คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #32 : บทที่ 6 : ฮอกส์มี้ดอีกครั้ง
บทที่ 6 : ฮอกส์มี้ดอีกครั้ง
ดวงอาทิตย์ที่กำลังอ่อนแรงพยายามทอแสงลอดผ่านหมู่เมฆและฝนพรำๆ
นั้นยังคงโปรยปราย
เสียงตึงตังที่หน้าบ้านของแฮกริดทำให้เฮเลนรู้ว่าบางทีทั้งสามอาจจะกำลังยืนเถียงกับเขาอยู่ที่ด้านหน้าบ้าน
แฮดริกสวมผ้ากันเปื้อนลายดอกไม้ผืนใหญ่และถือกระสอบมันฝรั่งอยู่
เจ้าเขี้ยวหมาล่าหมูตัวใหญ่ส่งเสียงเก่าดังลั่นในขณะที่เฮเลนเดินโงยเงนลงไปจากเนิน
เจ้าเขี้ยวกระโดดใส่เฮอร์ไมโอนี่และรอนและพยายามเลียหน้าเลียตาพวกเขา
แฮกริดปิดประตูใส่ทั้งสามคนในขณะที่เฮเลนเดินลงมาเกือบจะถึงตัวพวกเขาแล้ว
แฮรี่พูดขู่ใส่เขาเสียงดังจนเฮเลนที่ยังเดินไปไม่ถึงยังได้ยิน
“ถ้าคุณไม่เปิดประตู
ผมจะระเบิดประตูคุณนะ!”
เขาว่าพลางชักไม้กายสิทธิ์ขึ้นมา
“แฮร์รี่!” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง มือยังสาละวนอยู่กับการดันเจ้าเขี้ยวให้ถอยไป
“เธอทำแบบนั้นไม่...”
“ฉันทำได้!” แฮร์รี่พูดอีกครั้ง “ถอยไป...!!”
แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไรอีก
ประตูก็เหวี่ยงเปิดออกพอดีกันกับที่เฮเลนเดินไปถึง
แฮกริดยืนอยู่ที่ประตูจ้องเขาตาเขียวดูอันตรายมากแม้จะสวมผ้ากันเปื้อนสีสดใสอยู่ก็ตาม
“นี่ฉันเป็นครูนะ!” เขาคำราม “เป็นครูนะพอตเตอร์!
เธอกล้าดียังไงมาขู่จะพังบ้านฉัน”
“ผมขอโทษครับอาจารย์”
แฮร์รี่ตอบ เน้นที่คำสุดท้ายในขณะที่เก็บไม้กายสิทธิ์เข้าไปในเสื้อคลุม
“เธอเรียกฉันว่า ‘อาจารย์’ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!”
แฮกริดถามกลับด้วยน้ำเสียงตกตะลึง
“แล้วคุณล่ะ
เรียกผมว่า ‘พอตเตอร์’
ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เออ ฉลาดดีนี่!” แฮกริดเอ่ย “ตลกมากเลย เอาชนะฉันได้แล้วล่ะสิ ใช่ไหมล่ะ! เอาล่ะ เข้ามาข้างใน พวกเด็กอกตัญญู”
เขาพึมพำอย่างขุ่นเคืองถอยหลังให้ทุกคนผ่านเขาเข้าไป
เฮอร์ไมโอนี่ผละจากเจ้าเขี้ยวเดินมาหาเฮเลน
เด็กสาวผมฟูมองสำรวจใบหน้าที่ปราศจากน้ำตาของเธอนิดหน่อยก่อนจะดึงแขนให้เฮเลนเดินตามรอนเข้าไปในกระท่อมของแฮกริด เฮเลนเดินตามเธอไปอย่างเลื่อนลอย
“ว่าไง”
แฮกริดถามหลังจากที่ทั้งสี่เข้ามานั่งลงรอบโต๊ะไม้ขนาดมหึมาเรียบร้อยแล้ว
“นี่มันอะไร สงสารฉันรึไง คิดว่าฉันเหงาเหรอ!”
“ไม่ใช่สักหน่อย”
แฮร์รี่ตอบทันควัน “เราอยากเจอคุณต่างหาก”
“เราคิดถึงคุณ...
เอ่อ... เฮเลน เกิดอะไรขึ้น” เฮอร์ไมโอนี่มองแฮกริดแล้วหันกลับมาหาเฮเลน
เด็กสาวนั่งเงียบเชียบตั้งแต่เข้ามานั่งในบ้านของแฮกริด รอนหลังจากที่หยุดพูดเรื่องการกั้นประตูของเขาแล้วก็ไม่พูดอะไรอีกแต่ก็ไม่ได้มีท่าทางสนใจอะไรเป็นพิเศษ
“คิดถึงฉันเรอะ?”
