ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfic Harry Potter] [OCxDM] If Harry Potter has a sister!

    ลำดับตอนที่ #44 : บทที่ 18 : ฮอร์ครักซ์

    • อัปเดตล่าสุด 9 ก.ย. 64


    บทที่ 18 : ฮอร์ครักซ์ 


    “เธอพูดจริงเหรอที่ว่าได้แล้ว” เดรโกถาม เฮเลนและแฮร์รี่เบียดกันอยู่ในผ้าคลุมล่องหน

    “ใช่ ฉันเห็นเต็มๆ ตาเลยว่าเขามีตรามารอยู่ที่แขนซ้าย” เฮเลนตอบ “แถมแฮร์รี่ก็ได้ความทรงจำมาแล้วด้วย”

    “แล้วไปทำอีท่าไหนถึงได้เห็น” เขาถามอีกรอบ เฮเลนเงียบเสียงลงในทันที จะให้บอกได้ยังไงว่าทำอะไรมา!

    “เอ่อ...” เธออึกอัก “น้ำยานำโชคน่ะ จำได้ไหมฉันได้มันมาจากซลักฮอร์น”

    “อ่อ” เดรโกไม่ถามอะไรต่อ จนพวกเขาเดินมาเจอแฮร์รี่ที่หน้ารูปปั้นสัตว์ประหลาด เฮเลนดึงผ้าคลุมออกส่งคืนให้แฮร์รี่  เขามีท่าทีตื่นเต้นกว่าทุกที รีบหันไปหารูปปั้นสัตว์ประหลาดและพูดคำว่า ทอฟฟี่เอแคลร์ ในทันที มันกระโจนหลบไปข้างๆ ทั้งสามคนก้าวขึ้นไปยังบันไดเวียน

    “เข้ามา” ดัมเบิลดอร์บอกหลังจากแฮร์รี่เคาะประตู เสียงของเขาฟังดูอ่อนเพลีย

    เดรโกผลักประตูเปิดออก ห้องทำงานดัมเบิลดอร์ดูเหมือนเดิมอย่างที่เคยเห็น

    “อะไรกันเธอสามคน” ดัมเบิลดอร์ร้องอย่างประหลาดใจ “มีเรื่องอะไรมาเยี่ยมฉันดึกป่านนี้”

    “อาจารย์คะ!” เฮเลนพูดขึ้นก่อนทันที “หนูเห็นแล้ว! ที่แขนซ้ายของแท็คมีตรามารอยู่”

    “โอ้...” ดัมเบิลดอร์คราง “มันช่างเป็นข่าวร้ายจริงๆ แล้วเธอพอจะรู้อีกไหมว่าเขาต้องการอะไรจากฉัน”

    “เขาต้องการฆ่าคุณ” เดรโกตอบ “ผมได้รู้มาอีกว่าเขาพยายามซ่อมตู้อันตรธานเหมือนกับผม ผมคิดว่าเขาอาจจะเป็นคนที่โวลเดอมอร์สั่งมาเพื่อกระตุ้นให้ผมทำให้สำเร็จครับอาจารย์”

    “ดีมากทั้งสองคน” อาจารย์ใหญ่ลุกขึ้นยืน กวาดตามองทุกคนด้วยสายตาเหนื่อยอ่อน “แล้วแฮร์รี่ล่ะ”

    “ผมได้ความทรงจำของซลักฮอร์นมาแล้วครับ!

    แฮร์รี่ดึงขวดแก้วออกมาให้ดัมเบิลดอร์ดู อาจารย์ใหญ่ตะลึงไปครู่หนึ่ง

    “ดีมากเลยแฮร์รี่!” เขาพูดพร้อมกับเดินไปที่ตู้เก็บเพนซิฟ ใบหน้ายังคงเหนื่อยอ่อน เขาเดินกลับมาวางหินอ่อนลงบนโต๊ะ ดูท่าว่าเขาจะรู้สึกดีขึ้นเมื่อทั้งสามคนส่งการบ้านให้กับเขาครบทุกคน

    “และตอนนี้” ดัมเบิลดอร์รับขวดในมือแฮร์รี่มาและเทลงไปจนหมด “ในที่สุดเราจะได้เห็นเสียที มาเร็วเข้า”

    ทุกคนไม่รอช้าเดินเรียงกันก้มลงไปในแพนซิฟอย่างเชื่อฟัง เฮเลนลอยผ่านความมืดไปและมายืนอยู่ในห้องทำงานซลักฮอร์นเมื่อหลายสิบปีก่อน ฮอเรช ซลักฮอร์นวัยหนุ่มนั่งอยู่ในห้องนั้น ผมสีฟางหนาและหนวดเป็นสีบลอนด์น้ำตาลแดง เขานั่งอยู่ในห้องทำงานบนเก้าอี้นวมเท้าแขนแสนสบาย เท้าวางพักอยู่บนม้านั่งเตี้ยๆ หุ้มกำมะหยี่ แก้วไวน์ใบเล็กอยู่ในมือ อีกมือหนึ่งคุ้ยเขี่ยสับปะรดแก้วในกล่อง มีนักเรียนรุ่นราวคราวเดียวกับเฮเลนนั่งล้อมรอบเขา ทอม ริดเดิ้ลนั่งอยู่ตรงข้ามกับซลักฮอร์นพอดี แหวนหินสีดำบนมือเขาส่องแสงวูบวาบอยู่บนมือ

