คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #42 : บทที่ 16 : เชื่อมโยงสิ่งต้องสงสัย
บทที่ 16 : เชื่อมโยงสิ่งต้องสงสัย
หลายสัปดาห์ต่อมาเฮเลนได้พบเดรโกบ้างในบางครั้งคราวและแท็คบ่อยกว่าปกติ เหมือนเด็กหนุ่มจะพยายามทำดีกับเธอมากขึ้นหลังจากที่เขาขอโอกาสให้เธอรู้สึกกับเขาบ้าง ซึ่งมันโอเคทีเดียวที่ผู้เสพความตายอย่างเขาทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นราวกับกำลังได้เริ่มใหม่กับใครสักคนจริงๆ มันช่างเยียวยาได้ในอีกหลายๆ อย่าง -- แต่มันคงเป็นโชคร้ายของเขาที่เขาเลือกที่จะเข้ามาในตอนที่เธอยังคงรักเดรโกหมดหัวใจ
ช่วงพัก
เฮเลนขอตัวออกมานั่งที่ลานปราสาท เธอรอคอยให้แท็คเดินมาพบเธอนั่งอยู่เพียงลำพังตอนนี้
และเธอก็แอบหวังลึกๆ ว่าเดรโกจะไม่เดินมาพบเข้าในตอนที่เธอกำลังหลอกล่อแท็คอยู่
“สวัสดีครับ” เสียงทุ้มเอ่ยทักขึ้นพร้อมหนังสือในมือ การปรากฏตัวแบบไม่มีที่มาและทำเหมือนกับว่าเพิ่งกลับมาจากเข้าเรียนเป็นสิ่งที่แท็คทำเป็นประจำ
“ไง”
เฮเลนทักตอบ “วันนี้ไปเรียนอะไรมาบ้างล่ะ”
“ก็หนักอยู่นะครับโดยเฉพาะวิชาคาถา”
เขาตอบ “ผมยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าศาสตราจารย์ฟลิตวิกจะอยากให้เปลี่ยนน้ำส้มสายชูให้เป็นไวน์ไปทำไม”
แท็คหัวเราะร่วนแต่เฮเลนทำได้แค่ยิ้มออกมาเพราะไม่รู้สึกตลกเลย
เธอควรจะทำยังไงถึงจะสามารถรู้ได้ว่าเขาเป็นผู้เสพความตายจริงๆ
แขนซ้ายของเขาจะมีรอยแผลเป็นประจำกายของผู้เสพความตายด้วยรึเปล่า
ถ้าขอลองดูแขนเสื้อเขาจะให้เธอดูไหม
“แล้ววันนี้เป็นยังไงบ้างละครับเฮเลน” เขาเอ่ยถาม เฮเลนหลุดจากความคิดตัวเองทันที
“ก็...”
เธออ้ำอึ้ง จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเรียนอะไรมา “วิชาปรุงยาของศาสตราจารย์ซลักฮอร์นมีการบ้านนิดหน่อย
มันยากที่ต้องผสมยาแก้พิษที่ฉันไม่เข้าใจน่ะ”
“ว้าว”
แท็คร้อง “บางทีผมก็คิดว่าวิชาปรุงยาน่าสนุกนะครับ แต่ผมปรุงยาได้แย่ไปหน่อย”
“งั้นเหรอ”
เฮเลนยิ้มแหยๆ ดวงตามองไปยังแขนเสื้อคลุมข้างซ้ายของเขา
“เป็นอะไรรึเปล่าครับ” ดวงตาสีเข้มมองมาด้วยความสงสัย
เฮเลนมองตาคู่นั้นพลันสมองนึกถึงใบหน้าของทอม ริดเดิ้ลในวัยหนุ่มทันที
ทำให้เธอผงะถอยหลังออกไปนิดหน่อยอย่างลืมตัว
“เอ่อ
เปล่า! ว่าแต่มีอะไรติดแขนน่ะ” เฮเลนว่าพลางชำเลืองมองไปยังแขนซ้ายของเขา
“เดี๋ยวฉัน...”
“ไม่!”
แท็คโพลงขึ้น ขยับแขนซ้ายหลบไปด้านหลัง “เอ่อ... ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมเอาออกเองครับ”
แล้วก็เงียบกันไปนานพอสมควร
“ผมไปเรียนก่อนดีกว่า”
เขาว่า “แล้วเจอกันครับ”
แล้วแท็คก็ลุกออกไป
เฮเลนพ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด ดูเหมือนแท็คจะหวงแขนซ้ายของเขามากจนน่าสงสัย
เธอควรจะทำยังไงให้รู้แน่ว่าเขาเป็นผู้เสพความตาย ยังไงก็ตาม
จะให้เดรโกเป็นคนพิสูจน์เรื่องนี้ในห้องต้องประสงค์มันก็เสี่ยงเกินไป
ถ้าเกิดว่าแท็คสงสัยเขาขึ้นมาเดรโกอาจจะโดนโวลเดอมอร์เล่นงานได้
เวลาผ่านไปเร็วมาก
เฮเลน แฮร์รี่
รอนและเฮอร์ไมโอนี่นั่งอยู่ในห้องเล่นรวมหลังจากทานอาหารเย็นกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
มีเพียงนักเรียนปีหกเท่านั้นที่รวมกันอยู่ที่นี่
มีเรื่องตื่นเต้นกันพอสมควรเมื่อมีประกาศแจ้งข่าวกำหนดวันสอบการหายตัวซึ่งเฮเลนกับแฮร์รี่ไม่ได้ซีเรียสเรื่องนี้นักเพราะอีกสี่เดือนกว่าพวกเขาจะอายุครบสิบเก้าปี
รอนดูตื่นกลัวมากเมื่อได้อ่านประกาศ
เขายังหายตัวไม่ได้ด้วยซ้ำไปและคงกลัวว่าตัวเองอาจจะยังไม่พร้อมสำหรับการสอบ
เฮอร์ไมโอนี่มั่นใจกว่าเขาเพียงเล็กน้อย แต่รอนก็ไม่สามารถพูดเรื่องการหายตัวได้นานนักเมื่อต้องเขียนเรียงความยาวสุดโหดของสเนป
เฮเลนเห็นเรียงความในมือรอนแล้วคาดว่าตัวเองคงไม่ได้คะแนนสูงเท่าไหร่เพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการร่ายคาถาขับไล่ผู้คุมวิญญาณ
“ดัมเบิลดอร์บอกใช่ไหมว่า
เธอเป็นคนเดียวที่สามารถเอาความทรงจำมาได้” เฮอร์ไมโอนี่พูด “หมายความว่าเธอสามารถกล่อมซลักฮอร์นได้ในขณะที่คนอื่นๆ
ทำไม่ได้ ไม่ใช่แอบใส่ยาให้เขากินอะไรแบบนั้น”
“คำว่า ‘ปฏิปักษ์’ สะกดยังไงนะ” รอนถามพร้อมกับเขย่าปากกาขนนกอย่างรุนแรงขณะจ้องดูกระดาษ
“ไม่ใช่ ปะ-ติ-ปัด”
“ไม่ใช่เลย”
เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางดึงเรียงความของรอนมาดู “แล้ว ‘ฤกษ์’ ก็ไม่ได้สะกด ‘เ-ริ-ก’ ด้วย
เธอใช้ปากกาอะไรน่ะ!”
