังเรื่องน้ำยาประหลาดในถ้ำนั้นขอรับ
แล้วหลังจากนั้นมาท๊อฟฟี่ก็ไม่เคยเห็นท่านเรกูลัสอีกเลย”
“เรกูลัส
แบล็กใช่ไหม” เฮเลนถาม เอล์ฟพยักหน้าเบาๆ
ดวงตาโตเหมือนลูกเทนนิสมองไปรอบตัวอย่างหวาดระแวง
เฮเลนขอบคุณท๊อฟฟี่ก่อนจะดึงแขนเดรโกให้เดินขึ้นไปยังห้องนอนของเขาเพื่อคุยเกี่ยวกับเรื่องของเรกูลัสให้กระจ่าง
มีหลายอย่างที่เริ่มปะติดปะต่อเข้าหากันและถ้าหากเรียกครีเชอร์มาในตอนนี้คงจะไม่น่ามีปัญหา
เธอคิดว่าตอนนี้แฮร์รี่น่าจะยังเก็บตัวอยู่ที่กริมโมลด์เพลซกับรอนและเฮอร์ไมโอนี่
ประตูห้องถูกปิดและลงคาถาป้องกันเอาไว้ดังเช่นทุกครั้ง
เฮเลนรู้สึกว่าบางทีคาถาป้องกันพวกนั้นอาจจะมีความจำเป็นน้อยลงเพราะแท็คไม่ได้อยู่ที่คฤหาสน์แล้ว
“สร้อยที่อยู่ที่คอครีเชอร์”
เฮเลนเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อเข้ามาในห้อง “เป็นสร้อยเส้นเดียวกันกับที่เราไปเอามันมาพร้อมดัมเบิลดอร์”
“ตามที่ครีเชอร์บอก
มันเป็นของปลอมใช่ไหม” เดรโกพูด “แล้วนอกจากนั้นพวกแฮร์รี่ก็กำลังตามหามันอยู่
แล้วทำไมเธอถึงให้ความสำคัญกับครีเชอร์ด้วยล่ะ
ทั้งที่มันไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกับล็อกเก็ตนั่นเลย”
เฮเลนทิ้งตัวลงนั่งบนฟูกเตียง
เงยหน้าขึ้นมองเดรโกด้วยสายตาที่มากไปไปด้วยความหมาย
“ครีเชอร์เป็นเอล์ฟประจำบ้านตระกูลแบล็ก
และอย่างน้อยฉันก็ต้องรู้ให้แน่ใจก่อนว่าเรกูลัส แบล็กนั่นเป็นผู้เสพความตายจริงๆ”
เฮเลนตอบ “ฉันมั่นใจแล้วว่าการที่ครีเชอร์บอกว่าล็อกเก็ตที่มันสวมอยู่เป็นของปลอมนั่นหมายความว่าคนที่สลับเปลี่ยนเอาล็อกเก็ตของจริงไปก็คือเรกูลัส
แบล็ก”
“งั้นแสดงว่ามันก็ต้องอยู่ที่กริมโมลด์เพลซใช่ไหมล่ะ”
เดรโกออกความเห็น
“ไม่ใช่”
เฮเลนส่ายหน้า “เมื่อครั้งก่อนฉัน แฮร์รี่
เฮอร์ไมโอนี่กับรอนไปเจอมันดังกัสที่ฮอกส์มี้ด
พวกเราได้รู้ว่าเขาเข้าไปขโมยของมีค่าในกริมโมลด์เพลซออกไปขายแล้วฉันก็คิดว่าล็อกเก็ตนั่นก็คงจะเป็นหนึ่งในนั้นแน่ถ้าหากเรกูลัสเก็บมันเอาไว้ที่นั่น”
“งั้นที่เราพูดกันตอนแรกก็ถูกน่ะสิ”
เดรโกเดินเข้ามานั่งลงข้างๆ เฮเลนบนฟูกเตียงหนา “หมายความว่ามันดังกัสขโมยมันออกไปขายแล้วอัมบริดจ์ก็เป็นคนซื้อมันไปจากเขา!”
