ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfic Harry Potter] [OCxDM] If Harry Potter has a sister!

    ลำดับตอนที่ #49 : บทที่ 1 : ความเจ็บปวดของฝาแฝด

    • อัปเดตล่าสุด 18 ต.ค. 64


    บทที่ 1 : ความเจ็บปวดของฝาแฝด


    เสียงประตูดังเอี๊ยดอ๊าดที่พื้นใต้เท้าของหญิงสาว เธอนั่งมองใครบางคนที่อยู่ในกระจก เรือนผมสีน้ำตาลเข้มเหลือบดำยาวตรงจรดกลางหลังถูกปล่อยสยายทิ้งตัวลงยาวระแผ่นหลังบาง ใบหน้าเรียวรูปไข่มีรอยฟกช้ำเล็กน้อย ดวงตากลมโตบวมช้ำจากการร้องไห้ซ้ำๆ ในทุกๆ วัน สภาพของเธอตอนนี้ช่างดูต่างจากตอนที่อยู่ข้างนอกเหลือเกิน

    เมื่อสามวันก่อนโวลเดอมอร์เรียกตัวเธอไปพบเพื่อให้เธอมองว่าเขาจะสามารถฆ่าแฮร์รี่ พอตเตอร์ได้หรือไม่ ซึ่งเธอไม่อาจบอกเขาได้ เธอไม่สามารถบอกถึงความตายของใครได้และเธอไม่สามารถบอกได้ว่าจะมีใครตายหรือบอกถึงคำตอบของทางเลือกของเขาได้ดังเช่นการทำนายในเรื่องของเขาครั้งแรก

    หญิงสาวเพิ่งรับรู้ความรู้สึกของคนที่ถูกคำสาปกรีดแทง มันทั้งเจ็บปวดทรมานเจียนตายและเป็นอีกครั้งที่แขนเธอหักเพราะคาถานั่น หลายครั้งที่เฮเลนอยากจะฉวยไม้กายสิทธิ์ของตัวเองเล็งไปยังเขาและฆ่าเขาซะ แต่ความกล้าของเธอนั้นมีไม่พอที่จะพูดคำสาปพิฆาตออกมาเสียด้วยซ้ำไป

    ตอนนี้เดรโกลงไปรวมกับผู้เสพความตายคนอื่นๆ ทางด้านล่าง เขาไม่ต้องการให้เธอลงไปด้วยในตอนนี้เพราะเหมือนกับผู้เสพความตายคนอื่นๆ จะพยายามสร้างตรามารให้เธอ เดรโกขังเธอเอาไว้ในห้องนี้ทุกครั้งที่มีการเรียกประชุมของผู้เสพความตาย พักหลังๆ มานี้เขาดูสุขุมขึ้นมากกว่าครั้งก่อนและดูเหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยอยากเล่าความเป็นไปในแต่ละวันให้เธอฟังเท่าไหร่นัก มีเพียงเดลี่พรอเฟ็ตวันละหนึ่งฉบับที่ถูกนำมาให้ในทุกๆ คืน

    “มาแล้ว” เสียงเหนื่อยอ่อนดังขึ้นทางด้านหลัง เจ้าของดวงตากลมโตหันไปมองอย่างรวดเร็ว ร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์จางเปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมกับหนังสือพิมพ์อีกหนึ่งฉบับของวันนี้ เดรโกเดินเข้ามาในห้องนอนพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลจับใจ เฮเลนลุกขึ้นยืนเดินออกจากโต๊ะกระจกไปหาเขา

    “วันนี้เป็นไง” เฮเลนถาม “มีใครเป็นอะไรไหม”

    เขาส่ายหน้าพลางปลดเนกไทออกจากคอ เดรโกสะบัดเสื้อนอกออกไปกองไว้อีกทางและทิ้งตัวลงนอนบนเตียงใหญ่อย่างเหนื่อยอ่อน ดวงตาคมหลับพริ้มราวกับว่ากำลังพยายามผ่อนคลายตัวเอง เฮเลนเดินไปปิดประตูลงอย่างเบามือและไม่ลืมที่จะเสกคาถาลงกลอนเอาไว้ด้วยเพื่อไม่ให้ใครสะเดาะเข้ามาในห้องนี้ได้ ต้องขอบคุณเฮอร์ไมโอนี่ที่สอนคาถานี้ให้กับเธอ

    “ไม่มีใครที่เรารู้จักตายหรอก” เดรโกพูด น้ำเสียงฟังดูอ่อนล้า “โรงเรียนยังเปิดอยู่ อีกไม่นานก็คงเปิดเทอมแล้ว”

    “แล้วแฮร์รี่ล่ะ” เฮเลนเดินเข้ามานั่งลงข้างๆ เขาบนเตียง “เขาพูดอะไรถึงแฮร์รี่ไหม วันพรุ่งนี้แล้ว...”

    “ใช่ วันพรุ่งนี้” เดรโกลืมตาขึ้นมองไปยังร่างบาง “พรุ่งนี้พวกเขาจะออกไปตอนค่ำ สเนปบอกแบบนั้น จอมมารและผู้เสพความตายอีกหลายคนเลยที่จะไป แล้วพวกเขาก็ไปเอาตัวแสตน ชันไพก์มาได้แล้วด้วย”

    “เอาออกมาจากคุกอัซคาบันน่ะเหรอ” เฮเลนพูดอย่างตกใจ “พวกเขาพาออกมาได้แล้วงั้นเหรอ”

    “อืม” เขางึมงำในลำคอ “ตอนนี้คนของเราแทรกซึมเข้าไปในกระทรวงจนแทบจะเข้าถึงสคริมเจอร์ได้แล้ว พูดตามตรงเลยว่าอีกไม่นานแน่ๆ กระทรวงจะตกอยู่ภายใต้อำนาจของจอมมาร”

