ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfic Harry Potter] [OCxDM] If Harry Potter has a sister!

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 กระทรวงเวทมนตร์ (Re.03)

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ค. 64


    UP : 15/07/60

    Re-write : 16/08/60

    Re-write 2 : 06/07/61

    Re-write 3 : 09/06/64

    บทที่ 3 กระทรวงเวทมนตร์

     

    “แม่บอกว่าให้ตื่นได้แล้วพวก!” เสียงของจอร์จดังลั่นห้องและดูเหมือนจะสะเทือนไปถึงสมองของเธอด้วย เฮเลนปรือตาขึ้นมองอย่างหัวเสียและพยายามตั้งสติพร้อมกับควานมือหานาฬิกาปลุก “อาหารเช้าอยู่ในครัว กินเสร็จแล้วแม่อยากให้พวกนายไปที่ห้องนั่งเล่น มีด๊อกซี่มหาศาลมากกว่าที่แม่คิด แล้วแม่ก็เจอรังพัฟสไกน์ตายแล้วใต้โซฟาด้วย”

    เมื่อดวงตาทั้งสองข้างมองเพ่งแล้วเพ่งอีกไปทางจอร์จและพบว่าเขานั้นไม่จางหายไป และนอกจากนั้นเธอเองก็เพิ่งลืมตาตื่นขึ้นมาจากเตียงเดิมที่นอนไปเมื่อคืนด้วย ร่างบางหันไปมองแฮร์รี่ที่งัวเงียเอื้อมมือไปหยิบแว่นของตัวเองบนหัวเตียงอย่างเชื่องช้า รอนที่โผล่ขึ้นมาจากผ้าห่มและเฮอร์ไมโอนี่กับจินนี่ที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว

    มือเล็กจิกแขนตัวเองใต้ผ้าห่มหนาและพบว่ามันเจ็บจี๊ด เธอไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลยว่าได้ตกมาอยู่ภายใต้นวนิยายที่ตนเองไม่ได้ตั้งใจจะอ่านแถมยังจำเนื้อหาไม่ค่อยจะได้ พระเจ้ากำลังเล่นตลกอะไรกับชีวิตเธอกันแน่?

    หลังจากที่นั่งเฉยอยู่นาน แท็คก็วิ่งขึ้นมาตามพวกเขาอีกคนหนึ่งทำให้ทุกคนรีบกุลีกุจอลุกขึ้นจากเตียงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและรีบลงไปทานอาหารเช้ากันอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็เข้าไปที่ห้องนั่งเล่น ซึ่งเป็นห้องยาวๆ เพดานสูงอยู่ที่ชั้นหนึ่ง ผนังสีเขียวมะกอกแขวนผ้าม่านปักผืนโตๆ สกปรกๆ เต็มไปหมด ม่านกำมะหยี่สีเขียวตะไคร่ส่งเสียงหึ่งๆ ราวกับมีฝูงผึ้งที่มองไม่เห็นตอมอยู่

    พวกเขาถูกสั่งให้สวมผ้าปิดปากและคว้าน้ำยากำจัดด๊อกซี่ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา ด๊อกซี่กัดได้และฟันของพวกมันมีพิษ พวกเขาจะต้องฉีดน้ำยาพวกนั้นเพื่อให้มันเป็นอัมพาตและโยนมันลงถังขยะ เฟร็ดและจอร์จแอบเก็บด๊อกซี่ไปคนละตัวเพื่อประดิษฐ์อะไรสักอย่างที่เฮเลนไม่เข้าใจ

    ถึงแม้ว่าจะยังงงๆ กับเรื่องราวไม่คาดฝัน แต่งานกำจัดด๊อกซี่ออกจากผ้าม่านใช้เวลาเกือบทั้งเช้าจึงทำให้เฮเลนลืมความตื่นเต้นที่ตัวเองเข้ามาอยู่ในนิยายเสียสนิท เลยเที่ยงวันไปแล้วเมื่อนางวีสลีย์ถอดผ้าพันคอที่ใช้ปิดหน้าออกในที่สุด ผ้าม่านไม่ได้ส่งเสียงหึ่งๆ อีกต่อไป ที่เท้าของพวกเขามีด๊อกซี่ที่หมดสตินอนอัดแน่นอยู่ในถังข้างๆ อ่างใส่ไข่สีดำของมัน ซึ่งตอนนี้ครุกแชงก์กำลังดมอยู่

    นางวีสลีย์ออกไปทำแซนด์วิชเฮเลนจึงหันไปมองแท็คที่ยกแขนขึ้นปาดเหงื่อ เขาจะเป็นอีกคนที่หลุดเข้ามาที่นี่หรือเปล่า เฮเลนเองก็ไม่แน่ใจนัก แต่เธอมั่นใจสุดๆ ว่าในเรื่องราวของโลกแฮร์รี่ พอตเตอร์นั้นไม่มีคนที่ชื่อแท็ค แม็กมาเวลล์อย่างแน่นอน

    เฟร็ดกับจอร์จขยับไปเพื่อจะปิดประตูที่นางวีสลีย์เปิดทิ้งเอาไว้ แต่ว่าอะไรบางอย่างก็แทรกตัวเข้ามาเสียก่อน!