“มันก็มีความเป็นไปได้”
เฮเลนว่า “แต่ว่าคนอย่างอัมบริดจ์จะโง่พอที่จะยอมเสียเงินซื้อของจากหัวขโมยกิ๊กก๊อกอย่างมันดังกัสจริงๆ
น่ะเหรอ”
“หรือไม่บางทีอาจจะไม่ได้ซื้อ”
เขาพูด “แต่บางทีอาจจะใช้อำนาจเพื่อเอามันไปก็ได้
มันเป็นไปได้ทั้งนั้นไม่ใช่เหรอเฮเลน”
หญิงสาวเงียบเสียงไปพลางใช้ความคิด
มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เริ่มประติดประต่อเข้าหากันมากขึ้นเรื่อยๆ
เรกูลัสเคยเป็นผู้เสพความตายแล้วทำไมเขาถึงได้ทรยศต่อโวลเดอมอร์กันนะ
แต่ถึงอย่างนั้นการที่เขาสลับเอาฮอร์ครักซ์ของจริงไปนั่นทำให้สิ่งที่พวกเขาออกไปสู้มาพร้อมกับดัมเบิลดอร์นั้นสูญเปล่าและทำให้เรื่องราวนั้นยากขึ้น
อีกอย่างในตอนนี้บางทีแฮร์รี่อาจจะรู้จากปากมันดังกัสแล้วก็ได้ว่าใครเป็นคนซื้อล็อกเก็ตนั้นไป
เฮเลนกวาดตามองไปรอบห้องอย่างใช้ความคิด
นอกจากเรื่องของเรกูลัสแล้วยังมีอีกหลายอย่างที่เธอไม่เข้าใจ
โวลเดอมอร์กำลังตามหาอะไรอยู่กันแน่เขาถึงไม่ค่อยอยู่ทรมานเธอเหมือนทุกครั้งมาร่วมเดือน
สิ่งที่ยมทูตมอบให้กับสามพี่น้องในนิทานบีเดิลยอดกวีนั้นมีจริงงั้นเหรอ?
หรือว่าที่จริงแล้วโวลเดอมอร์กำลังตามหาสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงตั้งแต่แรกแล้ว...
ในขณะนั้นเองเหมือนกับว่าใช้ความคิดมากจนเกินไปความรู้สึกปวดแปลบก็แล่นเข้ามาในสมองอย่างฉับพลัน
เฮเลนรู้ได้ทันทีเลยว่าตัวเธอนั้นกำลังจะถูกเชื่อมเข้ากับจิตของโวลเดอมอร์
ร่างบางเอนตัวไปหาเดรโกในทันที สองมือเล็กๆ จับเสื้อสีดำของเขาเอาไว้แน่น
กัดริมฝีปากด้วยความเจ็บปวดที่ร้าวเข้าไปถึงกระดูก
ร่างของเธอเดินเลื่อนไหลไปตามถนนท่ามกลางแสงสนทยา
อาคารสองข้างทางมีหน้าจั่วไม้ทรงสูง มองดูเหมือนบ้านขนมปังขิงในนิทาน
เธอก้าวเข้าไปยังบ้านหลังหนึ่งซึ่งรู้ดีว่านั่นคือจุดหมายปลายทาง
มือเรียวยาวสีขาวซีดวางทาบบนบานประตูก่อนจะลงแรงเคาะมัน ความรู้สึกตื่นเต้นแทรกเข้ามาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ประตูบานนั้นเปิดออก
มีผู้หญิงร่างผอมบางเรือนผมสีน้ำตาลเข้มหยักศกยืนอยู่ตรงนั้น
กำลังหัวเราะชอบใจกับเรื่องอะไรสักอย่าง สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันทีที่เห็นเฮเลน
อารมณืขันหายไปจากใบหน้าและถูกแทนที่ด้วยความหวาดกลัวดังเช่นทุกคนที่ได้เผชิญหน้า
“เกรโกโรวิตช์อยู่ไหม”
เสียงสูงแสนเย็นชาพูดขึ้น
เธอสั่นศีรษะและพยายามดันบานประตูปิดแต่มือเรียวสีขาวจับประตูไว้มั่นไม่ให้เธอปิดกั้นเขาได้
รวมไปถึงงูใหญ่ที่เลื้อยเข้ามาแยกเขี้ยวขู่ฟ่ออยู่ข้างๆ นั้นยังสร้างความตระหนกให้แก่หล่อนมากขึ้นไปอีก
“ฉันต้องการเกรโกโรวิตช์”
เจ้าของมือพูดอีกครั้ง
“แอร์โวนท์เฮียร์นิคท์เมียร์”
เธอร้องลั่น สั่นหัวไปมาอย่างบ้าคลั่ง “เขาไม่อยู่ที่นี่!