แฮกริดพ่นลมออกจากจมูก เขากระแทกเท้าเดินไปรอบห้อง ชงชาในกาน้ำทองแดงใบยักษ์
พึมพำไปพลาง
ในที่สุดเขาก็กระแทกถ้วยชาสี่ใบซึ่งใส่ชาสีน้ำตาลเข้มเหมือนไม้มะฮอกกานีลงตรงหน้าทั้งสี่
พร้อมกับจานใส่เค้กหินฝีมือเขาเอง
“แฮกริดคะ”
เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงแผ่ว มองแฮกริดสลับไปมากับเฮเลน “เราอยากเรียนวิชาการดูแลสัตว์ต่อจริงๆ
นะคะ คุณก็รู้ ใช่ไหมเฮเลน”
เฮอร์ไมโอนี่หันมาหาเฮเลนที่นั่งอยู่ข้างๆ
แต่เจ้าของดวงตาสีเขียวมรกตกลับจ้องมองถ้วยชาตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า
เด็กสาวไม่รู้สึกอยากพูดอะไรหรืออยากทำอะไรเลยในตอนนี้
แม้กระทั่งเป้าหมายที่มาบ้านของแฮกริดเธอเองยังนึกไม่ออกเลยว่ามาทำอะไร
ในหัวมีแต่ประโยคที่เดรโกพูดลอยซ้ำไปซ้ำมา
“ฉันคิดว่าคนใกล้ตัวพวกเธอน่าจะมีปัญหามากกว่าฉันซะอีก”
แฮกริดว่าแล้วโยนมันฝรั่งลูกที่เพิ่งปอกเสร็จใส่ในถังไม้มุมห้องซึ่งรอนเพิ่งจะสังเกตเห็น
มันเต็มไปด้วยหนอนตัวยาวประมานหนึ่งฟุต ตัวลื่นเป็นเมือก สีขาวยั้วเยี้ยเต็มไปหมด
“นั่นอะไรน่ะแฮกริด”
รอนถามพลางทำท่าไม่ชอบใจ
“ตัวอ่อนยักษ์น่ะ”
แฮกริดตอบ
“แล้วมันจะโตเป็น...”
รอนถามต่อ
“ไม่โตเป็นอะไรทั้งนั้นแหละ”
แฮกริดพูดอีกครั้ง “ฉันจะเอาไปเลี้ยงอาราก็อก”
และเขาก็ระเบิดร้องไห้โฮออกมาอย่างไม่บอกไม่กล่าว
ทำเอาเฮเลนได้สติและหลุดออกจากห้วงความคิดของตัวเองทันที
เด็กสาวสะดุ้งมองไปยังใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของแฮกริด
“เขา...”
แฮกริดสะอื้น “อาราก็อก ฉันคิดว่าเขากำลังจะตาย... เขาไม่สบายมาตลอดหน้าร้อนเลย
แล้วก็ท่าทางไม่ดีขึ้นด้วย ฉันไม่รู้จะทำยังไงถ้าเขา... ถ้าเขา... เราอยู่ด้วยกันมาตั้งนานแล้ว”
อยู่ด้วยกันมาตั้งนานแล้ว
คำนี้ทำให้เฮเลนได้สติขึ้นมา
แฮกริดอยู่กับอาราก็อกมาตลอดราวๆ สามสิบปี
เขาถึงเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียใจและสมควรแล้วที่จะร้องไห้ออกมา
เมื่อเทียบกับเธอที่เพิ่งจะได้พบกับเดรโกและสานสัมพันธ์กับเขาจริงๆ จังๆ
มาเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น ไม่สมควรที่จะต้องมานั่งเสียใจกับเรื่องนี้ด้วยซ้ำไป
“มีอะไรที่เราพอจะช่วยได้ไหมคะแฮกริด”
เฮเลนถามขึ้นและไม่ใส่ใจใบหน้าบิดเบี้ยวและการส่ายหัวเหมือนกับกำลังเสียสติสุดๆ
ของรอน
“ฉันไม่คิดว่าเธอจะทำอะไรได้หรอกเฮเลน”
แฮกริดสำลัก พยายามปาดน้ำตาออกจากใบหน้า “รู้ไหม พวกลูกหลานเผ่าพันธุ์ของเขามันทำท่าพิกลตั้งแต่เขาป่วย ดูยุกยิกหงุดหงิดยังไงอยู่”
“ผมว่าเราเคยเห็นด้านนั้นของพวกมันแล้วล่ะ”
รอนบอกเสียงแผ่ว
“ฉันไม่คิดว่าคนอื่นจะปลอดภัยถ้าเข้าไปในถิ่นของพวกมันในตอนนี้”
แฮกริดพูดต่อจนจบ สั่งน้ำมูกใส่ผ้ากันเปื้อนเสียงดังแล้วเงยหน้าขึ้น
“แต่ขอบใจมากนะเฮเลน เธอเองก็มีเรื่องที่เสียใจอยู่งั้นสินะ”
“ไม่มีอะไรสำคัญเท่าคุณหรอก”
เฮเลนส่ายหน้าและตอบเขา หลังจากนั้นบรรยากาศก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เพราะแม้ว่าแฮร์รี่และรอนจะไม่ได้แสดงเจตจำนงจะไปป้อนตัวอ่อนยักษ์ให้แมงมุมตัวมหึมาแต่แฮกริดดูเหมือนจะถือว่าพวกเขาอยากจะทำ
เขากลับมาเป็นคนเดิมได้อีกครั้งหนึ่ง
“ฉันก็รู้ดีนะว่าเธอคงอัดวิชาของฉันลงไปได้ยาก”
เขาพูดเสียงห้าว “ถึงพวกเธอจะไปขอใช้เครื่องย้อนเวลาก็เถอะ”
“เราทำไม่ได้แล้วค่ะ”
เฮอร์ไมโอนี่บอก “เราทำเครื่องย้อนเวลาของกระทรวงแตกหมดเลยตอนหน้าร้อน”
“เอ่อ...
