คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 ความสามารถของฉัน... (Re.1)
Up lode : 28/04/2016
Re Write No.1 : 13/05/2016
บทที่ 3
ความสามารถของฉัน...
เธอคิดเหรอว่าเธอจะหนีจากเรื่องนี้ไปได้...
เธอคิดเหรอว่าจะไม่มีใครจำเรื่องนั้นได้...
'นะ นั่นใครน่ะ!'
ฉันตะโกนเรียกหาเจ้าของเสียงอันแสนคุ้นเคยในความมืดมิด เสียงนั้นไม่ตอบแต่กลับหัวเราะเสียงดัง
หึ... เธอคงจะยังจำไม่ได้สินะ
แต่มันก็ไม่นานนักหรอก ฟริคส์...
พวกเขา... จะไม่มีวันลืมเรื่องที่เธอทำ!! จำเอาไว้!!!
“เฮือก!!”
ฉันกระเด้งพรวดขึ้นจากเตียงนอนนุ่มพลางยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนใบหน้า เสียงหอบของตัวเองบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าความฝันเมื่อสักครู่ไม่ใช่เรื่องตลก เจ้าของเสียงที่เคยปลุกฉันกับเจ้าของเสียงในฝันนั่นมันไม่เหมือนกัน มันทำฉันสับสนไปหมดว่าทำไม? อะไร? และเคยเกิดอะไรขึ้น?
ฉันนั่งรวบรวมสติในความมืดอยู่พักใหญ่ก่อนจะลุกออกจากเตียงนอนด้วยความรู้สึกที่ผ่อนคลายลงไปนิดหน่อย เอาล่ะ ตั้งสติไว้ฟริคส์... มันจะต้องไม่มีอะไร นั่นมันก็แค่ความฝัน!
เธอจะต้องโอเคกับมัน...
เมื่อก้าวออกห่างจากเตียงได้เพียงก้าวเดียวกลิ่นหอมๆ ก็ลอยมาแตะจมูก ฉันหันมองหาต้นตอของกลิ่นนั้นและพบว่ามันคือพายอบเชยผสมเนยถั่วที่คุณแม่โทเรียลเป็นคนทำนั่นเอง...
ฉันยืนมองพายนั่นอย่างใช้ความคิด... ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าฉันเคยผ่านเรื่องแบบนี้มาก่อนหน้านี้แล้วครั้งหนึ่ง ถึงฉันจะจำมันไม่ได้แต่ว่าความรู้สึกคุ้นเคยที่อยู่ลึกๆ ในใจมันกำลังบอกฉันว่ามันอาจจะเป็นสิ่งที่ฉันเคยลืมเลือนไป
และที่ฉันคิดอยากจะออกไปจากที่นี่... เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วใช่ไหม?
...
ไม่สิ ไม่ได้... ฉันจะต้องกลับบ้าน! ซึ่งบ้านของฉันก็ไม่ได้อยู่ที่นี่!
ฉันเก็บพายใส่ไว้ในกระเป๋าคาดเอวก่อนจะเดินออกจากห้องนอนมาอย่างเงียบๆ ฉันเดินออกไปยังห้องที่คุณแม่โทเรียลเคยนั่งอยู่หน้าเตาผิง แต่บัดนี้ไม่มีใครอยู่... ฉันเดินตามหาเธอไปทั่วทุกที่จนเหลือเพียงที่เดียวเท่านั้นที่จะสามารถไปได้ นั่นคือบันไดตรงหน้าประตูทางเข้านั่นเอง
ฉันลังเลที่จะเดินลงไปอยู่สักพัก แต่ก็ตัดสินใจเดินลงไปตามทางนั้นโดยในหัวคิดขึ้นมาอีกครั้งว่าฉันควรจะทำอย่างไรให้คุณแม่โทเรียลปล่อยฉันไปจากที่นี่... ฉันควรบอกเธอว่าฉันอยากกลับบ้านและที่นี่ไม่ใช่ที่ของฉัน
อย่างนั้นใช่ไหม?