    ชายหนุ่มยกมือขึ้นมาก่ายหน้าผากพร้อมกับถอนหายใจออกมา เขารู้สึกอื้อไปหมด ไม่รู้ว่าตอนนี้ควรจะทำยังไงดี เดรโกรู้ดีว่าสงครามกำลังใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ตราบใดที่แฮร์รี่ยังคงมีชีวิตอยู่เรื่องนี้ก็คงจะไม่มีวันจบลงง่ายๆ แน่แถมยังเฮเลนที่เขารู้อยู่แก่ใจว่าโวลเดอมอร์ต้อฆ่าเธอแน่ถ้าหากว่าเขาจัดการกับแฮร์รี่ได้เรียบร้อยแล้ว

    มือเรียวเลื่อนไปสัมผัสใบหน้าหวานอย่างแผ่วเบา ดวงตากลมโตที่เคยสดใสเต็มไปด้วยความกังวล หลายครั้งที่เขาต้องเก็บข้อมูลบางอย่างเอาไว้เพื่อไม่ให้เธอต้องกังวลใจ ตอนนี้แฮร์รี่ พอตเตอร์กำลังจะต้องลำบากเพราะจอมมารสั่งให้ทุกคนตามหาผู้ที่เกี่ยวข้องกับเขาให้พบไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ญาติหรือทุกๆ อย่าง แน่นอนว่าเฮเลนเองก็เป็นหนึ่งในรายชื่อนั้นถ้าหากว่าตัวเธอไม่ได้อยู่ที่นี่

    “รู้อะไรไหม” เดรโกพูดขึ้นแหวกความเงียบ “ฉันคิดว่าเธอคงคิดถึงมาดามพอมฟรีย์มากแน่นอน”

    “หือ” เฮเลนขมวดคิ้ว “ทำไมเหรอ”

    “ก็เป็นแผลขนาดนี้” เขาว่า “ถ้าเป็นฉันคงคิดถึงมาดามพอมฟรีย์เป็นคนแรกเลยล่ะ”

    เดรโกเลื่อนฝ่ามือลงมาสัมผัสแผลบนแขนซ้ายของเธอเบาๆ เฮเลนยิ้มน้อยๆ แต่ไม่พูดอะไร เธอทิ้งตัวลงนอนบนฟูกนุ่มและปล่อยให้ความเงียบเข้าคลอบคุลมระหว่างทั้งสอง ไม่มีใครพูดอะไรอีกนับจากนั้น ดวงตาคมจ้องมองร่างบางในชุดกระโปรงแขนกุดสีดำที่เขาเริ่มชินตาแล้วในตอนนี้ ดูเฮเลนจะดีขึ้นมากเมื่อวันนี้ได้รับรู้ว่าไม่มีใครที่ตาย

    "โอลลิแวนเดอร์เป็นยังไงบ้าง" เฮเลนถามขึ้นเพื่อขจัดความเงียบ เธอมองจ้องเพดานห้องอย่างเงียบๆ "เขาได้อาหารเพียงพอไหม"

    "ฉันไม่แน่ใจ -- " เดรโกตอบ เขาเลื่อนกายลงไปนั่งบนเตียงอย่างช้าๆ "ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้ดูแลตรงส่วนนั้นเลย -- แต่ฉันคิดว่าเขาสบายดีนะ"

    เฮเลนไม่ได้ตอบอะไร เธอนอนนิ่งและหลับตาลงอย่างอ่อนล้า ถึงแม้ความจริงจะมีข่าวออกมาว่าพ่อแม่ของเด็กที่เกิดจากมักเกิ้ลหลายคนถูกสังหารและมีเด็กอายุไม่ถึงเกณฑ์มากมายถูกคำสาปสะกดใจและพยายามจะฆ่าพ่อแม่มักเกิ้ลของพวกเขา เดรโกแอบยัดหนังสือพิมพ์ลงไปในฟูกเตียงนุ่ม เขาอยากจะเห็นใบหน้าของเธอที่ดูสบายใจมากกว่าเป็นกังวล ในบางคืนที่มีข่าวของใครบางคนตาย เฮเลนจะแอบนอนหันหลังร้องไห้อยู่เสมอ

    “นี่” เดรโกพูด “ถ้าวันหนึ่งเธอต้องตาย ฉันคิดไม่ออกเลยว่าฉันจะทำยังไงต่อไป”

    เฮเลนเงียบ เธอไม่ตอบอะไรเขา

    “ฉันอยากมีเธออยู่แบบนี้ต่อไป” เขาพูดต่อ “ฉันไม่อยากให้เธอหายไปเลย”

    เฮเลนยังคงเงียบเสียง ชายหนุ่มมองไปยังร่างบางที่นอนอยู่เยื้องๆ ไปนิดหน่อย เธอนอนนิ่งแต่ก็ยังหายใจอยู่แน่นอน เดรโกยันตัวลุกขึ้นจากเตียงและจ้องมองไปยังร่างที่นอนหลับตาอยู่ข้างๆ ดวงตากลมหลับพริ้มและใบหน้าที่คลายการกังวลทำให้เขาถอนหายใจออกมานิดหน่อย ริมฝีปากบางยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยพลางรวบร่างเล็กๆ ขึ้นมาจัดแจงให้นอนในท่าสบายที่สุด

    “นี่สินะที่เขาว่ากันว่าพอคลายกังวลแล้วคนเราจะหลับสบาย”

    ร่างสูงพึมพำเสียงเรียบ เขาวางศีรษะของเธอลงบนหมอนนุ่มและดึงผ้าห่มผืนหนามาคลุมร่างบางเอาไว้ ก่อนจะเดินไปเก็บเสื้อนอกขึ้นมาแขวนเอาไว้ที่มุมหนึ่งของห้องนอน ถอดเนกไทออกแขวนไว้ในที่เดียวกัน เดรโกยืนมองร่างที่นอนหลับอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปนั่งข้างร่างนั้นและก้มลงจุมพิตบนหน้าผากของเธอเบาๆ

    “ฝันดีนะ” เขาพูดก่อนจะเดินออกจากห้องไปเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าของตัวเอง