    ดัมเบิลดอร์ แฮร์รี่และเดรโกลงตามมายืนข้างๆ เฮเลนพอดีเมื่อริดเดิ้ลเอ่ยคำถาม

    อาจารย์ครับ เป็นความจริงเหรอครับที่ว่าศาสตราจารย์เมร์รี่ธอตกำลังจะเกษียณ

    ทอม ถึงฉันรู้ฉันก็บอกเธอไม่ได้หรอก ซลักฮอร์นตอบ ส่ายนิ้วที่มีคราบน้ำตาลจับไปที่ริดเดิ้ลอย่างตำหนิ ฉันขอบอกตรงๆ นะ ฉันอยากรู้นักว่าเธอไปได้ข้อมูลพวกนี้มาจากไหนพ่อหนุ่ม เธอน่ะรู้มากกว่าพวกอาจารย์เสียอีก

    ริดเดิ้ลยิ้ม เด็กคนอื่นๆ หัวเราะและชื่นชมเขา

    ด้วยความสามารถลึกลับในการรู้สิ่งไม่ควรรู้ และความชำนาญในการประจบประแจงคนที่มีความสำคัญ... อ้อ! ขอบใจนะสำหรับสับปะรด มันเป็นของโปรดของฉัน’ 

    เด็กๆ หัวเราะร่วนอีกครั้ง

    ฉันคาดหวังอย่างมั่นใจว่าเธอจะขึ้นเป็นรัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์ในเวลายี่สิบปี หรือสิบถ้าหากเธอหมั่นส่งสับปะรดมาให้ฉัน ฉันมีเส้นสายชั้นเยี่ยมเลยล่ะที่กระทรวง

    ทอม ริดเดิ้ลเพียงแต่ยิ้มในขณะที่คนอื่นๆ หัวเราะกันอีกครั้ง เฮเลนสังเกตว่าเขาก็ไม่ได้ดูอายุมากกว่าคนอื่นๆ แต่ทุกคนดูเหมือนจะยกย่องให้เขาเป็นผู้นำเสียอย่างนั้น

    ผมไม่รู้ว่ามันเหมาะกับผมรึเปล่านะครับ เขาพูดเมื่อเสียงหัวเราะเงียบลง ประการหนึ่ง ผมไม่มีพื้นฐานครอบครัวที่เหมาะสม

    เด็กหนุ่มสองคนในบรรดาพวกที่นั่งรอบๆ เขาส่งยิ้มให้กัน เฮเลนแน่ใจว่าสองคนนั้นคงจะสนุกกับตลกส่วนตัวอะไรบางอย่าง ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นเรื่องที่เขารู้

    ไร้สาระ ซลักฮอร์นบอกปัดทันที ความสามารถอย่างเธอนี่มันเห็นอยู่ชัดๆ ว่ามาจากเทือกเขาเหล่ากอของผู้วิเศษชั้นดี รับรองเลยทอม เธอจะไปได้ไกลแน่ๆ ฉันยังไม่เคยทำนายผิดเลยเรื่องนักเรียน

    นาฬิกาเรือนทองที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานของซลักฮอร์นตีบอกเวลาห้าทุ่ม ทุกคนหันไปมอง

    อะไรกัน ถึงเวลาแล้วงั้นเหรอ ซลักฮอร์นพูด พวกเธอกลับกันไปก่อนดีกว่าพ่อหนุ่มทั้งหลาย ไม่งั้นเดี๋ยวเราจะได้เจอเรื่องยุ่ง เลสแตรงจ์ ฉันต้องการให้เธอส่งเรียงความพรุ่งนี้ ไม่อย่างนั้นจะถูกกักบริเวณนะ เธอด้วยเอเวอรี่

    เฮเลนได้ยินนามสกุลเลสแตรงจ์แล้วหงุดหงิดขึ้นทันใด บางทีเด็กหนุ่มที่ซลักฮอร์นหันไปหานั่นอาจจะเป็นบรรพบุรุษหรืออาจจะเป็นโรโดลฟัส เลสแตรงจ์ คนที่พยายามฆ่าเธอในห้องมรณะและเขาเป็นคนที่ฆ่าลูเซียสด้วย เด็กหนุ่มเหล่านั้นเรียงแถวออกไปจากห้อง ซลักฮอร์นลุกจากเก้าอี้และถือแก้วเปล่าเดินไปที่โต๊ะทำงาน แต่ทอม ริดเดิ้ลยังอยู่ตรงที่เดิม

    ระวังตัวหน่อยทอม เธอคงไม่อยากถูกจับได้ว่าอยู่นอกเตียงเวลาเข้านอนแล้วใช่ไหม และเธอยังเป็นพรีเฟ็ตด้วย

    อาจารย์ครับ ผมอยากถามอาจารย์เรื่องหนึ่ง

    ถามมาเลย เอาสิพ่อหนุ่มน้อย ถามมาได้เลย...

    อาจารย์ครับ ผมสงสัยว่าอาจารย์รู้เรื่อง... ฮอร์ครักซ์ไหมครับ

    ซลักฮอร์นจ้องมองเขา

    โครงงานสำหรับวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดหรือไง

    เฮเลนบอกได้เลยว่าเขารู้ดีว่านี่ไม่ใช่งานในวิชาเรียน

    ไม่ใช่ซะทีเดียวหรอกครับ ริดเดิ้ลตอบ ผมเจอคำนี้ระหว่างที่อ่านหนังสือ และผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่'

    ไม่เข้าใจ? อ่อ! เธอจะหาหนังสือในฮอกวอตส์ที่บอกรายละเอียดเกี่ยวกับฮอร์ครักซ์ได้ยากแน่ๆ ทอม นั่นเป็นศาสตร์มืดชั้นสูงเลยทีเดียว

    แต่อาจารย์ทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่ๆ ไม่ใช่เหรอครับ ผมหมายความว่าพ่อมดระดับอาจารย์แล้ว มันชัดเจนว่า ถ้าอาจารย์ไม่สามารถบอกผมได้ คงไม่มีใครอื่นอีกแล้วครับ... ผมคิดว่าถ้าจะมีใครสักคนบอกผม คนนั้นน่าจะเป็นอาจารย์น่ะครับ