    เอลฟ์ตัวหนึ่งปรากฏตัวขึ้นอย่างไม่ได้คาดหมาย นอกจากผ้าขี้ริ้วที่สวมอยู่แล้วเอลฟ์ตัวนี้ไม่ได้ใส่อะไรเลย มันมีขนสีขาวจำนวนมากงอกขึ้นจากหูที่เหมือนหูค้างคาวขนาดใหญ่ ดวงตาสีเทาฉ่ำและแดงก่ำ จมูกใหญ่รูปร่างเหมือนสัตว์จำพวกหมูขยับไปมาทำให้เฮเลนรู้สึกขนลุก มันพึมพำด้วยเสียงแหบต่ำ

    “ยายแก่ร้ายกาจ ทรยศต่อสายเลือด แถมไอ้พวกเด็กเลวก็ทำบ้านของคุณนายของฉันยุ่งเหยิงไปหมด ถ้าท่านรู้ว่าพวกเลือดเลวทำอะไรบ้างในบ้านของท่าน ท่านจะพูดว่ากระไรกับครีเชอร์นะ น่าละอาย พวกเลือดสีโคลน มนุษย์หมาป่า แล้วยังคนทรยศกับพวกหัวขโมยอีก ครีเชอร์ที่น่าสงสาร...”

    “สวัสดีครีเชอร์” เฟร็ดตะโกนทักเสียงดัง ปิดประตูดังปังเอลฟ์หยุดพึมพำแกล้งทำเป็นประหลาดใจ

    “ครีเชอร์ไม่เห็นนายน้อยเลยขอรับ” มันพูดแล้วหันมาโค้งให้เฟร็ดก่อนจะพึมพำเสียงดังพอให้ทุกคนในห้องได้ยินชัดแจ๋ว “เด็กสารเลวตัวกระจ้อยจอมร้ายกาจ เชื้อสายนังคนทรยศ”

    “ขอโทษทีนะ” จอร์จว่าต่อ “พูดอะไรฉันไม่ได้ยินเลย”

    “ครีเชอร์ไม่ได้พูดอะไรขอรับ” เอลฟ์เงยหน้าขึ้น “แฝดมัน สัตว์ร้ายตัวเล็กๆ ที่ผิดธรรมชาติ”

    เอลฟ์ยืดตัวตรง ตามองทุกคนอย่างมุ่งร้าย ดูเหมือนมันจะคิดว่าทุกคนไม่ได้ยินเสียงของมันแถมยังคงพึมพำต่อหน้าตาเฉย เฮเลนขมวดคิ้วยุ่งมองเฮอร์ไมโอนี่ที่ทำท่าทางขบขัน

    “ยัยเด็กเลือดสีโคลน โธ่ ถ้าคุณนายรู้ คุณนายจะต้องร้องไห้แน่ๆ แล้วนี่ยังมีเด็กแฝดหน้าใหม่มาอีก มันมาทำอะไรที่นี่... ครีเชอร์ไม่รู้เลย...”

    “นี่เฮเลน กับแฮร์รี่นะครีเชอร์” เฮอร์ไมโอนี่พูดหยั่งเชิง “แฮร์รี่กับเฮเลน พอตเตอร์”

    ดวงตาซีดๆ จ้องมองแฮร์รี่กับเฮเลนสลับกัน มันพึมพำในคอเร็วขึ้นแสดงอารมณ์เกรี้ยวกราด

    “เด็กเลือดสีโคลนพูดกับครีเชอร์ราวกับเป็นเพื่อนของมันถ้าคุณนายเห็นครีเชอร์อยู่ท่ามกลางกลุ่มโสโครกพวกนี้ท่านจะพูดว่าอย่างไรนะ...”

    “อย่ามา...!” รอนร้องขึ้นมาอย่างโกรธจัด

    “ไม่เป็นไร” เธอกระซิบ “เขาแก่แล้ว เขาไม่มีสติพอจะรู้ว่าตัวเองทำอะไร”

    “อย่าหลอกตัวเองหน่อยเลยครับ เฮอร์ไมโอนี่” แท็คบอก “เขารู้ดีเชียวล่ะว่าเขาพูดอะไร”

    ทุกคนมองไปยังครีเชอร์ด้วยสายตาไม่พอใจอย่างมาก แต่มันก็ยังคงพึมพำต่อไปโดยไม่ละสายตาไปจากแฮร์รี่และเฮเลน

    “จริงหรือนี่ที่นั่นคือแฝดพอตเตอร์... แผลเป็นนั่นคงจะจริงสินะ นี่คือพวกเด็กที่ยับยั้งจ้าวแห่งศาสตร์มืดได้ ครีเชอร์สงสัยจริงๆ ว่าเขาทำได้ยังไง...”

    “ไม่ใช่สงสัยเราทุกคนเหรอครีเชอร์” เฟร็ดพูดก่อนตามด้วยจอร์จ “แกต้องการอะไรหะ?”

