ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfic Harry Potter] [OCxDM] If Harry Potter has a sister!

    ลำดับตอนที่ #52 : บทที่ 4 : ความชะล่าใจ

    • อัปเดตล่าสุด 26 ต.ค. 64


    บทที่ 4 : ความชะล่าใจ


    ในที่สุดเวลาก็ผ่านไปแบบไร้ค่า สามวันที่ผ่านมาเฮเลนได้แค่นั่งจ้องลูกแก้วพยากรณ์ในห้องเงียบๆ โดยปราศจากเงาของโวลเดอมอร์ เขาสั่งให้เธอคอยใช้ตาพยากรณ์ของเธอเพื่อดูว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหรือไม่ เฮเลนไม่อาจตอบเขาได้มากนัก พักหลังมานี้สิ่งที่เธอเห็นเริ่มแปลกไปเรื่อยๆ มันรวดเร็วแต่กลับแม่นยำ ภาพไม่ชัดเจนแต่กลับเป็นเรื่องจริง บางครั้งก็เกิดภาพขึ้นในหัวขณะกำลังฝัน มันชัดยิ่งกว่าที่ศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์เคยบอกเสียอีก

    ในตอนนี้เฮเลนกำลังนั่งอยู่บนฟูกเตียงหนาในห้องนอนเหมือนกับทุกวัน สมองพยายามเรียบเรียงความฝันที่เมื่อคืนตัวเองได้เห็นมันขึ้นมา ภาพของแฮร์รี่กำลังหนี หนีอะไรสักอย่างไปพร้อมกับรอนและเฮอร์ไมโอนี่ ดูเหมือนว่าพวกเขาค้นพบอะไรบางอย่างแล้วพยายามที่จะทำลายมัน แถมทำลายสำเร็จเสียด้วย เฮเลนหวังว่ามันคงจะเป็นฮอร์ครักซ์สักชิ้นและมันคงจะสามารถทำให้โวลเดอมอร์อ่อนแรงลงได้

    วันนี้เป็นวันเกิดของเธอแล้ว เดรโกยังไม่เคยได้รับการเว้นว่างจากภารกิจ เทอมนี้เขาตัดสินใจจะไม่กลับไปที่  ฮอกวอตส์ถ้าหากว่าโวลเดอมอร์ไม่ยอมให้เธอกลับไปด้วย และนั่นก็กลายเป็นเหตุผลที่โวลเดอมอร์ใช้เขาทำภารกิจมากมายจนแทบไม่มีเวลาได้อยู่ด้วยกัน ใบหน้าของเดรโกเมื่อกลับมาถึงห้องมักจะเต็มไปด้วยความสับสนและเหนื่อยล้าราวกับว่าเขาต้องฝืนทำอะไรก็ตามที่เขาไม่เต็มใจ เฮเลนทำได้เพียงรับฟังและกอดเขาเอาไว้เท่านั้น

    นาร์ซิสซา ในตอนนี้เธอยังไม่ยอมแม้แต่มองหน้าเฮเลนด้วยซ้ำ เฮเลนคิดว่าเธอยังฝังใจว่าเฮเลนเป็นต้นเหตุให้ลูเซียสต้องตายและถ้าหากเดรโกอยู่ใกล้ๆ กับเฮเลนมากๆ เขาอาจจะตายตามลูเซียสไปอีกคนก็ได้ นั่นคงจะเป็นเหตุผลของนาร์ซิสซาที่คอยสนับสนุนให้เดรโกออกไปทำภารกิจภายนอกคฤหาสน์และกีดกันให้เขาออกห่างจากเฮเลนให้มากที่สุด

    ดวงตากลมโตสีเขียวมรกตมองสำรวจร่างกายที่ตอนนี้บาดแผลทั้งหลายเลือนหายไปจนหมดแล้ว แขนข้างที่เคยหักก็ถูกดูแลอย่างดีจนกลับเป็นปกติก่อนจะเหลือบไปมองนาฬิกาเรือนใหญ่ที่ถูกแขวนเอาไว้บนผนัง จวนจะหมดเวลาช่วงมื้อค่ำของโวลเดอมอร์แล้ว เขาคงจะหงุดหงิดที่วันนี้เฮเลนไม่ยอมลงไปทานอาหารแต่คงไม่มากเท่าการที่ไมได้รับคำพยากรณ์ความฝันเมื่อคืนนี้หรอกถ้าเกิดว่าเขารู้ว่าเธอฝันว่าอะไร

    สิบนาทีต่อมาเสียงเคาะประตูเบาๆ ก็ดังขึ้น หญิงสาวลุกขึ้นยืนและหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาเคาะเบาๆ ที่กลอนประตูก่อนที่จะเปิดมันออกต้อนรับคนที่จะเข้ามาในห้อง ใบหน้าขาวซีดดูเหนื่อยล้ามากกว่าทุกวัน ดวงตาสีซีดหรี่ลงอย่างอ่อนล้า ใต้ตาดำคล้ำเหมือนไม่ได้นอนมาสักเดือนหรือสองเดือน เรือนผมสีบลอนด์ซีดดูยุ่งเหยิงไม่มีระเบียบต่างจากตอนออกไปจากห้องโดยสิ้นเชิง

    มือเรียวเล็กเลื่อนไปประคองร่างของเขาอย่างรวดเร็วเมื่อเขาทำท่าจะทรุดเพราะโหมงานหนัก เฮเลนพาเดรโกไปนั่งลงบนเตียงนอนก่อนจะรีบหันกลับไปปิดประตูลงคาถาให้เรียบร้อย ดวงตากลมจ้องมองไปยังร่างสูงที่นั่งประสานมือเอาไว้ตรงหน้าของตน ดูเหมือนคงจะมีเรื่องเข้ามากวนใจเขาอีกแล้ว มันคงจะเป็นเรื่องคนตายหรือใครบางคนถูกคำสาปเหมือนกับทุกวันแน่นอน เฮเลนไม่รู้จะเอาคำพูดอะไรมาปลอบใจเขาอีกแล้วในวินาทีนี้เนื่องจากเธอไม่อยากคิดว่าคนพวกนั้นจะต้องรู้สึกยังไงก่อนที่พวกเขาจะตายหรือเดรโกจะทรมานแค่ไหนเมื่อต้องเป็นผู้รับรู้มัน

