คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #35 : บทที่ 9 : ทอม ริดเดิ้ล (2)
บทที่ 9 : ทอม ริดเดิ้ล (2)
ดัมเบิลดอร์ดึงเก้าอี้ไม้แข็งๆ
มานั่งลงข้างๆ ริดเดิ้ล ทำให้ทั้งคู่ดูเหมือนคนไข้ในโรงพยาบาลและคนมาเยี่ยมไข้
‘ฉันคือ
ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์’
‘ศาสตราจารย์เหรอ’ ริดเดิ้ลทวนคำ เขาดูระแวดระวัง ‘เหมือนคำว่า นายแพทย์ รึเปล่า คุณมาทำอะไรที่นี่ เขาให้คุณมาตรวจผมเหรอ’ เขาชี้ไปทางประตูที่คุณโคลเพิ่งจะออกไป
‘เปล่า
ไม่ใช้หรอก’ ดัมเบิลดอร์ตอบยิ้มๆ
‘ผมไม่เชื่อคุณหรอก’ ริดเดิ้ลบอก ‘เขาต้องการให้คุณมาดูผมใช่ไหมล่ะ
บอกความจริงมานะ!’
เขาพูดประโยคสุดท้ายด้วยเสียงก้องกังวานและเต็มไปด้วยพลังอย่างน่าตกใจ
มันเป็นคำสั่งและฟังดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้เขาเคยออกคำสั่งนี้มาหลายครั้งแล้ว
ดวงตาของเขาเบิกกว้างและจับจ้องมายังดัมเบิลดอร์ซึ่งไม่ได้โต้ตอบอะไรไปแต่ยังคงยิ้มออกมาอย่างแช่มชื่น
สองสามวินาทีหลังจากนั้น ริดเดิ้ลเลิกจ้องแต่เขายังคงมีท่าทางหวาดระแวงอยู่
‘คุณเป็นใคร’
‘ฉันบอกเธอแล้ว’
ดัมเบิลดอร์กล่าว ‘ฉันคือศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์และฉันทำงานในโรงเรียนที่ชื่อว่าฮอกวอตส์
ฉันมาที่นี่เพื่อบอกเธอว่าเธอสามารถไปเรียนที่โรงเรียนของฉันได้ถ้าหากเธออยากไป’
ปฏิกิริยาของเด็กชายที่มีต่อเรื่องนี้น่าพิศวงมาด
เขากระโจนลุกขึ้นจากเตียงและถอยออกห่างจากดัมเบิลดอร์ท่าทางเกรี้ยวกราด
‘คุณหลอกผมไม่ได้! ผมไม่ไปหรอก!!’
‘ฉันไม่ได้มาจากโรงพยาบาลบ้า’ ดัมเบิลดอร์ตอบอย่างใจเย็น ‘ฉันเป็นครูและถ้าเธอนั่งลงเงียบๆ
ฉันจะเล่าให้เธอฟังเรื่องฮอกวอตส์
และแน่นอนว่าถ้าหากเธอไม่อยากไปเรียนที่นั่นก็จะไม่มีใครบังคับเธอ’
‘ผมอยากเห็นพวกเขาลองบังคับดู’ ริดเดิ้ลพูดพลางยิ้มเยาะ เดรโกรู้สึกคุ้นรอยยิ้มนั้นอย่างประหลาด
‘ฮอกวอตส์’ ดัมเบิลดอร์พูดต่อ ‘เป็นโรงเรียนสำหรับคนที่มีความสามารถพิเศษ’
‘ผมไม่ได้บ้า!!’
‘ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้บ้า
ฮอกวอตส์ไม่ใช่โรงเรียนสำหรับคนบ้า มันเป็นโรงเรียนสอนเวทมนตร์คาถา’
‘เวทมนตร์เหรอ?’ เขาทวนคำ
‘ถูกต้อง’
‘ผมรู้ว่าผมไม่เหมือนคนอื่น’ เริดเดิ้ลกระซิบ ‘ผมรู้ว่าผมเป็นคนพิเศษ
ผมรู้มาตลอดว่ามีอะไรสักอย่าง’
‘เธอคิดถูกแล้ว’ ดัมเบิลดอร์บอกและจับตาดูริดเดิ้ลอย่างพินิจ ‘เธอเป็นพ่อมด’
ริดเดิ้ลเงยหน้าขึ้น
ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปดูเหมือนจะมีความสุขขึ้น
แต่ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่างมันไม่ได้ทำให้หน้าตาของเขาดูน่ามองเลย
ตรงกันข้ามใบหน้าหล่อเหลานั้นดูมีสีหน้าราวกับสัตว์ร้าย
‘คุณเป็นพ่อมดเหรอ’
‘ใช่’
‘พิสูจน์สิ!’ ริดเดิ้ลพูดทันทีด้วยน้ำเสียงเชิงออกคำสั่งเหมือนครั้งแรก
ดัมเบิลดอร์เลิกคิ้ว
‘ฉันคิดว่าถ้าเธอตกลงจะเข้าไปเรียน...’
‘ผมไปแน่!’