“เธอมาที่นี่จริงๆ ด้วยสินะ”
เสียงนุ่มเอ่ยขึ้นในขณะที่มือใหญ่ปิดบานประตูนั้นลงอย่างเบามือ
ฉันชะงักฝีเท้าลงเมื่อเห็นแผ่นหลังกว้างของใครบางคนอยู่ตรงหน้า คุณแม่โทเรียลหันกลับมามองหน้าฉันด้วยแววตาที่แสนเศร้า จริงๆ แล้วฉันควรจะออกไปจากที่นี่จริงๆ อย่างนั้นน่ะเหรอ?
“ประตูนี้แหละเป็นทางออกจากซากโบราณสถานแห่งนี้
เป็นทางเดียวที่จะออกไปจากที่นี่ได้”
“...”
“ทุกคนที่ตกลงมาที่นี่
ฉันเห็นมาก่อนหน้านั้นแล้ว... พวกเขามาแล้วพวกเขาก็ไป... พวกเขาตาย!”
“...”
“เพราะฉะนั้น
เป็นเด็กดีแล้วกลับขึ้นไปชั้นบนนะ...”
ฉันยืนนิ่งไม่เอ่ยตอบอะไร คุณแม่โทเรียลขมวดคิ้วจ้องมองฉันด้วยแววตาที่บ่งบอกได้ว่าเธอกำลังเศร้าและเธอกำลังโกรธ ถึงจะเป็นอย่างนั้น แต่ฉันก็รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดในใจของเธอมากกว่าความโกรธเสียอีก...
“เด็กน้อย... ถ้าเธอออกไปจากที่นี่
แอสกอร์จะฆ่าเธอ ฉันเป็นเพียงคนเดียวที่ปกป้องเธอได้ในตอนนี้”
“แต่หนู... หนูอยากกลับบ้าน” ฉันเอ่ยเพียงคำสั้นๆ ออกไป
“เธออยากจะออกไปจากที่นี่มากขนาดนั้นเลยเหรอ...”
คุณแม่โทเรียลเอ่ยเสียงแผ่ว ดวงตาสีน้ำตาอ่อนเริ่มมีน้ำตาเอ่อขึ้นมา
“งั้นเธอก็พิสูจน์สิ... ว่าเธอก็แข็งแกร่งพอจะออกไปจากที่นี่!”
คุณแม่โทเรียลว่าแล้วกางมือออกจากที่ปกติเธอจะประสานมือเอาไว้ที่หน้าตัก ตอนนี้ปรากฏลูกไฟมากมายขึ้นรอบกายของเธอ ฉันยืนนิ่งมองการกระทำนั้นพร้อมชักมีดออกมาจากเอว...
หนูขอโทษนะคะ... แต่หนูอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้!
คุณแม่โทเรียลขว้างลูกไฟใส่ฉันรัวๆ แม้ในบางครั้งฉันจะกระโดดหลบมันไม่ได้แต่นั่นก็ไม่ได้มีความหมาย! ฉันโต้ตอบการโจมตีของเธอตราบเท่าที่ฉันทำได้ ขนสีขาวเริ่มกลายเป็นสีแดง ร่างกายของเธอเริ่มเกิดรอยแผลจากการถูกฉันฟันมีดลงไป ซ้ำแล้วซ้ำเล่า...
แต่ฉันไม่ได้รู้สึกดีเลย... ไม่เลยแม้แต่นิดเดียว
ฉึก!
ปลายมีดแหลมฟันเข้าอย่างแรงตรงจุดตาย คุณแม่โทเรียลคุกเข่าลงกับพื้นเบื้องหน้าฉัน ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเอ่อคลอและเต็มไปด้วยน้ำตา... ใบหน้าที่เคยยิ้มอย่างอ่อนโยน ตอนนี้เหลือเพียงความเศร้าเท่านั้น
“อ่า... เธอแข็งแกร่งกว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีกนะ”
“...”
“ฟังนะ เด็กดีของฉัน...
ถ้าเธอออกไปจากประตูนี้แล้วล่ะก็ เดินไปให้ไกลที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้”
“...”
“สุดท้ายแล้วเธอก็จะพบทางออกไปจากที่นี่เอง...”
ฉันยืนมองใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาของคุณแม่โทเรียลนิ่ง มือกำมีดเล่มนั้นเอาไว้แน่น ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนฉายแววอ่อนโยนมองมายังฉันผู้ที่กำลังรู้สึกได้ว่า 'บาป' กำลังคืบคลานขึ้นมาบนแผ่นหลัง มือใหญเปื้อนเลือดเอื้อมมาสัมผัสใบหน้าฉันอย่างเบามือ ก่อนจะเอื้อนเอ่ยวาจาสุดท้ายที่มันทำให้ฉันต้องเปลี่ยนใจ!
“อย่าให้แอสกอร์ได้วิญญาณของเธอไปนะ...
อย่าให้แผนของเขาสำเร็จเด็ดขาด...”
ฉัน... ฉัน...
“เป็นเด็กดีนะ รู้ไหม?... เด็กน้อย”
“ไม่!!!”
ฉันโผเข้ากอดร่างของคุณแม่โทเรียลในทันทีที่เธอพูดจบประโยคนั้น แต่ทว่ามันสายเกินไป...
ร่างของเธอค่อยๆ สลายหายไปเหลือเพียงฝุ่นผง หัวใจดวงสีขาวบริสุทธิ์ลอยขึ้นมากลางอากาศและแหลกเป็นเสี่ยงๆ ฉันมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกปวดร้าวในใจ ฉันแค่ตั้งใจจะพิสูจน์ตัวเอง...
อย่างนั้นจริงๆ เหรอ?
“นี่ฉันทำอะไรลงไป...”
ฉันก้มลงกวาดเศษฝุ่นของหัวใจคุณแม่โทเรียลที่แหลกสลายขึ้นมารวมกันไว้บนฝ่ามือทั้งสองข้าง น้ำตาของฉันไหลพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย ฉันกำเศษฝุ่นนั่นเอาไว้ในมือแล้วร้องไห้อย่างสุดจะกลั้น
ฉันทำอะไรลงไป...? ฉันพิสูจน์ใช่ไหม...? หรือฉันจงใจฆ่าเธอกันแน่...?
หลังจากร้องไห้จนพอใจแล้ว ฉันก็ลุกขึ้นเดินกลับไปบนบ้าน วางเศษฝุ่นนั้นไว้บนโซฟาตัวที่คุณแม่เคยนั่งอ่านหนังสือกับฉัน ฉันยืนมองเตาผิงที่บัดนี้ไฟที่เคยลุกไหม้นั้นดับไปเหลือเพียงเถ้าถ่าน ฉัน... ฉันควรจะทำไงต่อ?
ฉัน... ฉันควรจะทำยังไงดี!!
ฉัน... อยากให้นี่เป็นแค่ความฝัน ขอร้องให้มันเป็นแค่ความฝันจะได้ไหม? ฉันพาตัวเองเดินโซเซมาจนถึงห้องนอนที่คุณแม่บอกว่ายกให้เป็นห้องของฉัน ตอนนี้เหมือนฉันสงบสติอารมณ์ตัวเองไม่ได้ นอกจากนั้นฉันยังควบคุมสติตัวเองไม่ได้... ฉัน... ฉัน...
ฉันไม่ได้อยากฆ่าเธอ!!!
พรึบ!
“เธอกำลังทำอะไรอยู่ตรงนั้นน่ะ”
ใบหน้ายาวถูกขนสีขาวปกคลุมเอียงคอมองฉันที่กำลังยืนนิ่งอยู่หน้าประตูบ้าน
คุณแม่โทเรียลอมยิ้มแล้วเดินมาจับมือฉันพาเข้าไปในบ้าน...
“ดะ เดี๋ยวค่ะ...”
“มีอะไรเหรอ อยู่ๆ ก็หยุดเดิน?”
ฉันงง และสับสนไปหมดกับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ ทำไมฉันถึงย้อนเวลากลับมาอยู่ตรงที่เดิมได้ล่ะ? ในระหว่างที่กำลังครุ่นคิด เรื่องราวต่างๆ ก็ดำเนินต่อไปอย่างรวดเร็วราวกับเร่งวีดีโอ ฉันเดินกลับลงไปยังชั้นใต้ดินนั่นอีกครั้งพร้อมกับคุณแม่โทเรียลที่กำลังยืนหันหลังให้อยู่ตรงหน้า
ใช่... เรากำลังจะวนกลับมาเจอเหตุการณ์เดิม ที่หน้าประตูบานนั้น...
