คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #40 : บทที่ 14 : คำขอของโวลเดอมอร์ (1)
บทที่ 14 : คำขอของโวลเดอมอร์ (1)
วันจันทร์ แฮร์รี่กับรอนออกจากห้องพยาบาล ผลตอบรับที่ดีที่สุดในตอนนี้คือเฮอร์ไมโอนี่กับรอนยอมลงมาทานอาหารเช้าพร้อมกันแล้ว
เฮเลนรู้สึกใจชื้นขึ้นมานิดหน่อยเมื่อเรื่องร้ายๆ กำลังจะกลายมาเป็นดีขึ้น
เธอมีข่าวเรื่องจินนี่กับดีนทะเลาะกันหนักๆ
มาฝากทั้งสองคนต้อนรับการออกจากห้องพยาบาล แฮร์รี่ทำหน้ามีความหวังในทันที
“ถ้าวันนั้นคู้ตกับพีกส์จับแฮร์รี่เอาไว้ไม่ทัน
แฮร์รี่อาจจะบาดเจ็บหนักกว่านี้อีกนะ” เฮอร์ไมโอนี่ว่าในขณะที่ทั้งสี่กำลังเดินไปตามระเบียงทางเดินชั้นเจ็ด
“อ้อใช่! เกือบลืม”
เฮอร์ไมโอนี่ร้องเมื่อพวกเขาเดินไปได้ครึ่งทาง
เธอค้นหาของในกระเป๋าไปมาอยู่พักหนึ่งจนในที่สุดก็ดึงม้วนกระดาษแข็งออกมาส่งให้แฮร์รี่
เป็นม้วนกระดาษแข็งม้วนเล็กๆ
ซึ่งเฮเลนมองใบหน้าของแฮร์รี่ทันทีที่เขารับมันมาจากเฮอร์ไมโอนี่และคลี่ออกอ่าน
“คืนนี้”
เขาบอก
“อย่าลืมที่ฉันพูดล่ะแฮร์รี่”
เฮเลนย้ำ แฮร์รี่หันมาพยักหน้าด้วยสีหน้าไม่ชอบใจนัก
ทั้งหมดเริ่มต้นเดินต่อไปยังห้องโถงใหญ่
แต่ในขณะที่กำลังเดินอยู่รอนก็เบรกตัวโก่งเมื่อเห็นลาเวนเดอร์
บราวน์ยืนอยู่ที่เชิงบันไดหินอ่อนท่าทางกราดเกรี้ยวมาก
“หวัดดี”
รอนเอ่ยทักน้ำเสียงหวาดหวั่น
“ไปเถอะ” แฮร์รี่พึมพำ เฮเลนดึงแขนเฮอร์ไมโอนี่ให้เดินตามแฮร์รี่ไป เสียงลาเวนเดอร์ตวาดยกใหญ่ใส่รอนที่ทำหน้าขอความช่วยเหลือ เสียงลาเวนเดอร์ดังมากพอจะให้เฮเลนได้ยินด้วยซ้ำกับคำถามที่ว่าทำไมถึงได้อยู่กับเฮอร์ไมโอนี่
รอนดูหงุดหงิดเมื่อโผล่เข้ามากินอาหารเช้าหลังจากที่ทั้งสามจัดการอาหารตรงหน้าไปได้ครึ่งชั่วโมง
และแม้ว่าเขาจะนั่งกับลาเวนเดอร์แต่เฮเลนกลับไม่เห็นว่าทั้งสองจะพูดอะไรกันเลยแม้แต่คำเดียว
เฮอร์ไมโอนี่ทำท่าไม่รับรู้เรื่องอะไรทั้งนั้น แต่เฮเลนก็แอบเห็นรอยยิ้มพึงพอใจจากใบหน้าของเธอเป็นระยะและดูเหมือนตลอดวันนั้นเฮอร์ไมโอนี่จะดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษต่างจากเฮเลนที่ต้องพบเจอกับลาเวนเดอร์ในชั่วโมงพยากรณ์
เธอทำให้เฮเลนหงุดหงิดจนเผลอใช้คาถา แลงล็อก ให้ลิ้นของลาเวนเดอร์ติดเพดานเหมือนพีฟส์ในคืนนั้น
แต่ยอมรับว่าเฮเลนรู้สึกดีมากที่ไม่ได้ยินเสียงแว้ดๆ
ของลาเวนเดอร์ตลอดการเรียนพยากรณ์ศาสตร์
มันทำให้เธอมีสมาธิมากพอดูในการทำนายไพ่ยิบซี
และในตอนค่ำเฮอร์ไมโอนี่ถึงกับยอมอ่านเรียงความวิชาสมุนไพรให้กับแฮร์รี่ด้วยซ้ำ
ทั้งที่มันเป็นสิ่งที่เธอปฏิเสธมาตลอด เฮเลนอดทึ่งในความรู้สึกของเฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้เลย
“ขอบใจเฮอร์ไมโอนี่”
แฮร์รี่พูดพลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู “ฉันคงต้องรีบไปแล้ว
ไม่งั้นอาจจะไปหาดัมเบิลดอร์ช้า ไปเถอะเฮเลน”
เฮอร์ไมโอนี่ไม่ตอบอะไร
เพียงแต่ขีดฆ่าประโยคที่ดูไม่สมเหตุสมผลของเขาออก เฮเลนยิ้มนิดๆ
และรีบเดินผ่านช่องรูปภาพตามแฮร์รี่ออกไปยังห้องอาจารย์ใหญ่
ทั้งสองเดินขึ้นมาถึงหน้าประตูและเคาะมันทันเวลาพอดีที่นาฬิกาข้างในห้องตีแปดครั้ง
“เข้ามา”
ดัมเบิลดอร์ร้องบอก แต่เมื่อทั้งสองเข้าไปประตูกลับถูกกระชากออกจากด้านใน
ศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“อ๋อ!”
