ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfic Harry Potter] [OCxDM] If Harry Potter has a sister!

    ลำดับตอนที่ #41 : บทที่ 15 : คำขอของโวลเดอมอร์ (2)

    • อัปเดตล่าสุด 29 ส.ค. 64


    บทที่ 15 : คำขอของโวลเดอมอร์ (2)


    “เขาดูเหมือนคนบ้าที่ยอมเสี่ยงทุกอย่างเพื่อของพวกนั้น” แฮร์รี่พูดพลางขมวดคิ้ว

    “แต่ฉันว่าไม่นะ” เดรโกพูด “ล็อกเก็ตนั่นก็เป็นของเขาโดยชอบธรรมอยู่แล้วนี่”

    “อาจจะดูบ้า แต่ไม่ใช่สำหรับโวลเดอมอร์” ดัมเบิลดอร์บอก “ฉันหวังว่าพวกเธอคงจะเริ่มเข้าใจแล้วว่าของพวกนี้มีความหมายอย่างไร”

    “และตอนนี้ก็ถึงเวลาสำหรับความทรงจำสุดท้ายที่ฉันจะแสดงให้เธอดูอย่างน้อยก็จนกว่าเธอจะนำความทรงจำของศาสตราจารย์วลักฮอร์นมาได้ ความทรงจำของโฮกี้ห่างจากความทรงจำนี้ถึงสิบปี” ดัมเบิลดอร์กล่าว “เป็นช่วงสิบปีที่เราได้แต่คาดเดาว่าลอร์ดมืดทำอะไรบ้าง”

    ทั้งสามมองหน้ากันและหันไปหาเพนซิฟอีกครั้ง เดรโกกุมมือแน่นขึ้นและพาเฮเลนลงไปก่อนใครและพวกเขาก็ผ่านมวลสารสีเงินที่สั่นไหวลงไปยืนอยู่ในห้องทำงานที่เพิ่งจากมา เฮเลนมองฟอกส์นอนหลับอย่างมีความสุขอยู่บนคอน ด้านหลังโต๊ะทำงานนั้นคือดัมเบิลดอร์ ซึ่งดูคล้ายกับดัมเบิลดอร์คนปัจจุบันมากแต่บนใบหน้าเขาดูจะมีริ้วรอยน้อยกว่า สิ่งที่แตกต่างกันมากที่สุดคือในอดีตหิมะกำลังตกอยู่

    ครู่หนึ่งเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ดัมเบิลดอร์เอ่ยให้เขาผ่านเข้ามา

    เฮเลนสะดุ้งเฮือกบีบมือของเดรโกไปแรงๆ ทีหนึ่งเมื่อโวลเดอมอร์เข้ามาในห้อง หน้าตาของเขาไม่ใช่คนที่โผล่มาเมื่อตอนปีก่อนก็จริง แต่เขาไม่ใช่ทอม ริดเดิ้ลรูปหล่ออีกต่อไปแล้ว ราวกับว่าอวัยวะบนใบหน้าของเขาถูกไหม้และดูเลือนๆ บิดเบี้ยวพิกล เขาสวมเสื้อคลุมตัวยาวสีดำและใบหน้าซีดเผือดพอๆ กับหิมะที่ติดอยู่บนบ่า

    ดัมเบิลดอร์ที่นั่งอยู่หลังโต๊ะไม่แสดงท่าทีแปลกใจ เห็นได้ชัดว่าการเยี่ยมเยือนนี้นัดหมายเอาไว้แล้ว

    สวัสดีทอม ดัมเบิลดอร์พูด เชิญนั่ง

    ขอบคุณ โวลเดอมอร์ตอบและนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดียวกับที่เฮเลนนั่งตอนแรก

    ผมได้ยินว่าคุณได้เป็นอาจารย์ใหญ่ เขาเอ่ย เสียงสูงขึ้นและดูเย็นชา เป็นการเลือกที่สมควรมาก

    ฉันดีใจที่เธอเห็นด้วย ดัมเบิลดอร์พูดพลางยิ้ม จะดื่มอะไรหน่อยไหม

    ยินดีครับ โวลเดอมอร์ตอบ ผมเดินทางมาไกล

    ดัมเบิลดอร์ยืนขึ้นและโฉบไปที่ตู้ซึ่งปัจจุบันนี้เขาใช้เก็บเพนซิฟแต่ในเวลนั้นเต็มไปด้วยขวดมากมาย เขาส่งแก้วมีเชิงบรรจุไวน์ให้โวลเดอมอร์และรินให้ตนเองอีกแก้วก่อนจะเดินกลับมานั่งที่โต๊ะ

    ว่าไง ทอม... ฉันได้รับเกียรติต้อนรับเธอด้วยเหตุใด

    โวลเดอมอร์ไม่ตอบในทันที เพียงแต่จิบไวน์

    ไม่มีใครเรียกผมว่า ทอม อีกต่อไปแล้วเขาบอก เดี๋ยวนี้ใครๆ รู้จักผมในฐานะ...