“ปากกาตรวจตัวสะกดของเฟร็ดกับจอร์จไง”
รอนตอบ “แต่ฉันว่าคาถาต้องเสื่อมแล้วแน่ๆ”
“ใช่
มันเสื่อมแล้ว” เฮอร์ไมโอนี่ว่า ชี้ให้ดูเรียงความ “เพราะคำถามคือ
เราจะจัดการผู้คุมวิญญาณได้ยังไง ไม่ใช่ ‘ผู้คุมสัญญาณ’ แล้วฉันก็จำไม่ได้เลยว่าเธอเปลี่ยนชื่อไปเป็น ‘รูนนีล
วาซลิบ’ น่ะ”
เฮอร์ไมโอนี่จัดการแก้เรียงความให้เขาด้วยใบหน้าเหนื่อยใจ
“ฉันรักเธอ
เฮอร์ไมโอนี่” รอนบอกพร้อมขยี้ตาอย่างอิดโรย เฮอร์ไมโอนี่กระตุกยิ้มนิดหน่อย
“อย่าให้ลาเวนเดอร์ได้ยินเชียวล่ะ”
“ไม่ล่ะ”
รอนว่า “ฉันอยากให้เขาได้ยิน จะได้สลัดฉันทิ้งสักที เหมือนที่เดรโกทำกับเฮเลน
เอาแบบไล่แห่กันไปเลย”
เฮเลนถลึงตาใส่รอนอย่างหงุดหงิด
ถึงตอนนี้เธอกับเดรโกจะกลับมางุ้งงิ้งกันเหมือนเดิมแล้วก็ตาม
แต่ก็อดไม่พอใจไม่ได้ถ้าหากพูดถึงเรื่องนี้
“แล้วทำไมนายไม่เป็นฝ่ายไล่เขาไปแทนซะล่ะ!”
เฮเลนพูด ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ส่งเรียงความคืนให้รอน
“แหม
ถ้ามันง่ายแบบนั้นก็ดีหรอก” รอนตอบโดยที่มือยังเขียนเรียงความยิก
“ยิ่งฉันบอกว่าอยากเลิกกับเขามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเกาะฉันแน่นขึ้นอีก
เหมือนเป็นแฟนกับปลาหมึกยักษ์เลย”
เฮเลนยักไหล่เบาๆ
พลางมองไปรอบห้อง ตอนนี้เหลือเพียงแค่สี่คนที่ยังคงนั่งอยู่
เฮเลนได้ยินเสียงเชมัสบ่นสาปแช่งเรียงความของสเนปเบาๆ ตอนเขาเดินขึ้นบันไดไปบนหอนอนชาย มีเพียงไฟจากเตาผิงส่งเสียงแตกปะทุให้ได้ยิน
แฮร์รี่ปิดหนังสือในมือและเริ่มอ้าปากหาวในขณะที่รอนทำท่าเหมือนจะเขียนเรียงความเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เปรี้ยง!
ทั้งสี่สะดุ้งเฮือก
รอนเกือบทำหมึกหกเลอะเรียงความ เอลฟ์ประจำบ้านปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับท่าโค้งต่ำ
“เจ้านายบอกว่าต้องการให้รายงานเรื่องของแม็กมาเวลล์เป็นประจำ
เรื่องที่เขาทำอะไร ดังนั้นครีเชอร์จึงมาเพื่อ..”
เปรี้ยง!
ด๊อบบี้ปรากฏตัวขึ้นข้างๆ
ครีเชอร์ หมวกที่สวมอยู่เอียงกระเท่เร่
“ด๊อบบี้ก็ช่วยเหมือนกันครับ!”
มันพูดเสียงแหลมพลางส่งสายตาขุ่นๆ ไปทางครีเชอร์
“และครีเชอร์ก็น่าจะบอกด๊อบบี้ว่าจะมาหาสองพี่น้องพอตเตอร์เพื่อว่าเราจะได้เสนอรายงานด้วยกัน!”
“นี่มันเรื่องอะไรกัน”
เฮอร์ไมโอนี่ถาม ยังคงตกใจเพียงเล็กน้อย “เกิดอะไรขึ้นแฮร์รี่”
เขาพยักหน้าไปทางเฮเลน
รอนและเฮอร์ไมโอนี่เบี่ยงสายตามาทางเธอในทันที
“คือ...