เธอร้อง ชี้นิ้วมายังสองแฝด
“นี่เองคือเหตุผลที่ฉันถูกโยนออกจากห้องอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ดัมเบิลดอร์!”
“ซีบิลล์ที่รัก”
ดัมเบิลดอร์พูดด้วยน้ำเสียงรำคาญเล็กน้อย
“ไม่ได้มีการโยนคุณอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยอะไรทั้งนั้น
แต่ผมนัดเฮเลนกับแฮร์รี่เอาไว้แล้วและผมก็คิดว่าเราไม่มีอะไรต้องพูดกันอีกแล้วนะ”
“ดีแล้วค่ะ”
ศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์พูดด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด
“ถ้าอาจารย์ไม่ยอมขับไล่เจ้าม้าชิงตำแหน่งนั่นออกไปก็ให้มันรู้กัน
บางทีดิฉันอาจจะออกไปหาโรงเรียนใหม่ที่นิยมชมชื่นพรสวรรค์ของดิฉัน...”
เธอเดินผ่าทั้งสองคนออกไปและหายตัวลงไปตามบันไดเวียน
เฮเลนได้ยินเสียงดังโครมเมื่อคิดว่าเธอคงลงไปได้เพียงครึ่งทาง
เดาว่าเธอคงสะดุดล้มผ้าคลุมไหล่ที่ชายเลื้อยยาวลากพื้นสักผืนที่เธอคลุมอยู่
“ช่วยปิดประตูและเข้ามาทั้งสองคน”
ดัมเบิลดอร์พูด ท่าทางดูไม่แปลกใจที่เห็นเฮเลนตามแฮร์รี่มาด้วย
แฮร์รี่หันไปปิดประตูส่วนเฮเลนเดินไปนั่งลงหน้าโต๊ะทำงานของดัมเบิลดอร์
เพนซิฟวางอยู่ตรงหน้าของเธอพร้อมกับขวดแก้วเจียระไนใบกระจิดริดอีกสองใบเต็มเปี่ยมไปด้วยความทรงจำที่หมุนวน
“ศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์ไม่สบายใจเรื่องฟีเรนซีใช่ไหมคะ”
เฮเลนถาม
“ใช่แล้ว”
ดัมเบิลดอร์ตอบ “วิชาพยากรณ์ศาสตร์มีปัญหามากกว่าที่ฉันจะคาดการณ์ล่วงหน้าได้
พูดกันเฉพาะเรานะ
ศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์จำไม่ได้ว่าเขาเป็นคนพยากรณ์เรื่องของพวกเธอและโวลเดอมอร์
ฉันคิดว่าไม่ฉลาดเลยที่จะบอกเขา จริงไหม”
เฮเลนพยักหน้าในขณะที่แฮร์รี่เดินเข้ามายืนทางด้านหลังของเธอ
ดัมเบิลดอร์ถอนหายใจยาวๆ หนึ่งที
“ฉันพอจะรู้ว่าคืนนี้เธอต้องตามมาเฮเลน และฉันมั่นใจว่าไม่ใช่เพราะแฮร์รี่ใช่ไหม”
ดัมเบิลดอร์กล่าว “ได้พบเจออะไรแล้วล่ะสิ
แล้วฉันคิดว่าเธอก็คงรู้อะไรขึ้นมาหลายอย่างที่พวกเขากำลังปกปิดเข้าแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ”
เฮเลนตอบรับ “หนูมีเรื่องอยากพูดหลายอย่างเลยค่ะ ตั้งแต่...”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้เฮเลนชะงักเรื่องที่จะพูดออกไป
ดัมเบิลดอร์ตอบรับและคนที่เฮเลนคาดเอาไว้ก็เดินเข้ามา
ใบหน้าคมดูอ่อนเพลียราวกับไม่ค่อยมีเวลาได้พักผ่อน
ดวงตาสีฟ้าซีดดูไม่สบายใจและมีอะไรอยู่เต็มหัวเขาไปหมด
แถมดูท่าว่าเขาจะไม่ทันสังเกตเห็นเฮเลนที่นั่งอยู่ตรงนี้เสียด้วยซ้ำ
“สวัสดีเดรโก”
ดัมเบิลดอร์เอ่ยทัก
เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นกวาดมองไปรอบห้องและดูเหมือนในที่สุดเขาก็มองเห็นเฮเลนนั่งอยู่ตรงนั้น
เดรโกหันไปมองจ้องแฮร์รี่ตาแขม็ง เขาพุ่งตัวพรวดพราดเข้าใส่แฮร์รี่ในทันที
สองมือกระชากคอเสื้อของเขาอย่างแรง
“ไหนนายบอกว่าจะไม่บอกไง!!”
เดรโกพูดเสียงแข็งกร้าว “นายพูดกับฉันแล้วแฮร์รี่!!”
“ฉันไม่ได้บอก”
แฮร์รี่ตอบ พยายามดึงมือที่กุมคอของเขาออกไป “เขารู้เรื่องนี้เองต่างหาก!”
“จะรู้ได้ไง!”
เดรโกพูดอีกครั้ง เขาไม่สนใจเลยว่าดัมเบิลดอร์จะยืนมองการกระทำของพวกเขาอยู่
“จะรู้ได้ยังไงถ้านายไม่ได้บอก! แล้วถ้านายไม่ได้พาเธอมาที่นี่!!”