    ฉันรู้ว่าใครๆ รู้จักเธอในฐานะอะไร' ดัมเบิลดอร์ตอบพร้อมยิ้มอย่างมีเมตตา แต่สำหรับฉันเธอก็ยังเป็ทอม ริดเดิ้ลอยู่เสมอ เกรงว่านี่เป็นสิ่งที่น่ารำคาญใจอย่างหนึ่งของครูแก่ๆ คือพวกเขาไม่เคยลืมการเริ่มต้นวัยเยาว์ของคนที่อยู่ในความดูแลได้เลย

    เขายกแก้วให้ราวกับจะดื่มอวยพรให้โวลเดอมอร์ผู้ซึ่งใบหน้ายังปราศจากอารมณ์

    ผมแปลกใจที่คุณอยู่ที่นี่นานเหลือเกิน โวลเดอมอร์เอ่ยหลังจากนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ผมสงสัยเสมอว่าทำไมพ่อมดเช่นคุณถึงไม่คิดจะไปจากโรงเรียน

    อ๋อ ดัมเบิลดอร์ส่งเสียงพลางยิ้ม สำหรับพ่อมดอย่างฉันนี่ ไม่มีอะไรสำคัญมากกว่าการส่งทอดความเชี่ยวชาญและช่วยกล่อมเกลาจิตใจที่อ่อนเยาว์ ถ้าฉันจำได้ถูกต้อง ครั้งหนึ่งเธอก็เห็นว่าการสอนดึงดูดใจด้วยเหมือนกัน

    ผมก็ยังคงเห็นอยู่ โวลเดอมอร์บอก ผมแค่สงสัยว่าทำไมคุณผู้ที่กระทรวงขอคำแนะนำอยู่บ่อยๆ และผู้ที่ผมคิดว่าได้รับเสนอตำแหน่งรฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์ถึงสองหน...

    ที่จริงสามหนถ้าหากนับครั้งสุดท้าย ดัมเบิลดอร์ตอบ แต่กระทรวงไม่ดึงดูดฉันเลยในแง่อาชีพ และนี่อีกที่ฉันว่าเป็นสิ่งที่เราเหมือนกัน

    โวลเดอมอร์ก้มศีรษะโดยไม่ยิ้มและจิบไวน์อีก ตอนนี้ดัมเบิลดอร์ไม่ได้ทำลายความเงียบที่ทอดยาวระหว่างทั้งสอง แต่รอยคอยอย่างหน้าตาชื่นบานให้โวลเดอมอร์พูดก่อน

    ผมกลับมา เขากล่าวหลังจากเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง บางที อาจจะช้ากว่าที่ศาสตราจารย์ดิพพิตหวังไว้ แต่ยังไงก็ตาม ผมกลับมาเพื่อขอสิ่งที่เขาเคยบอกว่าผมยังอายุน้อยเกินกว่าจะทำได้อีกครั้ง ผมมาขออนุญาตให้คุณให้ผมกลับมาที่ปราสาทนี้ เพื่อมาสอน ผมคิดว่าคุณต้องรู้ว่าผมได้เห็นและได้ทำอะไรมานับตั้งแต่จากนี้ไป ผมสามารถแสดงและบอกนักเรียนของคุณในสิ่งที่พวกเขาไม่อาจได้รับจากพ่อมดคนอื่นๆ

    ดัมเบิลดอร์พินิจโวลเดอมอร์ผ่านขอบถ้วยมีเชิงครู่หนึ่ง

    ใช่ แน่นอนว่าฉันรู้ว่าเธอได้เห็นและได้ทำอะไรมาตั้งแต่จากเราไป ดัมเบิลดอร์พูดเสียงเบา ข่าวลือเรื่องพฤติกรรมของเธอลอยมาถึงโรงเรียนเก่าของเธอ ทอม ฉันควรจะเสียใจที่เชื่อข่าวลือนั่นครึ่งหนึ่ง

    สีหน้าของโวลเดอมอร์ยังคงไร้อารมณ์

    ความยิ่งใหญ่จูงใจให้เกิดความริษยา เจตนาร้ายก่อให้เกิดเป็นคำโป้ปดมดเท็จ คุณต้องรู้เรื่องนี้ดัมเบิลดอร์

    เธอเรียกสิ่งที่เธอทำอยู่ว่า ความยิ่งใหญ่ งั้นเหรอ ดัมเบิลดอร์ถามอย่างระมัดระวัง

    แน่นอน โวลเดอมอร์ตอบ

    เวทมนตร์บางประเภท ดัมเบิลดอร์พูด เวทมนตร์บางประเภทของเธอนั้น... ขอโทษนะ... โง่เขลาอย่างน่าเสียใจ

    เป็นครั้งแรกที่โวลเดอมอร์ยิ้ม แต่ตาที่ชำเลืองมองนั้นน่าสะพรึงกลัวเอามากๆ

    การโต้เถียงเรื่องเดิมๆ เขาพูดอย่างนุ่มนวล แต่ไม่มีอะไรที่ผมได้เห็นในโลกนี้ที่สนับสนุนถ้อยแถลงอันมีชื่อเสียงของคุณ ที่ว่าความรักมีพลังอำนาจมากกว่าเวทมนตร์ของผมดัมเบิลดอร์