ถ้างั้น” แฮกริดว่า “ก็ไม่มีทางไหนที่พวกเธอจะทำได้นะ ฉันเสียใจเธอก็รู้
แล้วก็กำลังกลุ้มเรื่องอาราก็อกด้วย”
คุยกันได้ไม่มากนักก็ถึงเวลาใกล้ค่ำ
พวกเขาขอตัวออกมาเพื่อไปทานอาหารค่ำที่ห้องโถง แฮกริดโบกมือลาพวกเขาอย่างร่าเริง
“หิวจะแย่” แฮร์รี่บ่นทันทีที่ประตูปิดสนิทอยู่เบื้องหลัง
ทั้งหมดรีบเร่งเดินฝ่าความมืดและสนามที่ปราศจากผู้คน
“ฉันถูกกักบริเวณกับสเนปด้วยคืนนี้ คงไม่ได้มีเวลากินอาหารเย็นมากนักหรอก”
“งั้นเหรอ”
รอนตอบ “ฉันคิดว่าเขาคงเล่นนายเละแน่ เพื่อน”
แฮร์รี่ยักไหล่
หันมามองเฮเลนที่มีสีหน้าดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังจากพบแฮกริด
ดูเหมือนว่าก่อนจะเข้ามาที่บ้านแฮกริดเธอคงจะได้คุย กับเดรโกแล้วและคงจะรู้อะไรขึ้นมาหลายเรื่องแล้วสินะ
“เป็นไงบ้างเฮเลน
ที่คุยกับเดรโก” เฮอร์ไมโอนี่ถาม “เขาว่าไง”
“ไม่ยังไง”
เฮเลนตอบ “เขาบอกฉันว่าเขากำลังคบกับแพนซี่”
“หา!” แฮร์รี่กับรอนอุทานขึ้นพลางหันหน้าไปมองหน้ากันด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ
เฮเลนยักไหล่และพยายามไม่ดึงคำพูดของเดรโกเข้ามาในหัว
ดวงตากลมโตมองไปยังปราสาทเมื่อเห็นคอร์แม็ก
แม็คล้ากเก้นที่กำลังจะเดินเข้าไปในห้องโถง ทั้งสี่เดินตามเขาเข้าไป
กลิ่นหอมของเนื้อย่างทำให้กระเพาะของเฮเลนส่งเสียงร้องครวญครางจนน่าตกใจ
แต่ทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปที่โต๊ะได้เพียงแค่สามก้าว
ศาสตราจารย์ซลักฮอร์นก็โผล่ขึ้นมาตรงหน้าขวางทางพวกเขาเอาไว้
“แฮร์รี่! เฮเลน! ฉันกำลังตามหาพวกเธออยู่เชียว”
เขาพูดเสียงดังอย่างร่าเริง “ฉันหวังอยู่ว่าจะได้เจอพวกเธอก่อนอาหารเย็น! เธอจะว่าไงถ้าจะไปกินอาหารว่างมื้อค่ำที่ห้องฉัน เราจะมีงานปาร์ตี้เล็กๆ
กัน ในหมู่ดาวรุ่งสองสามคน ฉันชวนแม็คล้ากเก้นมา แล้วก็ซาบินี่ด้วย เมลินด้า
บ๊อบบินที่มีสเน่ห์น่ะ...และแน่นอนฉันหวังว่าเธอจะยินดีรับเกียรติคำเชิญมางานของฉันด้วยนะคุณเกรนเจอร์”
ซลักฮอร์นโค้งให้เฮอร์ไมโอนี่นิดหนึ่งเมื่อเขาพูดจบ
เขาไม่ได้มองดูรอนเลยและทำเหมือนกับว่ารอนไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้นเสียด้วยซ้ำ
“ผมคงไปไม่ได้หรอกครับอาจารย์”
แฮร์รี่ตอบทันที “ผมถูกกักบริเวณกับศาสตราจารย์สเนป”
“ตายจริง!” ซลักฮอร์นอุทานอย่างตกใจ “ฉันหวังว่าเธอจะไปได้เชียวนะแฮร์รี่ เอาแบบนี้! ฉันจะไปคุยกับเซเวอร์รัสเองแล้วอธิบายสถานการณ์ให้เขาฟังแล้วอธิบายให้เขาฟัง
ฉันเชื่อว่าฉันคงสามารถเกลี้ยกล่อมเขาให้เลื่อนการกักบริเวณเธอไปได้
หวังว่าฉันจะได้เจอพวกเธอทั้งสามคนนะ!”