‘ถ้าอย่างนั้นเธอต้องเรียกฉันว่า
ศาสตราจารย์ หรือพูดว่า ครับ ด้วย’
สีหน้าของเขากระด้างขึ้นมาชั่ววูบก่อนที่เขาจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพจนแทบจำเค้าเดิมไม่ได้
แฮร์รี่และเดรโกหันไปมองหน้ากันด้วยสายตาทึ่งๆ
‘ผมขอโทษครับ
เอ่อ ผมหมายความว่าได้โปรดแสดงให้ผมดูด้วยครับศาสตราจารย์’
จริงๆ
แฮร์รี่และเดรโกแอบคิดว่าดัมเบิลดอร์คงจะปฏิเสธ
เขาจะต้องบอกริดเดิ้ลว่ามีเวลาอีกถมไปที่จะสาธิตให้ดูที่ฮอกวอตส์
แต่ทั้งสองก็ต้องประหลาดใจเมื่อดัมเบิลดอร์ชักไม้กายสิทธิ์ออกมาจากการเป๋าเสื้อสูท
ชี้ไปที่ตู้เสื้อผ้าโทรมๆ ตรงมุมห้องและกระดกไม้กายสิทธิ์อย่างสบายๆ
ทำให้ตู้เสื้อผ้าลุกเป็นไฟ
ริดเดิ้ลกระโดดโหยง ไม่มีใครตำหนิเลยที่เขาจะร้องโวยวายลั่นด้วยความเดือดดาล
แต่ในขณะที่ริดเดิ้ลกำลังโวยวายเปลวไฟก็หายวับไปเหลือแต่ตู้เสื้อผ้าที่ไม่เสียหายเลยแม้แต่นิดเดียว
เขาจ้องมองดูตู้เสื้อผ้าทำหน้าตาอยากได้และชี้ไปที่ไม้กายสิทธิ์ของดัมเบิลดอร์
‘ผมจะไปหาไม้แบบนี้ได้ที่ไหน’
‘เมื่อถึงเวลา’ ดัมเบิลดอร์ตอบ ‘ฉันคิดว่ามีอะไรบางอย่างพยายามออกมาจากตู้ของเธอนะทอม’
เสียงดังกุกกักเบาๆ
ดังมาจากข้างในตู้ เป็นครั้งแรกที่ริดเดิ้ลดูจะตกใจกลัว
‘เปิดตู้’ ดัมเบิลดอร์สั่ง
ริดเดิ้ลลังเลเล็กน้อยแล้วก็เดินข้ามห้องไปดึงบานประตูเปิดออก
ที่ชั้นบนสุดเหนือราวแขวนเสื้อผ้า กล่องกระดาษเล็กๆ หล่องหนึ่งกำลังสั่นกึกๆ
ราวกับมีหนูที่กำลังตื่นกลัวจำนวนมากอยู่ในนั้น
‘เอามันออกมา’ ดัมเบิลดอร์บอก
ริดเดิ้ลยกกล่องที่กำลังสั่นลงมา
มีท่าทางหวาดกลัว
‘มีอะไรในกล่องที่เธอไม่ควรมีรึเปล่า’ ดัมเบิลดอร์ถาม ริดเดิ้ลชั่งใจชั่วครู่
‘ใช่ครับ
ผมคิดว่ามี’ เขาตอบในที่สุด
ด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้ความรู้สึก
‘เปิด’ ดัมเบิลดอร์พูด ริดเดิ้ลเทของที่อยู่ในนั้นลงบนเตียงโดยไม่มองดูมันเลย
‘เธอจะต้องเอาของพวกนี้ไปคืนเจ้าของพร้อมกับขอโทษพวกเขาด้วย’ ดัมเบิลดอร์พูดเสียงเรียบพลางเก็บไม้กายสิทธิ์ ‘ฉันจะรู้ว่าเธอคืนหรือไม่คืนและขอเตือนเอาไว้ว่าเราไม่ยอมให้มีการขโมยเกิดขึ้นในฮอกวอตส์’
‘ครับ
อาจารย์’
‘ที่ฮอกวอตส์
เราไม่เพียงสอนวิธีใช้เวทมนตร์ให้เธอ แต่จะสอนวิธีควบคุมมันด้วย
เธอเคยใช้อำนาจของเธอโดยไม่ตั้งใจและเธอไม่ใช่คนแรกที่ปล่อยให้เวทมนตร์อยู่เหนือการควบคุม
แต่เธอควรรู้ว่าฮอกวอตส์ไล่นักเรียนออกได้’
เดรโกหันไปหรี่ตาใส่แฮร์รี่เมื่อได้นึกขึ้นมาว่าแฮร์รี่ทำผิดกฎโรงเรียนเป็นร้อยข้อแต่กลับไม่เคยถูกไล่ออกเลย
เด็กหนุ่มสวมแว่นจ้องกลับเป็นเชิงให้กลับไปสนใจความทรงจำต่อ
เดรโกจึงหันกลับไปมองดัมเบิลดอร์หนุ่มอีกครั้ง
‘ใช่
และเรามีกระทรวงเวทมนตร์ที่จะลงโทษคนทำผิดกฎหมายอย่างรุนแรง พ่อมดใหม่ทุกคนต้องยอมรับว่าเมื่อเข้ามาอยู่ในโลกของเราเขาต้องอยู่ภายใต้กฎหมายของเรา’
‘ครับ
ศาสตราจารย์’
ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเขาคิดอะไรอยู่
ใบหน้าของริดเดิ้ลว่างเปล่าในขณะที่เขาเก็บของจุกจิกที่ขโมยมาใส่กล่องกระดาษ
เมื่อเสร็จเรียบร้อยเขาหันกลับมาหาดัมเบิลดอร์และพูดตรงๆ ว่า ‘แต่ผมไม่มีเงินเลย’
‘เรื่องนั้นแก้ไขได้ง่าย’ ดัมเบิลดอร์ตอบพลางดึงถุงเงินออกมาจากกระเป๋า ‘ฮอกวอตส์มีกองทุนให้คนที่ต้องการความช่วยเหลือเพื่อซื้อหนังสือและเสื้อคลุม
เธอคงต้องซื้อตำราคาถาและของอื่นๆ’
‘เราไปซื้อตำราได้ที่ไหน’ ริดเดิ้ลพูด
เขารับถุงเงินโดยไม่ใส่ใจที่จะขอบคุณดัมเบิลดอร์และตอนนี้กำลังสำรวจเหรียญทองเกลเลียนอ้วนๆ
‘ที่ตรอกไดแอกอน’ ดัมเบิลดอร์ตอบ ‘ฉันมีรายการหนังสือและของใช้ในโรงเรียนมาด้วย
ฉันไปช่วยเธอหาของทุกอย่างได้...’