ฉันให้พวกเขาคอยตามแท็คให้น่ะ” เธอพูด
“ทั้งหลางคืนและกลางวัน”
ครีเชอร์พูดเสียงแหบแห้ง
“ด๊อบบี้ไม่ได้นอนเลยทั้งอาทิตย์!”
ด๊อบบี้พูดอย่างภูมิใจ เฮอร์ไมโอนี่มีท่าทีโมโหสุดขีด
“คุณไม่ได้นอนเลยเหรอด๊อบบี้!
นี่เฮเลน เธอคงไม่...”
“เปล่า!
ฉันไม่ได้ห้ามไม่ให้พวกเขานอนสักหน่อย” เฮเลนรีบตอบ “พวกคุณสามารถนอนพักผ่อนได้นะ
ฉันไม่ได้ห้าม ว่าแต่ได้อะไรบ้างรึเปล่า”
“ได้ขอรับเจ้านาย”
ครีเชอร์โค้ง “เราพบว่าเขาไปเรียนตามที่ต่างๆ และเข้านอนในห้องที่คุกใต้ดินเป็นประจำทุกวัน
ไม่มีอะไรแปลกไปแม้แต่เพียงนิดเดียว”
เฮเลนพ่นลมหายใจออกมานิดหน่อย เธอรู้สึกเหมือนว่าช่างยากเย็นเหลือเกินที่จะติดตามแท็คที่มักจะระมัดระวังตัวมากกว่าปกติในช่วงนี้
“ด๊อบบี้ตามเขาไปที่หนึ่งครับ”
ด๊อบบี้พูดต่อ “แต่เขามักจะหายไปอยู่เรื่อยในระยะนี้ตอนที่อยู่บนชั้นเจ็ด”
ประโยคนั้นทำให้แฮร์รี่กับเฮเลนมองหน้ากันด้วยสายตาเหลือเชื่อ
“ห้องต้องประสงค์!”
ทั้งสองพูดพร้อมกัน
“แล้วเขาเข้าไปทำอะไรในเมื่อ...”
เฮเลนยั้งประโยค “เมื่อเดรโกก็อยู่ในนั้น”
“จำที่เธอพูดไม่ได้เหรอ”
แฮร์รี่ว่า “ที่เขาจะขอร่วมมือกับเดรโกไง แล้วหมอนั่นปฏิเสธ
ฉันคิดว่าเขาต้องมีแผนตลบหลังเดรโกแน่ๆ”
“แต่เฮเลนเข้าไปได้นี่!”
เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างตื่นเต้น “เฮเลนเข้าไปดูได้ว่าเขาทำอะไรกันข้างในนั้น”
“แต่เราไม่มีเวลาว่างเลยนะเฮอร์ไมโอนี่”
ประโยคนั้นทำให้ทุกคนเงียบเสียงไปอย่างใช้ความคิด
แต่ทว่าครีเชอร์ก็เอ่ยขึ้นมาขัดความเงียบ
“ครีเชอร์ทำได้ดีพอหรือไม่ขอรับเจ้านาย”
มันพูดเสียงแห้ง “เจ้านายจะ...”
“ฉันไม่ลืมหรอก”
เฮเลนพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “แต่ขอให้จบเรื่องนี้ก่อนนะตามสัญญา
หนึ่งวันเต็มครีเชอร์ ขอบคุณนะ คุณไปได้แล้วล่ะ”
เอลฟ์ทำท่าดีใจสุดขีดและยิ้มออกมาให้เธออย่างเป็นมิตรอย่างที่รอนและเฮอร์ไมโอนี่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ด๊อบบี้และครีเชอร์หายตัวออกไปทันทีหลังจากที่พวกเขาหมดธุระกับเอลฟ์ทั้งสองแล้ว
“เอาเป็นว่า”
เฮเลนตัดบท “เรื่องแท็คฉันจัดการเอง ส่วนเรื่องความทรงจำของซลักฮอร์น
แฮร์รี่นายก็ตั้งใจแล้วกันนะ คืนนี้ราตรีสวัสดิ์”
เฮเลนพูดแล้วหันหลังเดินขึ้นหอนอนไป
พลางสมองคิดถึงแผนการที่จะให้แท็คพูดออกมาให้ได้ว่าเขาเป็นผู้เสพความตายหรือบางทีเธออาจจะทำให้เขาแสดงตรามารออกมาได้สักครั้งหนึ่ง...
“สายอีกแล้วพอตเตอร์”
เสียงสเนปพูดขึ้นอย่างเย็นชาเมื่อเฮเลนรีบวิ่งเข้าไปในห้องที่สว่างด้วยแสงเทียนหลังจากที่แอบไปอยู่ในห้องต้องประสงค์ช่วงที่โดดเรียนวิชาพยากรณ์ศาสตร์
“หักกริฟฟินดอร์สิบคะแนน”
เฮเลนถอนหายใจเฮือกใหญ่
เดินข้าไปนั่งข้างๆ แฮร์รี่ช้าๆ เธอเห็นแพนซี่แอบหัวเราะเยาะนิดหน่อย
แต่พูดตามตรงเลยว่าเธอไม่ได้เข้าสายกว่าคนอื่นสักเท่าไหร่นักหรอก
“ก่อนเราจะเริ่ม
ฉันต้องการเห็นเรียงความเรื่องผู้คุมวิญญาณของพวกเธอ”
สเนปพูดพลางโบกไม้กายสิทธิ์อย่างไม่ใส่ใจ
เพื่อให้ม้วนกระดาษยี่สิบหกม้วนเหินขึ้นไปในอากาศและลอยมากองเป็นระเบียบอยู่บนโต๊ะ
“ฉันหวังว่าเรียงความนี่คงจะดีกว่าพวกสวะไร้สาระที่ฉันต้องทนเรื่องการขืนคำสาปสะกดใจ”
“อาจารย์ครับ”
เชมัสยกมือขึ้น สเนปเลิกคิ้วมองเขา
“อะไร
คุณฟินิกัน”
“ผมสงสัยว่าเราจะบอกความแตกต่างระหว่างอินเฟอไรกับผีได้ยังไงครับ
ผมเห็นข่าวในพรอเฟ็ตเกี่ยวกับ...”