เขาเดินกระวีกระวาดออกไปจากห้องโถง
“เขาไม่มีทางกล่อมสเนปได้หรอก”
แฮร์รี่บอกหลังจากที่ซลักฮอร์นออกไปจนพ้นระยะการได้ยิน “การกักบริเวณเลื่อนไปหนหนึ่งแล้ว
สเนปยอมให้ดัมเบิลดอร์แต่ไม่มีทางยอมให้คนอื่นหรอก”
“ไม่เป็นไรหรอก
ฉันมีเฮเลนอยู่ด้วย” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางเอื้อมมือมาคล้องแขนเฮเลน
“ฉันคิดว่าเธอคงกลัวแม็คล้ากเก้นใช่ไหมล่ะ”
เฮเลนว่าพลางหรี่ตามองเฮอร์ไมโอนี่ เธอยิ้มแหยๆ
ใส่เฮเลนนิดหน่อยก่อนจะพากันนั่งลงที่โต๊ะโดยมีรอนทำหน้าตาไม่พอใจอยู่ก่อนหน้าแล้ว
ดูเหมือนเขาจะไม่พอใจที่ถูกซลักฮอร์นเมินแบบนี้
หลังอาหารเย็น
พวกเขากลับไปที่หอคอยกริฟฟินดอร์ ห้องนั่งเล่นรวมแน่นขนัด เพราะคนส่วนใหญ่กินอาหารเย็นกันแล้วแต่พวกเขายังหาโต๊ะว่างได้หนึ่งตัวและนั่งลง
รอนนั่งกอดอกและขมวดคิ้วใส่เพดาน เขายังอารมณ์เสียอยู่ตั้งแต่เผชิญหน้ากับซลักฮอร์น
เฮอร์ไมโอนี่หยิบหนังสือพิมพ์เดลี่พรอเฟ็ตฉบับเย็นที่มีคนวางทิ้งไว้ที่เก้าอี้ขึ้นมา
“มีข่าวอะไรไหม”
แฮร์รี่ถาม
“ไม่มีนะ”
เฮอร์ไมโอนี่กางหนังสือพิมพ์ออกและกวาดสายตาดูข่าว “มีข่าวพ่อเธอตรงนี้รอน
เขาสบายดี! ข่าวบอกว่าเขาไปบ้าน มัลฟอย ‘การค้นหาบ้านของผู้เสพความตายไม่ได้ผลลัพธ์อะไร อาเธอร์ วีสลีย์
จากสำนักงานสืบค้นและริบคาถาป้องกันตัวและคาถาวัตถุคุ้มครองภัยปลอม กล่าวว่า
ทีมของเขามาตรวจค้นเพราะมีการให้ข่าวเป็นความลับ’”
“ฉันเองแหละ”
แฮร์รี่บอก “ฉันบอกเขาที่สถานีคิงส์ครอสเรื่องมัลฟอยกับเรื่องที่ร้านบอร์เจ็น ...”
ชั่วขณะหนึ่งแฮร์รี่หยุดพูดไป
เขามองไปยังจินนี่กำลังเล่นกับอาโนลด์พิกมี่พัฟของเธออยู่ชั่วครู่
เฮเลนพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ทำให้แฮร์รี่สะดุ้งเฮือกใหญ่
เขาส่งสายตามองไปยังเฮเลนอย่างไม่พอใจ ส่วนรอนกำลังหันไปจ้องมองลาเวนเดอร์
บราวน์ด้วยสายตาแปลกๆ
“นายเลิกคิดทีเถอะแฮร์รี่!” รอนขัด
“ฟังนะรอน
มันไม่ใช่ความผิดของฉันซักหน่อยที่ซลักฮอร์นชวนเฮอร์ไมโอนี่ ฉันแล้วก็เฮเลนไปงานปาร์ตี้ของเขา
พวกเราอยากไปตั้งเมื่อไหร่ล่ะ! นายก็รู้ดี!!” แฮร์รี่เดือดขึ้นมาบ้างบรรยากาศตอนนี้เริ่มไม่ค่อยดีแล้ว
“นี่! ในเมื่อฉันไม่ได้รับเชิญในงานเลี้ยง” รอนพูดแล้วลุกขึ้นยืน “ฉันก็จะไปนอนล่ะ”
เขาเดินกระทืบเท้าขึ้นไปทางประตูสู่หอนอนชายปล่อยให้อีกสามคนมองตามอย่างเงียบๆ
“เขาอารมณ์เสียง่ายเกินไปนะ”
เฮเลนว่า เหล่ตามองไปยังเฮอร์ไมโอนี่ที่นั่งถอนหายใจอย่างหงุดหงิด “เมื่อไหร่จะทำอะไรให้มันดีกว่านี้สักทีฉันไม่เข้าใจ”
“ไม่รู้สิ! คงไม่มีวันล่ะมั้ง” เฮอร์ไมโอนี่ตอบถอนหายใจออกมาอีกรอบ
“แฮร์รี่!” อยู่ๆ เดเมลซ่า ร็อบบินส์ เชสเซอร์คนใหม่ก็โผล่มาด้านหลังของแฮร์รี่ “ฉันมีข้อความถึงเธอ”
“จากใครเหรอ”
แฮร์รี่ถามใบหน้ามีความหวัง
“ศาสตราจารย์สเนปน่ะ”
เดเมลซ่าตอบพร้อมกับแสงแห่งความหวังบนใบหน้าแฮร์รี่ที่ดับวูบเหมือนกับตอนที่เขาหวังให้โชหันมองเขาตอนนั้นเลย
“อาจารย์บอกว่าเธอต้องไปที่ห้องทำงานของเขาคืนนี้สองทุ่มครึ่ง ไปถูกกักบริเวณ
เอ่อ... ไม่ว่าเธอจะไปงานปาร์ตี้กี่งานก็ตาม เขาอยากให้เธอรู้เอาไว้ด้วยว่าเธอจะต้องเลือกหนอนฟลอบเบอร์เน่าๆ
ออกจากหนอนดีๆ จะได้ใช้ในการปรุงยาแล้วเขาก็บอกด้วยว่าไม่ต้องเอาถุงมือมานะ”