‘คุณจะไปด้วยเหรอ?’ ริดเดิ้ลถาม
‘ถ้าเธอต้องการ’
‘ไม่ครับ’ ริดเดิ้ลบอก ‘ผมชินกับการทำอะไรเพียงลำพัง
แล้วจะไปตรอกไดแอกอนได้ยังไงครับ’
ดัมเบิลดอ์ส่งซองจดหมายที่มีรายการต่างๆ
ให้กับริดเดิ้ลและหลังจากบอกวิธีเดินทางจากโรงเลี้ยงเด็กกำพร้าไปร้านหม้อใหญ่รั่วอย่างชัดเจนแล้วเขาก็กล่าวว่า
‘เธอจะเห็นร้านนั้นได้แม้ว่าพวกมักเกิ้ลหรือพวกไม่มีเวทมนตร์อยู่รอบตัวเธอจะไม่เห็น
ถามหาทอมคนขายเหล้าที่บาร์... จำได้ง่ายเพราะเขาชื่อเหมือนเธอ’
ริดเดิ้ลสะบัดหัวนิดหน่อยอย่างหงุดหงิดราวกับไม่พอใจอะไรบางอย่าง
‘เธอไม่ชอบชื่อทอมงั้นเหรอ’
‘มีทอมตั้งเยอะแยะ’ ริดเดิ้ลพึมพำ ‘พ่อผมเป็นพ่อมดรึเปล่าที่ชื่อ ทอม
ริดเดิ้ล อะไรนั่นน่ะ’
‘ฉันเสียใจนะ
แต่ฉันไม่รู้หรอก’ ดัมเบิลดอร์ตอบอย่างอ่อนโยน
‘อย่างนั้นแม่ผมคงไม่มีเวทมนตร์
ไม่งั้นเขาก็ไม่ตาย’
เหมือนริดเดิ้ลพูดกับตัวเองมากกว่าดัมเบิลดอร์ ‘คงต้องเป็นพ่อแน่! แล้วพอผมได้ของทุกอย่างแล้วผมจะไปฮอกวอตส์ได้เมื่อไหร่ครับ’
‘รายละเอียดทั้งหมดอยู่ในกระดาษแผ่นที่สองในซอง’ ดัมเบิลดอร์ตอบ ‘เธอจะออกเดินทางจากสถานีรถไฟคิงส์ครอสวันที่หนึ่งกันยายน
มีตั๋วรถไปแล้วในนั้น’
ริดเดิ้ลพยักหน้า
ดัมเบิลดอร์ลุกขึ้นยืนและยื่นมือออกไป ริดเดิ้ลจับมือเขาเขย่าเบาๆ
‘ผมพูดกับงูได้ด้วย
มันมาหาผม กระซิบกับผม นี่เป็นเรื่องธรรมดาของพ่อมดรึเปล่าครับ’
เดรโกและแฮร์รี่มองหน้ากันเล็กน้อย
‘เป็นเรื่องไม่ปกติ’
ดัมเบิลดอร์ตอบ ‘แต่ไม่ใช่ว่าไม่เคยมี’
“ฉันคิดว่าพอแค่นี้ล่ะนะ”
ดัมเบิลดอร์ผมขาวที่ยืนอยู่ด้านหลังของทั้งสองเอ่ยขึ้นและอึดใจต่อมาพวกเขาก็เหาะลอยขึ้นผ่านความมืดมิดอีกครั้ง
ก่อนจะกลับมายืนตรงที่เดิมในห้องทำงานเวลาปัจจุบัน
“เขาเชื่อเร็วกว่าผมเยอะเลย”
แฮร์รี่บอก “หมายความว่าตอนที่อาจารย์บอกเขาว่าเขาเป็นพ่อมดน่ะครับ
ตอนแฮกริดบอกตอนแรกผมยังไม่เชื่อเลย”
“ริดเดิ้ลพร้อมที่จะเชื่อเต็มที่ว่าเขาน่ะพิเศษ” ดัมเบิลดอร์ตอบ
“แล้วอาจารย์รู้ตั้งแต่ตอนนั้นเลยรึเปล่าครับ”
เดรโกเอ่ยถาม
“ฉันรู้รึเปล่าว่าเพิ่งได้พบพ่อมดฝ่ายมืดที่อันตรายที่สุดเท่าที่มีมาน่ะเหรอ?”