เขาไม่อยู่! ฉันไม่รู้จักเขา!”
เธอเลิกพยายามปิดประตูและก้าวถอยหลังกลับเข้าไปในโถงทางเดินอันมืดมิดของบ้านนั้นแทน
เจ้าของร่างเดินตามเข้าไป เลื่อนไหลไปหาเธออย่างว่องไว มือที่มีนิ้วยาวชักไม้กายสิทธิ์ของตนออกมา
“เขาอยู่ที่ไหน!”
“ดาสไวส์อิคนิคท์”
เธอร้อง “เขาย้ายไป! ฉันไม่รู้! ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น!!”
มือเรียวยาวยกไม้กายสิทธิ์ขึ้น
เธอส้งเสียงกรีดร้องบาดแก้วหู มีเด็กสองคนอายุราวๆ
แปดเก้าปีวิ่งออกมาที่โถงทางเดิน ร่างนั้นกางแขนออกเพื่อบังพวกเขาเอาไว้แต่แล้วยลำแสงสีเขียวก็สว่างวาบขึ้นมา
ร่างไร้วิญญาณของทั้งสามนอนกองรวมกันอยู่ที่โถงทางเดินนั้นอย่างน่าสมเพช
เจ้าของร่างพร้อมกับงูใหญ่ถอยออกมาจากตรงนั้นและกวาดตามองหาเป้าหมายถัดไปที่จะต้องไปตามหา
ความรู้สึกหงุดหงิดใจแทรกเข้ามาเล็กน้อยเมื่อช่างยากเย็นเสียเหลือเกินที่จะต้องตามหาเบาะแสของคนที่ต้องการตัว
ร่างของเขาหายวับไปจากตรงนั้นและปรากฏขึ้นอีกที่หนึ่งซึ่งไม่คุ้นตา...
“เฮเลน!”
เสียงของเดรโกทำให้หญิงสาวหลุดออกจากภวังค์
เฮเลนลืมตาขึ้นและพบว่าตัวเองนอนอยู่บนฟูกหนาโดยมีเดรโกนั่งอยู่ข้างๆ
ในสภาพตื่นตกใจ เธอมีเหงื่อท่วมตัวและดูเหมือนคนป่วยที่นอนเป็นผักอยู่บนที่นอน
“เธอตะโกนเสียงดังมากเลยนะ”
เขาพูด “แผลเป็นเธอเจ็บใช่ไหม”
“ใช่”
เฮเลนพยักหน้าทั้งที่ยังไม่ลุกขึ้นมานั่ง “ฉันเห็นโวลเดอมอร์ฆ่าผู้หญิงคนหนึ่ง
ไม่สิ เขาฆ่าทั้งครอบครัวไปแล้ว ทั้งที่ความจริงนั่นไม่จำเป็นเลย
มันก็คงเหมือนเจ้าหน้าที่ในกระทรวงตอนนั้นหรือเหมือนสคริมเจอร์
แค่เพราะว่าพวกเขาอยู่ตรงนั้นก็เลยถูกฆ่า”
“การเชื่อมโยงนี่มันอันตรายมากนะ”
เดรโกพูด สีหน้าเป็นกังวล “โวลเดอมอร์อาจจะใช้มันได้
เธอเห็นเขาฆ่าคนจะมีประโยชน์อะไร ฉันจะสอนให้เธอสกัดใจ”
“ไม่
เดรโก ไม่ต้อง” เฮเลนยกมือขึ้นห้ามเขา ร่างบางยันตัวให้ลุกขึ้นนั่ง “อย่างน้อยๆ
มันก็ทำให้ฉันรู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ ถึงฉันจะเกลียดมันมากก็ตาม
แต่เชื่อเถอะเดรโก ตอนนี้มันมีประโยชน์กับเรามาก”
“ยังไงล่ะเฮเลน”
ชายหนุ่มตรงหน้าถามเสียงเครียด ดวงตามองมายังเธอด้วยสายตาเป็นกังวลเหมือนทุกครั้ง “นอกจากที่เธอเห็นเขาฆ่าสคริมเจอร์หรือคนอื่นๆ
ดัมเบิลดอร์อาจจะไม่...”