“เออ”
แฮร์รี่ตอบรับอย่างละเหี่ยใจ “ขอบใจมากเดเมลซ่า”
เดือนตุลาคมผ่านไปแล้วร่วมครึ่งเดือน
เฮเลนไม่เห็นดัมเบิลดอร์เลยตลอดสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา
เขาแทบไม่ได้ปรากฏตัวอีกเลยเมื่อถึงเวลาทานอาหารและค่อนข้างมั่นใจว่าเขาไม่ได้อยู่ในโรงเรียนอย่างที่เฮอร์ไมโอนี่บอกแน่นอน
สิ่งที่เฮเลนกำลังเผชิญทำให้เธอรู้สึกเหมือนทอดทิ้งและโดดเดี่ยว
ยิ่งจะต้องเข้าเรียนวิชาเดียวกันกับเดรโกและแพนซี่แทบทุกวิชานั่นยิ่งทำให้เธอไม่ชอบใจเอาเสียเลย
เวลาที่จะได้ไปเที่ยวฮอกส์มี้ดครั้งแรกของเทอมมาถึง
เฮเลนสงสัยอยู่นิดหน่อยว่านักเรียนจะยังได้รับอนุญาตให้ไปเที่ยวหมู่บ้านรึเปล่า
ในเมื่อมีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดรอบโรงเรียนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่เมื่อได้ยินศาสตราจารย์มักกอนนากัลบอกว่าสามารถไปได้เธอก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะได้ออกจากปราสาทสักสองสามชั่วโมง
วันที่ไปเที่ยวเฮเลนตื่นเช้าเหมือนเคย
มันเป็นวันที่มีพายุรุนแรง เด็กสาวเดินเข้าไปหาเฮอร์ไมโอนี่ที่ทำหน้าบูดเบี้ยวตั้งแต่เช้า
สงสัยว่าเมื่อวานก็คงมีปัญหากับรอนอีกแน่นอน หลังจากที่ทั้งสองแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เดินลงจากหอนอนไปยังห้องโถงพร้อมกันในทันที
เฮเลนคิดว่ารอนกับแฮร์รี่คงกำลังง่วนอยู่กับการเล่นอะไรสักอย่างจนลงมาทานอาหารสายอีกตามเคย
สิ่งที่รอนเล่าในเวลาถัดมาเรื่องของคาถาที่แฮร์รี่ใช้ตอนอยู่บนหอนอนทำให้เฮอร์ไมโอนี่ไม่พอใจมากกว่าเดิมอีก
หนังสือปรุงยาเก่าที่เขาได้มาตอนปรุงยาคาบเรียนแรกเป็นของ ‘เจ้าชายเลือดผสม’
ที่แฮร์รี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใครและดูจากที่รอนเล่าแล้ว
พวกเขาคงรู้สึกสนุกที่ได้ใช้คาถาของเจ้าชายที่อยู่ในหนังสือเล่มนั้น
“เขาไม่ใช่ผู้เสพความตายหรอกเฮอร์ไมโอนี่”
แฮร์รี่ว่า “ถ้าเขาเป็นผู้เสพความตายล่ะก็ เขาคงจะไม่คุยโวว่าเขาน่ะเป็น ‘เลือดผสม’ หรอก จริงไหม”
“ผู้เสพความตายไม่จำเป็นต้องเป็นเลือดบริสุทธิ์ทั้งหมดหรอกนะ
ไม่มีพ่อมดแม่มดที่เป็นเลือดบริสุทธิ์มากพอ” เฮอร์ไมโอนี่ว่า “ฉันคาดว่าผู้เสพความตายส่วนมากคงเป็นเลือดผสม
แต่เสแสร้งทำเป็นเลือดบริสุทธิ์ มีแต่พวกที่เกิดจากมักเกิ้ลเท่านั้นแหละที่พวกนั้นเกลียด
พวกนั้นคงจะยินดีมากที่เธอกับรอนจะเข้าไปร่วมสมาคมด้วย”
“ไม่มีทางที่พวกมันจะยอมให้ฉันเป็นหรอก”
รอนบอกอย่างขุ่นเคือง ไส้กรอกเกือบจะหลุดจากส้อมในมือของเขา “ครอบครัวฉันทั้งหมดเป็นเลือดบริสุทธิ์ก็จริง
แต่ก็ถูกเรียกว่าเป็นพวกทรยศต่อเลือด!
เรื่องนี้น่ะเลวร้ายพอๆ กับการเกิดจากมักเกิ้ลเลยนะในสายตาผู้เสพความตายน่ะ”
“พวกนั้นก็คงอยากให้ฉันเข้าร่วมอยู่หรอก”
แฮร์รี่ทำเสียงประชด “เราคงจะเป็นเพื่อนรักกันน่าดูเลยถ้าพวกเขาไม่คอยจ้องจะฆ่าฉันกับเฮเลนอยู่ทุกปี”
คำพูดนี้ทำให้รอนหัวเราะออกมา
เฮเลนไม่ได้รู้สึกตลกด้วยมากเท่าไหร่นัก
ก่อนที่จินนี่จะปรากฏตัวขึ้นมาช่วยดึงความสนใจให้ไปสู่เรื่องอื่นแทน
“เฮ้แฮร์รี่! ฉันต้องเอานี่ให้เธอ” ม้วนกระดาษแข็งลายมือคุ้นตาถูกยื่นมาให้เขา
“ขอบใจจินนี่
บทเรียนคราวหน้ากับดัมเบิลดอร์น่ะ!”