ดัมเบิลดอร์ตอบ “เปล่าเลย ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะโตมาเป็นแบบที่เขาเป็นในตอนนี้
ยังไงก็ตามฉันสนใจเขามากเป็นพิเศษ
ฉันกลับไปที่ฮอกวอตส์ตั้งใจว่าต้องจับตาดูเขาซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันควรทำอยู่แล้วไม่ว่าจะยังไงก็ตาม
เพราะเขาตัวคนเดียวและไม่มีเพื่อนเลย
ฉันรู้สึกว่าฉันควรจะทำเพื่อประโยชน์ของคนอื่นๆ พอๆ กับของเขาเอง”
เดรโกกับแฮร์รี่มองหน้ากันก่อนจะหันกลับไปหาดัมเบิลดอร์
“อย่างที่เธอได้ยิน
อำนาจของเขาพัฒนาไปมากจนน่าประหลาดใจ สำหรับพ่อมดอายุน้อยขนาดนั้น
และเขาค้นพบแล้วด้วยว่าเขาสามารถควบคุมอำนาจนั้นและเริ่มใช้มันอย่างจงใจ อย่างที่เธอเห็นว่ามันไม่ใช่การทดลองแบบเดาสุ่มของพ่อมดเด็กทั่วไป
เขาใช้เวทมนตร์กระทำต่อผู้อื่น ข่มขู่ ลงโทษ บังคับ”
“เขาเป็นพาร์เซลเมาท์ด้วยนะครับ”
แฮร์รี่แทรกขึ้นมา
“ใช่แล้ว
เป็นความสามารถที่หาได้ยากและใครๆ มักจะคิดว่าเกี่ยวข้องกับศาสตร์มืด
แต่เท่าที่รู้ในบรรดาผู้ยิ่งใหญ่และคนดีๆ ก็มีพวกพาร์เซลเมาท์อยู่ด้วยเช่นกัน
ที่จริงความสามารถในการพูดกับงูได้ของเขาไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจเท่ากับสัญชาตญาณที่เด่นชัดเรื่องความโหดร้าย
การชอบปกปิดและความอยากมีอำนาจเหนือคนอื่น”
ดัมเบิลดอร์หยุดพูด
เงยหน้าขึ้นมองนาฬิกา
“เวลาเล่นตลกกับเราอีกแล้วนะ”
ดัมเบิลดอร์ว่า “แต่ก่อนที่เราจะจากกัน
ฉันอยากให้พวกเธอสนใจลักษณะบางประการกับสิ่งที่เราเพิ่งเห็นกันมา
เพราะว่ามันจะมีส่วนสำคัญในการกำหนดทิศทางเรื่องที่เราจะปรึกษาหารือกันในการพบปะคราวต่อๆ
ไป”
ทั้งสองเงียบและตั้งใจฟัง
“ประการแรก
ฉันหวังว่าพวกเธอคงจะสังเกตปฏิกิริยาของริดเดิ้ลเมื่อฉันเอ่ยชื่อคนที่ใช้ชื่อต้นว่า
‘ทอม’ เหมือนกัน” เดรโกพยักหน้า “เขาแสดงความดูถูกอะไรก็ตามที่ผูกพันเขาไว้กับคนอื่น
อะไรก็ตามที่ทำให้เขาเป็นคนธรรมดา
แม้แต่เวลานั้นเขาก็ปรารถนาที่จะแตกต่างออกมาและมีชื่อกระฉ่อน อย่างที่พวกเธอรู้
เขาสลัดชื่อเขาทิ้งไม่กี่ปีหลังจากการสนทนาครั้งนั้นและประดิษฐ์หน้ากากของ ‘ลอร์ดโวลเดอมอร์’ ขึ้นมา
ซึ่งเขาซ่อนตัวอยู่หลังมันมานานมากแล้ว”
“ผมเดาว่าเขาคงไม่ชอบที่จะพึ่งใคร”
เดรโกว่า
“ใช่
เขาชอบเก็บงำความลับและดูไม่มีเพื่อน เขาไม่ต้องการความช่วยเหลือเพื่อเดินทางไปตรอกไดแอกอน
เขาพอใจที่จะทำงานเพียงคนเดียว โวลเดอมอร์ในวัยผู้ใหญ่ก็เป็นอย่างนี้แหละ
เธอจะได้ยินผู้เสพความตายหลายคนโอ้อวดว่าเป็นที่ไว้วางใจของเขา
บอกว่าตัวเองนี่แหละที่ใกล้ชิดกับโวลเดอมอร์ กระทั่งเข้าใจเขาเชียวล่ะ”
เดรโกนึกถึงใบหน้าของป้าเขา
เบลาทริกซ์ เลสแตรงจ์ที่หล่อนมักจะพูดอยู่บ่อยๆ
ว่าจอมมารไว้ใจหล่อนเพราะหล่อนเป็นผู้ที่ซื่อสัตย์ที่สุดและใกล้ชิดเขามากที่สุด
“แต่คนพวกนั้นล้วนหลงละเมอ" ดัมเบิลดอร์พูดต่อ "ลอร์ดโวลเดอมอร์ไม่เคยมีเพื่อนและฉันเชื่อว่าเขาไม่เคยต้องการเพื่อนเลยด้วยซ้ำ ประการสุดท้าย เด็กชายทอมริดเดิ้ลชอบสะสมของที่ระลึก พวกเธอเห็นกล่องใส่ของที่เขาขโมยมาแล้วใช่ไหม ของพวกนั้นเอามาจากเหยื่อที่ถูกเขารังแก เธออาจจะเรียกว่าของที่ระลึกถึงเวทมนตร์ต่างๆ ที่ไม่น่าอภิรมย์เลย จำนิสัยนี้ของเขาให้ดีเพราะนิสัยนี้แหละจะสำคัญอย่างยิ่ง"