    ทำได้เยี่ยม เฮเลนคิด อาการลังเล น้ำเสียงสบายๆ การป้อยออย่างถูกจังหวะ ไม่มีอะไรมากเกินไป เมื่อลองเทียบกับตอนที่เฮเลนพยายามหลอกล่อแท็คแล้ว มองออกทันทีเลยว่าระดับริดเดิ้ลนี่เก่งเข้าขั้นครู รู้ได้เลยว่าริดเดิ้ลคงอยากได้ข้อมูลนี้มากทีเดียว

    เอ ซลักฮอร์นลากเสียง เอาเถอะนะ คงไม่เป็นอะไรถ้าฉันจะบอกเธออย่างกว้างๆ แค่ให้เธอเข้าใจเท่านั้น ฮอร์ครักซ์เป็นคำใช้เรียกวัตถุหนึ่งที่คนหนึ่งซ่อนวิญญาณส่วนหนึ่งของเขาเอาไว้ในนั้น

    แต่ผมไม่เข้าใจชัดเจนนะครับว่ามันทำงานยังไง ริดเดิ้ลบอก

    อ๋อ เธอก็ตัดแยกวิญญาณของเธอไง เข้าใจไหม ซลักฮอร์ตอบ แล้วซ่อนส่วนหนึ่งไว้ในวัตถุที่อยู่นอกร่าง ฉะนั้น ถึงร่างของคนผู้นั้นจะถูกทำลาย เขาก็ไม่อาจตายได้ เพราะดวงวิญญาณส่วนหนึ่งยังคงอยู่และไม่บุบสลาย แต่แน่ล่ะ เป็นการดำรงอยู่ในรูปแบบที่...ซลักฮอร์นทำหน้ายู่ยี่ มีแค่ไม่กี่คนหรอกที่ต้องการชีวิตแบบนี้ ทอม น้อยคนเหลือเกิน ความตายน่าจะดีเสียกว่า

    “ฉันจำได้เมื่อสองปีก่อน” แฮร์รี่บอก “เขาเคยพูดว่าเขาถูกฉีกออกจากร่าง เรียกไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเป็นวิญญาณหรือแม้แต่ผี แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่ตาย”

    “เป็นฉันขอตายดีกว่า” เฮเลนพูด “มันอาจจะดีกว่าทนอยู่แบบนั้น”

    “แล้วถ้าเกิดผู้ภัคดีต่อเขาไม่เหลืออีก” เดรโกบอก “เขาคงไม่สามารถคืนชีพมาได้”

    “ฉันว่าฉันไม่น่าใจดีปล่อยหางหนอนไปเลย” แฮร์รี่ขมวดคิ้วหงุดหงิดเล็กน้อย เดรโกยักไหล่ ดูความทรงจำต่อไปอย่างเงียบๆ

    แล้วทำยังไงถึงจะแยกวิญญาณได้ล่ะครับ

    เฮ้อ ซลักฮอร์นถอนหายใจเบาๆ เธอต้องเข้าใจนะว่าวิญญาณนั้นควรจะไม่บุบสลายและอยู่ครบสมบูรณ์ การแยกวิญญาณออกมาเป็นการกระทำที่ฝืนกฎธรรมชาติ

    แต่ทำได้ไงล่ะครับ

    โดยการกระทำความชั่ว... ความชั่วที่เลวร้ายที่สุดหรือก็คือการฆาตกรรม การฆ่าจะทำให้วิญญาณฉีกขาด พ่อมดผู้ต้องการสร้างฮอร์ครักซ์จะใช้ความเสียหายนี้ให้เป็นประโยชน์ต่อตนเอง เขาจะหุ้มห่อส่วนที่ฉีกขาดออกมา...

    หุ้มห่อ? ยังไง?

    มีคาถาน่ะ อย่าถามฉันเลย ฉันไม่รู้!’ ซลักฮอร์นตอบ พลางส่ายหน้าไปมา ฉันดูเหมือนเคยทำรึยังไง

    เปล่าครับอาจารย์ ริดเดิ้ลรีบตอบ ผมขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้อาจารย์เคืองโกรธ...

    ไม่ใช่หรอก ไม่ใช่!’ ซลักฮอร์นพูดเสียงแหบ เป็นธรรมชาติที่รู้สึกอยากจะรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ พ่อมดที่มีสติปัญญาระดับนี้มักจะถูกเวทมนตร์ประเภทนั้นดึงดูดได้ง่าย

    ใช่ครับ ริดเดิ้ลพูด สิ่งที่ผมยังไม่เข้าใจ... มันก็แค่ความอยากรู้น่ะครับ ว่าฮอร์ครักซ์หนึ่งอันจะมีประโยชน์แค่ไหนครับ เราสามารถแยกวิญญาณได้เพียงครั้งเดียวเหรอ จะไม่ดีกว่าถ้าหากจะแยกวิญญาณออกเป็นหลายๆ ส่วน ผมหมายความว่า เลขเจ็ดนี่ไม่ใช่เลขวิเศษที่มีพลังอำนาจที่สุดหรอกเหรอครับ

    เคราเมอร์ลิน ทอม!’ ซลักฮอร์นร้องเสียงหลง เจ็ด! แค่ฆ่าคนๆ เดียวยังไม่แย่พออีกเหรอ มันเลวร้ายจะแย่แล้วที่ตัดแบ่งวิญญาณ แต่นี่ถึงขั้นจะแยกออกเป็นเจ็ด...