แฮร์รี่พูดพลางดึงม้วนกระดาษเปิดออกและอ่านข้อความข้างในอย่างรวดเร็ว
เขารู้สึกตัวเบาและมีความสุขขึ้นมาทันที “คืนวันจันทร์!
อยากไปฮอกส์มี้ดกับเราไหมจินนี่”
เขาเอ่ยถามด้วใบหน้ายิ้มแย้ม
“ฉันไปกับดีน! อาจจะเจอพวกเธอที่นั่นนะ” เธอตอบ โบกมือลาพวกเขาและเดินออกไป
แฮร์รี่หน้าสลดลงไปทันตาเห็น เฮเลนตบบ่าเขาเบาๆ เป็นเชิงปลอบใจ
ฟิลช์ยืนอยู่ที่ประตูหน้าปราสาทตามเคย
คอยตรวจรายชื่อนักเรียนที่ได้รับอนุญาตให้ไปฮอกส์มี้ดได้
กระบวนการยาวนานกว่าปกติเพราะฟิลช์ตรวจนักเรียนทุกคนด้วยเครื่องตรวจจับความลับคนละสามครั้ง
“มันสำคัญตรงไหนถ้าเราจะเอาของศาสตร์มืดออกไป”
รอนตั้งคำถามพลางมองดูเครื่องตรวจจับความลับอย่างหวาดหวั่น “ที่จริงเขาน่าจะตรวจเราตอนกลับเข้ามาข้างในต่างหาก”
การเดินทางไปฮอกส์มี้ดวันนี้ไม่สนุกเลย
เฮเลนพันผ้าพันคอของนางวีสลีย์เอาไว้ครึ่งใบหน้าพร้อมกับหมวกไหมพรมที่มีอยู่ในหีบ
ส่วนที่โผล่ออกมาจากเสื้อกันหนาวแขนยาวที่เธอสวมรู้สึกหนาวเยือกจนชาไปหมด
ถนนไปหมู่บ้านเต็มไปด้วยนักเรียนที่เดินขดกันตัวงอ ต้านลมที่หนาวยะเยือก
เฮเลนแอบคิดว่ามันจะดีกว่าไหมถ้าเกิดเธอเลือกไม่ไปแล้วนั่งอยู่หน้าเตาผิงในห้องนั่งเล่นแสนอบอุ่น
แต่ฉับพลันสมองก็นึกถึงตอนที่เดินมาฮอกส์มี้ดกับเดรโก
มือใหญ่และอบอุ่นของเขากุมมือเธอเอาไว้แน่นและพากันเดินไปร้านไม้กวาดสามอันด้วยกันพร้อมรอยยิ้ม
แถมในวันแรกที่มีหิมะตกยังเป็นวันที่ทั้งสองนั่งกอดกันอยู่ที่ลานปราสาท
เวลานั้นเฮเลนปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันช่างมีความสุขเหลือเกิน
เพียงแต่ตอนนี้เธอไม่ได้นำความสุขนั้นมาด้วย...
เมื่อพวกเขาเดินมาถึงฮอกส์มี้ดก็เห็นร้านของของเล่นซองโก้มีไม้กระดานติดไว้
นี่เป็นการยืนยันว่าการเดินทางครั้งนี้ไม่สนุกอย่างแน่นอน
รอนที่สวมถุงมือหนาเตอะชี้ไปยังร้านฮันนี่ดุกส์ซึ่งยังมีเมตตาเปิดอยู่
พวกเขาทั้งสี่เดินโซเซเข้าไปในร้านที่มีคนแน่นเอี้ยดในทันที
“ขอบคุณพระเจ้า”
รอนตัวสั่น ในที่สุดพวกเขาก็เข้ามาอยู่ในร้านขนมที่มีอากาศอบอุ่นและอบอวลไปด้วยกลิ่นทอฟฟี่หอมฟุ้ง
“ฉันอยากอยู่ที่นี่ตลอดทั้งบ่ายเลย”
“ฉันว่าเราอยู่นี่ตลอดบ่ายไม่ได้หรอก”
เฮเลนว่าพลางกลอกตาไปมา “ต้องเบื่อตายแน่”
“ใช่สิ! ก็ฉันไม่ใช่เด...”
เฮอร์ไมโอนี่เอื้อมมือไปอุดปากเขาทันควันก่อนที่รอนจะได้พูดชื่อที่ไม่ควรจะเอ่ยออกมา
เด็กสาวผมฟูรวบคอรอนให้หันหลังไปกระซิบกระซาบกันสองคนก่อนจะกำชับให้เขาหยุดพูดเรื่องเดรโกไปก่อนในช่วงนี้
“โอ้! พวกเธอเอง” เสียงดังกึกก้องทักมาจากทางด้านหลัง
“โอ๊ย
ไม่เอาน่า...” แฮร์รี่พึมพำ
ทั้งสี่หันไปเห็นศาสตราจารย์ซลักฮอร์นสวมหมวกขนสัตว์ใบใหญ่และเสื้อโอเวอร์โค้ตที่มีปกเป็นขนสัตว์เขาชุดกันกับหมวก
เขากำถุงใบใหญ่ใส่สับปะรดแก้วเอาไว้ในมือ
ตัวของเขากินพื้นที่ไปเกือบหนึ่งในสี่ของร้านเลยทีเดียว
“แฮร์รี่! นี่เป็นหนที่สาม...หรือสี่!