แล้วตอนนี้ฉันควรจะทำยังไง?
‘ไม่ต้องกังวลไป นี่มันง่ายมาก
ขณะที่ต่อสู้ให้เธอพูดคุยอย่างเป็นกันเองนะ’
เสียงของคุณแม่โทเรียลที่เคยบอกกับฉันว่าฉันสามารถที่จะพูดคุยอย่างไรก็ได้กับปิศาจพวกนั้น และสามารถเลือกที่จะให้อภัยหรือเมตตาทุกคนได้... และครั้งนี้ ฉันจะใช้มันกับเธอ!
“งั้นเธอก็พิสูจน์สิ...
ว่าเธอก็แข็งแกร่งพอจะออกไปจากที่นี่!”
ประโยคเดิมดังขึ้นอีกครั้ง ฉันมองหน้าคุณแม่โทเรียลที่ไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลยแม้แต่น้อย เธอยังดูอบอุ่นและแววตาเต็มไปด้วยความเศร้า... ครั้งนี้ฉันหลบการโจมตีของเธอได้ราวกับว่าฉันเคยเจอมันมาแล้ว
ใช่สิ! ฉันเคยเจอมาแล้วครั้งหนึ่ง และฉันจะไม่พลาดอีกแล้ว!!
‘ฟังนะ เด็กดีของฉัน...
ถ้าเธอออกไปจากประตูนี้แล้วล่ะก็ เดินไปให้ไกลที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้’
‘สุดท้ายแล้วเธอก็จะพบทางออกไปจากที่นี่เอง...’
‘อย่าให้แอสกอร์ได้วิญญาณของเธอไปนะ...
อย่าให้แผนของเขาสำเร็จเด็ดขาด...’
‘เป็นเด็กดีนะ รู้ไหม?... เด็กน้อย’
เฮือกกก!!
ภาพของคุณแม่ที่กำลังสลายหายไปปรากฏขึ้นในหัวของฉันอย่างฉับพลัน! ฉันชะงักและพูดอะไรไม่ออก คิดไม่ออกแม้กระทั่งประโยคสนทนาที่จะทำให้เรื่องนี้ดีขึ้น แม้แต่สักนิดฉันยังคิดไม่ออก!
ยิ่งคิดความรู้สึกผิดที่แล่นเข้ามาทำให้ฉันรู้สึกถึงบาปที่ตัวเองเคยก่อเอาไว้เท่านั้น!
ถึงแม้ว่าฉันจะยังไม่รู้ว่านั่นเป็นเรื่องจริงหรือความฝันก็ตาม!
“แสดงให้ฉันเห็นสิว่าเธอแข็งแกร่งพอที่จะชนะฉันได้!”
ฉันยังคงหลบการโจมตีพวกนั้นต่อไปโดยไม่พูดจา ฉันนิ่งและเงียบ... ฉันจะไม่ให้ตัวเองทำอะไรแบบนั้นอีก จะไม่ยอมผิดพลาดอีกเป็นครั้งที่สองแน่ ฉันจะไม่ฆ่าใครทั้งนั้น!!
“...” คุณแม่เงียบไป ลูกไฟพวกนั้นยังคงพุ่งเข้าใส่ฉันเรื่อยๆ อย่างไม่ขาดสาย แต่มันก็ได้ไม่นาน... การโจมตีของเธออ่อนลงเรื่อยๆ จนฉันรู้สึกได้ว่าเธอจงใจที่จะไม่ให้มันโดนตัวฉันตั้งแต่แรก ราวกับเธอกำลังใจอ่อน
“นั่นเธอกำลังทำอะไรน่ะ?”
“...” ฉันไม่ตอบและตั้งใจหลบการโจมตีของเธอต่อไป มือขวาจับมีดที่เหน็บอยู่ตรงเอวไว้แน่นเพื่อบอกกับตัวเองว่าจะต้องไม่ดึงมันออกมา ฉันจะต้องไม่ใช้มันอีก!