    บางทีเธออาจมองในที่ผิดก็ได้ ดัมเบิลดอร์ชี้แนะ

    ดี ถ้างั้นมีที่ไหนที่ผมจะได้เริ่มต้นการค้นคว้าใหม่ดีกว่าที่นี่ ที่ฮอกวอตส์นี่ล่ะ โวลเดอมอร์ถาม คุณจะให้ผมกลับมาไหม คุณจะให้ผมแบ่งปันความรู้ของผมกับนักเรียนของคุณไหม ผมขอมอบตัวเองและพรสวรรค์เพื่อรับใช้คุณ ผมพร้อมฟังคำสั่งคุณ

    ดัมเบิลดอร์เลิกคิ้ว

    จะเกิดอะไรขึ้นกับพวกที่เรียกตัวเองว่าผู้เสพความตายล่ะ

    เฮเลนคิดว่าโวลเดอมอร์คาดไม่ถึงว่าดัมเบิลดอร์จะรู้ชื่อนี้

    เพื่อนของผม เขาพูด จะดำเนินชีวิตโดยปราศจากผม ผมแน่ใจ

    ฉันดีใจที่ได้ยินเธอนึกถึงเขาในฐานะเพื่อน ดัมเบิลดอร์ตอบ ฉันเคยเข้าใจผิดว่าพวกนั้นทำตัวเหมือนคนรับใช้มากกว่า

    คุณเข้าใจผิด โวลเดอมอร์พูด

    ถ้าเช่นนั้น ถ้าฉันจะไปที่ร้านหัวหมูคืนนี้ ก็คงจะไม่พบพวกเขาทั้งกลุ่มคอยเธอกลับไปหาหรอกใช่ไหม ทั้งน็อตต์ โรซิเออร์ มัลซิเบอร์และโดโลฮอฟ เพื่อนที่อุทิศตัวจริงๆ เดินทางมากับเธอตั้งไกลในคืนที่หิมะตก เพียงเพื่อจะอวยพรใช่เธอโชคดีในการพยายามหาตำแหน่งสอนให้ได้

    ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโวลเดอมอร์รู้สึกยินดีน้อยลงอีกที่ดัมเบิลดอร์รู้อย่างละเอียดว่าใครเดินทางมากับเขาบ้าง

    คุณช่างรอบรู้ทุกอย่างเหมือนเคยนะ ดัมเบิลดอร์

    โอ้ ไม่ใช่หรอก ก็เป็นแค่เพื่อนกับคนขายเหล้าประจำถิ่นเท่านั้นล่ะ ดัมเบิลดอร์ตอบอย่างไม่ยี่ระ เอาล่ะ ทอม...

    ดัมเบิลดอร์วางแก้วเปล่าลงและยืดตัวบนที่นั่ง

    เราพูดกันแบบเปิดอกเลยเถอะ ทำไมถึงมาที่นี่คืนนี้ ล้อมรอบด้วยลูกสมุน เพื่อของานที่เราสองคนรู้ว่าเธอไม่ต้องการ

    โวลเดอมอร์มีท่าทางประหลาดใจอย่างเยือกเย็น

    งานที่ผมไม่ต้องการเหรอ ตรงกันข้ามดัมเบิลดอร์ ผมต้องการมากๆ

    อ๋อ เธอต้องการกลับมาฮอกวอตส์ แต่เธอไม่ต้องการสอนมากไปกว่าที่ต้องการเมื่อตอนอายุยี่สิบ อะไรคือสิ่งที่เธอตามหาอยู่ ทอม ทำไมไม่ขอมาตรงๆ สักครั้งหนึ่งล่ะ

    โวลเดอมอร์ยิ้มเยาะๆ

    ถ้าคุณไม่ต้องการให้งานผม...

    แน่นอนฉันไม่ต้องการ ดัมเบิลดอร์ตอบ และฉันไม่คิดสักอึดใจเดียวว่าเธอคาดว่าฉันจะให้งานเธอด้วย ยังไงก็ตาม เธอมาที่นี่ เธอมาขอ เธอต้องมีจุดประสงค์บางอย่าง

    โวลเดอมอร์ยืนขึ้น เขาเหมือนทอม ริดเดิ้ลน้อยลงไปอีก ใบหน้าเขาฉายแววกราดเกรี้ยว

    นี่เป็นคำขาดของคุณหรือ

    ใช่แล้ว ดัมเบิลดอร์ตอบ ยืนขึ้นเช่นกัน

    ถ้าอย่างนั้น เราก็ไม่มีอะไรจะต้องพูดกันอีกแล้ว

    ไม่มี ดัมเบิลดอร์ว่า ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าเสียใจอย่างลึกซึ้ง ช่วงเวลาที่ฉันทำให้เธอกลัวได้ด้วยการเผาตู้เสื้อผ้าและบังคับให้เธอชดใช้การทำผิดนั้นผ่านไปนานเหลือเกินแล้ว แต่ฉันหวังนะทอม ฉันหวังว่าฉันจะ...