    ตอนนี้ซลักฮอร์นมีท่าทีกังวลใจ เขาจ้องมองริดเดิ้ลราวกับไม่เคยมองมาก่อนและเฮเลนคิดว่าเขาคงเสียใจมากที่เข้าร่วมการสนทนาในครั้งนี้

    แน่นอนว่ามันเป็นแค่เรื่องวิชาการ เขาพึมพำ เป็นแค่เรื่องสมมุติใช่ไหมทอม

    ใช่ครับ แน่นอนริดเดิ้ลตอบอย่างรวดเร็ว

    “ขอบใจมากแฮร์รี่” ดัมเบิลดอร์กล่าว “พวกเราออกไปกันเถอะ”

    เมื่อทั้งสี่กลับมาอยู่ที่ห้องทำงาน ดัมเบิลดอร์เดินไปหลังโต๊ะทำงานของเขา เฮเลนเดินไปนั่งตรงข้ามตามด้วยเดรโกและแฮร์รี่ที่เข้ามายืนทางด้านหลังดังเคย

    “ฉันหวังจะได้หลักฐานนี้มานานมากแล้ว” ดัมเบิลดอร์พูด “มันยืนยันทุกอย่างที่ฉันคิด มันบอกฉันว่าถูกแล้ว และบอกว่าเรายังต้องไปอีกไกลแค่ไหนด้วย”

    สังเกตเห็นได้ชัดว่ารูปภาพอาจารย์ใหญ่ชายหญิงแต่ละคนไม่ได้แกล้งทำเป็นหลับอีกแล้ว พวกเขาตื่นขึ้นและฟังการสนทนาของทั้งสี่คน พ่อมดร่างอ้วนใหญ่จมูกแดงถึงขั้นเอาหูฟัง (?) ขึ้นมาใส่ด้วย

    “เอาล่ะทั้งสามคน” ดัมเบิลดอร์เอ่ย “ฉันแน่ใจว่าพวกเธอเข้าใจความสำคัญของสิ่งที่เราเพิ่งได้ยินไป เมื่ออายุเท่ากับพวกเธอ อาจจะมากหรือน้อยกว่าแค่ไม่กี่เดือน ทอม ริดเดิ้ลทำทุกอย่างเพื่อที่เขาจะได้มีชีวิตอมตะ”

    “อาจารย์คิดว่าเขาทำสำเร็จเหรอครับ” เดรโกถาม “เขาสร้างฮอร์ครักซ์ขึ้นมาเหรอครับ”

    “สำเร็จอยู่แล้วแน่นอน” ดัมเบิลดอร์ตอบ “นั่นเป็นสาเหตุที่เขาไม่ตาย”

    “ตอนที่เขาทำร้ายเรา” แฮร์รี่พูด “เขามีฮอร์ครักซ์ซ่อนเอาไว้ วิญญาณส่วนหนึ่งของเขาถึงปลอดภัยใช่ไหมครับอาจารย์!

    “อาจจะเป็นส่วนหนึ่ง... หรือมากกว่านั้น” ดัมเบิลดอร์บอก “พวกเธอได้ยินโวลเดอมอร์พูดแล้ว สิ่งที่เขาต้องการจริงๆ ก็คือความเห็นที่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพ่อมดที่สร้างฮอร์ครักซ์มากกว่าหนึ่งอัน ฉันคิดว่าไม่มีหนังสือเล่มไหนที่จะให้ข้อมูลนั้นแก่เขา ฉันแน่ใจว่าไม่เคยมีพ่อมดคนไหนเลยที่ฉีกแยกวิญญาณมากกว่าสองส่วน”

    “หรือว่านั่นคือเหตุผลที่หน้าตาเขาไม่เหมือนมนุษย์คะ ศาสตราจารย์!” เฮเลนพูด

    ดัมเบิลดอร์เงียบไปครู่หนึ่งและพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะกล่าว

    “เมื่อสี่ปีก่อน ฉันได้รับสิ่งที่ตัดสินได้ว่าเป็นหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงว่าโวลเดอมอร์แยกวิญญาณของเขา”

    “ที่ไหนครับ” แฮร์รี่ถาม “ได้มายังไง”

    “เธอสองคนเอามันมาให้ฉัน” ดัมเบิลดอร์ตอบ มองมายังแฮร์รี่และเฮเลน “สมุดบันทึกของทอม ริดเดิ้ล สมุดที่มีคำสั่งว่าจะเปิดห้องแห่งความลับได้อย่างไร”

    “เขาอยากให้ทุกคนรู้ว่าเขาเป็นทายาทสลิธีริน เพราะเขาไม่อาจพูดได้เมื่อครั้งนั้น” แฮร์รี่ตอบ

    “ถูกต้อง” ดัมเบิลดอร์รับ “แต่พวกเธอไม่เห็นเหรอว่า ถ้าเขาจงใจให้มีการมอบบันทึกให้นักเรียนคนใดคนหนึ่งในฮอกวอตส์ มันก็น่าประหลาดมากที่เขาไม่แยแสกับเสี้ยวหนึ่งของวิญญาณอันมีค่าที่ซ่อนเอาไว้ข้างใน ฮอร์ครักซ์ต้องถูกเก็บซ่อนเอาไว้อย่างปลอดภัย ไม่ใช่โยนไปให้ใครก็ได้ และมันจะเสี่ยงถ้าคนพวกนั้นทำลายมันทิ้ง... และอย่างที่เกิดขึ้นคือแฮร์รี่ทำลายมัน”

    “งั้นแสดงว่าการทำลายสมุดนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเขาเหรอครับ” เดรโกเอ่ยขึ้น

    “เปล่า มันส่งผลกระทบต่อเขา” ดัมเบิลดอร์พูด “แต่การปล่อยปละละเลยที่โวลเดอมอร์กระทำนี้มันกำลังบอกกับฉันว่าเขาวางแผนจะสร้างฮอร์ครักซ์มากกว่าหนึ่งอัน ดังนั้นการสูญเสียฮอร์ครักซ์อันแรกไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายและไม่มีอะไรอื่นที่สมเหตุสมผลไปมากกว่านี้แล้ว”