"แล้ว..." อยู่ๆ เดรโกก็เอ่ยขึ้น ดัมเบิลดอร์และแฮร์รี่รอฟังคำพูดของเขาอย่างใจจดใจจ่อ "คุณคิดว่าริดเดิ้ลเคยมีลูกชายไหมครับ"
สีหน้าของดัมเบิลดอร์ดูประหลาดใจในขณะที่แฮร์รี่ขมวดคิ้ว เดรโกคิดเรื่องนี้มาสักพักตั้งแต่เห็นหน้า ทอม ริดเดิ้ลพ่อของโวลเดอมอร์ในครั้งแรกแล้วว่าเขาดูเหมือนใครบางคนอย่างน่าประหลาด บางทีคนๆ นั้นอาจจะเกี่ยวข้องกับโวลเดอมอร์มากกว่าที่คิดก็เป็นได้
"ฉันยังไม่มั่นใจในเรื่องนั้นเดรโก" ดวงตาสีฟ้ามองเขาผ่านกรอบแว่นรูปครึ่งวงพระจันทร์ ความรู้สึกผิดในใจก่อตัวขึ้นมาทันที ภารกิจที่เขาได้รับจากโวลเดอมอร์คือการสังหารพ่อมดที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ แต่ที่เลวร้ายกว่านั้นคือดัมเบิลดอร์กำลังรับรู้การกระทำของเขาอยู่และยังให้เขาเข้ามาล่วงรู้เกี่ยวกับเรื่องของโวลเดอมอร์อีกด้วย เดรโกยังคงสงสัยอยู่ภายในลึกๆ ว่าจริงๆ แล้วดัมเบิลดอร์ต้องการอะไรกันแน่
ปีที่แล้วดัมเบิลดอร์เรียกเขาและแฮร์รี่ไปพบและพูดคุยเรื่องที่กำลังทำและคำทำนายของเฮเลนส่วนหนึ่ง ดัมเบิลดอร์เป็นคนบอกให้เขายอมรับภารกิจนี้เพื่อไม่ให้จอมมารนั้นสงสัยและเพื่อปกป้องแม่และเธอเอาไว้โดยการเดินตามแผนของจอมมารไปอย่างเงียบๆ รวมไปถึงทำการมาเข้าพบเขาตามนัดทุกครั้งที่เขาต้องการและทุกครั้งนั้นต้องมีแฮร์รี่ สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้มากที่สุดคือความปรารถนาของเขาในวัยเด็กเหมือนจะสมหวังเพราะเขากับแฮร์รี่เหมือนกับเป็นเพื่อนและคู่กัดกันไปในตัว
ถึงอย่างนั้นแฮร์รี่ไม่ว่าอะไรเรื่องที่เขาบอกกับเฮเลน
เดรโกเคยพูดกับแฮร์รี่เรื่องนี้ครั้งหนึ่งบนรถไฟ
เขาเองก็โมโหอยู่นิดหน่อยที่แฮร์รี่แอบมาฟังตอนที่เขากำลังคุยอยู่ในกลุ่มเพื่อนบ้านสลิธีริน
แต่เขาก็ได้ขยายความตั้งแต่ที่ดัมเบิลดอร์นัดพบกันครั้งแรกแล้วว่ามันคืออะไรและสิ่งที่ทั้งสองตกลงกันไว้ไม่ได้ผิดแต่ประการใด
เพียงแต่ว่าต้องการที่จะปกป้องเธอให้พ้นจากภัยอันตราย นอกจากนั้นพวกเขาก็รู้อยู่แก่ใจแล้วว่ายังไงก็ต้องทำให้เธอปลอดภัย
ถึงชะตากรรมอยากจะเล่นตลกก็ตาม
"ทำไมเธอถึงคิดว่าลอร์ดโวลเดอมอร์จะมีลูกชายล่ะ"
ดัมเบิลดอร์เอ่ยถามหลังจากเขาปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบคลุมอยู่นานพอสมควร “ความเป็นไปได้มีน้อยมากเชียวนะ
เพราะเขาเป็นผลที่เกิดมาจากยาเสน่ห์”
"เปล่าครับ
มีใครบางคนที่ผมคิดว่าดูเหมือนเขามาก" เดรโกพูดต่อ
"ใครบางคนที่อายุน้อยกว่าเราสองคนถึงสองปีแถมยังน่าสงสัยมาก"
"นายหมายถึงแท็คสินะ"
แฮร์รี่พูดต่อ "มันก็น่าสงสัยจริงๆ นั่นแหละ
ฉันเองก็คิดว่าเขาอาจจะเกี่ยวอะไรกับพวกนั้น แต่เขาก็อยู่ในภาคีตลอด"
"ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้หรอกแฮร์รี่"
ดัมเบิลดอร์ว่า "แต่ก็ไม่มีหลักฐานพิสูจน์เรื่องนี้เช่นกัน -- และฉันว่าบางทีทุกสิ่งทุกอย่างอาจไม่ได้เป็นไปอย่างที่พวกเธอคิดทั้งหมดก็ได้"
ดัมเบิลดอร์ยิ้มอย่างชาญฉลาดในขณะที่เดรโกแอบเห็นฟินีแอส
ไนเจลลัสกลับมาที่กรอบรูปของเขาแล้วด้วยใบหน้าถมึงทึง
คงจะไม่พอใจที่เห็นสภาพบ้านหลังถูกขโมยกระมัง
“แต่ศาสตราจารย์ครับ”
แฮร์รี่พูดอีกครั้ง “ผมรู้สึกได้ว่าหลายครั้งแท็คทำอะไรหลายอย่างที่ไม่เหมือนคนอื่น”
“ยังไงงั้นเหรอ?”