“โจมตีฉัน! หรือไม่ก็หนีไปซะ!!”
คุณแม่โทเรียลโจมตีใส่ฉันซ้ำอีกครั้ง ครั้งแล้วครั้งเล่า... จนฉันรู้สึกได้ว่าเธอเริ่มเหนื่อยกับการโจมตีพวกนั้นแล้ว
“เธอกำลังจะพิสูจน์อะไรถึงได้ทำแบบนี้! สู้หรือหนีไปซะ!!”
“ไม่!”
ฉันตะโกนกลับไปแล้วตั้งใจหลบการโจมตีต่อจนถึงกระทั่งความเงียบเข้าปกคลุมเราทั้งสองและสีหน้าของคุณแม่โทเรียลเปลี่ยนไป... เธอเสมองไปทางอื่นโดยไม่หันมามองหน้าฉัน ใบหน้านั้นดูเศร้าหมองและราวกับกำลังฝืนโจมตีใส่ฉันที่เริ่มหมดแรง
“ฉันรู้นะว่ายังไงเธอก็อยากกลับบ้าน...
แต่ว่าได้โปรดกลับขึ้นไปเถอะนะ”
คุณแม่โทเรียลหยุดการโจมตี เธอยืนนิ่ง
ดวงตาสีน้ำตาอ่อนพลันเอ่อไปด้วยน้ำตา...
“ฉันสัญญานะว่าฉันจะดูแลเธออย่างดี
ฉันรู้นะว่าเราไม่มีอะไรเท่าไหร่หรอกแต่ว่า...”
“...”
“ฉันจะทำให้มันดีขึ้นได้นะ...”
“ไม่ค่ะ... คุณแม่ได้โปรดเข้าใจหนูเถอะ หนูอยากกลับบ้าน”
คุณแม่โทเรียลเงียบไป
เธอยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกพร้อมกับยิ้มให้กับฉันอย่างอ่อนโยน
ถึงแม้แววตาของเธอจะเต็มไปด้วยความเศร้าก็ตาม
“ฉันนี่มันแย่จังเลยนะ
ฉันไม่สามารถรักษาเอาไว้ได้แม้กระทั่งเด็กคนเดียว...”
“แม่คะ...”
“ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ... เธออาจจะไม่มีความสุขถ้าเธอถูกบังคับให้อยู่ที่นี่”
คุณแม่โทเรียลเดินเข้ามาหาฉัน
สองแขนใหญ่ยกขึ้นมาโอบรอบตัวฉันเอาไว้... มันเป็น ‘การกอด’
ที่ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นที่สุดที่เคยได้สัมผัส น้ำตาของฉันไหลออกมาอย่างสุดกลั้น
สองแขนกอดตอบคุณแม่โทเรียลด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายออกมาได้
หนูขอโทษ...
“หลังจากที่เธอออกไปแล้ว
ได้โปรดอย่ากลับมาอีกเลยนะ... ฉันหวังว่าเธอคงจะเข้าใจ”
อ้อมกอดอบอุ่นถูกคลายออกก่อนที่คุณแม่โทเรียลจะเดินออกไปจากที่นั่น...
“ลาก่อนนะ... เด็กดีของฉัน”
แวบหนึ่งฉันเหลือบหันไปมองแผ่นหลังของเธอเล็กน้อยก่อนจะเปิดประตูออกไป
แผ่นหลังนั้นให้ความรู้สึกต่างไปจากตอนที่ฉันมาเป็นอย่างมาก
ถึงแม้ฉันจะอยากกลับไปหาคุณแม่โทเรียลมากขนาดไหน
แต่ฉันก็ต้องบังคับร่างกายตัวเองให้ออกไปจากสถานที่นี้โดยเร็วที่สุด!
ลาก่อนนะคะ...
หลังประตูบานนั้น มีทางเดินที่ไกลแสนไกลรอฉันอยู่เบื้องหน้า ฉันเดินต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ ความมุ่งมั่นที่จะออกไปจากที่นี่ทำให้ฉันไม่กลัวปิศาจตนไหนที่จะเข้ามาโจมตี แต่ทว่าพอเดินมาจนสุดทาง...