    ทั้งสามคนเงียบกริบไม่มีความเห็นอะไร

    “แล้วในอีกสองปีต่อมา แฮร์รี่บอกฉันว่าในคืนที่โวลเดอมอร์กลับคืนสู่ร่างเขากล่าวคำพูดที่น่าตื่นตกใจและชัดเจนมากที่สุดสำหรับผู้เสพความตายว่า ข้าผู้มาไกลกว่าใครอื่นบนเส้นทางแห่งความเป็นอมตะ และฉันคิดว่านั่นหมายความว่าอะไร แม้ว่าผู้เสพความตายเหล่านั้นจะไม่รู้ เขาหมายถึงฮอร์ครักซ์ของเขา มันลงตัวเหมาะเจาะเพราะลอร์ดโวลเดอมอร์จะยิ่งดูเหมือนเป็นมนุษย์น้อยลงเมื่อเวลาผ่านไปแต่ละปีอย่างที่เฮเลนพูด กระบวนการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของเขาดูเหมือนจะอธิบายได้ด้วยเหตุเดียว ถ้าวิญญาณของเขาถูกตัดทอนจนเสียหายเกินกว่าขอบเขตของสิ่งที่เราอาจเรียกว่าความชั่วปกติ...”

    “หมายความว่าเขาทำตัวไม่ให้มีใครฆ่าได้ด้วยการฆ่าคนอื่นเหรอครับ” เดรโกถาม

    “แล้วทำไมเขาถึงไม่สร้างศิลาอาถรรพ์เลยล่ะครับถ้าอยากจะเป็นอมตะนัก” แฮร์รี่พูดต่อ

    “ฉันได้ข่าวว่าเมื่อห้าปีก่อนเขาก็พยายามทำแบนั้นอยู่ไม่ใช่เหรอแฮร์รี่” เฮเลนสวนขึ้นมา

    แฮร์รี่กับเดรโกหันมองหน้าเธอทันที เฮเลนยักไหล่เบาๆ

    “ฉันคิดว่ามีเหตุผลหลายข้อที่ศิลาอาถรรพ์ดึงดูดใจโวลเดอมอร์น้อยกว่าฮอร์ครักซ์” ดัมเบิลดอร์บอก “ยาอายุวัฒนะช่วยในการทำให้ชีวิตยืนยาวแต่ก็ต้องดื่มมันเป็นประจำ และถ้าวันหนึ่งมันหมดไปหรือมีใครแอบเจือปนสารพิษหรือศิลาอาถรรพ์ถูกขโมย เขาก็จะตายเหมือนคนทั่วไป โวลเดอมอร์ชอบทำงานตามลำพัง จำได้ไหม ฉันเชื่อว่าเขาทนไม่ได้หรอกกับความคิดที่ว่าจะต้องพึ่งพาอะไรบางอย่าง แม้จะเป็นยาอายุวัฒนะก็ตาม”

    “อย่าบอกนะคะว่า...” เฮเลนอ้ำอึ้ง “เขาสร้างฮอร์ครักซ์ขึ้นมาถึงเจ็ดอัน!

    “ฉันดีใจที่เธอเข้าใจความยิ่งใหญ่ของปัญหานี้” ดัมเบิลดอร์กล่าว “แต่ก่อนอื่น ไม่ใช่ฮอร์ครักซ์เจ็ดอัน มันมีแค่หก เพราะวิญญาณส่วนที่เจ็ด แม้จะพิการ แต่ก็อาศัยอยู่ในร่างเกิดใหม่ของเขา นั่นคือส่วนหนึ่งที่ดำรงอยู่เหมือนผีตลอดเวลาหลายปีที่เขาระหกระเหเร่ร่อน ถ้าปราศจากส่วนนั้นเขาก็ไม่มีตัวตนอีกต่อไป วิญญาณส่วนที่เจ็ดนั้นคือส่วนสุดท้ายที่ใครบางคนในพวกเธอต้องทำลาย ส่วนที่มีชีวิตอยู่ในร่างของเขานั่น”

    “แต่ฮอร์ครักซ์อีกหกอันล่ะครับ” แฮร์รี่พูด “เราจะหามันเจอได้ไง”

    “นายทำลายไปอันหนึ่งแล้วนี่” เดรโกบอก “สมุดนั่นไง”

    “ใช่แล้ว” ดัมเบิลดอร์ต่อ “และฉันทำลายไปอีกอันหนึ่ง”

    “แหวนของมาร์โวโล่?” แฮร์รี่พูด “แล้วอาจารย์หามันเจอได้ไงครับ”

    “ฉันเดินทางไปเยี่ยมสถานที่ต่างๆ ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยรู้จัก ฉันบังเอิญพบแหวนซ่อนเอาไว้ในซากปรักหักพังของตระกูลก๊อนท์ ดูเหมือนว่าโวลเดอมอร์ประสบความสำเร็จในการผลึกวิญญาณส่วนที่ไว้ในแหวนแล้ว เขาไม่ต้องการสวมมันอีกต่อไป เขาซ่อนมันไว้ในกระท่อมซึ่งครั้งหนึ่งบรรพบุรุษของเขาเคยอาศัยอยู่ เขาคงไม่คิดว่าวันหนึ่งฉันจะไปที่นั่น แต่ยังไงก็ตาม เรายังไม่ควรดีใจเกินไป เธอทำลายบันทึกไปแล้ว ฉันทำลายแหวน และถ้ามันถูกต้อง ฮอร์ครักซ์อีกสี่อันจะยังคงอยู่”