    "เดรโก" เฮเลนเอ่ยขึ้นแหวกความเงียบที่ถูกปล่อยให้เข้าปกคลุมอยู่พักใหญ่ "เหนื่อยรึเปล่า"

    ร่างที่นั่งก้มหน้าก้มตาอยู่บนฟูกหนานั้นเงยขึ้นมองเฮเลนก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาเล็กน้อย เขาส่ายหน้า และยังคงไม่ตอบอะไรออกมา เฮเลนเดินเข้าไปนั่งลงข้างๆ เดรโกช้าๆ เธอเลื่อนมือไปกุมมือที่ประสานกันของเขาเอาไว้เบาๆ พลางมองใบหน้าซีดเซียวนั้นด้วยสายตาเป็นห่วง

    "พวกท่านวางแผนจะบุกเข้ากระทรวงอีกไม่กี่วันนี้" เดรโกพูดเสียงแหบแห้ง "เขาเชื่อคำพยากรณ์ของเธอเฮเลน -- จอมมารตัดสินใจให้พวกเขาเข้าบุกกระทรวงโดยตรงเนื่องจากการยึดกระทรวงตามแผนที่วางเอาไว้ครั้งแรกคงจะทำให้สคริมเจอร์ตายเสียก่อนที่ท่านจะได้ข้อมูล"

    "ท่านเหรอ -- " เฮเลนพึมพำ มีอะไรผิดแปลกไปอย่างไม่คาดคิด "แล้วเขาจะบุกไปวันไหน"

    "วันที่ 1 สิงหาคม" เขาพูด "พรุ่งนี้"

    "งั้นนายก็คงจะไปด้วยใช่ไหม" เฮเลนว่า "เขาขาดนายในการทำภารกิจไม่ได้หรอก จริงไหม"

    "ไม่รู้สิ" เดรโกส่ายหน้า "ฉันไม่รู้หรอกว่าจอมมารอยากจะพาฉันไปด้วยหรือเปล่า ไม่รู้เลยว่าถ้าท่านพาฉันไปด้วยแล้วใครจะคอยดูแลเธอตอนอยู่ที่คฤหาสน์"

    "ฉันคิดว่ามีนั่นล่ะ" เฮเลนตอบ เลื่อนมือไปสัมผัสใบหน้าของเขาเบาๆ ดวงตากลมโตมองเข้าไปในดวงตาสีฟ้าซีดที่มีประกายความรู้สึกประหลาดฉายออกมา มันเศร้าและเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก "มีอยู่แล้วล่ะ ถ้านายไปกับเขา อย่างน้อยเขาคงไม่ให้โอลลิแวนเดอร์มาดูแลฉันแทนหรอก"

    "เธอนี่ตลกนะ" เขายกยิ้มมุมปาก "ฉันคิดว่าเขาคงจะให้แท็คดูแลเธอแทน"

    "งั้นเหรอ" เฮเลนพึมพำ เธอเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าของเขามากขึ้น จนสัมผัสได้ถึงไออุ่นของลมหายใจของกันและกัน "บางทีอาจจะเป็นคนอื่นก็ได้นะ"

    "ใครเหรอ" คนตรงหน้าแสยะยิ้ม เลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้เธอมากขึ้น "ฉันไม่คิดว่าจะมีใครเหมาะสมไปมากกว่านั้นอีกแล้วนะ ใครจะสามารถปกป้องเธอได้เทียบเท่ากับฉันล่ะ ไม่มีหรอก"

    "แน่นอนว่ามันมีอยู่แล้ว" มือเล็กเลื่อนไปโอบรอบคอของเขา "มีอีกคนหนึ่งที่บางทีนายอาจจะคิดไม่ถึงก็ได้"

    ชายหนุ่มตรงหน้าเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้เฮเลนมากขึ้นเรื่อยๆ จนริมฝีปากของทั้งสองเกือบจะสัมผัสกัน ปลายจมูกของเธอและเขาชนกันเบาๆ พร้อมกับดวงตาทั้งสองคู่ที่สอดประสานกันอย่างเสน่หา แต่ทว่ามันคงจะต้องหยุดอยู่เพียงแค่นั้นเมื่อหญิงสาวเปลี่ยนจากการโอบรอบคอมาดันหน้าอกเขาออกไปอย่างแรงในขณะที่คนตรงหน้ากำลังจะเลื่อนมือมาโอบรอบตัวของเธอ

    "เป็นอะไรไป!" เดรโกพูดท่าทางหัวเสีย

    "ขอโทษนะ" เฮเลนบอก "ฉันคงจูบนายไม่ได้หรอก ฉันไม่อาจจูบกับคนอื่นนอกจากเดรโกได้"

    "หมายความว่าไง" เขาขมวดคิ้ว "ฉันไม่ใช่เดรโกหรือไง"

    "การแสดงของนายสมควรได้รับรางวัลเลยนะแท็ค" เฮเลนพูดเสียงเย็นพลางยันตัวลุกขึ้นจากเตียงใหญ่ "แต่รู้ไหมว่าทุกการแสดงนั้นมีจุดที่พลาดได้เสมอ"

    ใบหน้าที่เคยซีดเซียวฉีกยิ้มกว้างออกมาทันที ดวงตาสีซีดเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ เขาเสยผมสีบลอนด์ยุ่งเหยิงให้เข้าที่เข้าทางและนั่งหัวเราะอยู่บนเตียงอย่างบ้าคลั่งด้วยใบหน้าของเดรโก เฮเลนคิดว่าเขาคงแอบฝึกปรุงน้ำยาสรรพรสในห้องของตัวเองที่อยู่ในคฤหาสน์ ร่างบางเดินถอยหลังห่างออกมาจากเขาในทันที