    เดรโกพบแท็คยืนอยู่ตรงชานบันได ถ้าจำไม่ผิดเหมือนเขาจะยกห้องกว้างที่สุดให้กับจอมมารและแท็คเองก็อยู่ห้องข้างๆ กันที่ชั้นสี่ของคฤหาสน์ เขาไม่ใส่ใจที่จะเอ่ยทักทายหรือแม้แต่จะถามว่าแท็คมายืนทำอะไรตรงนี้เสียด้วยซ้ำ เดรโกเดินผ่านร่างที่สูงพอๆ กับเขาไปอย่างเฉยเมยจนกระทั่งร่างนั้นส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ออกมา

    “ดูคุณจะมีความสุขนะครับ” แท็คพูด “คุณรู้สึกโชคดีที่เธอปลอดภัยใช่ไหมล่ะ”

    เดรโกถอนหายใจ เขาไม่แม้แต่จะหันไปมองหน้าแท็คด้วยซ้ำ ดวงตาสีฟ้าซีดมองจ้องไปยังประตูที่อยู่ห่างไปไม่ไกลซึ่งมันจะพาเขาเข้าไปสู่ห้องอาบน้ำของชั้นสาม สองขาไม่หยุดก้าวเดินต่อเสียด้วยซ้ำ

    "อย่ามั่นใจมากนักเลยครับ" แท็คว่า นั่นทำให้เดรโกหยุดชะงักไป "มันจะเป็นแบบนั้นได้ไม่นานนักหรอก"

    “แกจะทำอะไรกะนแน่” เดรโกพูดถึงแม้ว่าจะไม่ได้หันกลับมามองก็ตาม

    "ไม่รู้สิครับ" แท็คยักไหล่ น้ำเสียงกวนโมโหที่สุดเท่าที่เขาเคยได้ยินมา "ผมเองก็ไม่ได้รับอนุญาตให้รู้เรื่องนั้นเลย"

    เดรโกหันหลังควับเตรียมจะตวาดออกไปเต็มที่เนื่องจากความโกรธก่อตัวขึ้นมาในใจจนแทบระเบิด แค่นี้เฮเลนยังตกอยู่ในสถานการอันตรายไม่พออีกเหรอสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียว เธอยังต้องทรมานจากการถูกคำสาปกรีดแทงในทุกๆ ครั้งที่พบกับจอมมาร แล้วยังต้องให้เธอมารับรู้ข่าวเกี่ยวกับการตายของคนรู้จักอีกตอนที่ลงมาทานอาหารพร้อมจอมมาร มันจะไม่เลวร้ายไปหน่อยเหรอ!

    เขาโกรธจนแทบบ้า อยากจะสาปแท็คให้ตายๆ ไปเสียตอนนี้ แต่ทว่าเพราะทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นทำให้เขาจำต้องเดินกลับไปหาห้องอาบน้ำที่เป็นจุดหมายของเขาต่อไปโดยไม่เอ่ยอะไรแม้เพียงนิดเดียวแม้ว่าจะหันไปเจอกับรอยยิ้มน่ารังเกียจบนใบหน้าหล่อเหลาของแท็คก็ตาม

    เขาต้องอดทน จนกว่าแฮร์รี่จะมาปรากฏตัวที่นี่หรือจนกว่าจะมีใครสักคนมาพาเธอไป เขาต้องทนให้ได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นแค่ไหน การเป็นผู้เสพความตายที่ภัคดีต่อจอมมารนั้นคือสิ่งที่เขาต้องทำให้ดีที่สุดและเขาก็ต้องดูแลเธอให้ปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะทำได้อีกด้วย ไม่งั้นแฮร์รี่คงจะไม่พอใจเขามากแน่ๆ

    หลังจากจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย เดรโกก็เดินกลับมายังห้องนอนโดยไม่ลืมลงคาถาเอาไว้ที่กลอนประตูทุกครั้งหลังจากเข้ามาแล้ว ความปลอดภัยของเฮเลนเป็นสิ่งสำคัญมากถ้าเกิดเทียบกับชีวิตของคนอื่น ตอนนี้แม่ของเขาค่อนข้างปลอดภัยเมื่อภารกิจที่ทำที่ฮอกวอตส์สำเร็จลุล่วงไปแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงเธอแล้วที่เขาจะต้องปกป้องเอาไว้ให้ได้

    ดวงตาคมมองไปยังร่างที่นอนหลับอยู่อีกครั้งและเลื่อนกายเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาบนเตียงเดียวกัน สองแขนเอื้อมไปรวบร่างเล็กๆ ของหญิงสาวเข้ามากอดเอาไว้ ใบหน้าหวานซุกอยู่บนอกของเขาพร้อมกับพึมพำชื่อของแฮร์รี่ออกมาเสียงแผ่ว ดูเหมือนว่าเธอกำลังฝันถึงพี่ชายฝาแฝดของเธออยู่เป็นแน่

    กลิ่นกายหอมทำให้เดรโกขนลุกซู่ มือเรียวสั่นไปมาในขณะที่เขากำลังควบคุมตัวเองไม่ให้สติแตกเตลิดไป ผิวขาวใสน่าสัมผัสเสียจนเขาแทบอดใจไม่ไหว ถึงจะจำได้ว่าเข้านอนพร้อมกันมาแล้วหลายคืนแต่เหมือนเจ้าตัวจะไม่เคยรู้เลยว่าความใกล้ชินไม่ได้ทำให้เขาชินชาเลยแม้แต่น้อย ซ้ำแล้วอยากจะ...