“ไม่มีอินเฟอไร”
สเนปตอบด้วยน้ำเสียงเบื่อๆ
“แต่อาจารย์
ผมได้...”
“ถ้าเธออ่านบทความนั้นจริงๆ
คุณฟินิกัน เธอจะรู้ว่าอินเฟอไรที่พูดถึงนั่นไม่ใช่อะไรอื่นแต่คือหัวขโมยที่ชื่อมันดังกัส
เฟล็ทเชอร์”
“ฉันจำได้ว่าสเนปกับมันดังกัสอยู่ข้างเดียวกันนี่”
แฮร์รี่พึมพำกับเฮเลน “เขาไม่หงุดหงิดเหรอที่หมอนั่นถูกจับ...”
“แต่ดูเหมือนแฮร์รี่
พอตเตอร์จะมีเรื่องพูดมากในหัวข้อนี่” สเนปพูดพร้อมกับชี้มายังแฮร์รี่ในทันที “ลองถามพอตเตอร์ดูสิว่าเราจะบอกความแตกต่างระหว่างอินเฟอไรกับผีได้ยังไง”
ทั้งชั้นหันมามองแฮร์รี่
เขาดูตื่นตระหนก
“เอ่อ...
ผีโปร่งแสง...” เขาพูด
“ดีมาก”
สเนปขัดขึ้นทันใด “ใช่
เห็นได้ชัดว่าเกือบหกปีที่ศึกษาเรื่องเวทมนตร์มานั้นไม่เสียเปล่าเลยพอตเตอร์
ผีโปร่งแสง”
แพนซี่
พาร์กินสันปล่อยเสียงหัวเราะแหลมๆ ออกมา นักเรียนสลิธีรินหลายคนยิ้มเยาะ
ส่วนเฮเลนแอบดึงไม้กายสิทธิ์ออกมาจากใต้เสื้อคลุมแต่แฮร์รี่กระตุกเสื้อคลุมเธอเอาไว้ก่อน
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ และพูดต่อไปอย่างราบเรียบ
“ใช่ครับ
ผีโปร่งแสง แต่อินเฟอไรเป็นร่างที่ตายแล้ว มันก็เป็นของแข็งตัน...”
“เด็กห้าขวบก็บอกได้”
สเนปถากถาง “อินเฟอไรเป็นศพที่ถูกทำให้กลับมาเคลื่อนไหวด้วยคาถาศาสตร์มืด
มันไม่ได้มีชีวิต
ส่วนผีนั้นฉันคิดว่าทุกคนคงรู้หมดแล้วว่ามันเป็นรอยพิมพ์ของวิญญาณที่จากไปทิ้งไว้บนโลก
และแน่นอนอย่างที่แฮร์รี่ พอตเตอร์บอกเรา มันโปร่งแสง”
“แต่ผมว่าที่แฮร์รี่บอกมีประโยชน์มากกว่านะ
ถ้าเราพยายามจะแยกพวกมันออกจากกัน” รอนพูด “เวลาเราเจอหน้ามันตัวต่อตัวในตรอกมืดๆ
เราคงจะพอเห็นได้ว่ามันแข็งตันรึเปล่า ใช่ไหมล่ะครับ เราคงไม่มัวถามหรอกว่า ‘ขอโทษที
คุณเป็นรอยพิมพ์ของวิญญาณที่จากไปหรือเปล่า’ หรอกมั้งครับ”
เสียงหัวเราะดังขึ้นทั่วห้องรวมไปถึงเดรโกด้วย
จากนั้นถูกสั่งให้หยุดด้วยสายตาที่สเนปกวาดมองทั้งชั้น
“หักอีกสิบคะแนนจากกริฟฟินดอร์”
สเนปว่า “ฉันไม่ได้หวังอะไรจากเธอหรอกรอน วีสลีย์เด็กชายผู้แข็งตันเสียจนไม่อาจหายตัวไปอยู่อีกที่ซึ่งห่างไปเพียงครึ่งนิ้วได้”
รอนสงบเสงี่ยมตลอดชั่วโมงหลังจากนั้น
เมื่อระฆังดังขึ้นปลายคาบลาเวนเดอร์ก็ตามรอน แฮร์รี่และเฮเลนมา (เฮอร์ไมโอนี่หายตัวไปอย่างลึกลับเมื่อลาเวนเดอร์เข้ามาใกล้)
และพูดถึงสเนปอย่างเผ็ดร้อนแต่มันกลับทำให้รอนหงุดหงิดและเขาก็สลัดเธอทิ้งไว้กับเฮเลนด้วยการเดินเข้าไปในห้องน้ำชาย!
เขาไม่สนใจหน่อยเหรอว่าเฮเลนจะต้องเจอกับอะไรบ้าง
เธออุส่าห์โดดเรียนคาบเช้าเพื่อจะได้ไม่ต้องพบกับยัยลาเวนเดอร์เลยเชียวนะ
(ถึงที่จริงจะเข้าไปแอบดักรอแท็คที่ห้องต้องประสงค์ก็เถอะ)
“รอนเป็นอะไรไป!