    "แหม" เขาพูด "เหมือนคุณจะเก่งจริงๆ อย่างที่เขาลือกันในโรงเรียนสินะ ผมไม่ยักจะเคยรู้เลยว่าคุณรู้ได้แม้กระทั่งคนที่ดื่มน้ำยาสรรพรสเข้าไปเพื่อปลอมตัวเป็นคนอื่น"

    "นายคิดว่าเดรโกเป็นคนอื่นหรือยังไง" เฮเลนบอก "นายคิดว่าฉันจะไม่รู้ว่าการพูดของเขาเป็นยังไงงั้นเหรอแท็ค นายคิดว่าฉันจะไม่สังเกตเลยเหรอว่าทำไมเขาถึงไม่เปิดประตูเข้ามาทั้งที่ก่อนออกไปเขาเป็นคนลงคาถาเอาไว้ที่ประตูเอง"

    "โห" เขาลากเสียง แท็คทำให้ใบหน้าของเดรโกดูน่ารังเกียจได้อย่างไม่น่าเชื่อ "แล้วทำไมคุณถึงยังปล่อยให้ผมเข้ามาในนี้อีกล่ะ หรือบางทีคุณอาจจะไม่ได้รู้ตั้งแต่แรกว่าผมไม่ใช่เขา"

    ถึงไม่อยากจะยอมรับแต่ว่ามันก็เป็นเรื่องจริงที่ตอนแรกเธอไม่รู้เลยว่าเดรโกที่ปรากฏตัวขึ้นนั้นไม่ใช่เดรโกตัวจริงเพราะมัวแต่คิดเรื่องความฝันที่มีแฮร์รี่อยู่ในนั้น แถมยังไม่อยากรับรู้อะไรเรื่องภารกิจที่เขาทำเสียอีกมันก็เลยทำให้เธอไม่ทันคิดเรื่องคาถาที่เดรโกเป็นคนลงเอาไว้ เฮเลนเม้มริมฝีปากพลางมองใบหน้าที่เริ่มเปลี่ยนกลับไปเป็นรูปเดิมและเรือนผมสีบลอนด์ซีดเริ่มเข้มขึ้นจนกลายเป็นสีดำ

    "บางทีคนที่ถูกเลือกก็ไม่ได้รู้ไปเสียหมดทุกเรื่องสินะครับ" แท็คแสยะยิ้ม ตวัดดวงตาสีเข้มขึ้นมามองหน้าเธอ "คุณไม่น่ากลายมาเป็นคนที่ต้องลบล้างท่านไปเลยนะครับเฮเลน ผมเองก็ไม่ควรจะมาอยู่ที่นี่ด้วยถ้าวันนั้นคุณไม่ไปที่นั่น"

    "นายหมายความว่ายังไง" เฮเลนถาม "ไปที่ไหน ตอนไหนกัน!"

    แท็คไม่ตอบ เขายันตัวลุกขึ้นจากเตียงและเดินตรงรี่เข้ามาหาเธอ เฮเลนไม่รอช้าที่จะก้าวถอยหลังออกมาอย่างรวดเร็วโดยลืมไปว่าต่อให้ถอยห่างออกไปก็ไม่ได้หมายความว่าจะหลุดพ้นจากรัศมีของมือทั้งสองข้างของเขา เธอถอยจนแผ่นหลังสัมผัสเข้ากับผนังเย็นเฉียบ แท็คเท้าแขนทั้งสองข้างเอาไว้กับกำแพงเพื่อกันไม่ให้หญิงสาวหนีออกไปไหนได้ ดวงตากลมเหลือบมองไปยังประตูห้องที่อยู่ห่างไปแค่คืบเดียวและหวังว่าเดรโกคงกลับมาทันก่อนที่จะเกิดอะไรขึ้นมา

    "คุณหวังว่าเขาจะมาโผล่ที่นี่ ตอนนี้หรือไง" แท็คกระซิบเสียงเย็น "ไม่มีวันหรอกครับ คุณมัลฟอยถูกส่งไปทำภารกิจที่เขายากจะจัดการให้สำเร็จได้ภายในคืนเดียว ดังนั้นเขาไม่กลับมาหรอกครับ"

    "หมายความว่าไง!" เฮเลนถามเสียงแหลมสูง เมื่อเช้าเดรโกไม่ได้บอกอะไรเธอเอาไว้เลยสักคำว่าจะไม่กลับมา

    "หมายความว่าเขาไม่กลับมาคืนนี้ไง" แท็คแสยะยิ้ม "คุณพลาดแล้วที่ปล่อยให้ผมเข้ามาที่นี่"

    ใบหน้าเรียวใสฉกลงมาอย่างรวดเร็ว มือเรียวรวบข้อมือเล็กตรึงติดไว้บนกำแพงอย่างรวดเร็วจนไม้กายสิทธิ์ที่อยู่ในมือร่วงลงไปนอนอยู่บนพื้นห้อง ริมฝีปากหยักสวยขบเม้มต้นคอขาวอย่างแรง ทิ้งร่องรอยไว้ทุกที่ที่เคลื่อนผ่านอย่างกลั่นแกล้ง แท็คนึกอยากเห็นสีหน้าเดรโกยามเห็นร่องรอยเหล่านี้นัก เจ้าของเรือนร่างบางพยายามขยับกายต่อต้านแต่เรี่ยวแรงที่มีอยู่น้อยนิดไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย

    "ปล่อยฉัน!" เฮเลนร้อง "ถ้านายไม่อยากให้โวลเดอมอร์รู้ว่านายกำลังจะทำอะไร"

    "แน่นอนว่าอยากให้รู้" เขาตอบ ใบหน้ายังคงไม่ละไปจากผิวขาวเนียนละเอียดและกลิ่นกายหอมหวาน "คุณกล้าพูดชื่อพ่อผม หมายความคุณก็คงไม่กลัวหรอกถ้าท่านรู้ว่าคุณมีความสัมพันธ์กับผม เพราะต่อให้ท่านรู้ คนที่จะโดนลงโทษก็คงไม่ใช่ผม -- จริงไหมครับ"

    "ถ้าฉันโวยวาย ยังไงเขาก็ต้องรู้ว่านายจะทำอะไร" เฮเลนยิ้มเยาะ พยายามสะบัดตัวไปมา "แล้วแบบนี้คิดว่าโวลเดอมอร์จะลงโทษฉันงั้นเหรอ!"