    “แล้วมันจะเป็นอะไรก็ได้ใช่ไหมครับ” เดรโกถาม

    “เพื่อปกป้องวิญญาณที่มีค่าของเขาน่ะเหรอ? เขาพอใจในของที่เป็นประวัติศาสตร์ของเวทมนตร์ ความหยิ่งทะนงของเขา ความเชื่อว่าตัวเองมีความยิ่งใหญ่เหนือคนอื่น สิ่งเหล่านี้ชี้ให้เห็นชัดว่าโวลเดอมอร์จะต้องเลือกฮอร์ครักซ์ของเขาด้วยความพิถีพิถัน โดยเลือกวัตถุที่มีคุณค่าสมกับเกียรติยศ”

    “บันทึกก็ไม่ได้พิเศษอย่างนั้นนี่ครับ” แฮร์รี่ว่า

    “บันทึกนั่นเป็นหลักฐานพิสูจน์ว่าเขาคือทายาทสลิธีริน”

    “ถ้าอย่างนั้นฮอร์ครักซ์อื่นๆ ล่ะคะ” เฮเลนถาม “คิดว่ามันคืออะไรบ้างคะ”

    “ฉันได้แต่เดาเท่านั้น” ดัมเบิลดอร์ตอบ “โวลเดอมอร์จะพอใจวัตถุที่มีความยิ่งใหญ่ในตัวของมันเอง ฉันถึงได้ย้อนกลับไปค้นหาในอดีตของโวลเดอมอร์ เพื่อดูว่าจะหาหลักฐานได้ไหมว่ามีสิ่งประดิษฐ์ใดบ้างที่หายไปตอนเขาอยู่แถวนั้น”

    “ล็อกเก็ตของสลิธีริน” เดรโกพึมพำ

    “ถ้วยของฮัฟเฟิลพัฟ” แฮร์รี่ร้อง

    “และอาจเป็นไปได้ว่ารัดเกล้าของเรเวนคลอด้วย” เฮเลนเสริม

    "ใช่” ดัมเบิลดอร์พูดพร้อมยิ้ม “ฉันพร้อมพนันเลยว่าของเหล่านั้นกลายเป็นฮอร์ครักซ์ และถ้าเราสันนิฐานอีกครั้งว่าเขาสร้างทั้งหมด ฉันแน่ใจว่าของสี่อันที่เป็นของผู้ก่อตั้งทั้งสี่ย่อมมีพลังดึงดูดรุนแรงต่อจินตนาการของโวลเดอมอร์ แต่ฉันมั่นใจว่าของที่ระลึกอันเดียวของ กริฟฟินดอร์ที่รู้กันอยู่มันปลอดภัยดี”

    “มันเป็นสาเหตุที่เขาอยากกลับมาฮอกวอตส์ใช่ไหมครับ” แฮร์รี่ถาม

    “ฉันจำต้องสรุปว่าเขาไม่อาจทำความทะเยอทะยานเรื่องการสะสมวัตถุของผู้ก่อตั้งทั้งสี่ให้เป็นจริงได้ แต่เขาได้มาแน่ๆ แล้วสองอย่าง และอาจจะพบอย่างที่สาม ตอนนี้เราเดาได้มากที่สุดเท่านี้”

    “แต่มันก็ยังเหลือฮอร์ครักซ์อันที่หกนะครับ” เดรโกพูด “หรือว่าบางทีอาจจะ...”

    “ฉันคิดว่าเธอรู้นะเดรโก” ดัมเบิลดอร์มองใบหน้าเขา “ฉันเองก็สงสัยพฤติกรรมของเขากับงูนากินีมาพักหนึ่งแล้ว”

    “งู?” เฮเลนอุทานอย่างตกใจ “ใช้สัตว์เป็นฮอร์ครักซ์ได้ด้วยเหรอคะ”

    “เขาไม่แนะนำให้ใช้กันหรอก” ดัมเบิลดอร์ตอบ “การไว้วางใจมอบวิญญาณส่วนหนึ่งให้สิ่งที่คิดได้และเคลื่อนที่ได้ด้วยตัวเองเป็นเรื่องที่เสี่ยงมาก จากการคำนวณของฉัน โวลเดอมอร์ยังขาดฮอร์ครักซ์อยู่อย่างน้อยหนึ่งอันจากเป้าหมายหกอัน ตอนที่เขาเข้าไปในบ้านพ่อแม่ของพวกเธอเพื่อจะฆ่าเธอสองคน”

    “แต่เขาทำไม่สำเร็จ” แฮร์รี่พูด

    “ถูกต้องแล้ว” ดัมเบิลดอร์ตอบ “หลังจากนั้นหลายปีฉันรู้มาว่าเขาใช้นากินีฆ่าชายแก่มักเกิ้ล และตอนนั้นเขาคงจะเกิดความคิดที่ว่าน่าจะเปลี่ยนนากินีให้เป็นฮอร์ครักซ์อันสุดท้าย”

    “นากินีเป็นงู มันจะเน้นให้ทุกคนรู้ว่าเขาเกี่ยวโยงกับสลิธีริน” เฮเลนพึมพำ

    “ใช่แล้ว” ดัมเบิลดอร์ว่า “ฉันคิดว่าถ้าเขาจะรักใคร่อะไรสักอย่าง บางทีก็คงจะเป็นงูตัวนั้นนั่นแหละ ที่แน่ๆ เขาชอบเก็บนากินีเอาไว้ใกล้ตัวและดูเหมือนว่าเขาจะมีอำนาจควบคุมมันได้มากผิดปกติ แม้แต่เมื่อเทียบกับพวกที่พูดภาษาพาร์เซลก็ตาม”