     อึดใจหนึ่งเด็กสามคนรู้สึกตกใจเมื่อแน่ใจว่ามือของโวลเดอมอร์กระตุกไปทางกระเป๋าไม้กายสิทธิ์ แต่แล้วนาทีนั้นก็ผ่านไป โวลเดอมอร์หันหลังกลับ ประตูปิดลงและเขาก็จากไป แรงกระตุกเบาๆ ที่มือทำให้เฮเลนรู้ว่าอีกอึดใจต่อมาพวกเขาก็กลับมายืนอยู่ที่บริเวณที่เกือบจะเหมือนที่เดิม แต่ต่างกันตรงไม่มีหิมะที่หน้าต่าง

    “ทำไมครับ” แฮร์รี่ถามทันที เงยหน้ามองดัมเบิลดอร์ “ทำไมเขาถึงกลับมา อาจารย์ทราบไหมครับ”

    “ฉันก็พอมีความคิดอยู่บ้าง” ดัมเบิลดอร์ตอบ “แต่ไม่มีมากกว่านั้นหรอก”

    “ความคิดอะไรครับ” เดรโกถาม

    "ฉันจะบอกพวกเธอหลังจากที่ได้ความทรงจำของศาสตราจารย์ซลักฮอร์นมาแล้ว” ดัมเบิลดอร์ตอบ “เมื่อได้ภาพต่อชิ้นสุดท้ายของปริศนา ฉันหวังว่าทุกๆ อย่างจะกระจ่าง สำหรับเราสี่คน”

    ดัมเบิลดอร์เดินไปที่ประตูและเปิดออกเพื่อเชื้อเชิญให้พวกเขาออกไป แต่ยังคงไม่มีใครขยับเนื่องจากมีความสงสัยอยู่เต็มไปหมดในหัวของทั้งสาม

    “เขาต้องการสองวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด” เฮเลนว่า “แต่ครั้งล่าสุดนี่เขาไม่ได้บอก...”

    “เขาต้องการวิชานั้นอย่างแน่นอน” ดัมเบิลดอร์ตอบ “ผลลัพธ์ของการพบปะสั้นๆ ของเราพิสูจน์ได้แน่ พวกเธอรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าเราไม่เคยมีครูสอนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดที่อยู่ได้นานเกินหนึ่งปีเลย ตั้งแต่ฉันปฏิเสธไม่ให้ตำแหน่งนั่นแก่ลอร์ดโวลเดอมอร์”

    ทั้งสามคนมองหน้ากันก่อนจะทยอยกันเดินออกจากห้องทำงานของดัมเบิลดอร์ ความเงียบเข้าปกคลุมเมื่อพวกเขาเดินออกมาจากรูปปั้นสัตว์ประหลาด ไม่มีใครพูดอะไรทั้งสิ้น เฮเลนรู้สึกได้ว่าเดรโกยังคงเคืองแฮร์รี่อยู่นิดหน่อยที่เขาทำให้เธอต้องเข้ามาล่วงรู้เรื่องนี้เข้า เธอจึงเลื่อนแขนไปคล้องแขนของพี่ชายฝาแฝดและเดรโกในทันที

    “เฮ้ย!” เดรโกอุทาน “ทำอะไรของเธอ”

    “จะปั้นบึ้งใส่กันไปถึงไหน” เฮเลนพูดพลางทำแก้มป่องใส่เดรโก เขาหันหน้าหนีไปทันที “แฮร์รี่ไม่ได้ผิดสักหน่อย”

    แฮร์รี่พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ แลดูว่าฝั่งนี้เองก็อาจจะเคืองเรื่องที่โดนกระชากคอเสื้อเช่นกัน

    “แฮร์รี่ก็พูดอะไรบ้างสิ!” เฮเลนว่า

    “ฉันควรจะยิ้มแล้วบอกว่า ไม่เป็นไรหรอกเดรโก แค่กระชากคอเอง ใช่ไหม!” เขาตอบเสียงขุ่น

    “แล้วนายอยากให้ยัยเปี๊ยกนี่เข้ามาเกี่ยวทำไมล่ะ” เดรโกสวนทันที “ฉันก็บอกย้ำทุกรอบว่าไม่อยากให้ยัยนี่มายุ่ง รู้ไหมว่าฉัน...”

    “อะไรเหรอคะ คุณมัลฟอย” เฮเลนหันไปมองหน้าเดรโกพลางทำเสียงล้อเลียน

    “เปล่า!” เขาพูด หันไปมองอีกทางหนึ่ง “อย่ามาทำหน้าแบบนั้นนะยัยเพี้ยน!

    “ฉันรู้ว่านายเป็นห่วง” แฮร์รี่ว่า “ยัยนี่ก็น้องสาวฝาแฝดฉันเหมือนกันนั่นแหละ ฉันก็ห่วงพอๆ กับนาย ไม่สิ! ยิ่งกว่านายด้วยซ้ำมั้ง”

    แฮร์รี่พูดดูเหมือนพยายามทำเสียงให้ดูปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ เฮเลนรู้ว่าเขากำลังหงุดหงิดอยู่ไม่น้อยเลย

    “แล้วฉันก็ไม่รู้ด้วยว่านายไปอยู่กับใคร” แฮร์รี่ยังพูดต่อ “นายทำผิดสัญญาที่ให้ไว้กับฉันรึเปล่าเดรโก! ระหว่างที่ไม่ได้เจอยัยนี่ นายแอบไปไหนกับยัยแพนซี่โดยที่ฉันไม่เห็นใช่ไหม บอกมา!