ดัมเบิลดอร์ภามกลับ
“เขาดูจะชอบใจทุกครั้งที่ผมเสี่ยงอันตราย”
แฮร์รี่ว่า “อีกอย่างช่วงหนึ่งที่ผมเห็นคุณวีสลีย์ที่กระทรวง
มีแท็คคนเดียวที่ไม่ถามจุกจิกอะไรเรื่องนี้เหมือนเขารู้ทุกอย่างอยู่แล้วเลยครับ”
“อ้า...”
ดัมเบิลดอร์ทำท่าเหมือนคิดอะไรออก “งั้นเราก็คงมีการบ้านเพิ่มอีกอย่างหนึ่งใช่ไหม?”
พ่อมดชรายิ้มกว้างมองมายังทั้งสองคนอย่างมีความหาย เดรโกหันไปสบตากับแฮร์รี่และยิ้มออกมา
“เอาล่ะ
ถึงเวลาที่จะต้องไปแล้ว” เขายิ้ม “พวกเธอก็คงรู้ว่าจะต้องทำอะไร
ราตรีสวัสดิ์นะทั้งสองคน”
เดรโกกับแฮร์รี่พยักหน้าพร้อมกับบอกลาดัมเบิลดอร์และเดินออกจากห้องไปพร้อมกัน
เด็กหนุ่มสวมแว่นตากลมพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ
พลางทำหน้าราวกับว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างที่บอกใครไม่ได้อยู่
เดรโกขมวดคิ้วมองหน้าแฮร์รี่นิดหน่อยก่อนจะเปิดประเด็นขึ้นทำลายความเงียบ
“เฮเลนเป็นไงบ้าง”
“หือ?”
แฮร์รี่เลิกคิ้ว “ตอนที่นายบอกเรื่องนั้นไป ก็ซึมๆ ไปนิดหน่อย
ฉันไม่แน่ใจว่าที่ยังยิ้มหรือหัวเราะในช่วงนั้นเพราะเฮอร์ไมโอนี่รึเปล่า”
แฮร์รี่ถอนหายใจนิดหน่อยในขณะที่พวกเขาก้าวผ่านรูปปั้นสัตว์ประหลาดออกไป
“ส่วนเมื่อวันก่อนฉันเผลอพูดอะไรไม่ดีใส่เขาไปเหมือนกัน”
แฮร์รี่ก้มหน้า “แต่มันก็เพื่อเขาเองนั่นแหละ”
“นั่นสินะ” เดรโกพูด
“จริงๆ ฉันก็ไม่ได้รู้สึกดีนักหรอกที่ต้องมาทำเมินตลอดแบบนี้น่ะ”
“ฉันก็ว่างั้น..." แฮร์รี่ว่า "นายรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าสักวันหนึ่งเฮเลนจะต้องตาย”
เดรโกสะอึก และพยักหน้าให้เขาเบาๆ ดวงตาสีฟ้าซีดเหม่อมองไปในความมืดตามระเบียงทางเดินเบื้องหน้า พลันสมองคิดถึงวันที่เฮเลนไม่อยู่หรือภาพที่เธอกำลังนอนหลับโดยที่เขารู้อยู่แก่ใจว่าเธอจะไม่มีวันลืมตาขึ้นมามองและพูดคุยกับเขาอีกแล้วมันก็แทบจะทนไม่ได้
เขายอมให้เธอเกลียดเสียยังจะดีกว่า
"รู้" เขาตอบ "ฉันถึงทำทุกอย่างให้ยัยนั่นอยู่ห่างๆ ฉัน เพราะสิ่งที่ฉันต้องทำมันเสี่ยงเกินไป"
เดรโกถอนหายใจออกมาเบาๆ อีกรอบ
"แล้วคนที่ส่งสร้อยให้แคตี้ เป็นนายใช่ไหม" แฮร์รี่ถามตรงๆ
"ไม่ใช่หรอก" เขาส่ายหน้า "ฉันโดนให้ทำการบ้านทั้งหมดแถมคัดลายมือยาวเป็นพรืด ได้ออกมาอีกที ห้องนั่งเล่นก็มีแต่นักเรียนเต็มแล้ว"
เดรโกยักไหล่น้อยๆ เขาบอกลาแฮร์รี่เมื่อถึงทางขึ้นบันไดเวียนและเดินตรงกลับไปยังห้องนั่งเล่นของตัวเองในทันทีโดยไม่ลืมที่จะกำชับแฮร์รี่ว่าไม่ให้บอกเรื่องเขากับเฮเลน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม....