    "แน่นอนครับ" แท็คตอบพลางเงยหน้าขึ้นจากซอกคอขาวหลังจากฝากรอยช้ำเป็นจ้ำแดงๆ เอาไว้เต็มไปหมด "ระหว่างลูกชายคนเดียวที่สืบเชื้อสายสลิธีรินกับคนที่เขาจะต้องฆ่าอยู่แล้วสักวันหนึ่ง คิดว่าเขาจะเลือกอะไรล่ะครับ"

    เฮเลนขบริมฝีปากล่างจนห้อเลือด ความรู้สึกขยะแขยงแล่นเข้ามาจนรู้สึกอยากจะใช้สายตาฆ่าคนตรงหน้าให้ตายไปซะ  ในหัวพยายามคิดหาทางหนีให้รอดจากเงื้อมือชั่วร้ายของลูกชายโวลเดอมอร์ที่ยังคงแสยะยิ้มเยือกเย็นไม่ยอมแม้กระทั่งจะถอยออกไปเพื่อสู้กันอย่างยุติธรรม แท็คกำลังจะมอบของขวัญวันเกิดที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตให้กับเธอ

    คิดสิเฮเลน! คิดให้ออกว่าจะทำยังไง ในสมองของเธอเต็มไปด้วยประโยคนี้เมื่อแท็ครวบร่างของเธอขึ้นมาและพยายามพาไปที่เตียง ทั้งมือและเท้าไม่ยอมหยุดนิ่ง เฮเลนทั้งตบตีจิกและข่วงร่างของเขาไม่หยุดจนเสื้อคลุมสีดำที่เขาสวมอยู่เป็นรอยขาด แต่ดูเหมือนว่าแท็คจะไม่สนใจเรื่องนั้นเลยสักนิด เขาโยนเธอลงบนเตียงและกระโดดขึ้นคร่อมร่างบางอย่างรวดเร็ว เฮเลนคาดว่าเขาคงแอบร่ายคาถามัฟฟลิอาโตเอาไว้ด้วยแน่ ไม่อย่างนั้นเสียงพูดคุยเมื่อสักครู่คงมีคนได้ยินแล้วอย่างแน่นอน

    ริมฝีปากบางพยายามฉกจูบจากริมฝีปากของเธอโดยไม่สนใจว่ามือเล็กนั้นจะพยายามปัดป้องมันแค่ไหนก็ตาม จนในที่สุดเฮเลนก็คิดได้ว่ายิ่งปัดป้องเขาก็คงจะยิ่งกระทำรุนแรงและพยายามทำให้เธอยอมรับสัมผัสพวกนั้นให้ได้  ดังนั้นสิ่งที่เธอควรจะทำตั้งแต่ตอนนี้ก็คือ เสแสร้ง ทำเป็นยอมรับสัมผัสของเขาแต่โดยดี มันคงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดที่จะหาได้แล้ว

    "เดี๋ยวก่อน" เฮเลนพูด "ฉันยอมแล้ว พอใจไหม"

    "จริงเหรอครับ" แท็คทำเสียงเยาะ "ไม่ใช่ว่านี่ก็แค่แผนจะเอาตัวรอดหรอกเหรอครับ"

    เขายิ้ม เฮเลนนึกหงุดหงิดอยู่ในใจที่เขาเหมือนจะรู้ทันความคิดเธอ หญิงสาวทำเพียงแค่ยิ้มตอบไปบางๆ และเลื่อนมือทั้งสองข้างมาโอบรอบคอแท็คและมองเขาด้วยความเสน่ห์หาทั้งที่ในใจรู้สึกรังเกียจจนอยากจะสาปเขาให้ตายก็เถอะ

    "ก็ลองเดาดูสิ" เฮเลนกระซิบ เธอรั้งคอของแท็คให้โน้มตัวลงมาหาอย่างช้าๆ "แล้วเดี๋ยวก็รู้เอง"

    ร่างที่คร่อมอยู่บนตัวของเธอนั้นยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะโน้มตัวตามลงไปตามแรงรั้งจนกระทั่งริมฝีปากบางของทั้งสองนั้นแตะกันอย่างแผ่วเบา เฮเลนไม่อาจให้สัมผัสนั้นอยู่นานไปมากกว่านั้นได้ เธอเบือนหน้าหนีและพยายามอย่างที่สุดเพื่อหาทางหยิบไม้กายสิทธิ์ที่ตกอยู่บนพื้นให้ได้ เพิ่งจะมีความรู้สึกเกลียดห้องนอนของเดรโกก็คราวนี้ล่ะ

    "ช่วยเบามือหน่อยก็แล้วกัน" เฮเลนส่งเสียงกระซิบ "ฉันยังไม่เคย"

    "คุณคิดว่าผมจะเชื่อเรื่องนั้นงั้นเหรอ" แท็คบอก ริมฝีปากไม่ละไปจากไหล่บาง "คุณนอนอยู่กับคุณมัลฟอยทุกวันนะครับ อย่าลืมสิว่าไม่มีชายหญิงคู่ไหนนอนด้วยกันได้โดยที่ไม่ทำอะไรอย่างอื่นหรอกครับ"

    "พิสูจน์เอาก็แล้วกัน"

    เฮเลนไม่ว่าอะไรต่อและปล่อยให้แท็คเป็นฝ่ายจัดการทุกอย่าง เธอปล่อยมือทั้งสองข้างลงข้างกายเพื่อบอกกับแท็คว่าเธอยอมเขาทุกอย่างแล้วในครั้งนี้ แต่ความจริงแล้วเปล่าเลย หูทั้งสองข้างคอยฟังเสียงฝีเท้าที่กำลังเดินใกล้เข้ามาอย่างตั้งใจ เฮเลนมั่นใจว่าถ้าหากใครบางคนเดินเข้ามาใกล้มาก คาถามัฟฟลิอาโตอาจจะใช้ไม่ได้ผลก็ได้