“ดัมเบิลดอร์”
เฮเลนทวนคำน้ำเสียงเยาะๆ “ลืมเขาซะเถอะ นี่มันทางเลือกของฉัน
ดัมเบิลดอร์ไม่เคยสอนให้ฉันสกัดใจ เขาคงรู้ว่าจะต้องเกิดเรื่องนี้ขึ้นมา
แล้วตอนนี้ฉันก็คิดว่าเขาเชื่อเรื่องบีเดิลยอดกวีนั่นแบบจริงจังมาก”
“ทำไม”
เดรโกเลิกคิ้ว มองร่างบางที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ
“เขากำลังตามหาเกรโกโรวิตช์”
เฮเลนตอบ “ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ทำไมโวลเดอมอร์ต้องตามหาเขา”
เดรโกนิ่งไปชั่วครู่ราวกับกำลังใช้ความคิด
เฮเลนจึงดันตัวเองให้กลับไปนั่งตรงขอบเตียงข้างเขาที่เดิม
“เกรโกโรวิตช์เป็นช่างทำไม้กายสิทธิ์ของนักเรียนเดิร์มสแตรงก์”
เดรโกพูด “แม่เคยจะส่งฉันไปเรียนที่นั่นฉันก็เลยรู้เรื่องนี้
แล้วทำไมเธอถึงคิดว่าเขาตามหาเกรโกโรวิตช์ไปเพราะเรื่องของบีเดิลยอดกวีล่ะ”
“เพราะบางทีเกรโกโรวิตช์อาจจะรู้”
เฮเลนตอบพลางปาดเหงื่อออกจากใบหน้า “ว่าไม้กายสิทธิ์ในตำนานนั่นมีอยู่จริงหรือเปล่า
แล้วบางทีเกรโกโรวิตช์อาจจะอธิบายเรื่องของไม้กายสิทธิ์ที่พังไปของเขาได้เพราะฉันคิดว่าโอลลิแวนเดอร์คงให้คำตอบเรื่องนั้นกับเขาไม่ได้”
เดรโกไม่พูดอะไรต่อ
เฮเลนคิดว่าบางทีเขาคงกำลังคิดถึงเรื่องนิทานบีเดิลยอดกวีอยู่ในสมอง
ส่วนเฮเลนก็ได้แต่คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเกรโกโรวิตช์ที่กำลังหลบหนีเมื่อโวลเดอมอร์กำลังตามล่าเขาจนแทบพลิกแผ่นดิน
เธอไม่อาจบอกได้ว่าโวลเดอมอร์จะเจอตัวเขาหรือไม่หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างนั้น
แต่เธอก็ควรจะต้องตั้งสติถ้าหากนาร์ซิสซาตั้งคำถามเรื่องนี้กับเธอในวันรุ่งขึ้น
“เอาเป็นว่า”
เดรโกพูดขึ้นหลังจากปล่อยให้เวลาผ่านไปเพียงชั่วครู่ “เราพักเรื่องของโวลเดอมอร์เอาไว้ก่อน
แล้วก็เรียกครีเชอร์มาถามเรื่องของแฮร์รี่นะ”
“นั่นสินะ”
ร่างบางตอบรับ สะบัดหน้าไปมาเล็กน้อย “ครีเชอร์”
มีเสียง เปรี้ยง
ดังสนั่นก่อนที่ร่างของเอล์ฟประจำบ้านที่คุ้นตาจะปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของทั้งสองคน
เฮเลนรู้สึกว่ายอดเยี่ยมมากที่มันสามารถหายตัวเข้าออกจากคฤหาสน์ได้โดยที่ไม่ถูกเวทมนตร์ศาสตร์มืดที่โวลเดอมอร์ร่ายเอาไว้ทำร้ายเอา
ต้องขอบคุณความรู้เรื่องนี้จากเฮอร์ไมโอนี่
มันทำให้เธอรู้ว่าควรปฏิบัติตัวยังไงกับครีเชอร์
“นายหญิงเรียกครีเชอร์หรือขอรับ”
เอล์ฟพูดพลางก้มโค้ง “มีอะไรให้ผมรับใช้ขอรับ”
“แฮร์รี่เป็นไงบ้าง”
เฮเลนเอ่ยถามขึ้นทันที “ตอนนี้พวกเขายังสบายดีไหม”
“แน่นอนขอรับ”
ครีเชอร์พูดพลางเงยหน้าขึ้นมองทั้งสอง “นายท่านแฮร์รี่และเพื่อนๆ ยังสบายดีขอรับ
ดูเหมือนว่าวันพรุ่งนี้พวกเขาจะออกไปที่กระทรวงเวทมนตร์กันตั้งแต่เช้า”
“กระทรวง?”