    “พอเลยเดรโก” เขาพึมพำกับตัวเองพลางกลืนน้ำลายลงคอ สะบัดหัวไปมาเพื่อไล่ความคิดอัปมงคลออกไปจากสมอง สองแขนดึงร่างบางเข้ามาสวมกอดแน่นขึ้นอีกและพยายามข่มตาให้หลับเพื่อไม่ให้ตัวเองคิดถึงเรื่องแบบนั้นในช่วงเวลาตึงเครียดเช่นนี้ มันเป็นเรื่องไม่ควร มันเป็นเรื่องไม่ควร เดรโกย้ำกับตัวเอง

    “หายใจไม่ออกแล้วเดรโก” เสียงเล็กๆ พูดขึ้นอย่างงัวเงียบพลางบิดตัวไปมาในอ้อมแขนของเขา เดรโกสะดุ้งเฮือกคลายการกอดออกนิดหน่อย “นายเป็นอะไรไป”

    “เอ่อ” เขาอึกอัก ในตอนนี้จะตอบอะไรไปดี ในเมื่อหลายคืนแล้วที่เป็นแบบนี้ “ไม่ ไม่มีอะไรหรอก”

    “แน่ใจนะ” เฮเลนย้ำ ลืมตาขึ้นมองเขาอย่างงัวเงีย “ตัวสั่นไปหมดเลยไม่ใช่เหรอ เป็นไข้รึเปล่า”

    เดรโกอยากจะตะโกนใส่หน้าเฮเลนไปดังๆ เลยว่าเธอนั่นแหละที่ทำให้เขาจะคลั่งตายอยู่ทุกคืน เขาเองก็จะบ้าตายเหมือนกันที่ในสถานการณ์แบบนี้ยังจะมาคิดเรื่องแบบนี้อยู่ได้ เดรโกส่ายหน้าน้อยๆ พลันสายตาดันเหลือบไปเห็นแขนเสื้อเล็กๆ ไหลลงมาจากบ่าแคบเผยให้เห็นซอกคอข่าวผ่องน่าสัมผัส

    ใบหน้าของเขาแดงระเรื่อขึ้นมาทันที เมื่อมือเล็กเลื่อนมาสัมผัสหน้าผากของเขาอย่างแผ่วเบา ดวงตากลมสีเขียวมรกตจ้องมองมาด้วยสายตาเป็นห่วง

    “แน่ใจนะ” เฮเลนถาม “ทำไมหน้าแดงขนาดนี้ล่ะ ตัวก็ไม่ร้อน”

    “ฉันไม่ได้เป็นอะไร” เขาตอบพลางหลบสายตานั้น “นอนสักทีเถอะน่า”

    “ไม่!” หญิงสาวยังคงดื้อ เธอใช้สองแขนยันตัวขึ้นแล้วก้มหน้ามองเขาที่นอนหนุนหมอนอยู่ ผมยาวตรงสยายลงมาเกลี่ยไหล่ไปมา ทั้งแขนเสื้อที่ดูเหมือนจะยังไม่รู้ตัวว่ามันตกลงมาแล้วแถมใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงนั่นอีก “ถ้านายเป็นอะไรขึ้นมาจะเป็นยังไง! โวลเดอมอร์ทำอะไรนาย บอกฉันมานะ”

    “เปล่า” เขาย้ำ “ฉันไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ นะเฮเลน”

    เธอนั่นแหละกำลังจะทำให้ฉันเป็น เดรโกคิดพลางดึงร่างบางให้ล้มตัวลงนอนเช่นเดิม แต่เหมือนจะไม่สำเร็จ

    “อย่าดื้อได้ไหม” เธอพูด “ถ้านายไม่ยอมบอกฉันจะ...”

    ภายในเวลาไม่ถึงสิบวินาทีเหมือนทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด เดรโกใช้แรงทั้งหมดดึงเธอให้ล้มลงไปนอนราบลงกับเตียงและสลับให้ร่างของเขาขึ้นไปคร่อมร่างบางของเธออย่างรวดเร็ว ดวงตาคมหลับลงชั่วครู่พลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ในขณะที่หญิงสาวตัวเล็กถูกจับตรึงแขนอยู่บนเตียงกว้างเบิกตาโพลงทำอะไรไม่ถูก เฮเลนอ้าปากเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่มีเสียงใดเล็ดรอดออกมาจากริมฝีปากของเธอเลย

    เดรโกลืมตาขึ้นมองร่างเล็กที่ตกอยู่ภายใต้อาณัติของเขาพลางพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ เม้มริมฝีปากเล็กน้อยอย่างขัดใจ เขามองไล่ตั้งแต่ดวงตากลมโตลงมาจนถึงริมฝีปากบางและไม่กล้าที่จะมองต่ำลงไปกว่านั้น

    “รู้ไหม” เขาพูด “เธอต่างหากที่ดื้อ”

    เดรโกพ่นลมหายใจออกมาอีกครั้งเพื่อผ่อนคลาย

    “ฉันบอกว่าไม่เป็นไร ฟังกันบ้างสิยังบื้อ” เขาพูดต่อ “เธอกำลังจะทำให้ฉันเป็นบ้าตายแล้ว”

    “อะ อะไร” เฮเลนว่า “ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย แค่...”

    “แค่ทำตัวน่ารักน่ากินแบบนี้เอง” เดรโกพูดพลางกลอกตาไปมา “ทำบ่อยๆ สิ สักวันฉันจะทนไม่ไหวแน่”

    “อะไรล่ะ! นายก็อยู่ในห้องนี้กับฉันมาตั้งนาน...”

    “แล้วคิดว่าผู้ชายจะมีความอดทนได้มากแค่ไหน” เดรโกขมวดคิ้ว “เธอไม่รู้หรอกว่าฉันต้องห้ามใจตัวเองขนาดไหนเวลาที่...”

    “ที่?” หญิงสาวทวนคำ เดรโกก้มลงไปเอาหน้าผากชนกับหน้าผากของเธอเบาๆ

    “เวลาที่เธอดูเหมือนอาหารโอชะที่วางอยู่ตรงหน้าชายผู้หิวโหยคนนี้ยังไงล่ะ ยัยบื้อ”

    เขาไม่ปล่อยให้เฮเลนได้พูดอะไรต่อ และก้มลงจูบลงบนริมฝีปากสีชมพูนั้นทันที ดื่มด่ำความหวานจากริมฝีปากนั้นไปอย่างไม่รู้จักเบื่อ กลิ่นหอมของดอกไม้ที่กำลังบานสะพรั่ง ความงดงามของผิวขาวเนียนละเอียดไม่อาจทำให้เขาอดทนต่อไปได้อีก ยังไงก็ตามถ้าหากเธอยังคงทำตัวน่ารักอยู่แบบนี้ล่ะก็เขาคง...