    แท็คเลื่อนมือใหญ่มาดึงแขนเสื้อเส้นบางของเธอออกไปเบาๆ พร้อมกับเม้มริมฝีปากลงบนไหล่เล็ก สร้างรอยช้ำเอาไว้เพิ่มอีกหลายจุด จนในที่สุดเฮเลนก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครสักคนเดินมาหยุดอยู่หน้าห้อง เธอให้โอกาสนั้นใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักแท็คอย่างแรงแต่ว่าด้วยแรงอันน้อยนิดนั้น ทำให้เธอไม่สามารถที่จะผลักเขาไปให้พ้นทางได้ แท็คหัวเราะในลำคอพลางเลื่อนใบหน้าขึ้นมาจ้องมองใบหน้าของเธอ

    "คุณคิดว่าเรี่ยวแรงแค่นั้นจะผลักผมได้เหรอครับ"

    ร่างของเธอเย็นเฉียบ เหมือนคำพูดนั้นทำให้แสงสว่างที่เคยมีนั้นดับวูบ ความคิดที่จะหนีออกไปให้พ้นดับสลายอย่างรวดเร็ว แขนแข็งแรงรวบร่างของเธอเอาไว้มั่น ซ้ำร่างกายยังเริ่มเข้าสู่กระบวนการตอบสนองต่อการสัมผัสของเขาแล้ว มือเรียวสอดเข้าไปใต้กระโปรงยาวอย่างช้าๆ เฮเลนรู้สึกเย็นสันหลังวาบเมื่อชั้นในท่อนล่างถูกเลื่อนออก

    "อย่า!" เธอร้อง จับแขนของเขาเอาไว้อย่างรวดเร็ว "ได้โปรด -- อย่าทำแบบนี้"

    แท็คชะงักไปราวกับว่ามีอะไรบางอย่างกวนใจเขา ดวงตาสีเข้มฉายแววกังวลอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนเขากำลังคิดอะไรบางอย่างในขณะที่เฮเลนนั้นยังคงจับแขนของเขาเอาไว้แน่น ร่างของเธอสั่นระริกด้วยความกลัวจับใจ 

    "ให้ตายสิ" แท็คถอนหายใจอย่างรวดเร็วและกระชากร่างของเธอให้เข้ามาใกล้ขึ้น มือที่เคยจับอยู่ที่ชั้นในเปลี่ยนมาเป็นรวบแขนทั้งสองข้างของเธอเอาไว้แทน "ผมน่ะ -- เหนื่อยกับการทำอะไรแบบนี้เต็มทนแล้ว"

    แท็คไม่ปล่อยให้เธอได้พูดอะไรอีก เขาก้มลงประกบริมฝีปากเขากับเธออย่างรวดเร็ว ริมฝีปากบดขยี้ลงมาอย่างไร้ความปราณีใดๆ แต่มันกลับให้ความรู้สึกที่ไม่น่าเป็นแบบนั้นไปได้ จูบนั้นมัน -- ว่างเปล่าและเจ็บปวดเหลือเกิน -- รสชาติจูบที่แสนขมขื่นทำให้เฮเลนรู้สึกอยากจะอาเจียน ในจังหวะนั้นเองเสียงลูกบิดประตูก็ดังขึ้น...

    "แกคคิดว่าฉันจะลืมวันเกิดแฟนตัวเองรึไงวะ ไอ้งูพิษ!"

     

     ณ บ้านโพรงกระต่าย คืนวันที่ 31 กรกฏาคม

    "ดัมเบิลดอร์ตายไปตั้งเดือนกว่าแล้ว ทำไมเพิ่งจะเอาของที่เขาให้เรามาให้"

    "เห็นได้ชัดจะตาย" เฮอร์ไมโอนี่พูด "พวกเขาต้องการตรวจสอบก่อนน่ะสิ คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้นนะ!"

    เธอพูดเสียงสั่น ตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่ แฮร์รี่และรอนกำลังนั่งอยู่เบื้องหน้าของรูฟัส สคริมเจอร์ที่เดินเข้ามากลางวันเกิดของแฮร์รี่เพื่อขอพูดคุยเกี่ยวกับพินัยกรรมของดัมเบิลดอร์ในห้องนั่งเล่นภายในบ้านโพรงกระต่าย

    "ฉันมีสิทธิ์ทุกประการ" สคริมเจอร์บอก "กฤษฎีกาว่าด้วยการยึดทรัพย์โดยเหตุผลอันควร ให้อำนาจรัฐมนตรีริบสิ่งของที่อยู่ในพินัยกรรม..."

    "กฎหมายนั่นตั้งขึ้นมาเพื่อไม่ให้พ่อมดส่งต่อสิ่งประดิษฐ์ฝ่ายมืดต่างหาก" เฮอร์ไมโอนี่พูด "แล้วก่อนจะยึดมันได้ กระทรวงก็ต้องมีหลักฐานแน่นหนาด้วยว่าสมบัติของผู้ตายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย! คุณจะกล่าวหาว่าดัมเบิลดอร์พยายามส่งมอบของที่ถูกสาปแช่งให้พวกเรางั้นเหรอคะ"

    "เธอวางแผนที่จะประกอบอาชีพที่เกี่ยวกับกฎหมายเวทมนตร์เหรอคุณเกรนเจอร์" สคริมเจอร์ถาม

    "เปล่าค่ะ" เฮอร์ไมโอนี่ตอบกลับ "หนูแค่หวังจะทำอะไรดีๆ ต่างหาก!"

    รอนหัวเราะออกมาเบาๆ ดวงตาของสคริมเจอร์ตวัดมองเขาทันที

    "แล้วทำไมตอนนี้คุณถึงยอมให้มันกับเราล่ะ หาข้ออ้างไม่ได้แล้วเหรอครับ" แฮร์รี่พูดเยาะ

    "ไม่ใช่เลย เพราะว่ามันหมดเวลาสามสิบเอ็ดวันแล้วต่างหาก" เฮอร์ไมโอนี่แทรกทันควัน "พวกเขาเก็บของไว้นานกว่านั้นไม่ได้ ยกเว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่ามันเป็นอันตราย  ใช่ไหมล่ะคะท่านรัฐมนตรี"

    "เธอสนิทกับดัมเบิลดอร์ไหมโรนัลด์" สคริมเจอร์ถามโดยไม่สนใจเฮอร์ไมโอนี่ รอนสะดุ้งเล็กน้อย

    "ผมเหรอ? ไม่หรอก... แฮร์รี่กับเฮ..."