    เดรโกพ่นลมหายใจแรงๆ เหมือนกับกำลังรำคาญก่อนจะหันกลับมาประจันหน้ากับแฮร์รี่

    “อย่ามาตลก! ฉันบอกแพนซี่ไปแล้วว่าฉันทำไม่ได้” เขาพูด “ฉันเห็นหน้าเฮเลนซ้อนอยู่บนหน้ายัยนั่นด้วยซ้ำไป นายไม่รู้หรอกว่ามันแย่แค่ไหน พอตตี้!

    “นี่” เฮเลนขัด “พอตเตอร์ก็นามสกุลฉันนะเดรโก”

    “ขอโทษ” เขาตอบห้วนๆ ใบหน้าของแฮร์รี่และเดรโกยังคงบึ้งตึง เฮเลนหัวเราะออกมานิดหน่อย

    “ฉันคิดว่าพวกนายมีอะไรเหมือนกันนะ” เฮเลนว่า

    “ตรงไหน!” แฮร์รี่และเดรโกพูดพร้อมกันและหันไปแง่งๆ ใส่กันอีกรอบโดยมีเธออยู่ตรงกลาง

    “ตรงที่เป็นห่วงฉันเหมือนกันไง” เฮเลนตอบพร้อมยิ้มแป้น “ขอบคุณนะ!

    แฮร์รี่และเดรโกหันมามองหน้าเฮเลนพร้อมกัน ทั้งสองพ่นลมหายใจออกมาราวกับกำลังเหนื่อยใจ แฮร์รี่ยิ้มน้อยๆ ส่วนเดรโกก็หันหน้าหนีไปเป็นรอบที่สาม เฮเลนหัวเราะเบาๆ และเดินควงแขนทั้งสองคนไปตามระเบียงทางเดินเรื่อยๆ พร้อมหาเรื่องชวนคุยจนทั้งสองเหมือนจะลืมเรื่องที่ทะเลาะกันไป

    “งั้นฉันขึ้นห้องนั่งเล่นก่อน” แฮร์รี่พูดเมื่อเดินมาถึงบันไดเวียน “รีบตามมาก่อนที่ฟิลช์จะเจอพวกเธอล่ะ”

    แฮร์รี่หันหลังเดินขึ้นไปตามบันได เฮเลนมองตามหลังเขาไปนิดหน่อยก่อนจะหันไปมองหน้าเดรโกที่ยังไม่ยอมหันหน้ามามองเธอเลยตอนนี้

    “เดรโก” เฮเลนกระซิบ “ฉันคิดถึงนาย”

    ร่างสูงสะดุ้งหันหน้ามามองคนตัวเล็กที่ยังคล้องแขนเขาอยู่อย่างรวดเร็ว ดวงตาคมสีฟ้าซีดต้องแสงจันทร์เหมือนกับวันแรกที่เธอพบเขา มันมีสเน่ห์และดึงดูดมากขึ้นอย่างน่าประหลาด โถงทางเดินอันเงียบเชียบไร้ผู้คนทำให้เฮเลนรู้สึกเหมือนกับว่ามีความกล้าขึ้นมานิดหน่อย

    มือเล็กเลื่อนไปสัมผัสใบหน้าของเดรโกอย่างแผ่วเบา ใบหน้านี้เคยมีน้ำตาไหลออกมาเพราะความเจ็บปวดมากมายแค่ไหนกันแล้วนะ เธอไม่อยากจะคิด บางทีเขาอาจจะทรมานใจมากกว่าที่เธอเป็นเสียอีก ดวงตากลมโตมองเข้าไปในดวงตาสีฟ้าซีดนั้นอย่างมีความหมาย เดรโกเลื่อนมือมาโอบเอวของเฮเลนเอาไว้และรั้งให้ร่างบางขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นอีกนิดหนึ่ง

    “ฉันคิดว่าจะไม่ได้ยินคำนี้จากปากเธอแล้วนะยัยทึ่ม”

    “รู้สึกดีล่ะสิ” เฮเลนหัวเราะเบาๆ

    “แน่นอน” เขาตอบ “ก็มีแค่ฉันคนเดียวนี่ที่บอกอยู่ตลอดว่าคิดถึงเธอ”

    เดรโกว่าพลางใช้มือซ้ายเลื่อนมาวางลงบนมือเล็กที่ยังอยู่ตรงใบหน้าของเขา มือเรียวดึงมือซ้ายของเฮเลนลงมาพร้อมกับมองแหวนวงเล็กที่ดูแน่นไปนิดหน่อยบนนิ้วกลางมือซ้ายของเธอ ริมฝีปากบางยกยิ้มขึ้นมาก่อนจะพรมจูบลงที่หลังมือนั้นอย่างแผ่วเบา

    “ฉันคิดว่าจะทำให้พอดีนิ้วเธอ” เดรโกพูด “แต่ไม่ใช่นิ้วกลางนะ”

    “ก็ฉันไม่คิดว่าจะเป็นของนาย” เฮเลนตอบ “ตอนนั้นนายไล่ฉันอย่างกับไล่หมา”

    เฮเลนเบ้หน้า เดรโกหัวเราะน้อยๆ บางทีเขาอาจจะกำลังนึกถึงตอนที่เขาเล่นละครไล่เธอให้ไปให้พ้นตอนนั้นก็ได้ เธอหรี่ตามองเขาอย่างเคืองๆ พลางดึงมือซ้ายออกมาจากมือของเขาและถอดแหวนออกอย่างรวดเร็ว เดรโกทำท่าตกใจรั้งเอวให้เธอเข้ามาแนบชิดกับเขามากขึ้น

    “เธอจะถอดทำไมล่ะ!” เขาว่า

    “ก็ฉันใส่ผิดนิ้วไม่ใช่เหรอ!” เฮเลนพูด “ก็ใส่ให้สิ ตาทึ่ม!!