    “ครีเชอร์กำลังทำความสะอาด” ดวงตาโตของมันมองสลับกันไปมาระหว่างเฟร็ดและจอร์จ

    “เรื่องเหลือเชื่อ” เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลังประตู ซีเรียสปรากฏตัวขึ้น เขาถลึงตามองเอลฟ์จากช่องประตู เมื่อเห็นซีเรียส ครีเชอร์โค้งคำนับต่ำมากจนน่าขัน

    “ยืนตัวตรง” ซีเรียสพูดอย่างรำคาญ “บอกมา แกกำลังวางแผนอะไร”

    “ครีเชอร์กำลังทำความสะอาดขอรับ” เอลฟ์พูดซ้ำ “ครีเชอร์มีชีวิตอยู่เพื่อรับใช้ตระกูลแบล็กที่สูงส่ง – ”

    “ – แล้วมันก็สกปรกขึ้นทุกวัน” ซีเรียสว่า

    “เจ้านายชอบพูดตลกเสมอ” ครีเชอร์คำนับอีกหน “เจ้านายเป็นคนสารเลวอกตัญญูชั่วร้ายที่ทำให้มารดาหัวใจสลาย – ”

    “แม่ฉันไม่มีหัวใจ ครีเชอร์” ซีเรียสตวาด “แม่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยเจตนาร้ายแท้ๆ ไปได้แล้ว!

    ดูเหมือนว่าเอลฟ์จะไม่มีการขัดคำสั่งตรงๆ สายตาของมันที่กำลังเดินลากเท้าออกจากห้องเต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างลึกซึ้ง และมันพึมพำไปตลอดทาง จากนั้นไม่นานนางวีสลีย์ก็ยกถาดที่เต็มไปด้วยขนมเค้กและแซนด์วิชเข้ามาในห้อง เด็กๆ พุ่งกระโจนเข้าใส่ถาดอย่างลืมตัว พวกเขานั่งทานกันอย่างมีความสุขพร้อมเสียงหัวเราะคลออยู่เล็กน้อย เฮเลนลืมไปเสียสนิทว่าตอนนี้ตัวเองควรทำอะไรและจะต้องไปเจอกับอะไรต่อจากนี้

    นางวีสลีย์ให้พวกเขาทำงานหนักเช่นนี้ต่อไปอีกหลายวัน ต้องใช้เวลาหลายวันมากถึงจะกำจัดความสกปรกออกไปจากห้องนั่งเล่นได้ ในที่สุด สิ่งไม่พึงปรารถนาสองสิ่งสุดท้ายที่เหลืออยู่คือม่านปักลายแผนผังตระกูลแบล็กซึ่งยืนหยัดต่อสู้ความพยายามทุกอย่างที่จะเอามันออกไปจากผนัง ซึ่งแม้แต่คาถาไฟบรรลัยกัลป์ก็ทำอะไรมันไม่ได้ และโต๊ะเขียนหนังสือที่ลั่นกราว มู้ดดี้ไม่ได้แวะมาที่กองบัญชาการเลย พวกเขาจึงไม่แน่ใจว่าอะไรอยู่ในโต๊ะนั่น

    กิจกรรมมากมายทำให้เฮเลนหลับบนเตียงอย่างหมดแรงบทุกวัน เธอเคิดว่าสักวันคงตื่นไปอยู่บนเตียงที่บ้านเงียบๆ ไร้ซึ่งเสียงดังเคย แต่มันกลับไม่ใช่ แม้หัวจะถึงหมอน แม้ว่าจะหลับใหลไป และลืมตาขึ้นมากี่ครั้งทุกอย่างก็จะเหมือนกัน คือเธอพบแฮร์รี่คว้าแว่นบนหัวเตียงมาสวม รอนนอนละเมอตกเตียง เฟร็ดกับจอร์จที่คอยเสกคาถาประหลาดๆ ในห้องนอน เฮอร์ไมโอนี่กับจินนี่ยืนคุยกันและแท็ค บุรุษแปลกประหลาดที่ไม่น่าอยู่ในเรื่องนี้นั่งอ่านหนังสือมุมเดิมๆ เมื่อถึงเวลาว่าง

    ช่วงอาหารเย็นในค่ำวันพุธ นางวีสลีย์เตือนพวกเขาเรื่องการพิจารณาคดีที่กระทรวงเวทมนตร์ เฮเลนเกือบสำลักบัตเตอร์เบียร์และกลืนมันลงไปอย่างยากเย็น “ฉันรีดชุดที่ดีที่สุดให้พวกเธอแล้วนะ คืนนี้ฉันอยากให้พวกเธอสระผมแล้วแต่งตัวดีดี ความประทับใจแรกเจอช่วยให้เกิดสิ่งมหัศจรรย์ได้นะ”

    “เธอสองคนจะไปกับฉัน” นายวีสลีย์พูด “พวกเธอจะคอยอยู่ที่ห้องทำงานของฉันจนถึงเวลาพิจารณาคดี”

    เฮเลนไม่พูดอะไร เหลือบมองแฮร์รี่และหวังว่าพรุ่งนี้เธอคงมีคำพูดที่ดีพอที่จะพูดในชั้นศาล ถึงแม้เธอจะจำไม่ได้ว่าเธอทำอะไรไปบ้างก็ตาม ใช่สิ เธอมาโผล่ที่นี่หลังจากได้รับจดหมายจากกระทรวง ดังนั้นคืนนี้เธอควรถามว่าเกิดอะไรขึ้นเสียก่อนที่จะไปพรุ่งนี้กับแฮร์รี่ดีกว่าไปตอบอะไรแบบผิดๆ ถึงแม้ความจริงในใจลึกๆ จะคิดว่าพรุ่งนี้คงตื่นขึ้นบนเตียงของตัวเองและเดินทางไปห้องสมุดที่โรงเรียนเพื่อเปิดมันในตอนเช้าเหมือนเดิมก็ตาม