    “อื้อ” ร่างเล็กภายใต้ร่างของเขาส่งเสียงร้องงึมงำในลำคอเมื่อเขาโถมตัวลงทับร่างของเธอ ในขณะที่ริมฝีปากยังคงไม่ละจากริมฝีปากของเธอแม้แต่น้อย มือเรียวเลื่อนสวบสาบเข้าไปใต้ผ้าห่มผืนหนาแตะปลายนิ้วลงไปบนผิวต้นขาของเธออย่างแผ่วเบา ร่างบางที่รับสัมผัสไม่คุ้นเคยนั้นสะดุ้งเบาๆ ขยับกายหลีกหนีฝ่ามือของเขา

    “จะหนีเหรอ” เขากระซิบเสียงพร่า ดวงตาคมมองร่างที่สั่นเป็นลูกนกด้วยสายตาขบขัน “เธอทำตัวเองนะ”

    เขาเลื่อนริมฝีปากลงมาพรมจูบลงบนพวงแก้มใสเบาๆ และเลื่อนมือทั้งสองข้างมาประสานเข้ากับฝ่ามือเล็กๆ ของเธออย่างแผ่วเบาและตรึงแขนทั้งสองข้างของเฮเลนเอาไว้ติดกับเตียง ร่างบางสั่นระริกไปด้วยความกลัวจับใจ

    “เดรโก...” เธอพึมพำ “ได้โปรด”

    ริมฝีปากบางชะงักกึก ดวงตาคมเหลือบมองใบหน้าใสที่ตอนนี้หลับตาพร้อมกับขมวดคิ้วเข้าหากัน ริมฝีปากเม้มแน่นสีหน้าบ่งบอกถึงความกลัวจนสุดหัวใจ ขนตายาวนั้นมีรอยเปียกเล็กน้อยสื่อได้ว่าอาการกลัวนั้นไม่อาจซ่อนไว้ได้อีกต่อไป ร่างสูงหัวเราะในลำคอเล็กน้อยก่อนจะปล่อยมือทั้งสองข้างของเธอออกให้เป็นอิสระและรวบเอวบางเข้ามาสวมกอดเอาไว้แทน

    เดรโกพลิกตัวอีกครั้งเพื่อทิ้งร่างให้ลงไปนอนข้างๆ กายเฮเลนพลางดึงศีรษะคนตัวเล็กให้มาซุกกับบ่ากว้าง คนตัวเล็กถูกใบหน้าลงบนเสื้อของเขาไปมาราวกับกำลังเช็ดคราบน้ำตาที่หลงเหลืออยู่ให้ออกไป

    “ไม่แกล้งแล้วก็ได้” เขาพูด ริมฝีปากบางยกยิ้มเจ้าเล่ห์ มือเล็กฟาดลงบนหน้าท้องเขาแรงๆ หนึ่งทีจนรู้สึกจุก

    “ตลกเหรอ!” เฮเลนพูด “ฉันกลัวจะแย่”

    “ถ้าแค่จูบไม่กลัวใช่ไหม” เดรโกเลิกคิ้วถามพลางกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น

    “บ้า!” เธอฟาดมือลงบนหน้าท้องเขาอีกครั้ง “นอนได้แล้ว พรุ่งนี้มีประชุมตอนเช้าไม่ใช่เหรอ”

    “ใช่” เขารับพลางถอนหายใจเบาๆ “เรื่องของแฮร์รี่”

    ร่างบางเงียบไปทันทีที่เอ่ยถึงชื่อของพี่ชายฝาแฝด ไม่มีใครพูดอะไรต่อจากนั้นอีก ทั้งสองคนข่มตาให้หลับลงและเฝ้ารอคอยเวลาเช้าที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเยือกเย็น

    ในที่สุดยามเช้าก็มาถึง ดวงอาทิตย์ไม่ยอมทำงานอีกตามเคย เวลาเช้าของพวกเขานั้นช่างเหมือนช่วงพลบค่ำเสียเหลือเกิน หมอกหนาที่บดบังทัศนวิสัยทำให้รู้สึกเหมือนไร้กาลเวลา เดรโกลุกขึ้นจากเตียงนอนอย่างเงียบเชียบที่สุด เขาปล่อยให้เฮเลนนอนหลับต่อไปโดยไม่ได้ปลุกเธอขึ้นมาเหมือนทุกวัน ร่างสูงรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนจะลงไปรวมตัวกับผู้เสพความตายคนอื่นๆ

    เมื่อถึงกำหนดเวลา การรับประทานอาหารเช้าพร้อมกับจอมมารก็ได้เริ่มขึ้น โดยทุกคนได้มีการถกกันเรื่องแผนการในการจัดการกับแฮร์รี่ พอตเตอร์กันเล็กน้อยว่าจะแยกใครไปกับใครดี เดรโกไม่ได้ถูกรับเลือกให้ไปร่วมทีมด้วยเพราะนาร์ซิสซาไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้น ถึงแม้ว่าป้าของเขา เบลาทริกซ์จะไม่ค่อยชอบใจนักที่ถูกปฏิเสธ ตลอดมื้อเช้านั้นเขาแทบไม่ได้ออกความคิดเห็นอะไรไปเลยนอกจากตอบรับหรือส่ายหน้าปฏิเสธเท่านั้น

    “แล้วแม่หนูพอตเตอร์ล่ะ” และนี่เป็นอีกครั้งที่จอมมารถามถึงเฮเลนในช่วงเวลาอาหารเช้า “ไม่ลงมากับแกเหรอเดรโก”

    “เปล่าครับ” เขาตอบ “เธอต้องการพักผ่อนให้เพียงพอ”

    “หล่อนไม่เคยลงมาพบเจอฉันกับครอบครัวเลยนะ” โวลเดอมอร์พูดต่อ “นอกจากฉันจะต้องการตัวมัน... วันพรุ่งนี้แกอย่าลืมสั่งให้มันลงมาด้วยล่ะ เพราะถ้าแกอยากให้มันมาเป็นครอบครัวเดียวกับเราล่ะก็...”