เดรโกทวน “หมายถึงพวกนั้นจะออกไปหาอัมบริดจ์งั้นเหรอ
นี่พวกนั้นรู้แน่ชัดแล้วใช่ไหมว่าล็อกเก็ตของจริงอยู่กับอัมบริดจ์”
“ใช่แล้วขอรับนายท่านมัลฟอย
เจ้าหัวขโมยหัวเหม็นที่ชื่อมันดังกัสบอกกับพวกเราว่ามันถูกแย่งไปโดยแม่มดแก่หน้าตาอัปลักษณ์ที่ทำงานในกระทรวงเวทมนตร์ขอรับ”
ทั้งสองหันไปมองหน้ากันชั่วครู่
เป็นที่แน่ใจแล้วว่าล็อกเก็ตของสลิธีรินนั้นอยู่ที่โดโรเรส อัมบริดจ์จริงๆ
แถมพวกแฮร์รี่ก็กำลังจะเอาตัวเข้าไปเสี่ยงเพื่อแย่งมันมาเสียด้วย พวกเขาที่อยู่ทางนี้เองก็ควรจะทำอะไรบ้างแล้วไม่ใช่ปล่อยให้โวลเดอมอร์ร่ายคำสาปกรีดแทงใส่เล่นๆ
หรือทำตัวให้ผู้เสพความตายหัวเราะเยาะไปวันๆ หนึ่ง
“ที่จริงแล้วพวกเขาเถียงกันเล็กน้อยเรื่องที่จะให้ใครไปที่กระทรวง
แต่เหมือนทั้งสามจะเข้าไปด้วยกันในวังพรุ่งนี้เช้าขอรับนายหญิง” ครีเชอร์พูด “พวกเขาดูเป็นห่วงคุณมาก
แล้วพวกเขายังบอกให้ครีเชอร์คอยไปๆ มาๆ ที่นี่กับที่หลบซ่อนด้วยขอรับ”
“แฮร์รี่บอกอย่างนั้นเหรอ”
เฮเลนถาม “แล้วคุณมาตลอดจริงๆ ไหมเนี่ย”
“กระผมจะมาก็ต่อเมื่อนายหญิงเรียกหาขอรับ”
เอล์ฟจ้องมองใบหน้าของเฮเลน
“ขอบใจนะครีเชอร์”
เฮเลนบอก “อย่างน้อยตอนนี้ฉันก็รู้แล้วว่าแฮร์รี่กำลังจะทำอะไร
เขาคงรู้เรื่องของเกรโกโรวิตช์แล้วใช่ไหม เรื่องที่โวลเดอมอร์กำลังจะทำอะไรด้วย”
“ครีเชอร์ไม่ทราบขอรับ”
เอล์ฟหลุบตาลงต่ำ ท่าทางเหมือนกำลังรู้สึกเสียใจ “นายท่านแฮร์รี่ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับครีเชอร์
แต่นายท่านบอกว่าพรุ่งนี้น่าจะกลับมาทันมื้อเย็น”
“งั้นเหรอ”
เฮเลนบอก “ขอบใจนะครีเชอร์ คุณกลับไปหาแฮร์รี่ได้แล้วล่ะ
บอกเขาด้วยว่าฉันยังปลอดภัยดีที่นี่”
“ขอรับ”
เอล์ฟตอบรับและหายวับไปจากตรงนั้น
เฮเลนหันไปมองเดรโกด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหมาย
ทั้งสองคนจะต้องวางแผนอย่างจริงจังแล้วว่าจะหนีออกไปจากที่นี่ได้ยังไง
นอกจากนั้นเฮเลนเองก็คงจะต้องเริ่มสานสัมพันธ์กับนาร์ซิสซาให้ดีกว่าเดิม
ไม่อย่างนั้นทุกอย่างคงยากขึ้นแน่ โชคดีที่แท็คต้องกลับไปฮอกวอตส์
ไม่อย่างนั้นเขาคงจ้องจะคอยขัดขวางอย่างแน่นอน
เริ่มจากวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป
ภารกิจสำคัญจะต้องทำเสียที
ติดตามตอนต่อไป...
ความคิดเห็น