    เช้าวันรุ่งขึ้นเฮเลนตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงเอะอะของแฮร์รี่ที่บ่นเรื่องหาแว่นตาไม่เจอ เมื่อคืนวานแฮร์รี่เล่าเกือบทุกเรื่องให้เธอฟัง เมื่อตอนถูกผู้คุมวิญญาณโจมตีแท็คสันนิษฐานว่ามันอาจทำให้เธอสับสนและมีอาการเหมือนจำอะไรไม่ค่อยได้อย่างที่เห็น เฮเลนก็ได้แต่เออออไปตามนั้นเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต

    หลังจากอาบน้ำและแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว เฮเลนก็ลงไปในครับพร้อมแฮร์รี่เพื่อทานอาหารเช้าและคุยกับคนอื่นๆ นิดหน่อยก่อนจะออกไป พวกเขาวุ่นวายกับเสื้อผ้าหน้าผมของเธอกันยกใหญ่โดยเฉพาะท็องส์กับนางวีสลีย์ที่เหมือนจะพยายามจัดเสื้อยืดคอกลมและผมยาวๆ ให้เรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้

    นายวีสลีย์พาฝาแฝดเดินออกจากบ้านไปยังสถานีรถไฟฟ้าที่มีคนเต็มเอียด เฮเลนแอบตกใจเล็กน้อยเมื่อมันไม่ใช่รถไฟฟ้าที่เธอเคยเห็นเมื่อก่อน นายวีสลีย์ระงับความกระตือรือร้นของเขาเอาไว้ได้ยากมากๆ เมื่อจ้องมองไปยังเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติที่พังแล้วและมองมันอย่างชื่นชม

    พวกเขาลงจากรถไฟสถานีใจกลางกรุงลอนดอน ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงถนนซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานที่ดูโกโรโกโสหลายแห่ง จนกระทั่งนายวีสลีย์พาพวกเขามาหยุดที่หน้าตู้โทรศัพท์เก่าๆ สีแดงซึ่งแผ่นกระจกหายไปหลายแผ่น เขาให้ฝาแฝดเข้าไปข้างในก่อนแล้วจึงแทรกตัวเข้ามาอัดกันอยู่ภายใน เขายกหูขึ้นและเริ่มกดหมายเลข

    “ยินดีต้อนรับสู่กระทรวงเวทมนตร์ กรุณาบอกชื่อและธุระของคุณด้วยค่ะ”

    “เอ่อ...” นายวีสลีย์พูด “ผมอาเธอร์ วีสลีย์ กองการใช้สิ่งประดิษฐ์ของมักเกิ้ลในทางที่ผิด พาฝาแฝดพอตเตอร์มาฟังการพิจารณาคดีเรื่องการรักษาวินัย...”

    “ขอบคุณค่ะ” เสียงเรียบๆ ของผู้หญิงคนนั้นบอก “ผู้มาติดต่อกรุณารับบัตรและติดไว้ที่ด้านหน้าของเสื้อคลุมด้วยค่ะ”

    บัตรสามใบไหลออกมาจากช่องคืนเหรียญ พวกเขาติดมันเอาไว้ที่อกเสื้อก่อนที่ตู้โทรศัพท์จะค่อยๆ สั่นและจมลงไปในดินช้าๆ และเร็วขึ้นจนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่ไหนสักแห่งและประตูโทรศัพท์ก็เด้งเปิดออกมา

    “กระทรวงเวทมนตร์ขอให้คุณมีความสุขในวันนี้ค่ะ”

    ทั้งสามยืนอยู่ที่ปลายสุดด้านหนึ่งของโถงทางเดินที่สวยงามและยาวมาก พวกเขาเดินสมทบไปกับฝูงชนและผ่านน้ำพุตรงกลางนั้นไป ถ้าหากไม่ติดว่าเธอกำลังกังวลเรื่องการพิจารณาคดี มันก็คงน่าตื่นเต้นไม่น้อยเลยที่ได้เข้ามาอยู่ในสถานที่แห่งจินตนาการที่สามารถสัมผัสและจับต้องได้

    พวกเขาถูกตรวจไม้กายสิทธิ์และพาเดินไปตามโถงทางเดินอีกจนกระทั่งเข้าไปในลิฟต์ที่มีลูกกรงสีทอง สายตาพ่อมดแม่มดหลายต่อหลายคนจ้องมองมาที่พวกเขาตาไม่กะพริบ เฮเลนปัดผมลงมาปรกใบหน้า ซึ่งมันทำให้การจัดทรงที่ท็องส์อุตส่าห์ทำยุ่งเหยิงไม่มีชิ้นดี

    “อาเธอร์” เมื่อลิฟต์หยุดที่ชั้นถัดมา คิงส์ลีย์ก็ปรากฏตัวขึ้นและก้าวเข้ามาในลิฟ์พร้อมกับพึมพำดังพอให้พวกเขาได้ยิน “มีเรื่องด่วน”

    “ถ้าเป็นเรื่องส้วมพุ่ง ผมรู้แล้วเมื่อเช้า” นายวีสลีย์ตอบ

    “ไม่ใช่เรื่องส้วม!” คิงส์ลีย์แยกเขี้ยว “เรื่องการพิจารณาคดีต่างหาก – พวกเขาเปลี่ยนเวลาและสถานที่ – เริ่มตอนแปดโมง ที่ห้องพิจารณาคดีข้างล่าง ห้องสิบ...”