“ฉันรู้เอง”
เฮเลนพูดเสียงเรียบและหันกลับไปหาดัมเบิลดอร์ “ฉันขัดคำสั่งนาย เดรโก”
ทุกอย่างเงียบเสียงลง
เฮเลนยังคงไม่หันไปมองเดรโกและแฮร์รี่
“ฉันออกไปดักเจอนายในห้องต้องประสงค์”
เฮเลนพูด “เจอนายแล้วก็เจอแท็ค เจอตอนที่เขาพูดเรื่องนั้นกับนายพอดี เรื่องที่เขาบอกนายว่าเขากำลังทำอะไร”
ทั้งห้องยังคงเงียบกริบ
ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจแผ่วเบาเพียงเท่านั้น
เฮเลนรู้ดีว่าบางทีอาจารย์ใหญ่บางคนในรูปภาพกำลังแกล้งทำเป็นหลับทั้งที่แอบฟังอยู่
“หนูได้ยินแท็คคุยกับเดรโกค่ะศาสตราจารย์”
เฮเลนเงยหน้าขึ้นสบตาดัมเบิลดอร์ “เขาบอกว่าเขาเป็นคนสาปมาดามโรสเมอร์ทาด้วยคาถาสะกดใจและหนูคิดว่าเขาให้มาดามโรสเมอร์ทาส่งสร้อยให้กับแคตี้เพื่อนำมันมาให้คุณ
นอกจากนั้นในขวดเหล้าที่เป็นพิษของซลักฮอร์น...”
“ศาสตราจารย์ซลักฮอร์น
เฮเลน” ดัมเบิลดอร์แก้
“ค่ะ
ในขวดเหล้านั่นเขาเองก็เป็นคนเปลี่ยนมัน” เฮเลนว่าต่อ “เขาพูดออกมาด้วยซ้ำว่ากำลังทำงานให้กับโวลเดอมอร์
หนูคิดว่ายังไงเดรโกก็น่าจะมารายงานเรื่องนี้ให้คุณรู้ถ้าเกิดว่าหนูไม่ได้บอก”
ความเงียบเข้าครอบคลุมชั่วอึดใจหนึ่งก่อนที่ดัมเบิลดอร์จะเอ่ยขึ้น
“ฉันก็หวังว่าเดรโกคงจะทำเช่นนั้น”
“เอาล่ะ
ตอนนี้เราก็ไม่มีหลักฐานเพียงพอนอกจากคำพูดของเธอนะสาวน้อย”
ดัมเบิลดอร์ว่าพลางมองไปยังเดรโกที่ยังเขม่นใส่แฮร์รี่ทั้งๆ ที่แยกกันแล้ว
“ดังนั้นคงไม่แปลกอะไรที่เราจะต้องจับตาดูเขาให้มากขึ้น
และบางทีนั่นอาจจะเป็นการบ้านของเธอที่จะต้องรายงานกับฉันในครั้งหน้าที่มาพบกัน”
“ค่ะ
อาจารย์” เฮเลนรับคำ
“เอาล่ะ
มาที่เธอกันต่อนะเดรโก” ดัมเบิลดอร์ว่าแล้วหันไปทางเดรโก “ความคืบหน้าของเธอเป็นยังไงบ้าง”
“มันกำลังไปได้ดีครับ
อาจารย์” เดรโกตอบ “ผมคิดว่าบางทีมันคงใกล้จะสำเร็จแล้ว แต่ว่าผมคิดว่าผมทำไม่ได้แน่ครับอาจารย์
เรื่องที่ผมจะต้อง...”
“ไม่จำเป็นต้องไปคิดมากเรื่องนั้น”
ดัมเบิลดอร์ตอบด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยเมตตา “ถ้ามันกำลังเป็นไปได้สวยฉันก็สบายใจ
และคิดว่าพวกเธอคงจะสามารถดำเนินการด้วยตัวเองต่อได้แม้ไม่มีฉันอยู่”
ไม่มีใครตอบอะไร
ทุกคนก้มหน้ามองพื้น เฮเลนอยากจะเอ่ยปากเถียงออกมาดังๆ ว่าทำไมเขาถึงยังยิ้มอยู่ได้เมื่อรู้ว่าตัวเองจะต้องตาย
เธอไม่เข้าใจเลย
“แล้วเธอล่ะแฮร์รี่”
เขาหันไปหาแฮร์รี่บ้าง "งานที่ฉันมอบหมายเอาไว้ให้เมื่อท้ายชั่วโมงที่แล้วสำเร็จหรือยัง”
“คือ”
แฮร์รี่อึกอัก “ผมลองถามเขาหลังชั่วโมงปรุงยาแล้วครับ แต่ศาสตราจารย์ซลักฮอร์นไม่ยอมคุยเลยครับอาจารย์”
“งั้นเหรอ”
ดัมเบิลดอร์พูด “เธอรู้สึกว่าได้ออกแรงพยายามเต็มที่เหมือนคนอื่นๆ แล้วใช่ไหม
และเธอไม่เหลือเล่ห์กลในการพยายามดึงความทรงจำนี้มาแล้วล่ะสิ ใช่ไหมแฮร์รี่”
เฮเลนรับรู้ได้ถึงความกดดันที่มองไม่เห็นกำลังดึงแฮร์รี่ให้จมลงไป
เขาอึกอักและพยายามถ่วงเวลาอยู่ ทั้งเรื่องการเรียนหายตัว
รอนโดนยาพิษแถมยังต้องแสดงละครตบตาคนอื่นให้สงสัยดังๆ เรื่องเดรโกอีก
บางทีแฮร์รี่อาจจะไม่มีเวลาว่างมาคิดถึงเรื่องซัลกฮอร์เลยก็เป็นได้
“วันที่รอนกินยาเสน่ห์เข้าไป
ผมพาเขาไปหาศาสตราจารย์ซลักฮอร์น ผมคิดว่าถ้าผมทำให้เขาอารมณ์ดีพอ...”