    “ผมจะพยายามครับ” เดรโกกล่าว “บางครั้งการพักผ่อนไม่เพียงพออาจจะทำให้การพยากรณ์ผิดพลาด ผมก็เลยไม่อยากจะทำให้เฮเลนต้องตื่นก่อนเวลาน่ะครับ”

    “สมัยเรียนฮอกวอตส์ฉันได้ข่าวมาว่าแม่นั่นลงเรียนเป็นสิบๆ วิชา” ดวงตาสีแดงเข้มเหลือบไปมองทางสเนปพลางแสยะยิ้มกว้าง “คงไม่น่ามามีปัญหาเรื่องการพักผ่อนตอนอยู่กับพวกเราหรอกใช่ไหม”

    เดรโกลอบถอนหายใจออกมาเงียบๆ

    “คงไม่ครับ” เขาพูด “ผมแค่กลัวว่าการพยากรณ์ของเธอจะผิดพลาดเท่านั้นเอง ท่านโปรดอย่าได้เคืองโกรธ”

    “ไม่หรอก ไม่หรอกเดรโก” โวลเดอมอร์พูดเสียงเย็นเฉียบ “แค่อย่าลืมพามันลงมาด้วยพรุ่งนี้ก็พอ”

    “ครับ” เดรโกรับคำ “ด้วยความยินดี”



    “อุบัติเหตุพวกนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุหรอกนะครับ ทั้งรถชน ระเบิด รถไฟตกรางแล้วก็อะไรอย่างอื่น ที่ยังไม่ได้ออกข่าวด้วย คนหายตัวไปบ้าง ตายบ้าง มีเขาอยู่เบื้องหลังทั้งนั้น โวลเดอมอร์นั่นแหละ ผมบอกลุงไม่รู้กี่ครั้งกี่หนแล้วว่าเขาฆ่าพวกมักเกิ้ลเพื่อความสนุกเท่านั้น แม้แต่พวกหมอกนี่ มันก็เกิดจากผู้คุมวิญญาณ แล้วถ้าลุงจำไม่ได้ว่ามันคืออะไรก็ถามลูกชายลุงดูสิ!

    แฮร์รี่ตะเบ็งเสียงในห้องนั่งเล่นแคบๆ ของบ้านครอบครัวเดอร์สลีย์หลังจากที่ลุงเวอร์นอนเปลี่ยนใจไม่ยอมหนีไปครั้งที่ร้อยล้านได้แล้วกระมัง ดัดลีย์ ลูกพี่ลูกน้องของเขายกมือขึ้นปิดปากอย่างอึ้งๆ

    “นี่ยังมีพวกมันอีกหรอ”

    “มีอีกเหรอ” แฮร์รี่หัวเราะ “มีมากกว่าสองตัวที่โจมตีฉัน นายแล้วก็เฮเลนวันนั้นซะอีก มันมีอีกเป็นร้อยตัวเลยดัดลีย์ ตอนนี้อาจจะเพิ่มมาเป็นพันแล้วก็ได้!

    “เอาล่ะ!” ลุงเวอร์นอนพูด “เราพอจะเห็นภาพแล้ว”

    “ผมก็หวังว่างั้น!” แฮร์รี่ตอบ “เพราะว่าทันทีที่ผมอายุสิบเก้า พวกนั้นทั้งหมดก็จะเข้าถึงลุงได้และพวกมันจะโจมตีลุงแน่นอน ผู้เสพความตาย ผู้คุมวิญญาณ แถมอาจจะมีพวกอินเฟอไร แล้วถ้าลุงจำหนสุดท้ายที่พยายามจะหนีพ่อมดได้ล่ะก็ ผมคิดว่าลุงคงเห็นด้วยที่ว่าลุงต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน!

    ป้าเพ็ตทูเนียหันไปมองลุงเวอร์นอนเล็กน้อย

    “แต่งานของฉันล่ะ โรงเรียนของดัดลีย์ เรื่องพวกนี้ไม่สำคัญสำหรับพ่อมดจอมขี้เกียจ...”

    “นี่ลุงยังไม่เข้าใจอีกเหรอ!” แฮร์รี่ตะโกนใส่อย่างหมดความอดทน “พวกเขาจะทรมานแล้วก็ฆ่าลุงเหมือนที่ทำกับพ่อแม่ผม! ไม่แน่เขาอาจจะจับตัวลุงไปเหมือนเฮเลนก็ได้ แล้วก็ทรมานลุงไปเรื่อยๆ จนกว่าลุงจะยอมบอกเขา!!

    “พ่อ” ดัดลีย์งึมงำ “พ่อ ผมจะไปกับพวกภาคี”

    “นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยนะที่นายพูดรู้เรื่อง”

    แฮร์รี่พูดและเขาคิดว่าเขาได้รับชัยชนะในการรบครั้งนี้แล้ว ถ้าดัดลีย์ยอมไปกับภาคี ป้าและลุงก็คงต้องติดตามไปด้วย ไม่มีทางหรอกที่ทั้งสองจะยอมแยกกับดิ๊ดดีคินส์ของพวกเขา แฮร์รี่ชำเลืองมองไปที่นาฬิกาที่ตั้งอยู่บนหิ้งเหนือเตาผิง

    “อีกห้านาทีพวกเขาจะมา” เขาบอก ไม่มีใครตอบรับอะไร “หวังว่าพวกคุณคงจะพร้อม”

    “แล้วเฮเลนล่ะ” ดัดลีย์ว่า “ฉันไม่เห็นเขากลับมากับนายเลย”

    “แล้วฉันไม่ได้บอกเหรอดัดลีย์” แฮร์รี่ตอบ น้ำเสียงเจือความรำคาญ “เขาถูกจับไปแล้ว จับไปอยู่กับพวกมัน!