แสงจันทร์สีนวลสาดส่องผ่านหน้าต่างบานใหญ่บานเดิมเหมือนดังเช่นทุกคืน
กระแสลมอ่อนๆ พัดผ่านนำพาใบไม้ใบเล็กๆ ปลิวผ่านหน้าต่างไป
ดวงตากลมโตสีเขียวมรกตเหม่อมองใบไม้ใบนั้นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า
ไม่รู้ว่านี่เป็นคืนที่เท่าไหร่แล้วที่เฮเลนไม่รู้สึกอยากจะหลับตาลงเลยแม้แต่วินาทีเดียว
มือเล็กกำกระดาษสีน้ำตาลอ่อนที่ดูเหมือนจะยับยู่ยี่เนื่องจากถูกเปิดอ่านมานับครั้งไม่ถ้วน
ความรู้สึกอยากจะหนีไปให้พ้นๆ
จากที่นี่ก่อตัวขึ้นมาเต็มหัวใจ รอยแผลเป็นบนหน้าผากที่เริ่มรู้สึกแสบร้อนมากขึ้นทุกวันทำให้เฮเลนสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของลอร์ดโวลเดอมอร์ที่กำลังหงุดหงิดเรื่องอะไรบางอย่างที่เธอนั้นก็ไม่เข้าใจ
แฮร์รี่ก็แทบไม่ได้บอกอะไรให้เธอรู้เลยสักอย่าง
เพื่อนทั้งสองก็มีแต่ความลับและชอบอ้างว่าเพื่อให้เธอนั้นสบายใจพวกเขาจึงขอไม่เอ่ยปากบอกอะไร
ทุกวันผ่านไปอย่างยากลำบาก
ความสุขที่เคยมีทุกครั้งที่อยู่ที่ฮอกวอตส์ราวกลับกำลังค่อยๆ
เลือนหายไปพร้อมกับความทรงจำบางอย่างในสมองของเธอเอง
เธอเดาไม่ออกอีกแล้วว่าต่อจากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้นอีกบ้าง
ยิ่งนานวันเรื่องราวกลับดำเนินไปโดยที่เธอไม่สามารถพูดได้เต็มปากเลยว่ามันจะต้องเกิดขึ้น
มันกำลังเปลี่ยนแปลง...
ยิ่งไปกว่านั้นความสามารถในการพยากรณ์ของเธอยิ่งเริ่มเด่นชัด
เธอสามารถมองเห็นอะไรหลายอย่างผ่านลูกแก้วพยากรณ์ได้เกือบทั้งหมด แต่ว่ามันกลับรวดเร็วมากเสียจนเธอมองไม่ออกว่าสมควรจะเป็นอะไรหรือเกิดอะไรขึ้นในลูกแก้วนั้นกันแน่ต่างจากเมื่อก่อนที่มองเห็นได้ชัดเจนแต่ว่าไม่สามารถทำนายได้ดังใจต้องการเหมือนดังตอนที่อ่านจดหมายฉบับนี้...
เฮเลนก้มมองกระดาษใบเล็กในมืออีกครั้ง
จดหมายที่เดรโกส่งให้เธอเพียงฉบับเดียวในช่วงหน้าร้อน มันไม่มีเนื้อหาอะไรมากมาย
ไม่ได้มีใจความสำคัญอะไรนักแต่มันกลับเป็นข้อความที่ทำให้เธอยิ้มได้ทุกครั้งที่เปิดออกอ่านแต่ในตอนนี้มันกลับไม่ได้เป็นแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว
ถึงยัยเพี้ยนของฉัน
ปิดเทอมหน้าร้อนแล้ว
ฉันไม่ได้ออกไปไหนเลยแถมกีตาร์ก็ถูกแม่ยึดไปอีก มันน่าเบื่อมากเลยรู้ไหมที่ต้องขลุกตัวอยู่แต่ในห้องของตัวเองแล้วก็รอจดหมายจากยัยโง่อย่างเธอ
ฉันน่ะอยากเจอเธอจะแย่ แต่เธอก็ไม่ยอมเขียนมาหาฉันก่อนเลยนะ ต้องให้ฉันเขียนไปหาก่อนตลอดเลยรึไงกัน
เอาเป็นว่าฉันขอเขียนแค่สั้นๆ
ก็พอ ‘ฉัน คิดถึง เธอ’
โอเค
มันก็มีเท่านี้นั่นแหละ อ้อ! อีกอย่างหนึ่ง
เห็นว่าเจ้าพี่น้องครีฟวัล... ครีฟเวอร์... เออ ช่างเหอะ!
เจ้าเด็กสองคนบ้านกริฟฟินดอร์นั่นถ่ายรูปเอาไว้ใช่ไหมล่ะ
ถ้าพวกนั้นส่งรูปมาแล้วฉันขอสักใบก็แล้วกัน อย่าลืมแนบมันมาด้วยล่ะ
และที่สำคัญที่สุด -- ฉันรักเธอนะ ♥
ฉันสัญญาว่าจะรักเธอให้มากเท่าที่คนคนหนึ่งจะรักได้
แล้วก็ขอบคุณนะ ที่เข้ามาทำให้ฉันมีความสุขได้มากขนาดนี้
ปล. คราวนี้ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้เทิร์นเนอร์เอาของขวัญไปส่งเธออีกแล้วล่ะ พอกันที!