    “ห้องพิจารณาคดีเก่า – แต่พวกเขาบอกผมว่า – เคราเมอร์ลิน!” นายวีสลีย์ร้อง “เร็วเข้าเถอะ เธอสองคน – เรากำลังจะสาย!

    นายวีสลีย์วิ่งพุ่งออกจากลิฟต์นำพวกเขาไปที่ลิฟต์อีกตัวและกดปุ่มลงอย่างรวดเร็ว เมื่อลิฟต์มาถึง พวกเขาวิ่งเข้าไปในนั้น นายวีสลีย์กดหมายเลขเก้าซ้ำๆ ติดต่อกันทุกครั้งที่ลิฟต์หยุด

    “กองปริศนา” เสียงผู้หญิงประกาศ

    “เร็วเข้า” นายวีสลีย์บอกเมื่อประตูลิฟต์เขย่าเปิดออก พวกเขาวิ่งเร็วจี๋ไปตามระเบียงทางเดินที่ค่อนข้างแตกต่างจากระเบียงด้านบน ผนังสองด้านว่างเปล่า ไม่มีหน้าต่างหรือประตูใดๆ เลยนอกจากประตูสีดำเรียบๆ ตรงสุดทาง พวกเขาวิ่งตามนายวีสลีย์ออกไปทางซ้ายมือ ลงไปตามบันได

    “อยู่ข้างล่างนี่” นายวีสลีย์พูดไปหอบไป “แม้แต่ลิฟต์ยังลงมาไม่ถึงที่นี่ ทำไมพวกเขาถึงต้องมาทำที่ข้างล่างนี่ด้วย...”

    ทิ้งสองมาถึงตีนบันไดและวิ่งออกไปตามระเบียงทางเดินอีกสาย ซึ่งมีกำแพงหินขรุขระ คบไฟที่เสียบไว้กับฐานเสียบ ประตูที่วิ่งผ่านมามีแต่ไม้หนา สลักประตูและลูกกุญแจเป็นเหล็กทั้งหมด

    นายวีสลีย์สะดุดกึกที่หน้าประตูสีคล้ำบานหนึ่ง มีกุญแจเหล็กใหญ่มหึมาคล้องอยู่ เขาทรุดไปพิงผนัง มือกุมหน้าอกเอาไว้และโบกไม้ไล่ฝาแฝดให้เข้าไปในห้อง

    “แล้ว – คุณไม่เข้าไปเหรอครับ” แฮร์รี่ถาม

    “ไม่ได้ – ฉันไม่ได้รับอนุญาต โชคดีนะทั้งสองคน – ระวังอย่าตื่นเต้นเกินไปล่ะ”

    หัวใจเฮเลนเต้นแรงเสียยิ่งกว่าตอนวิ่งลงมาชั้นล่างนี่เสียอีก เธอเห็นแฮร์รี่จับด้ามหมุนของประตูเหล็กหนักๆ นั้นอยู่นานกว่าจะเปิดมันออก เพื่อก้าวเข้าไปสู่ห้องพิจารณาคดี

    เฮเลนเอื้อมมือไปจับแขนของแฮร์รี่อย่างรวดเร็ว ผนังของห้องก่อด้วยก้อนหินสีคล้ำ สว่างสลัวๆ ด้วยแสงคบไฟ ม้านั่งว่างเปล่าเรียงกันสูงขึ้นไปทั้งสองด้านของเธอ แต่ข้างหน้า บนม้านั่งที่สูงที่สุดกว่าม้านั่งตัวอื่นๆ มีร่างเงาดำๆ หลายร่างนั่งอยู่ พวกเขาพูดกันเสียงงึมงำระงมไปทั่วห้อง แต่เมื่อประตูบานนั้นเหวี่ยงปิดตามหลังเฮเลน ความเงียบก็เข้าปกคลุมโดยรอบในทันที

    “นั่งลงซะ แฮร์รี่ พอตเตอร์” เสียงคนที่อยู่เหนือสุดพูด “ฉันแนะนำให้เธอยืนอยู่ข้างๆ เขานะ เฮเลน พอตเตอร์ เผื่อพวกเธอจะมีเหตุผลในการโต้แย้งเรื่องนี้ร่วมกัน”

    เสียงฝีเท้าของพวกเขาดังก้องในระหว่างที่แฮร์รี่เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ เฮเลนเดินเข้าไปยืนอยู่ข้างๆ เก้าอี้ตัวนั้น โซ่ตรวนตรึงเอาไว้ที่เท้าแขน มันส่งเสียงกระทบกันดังกริ๊กๆ อย่างขู่ขวัญ เฮเลนสัมผัสได้ว่าร่างของตัวเองสั่นระริกและพยายามเอื้อมมือไปจับมือของแฮร์รี่ที่วางอยู่บนที่เท้าแขนอย่างเบามือ