    “ถ้าอย่างนั้น บันทึกไม่มีแล้ว แหวนก็ไม่มี เหลือถ้วย รัดเกล้ากับล็อกเก็ต” เดรโกทวน “แล้วก็นากินี”

    “อาจารย์ก็ตามหาของพวกนั้นอยู่งั้นใช่ไหมคะ” เฮเลนถามต่อ “แสดงว่าเวลาที่อาจารย์ไม่อยู่ก็คือไปหาพวกนั้นงั้นเหรอคะ”

    “ถูกต้อง” ดัมเบิลดอร์ตอบ “ฉันตามหาพวกมันมานานแล้ว บางทีฉันคิดว่าฉันอาจจะใกล้เจออีกอันหนึ่งแล้ว”

    “ให้เราไปกับอาจารย์ด้วยได้ไหมคะ!” เฮเลนพูดอย่างรวดเร็ว “ให้เราไปช่วยอาจารย์ด้วย”

    ดัมเบิลดอร์มองเฮเลนอยู่อึดใจหนึ่ง

    “แต่ฉันคิดว่าเดรโกไม่สมควรไปนะ” ดัมเบิลดอร์ตอบ “ถ้าเกิดว่ามีใครติดต่อมาแล้วเขาไม่อยู่ เดรโกจะต้องมีปัญหาแน่นอน”

    “ไม่เป็นไรครับ!” เขาตอบอย่างรวดเร็ว “ผมคิดว่าคงไม่ใช่เร็วๆ นี้ที่พวกเขาจะมาแน่”

    ดัมเบิลดอร์เงียบลงอีกครั้งราวกับกำลังพิจารณาคำตอบของเดรโก

    “งั้นก็ได้” ดัมเบิลดอร์พูด ยิ้มนิดๆ “พวกเธอจะได้รับสิทธิ์นั้น”

    อาจารย์ใหญ่ชายหญิงดูจะไม่ประทับใจกับคำตอบของดัมเบิลดอร์สักเท่าไหร่ เฮเลนแอบเห็นสองสามคนส่ายหน้าและฟินีแอส ไนเจลลัสถึงกับพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ เลยทีเดียว

    “โวลเดอมอร์จะรู้ไหมครับ เวลาที่ฮอร์ครักซ์ถูกทำลาย” เดรโกถาม

    “เป็นคำถามที่น่าสนใจนะเดรโก” ดัมเบิลดอร์ว่า “แต่ฉันคิดว่าไม่จนกว่าเจะรู้สึกว่าเขาใกล้ถึงความตายแล้วเท่านั้น ขอยกตัวอย่าง ... ขอโทษนะเดรโก... เขาไม่รู้เลยว่าสมุดบันทึกนั้นถูกทำลายไปแล้ว จนกระทั่งไปบังคับให้ลูเซียส มัลฟอยพูดความจริงออกมา ฉันได้รับการบอกเล่าว่าความโกรธของเขานั้นเห็นได้ชัดเลยว่าน่าสะพรึงกลัว”

    “แต่ผมคิดว่าเขาต้องการให้พ่อของเดรโกลอบเอามันเข้ามาในฮอกวอตส์ไม่ใช่เหรอครับ” แฮร์รี่พูด

    “ใช่ หลายปีมาแล้วเขาต้องการแบบนั้น ตอนที่เขาแน่ใจว่าจะสร้างได้ฮอร์ครักซ์อีกมาก ลูเซียสที่น่าสงสาร โวลเดอมอร์โกรธมากที่เขาทิ้งฮอร์ครักซ์ไปเพื่อประโยชน์ของตัวเอง มิหนำซ้ำยังล้มเหลวไม่เป็นท่าที่กระทรวงเวทมนตร์เมื่อปีก่อน ฉันไม่แปลกใจเลยที่ตอนนี้โวลเดอมอร์ยัดเยียดภารกิจนี้ให้กับเดรโก”

    เด็กหนุ่มผมบลอนด์ก้มหน้านิ่ง เขาไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดีในขณะนี้ เฮเลนเลื่อนมือไปสัมผัสมือเขาเบาๆ เป็นเชิงให้กำลังใจ เดรโกเหล่มองเธอนิดหน่อยและพยายามฝืนยิ้มออกมา

    “ถ้าอย่างนั้นถ้าฮอร์ครักซ์ทั้งหมดถูกทำลาย” แฮร์รี่พูด “เราก็สามารถฆ่าโวลเดอมอร์ได้ใช่ไหมครับ”

    “ถ้าเขาปราศจากฮอร์ครักซ์ ฉันคิดว่าเขาจะเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง” ดัมเบิลดอร์ตอบ “แต่อย่าลืมว่าสมองและอำนาจของเขาจะยังสมบูรณ์ดี ต้องมีความเชี่ยวชาญและพลังอำนาจไม่ธรรมดาถึงจะฆ่าพ่อมดเช่นโวลเดอมอร์ได้แม้จะปราศจากฮอร์ครักซ์แล้วก็ตาม”

    “แต่เราสองคนไม่ได้มีความเชี่ยวชาญและพลังอำนาจเลยนะครับ” แฮร์รี่พูด

    “ไม่หรอก พวกเธอมี” ดัมเบิลดอร์พูดอย่างหนักแน่น “พวกเธอมีความสามารถที่โวลเดอมอร์ไม่มี”

    “เรารู้ค่ะศาสตราจารย์” เฮเลนพูด “เราสามารถรักและถูกรักได้ มันสำคัญใช่ไหมคะ”

    “ใช่” ดัมเบิลดอร์บอก “ตอนนั้นพวกเธอยังเด็กเกินกว่าที่จะเข้าใจว่าพวกเธอไม่ธรรมดา”

    “ถ้าอย่างนั้น คำพยากรณ์ที่บอกว่า เราจะมีอำนาจที่จ้าวแห่งศาสตร์มืดไม่มี หมายถึงความรักเหรอครับ” แฮร์รี่ถาม ใบหน้าแสดงออกถึงความผิดหวัง

    “ใช่ แค่ความรัก” ดัมเบิลดอร์ตอบ “แต่อย่าลืมเด็กขาดว่าสิ่งที่คำพยากรณ์บอกมีความสำคัญต่อเมื่อโวลเดอมอร์ทำให้มันเป็นไป ฉันเคยบอกพวกเธอแล้วว่าโวลเดอมอร์จะเลือกคนที่เขาคิดว่าเป็นอันตรายต่อเขามากที่สุด”

    “แต่มันก็เหมือน...”