    รอนหันไปมองหน้าเพื่อนทั้งสอง เฮอร์ไมโอนี่ส่งสายตาออกคำสั่งให้เขาหุบปากแต่มันก็สายไปเสียแล้ว สคริมเจอร์ทำท่าราวกับว่าได้ยินสิ่งที่คาดเอาไว้ทุกประการ และมันก็เป็นสิ่งที่เขาอยากได้ยินเสียด้วย

    "ถ้าเธอไม่ได้สนิทชิดเชื้อกับดัมเบิลดอร์ เธอจะอธิบายได้ไหมว่าทำไมเขาจึงระลึกถึงเธอในพินัยกรรมของเขา เขายกของให้คนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นนะ สมบัติส่วนใหญ่ เช่น ห้องสมุดส่วนตัว เครื่องมือเวทมนตร์และของส่วนตัวอื่นๆ เขายกให้ฮอกวอตส์ เธอคิดว่าทำไมเธอถึงได้รับเลือกเป็นพิเศษล่ะ"

    "ผมไม่รู้" รอนพูด "ผมหมายความว่า ผมคิดว่าเขาคงชอบผมมั้งฮะ"

    "เธอกำลังถ่อมตัวโรนัลด์" เฮอร์ไมโอนี่พูด "ดัมเบิลดอร์เอ็นดูเธอมากเลยนะ"

    นั่นเป็นการขยายความจริงออกไป เท่าที่แฮร์รี่รู้ รอนกับดัมเบิลดอร์ไม่เคยอยู่ด้วยกันและการพูดจาของทั้งสองก็มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยังไงก็ตาม ดูเหมือนสคริมเจอร์จะไม่ได้ฟัง เขาล้วงมือเข้าไปในเสื้อคลุมเดินทางและดึงถุงหูรูดออกมาใบหนึ่ง ใหญ่กว่าใบที่แฮกริดให้แฮร์รี่มาก เขาดึงม้วนพินัยกรรมออกมาจากถุงนั้นและอ่านเสียงดัง

    "พินัยกรรมและคำสั่งเสียสุดท้ายของอัลบัส เพอร์ซิวาล วูลฟริก ไบรอัน ดัมเบิลดอร์ แด่คุณโรนัลด์ บิลิอัส วีสลีย์ ข้าพเจ้าขอยกดีลูมิเนเตอร์ของข้าพเจ้าให้ ด้วยหวังว่าเขาจะระลึกถึงข้าพเจ้าในเวลาที่ใช้มัน"

    สคริมเจอร์หยิบของชิ้นหนึ่งออกมาจากถุง แฮร์รี่เคยเห็นมันมาก่อนแล้ว มันดูเหมือนที่จุดบุหรี่สีเงิน แต่เขารู้ว่ามันมีอำนาจดูดแสงทั้งหมดจากสถานที่หนึ่งและส่งกลับคืนออกไปด้วยการกดปุ่มเพียงครั้งเดียว สคริมเจอร์ชะโงกตัวมาส่งดีลูมิเนเตอร์ให้รอน เขารับมันมาและหมุนไปรอบๆ อย่างตะลึง

    "นั่นน่ะเป็นของที่มีค่ามาก" สคริมเจอร์พูด "อาจจะมีแค่อันเดียวในโลกด้วยซ้ำ แน่นอน มันเป็นสิ่งประดิษฐกรรมของดัมเบิลดอร์ ทำไมเขาถึงยกสิ่งที่หายากนี้ให้กับเธอ"

    รอนสั่นหัว ท่าทางงุนงง

    "ดัมเบิลดอร์สอนนักเรียนมาเป็นพันคน" สคริมเจอร์พยายามพูดต่อ "แต่เขากลับระลึกถึงพวกเธอแค่สี่คนในพินัยกรรม ทำไมถึงแป็นแบบนั้น เขาคิดว่าเธอจะใช้ดีลูมิเนเตอร์เพื่อประโยชน์อะไรล่ะ โรนัลด์ วีสลีย์"

    "ใช้ดับไฟมั้ง ผมเดานะ" รอนพึมพำ "ผมจะใช้มันทำอะไรได้อีก"

    ดูเหมือนว่าสคริมเจอร์จะไม่มีคำแนะนำดีๆ ให้ หลังจากมองรอนอยู่พักใหญ่ เขาก็หันกลับมาที่พินัยกรรมของดัมเบิลดอร์อีกครั้ง

    "แด่คุณเฮอร์ไมโอนี่ จีน เกรนเจอร์ ข้าพเจ้าขอมอบหนังสือของข้าพเจ้า เรื่อง นิทานของบีเดิลยอดกวีให้ ด้วยหวังว่าเธอจะได้รับความสนุกสนานและความรู้จากมัน"

    สคริมเจอร์ดึงหนังสือเล่มเล็กออกมาจากถุง มันดูเก่าโบราณพอๆ กับหนังสือที่เฮอร์ไมโอนี่แอบเอามาจากฮอกวอตส์ เฮอร์ไมโอนี่รับมาจากสคริมเจอร์โดยไม่พูดไม่จา เธอถือหนังสือเอาไว้บนตักและจ้องดูมัน น้ำตาหยดลงบนปกอย่างแผ่วเบา

    "เธอคิดว่าทำไมดัมเบิลดอร์ถึงยกหนังสือเล่มนี้ให้เธอคุณเกรนเจอร์" สคริมเจอร์ถาม

    "อาจารย์ -- อาจารย์รู้ว่าหนูชอบอ่านหนังสือ" เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงสั่นพลางเช็ดน้ำตาด้วยแขนเสื้อ

    "ทำไมต้อเจาะจงเป็นเล่มนี้ด้วยล่ะ"