“แล้วได้ผลรึเปล่า”
ดัมเบิลดอร์ถาม
“ไม่ครับ
รอนโดนยาพิษ”
“ซึ่งเป็นธรรมดาที่จะทำให้เธอลืมเรื่องพยายามเอาความทรงจำคืนมาไปหมด แต่เมื่อคุณวีสลีย์กลับมาหายดีดังเดิมแล้วฉันก็หวังว่าเธอจะกลับคืนสู่หน้าที่ที่ฉันมอบให้ ฉันคิดว่าฉันพูดชัดเจนแล้วว่าความทรงจำนั้นสำคัญแค่ไหนแฮร์รี่ จริงๆ แล้วฉันพยายามอย่างเต็มที่ที่จะให้เธอสำนึกเอาไว้ว่ามันสำคัญที่สุดในบรรดาความทรงจำทั้งหมด และเราจะเสียเวลาไปเปล่าๆ ถ้าไม่ได้มันมา” ดัมเบิลดอร์ไม่ได้มีน้ำเสียงโกรธเคืองแม้แต่น้อย มีเพียงความรู้สึกผิดหวังเท่านั้นที่เจืออยู่ในน้ำเสียงของเขา “มันจะมีประโยชน์น้อยมากถ้าหากว่าเราจะพบกันอีกหลังคืนนี้ เว้นเสียแต่จะได้ความทรงจำนั้นมา”
“ผมจะทำให้ได้ครับศาสตราจารย์”
แฮร์รี่พูดอย่างจริงจัง
“ถ้าอย่างนั้นเราก็จะไม่พูดเรื่องที่ซีเรียสกันอีก”
ดัมเบิลดอร์พูดต่อ “แต่จะพูดเรื่องที่ค้างไว้จากครั้งที่แล้ว อ้า...
คงเป็นครั้งแรกสำหรับเธอเฮเลน เอาเป็นว่าให้เดรโกเล่าให้ฟังที่หลังก็แล้วกันนะ”
เดรโกและเฮเลนหันไปมองหน้ากันอย่างรวดเร็ว
แต่เพียงแค่ได้สบตากันเท่านั้นก็ต้องรีบละออกราวกับมีอะไรบางอย่างปะทุขึ้นมา
แฮร์รี่หรี่ตามองทั้งสองคนด้วยสายตาไม่พอใจเล็กน้อยต่างจากดัมเบิลดอร์ที่ยิ้มอย่างมีเมตตา
“โวลเดอมอร์ฆ่าพ่อและปู่ย่าของเขาครับ”
แฮร์รี่พูด “แล้วก็ทำเหมือนมอร์ฟิน
ลุงของเขาเป็นคนทำก่อนจะกลับมาฮอกวอตส์แล้วก็ถามศาสตราจาย์ซลักฮอร์นเกี่ยวฮอครักซ์”
“ดีมากแฮร์รี่”
ดัมเบิลดอร์พูด “ทีนี้ฉันหวังว่าเธอสองคนจะจำได้ใช่ไหมว่าฉันบอกเอาไว้ตั้งแต่พบกันแล้วว่าเราจะเดินเข้าไปสู่ดินแดนแห่งการคาดคะเนและคาดการณ์”
“ครับ”
แฮร์รี่และเดรโกตอบพร้อมกัน
ส่วนเฮเลนนั่งมองดัมเบิลดอร์พร้อมกับตั้งใจฟังอย่างเงียบๆ
“เท่าที่ผ่านมาฉันหวังว่าพวกเธอจะเห็นด้วยกับข้อเท็จจริงจากแหล่งข้อมูลที่แน่นหนา
สำหรับการสรุปว่าโวลเดอมอร์ทำอะไรบ้างจนกระทั่งเขาอายุยี่สิบปี”
ทั้งเดรโกและแฮร์รี่พยักหน้ารับ
“แต่ตอนนี้”
ดัมเบิลดอร์กล่าว “ตอนนี้เรื่องคงจะคลุมเครือมากขึ้น
ถ้าการหาหลักฐานเกี่ยวกับริดเดิ้ลวัยเด็กนั้นยากเย็น
การหาใครสักคนที่พร้อมจะฟื้นความหลังเกี่ยวกับโวลเดอมอร์ในวัยหนุ่มก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
ที่จริงฉันคิดว่าจะมีใครที่ยังมีชีวิตอยู่ไหม
ที่จะเล่าเรื่องราวทั้งหมดของเขานับตั้งแต่เขาออกจากฮอกวอตส์ไปให้เราฟังได้
ยังไงก็ตาม ฉันมีความทรงจำสองเรื่องสุดท้ายที่อยากให้พวกเธอร่วมรับรู้ด้วย”
ดัมเบิลดอร์ชี้ไปยังขวดแก้วใบจิ๋วสองใบซึ่งส่องแสงวาวอยู่บนเพนซิฟ
“และฉันจะดีใจมากถ้าหากพวกเธอจะออกความเห็นว่าบทสรุปที่ฉันดึงออกมาจากความทรงจำสองเรื่องนี้น่าจะเป็นไปได้หรือไม่”
ดัมเบิลดอร์ยกขวดขึ้นหนึ่งใบส่องกับแสงไฟและพิจารณามัน
“ฉันหวังว่าพวกเธอคงไม่เบื่อกับการดำดิ่งลงไปในความทรงจำของคนอื่นนะ
เพราะมันเป็นเรื่องน่ารู้ทั้งสองเรื่อง” เขาบอก
“ความทรงจำแรกมาจากเอลฟ์ประจำบ้านที่แก่ชรามากแล้ว ชื่อโฮกี้
ก่อนที่เราจะดูว่าโฮกี้เป็นพยานรู้เห็นอะไร
ฉันต้องเล่าให้เธอฟังก่อนว่าลอร์ดโวลเดอมอร์จากฮอกวอตส์ไปอย่างไร”
ดัมเบิลดอร์ว่าแล้วมองใบหน้าของทั้งสามคน
“เขาเรียนจบชั้นปีที่เจ็ดของโรงเรียนด้วยคะแนนสูงสุดในทุกวิชาที่สอบและฉันคิดว่าพวกเธอคงเดาได้
ระหว่างเพื่อนๆ ร่วมชั้นต่างตัดสินใจกันว่าจะเลือกทำงานอะไรดีเมื่อจบจากฮอกวอตส์
เกือบทุกคนคาดว่าทอม ริดเดิ้ลจะเลือกงานที่น่าตื่นตาตื่นใจ ในเมื่อเขาเป็นพรีเฟ็ต
เป็นประธานนักเรียน เป็นผู้ได้รางวัลประกอบคุณความดีพิเศษให้โรงเรียน”
ดัมเบิลดอร์เว้นระยะ “ฉันรู้ว่าอาจารย์หลายคนแนะนำให้เขาไปเข้ากระทรวงเวทมนตร์
ศาสตราจารย์ซลักฮอร์นก็ด้วย พวกอาจารย์เอื้อเฟื้อที่จะจัดการเรื่องนัดพบให้