แล้วที่เธอพลาดงานเลี้ยงอาหารค่ำเล็กๆ ของฉัน” ซลักฮอร์นพูด
จิ้มที่หน้าอกของแฮร์รี่อย่างอารมณ์ดี “ใช้ไม่ได้เลยนะ
ฉันตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะชวนเธอมาให้ได้!
คุณเกรนเจอร์กับแฝดของเธอพูดตลอดเลยว่าชอบงานนี้เอามากๆ”
“อ่อ... ค่ะ!” เฮเลนพยายามยิ้มออกมา “มันก็ดี...”
เฮเลนนึกย้อนไปถึงวันที่แม็คล้ากเก้นพยามคุยโม้เรื่องครอบครัวเขาแล้วก็อยากจะอ้วกขนมหวานในตอนนั้นออกมาเลยจริงๆ
เธอยังแอบคิดเลยว่าใครที่แต่งงานกับคนแบบเขานี่ต้องสิ้นคิดเอามากๆ
“ถ้าอย่างนั้นทำไมเธอถึงไม่มาล่ะแฮร์รี่”
ซลักฮอร์นตั้งคำถาม
“เอ่อ...
ผมติดซ้อมควิดดิชครับอาจารย์” แฮร์รี่ตอบ เฮเลนหรี่ตามองเขาอย่างเคืองๆ เล็กน้อย
ที่จริงเธอแอบรู้ว่าเมื่อเขาได้เห็นบัตรเชิญของซลักฮอร์นแฮร์รี่จะต้องจัดตารางซ้อมในวันนั้นเสียทุกทีไป
“แหม! ฉันว่าเธอชนะการแข่งขันนัดแรกแน่ๆ หลังจากที่ซ้อมหนักขนาดนี้”
ซลักฮอร์นบอก “แต่การพักผ่อนหย่อนใจเล็กๆ น้อยไม่เคยทำร้ายใคร เอาล่ะ! คืนวันจันทร์เป็นไง เธอฝึกซ้อมในสภาพอากาศแบบนี้ไม่ได้หรอกใช่ไหม”
“ผมมีนัดกับศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ครับ”
แฮร์รี่ตอบหน้าซื่อตาใสจนน่าหมั่นไส้!
“โชคร้ายอีกแล้ว!” ซลักฮอร์นร้องเสียงเหมือนกำลังเล่นละคร “เอาเถอะ
เธอหนีฉันไปไม่ได้ตลอดเวลาหรอกนะแฮร์รี่”
“ยินดีที่ได้เจอนะวอลเนบี้”
เขาเอ่ยทักรอนก่อนจะก้าวออกไปจากร้านพร้อมโบกมือลาอย่างสง่า
“วอลเนบี้งั้นเหรอ”
รอนเบ้หน้า “ฉันมีชื่อน่าเกลียดแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!”
เฮเลนหลุดขำออกมายกใหญ่
รอนทำหน้าไม่พอใจที่สุดและหันไปดูลูกอมแถวนั้นเพื่อไม่ให้ตัวเองหลุดพูดอะไรออกไปโดยไม่ตั้งใจ
“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอหลุดไปได้อีกแล้ว”
เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางส่ายหน้า “งานเลี้ยงมันก็... ไม่เลวนักหรอกนะ
บางทีก็สนุกดีเหมือนกัน”
“นี่ดูสิ! เขามีปากกาขนนกน้ำตาลแบบพิเศษด้วย คงจะดูดได้นานเป็นชั่วโมงเลย”
รอนว่าพลางหยิบปากกาขนนกน้ำตาลขึ้นมาชู
แฮร์รี่ยักไหล่และชวนไปร้านไม้กวาดสามอันกันต่อ
พวกเขาพันผ้าพันคอรอบใบหน้ากันอีกครั้งและออกจากร้านขนมหวาน
ลมเย็นจัดเหมือนมีดกรีดหลังจากที่ร่างกายเริ่มชินกับความอบอุ่นหอมหวานในร้านฮันนี่ดุกส์
ถนนไม่มีผู้คนเลย ไม่มีใครอ้อยอิ่งพูดคุย มีแต่เร่งฝีเท้ารีบไปยังจุดหมายปลายทาง
มีชายสองคนยืนอยู่หน้าร้านไม้กวาดสามอัน
คนหนึ่งสูงผอม เฮเลนจำได้ว่าเป็นคนขายเหล้าที่ทำงานในร้านหัวหมู
ผับอีกแห่งใน ฮอกส์มี้ด เมื่อทั้งสี่คนเดินเข้าไปใกล้คนขายเหล้าก็ดึงเสื้อคลุมกระชับรอบคอและเดินจากไปทิ้งชายร่างเตี้ยให้เงอะงะคลำหาอะไรบางอย่างในอ้อมแขน
เมื่อเดินมาใกล้พอเฮเลนก็ได้ยินเสียงแฮร์รี่โพลงชื่อเขาออกมา
“มันดังกัส!”