    "ไม่ทราบค่ะ อาจารย์คงคิดว่าหนูจะสนุกกับมันมั้งคะ"

    เธอกลั้นสะอื้น รอนยกแขนขึ้นโอบบ่าเฮอร์ไมโอนี่เบาๆ พยายามปลอบใจเธอ สคริมเจอร์หันกลับมาที่พินัยกรรม

    "แด่แฮร์รี่ เจมส์ พอตเตอร์" เขาอ่าน "ข้าพเจ้าขอมอบลูกสนิชที่เขาจับได้ในการแข่งขันควิดดิชครั้งแรกที่ฮอกวอตส์เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจถึงรางวัลความอุตสาหะและความเชี่ยวชาญ"

    สคริมเจอร์ดึงลูกบอลสีทองลูกเล็กขนาดเท่าผลวอลนัตขึ้นมา ปีกสสีเงินของมันกระพืออย่างอ่อนแรงและแฮร์รี่ก็อดที่จะรู้สึกผิดหวังไม่ได้

    "ทำไมดัมเบิลดอร์ถึงยกลูกสนิชนี้ให้เธอ" สคริมเจอร์ถาม

    "ไม่รู้ครับ" แฮร์รี่บอก "ด้วยเหตุผลต่างๆ ที่คุณอ่านไปนั่นแหละมั้ง เพื่อเตือนใจว่าผมจะได้อะไรบ้าง ถ้าผมพยายามและทำอะไรที่เสี่ยงเกินตัว"

    "เธอคิดว่าเป็นแค่ของที่ระรึกที่มีความหมายแค่นั้นเหรอ"

    "ผมคิดว่าใช่" แฮร์รี่พูด "มันจะเป็นอะไรอย่างอื่นไปได้ล่ะ"

    เขาสบตาสีเหลืองของรัฐมนตรีและยื่นมือออกไปรับลูกสนิชจากสคริมเจอร์ นิ้วของแฮร์รี่กุมรอบลูกสนิช ปีกที่เหนื่อยล้าก็กระพือแล้วหยุดนิ่ง สคริมเจอร์ รอนและเฮอร์ไมโอนี่จ้องดูลูกบอลที่มือของเขา

    "น่าตื่นเต้นนะว่าไหม!" แฮร์รี่พูดเสียงเย็น รอนและเฮอร์ไมโอนี่หัวเราะ สคริมเจอร์หันกลับไปที่พินัยกรรม

    "แด่คุณเฮเลน ลิลี่ พอตเตอร์ ข้าพเจ้าขอมอบหนังสือวิชาการพยากรณ์ขั้นสูง เพื่อหวังว่าเธอจะได้ใช้มันให้เป็นประโยชน์ในภายภาคหน้า ในครั้งนี้ถ้าหากเธอไม่อยู่หรืออยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมขอให้แฮร์รี่ เจมส์ พอตเตอร์เป็นผู้เก็บมันเอาไว้จนกว่าเธอจะได้รับมันในสักวัน"

    ทั้งสามคนเงียบกริบเมื่อได้ยินชื่อของเฮเลน สคริมเจอร์ดึงหนังสือเล่มหนาออกมาจากในเสื้อคลุมยื่นให้กับแฮร์รี่ ครั้งนี้แฮร์รี่เอื้อมมือออกไปรับมันมาอย่างสั่นเทา ดัมเบิลดอร์รู้ว่าเฮเลนจะต้องไม่อยู่ที่นี่ เขารู้แม้กระทั่งเตรียมของเอาไว้เผื่อว่าสักวันหนึ่งเธอจะต้องกลับมาหาพวกเขา แต่เป็นไปได้อย่างไรล่ะ?

    "เธอคิดว่ามันมีความหมายยังไงที่เขายกหนังสือเล่มนี้ให้น้องสาวเธอ พอตเตอร์" สคริมเจอร์ถาม "เขาเขียนเหมือนเขาล่วงรู้ว่าน้องสาวของเธอจะถูกพาตัวไป"

    "เพราะเฮเลนมีพรสวรรค์ในการพยากรณ์ไงคะ" เฮอร์ไมโอนี่ตอบ มองหนังสือในมือของแฮร์รี่อย่างเหม่อลอย "เพราะเหตุผลนั้น -- ไม่ว่าใครก็รู้ว่าคนที่จะถูกพาตัวไปแทนลูกแก้วพยากรณ์ที่เคยทำแตก จะเป็นใคร"

    "ใช่" แฮร์รี่ตอบ "เฮเลนมีความสามารถเรื่องการพยากรณ์ เธอเก่งถึงขั้นบอกเรื่องราวล่วงหน้าได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างหลังจากนี้"

    "อย่างนั้นดัมเบิลดอร์ก็ต้องการให้เธอดูเรื่องราวในอนาคตงั้นสิ" สคริมเจอร์พูด "ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ แล้วก็ยังหมายความว่าเธอต้องรู้สิว่าเราจะชนะคนที่คุณก็รู้ว่าใครได้หรือเปล่า"

    "ศาสตร์แห่งการพยากรณ์คือศาสตร์ที่แม่นยำน้อยที่สุด" แฮร์รี่ขัด "ดัมเบิลดอร์เคยบอกเอาไว้แบบนั้น"

    "แต่ถ้าเป็นน้องสาวของเธอก็อาจจะเป็นไปได้ใช่ไหม"

    ทุกคนเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรอยู่ชั่วครู่

    "หมดเรื่องแล้วใช่ไหมครับ" รอนเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ

    "ไม่เสียทีเดียว" สคริมเจอร์พูด เขาดูอารมณ์เสียเล็กน้อย "ดัมเบิลดอร์ยกของอีกสิ่งให้กับพวกเธอ พอตเตอร์"

    "อะไรครับ" แฮร์รี่ถามนิ่งๆ ดวงตายังจับจ้องอยู่บนอักษรรูณบนปกหนังสือพยากรณ์ในมือ

    "ดาบของก็อดดริก กริฟฟินดอร์" เขาพูด

    ทั้งสามคนนั่งตัวแข็งทื่อ แฮร์รี่มองหน้าสคริมเจอร์ เขาไม่ได้ดึงดาบออกมาจากถุงหนังและดูยังไงมันก็ไม่น่าใส่ลงไปในนั้นได้เลยและดูเหมือนว่าสคริมเจอร์จะเข้าใจเขาเสียด้วย

    "โชคร้าย" สคริมเจอร์บอก "ดาบนั่นไม่ใช่ของดัมเบิลดอร์ ที่เขาจะไปยกให้ใครๆ ก็ได้ ดาบของก็อดดริก กริฟฟินดอร์เป็นโบราณวัตถุที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และด้วยเหตุนี้มันจึงเป็น..."