    พวกนั้นมีประมาณห้าสิบคน ทุกคน – เท่าที่มองเห็น – สวมเสื้อคลุมสีแดงอมม่วง มีตัวอักษรรูป “ว” สีเงินสวยงามอยู่ที่อกด้านซ้าย ทุกคนก้มลงมองมายังทั้งสองคน บางคนทำสีหน้าเคร่งเครียดแต่บางคนก็ทำสีหน้าสงสัยใคร่รู้ ที่กึ่งแถวหน้าสุดนั้นคือคอร์นีเลียส ฟัดจ์ รัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์นั่งอยู่ แม่มดที่มีคางสี่เหลี่ยมกว้างและผมสั้นสีเทานั่งอยู่ทางซ้ายของฟัดจ์ เธอสวมแว่นตาข้างเดียวและดูน่าเกรงขามมาก ด้านขวาของฟัดจ์เป็นแม่มดอีกคนหนึ่ง แต่เธอนั่งลึกเข้าไปบนม้านั่งจนทำให้ใบหน้าอยู่ในเงามืด

    ไม่นานนักพวกเขาก็เริ่มต้นสอบสวน ดัมเบิลดอร์ปรากฏตัวขึ้นในระหว่างนั้น เขาดูไม่เหมือนกับที่เฮเลนคิด แต่ก็ไม่ได้ต่างไปจากนั้นเท่าไหร่ เธอแทบไม่ได้พูดอะไรเลยในระหว่างการพิจารณานอกจากตอบรับคำของดัมเบิลดอร์เท่านั้น เฮเลนถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษเนื่องจากสงสัยว่าถูกคาถาสับสน แต่ไม่ใช่เลยเพียงสักนิด แต่ในขณะที่แฮร์รี่กำลังพูดทุกอย่างก็มีแม่มดในศาลเอ่ยขัดขึ้นมาหลายต่อหลายครั้งราวกับกำลังไม่ยอมรับความจริง

    “ผมเสกคาถาเพราะผู้คุมวิญญาณ!” แฮร์รี่พูดเสียงดัง ความเงียบแผ่ปกคลุมหนาแน่นกว่าเดิม

    “เธอหมายความว่าอย่างไร พ่อหนุ่ม”

    “ผมหมายความว่า มีผู้คุมวิญญาณสองตัวในตรอก และมันตรงมาหาพวกเรากับลูกพี่ลูกน้องของเรา”

    “อ้า” ฟัดจ์ร้อง ยิ้มเย้ยหยันน่าเกลียดขณะที่มองไปยังบรรดาสมาชิกศาลสูงทั้งหลาย “ใช่สิ – ใช่แล้ว ฉันคิดว่าเราคงจะได้ยินอะไรทำนองนี้ออกมาจากปากของสองพี่น้องนี่ ให้อธิบายนะ – คงใคร่ครวญเรื่องนี้มาแล้วล่ะสิ มักเกิ้ลไม่สามารถเห็นผู้คุมวิญญาณได้ ไม่ใช่เหรอพ่อหนุ่ม ง่ายากเหลือเกินนะ มันก็แค่คำพูดของเธอ... และไม่มีพยาน”

    “แล้วจะให้เราสองคนปล่อยญาติเราตายเหรอคะ!” เฮเลนพูดพลางมองใบหน้าฟัดจ์ เธอไม่รู้หรอกว่าตอนนี้ตัวเองกำลังแสดงกิริยาแบบไหนออกไปแต่ความรู้สึกและภาพที่ปรากฏในสมองของเธอนั้น มันทำให้เธอทนไม่ได้ที่จะอยู่เฉยๆ “เขาวิ่งเข้าใส่ผู้คุมวิญญาณ – เราควรปล่อยให้เขาโดนมัน ควรปล่อยไปใช่ไหม!

    “ฉันรู้ว่าผู้คุมวิญญาณไม่ออกไปที่นั่น...”

    “เราไม่ได้โกหก!” แฮร์รี่พูดเสียงดังลั่นกลบเสียงพึมพำที่ดังขึ้นมา “พวกมันมีสองตัว มาจากปลายตรอกสองข้าง มันมืดไปหมด แล้วก็หนาว – ”

    “พอที พอได้แล้ว!” ฟัดจ์พูด สีหน้าเต็มไปด้วยความดูถูก “เสียใจนะ ที่ต้องขัดจังหวะสิ่งที่ฉันมั่นใจว่าเป็นเรื่องที่ได้เตรียมซ้อมมาอย่างดีแล้ว – ”

    ดัมเบิลดอร์กระแอมขึ้นมา ในชั้นศาลเงียบลงไปอีกครั้ง

    “อันที่จริงแล้ว” เขาเอ่ย “เรามีพยานที่เห็นการปรากฏตัวของผู้คุมวิญญาณที่ตรอกนั้น นอกจากดัดลีย์ เดอร์สลีย์”

    “ผมว่าเราไม่มีเวลาฟังเรื่องโกหก – ”