เขากับยัยเกรนเจอร์ใช่ไหม” ลาเวนเดอร์พูดขึ้นทันทีที่รอนหายตัวไป “บอกฉันมาเฮเลน”
“ฉันเคยเตือนเธอไปแล้วตอนต้นเทอมลาเวนเดอร์”
เฮเลนพูดเสียงเรียบ “ฉันบอกไปแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอไม่เชื่อฉันเองนี่
ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดกัน ฉันเบื่อที่จะต้องมานั่งฟังเธอพล่ามไร้สาระ!”
เฮเลนว่าแล้วสะบัดตัวเดินออกมาให้ห่างจากลาเวนเดอร์
หยิบหนังสือวิชาปรุงยาออกมาอ่านแก้ขัดระหว่างนั้นแต่ว่าเหมือนมีแต่คนจงใจขัดขวางทำให้สมาธิเธอแตกไปเนื่องจากมือของใครบางคนเลื่อนมาปิดหน้าหนังสือเอาไว้
“นี่...”
“กะจะด่าเต็มที่เลยสิ”
เดรโกพูดเสียงเรียบ
เฮเลนแอบเห็นแพนซี่หันมามองทางทั้งสองคนก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอย่างหงุดหงิดพร้อมกับเพื่อสลิธีรินคนอื่นๆ
“ก็นิดหนึ่ง”
เธอยิ้มแหยๆ “ว่าแต่ทำไมมาหาฉัน ไม่กลัวแผนแตกรึไง”
แผนที่เฮเลนว่านั่นหมายถึงการทำให้แท็คเข้าใจว่าเธอกับเดรโกเลิกคุยกันอย่างเป็นทางการแล้ว
“ไม่”
เขายักไหล่ “เด็กปีสี่ไม่มาเพ่นพ่านเวลานี้หรอก เธอก็น่าจะสังเกต”
“ถ้าเขาบังเอิญผ่านมาล่ะ”
เฮเลนพ่นลมหายใจเบาๆ “แต่ช่างเถอะ คิดถึงฉันรึไง”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
เขาพูด “ไม่คิดถึงเธอคงต้องคิดถึงลาเมียมากๆ”
“แหม!
อยากให้ฉันเจอลาเมียขนาดนั้นเลยรึไง”
“สักครั้งก็น่าจะดี”
เดรโกหัวเราะ “ฉันมีอะไรจะบอกอีกอย่าง”
“ว่าไง”
“ฉันรักเธอนะยัยโง่”
เขาพูดเสียงเบาอย่างรวดเร็วจนเฮเลนฟังไม่ได้ศัพท์
“อะไรนะ”
เธอถามซ้ำ
“ไม่บอกแล้ว”
เดรโกยิ้มก่อนจะเดินออกไปโดยขโมยจูบที่แก้มของเธอเบาๆ
หนึ่งทีและเดินหายลับไปในโถงทางเดินพร้อมกับนักเรียนคนอื่นๆ
ในที่สุดแฮร์รี่กับรอนก็เดินออกมาจากห้องน้ำ
“ไปเถอะ”
รอนดูอารมณ์ดีขึ้นมาก แฮร์รี่บอกว่าเพราะเขาได้กวนใจเมอร์เทิลในห้องน้ำเรื่องเด็กหนุ่มประหลาดๆ
ที่เธอเล่าให้ฟัง และเขาไม่ยอมมาพบเธอนานมาก แต่เฮเลนไม่ได้สนใจอะไร
เดินเข้าไปในชั้นเรียนต่อไปอย่างร่าเริง!
สุดสัปดาห์ต่อมา
รอนกับเฮอร์ไมโอนี่และนักเรียนปีหกที่อายุครบสิบเก้าปีและอายุสิบเก้าปีทันในวันสอบก็ไปรวมตัวกันที่ฮอกส์มี้ด
แฮร์รี่ดูจะอิจฉาที่รอบนี้ไม่ได้ไปเที่ยวที่นั่นและวันนี้ก็เป็นวันในฤดูใบไม้ผลิที่อากาศดีเสียด้วย
เป็นวันที่ท้องฟ้าโปร่งใสเป็นครั้งแรกหลังจากที่ครึ้มมาตลอด
ยังไงก็ตามวันนี้เฮเลนบอกให้เขาไปดักแท็คที่ห้องต้องประสงค์แทนเธอเนื่องจากวันนี้ห้องนั่งเล่นทุกบ้านว่างอย่างเหลือเชื่อเพียงแค่นักเรียนปีหกไม่อยู่!
และเดรโกก็ลากเธอมาที่ห้องนั่งเล่นบ้านสลิธีรินจนได้!