“ฉลาดดีนะ... ฉลาดมากกกกกกกกก!!”
บางทีฉันอาจจะรู้สึกดีกว่านี้ถ้าฉันไม่เจอเจ้าดอกไม้มีหน้ากลีบสีทองสไวนี่
-_-^
“เธอคิดว่าเธอฉลาดมากเลยใช่ไหม? ในโลกนี้น่ะ
มันก็แค่ฆ่าหรือถูกฆ่าเท่านั้นแหละ!”
เจ้าดอกไม้สีทองนั่นพูด ฉันยืนนิ่งถอนหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน
หลังจากที่หลบการโจมตีของคุณแม่โทเรียลมานับครั้งไม่ถ้วน
ทำให้ร่างกายของฉันรู้สึกอ่อนล้าจะอยากจะนอนพักในที่สบายๆ สักที
แต่กลับต้องมาเจอเจ้าดอกไม้บ้านี่ซะอีก...
ฉันน่ะอยากจะเหยียบแกให้หายๆ ไปซะจริงๆ !!
“ถึงแม้ว่าเธอจะเล่นไปตามกฎ
ถึงแม้ว่าเธอจะไว้ชีวิตคนๆ หนึ่ง”
ฉันก้าวท้าวเดินผ่านเจ้าดอกไม้นี่ไปโดยพยายามที่จะไม่สนใจมัน แต่ประโยคถัดไปจากนั้นที่มันพูดทำให้ฉันชะงัก...
“ฮะๆ แต่อย่าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไปหน่อยเลย
ฉันรู้นะว่าเธอทำอะไรเอาไว้”
“...”
“เธอฆ่าเขา...
แล้วเธอก็กลับไปเริ่มใหม่เพราะว่าเธอรู้สึกผิด”
กึก... ฉันกำมือแน่น พยายามอดทนกับสิ่งที่มันพูดและพยายามข่มความโกรธเอาไว้ในใจ
ไม่... ฉันจะไม่ฆ่าใครอีก ถึงแม้ว่ามันจะเป็นไอ้ดอกไม้บ้านี่ก็ตาม!
“ฮะๆ เจ้าเด็กหน้าโง่!
เธอคิดว่าเธอเป็นคนเดียวที่มีพลังนั่นใช่ไหม? พลังที่จะใช้เปลี่ยนแปลงโลกใบนี้”
“...”
“ด้วยความมุ่งมั่นของเธอนั่น
ทำให้เธอมีความสามารถของพระเจ้า!”
“...”
“ความสามารถในการ SAVE”*
ไม่รู้ว่าทำไมประโยคนั้นทำให้ฉันขนลุกราวกับว่าเจ้าดอกไม้นี่กำลังกุมความลับของฉันเอาไว้ ทั้งที่ความจริงแล้วฉันไม่รู้อะไรด้วยซ้ำ ว่าที่จริงแล้วมันเกิดขึ้นได้ยังไงและ... เพราะอะไร?
“ตอนแรกฉันก็นึกว่าฉันเป็นคนเดียวที่มีพลังนั่น
แต่ว่าฉันบันทึกมันไม่ได้อีก
เพราะว่าพลังความมุ่งมั่นของเธอมันดันก้าวข้ามผ่านพลังของฉันไป”
“...”
“เฮอะ!
เพลิดเพลินไปกับพลังนั่นตราบเท่าที่เธอทำได้ก็แล้วกันนะ!”
“...”
“แล้วฉันจะคอยดู!!”
แล้วเจ้าดอกไม้นั่นก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง เมื่อฉันหันกลับไปมองก็พบว่ามันได้อันตรธานหายไปแล้ว! ให้ตายสิ! เจ้าดอกไม้บ้านั่นเอาเรื่องงี่เง่าพวกนั้นมาจากไหนกันนะ
ตั้งสติเอาไว้สิฟริค! เรื่องนี้มันต้องไม่ใช่เรื่องอย่างที่เจ้าดอกไม้บ้านั่นพูด!!
แน่นอน... มันต้องไม่ใช่แบบนั้น!!
โปรดติดตามตอนต่อไป...
ความคิดเห็น