    เฮเลนดันตัวเขาออกและยัดแหวนใส่มือขวาของเขาอย่างรวดเร็ว เดรโกทำหน้างงนิดหน่อยก่อนจะยิ้มออกมาตอนที่เฮเลนยื่นมือซ้ายออกไปให้ เขาคุกเข่าลงตรงหน้าของเธอพร้อมกับจับมือซ้ายของเธอเอาไว้ก่อนจะบรรจงสวมแหวนสลักลายวิจิตรงดงามลงบนนิ้วนางของเธอ

    “มันเป็นของขวัญวันคริสมาสต์” เดรโกบอก “จริงๆ ฉันอยากให้เธอเจอลาเมียสักครั้งถ้าเกิดว่าเจ้านั่นยอมมาเจอล่ะนะ”

    “ลาเมีย?” เฮเลนทวนคำ

    “สัตว์เลี้ยงแสนรักของฉันเอง” เดรโกพูดพลางยันตัวลุกขึ้นยืน “นกฟินิกซ์ออเกรย์ มันขี้อายจนไม่ยอมพบใครเลย ฉันหวังว่ามันคงจะโอเคกับเธอล่ะ”

    “นายเลี้ยงนกฟินิกซ์?” เฮเลนย้ำ “มีใบขออนุญาตเลี้ยงสัตว์วิเศษแล้วเหรอ!

    “เธอคิดว่าพ่อฉันเป็นใครยัยบื้อ” เดรโกพูด น้ำเสียงสลดลงไปเล็กน้อยเมื่อได้เอ่ยถึงลูเซียส

    “ฉันรู้แล้ว” เธอทำเสียงอ่อนลงทันที “ไว้ว่างก็แล้วกัน ที่ไหนล่ะ”

    “มันไม่ค่อยยอมออกมาจากห้องนั่งเล่นหรอก” เขาตอบ “ถ้าอยากเจอก็ต้องไปห้องนั่งเล่นสลิธีรินล่ะ”

    “ตลก!” เฮเลนพูด “ฉันอยู่กริฟฟินดอร์ จะเข้าไปห้องนั่งเล่นบ้านนายได้ไง ตาบ้า!

    เธอทุบเขาเข้าให้ทีหนึ่ง เดรโกลูบแขนตรงที่โดนทุบไปมาเบาๆ ด้วยใบหน้าบูดเบี้ยว

    “ให้ฉันพาเข้าไปไง” เขาบอก “ไม่เห็นต้องซีเรียสเลย ช่วงวันหยุดก็ได้”

    “ไม่มีวันหยุดอีกแล้วย่ะ!” เฮเลนเบ้หน้า แลบลิ้นใส่เดรโก

    ร่างสูงยกยิ้มมุมปากสองมือรวบเอวบางเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง เฮเลนตกใจจนเกือบจะร้องออกมา เขาจุ๊ปากเบาๆ และมองจ้องมายังริมฝีปากบางนั้นด้วยสายตาโหยหา เขาใช้มือซ้ายจับแขนของเฮลนให้ยกขึ้นไปพาดบ่า ใบหน้าเลื่อนเข้ามาใกล้กับใบหน้าของเธอจนลมอุ่นๆ เป่ารดจมูก เฮเลนรู้สึกเหมือนมีอะไรถ่วงกระเพาะ ก้อนเนื้อในอกกำลังเต้นดิสโก้กันอย่างรุนแรงจนไม่น่าให้อภัย

    “ขอฟังอีกทีได้ไหม” เดรโกพูด “สิ่งที่เธอกำลังจะบอกฉันในห้องต้องประสงค์”

    “อะ อะไร” เฮเลนอึกอัก

    “ไม่บอกโดนทำโทษ” เขาพูดอีกครั้ง “อยากโดนทำโทษหรืออยากได้รางวัล”

    “ทำโทษยังไงล่ะ” เฮเลนเอ่ยถาม

    “จูบ”

    “แล้วรางวัลล่ะ”

    “จูบ”

    “มันต่างกันตรงไหน!” เด็กสาวแบะปาก “ตอบไม่ตอบก็...”