ดวงตากลมโตกวาดมองตัวอักษรที่เขียนด้วยลายมือหวัดๆ
ไม่เรียบร้อยนั้นอีกครั้งหนึ่ง
ริมฝีปากบางเผยยิ้มออกมาอย่างไม่ตั้งใจพร้อมกับน้ำใสๆ รื้นขึ้นมาที่ขอบตา
อีกครั้งที่เธออ่านจนหมายฉบับนี้แล้วรู้สึกดีใจว่าเขาคิดถึงเธอแต่เมื่อได้คิดว่าจะไม่มีวันได้ยินคำนี้อีกแล้วน้ำตามันก็พาลจะไหลลงมาอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
เฮเลนรู้สึกว่าทำแบบนี้ไปมันก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นแต่เธอก็ยังทำมัน ในทุกๆ
คืนโดยพยายามเก็บเสียงสะอื้นของตัวเองเอาไว้ให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้
ในใจปรารถนาขอให้เฮอร์ไมโอนี่หลับไปและไม่ตื่นขึ้นมาได้ยินเสียงของเธอเข้าตอนกลางดึก
เฮเลนพับจดหมายเก็บเข้าไปในหีบก่อนจะเลื่อนมือไปค้นแถวๆ
อุปกรณ์เครื่องเขียนสำรองที่อยู่ทางมุมบนขวาของหีบ
มือเรียวบางเลื่อนไปหยิบรูปภาพสามสี่ใบออกมาจากตรงนั้นและค่อยๆ
เลื่อนดูมันทีละภาพอย่างตั้งใจ คนตัวเล็กๆ
ที่ขยับยิ้มแป้นอยู่ภายในนั้นดูมีความสุขอย่างที่ตอนนี้เธอไม่มี
มันเป็นภาพตอนที่คอลินถ่ายให้ในขณะที่แฮร์รี่หยิบองุ่นมาปาใส่เดรโกและเขาดึงเอวเธอให้มาบังตัวเองเอาไว้และในที่สุดองุ่นลูกนั้นก็พุ่งเข้าใส่กลางหน้าผากของเธอ
รูปที่สองเป็นรูปตอนที่แฮร์รี่กับรอนถูกแอปเปิ้ลขว้างใส่จนรอนหน้าหงายลงไปซบเฮอร์ไมโอนี่
ส่วนรูปที่สามเป็นรูปที่ดีนและเชมัสโดนกระสุนองุ่นปาใส่รัวๆ โดนแครบและกอยล์
ริมฝีปากบางเผยยิ้มอีกครั้งพลางยกมือขวาขึ้นปาดน้ำตาออกไปและรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ดูรูปเหล่านี้
จนในที่สุดดวงตากลมก็เลื่อนมาหยุดที่รูปสุดท้าย
ดวงตากลมโตจับจ้องอยู่บนภาพที่กำลังขยับไปมาน้อยๆ
เบื้องหน้า สองร่างในภาพนั้นกำลังยิ้มให้กันอย่างสดใสที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็น
ร่างสูงใช้มือลูบเบาๆ บนหน้าผากของร่างเล็กอย่างเบามือด้วยสายตาเป็นห่วง
ทั้งสองยิ้มให้แก่กันและสายตาของพวกเขามองคนตรงหน้าราวกับว่านอกเหนือจากคนที่อยู่ตรงนี้แล้วสิ่งอื่นก็ไม่ได้สำคัญ
เด็กสาวยังจำภาพนั้นได้ดี
ดวงตาของเขาในตอนนั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่นและห่วงใย
มันช่างต่างกับแววตาในครั้งที่เธอไปพบเขาที่สนามควิดดิชเสียเหลือเกิน
“พอได้แล้วเฮเลน”
เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมร่างของเฮอร์ไมโอนี่ที่ยันตัวลุกขึ้นจากเตียง
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองมายังใบหน้าของเธอพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ “เลิกทำแบบนี้ได้แล้ว”
“เฮอร์ไมโอนี่”
เฮเลนพูดเสียงแผ่ว “คือฉัน... ไม่ได้เป็นอะไร ฉัน...”
เด็กสาวว่าพลางปาดน้ำตาบนใบหน้าออกไปอย่างลวกๆ
“เธอหลอกฉันไม่ได้หรอกนะ”
เธอว่า “เธอเป็นแบบนี้ทุกคืน เธอรู้ไหมว่าแฮร์รี่เป็นห่วงเธอแค่ไหน”
เฮเลนส่ายหน้าแต่ไม่พูดอะไร
“เธอยังมีเขาอยู่นะ”
เฮอร์ไมโอนี่พูดแล้วส่งยิ้มบางๆ มาให้เธอผ่านแสงจันทร์ “แล้วเธอก็ยังมีเราอยู่”
เจ้าของดวงตาสีเขียวมองใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี่และพยายามจะยิ้มตอบแต่ก็ทำไม่ได้
เฮเลนได้แต่พยักหน้าให้เธอเบาๆ ก่อนที่ทั้งสองจะล้มตัวลงนอนบนเตียงและหลับไป
ติดตามตอนต่อไป...
ความคิดเห็น