    "ของแฮร์รี่" เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้น "มันเป็นของแฮร์รี่ มันเลือกเขา"

    "ดาบจะปรากฏต่อนักเรียนทุกคนที่คู่ควรคุณเกรนเจอร์" สคริมเจอร์พูด "เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่สมบัติส่วนตัวของคุณพอตเตอร์หรอกนะ ไม่ว่าดัมเบิลดอร์จะตัดสินใจยังไงก็ตาม เธอคิดว่า..."

    "ทำไมดัมเบิลดอร์ต้องการให้ดาบผมน่ะเหรอครับ" แฮร์รี่พูด พยายามระงับอารมณ์ "เขาอาจจะคิดว่ามันดูดีบนผนังห้องผมล่ะมั้ง"

    "นี่ไม่ตลกนะพอตเตอร์" สคริมเจอร์คำราม "เป็นเพราะดัมเบิลดอร์เชื่อใช่ไหมว่าดาบของก็อดดริก กริฟฟินดอร์สามารถเอาชนะทายาทของสลิธีรินได้ เขาปรารถนาจะให้พวกเธอใช้ดาบนั่น เพราะเขาเชื่อเหมือนคนอื่นอีกจำนวนมากใช่ไหมว่าพวกเธอคือคนที่ชะตาลิขิตให้เป็นผู้ทำลายคนที่ต้องไม่เอ่ยนาม"

    "เป็นทฤษฎีที่น่าสนใจนะครับ" แฮร์รี่บอก วางหนังสือเล่มหนาลงบนตัก "เคยมีใครลองทิ่มดาบใส่ตัวโวลเดอมอร์หรือยังล่ะ บางทีกระทรวงน่าจะให้เจ้าหน้าที่สักคนลองทำนะ แทนที่จะเสียเวลาแยกส่วนดีลูมิเนเตอร์หรือปิดข่าวเรื่องแหกคุกหมู่ที่อัซคาบัน ผู้คนล้มตายอยู่มากมายนะครับท่านรัฐมนตรี น้องสาวผมก็ถูกพาตัวไปแล้วด้วย ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไง ผมเองก็เกือบจะเป็นหนึ่งในนั้น โวลเดอมอร์ไล่ล่าผมข้ามสามมณฑล เขาฆ่าแม้ด-อายตาย แต่กระทรวงไม่พูดอะไรเรื่องนั้นสักคำ ใช่ไหมครับ!"

    "เธอล้ำเส้นไปแล้วนะ!" สคริมเจอร์ตะโกน ผุดลุกขึ้นยืน แฮร์รี่กระโดดลุกขึ้นยืนเช่นกัน "จำได้ไหมว่าเธอไม่ได้อยู่ที่โรงเรียน จำได้ไหมว่าฉันไม่ใช่ดัมเบิลดอร์ คนที่ให้อภัยความจองหองของเธอได้เสมอ เธออาจสวมแผลเป็นนั่นไว้เหมือนมงกุฎพอตเตอร์ แต่เด็กผู้ชายอายุสิบเก้าไม่มีสิทธิ์จะมาบอกว่าฉันควรทำงานยังไง! เธอควรหัดเรียนรู้เรื่องการทำความเคารพได้แล้ว"

    "คุณก็ทำตัวให้สมควรได้รับหน่อยสิครับ" แฮร์รี่พูด "คุณไม่เข้าใจหรอกว่าผมรู้สึกยังไง คุณไม่ใช่ดัมเบิลดอร์ คุณไม่มีทางรู้ทุกอย่างได้เหมือนเข้าหรอก จริงไหมครับ!"

    "ดูเหมือนว่าเธอจะคิดว่ากระทรวงไม่ปรารถนาสิ่งเดียวกับเธอ พอตเตอร์ ความจริงเราควรจะทำงานร่วมกัน"

    "ผมไม่เคยชอบวิธีการขอคุณ ท่านรัฐมนตรี" แฮร์รี่บอก "จำไม่ได้เหรอครับ!"

    ครั้งนี้เป็นเขาเพียงคนเดียวที่เป็นคนชูมือขึ้นมาพร้อมกับหนังสือพยากรณ์ศาสตร์เพื่อให้สคริมเจอร์เห็นแผลเป็นสีขาวที่ยังอยู่บนหลังมือ เขียนเอาไว้ว่า ฉันต้องไม่โกหก นั่นทำให้สคริมเจอร์ขึงเครียด เขาหันไปและเดินโขยกเขยกออกไปจากห้องโดยไม่พูดอะไรอีก

    "เขาพูดเรื่องเดิมๆ นะว่าไหม" เฮอร์ไมโอนี่เอ่ย "เรื่องที่อยากให้เธอร่วมมือกับกระทรวง"

    "คงงั้น" แฮร์รี่บอก "ฉันไม่คิดว่าเขาจะสนใจเรื่องที่ว่าจะมีคนถูกฆ่าอีกสักกี่คนหรือใครจะถูกพาตัวไปบ้างหรอก เขาคงสนใจแค่เรื่องที่ไม่ทำให้กระทรวงต้องเสียชื่อเสียงเท่านั้นแหละ"

    รอน แฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่หันไปมองหน้ากันก่อนที่จะพากันเดินออกไปยังสวนหน้าบ้านอีกครั้งในขณะที่มองเห็นเฟร็ดกับจอร์จกำลังเสกตะเกียงสีม่วงออกมาประดับประดาลอยอยู่เหนือศีรษะ 



    ติดตามตอนต่อไป...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×