แต่เขาปฏิเสธข้อเสนอทั้งหมด สิ่งต่อไปที่พวกอาจารย์รู้คือโวลเดอมอร์ไปทำงานที่ร้านบอร์เจ็นและเบิร์กส์”
“ร้านบอร์เจ็นและเบิร์กส์”
ทั้งสามทวนคำอย่างตกตะลึง
“ใช่”
ดัมเบิลดอร์ตอบเสียงเรียบ “ฉันคิดว่าเมื่อเราเข้าไปในความทรงจำของโฮกี้
เธอจะเข้าใจว่าสถานที่นั้นมีอะไรดึงดูดใจเขา โวลเดอมอร์ไปหาศาสตราจารย์ดิพพิตเป็นอันดับแรก
และขอว่าเขาจะอยู่เป็นครูที่ฮอกวอตส์ต่อไปได้หรือไม่”
“เขาอยากอยู่ที่นี่”
เดรโกพูด “ทำไมล่ะครับ”
“ฉันเชื่อว่าเขามีเหตุผลหลายข้อ
แต่เขาแค่ไม่เปิดเผย” ดัมเบิลดอร์ตอบ “ประการแรกสำคัญมาก
ฉันเชื่อว่าโวลเดอมอร์ผูกพันกับโรงเรียนนี้มากกว่าใครทั้งสิ้น
ฮอกวอตส์เป็นสถานที่ที่มีความสุขที่สุด
เป็นที่แรกที่เดียวที่เขารู้สึกเหมือนเป็นบ้าน”
แฮร์รี่และเฮเลนมองหน้ากันเล็กน้อย
รู้สึกอึดอัดในใจ
“ประการที่สอง
ปราสาทนี้เป็นแหล่งกำเนิดเวทมนตร์โบราณ ไม่ต้องสัยเลย
โวลเดอมอร์สามารถหยั่งรู้ความลับของเวทมนตร์เหล่านี้ได้หลายอย่าง”
ดัมเบิลดอร์กล่าว “และประการที่สาม
ในฐานะครูเขามีอำนาจและอิทธิพลยิ่งใหญ่เหนือพ่อมดแม่มดรุ่นเยาว์ทั้งหลาย
บางทีเขาอาจจะได้ความคิดมาจากศาสตรจารย์ซลักฮอร์น ครูที่เขาใกล้ชิดด้วยมากที่สุด
ฉันไม่คิดสักนิดว่าโวลเดอมอร์จะหลับตาเห็นภาพตัวเองเป็นครูที่ฮอกวอตส์ไปตลอดชีวิต
แต่ที่แน่ๆ
ฉันเห็นว่าเขาเห็นว่าฮอกวอตส์เป็นแหล่งที่มีประโยชน์ในการหาสมัครพรรคพวกและเป็นสถานที่ที่เขาจะสร้างกองทัพของตัวเองได้”
“แต่เขาไม่ได้งานที่นี่ใช่ไหมคะ”
เฮเลนถาม
“ไม่ได้หรอก
ศาสตราจารย์ดิพพิตบอกว่าเขายังหนุ่มเกินไป เชิญให้เขามาสมัครใหม่ในอีกสองสามปีข้างหน้าถ้าเขายังปรารถนาที่จะสอนอยู่”
“อาจารย์รู้สึกยังไงกับเรื่องนี้ครับ”
แฮร์รี่ถามต่อ
“ไม่สบายใจน่ะสิ”
ดัมเบิลดอร์ตอบ “ฉันแนะนำอาร์มันโดไม่ให้รับเขา แต่ก็ไม่ได้บอกเหตุผลไปหรอกนะ
เพราะศาสตราจารย์ดิพพิตรักใคร่โวลเดอมอร์มากและเชื่อมั่นในความซื่อสัตย์ของเขา
แต่ฉันไม่ต้องการให้โวลเดอมอร์มาอยู่ที่โรงเรียนแห่งนี้โดยเฉพาะในตำแหน่งที่มีอำนาจ”
“ตำแหน่งอะไรคะศาสตราจารย์”
เฮเลนถามอีกครั้ง
“วิชาอะไรเหรอครับที่เขาต้องการสอน”
แฮร์รี่ก็เช่นกัน
“ป้องกันตัวจากศาสตร์มืด
วิชานี้ศาสตราจารย์ที่ชรามากแล้วชื่อกัลเลเทีย เมร์รี่ธอตเป็นคนสอน
เขาอยู่ที่ฮอกวอตส์มาเกือบห้าสิบปี” ดัมเบิลดอร์ตอบ
“ดังนั้นโวลเดอมอร์จึงออกไปอยู่ที่ร้านบอร์เจ็นและเบิร์กส์ และในตอนนี้ถึงเวลาที่เราจะได้ยินจากโฮกี้
เอลฟ์ประจำบ้านแม่มดชราที่ร่ำรวยมากชื่อว่า เฮปซิบาห์ สมิทแล้วว่าทอม ริดเดิ้ล นั้นทำหน้าที่อะไร”
ดัมเบิลดอร์เคาะขวดด้วยไม้กายสิทธิ์
จุกก๊อกบินหวือออกมา เขาเทความทรงจำลงในเพนซิฟ ระหว่างนั้นเขาก็พูดว่า
“เดรโกช่วยพาเฮเลนเข้าไปก่อนได้เลย เขาคงยังไม่คุ้นกับเครื่องนี้”
เฮเลนไม่รู้ว่าเดรโกมีสีหน้ายังไงในตอนนี้
แต่เขาเดินมาดึงมือซ้ายของเธอให้ลุกขึ้น
ดวงตามองไปยังแหวนบนนิ้วของเธอนิดหน่อยพร้อมกับยิ้มออกมาบางๆ
จนทำให้เฮเลนอดสงสัยไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาทำท่าก้มหน้าลงและให้เฮเลนลองทำก่อน
เธอมองสารสีเงินที่กระเพื่อมเป็นระลอกอยู่ในอ่างหินนิดหน่อย
ก่อนจะทำตามที่เดรโกบอก
เฮเลนรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังร่วงลงไปที่ไหนสักแห่งทั้งที่ยังจับมืออยู่กับเดรโก
ร่างบางตกปุลงไปยืนอยู่ตรงหน้าสุภาพสตรีชราร่างอ้วนใหญ่
สวมผมปลอมสีน้ำตาลหรูหราและเสื้อคลุมสีชมพูสดแผ่บานรอบตัว
ทำให้เธอดูเหมือนขนมเค้กที่น้ำตาลแต่งหน้าละลาย
เธอกำลังมองดูเงาในกระจกบานเล็กที่ประดับเอาไว้ด้วยอัญมณีและใช้พัฟทาแป้งอันใหญ่แต้มสีลงบนแก้มที่เป็นสีแดงเข้มอยู่แล้ว
เฮเลนเบ้หน้าใส่เธอนิดหน่อย
“น่ากลัว”
เดรโกกระซิบ “ฉันหวังว่าในอนาคตเธอคงจะไม่เป็นแบบนี้นะ”
เฮเลนหันควับไปมองเดรโกด้วยสายตาไม่พอใจทันที!