    “ผมอาจจะผิดไปก็ได้” ดัมเบิลดอร์บอกเสียงชื่นบาน “แต่ผมมั่นใจว่าภายใต้รัฐธรรมนูญของศาลสูงวิเซ็นกาม็อตว่าด้วยเรื่องสิทธิธรรมนั้น ผู้ต้องหามีสิทธิ์ที่จะนำเสนอพยานได้ในคดีของเขาหรือเธอ ไม่ใช่หรือ นี่ไม่ใช่นโยบายของกองบังคับการควบคุมกฎหมายเวทมนตร์หรืออย่างไรครับ มาดามโบนส์”

    “ถูกต้อง” แม่มดที่สวมแว่นข้างเดียวตอบ “ถูกต้องที่สุด”

    “ดีดีมาก!” ฟัดจ์ตวาด “แล้วบุคคลนั้นอยู่ไหน”

    “เธอคอยอยู่ข้างนอกประตูนี้ – ”

    “วีสลีย์– ไปพาเข้ามา” ฟัดจ์ตะคอกใส่คนที่อยู่ตรงปลายสุดแถวล่าง ซึ่งเฮเลนเพิ่งสังเกตเห็นว่าเป็นเพอร์ซี่ เขาลุกขึ้นทันที วิ่งผ่านดัมเบิลดอร์ไปโดยไม่แม้แต่จะชำเลืองมอง ชั่วอึดใจเพอร์ซี่ก็กลับมา มีใครบางคนตามมาด้วย

    “ชื่อว่าอะไร” ฟัดจ์ถามเสียงดัง

    “อาราเบลล่า ดอรีน ฟิก” เธอตอบเสียงสั่นและหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ ดัมเบิลดอร์

    หลังจากการสอบสวนว่าเธอเป็นใครอยู่ที่ไหน พวกเขาก็เริ่มต้นสอบสวนเธอเกี่ยวกับเหตุการณ์ทั้งหมดต่อไปอย่างต่อเนื่อง เธอเล่าเรื่องราวอย่างกระท่อนกระแท่น แต่กลับเรียงร้อยออกมาเป็นเรื่องราวได้อย่างน่าประหลาด เฮเลนได้ฟังว่าตัวเองลื่นล้มหน้าคะมำจมแอ่งน้ำจนกระทั่งแฮร์รี่เสกผู้พิทักษ์ออกมาได้ถึงได้ลุกขึ้นยืนและวิ่งไปช่วยดัดลีย์ ทำไมถึงได้น่าอายอย่างนี้นะ...

    หลังจากนั้นเธอก็ถูกฟัดจ์สั่งให้ออกไปจากห้องทันทีที่เล่าเรื่องจบ เขาเงยหน้าขึ้นจากกองกระดาษบนโต๊ะแล้วมองมายังดัมเบิลดอร์

    “ไม่ใช่พยานที่น่าเชื่อถือเท่าไหร่เลยนะ” ฟัดจ์กล่าวอย่างดูถูก

    “ไม่รู้สิ” มาดามโบนส์ตอบด้วยเสียงดัง “เธออธิบายผลของการถูกผู้คุมวิญญาณโจมตีได้ถูกต้องมาก และฉันนึกไม่ออกว่าทำไมเธอต้องพูดว่าพวกนั้นอยู่ทั้งที่ไม่ได้อยู่ – ”

    “แต่ผู้คุมวิญญาณเพ่นพ่านอยู่ในเขตมักเกิ้ล!” ฟัดจ์พ่นลมจากจมูก “เป็นไปได้น้อยมากๆ ...”

    “แต่มันก็เป็นไปได้ไม่ใช่เหรอคะ” เฮเลนสวนขึ้นทั้งๆ ที่ฟัดจ์ยังพูดไม่จบ เขาเหล่มองเธอด้วยสายตาตำหนิ

    ท่ามกลางความเงียบงันที่ต้อนรับคำพูดเหล่านี้ แม่มดที่อยู่ทางขวามือของฟัดจ์เอนตัวมาข้างหน้า ทำให้พวกเขาเห็นเธอเป็นครั้งแรก เธอดูเหมือนคางคกซีดๆ ตัวใหญ่ๆ อ้วนเตี้ย ใบหน้าเหี่ยวย่นและหย่อนยาน

    “ประธานรับรอง โดโลเรส เจน อัมบริดจ์ ปลัดกระทรวงอาวุโสขึ้นตรงต่อรัฐมนตรี” เธอเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแหลมสูงและรัวเหมือนเด็กสาวๆ “ฉันคิดว่าเธอคงเข้าใจผิดไปนะ เธอกำลังจะบอกว่ากระทรวงเวทมนตร์สั่งให้ผู้คุมวิญญาณโจมตีพวกเธองั้นเหรอ!

    “ก็ยังไม่ได้พูดสักคำนี่คะ” เฮเลนยักไหล่ ดัมเบิลดอร์หันมามองเธอพร้อมยิ้มเล็กน้อยและหันกลับไปหาฟัดจ์ "ก็เห็นเอาแต่คิดเองเออเองอยู่ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว -- ทีแบบนี้ไม่คิดบ้างเหรอคะว่าตัวเองมโนเก่งน่ะ!"