    “นายหมายถึง นายจะไปช่วยยัยนั่นใช่ไหม”

    แฮร์รี่ไม่ตอบ แต่พยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง เขารู้สึกดีขึ้นไม่น้อยเลยเมื่อรู้ว่าจะได้แยกทางกับลุง ป้าและลูกพี่ลูกน้อง อาจจะตลอดกาลเลย แต่ก็มีอะไรบางอย่างในอก เขาจะพูดอะไรดีล่ะเมื่อต้องสิ้นสุดเวลาสิบแปดปีแห่งความเกลียดชังที่ผ่านพ้นไป

    แฮร์รี่กลับเข้าห้องนอน ยัดถั่วนกฮูกให้กับเฮนรี่และเฮ็ดวิก ทั้งสองตัวทำเป็นมองไม่เห็นมัน

    “เดี๋ยวก็จะได้ไปแล้ว” แฮร์รี่บอก “เดี๋ยวพวกแกก็จะได้บินอีก”

    ไม่นานนักเสียงกระดิ่งประตูก็ดังขึ้น แฮร์รี่ไม่ลังเลเลยที่จะวิ่งลงไปข้างล่าง เขาจะให้เฮสเทียกับดีดาลัสจัดการ พวกเดอร์สลีย์ตามลำพังก็คงจะเกินกำลังไปหน่อย

    “แฮร์รี่ พอตเตอร์!” เสียงแหลมๆ ดังขึ้นทันทีที่แฮร์รี่เปิดประตูหน้าบ้าน ชายร่างเล็กสวมหมวกทรงสูงก้มตัวโค้งคำนับให้เขา “เป็นเกียรติที่ได้พบ เช่นเคยครับ”

    “ขอบคุณครับดีดาลัส” แฮร์รี่ตอบ “คุณใจดีมากที่จะช่วยเรื่องนี้ พวกเขาอยู่ทางนี้ครับ”

    “สวัสดีทุกท่าน เหล่าเครือญาติของพี่น้องพอตเตอร์” ดีดาลัสพูดอย่างมีความสุข ก้าวอาดๆ ไปยังห้องนั่งเล่น พวกเดอร์สลีย์ดูไม่มีความสุขเลยที่ถูกเรียกแบบนั้น แฮร์รี่แอบหวั่นว่าพวกเขาคงไม่เปลี่ยนใจกันอีก

    “พวกเราจะออกเดินทางกันก่อนแฮร์รี่นะครับ” ดีดาลัสเอ่ย ดึงนาฬิพกเรือนใหญ่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อและตรวจดู “เราเสกเวทมนตร์ในบ้านของพวกคุณไม่ได้เพราะแฮร์รี่ยังอายุไม่ถึงกำหนด ถ้าเสกไปอาจจะเป็นข้ออ้างให้กระทรวงจับกุมเขาได้ ดังนั้นเราจะขับรถออกไปจากที่นี่สักประมาณสิบไมล์หรืออาจจะไกลกว่านั้นหน่อยแล้วก็จะหายตัวไปสู่สถานที่ปลอดภัยซึ่งเราได้เลือกสรรแล้วว่าเหมาะสำหรับพวกคุณ”

    “ส่วนคุณ แฮร์รี่” ดีดาลัสพูดต่อไป “คุณต้องคอยผู้คุมกันอยู่ที่นี่ วิธีการอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย”

    “หมายความว่าไงครับ” แฮร์รี่ถามทันควัน “ผมคิดว่าแม้ด-อายจะมาพาหายตัวแบบติดตามไม่ใช่เหรอ”

    “ทำไม่ได้แล้วล่ะ” เฮสเทียบอก “แม้ด-อายจะอธิบายให้ฟังเอง”

    “งั้นก็ลาก่อนล่ะไอ้หนู” ลุงเวอร์นอนพูดเสียงดัง เขายื่นแขนขวาออกมาจะจับมือกับแฮร์รี่ แต่แล้วเมื่อนาทีสุดท้ายก็ไม่อาจฝืนทำได้

    “พร้อมรึยังดิ๊ดดี้” ป้าเพ็ตทูเนียถาม วุ่นวายกับการตรวจสปริงปิดประเป๋าถือ ดัดลีย์ไม่ได้ตอบ

    “งั้นเราก็ไปกันเถอะ” ลุงเวอร์นอนบอก พร้อมกับเดินไปที่ประตูหน้าบ้านตามดีดาลัสและเฮสเทียไปโดยมีป้าเพ็ตทูเนียและดัดลีย์เดินตามหลังไปติดๆ แต่เพียงแค่เขาเดินไปถึงประตูห้องนั่งเล่น เสียพึมพำเบาๆ ก็ดังขึ้น

    “ผมไม่เข้าใจ” ดัดลีย์ว่า “ทำไมเขาไม่ไปกับเรา”

    ลุงเวอร์นอนกับป้าเพ็ตทูเนียตัวแข็งทื่อ

    “เอ่อ.. เขาไม่อยากมาน่ะ” ลุงเวอร์นอนบอก “ใช่ไหมล่ะ”

    “ใช่ ไม่อยากไปเลยสักนิด” แฮร์รี่ตอบเสียงเรียบ

    “เห็นไหม” ลุงเวอร์นอนบอกดัดลีย์ “ไปกันได้แล้วล่ะ”

    เขาเดินนำหน้าตึงๆ ออกไปก่อน ทุกคนได้ยินเสียงประตูหน้าบ้านเปิดแต่ดัดลีย์ยังไม่ขยับเขยื้อน ดูเหมือนเขากำลังต่อสู้กับความคิดที่ยากจะอธิบายของตัวเองอยู่พักใหญ่ๆ

    “แต่เขาจะไปอยู่ไหนล่ะ”

    ป้าเพ็ตทูเนียและลุงเวอร์นอนหันไปสบตากัน เห็นได้ชัดว่าดัดลีย์ทำให้พวกเขาตื่นกลัว

    “แต่พวกคุณก็ต้องรู้ไม่ใช่เหรอว่าหลานจะไปอยู่ไหน" เฮสเทียถามอย่างงุนงง "หรือพวกคุณไม่เคยสงสัยเลยว่าฝาแฝดของแฮร์รี่ไม่ได้กลับมาด้วย” 