คนข้างๆ ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ เฮเลนจึงหันไปสนใจเธอต่อ ในระหว่างนั้นเอลฟ์ประจำบ้านตัวเล็กมากและแก่เฒ่ายิ่งกว่าครีเชอร์กำลังสอดเท้าอวบอูมของเธอเข้าไปในรองเท้าแตะผ้าซาตินที่คับติ้วและพยายามผูกเชือกรองเท้าให้
ช่างเป็นเอลฟ์ที่น่าสงสารเสียจริง
‘เร็วๆ
เข้าโฮกี้!’ เฮปซิบาห์พูดอย่างวางอำนาจ 'เขาบอกว่าจะมาตอนสี่โมงเย็น นี่เหลืออีกสองนาทีเท่านั้นนะ!
แถมเขาก็ไม่เคยสายเลยสักครั้งด้วย'
เธอเก็บพัฟทาแฟ้งในขณะที่เอลฟ์ประจำบ้านยืดตัวขึ้น
หัวของเอลฟ์แทบจะไม่ถึงที่นั่งของเก้าอี้เฮปซิบาห์
ผิวหนังที่เหมือนกระดาษของมันห้อยย้อยเกินจากตัว
เช่นเดียวกับผ้าปูที่นอนลินินเรียบกริบที่มันสวมไว้ราวกับผ้าคลุมชาวโรมัน
‘ฉันดูเป็นไงบ้าง’ เฮปซิบาห์ถาม พลางเอี้ยวหัวให้ชื่นชมใบหน้าของตัวเองในมุมต่างๆ
ขณะเดียวกกันแฮร์รี่และดัมเบิลดอร์ก็โผล่มาพอดี
‘สวยน่ารักมากค่ะมาดาม’ โฮกี้ตอบเสียงแหลม
“เขาถูกบังคับให้กัดฟันพูดใช่ไหม”
แฮร์รี่ถามทันที เฮเลนยักไหล่และแน่นอนเธอคิดว่าเฮปซิบาห์
สมิทค่อนข้างห่างไกลจากคำว่าสวยหรือน่ารักมากเกินกว่าจะพรรณนาออกมาได้
เสียงกระดิ่งประตูบ้านดังกรุ๊งกริ๊ง
ทั้งนายหญิงและเอลฟ์สะดุ้ง
‘เร็วเข้า! เขามานี่แล้วโฮกี้!!’ เฮปซิบาห์ร้อง
เอลฟ์วิ่งลนลานออกไปจากห้องซึ่งแออัดไปด้วยสิ่งของต่างๆ อึดใจต่อมา
เอลฟ์ก็กลับมาพร้อมกับชายหนุ่มร่างสูงซึ่งเฮเลนรู้สึกคุ้นหน้าเขามาก
เขาแต่งตัวเรียบๆ ด้วยชุดสูทดำ ผมยาวเล็กน้อยและแก้มซูบตอบ
แต่ทั้งหมดกลับดูเหมาะกับเขาเสียเหลือเกิน
เขาเดินผ่านห้องแออัดด้วยท่าทางที่บอกว่าเคยมาหลายครั้งแล้ว
“นั่นโวลเดอมอร์”
เดรโกกระซิบเสียงเรียบ ดวงตาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของชายคนนั้น เฮเลนพยักหน้าเข้าใจ
“นายคิดไหมว่าเขา...”
เฮเลนลากเสียง “เหมือนใครสักคนที่เรารู้จัก”
“แน่นอน”
แฮร์รี่เสริม “ก็คนที่เธอขอให้ครีเชอร์ติดตามนั่นไง”
“ใช่!”
เฮเลนร้องขึ้นทันที “เขาดูเหมือนแท็คเป๊ะเลย! โดยเฉพาะตอนใส่สูทแบบนี้”
เด็กสาวว่าพลางชี้ไปยังโวลเดอมอร์ซึ่งเขากำลังมอบดอกกุหลาบให้กับเฮปซิบาห์
เฮเลนนึกถึงวันที่แท็คไปงานเลี้ยงของซลักฮอร์นพร้อมๆ กับเธอ เขาแต่งตัวด้วยชุดสูทเรียบๆ
แบบนี้และแน่นอนว่าเขาดูหล่อและดึงดูสายตาได้พอๆ กับโวลเดอมอร์ในตอนนี้เลยทีเดียว ในขณะเดียวกันเอลฟ์ประจำบ้านก็โผล่เข้ามาในห้องอีกครั้งพร้อมกับแบกถาดใส่เค้กก้อนเล็กๆ
มาด้วย
‘เชิญเลยทอม’ เฮปซิบาห์บอก ‘ฉันรู้ว่าเธอรักเค้กของฉันแค่ไหน
เอาล่ะ เธอเป็นไงบ้าง ดูซีดเซียวไปหน่อยนะ ที่ร้านนั่นใช้งานเธอหนักไปล่ะสิ
ฉันบอกสักร้อยหนได้แล้ว...’