    “กระทรวงควรจะดำเนินการไต่สวนเต็มที่ว่าทำไมผู้คุมวิญญาณสองตัวถึงได้มาอยู่ห่างไกลคุกอัซคาบัน" ดัมเบิลดอร์พูดเสียงดังฟังชัดทันทีหลังที่เฮเลนพูดจบ "และทำไมมันถึงได้โจมตีโดนพลการโดยที่ไม่มีคำสั่งอย่างเป็นทางการ”

    “ผมอยากจะเตือนทุกท่านในที่นี้ว่า พฤติกรรมของเหล่าผู้คุมวิญญาณไม่ใช่ประเด็นของการพิจารณาคดีนี้!” ฟัดจ์กล่า “เรามาอยู่ ณ ที่นี้ เพื่อพิจารณาการกระทำความผิดของทั้งคู่ ภายใต้กฤษฎีกาควบคุมการใช้เวทมนตร์เมื่อยังไม่บรรลุนิติภาวะ”

    “แน่นอน” ดัมเบิลดอร์ตอบ “แต่การปรากฏตัวของผู้คุมวิญญาณในตรอกนั่นเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องมาก มาตราที่เจ็ดระบุเอาไว้ว่า เวทมนตร์สามารถใช้ต่อหน้ามักเกิ้ลได้ในกรณียกเว้นในสถานการณ์ที่เป็นอันตรายต่อชีวิต ดังนั้นเราคงเห็นพ้องกันว่าการที่แฮร์รี่ใช้คาถาผู้พิทักษ์ในกรณีเหล่านี้ถือว่าตกอยู่ในประเภทกรณียกเว้นที่มาตราดังกล่าวระบุเอาไว้”

    “ถ้ามีผู้คุมวิญญาณจริงๆ – ”

    “คุณได้ฟังคำให้การของพยานผู้เห็นเหตุการณ์แล้ว” ดัมเบิลดอร์กล่าวขัดขึ้น “ถ้าคุณยังสงสัยความซื่อสัตย์ของเธอ โปรดเรียกเธอกลับมา สอบถามเธอใหม่ ผมมั่นใจว่าเธอจะไม่ขัดข้อง”

    “ผมต้องการให้เรื่องยุติภายในวันนี้ ดัมเบิลดอร์!” ฟัดจ์ตะคอก “คุณเคยลองนับบ้างไหมว่าเด็กสองคนนี้กระทำความผิดมามากมายเท่าไหร่ แบบเห็นกันชัดๆ เนี่ย – ”

    “กระทรวงไม่มีอำนาจในการไล่นักเรียนของฮอกวอตส์ออกจากโรงเรียน คอร์นีเลียส” ดัมเบิลดอร์กล่าว “กระทรวงจะยึดไม้กายสิทธิ์ไม่ได้จนกว่าจะได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นจริง ด้วยความเร่งรีบที่น่านิยมยกย่องของคุณที่จะรักษากฎหมาย ดูเหมือนว่าคุณเองได้มองข้ามกฎหมายบางข้อไปนะ”

    “กฎหมายเปลี่ยนแปลงได้เสมอ!” ฟัดจ์บอกอย่างโกรธแค้น

    “แน่นอน” ดัมเบิลดอร์ตอบ “และที่แน่ๆ มันคงกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติไปแล้วหรือที่ให้มีการไต่สวนทางอาญาเต็มขั้นเพื่อจัดการกับเรื่องธรรมดาๆ อย่างการใช้เวทมนตร์เมื่อยังไม่บรรลุนิติภาวะ!

    ฟัดจ์จ้องเขาเขม็ง เห็นได้ชัดว่าโกรธแค้นอย่างที่สุด ฝาแฝดชำเลืองมองหน้ากันเป็นระยะ ยังไงก็ตาม หัวใจของเธอดูเหมือนจะเต้นรัวอย่างผิดธรรมชาติ แม้ว่าจะออกปากต่อล้อต่อเถียงกับโดโลเรส เจน อัมบริดจ์ ปลัดกระทรวงอาวุโสไปแล้วหลายประโยคก่อนหน้านั้นก็ตาม เฮเลนไม่นึกไม่ฝันเลยว่าตัวเองจะได้มายืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มพ่อมดแม่มดที่เป็นของจริง เรื่องจริงและไม่ใช่ความฝัน!

    “ใครบ้างที่เห็นด้วยว่าผู้ต้องหาไม่มีความผิดตามข้อกล่าวหาทุกประการ” มาดามโบนส์เอ่ยขึ้น

    มือยกในอากาศมากมายและมากกว่าครึ่งเฮเลนและแฮร์รี่กุมมือกันแน่น ในขณะที่มาดามโบนส์พูดว่า “ใครที่เห็นด้วยว่าผิด” มีเพียงฟัดจ์และคนอีกไม่ถึงหนึ่งในสี่เท่านั้นที่ยกมือ ฟัดจ์เหลือบตามองทุกๆ คน และทำท่าราวกับมีอะไรขนาดใหญ่ติดอยู่ในคอ เขาเอามือลงและสูดหายใจเข้าลึกๆ สองที ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่แปร่งๆ เนื่องจากกำลังข่มโทสะ

    “ดี – ดีมาก– พ้นทุกข้อกล่าวหา!

     

    ติดตามตอนต่อไป...

     

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×