“ลาเมีย”
เดรโกส่งเสียงเรียกเบาๆ
หลังจากที่เขาดึงเฮเลนเข้ามาในห้องนั่งเล่นรวมบ้านสลิธีรินได้สำเร็จ
อากาศเย็นกำลังดีทำให้เฮเลนรู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก
ห้องนั่งเล่นหรูหราสำหรับพวกเลือดบริสุทธิ์ ช่างสะอาดสะอ้าน แถมเสียงน้ำจากทะเลสาบที่ซัดสาดอย่างแผ่วเบาทำให้รู้สึกเหมือนมีดนตรีบรรเลงให้ฟังได้เพลินเชียวล่ะ
“ลาเมีย” เดรโกส่งเสียงเรียกอีกครั้ง ไม่นานร่างสีเขียวมีออร่าสีมรกตเป็นประกายก็โผล่ออกมา มันบินร่อนลงบนไหล่ของเดรโกอย่างเงียบเชียบ มองมายังเฮเลนด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ ดวงตาสีเหลืองเข้มนั้นดูน่ากลัวราวกับว่ากำลังสาปแช่งเธอให้ตายอย่างนั้นแหละ
“นี่ไง”
เขาพูด “สัตว์เลี้ยงแสนรักของฉัน”
“ว้าว”
เฮเลนร้องขึ้นเสียงเบา ค่อยๆ ยื่นมือออกไปหาลาเมีย นกฟินิกซ์ที่หน้าตาเหมือนกับฟ็อกซ์อย่างกับแกะแต่เพียงเป็นสีเชียว “มันดูดีมากเลย”
ได้ยินแบบนั้นเดรโกก็ยืดอกอย่างภูมิใจพลางมองลาเมียที่ทำท่าหวาดกลัวนิดหน่อยเมื่อมือเล็กๆ
พยายามจะจับมัน แต่ในที่สุดมันก็ค่อยๆ โยกหัวลงมาให้เฮเลนได้สัมผัส
มือเรียวลูบไปมาบนจะงอยปากและขนตรงแผงคอของมันอย่างเบามือ
“จริงๆ
มันขี้อายมาก” เดรโกพูด “ถ้าไม่จำเป็นมันจะไม่ยอมออกมาเลย โชคดีที่วันนี้ไม่มีคน”
“งั้นเหรอ”
เพียงไม่นานเหมือนเจ้านกฟินิกซ์ออเกรย์จะไว้ใจเฮเลนได้เร็วมาก
มันกระโดดมาเกาะไหล่เล็กพลางคลอเคลียเส้นผมของเธอไปมาด้วยท่าทางออดอ้อน
เดรโกหรี่ตามองมันอย่างหมั่นไส้นิดๆ เพราะตั้งแต่เลี้ยงลาเมียมา
เขายังไม่เคยได้รับอะไรแบบนี้จากมันเลยนอกจากการกระทำรุนแรงเพื่อให้เขาลูบขนมันเท่านั้น
(สามารถย้อนไปดูพฤติกรรมลาเมียได้ใน SS1 ตอน เรื่องที่เคยเกิดได้)
“อ้อนเชียวนะ!”
เขาว่า “ทีกับฉันล่ะทำเหมือนทาส”
“เขาเรียกว่าทาสนก!” เฮเลนพูดพร้อมหัวเราะออกมาเบาๆ “ฉันรู้สึกว่าฉันจำได้เกี่ยวกับสัตว์วิเศษวิทยา -- ฟินิกซ์ออเกรย์มีเสียงร้องโหยหวนราวกับกำลังร้องเพลงไว้อาลัย มันจะร้องออกมาก็ต่อเมื่อมันสัมผัสได้ว่ามีคนใกล้จะตายเท่านั้น มันยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า แต่ผู้ที่ได้ยินเสียงของมันมักจะหวาดกลัวเสมอ”
เฮเลนพูดพลางเกาคางของมันเบาๆ
ลาเมียชูขอให้เธออย่างเพลิดเพลิน เดรโกพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ
ไม่นานนักเดรโกก็พาลาเมียกลับไปที่กรงและแอบพาเฮเลนออกจากห้องนั่งเล่นบ้านสลิรินเงียบๆ เพราะไม่เคยมีใครแอบพาคนนอกเข้ามาในห้องนั่งเล่นสลิธีรินมาตลอดเจ็ดศตวรรษแล้ว ดวงตาคมสีฟ้าซีสอดส่องไปทั่วอย่างไม่ไว้ใจ
เฮเลนไม่คิดว่าจะเหลือใครอยู่มากนักหรอกในเมื่อนักเรียนปีหกส่วนใหญ่อายุสิบเก้ากันหมดแล้ว
ทั้งสองเดินขึ้นมาที่ระเบียงชั้นเจ็ดเข้าไปในห้องต้องประสงค์อีกครั้งหนึ่ง
เฮเลนส่งเสียงเรียกแฮร์รี่อย่างแผ่วเบาในขณะที่เดรโกยกนาฬิกาขึ้นมองดู
แฮร์รี่สะบัดผ้าคลุมล่องหนออกแล้วเดินเข้ามาหาทั้งสอง
“แท็คโผล่มาไหม”
เฮเลนถาม
“ไม่เลย
นี่กี่โมงแล้วล่ะ” แฮร์รี่หันไปหาเดรโก
“เก้าโมงเกือบสิบโมงแล้ว”
เขาตอบ กวาดตามองไปรอบห้อง “คิดว่าตารางเรียนปีสี่น่าจะพักตอนสิบโมง
พวกนายไปซ่อนตัวก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะขอลองซ่อมตู้งี่เง่านั่นอีกรอบ”
“ได้”
แฮร์รี่รับคำ ดึงแขนเฮเลนให้เขามาอยู่ในผ้าคลุมล่องหน
ทั้งสองลงไปนั่งแอบไม่ไกลจากตรงตู้ที่เดรโกยืนอยู่นัก
เฮเลนเห็นว่าเดรโกดูเคร่งเครียดขึ้นมาในทันทีที่เขามองไปยังตู้อันตรธาน
เดรโกเปิดปิดตู้นั้นเป็นระยะและดูเหมือนว่าเขาไม่ได้พยายามส่งอะไรเข้าไปในนั้นเหมือนอย่างเคย
เฮเลนคิดว่าเขากลัวว่ามันจะซ่อมสำเร็จ
แต่ต่างกันที่ว่าไม่นานนักระหว่างที่กำลังเปิดปิดประตูนกสีดำตัวหนึ่งก็โผบินออกมา
เดรโกหันมองตามมันอย่างรวดเร็ว
สัญญาณไม่ค่อยดีปรากฏให้พวกเขาเห็นขึ้นมารางๆ แล้ว
เฮเลนไม่ค่อยสบายใจเลยที่เห็นแบบนั้น ดูเหมือนว่าอีกฝั่งหนึ่งกำลังพยายามต่อเข้ามาที่นี่เช่นกันและดูเหมือนว่ามันกำลังจะสำเร็จเสียด้วย
เฮเลนกำแขนเสื้อแฮร์รี่แน่น พูดอะไรไม่ออก
“อ้าว”
แต่เพียงไม่นานเสียงของใครบางคนก็ดังขึ้น “วันนี้ก็พบกันอีกแล้วนะครับคุณมัลฟอย”
เดรโกมองไปยังต้นเสียงด้วยสายตาเย็นชา
เขาไม่ตอบรับคำทักทายนั้นและทำเหมือนกับแท็คไม่มีค่าพอให้สนใจหรืออะไรทำนองนั้น
“แหม
ช่วงนี้เหมือนผมจะถูกเมินนะ” แท็คว่า ยิ้มออกมานิดหน่อย “รู้สึกเหมือนผมจะเห็นว่ามีคนอีกฝั่งติดต่อมาแล้วสินะครับ”
“คงงั้น”
เดรโกทำท่าเฉยชา มองไปยังแท็คด้วยแววตาที่ว่างเปล่า
“เหมือนการสกัดใจจะใช้ได้ผลดีเลยทีเดียวนะครับ”
แท็คยังคงยิ้มและพูดต่อ “ว่าแต่ว่าเรื่องคุณกับเฮเลนเป็นยังไงบ้าง
ผมรู้สึกเหมือนหมู่นี้เขาแปลกไปนะครับ”
“อะไร”
“ก็...