โวลเดอมอร์ยิ้มราวกับเป็นเครื่องจักรและเฮปซิบาห์หัวเราะแบบเด็กสาวๆ
‘ว่าแต่
อะไรเป็นข้ออ้างให้เธอมาเยี่ยมครั้งนี้ล่ะ’
เธอถามพร้อมกับกระพือขนตา
เฮเลนแอบรู้สึกว่าลมพายุอาจจะออกมาจากการสะบัดขนตาเพียงไม่กี่ครั้งของเฮปซิบาห์ได้เลย
‘คุณเบิร์กอยากขอเสนอราคาใหม่สำหรับเกราะที่ก๊อบลินทำครับ’ โวลเดอมอร์บอก ‘เป็นจำนวนห้าร้อยเกลเลียน
เขาว่าราคานี้ยุติธรรมกว่า’
‘ไม่เอา
ไม่เอา อย่าเร็วเกินไปสิจ๊ะ!
ไม่งั้นฉันจะคิดว่าเธอมาที่นี่เพียงเพราะของเล่นเล็กๆ น้อยๆ ของฉันเท่านั้นนะ!’
เฮปซิบาห์กระเง้ากระงอด ซึ่งเฮเลนเห็นว่ามันไม่เหมาะกับวัยของเธอเอาเสียเลย!
‘ผมถูกสั่งให้มาที่นี่เพราะของพวกนั้นครับ’ โวลเดอมอร์ตอบ ‘ผมเป็นแค่ผู้ช่วยจนๆ
เท่านั้นครับมาดาม ต้องทำตามคำสั่ง คุณเบิร์กต้องการให้ผมถาม...’
‘โอ๊ย! ช่างหัวเบิร์กสิ!!’ เฮปซิบาห์บอกพลางโบกมือไปมา ‘ฉันมีของอยากจะอวดเธอล่ะ ฉันไม่เคยให้ใครดูมาก่อนเลยนะ ทอม
เธอต้องสัญญาว่าจะไม่บอกเบิร์กให้รู้ว่าฉันมีมัน เพราะฉันจะไม่ขายให้ใครทั้งนั้น
แต่เธอ ทอม เธอจะได้เห็นคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของมัน
ไม่ใช่ว่าทองกี่เกลเลี่ยนที่เธอจะได้จากมัน...’
‘ผมยินดีที่จะได้เห็นอะไรก็ตามที่คุณเฮปซิบาห์จะให้ผมดูครับ’ โวลเดมอร์พูด ขณะที่โฮกี้ยื่นกล่องให้กับเธอ
‘เอาล่ะ’ เฮปซิบาห์พูดอย่างมีความสุข
รับกล่องมาจากเอลฟ์วางลงบนตักและเตรียมเปิดกล่องบนสุด ‘ฉันคิดว่าเธอต้องชอบอันนี้ทอม
โอ๊ย... ถ้าครอบครัวรู้ว่าฉันเอามาให้เธอดูนะ
พวกเขาน่ะคอยจะเป็นเจ้าของสิ่งนี้แทบไม่ไหวแล้วล่ะ!’
เธอเปิดฝากล่อง
เด็กสามคนเขยิบเข้าไปข้างหน้าเล็กน้อยเพื่อจะได้เห็นชัดขึ้นและพวกเขาก็เห็นสิ่งที่เหมือนถ้วยทองใบเล็กๆ
มีหูจับสองข้างที่ประดิษฐ์อย่างประณีต
‘ฉันอยากรู้ว่าเธอจะรู้ไหมว่านี่คืออะไรทอม’ เฮปซิบาห์กระซิบพลางส่งให้โวลเดอมอร์ดู
เขาจับหูข้างหนึ่งและบกถ้วยขึ้นจากผ้าไหมที่ห่อเอาไว้
เฮเลนคิดว่าได้เห็นแสงสีแดงในดวงตาสีเข้มนั้น
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความละโมบสะท้อนอยู่บนใบหน้าของเฮปซิบาห์อย่างน่าประหลาด
‘ถ้วยของเฮลก้า
ฮัฟเฟิลพัฟ! เธอต้องรู้ดีอยู่แล้ว
เพราะเธอเป็นเด็กฉลาดพอหนุ่มน้อย!’ เฮปซิบาห์หยิกแก้มตอบๆ
ของโวลเดอมอร์ เบาๆ ‘ฉันไม่เคยบอกเธอเลยใช่ไหมว่าฉันเป็นลูกหลานห่างๆ
ของเขา ของชิ้นนี้ตกทอดกันมาในครอบครัวยาวนานหลายปี มันสวยงามมากเลยใช่ไหม
เขาว่ากันว่ามีพลังอำนาจมากมายเลยด้วยนะ ฉันแค่จะต้องเก็บมันไว้ให้ดีและปลอดภัยในนี้...’
เธอเกี่ยวแก้วลงมาจากนิ้วเรียวของโวลเดอมอร์และเก็บมันกลับลงไปในกล่องอย่างนุ่มนวล
เธอตั้งใจวางอย่างระวังจนไม่ได้สังเกตใบหน้าของโวลเดอมอร์ขณะที่ถ้วยถูกดึงไปจากมือ
‘ฉันคิดว่าเธอต้องชอบสิ่งนี้ยิ่งกว่าอีกนะทอม’ เธอกระซิบ ‘มาดูซิพ่อหนุ่มที่รัก ใช่...