    “ไม่เหมือน!” ดัมเบิลดอร์พูด น้ำเสียงหงุดหงิด “เธอให้ค่ากับคำพยากรณ์นั่นมากเกินไปแล้ว”

    “แต่ว่า” แฮร์รี่ละล่ำละลัก “แต่อาจารย์บอกว่าคำพยากรณ์...”

    “ถ้าโวลเดอมอร์ไม่ได้ยินคำพยากรณ์ มันจะไม่มีความหมายอย่างแน่นอน เธอคิดว่าคำพยากรณ์จะเป็นจริงทั้งหมดเลยงั้นเหรอ”

    “งั้นแสดงว่าถ้าวันนั้นไม่มีใครไปบอก” เดรโกพูดหลังจากเงียบอยู่นาน “เขาก็จะไม่ทำให้สองคนนี้เป็นผู้ถูกเลือกใช่ไหมครับ”

    “จะว่าแบบนั้นก็ได้” ดัมเบิลดอร์ตอบ “ถ้าโวลเดอมอร์ไม่ได้ยินคำพยากรณ์ เขาคงไม่ไปฆ่าพ่อแม่พวกเธอ เขาไม่ได้บีบบังคับให้พ่อแม่ตายเพื่อพวกเธอ เขาคงไม่ทำให้พวกเธอได้รับการปกป้องทางเวทมนตร์ที่เขาไม่อาจทะลวงได้งั้นเหรอ แน่นอนว่าไม่ใช่เลย โวลเดอมอร์นั่นแหละที่เป็นศัตรูที่ร้ายที่สุดของตัวเอง รู้ไหมว่าพวกทรราชนั้นกลัวประชาชนของตัวเองเพียงใด โวลเดอมอร์นั้นไม่ได้ต่างไปเลย เขาต้องคอยเฝ้าระวังตลอดว่าสักวันจะมีใครเข้ามาท้าทายเขา การที่ได้ยินคำพยากรณ์แล้วรีบลงมือเสียก่อน เขาจะไม่เพียงแต่คัดเลือกคนที่น่าจะฆ่าเขาได้แล้วเท่านั้น แต่ยังส่งมอบอาวุธที่ร้ายกาจให้คนผู้นั้นด้วย”

    “แต่...”

    “สำคัญมากที่พวกเธอจะต้องเข้าใจเรื่องนี้!” ดัมเบิลดอร์พูด เขาลุกขึ้นยืน “เป็นความผิดของโวลเดอมอร์ที่พวกเธอสามารถรับรู้ความรู้สึกของเขาได้ แต่พวกเธอก็ไม่เคยตกอยู่ภายใต้อำนาจล่อลวงของศาสตร์มืดเลยแม้แต่วินาทีเดียว เธอไม่เคยปรารถนาแม้เพียงนิดที่จะสมัครเป็นพรรคพวกของโวลเดอมอร์”

    “แน่นอนว่าไม่มีวัน!” เฮเลนและแฮร์รี่พูดพร้อมกัน “เขาฆ่าพ่อแม่เรา”

    “และแน่นอนว่าเธอต้องทำ ไม่ใช่เพราะคำพยากรณ์แต่เพราะตัวเธอเอง เธอต้องทำลายเขา!

    “ผมก็ต้องการให้เขาตาย” แฮร์รี่พูดเบาๆ เขามองหน้าเฮเลนซึ่งเป็นเพียงครอบครัวคนสุดท้ายของเขา “และผมจะต้องเป็นคนลงมือด้วย”

    “แน่นอน! เธอคนใดคนหนึ่งจะต้องทำ” ดัมเบิลดอร์ร้อง “พวกเธอเข้าใจสินะว่าคำพยากรณ์ไม่ได้หมายถึงพวกเธอจะทำอะไร แต่คำพยากรณ์ส่งผลให้โวลเดอมอร์ทำ หรือพูดอีกอย่างว่าพวกเธอมีอิสระที่จะเลือกทางของเธอเอง อิสระที่จะหันหลังให้คำพยากรณ์นั้นได้ แต่โวลเดอมอร์ยังคงให้คุณค่ากับคำพยากรณ์ เขาจะยังไล่ล่าพวกเธอ ซึ่งมันจะทำให้แน่นอนว่า...”

    “หนึ่งในเราสองคนต้องฆ่าเขา” เฮเลนพูด “และหนึ่งในเราจะต้องตาย”

    แฮร์รี่กับเดรโกมองไปทางเฮเลน พวกเขาเลือกที่จะปกป้องคนที่ควรจะมีชีวิตอยู่ มันต่างกันระหว่างการถูกลากตัวขึ้นไปเผชิญหน้ากับการต่อสู้ กับการตั้งใจเดินขึ้นไปเพื่อปกป้องใครบางคน บางทีหลายคนอาจจะมองเป็นเรื่องเล็กน้อยที่จะเลือกสองอย่างนี้ แต่แฮร์รี่รู้ว่านั่นคือ ความแตกต่าง ทั้งมวลในโลกใบนี้



    ติดตามตอนต่อไป...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×