เหมือนกับเขาพยายามจะล้วงความลับจากผม” แท็คหรี่ตามองมายังจุดที่เฮเลนและแฮร์รี่นั่งแอบอยู่
มือเล็กกำเสื้อแฮร์รี่แน่นขึ้นอีก “เหมือนเขาต้องการรู้ว่าผมเป็นพวกของจอมมารรึเปล่า”
“แล้วไง”
เดรโกพูด “เกี่ยวอะไรกับฉัน”
“เกี่ยวสิครับ”
แท็คยังคงยิ้มกว้าง “ถ้าเกิดเขาไม่รู้จากคุณ เขาก็คงไม่สงสัยผมหรอกจริงไหม”
“ทำไมไม่คิดว่ายัยนั่นรู้เองบ้าง”
เดรโกตอบด้วยท่าทางเฉยเมย สองมือยังจับประตูตู้อันตรธานอยู่ “ยัยนั่นก็เหมือนแฮร์รี่
พอตเตอร์ ชอบจุ้นจ้านไม่เข้าเรื่องตลอดอยู่แล้ว”
เฮเลนได้ยินเสียงกรอดๆ
ดังมาจากคนข้างๆ ดูเหมือนว่าแฮร์รี่จะไม่พอใจหน่อยๆ ที่เดรโกเอาชื่อเขาไปอ้าง
แต่เธอเองก็ไม่พอใจเหมือนกัน ถึงมันจะเป็นเรื่องจริงก็เถอะ!
“งั้นเหรอครับ”
แท็คบอก “ทั้งที่ผมอยู่กับพวกเขามาตลอดสี่ปี
และอีกสองปีที่ไปอยู่ที่บ้านโพรงกระต่ายตอนที่คุณเฮอร์ไมโอนี่ไปวันคริสมาสต์
ผมว่าพวกเขาก็ไม่ได้แปลกไปจนถึงตอนนี้นี่ครับ”
“ก็ตอนนี้นายเป็นผู้เสพความตายนี่”
เดรโกออกความเห็น “ฉันไม่คิดหรอกนะว่าพวกนั้นจะไว้ใจนายได้ถ้าเกิดว่าพวกนั้นกำลังสงสัย
จริงไหม”
เดรโกเหลือบมองใบหน้าของแท็คแว้บหนึ่ง
เด็กหนุ่มเรือนผมสีดำใบหน้าหล่อเหลาแต่เต็มไปด้วยอารมณ์ยังคงยิ้มออกมาเหมือนกับไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับสิ่งที่เดรโกกำลังพูด
“ผมว่าคุณมีอะไรปิดบังอยู่นะครับ”
แท็คหรี่ตามองเดรโก แต่เขายังแสดงท่าทางเรียบเฉย
“ไม่นี่”
เขาพูด “ฉันไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรนายเลยสักนิด เพราะงั้นไปซะ
อย่ารบกวนการทำงานของฉัน”
“โอ...”
แท็คลากเสียง “ได้ครับ ได้แน่นอน”
เด็กหนุ่มยิ้มกว้างซึ่งดูยังไงมันก็เหมือนกับกำลังแสยะยิ้มเสียมากกว่า
เขาเดินออกไปจากห้องต้องประสงค์อย่างเนิบนาบพลางมองสำรวจไปทั่วด้วยดวงตาลึกลับของเขา
เฮเลนและแฮร์รี่รีบดึงผ้าคลุมล่องหนออกทันทีที่สียงประตูปิดดังขึ้นมา
“หมายความว่า”
แฮร์รี่พูด “เขาเป็นผู้เสพความตายมานานแล้วงั้นเหรอ!”