    ริมฝีปากบางยังไม่ทันขยับพูดจบก็ถูกเจ้าของร่างสูงชิงครอบครองมันไปเสียแล้ว เดรโกดื่มด่ำความหวานจากริมฝีปากบางอย่างไม่รู้จักพอ เขาตักตวงความสุขที่เคยหายไปด้วยความโลภที่ก่อสุมขึ้นมาในใจนับตั้งแต่วันที่ไล่ให้เธอไป มันเต็มไปด้วยความต้องการจนไม่อาจละริมฝีปากออกจากริมฝีปากของเธอได้

    “ก็จูบเหมือนกัน”

    เขาถอนจูบออกและก้มลงกระซิบข้างใบหูด้วยเสียงสั่นนิดๆ ชวนให้ขนลุก เฮเลนรู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงถูกสูบไปพร้อมจูบนั้น ขาของเธอสั่นๆ ราวกับจะล้มลงได้ทันทีถ้าเกิดว่าเดรโกปล่อยร่างของเธอให้เป็นอิสระ ใบหน้าร้อนผ่าวมาจนถึงใบหู ตอนนี้เธอไม่รู้เลยว่าเธอกำลังทำหน้าตาแบบไหนอยู่กันแน่

    “ไหน จะบอกได้รึยัง” เดรโกทวงคำตอบ

    “บะ บอกอะไร” เฮเลนอ้ำอึ้ง รู้สึกเคืองนิดหน่อย “จะให้บอกอะไรอีกตางั่ง”

    “นั่นสิ” เดรโกว่าพลางจ้องเข้าไปในดวงตากลม “อยากจะบอกอะไรล่ะ”

    “เดรโก!” เฮเลนลดมือลงมาทุบหน้าอกกว้างเบาๆ อย่างเขินอาย เดรโกหัวเราะน้อยๆ

    “ก็เธอบอกว่าจะบอกนี่” เขาว่า

    “แต่ตอนนั้นนายไม่ฟังนี่นา” เฮเลนว่า “จะให้ฉันมาพูดตอนนี้เหรอ มันจะไม่...”

    “แน่นอนว่าเธอพูดแน่” ร่างสูงเลียริมฝีปากเบาๆ พลางจ้องมองใบหน้าใสอย่างเจ้าเล่ห์

    “ก็ได้!” เธอพูด “ฉันแค่จะบบอกว่า... เดี๋ยว!

    เดรโกเลิกคิ้ว

    “นายเองก็ไม่เคยบอกเหมือนกันนี่!” เฮเลนว่า “นายเองก็ไม่เคยบอกว่านายรู้สึกยังไง”

    “ฉันเคยบอกไปแล้ว” เดรโกเถียง “ฉันเคยบอกตอนอยู่ที่ใต้ต้นบีชริมทะเลสาบ! -- ในจดหมายฉันก็ยังบอกเลยนะ ยัยโง่!

    เฮเลนเบ้หน้า นั่นมันตั้งแต่ปีที่แล้วแถมยังไม่มีอะไรเหมือนเดิมเลยตั้งแต่ขึ้นปีหกมา แถมเขายังเคยผลักไสอีก จะต้องให้เธอย้ำใส่เขาไหมว่าตอนแรกมันรู้สึกแย่แค่ไหนที่โดนไล่ออกมาแบบนั้นน่ะ!

    “นั่นมันตั้งแต่ปีที่แล้วแล้วนะ!” เฮเลนว่าต่อ "แล้วในจดหมาย นั่นก็ไม่ได้พูดด้วย นายก็แค่เขียน -- เขียนมันง่ายกว่าพูดอีกไม่ใช่เหรอ"

    “มันก็หมายความว่าบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ” เขาพูด “เธอยังไม่เคยบอกอะไรฉันเลยนะ”

    “นี่!” เฮเลนแบะปาก “ก็ได้! ฉัน...”

    เธอเงียบไป เงยหน้าขึ้นสบดวงตาสีฟ้าซีดตรงหน้าและพลันทำให้ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอีก

    “เอ่อ... ฉัน...” เฮเลนอึกอัก

    “ว่าไงครับ” เดรโกพูดพลางเอียงคอไปใกล้กับใบหน้าหวานมากขึ้น

    “ฉันระ...”

    “นักเรียน! นักเรียนไม่ได้รับอนุญาตให้ออกมาเดินข้างนอกยามวิกาล!!” เสียงตะโกนอย่างเดือดดาลของฟิลช์ดังขึ้นพร้อมกับร่างของภารโรงจอมยุ่งปรากฏขึ้นไม่ไกลจากตรงที่พวกเขายืนอยู่นัก “ฉันจะต้องพาพวกเธอไปพบอาจารย์ใหญ่! หยุดนะ!!

    ทั้งสองผละออกจากกันทันที เฮเลนกระโดดขึ้นไปจุ๊บแก้มของเดรโกอย่างรวดเร็วก่อนจะหันหลังวิ่งจู๊ดขึ้นไปยังห้องนั่งเล่นพร้อมกับที่เดรโกเองก็รีบสาวเท้ากลับห้องนั่งเล่นของตัวเองอย่างรวดเร็วพร้อมรอยยิ้มที่ไม่ได้ปรากฏบนใบหน้าของเขามานานมากแล้ว...