    “แน่นอน” เวอร์นอน เดอร์สลีย์ตอบ “พวกเขาไปอยู่กับคนประเภทเดียวกับคุณไง ไปเถอะดัดลีย์ เรากำลังรีบนะ” อีกครั้งที่ดัดลีย์ไม่ยอมตามไป

    “ไปอยู่กับคนประเภทเดียวกับเรางั้นเหรอ?” เฮสเทียดูกราดเกรี้ยว พ่อมดและแม่มดส่วนใหญ่มักจะงงที่ญาติสนิทที่สุดของเขาและเฮเลนยังมีชีวิตอยู่และดูเหมือนจะไม่ค่อยสนใจชีวิตของทั้งสองด้วยซ้ำ

    “ไม่มีความหมายหรอกครับ” แฮร์รี่พูด “ไม่เป็นไร”

    “ไม่มีความหาย?” เฮสเทียทวนคำเสียงสูง “พวกนี้มันไม่เคยรู้เลยรึไงว่าพวกเธอต้องผ่านอะไรกันมาบ้าง พวกเธออยู่ในอันตรายแค่ไหน พวกเธอมีความหมายแค่ไหนในหัวใจของขบวนการต่อต้านลอร์ดมืด”

    “พวกเขาไม่รู้หรอกครับ” แฮร์รี่ตอบ “จริงๆ พวกเขาคิดเสมอว่าเราสองคนก็แค่เศษสวะ แต่ก็...”

    “ฉันไม่เคยคิดว่าพวกนายเป็นแค่สวะนะ”

    ถ้าแฮร์รี่ไม่ได้เห็นริมฝีปากของดัดลีย์ขยับเขาก็คงจะไม่เชื่อหูตัวเองแน่ เขาจ้องมองดัดลีย์อยู่ชั่วอึดใจก่อนจะยอมรับว่าลูกพี่ลูกน้องของเขาเป็นคนพูดประโยคนั้นออกมาเอง มันทำให้เขารู้สึกประหลาดใจไม่น้อยและแฮร์รี่คิดว่าถ้าเฮเลนยืนอยู่ข้างๆ เขาเธอก็คงประหลาดใจไม่ต่างกัน ตอนนี้เธอจะเป็นยังไงบ้างนะ?

    “ขอบใจดัดลีย์” แฮร์รี่บอกเขา

    “นายช่วยชีวิตฉันไว้ ยัยนั่นด็ด้วย”

    “ไม่เชิง” แฮร์รี่ตอบ “พวกมันจะเอาจิตวิญญาณของนาย ไม่ใช่ชีวิต”

    “นี่เราจะไปกันได้รึยัง!” ลุงเวอร์นอนคำราม “ฉันคิดว่าเราควรจะกวดขันเรื่องเวลาซะอีก”

    “ใช่ครับ ใช่ๆ” ดีดาลัสบอก เขาเฝ้ามองดูเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยความงงงวย “เราต้องไปแล้วแฮร์รี่”

    เขาเดินเข้ามาบีบมือแฮร์รี่

    “โชคดีครับ หวังว่าเราจะได้พบกันอีก ความหวังของทุกคนอยู่บนบ่าของพวกคุณนะ”

    “ครับ” แฮร์รี่ตอบ “ขอบคุณ”

    “ลาก่อนแฮร์รี่” เฮสเทียพูด “เราจะคิดถึงเธอเสมอ”

    “ผมหวังว่าทุกอย่างคงเรียบร้อยดีนะครับ” แฮร์รี่พูดพลางชำเลืองมองญาติทั้งสาม

    “ผมแน่ใจว่าจะไปได้ดี” ดิกเกิ้ลพูดอย่างแจ่มใส โบกหมวกให้ขณะออกไปพร้อมลุงเวอร์นอนโดยมีเฮสเทียตามไป ดัดลีย์เดินเข้ามาหาแฮร์รี่ซึ่งเขาต้องระงับใจอย่างมากไม่ให้ใช้เวทมนตร์ขู่เขาให้ถอยกลับไป ดัดลีย์ยื่นมือใหญ่ๆ ออกมา

    “ให้ตายสิ” แฮร์รี่พูด “พวกผู้คุมวิญญาณมันเป่าบุคลิกใหม่เข้าไปในตัวนายรึไง”

    “ไม่รู้สิ” ดัดลีย์พึมพำ “แล้วเจอกันแฮร์รี่”

    “อื้อ” ดัดลีย์ตอบ จับมือดัดลีย์เขย่า “บางที... ดูแลตัวเองด้วยบิ๊กดี”

    ดัดลีย์ยิ้มออกมาบางๆ จากนั้นก็เดินอุ้ยอ้ายออกไปจากห้อง ป้าเพ็ตทูเนียเงยหน้าขึ้นมองรอบๆ ห้อง บางทีเธอเองก็คงจะไม่ได้คิดมาก่อนว่าจะต้องอยู่กับแฮร์รี่ตามลำพัง

    “ฉันอยู่ที่นี่มายี่สิบเอ็ดปี” เธอพึมพำ “แต่วันนี้ฉันจะต้องจากมันไป”

    “เพื่อความปลอดภัยของป้าเองนะครับ”

    “ฉันรู้” ป้าเพ็ตทูเนียตอบ “ในคืนนั้นน่ะ... มันไม่ใช่แกคนเดียวหรอกนะที่สูญเสียแม่ไป”

    “ครับ” แฮร์รี่พูดด้วยน้ำเสียงงงงวย

    “วันนั้น” เธอพูดต่อ “ฉันเองก็เสียน้องสาวคนเดียวของฉันไปเหมือนกัน -- ลาก่อนนะ พอตเตอร์”

    จากนั้นเธอก็เดินไปที่ประตูก่อนจะตามสามีและลูกไปที่รถโดยมีดีดาลัสและเฮสเทียยืนคอยอยู่ตรงนั้น

    “ลาก่อนครับ”



    ติดตามตอนต่อไป...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×