“ไม่รู้สิ”
เดรโกถอนหายใจ “เหมือนจะเป็นแบบนั้น
พวกนายเคยเห็นเขาใส่เสื้อแขนสั้นรึเปล่าตอนอยู่ด้วยกัน”
“ไม่”
เฮเลนตอบ “เขาใส่แต่เสื้อแขนยาวแล้วก็จะตื่นเช้ากว่าพวกเรามาก”
“แล้วเราก็จะเจอกับเขาแค่ไม่กี่ครั้ง”
แฮร์รี่พูดต่อ “หมอนั่นตั้งแต่เข้ามาเรียนที่ฮอกวอตส์
ฉันไม่เคยเห็นใส่เสื้อแขนสั้นเลยพูดตามตรง”
“ทุกอย่างมันคงแน่ชัดแล้ว”
เดรโกพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ “หมอนั่นต้องเป็นตัวการเชื่อมเรื่องทั้งหมดแน่ๆ”
ทุกคนเงียบไปอย่างใช้ความคิด
แต่ก่อนจะได้คิดอะไรมาก เดรโกก็ยกนาฬิกาขึ้นมาดูอีกครั้งและพบว่ามันใกล้จะถึงเวลาพักเที่ยงแล้ว
ทั้งสามแยกกันที่หน้าห้องต้องประสงค์ เฮเลนและแฮร์รี่เดินไปที่ห้องโถง
ส่วนเดรโกคาดว่าจะกลับไปที่ห้องนั่งเล่นรวมเพื่อจัดการอะไรบางอย่าง
ทั้งสองพบรอนและเฮอร์ไมโอนี่อยู่ในห้องโถงใหญ่
ทั้งสองทานอาหารกลางวันก่อนเวลาไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว
“ฉันทำได้!
แบบว่า... พอทำได้น่ะ” รอนบอกอย่างตื่นเต้นเมื่อทั้งสองนั่งลงที่โต๊ะ “ฉันต้องหายตัวไปนอกร้านน้ำชามาดามพุดดี้ฟุต
แต่ฉันเลยไปหน่อย ไปโผล่ใกล้ๆ ร้านสคริฟเวนชาฟต์ อย่างน้อยฉันก็เคลื่อนที่ล่ะนะ!”
“ดีจริง”
แฮร์รี่พูด “แล้วเธอล่ะเฮอร์ไมโอนี่”
“สมบูรณ์แบบเห็นได้ชัดๆ " รอนบอกก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะทันได้ตอบ “เจตนาสุขุม ใจหยั่งรู้และจนตรอก
หรืออะไรทำนองนั้น สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ
ตอนหลังทุกคนไปหาอะไรดื่มกันแป๊ปนึงที่ร้านไม้กวาดสามอัน นายน่าจะได้ยินทไวครอสเอาแต่พูดเรื่องเธอไม่ได้หยุด
ฉันจะแปลกใจมากถ้าเขาไม่ขอเฮอร์ไมโอนี่แต่งงานเร็วๆ นี้”
“แล้วเธอล่ะเป็นไง”
เฮอร์ไมโอนี่ถาม เมินใส่รอน “ไปอยู่ห้องต้องประสงค์ตลอดเลยเหรอ”
“อื้อ”
แฮร์รี่ตอบ “ฉันเจอท็องส์ก่อนเข้าไปในห้องด้วยล่ะ”
“ท็องส์เหรอ”
รอน เฮเลนและเฮอร์ไมโอนี่ทวนคำพร้อมกัน ท่าทางแปลกใจ
แฮร์รี่ไม่ได้เล่าให้เธอฟังเลย
“ใช่
โทษทีที่ไม่ได้บอกนะเฮเลน เขาบอกว่ามาหาดัมเบิลดอร์”
“เขาดูประสาทเสียนะช่วงนี้”
รอนว่า “คงเสียขวัญเรื่องที่กระทรวงแน่”
“ก็คงจะแบบนั้น”
เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางทำท่าวิตกกังวล “ทำไมเขาถึงทิ้งหน้าที่มาตามดัมเบิลดอร์ล่ะ”
“ฉันคิดได้อย่างหนึ่ง”
แฮร์รี่พูด ท่าทางไม่แน่ใจ “พวกเธอคิดไหมว่าเขาอาจจะรักกับซีเรียส”
ทั้งสามจ้องมองเขา
“อะไรทำให้นายคิดแบบนั้น”
เฮเลนถาม
“ไม่รู้สิ”
แฮร์รี่ยักไหล่ “เขาเกือบจะร้องไห้ตอนที่ฉันพูดถึงซีเรียส แล้วก็หลายๆ อย่าง”
“ก็น่าคิดล่ะนะ”
เฮอร์ไมโอนี่พูดช้าๆ “แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมท็องส์ถึงได้เข้ามาในปราสาทเพื่อหา ดัมเบิลดอร์
ถ้านั่นเป็นสาเหตุจริงๆ ที่เขามาที่นี่...”
“ก็กลับมาถึงที่ฉันพูดไว้ใช่ไหมล่ะ”
รอนว่าขณะโกยมันบดเข้าปาก “เสียขวัญน่ะ ผู้หญิงก็งี้”
“นั่นสิ!”
เฮอร์ไมโอนี่หรี่ตามองรอนท่าทางแปลกๆ “แต่ฉันน่ะสงสัยว่าจะมีผู้หญิงที่ไหนไหนที่ทำหน้างออยู่ตั้งครึ่งชั่วโมงเพราะว่ามาดามโรสเมอร์ทาไม่ยอมหัวเราะขำโจ๊กของเขาเรื่องแม่มดแก่ๆ
ผู้บำบัดแล้วก็ มิมบูลัส มิมเบิลโทเนีย น่ะ”
รอนเงียบกริบทำท่าเหมือนอยากจะงับหัวเฮอร์ไมโอนี่เข้าปากไปพร้อมมันบดเลยทีเดียว
ติดตามตอนต่อไป...
อีก 5 ตอนก็จะจบซีซั่น 2 แล้วจ้า >w<
ไรท์กำลังวางแผนซีซั่น 3 อยู่ และปัญหาอยู่ที่เฮเลนไม่ได้อยู่ใกล้ชิด
แฮร์รี่ดังเคยอีกต่อไปแล้ว เธอจะไปอยู่ที่ไหน? ไปทำอะไร?
แล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง? แฮร์รี่จะโผล่มาไหม? ทุกคนจะช่วยเธอรึเปล่า?
รอติดตามชมกันนะคะ ♥
ความคิดเห็น