    “นานมาก” แฮร์รี่หรี่ตามองเธอทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้อง “แถมปากเจ่อ”

    เฮเลนยกมือขึ้นมาปิดริมฝีปากของตนทันทีที่แฮร์รี่พูด รอนและเฮอร์ไมโอนี่หลุดขำออกมาทันทีราวกับว่าทั้งสามคนนั่งเดากันอยู่ว่าเธอกับเดรโกไปทำอะไรกันมา เธอเดินไปนั่งลงที่โซฟาอีกตัวข้างเฮอร์ไมโอนี่ ครุกแชงก์ไม่รอช้ากระโดดขึ้นมานอนตักเฮเลนในทันที่ที่ก้นของเธอถึงเบาะราวกับว่ามันกำลังรอให้เธอมาปรากฏตัวอยู่อย่างนั้น

    “ทีนี้เราจะได้ไม่ต้องลำบากใจเวลาต้องคุยเรื่องนี้กันอีกแล้ว” รอนว่าพลางตบมือเปาะแปะ

    “แต่รู้เอาไว้ว่าระหว่างรอเธอ” เฮอร์ไมโอนี่พูด “แฮร์รี่ยังไม่ละสายตาออกจากหนังสือปรุงยาของเจ้าชายเลือดผสมของเขาเลย!

    เด็กสาวผมฟูพูดอย่างไม่พอใจพลางมองไปยังหนังสือที่แฮร์รี่ถืออยู่ในมือด้วยสายตาขุ่นๆ

    “ฉันขอบอกว่าเจ้าชายของเธอช่วยเรื่องนี้ไม่ได้หรอกแฮร์รี่!” เฮอร์ไมโอนี่พูดย้ำ “มีวิธีเดียวที่จะบังคับให้ใครทำสิ่งที่เธอต้องการได้มีแต่คำสาปสะกดใจ ซึ่ง...”

    “แท็คทำกับมาดามโรสเมอร์ทา” แฮร์รี่พูดก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะพูดจบ

    “เออใช่” เธอพูด “ฉันไม่คิดว่าเขาจะเป็นผู้เสพความตาย เขาอยู่กับฉันช่วงหน้าร้อนโดยไม่มีอะไรแปลกเลย”

    “แต่เขาถามถึงฉันตลอด” เฮเลนว่า “นั่นหมายถึงเขามีเป้าหมายเป็นฉัน”

    “แต่เขาเป็นพวกเกิดจากมักเกิ้ล! เธอคิดว่า...”

    “เขาอาจไม่ใช่แท็คตัวจริง” เฮเลนแทรกขึ้นทันที “เขาเหมือนโวลเดอมอร์สมัยหนุ่มมากจนน่ากลัว เธอคิดว่าเขาเป็นแค่เด็กที่เกิดจากมักเกิ้ลจริงๆ น่ะเหรอ”

    “ไม่รู้สิ!” เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้า “ฉันรู้จักกับเขามาตั้งแต่ยังเด็ก เขาเป็นคนฉลาดมากแต่บางครั้งก็ดูเหมือนแกล้งทำเป็นไม่รู้อะไรเลย”

    เฮเลนหันไปมองกองไฟในเตาผิง ถ้าตอนนี้ซีเรียสยังอยู่ เธอคงอาจจะพอถามอะไรจากเขาได้บ้าง แต่โชคร้ายที่ตอนนี้ไม่มีซีเรียสอีกแล้ว

    “แล้วแท็คไปเป็นผู้เสพความตายตั้งแต่ตอนไหน” รอนถาม “ฉันว่าเขาก็อยู่ในภาคีตลอดปีที่แล้ว”

    “เพราะเขาอยู่ในภาคีไงถึงได้น่าสงสัย” แฮร์รี่พูดบ้าง “มันมีหลายครั้งที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นแต่แท็คทำเหมือนรู้ทุกอย่างอยู่แล้ว เขาดูไม่ตื่นเต้นเลยที่มีเรื่องพวกนั้นเกิดขึ้น พวกนายไม่สงสัยเรื่องนี้บ้างเหรอ”

    “มันก็ถูก” เฮอร์ไมโอนี่ว่า อ้าปากจะพูดบางอย่างแต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา

    “เพราะเขาไม่ใช่ผู้รักษาความลับ” เฮเลนตอบสิ่งที่เธอคิดว่าเฮอร์ไมโอนี่จะพูด “เขาถึงบอกไม่ได้ว่าฐานทัพภาคีตั้งอยู่ที่กริมโมลด์เพลซ แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ บางเรื่องเขาอาจจะถามจากแม่ของนายก็ได้นะรอน”

    “เธอคิดงั้นเหรอ” รอนขมวดคิ้ว “ขนาดพวกเราเขายังไม่บอกเลยว่าทำอะไรกันบ้าง แล้วคิดว่า...”

    “คิดสิ!” แฮร์รี่แทรกขึ้นมา “เพราะว่าเขาแค่ถามว่าไปไหน ไม่ได้ถามว่าไปทำอะไรใช่ไหมล่ะ”

    รอนเงียบ เฮอร์ไมโอนี่ก็เช่นกัน ไม่นานนักทั้งสี่ก็แยกย้ายกันขึ้นหอนอนเนื่องจากเวลาล่วงเลยมาจนเกือบเที่ยงคืนแล้ว เฮเลนเตือนว่าพรุ่งนี้จะต้องตื่นแต่เช้าเพราะบางทีซลักฮอร์นอาจจะต้องการพบแฮร์รี่ก็ได้ ใครจะรู้



    ติดตามตอนต่อไป...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×