เบิร์กรู้ว่าฉันมีสิ่งนี้ ฉันซื้อมันมาจากเขาเอง และฉันพูดได้ว่าเขาต้องอยากได้มันกลับไปอีกเมื่อฉันจากไปแล้ว...’
เธอเลื่อนเกลียวที่มีเส้นงดงามประณีตออกและเปิดกล่องอีกกล่องหนึ่ง
บนกำมะหยี่สีแดงเข้มนุ่มนวลมีล็อกเกตทองหนักๆ วางเอาไว้
คราวนี้โวลเดอมอร์เอื้อมมือออกมาหยิบมันโดยไม่รอคำเชื้อเชิญ
‘ตราของสลิธีริน’ เขาพูดเสียงแผ่วเบา
‘ถูกต้อง’ เฮปซิบาห์บอก ‘ฉันต้องจ่ายเงินมหาศาลซื้อมันมา
แต่ฉันไม่ยอมให้มันหลุดมือไปหรอก สมบัติต้องเก็บเอาไว้ในขุมสมบัติของฉัน
ดูเหมือนเบิร์กจะซื้อมาจากผู้หญิงโซๆ คนหนึ่ง
ท่าทางผู้หญิงคนนั้นจะขโมยมาโดยที่ไม่รู้คุณค่าที่แท้จริงของมันเลยสักนิดเดียว’
ดวงตาของโวลเดอมอร์ฉายแสงสีแดงเข้มเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ
“นั่นหมายถึงเมโรเพ”
แฮร์รี่พึมพำ “โชคร้ายแล้วที่ยายคนนี้ไม่รู้ว่านั่นเป็นแม่เขา”
‘ฉันกล้าพูดว่าเบิร์กคงจ่ายเงินขี้ปะติ๋วให้แม่สาวนั่น
มันสวยมากเลยใช่ไหมล่ะ นี่ก็เหมือนกัน พลังอำนาจสารพัดรวมกันอยู่ในนี้ ฉันก็ต้องแค่เก็บไว้ให้ดีและปลอดภัย...’
เธอเอื้อมมือหยิบสร้องล็อกเก็ตกลับไปอยู่บนนวมกำมะหยี่สีแดง
‘เอาล่ะทอมที่รัก
เธอได้เห็นมันแล้วและฉันหวังว่าเธอคงชอบ’
เธอมองเขาเต็มตาและนี่เป็นครั้งแรกที่เฮเลนเห็นว่ารอยยิ้มโง่ๆ
ของเธอกระตุกขึ้นนิดหน่อย
‘เธอเป็นอะไรรึเปล่า’
‘อ่อ
เปล่าครับ’ โวลเดอมอร์ตอบและพยายามปรับสีหน้าให้เป็นดังเช่นเดิม
‘นี่
โฮกี้’ เฮปซิบาห์พูดพลางส่งกล่องทั้งสองให้กับเอลฟ์ ‘เอาพวกนี้ไปเก็บ ปิดล็อกให้ดีนะ’
“ถึงเวลาต้องไปกันแล้ว”
ดัมเบิลดอร์พูดเสียงแผ่วเบาขณะที่เอลฟ์ตัวกระจ้อยแบกกล่องไป
เดรโกกระชับมือให้แน่นขึ้นและทั้งสี่คนก็ลอยผ่านสภาพว่างเปล่ากลับคืนสู่ที่ทำงานของดัมเบิลดอร์
“สองวันหลังจากนั้นเฮปซิบาห์
สมิทก็ตาย” ดัมเบิลดอร์บอกขณะที่กลับไปนั่งที่เดิม
“โฮกี้เอลฟ์ประจำบ้านถูกกระทรวงตัดสินว่าวางยาพิษนายหญิงโดยอุบัติเหตุ”
“ไม่มีทาง!”
เฮเลนอุทาน “มันจะเป็นไปได้ยังไง”
“เห็นได้ชัดว่าใจตรงกัน”
ดัมเบิลดอร์กล่าว “แน่นอนทีเดียว
มีลักษณะคล้ายคลึงกันหลายอย่างระหว่างการตายครั้งนี้กับการตายของพวกริดเดิ้ล
ทั้งสองกรณีคือมีคนรับผิด คนที่มีความทรงจำชัดเจนว่าก่อให้เกิดความตาย”
“โฮกี้รับสารภาพเหรอครับ”
เดรโกถาม
“มันจำไม่ได้ว่าใส่อะไรบ้างลงในโกโก้ของนายหญิง
ซึ่งปรากฏว่าไม่ใช่น้ำตาล” ดัมเบิลดอร์พูด “จึงสรุปได้ว่ามันไม่ได้ตั้งใจจะฆ่า
แต่เพราะความชรา”
“โวลเดอมอร์ปรับแต่งความทรงจำของมัน
เหมือนกับที่เขาทำกับมอร์ฟินสินะครับ!” แฮร์รี่พูดอย่างฉุนๆ
“ใช่
ฉันก็คิดแบบนั้น” ดัมเบิลดอร์ตอบ “และเหมือนกรณีมอร์ฟิน กระทรวงมีใจโอนเอียงสงสัยโฮกี้”
“เพราะว่ามันเป็นเอลฟ์ประจำบ้าน”
แฮร์รี่พูด
“เมื่อตอนที่ถูกตัดสินว่าโฮกี้กระทำความผิด
ครอบครัวของเฮปซิบาห์เพิ่งตระหนักว่ามีของมีค่าสองชิ้นได้หายไป
แต่ก่อนที่พวกนั้นจะแน่ใจว่าถ้วยและล็อกเก็ตนั้นหายไปแล้ว
ผู้ช่วยร้านบอร์เจ็นและเบิร์กส์ได้ลาออกและหายสาบสูญไป นายจ้างของเขาไม่เคยรู้เลยว่าเขาไปที่ไหน
และนี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่คนได้เห็นหรือได้ยินเกี่ยวกับทอม
ริดเดิ้ลอีกเป็นเวลานานทีเดียว”
ติดตามตอนต่อไป...
ความคิดเห็น