ชายร่างอ้วนเตี้ยขาโก่ง
ผมสีน้ำตาลแดงยาวรุ่ยร่ายสะดุ้งเฮือกและปล่อยกระเป๋าเดินทางโบราณหลุดมือ
มันเปิดอ้าออกให้เห็นของข้างในที่เหมือนสินค้าหน้าร้านโละทิ้งไปแล้ว
“อ้าว... หวัดดี”
มันดังกัส เฟล็ทเชอร์เอ่ยทัก เฮเลนใช้กำปั้นทุบมือตัวเองเป็นเชิงนึกออก
เขาพยายามทำท่าร่าเริงอย่างไม่สมจริงที่สุด “เอ่อ... อย่าให้ฉันรั้งเธอเอาไว้เลยนะ”
เขารีบโกยของเข้ากระเป๋าเหมือนกับอยากไปให้พ้นจากตรงนี้ไวๆ
“คุณขายของพวกนี้เหรอ”
แฮร์รี่ถาม มองดูมันดังกัสคว้าของที่ปนกันอยู่บนพื้น
“ใช่
ก็ต้องหากินกันนิดหน่อย” มันดังกัสตอบ “เอามันมาให้ฉันนะ!!”
เขาขึ้นเสียงหลังจากที่มองเห็นว่ารอนหยิบอะไรบางอย่างสีเงินประกายขึ้นมา
“เดี๋ยวก่อน...”
รอนว่า “ไอ้นี่มันหน้าตาคุ้นๆ นะ”
มันดังกัสคว้าถ้วยมีเชิอจากมือรอนอย่างรวดเร็วแต่ทว่ามือของแฮร์รี่ไวกว่า
เขาคว้าเข้าที่คอของมันดังกัสและดันเขาไปติดกำแพงร้านเหล้า ในขณะที่กดเขาเอาไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง
มืออีกข้างก็ดึงไม้กายสิทธิ์ออกมา
“เดี๋ยวแฮร์รี่!” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง
“นั่นมันของที่กริมโมเพลซ!” เฮเลนว่าเมื่อได้เห็นสิ่งนั้นชัดๆ
“คุณเอามันมาจากบ้านซีเรียส!” แฮร์รี่พูด “มีตราประจำตระกูลเบล็กประทับบนนั้น”
“ฉันเปล่า...
อะไรนะ!?” มันดังกัสละล่ำละลัก ใบหน้าเริ่มเปลี่ยนสี
“คุณทำอะไร! กลับบ้านไปในคืนที่เขาตายแล้วขนของมีค่าออกมาจากเกลี้ยงเลยใช่ไหม!” แฮร์รี่ตวาด
“ฉันเปล่า!!”
“เอามันมาซะ!”
“แฮร์รี่อย่า!” เฮอร์ไมอนี่ร้องเสียดังขณะที่ใบหน้ามันดังกัสเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน
มีเพียงเฮเลนเท่านั้นที่ยืนมองการกระทำของแฮร์รี่โดยที่ไม่มีความรู้สึกอยากจะห้าม
แต่อยู่ๆ ก็มีเสียงดังปัง
มือของแฮร์รี่กระเด็นออกมาจากคอของมันดังกัสและเจ้าหัวขโมยก็หายตัวหนีไป
แฮร์รี่สบถเสียงดัง
เขาหมุนตัวมองว่ามันดังกัสหายไปไหนแล้ว
“ไม่มีประโยชน์หรอกแฮร์รี่”
ท็องส์โผล่มาจากไหนสักแห่ง ผมสีน้ำตาลเปียกชื้นเพราะฝนลูกเห็บ
“ตอนนี้เจ้านั่นคงไปอยู่ในลอนดอนแล้ว”
“แต่เขาขโมยของซีเรียส!” เฮเลนพูดบ้าง
“ใช่”
ท็องส์พูดเหมือนไม่เดือดร้อนกับเรื่องนี้ “เธอควรจะไปหลบฝนลูกเห็บนะ”
เธอว่าแล้วดันหลังของทั้งสี่คนให้เข้าไปในร้านไม้กวาดสามอัน
ทันทีที่เข้าไปข้างในแฮร์รี่ดูยังจะไม่พอใจเกี่ยวกับมันดังกัส เขาขมวดคิ้วจนผูกเป็นโบว์ได้เลย
เฮเลน
แฮร์รี่และรอนเดินไปนั่งรอที่โต๊ะในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่เดินแยกไปสั่งบัตเตอร์เบียร์
“ภาคีควบคุมมันดังกัสไม่ได้รึไง”
แฮร์รี่กระซิบถาม น้ำเสียงเต็มไปด้วยโทสะ “อย่างน้อยก็อย่าให้เขาขโมยทุกอย่างที่หยิบได้เวลาเข้าไปในกองบัญชาการใหญ่ไม่ได้เหรอ”
“ฉันก็ไมโอเคเหมือนกันแฮร์รี่”
เฮอร์ไมโอนี่ว่าพลางวางขวดบัตเตอร์เบียร์ลงบนโต๊ะ “ฉันรู้ว่าของที่เขาขโมยมามันเป็นของเธอสองคน”
แฮร์รี่ที่เพิ่งยกบัตเตอร์เบียร์ขึ้นดื่มเกือบพ่นมันออกมา
เฮเลนทำหน้ารังเกียจใส่เขานิดหน่อย
สงสัยว่าเขาจะลืมไปว่าเขาและเฮเลนได้เป็นเจ้าของบ้านเลขที่สิบสอง กริมม์โมเพลซ
“นั่นสินะ!” เขาพูดต่อ “มิน่าถึงไม่ดีใจเลยที่เห็นฉัน งั้นฉันก็ต้องบอกดัมเบิลดอร์สิว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“เขาก็ไม่เคยดีใจที่เห็นเราอยู่แล้วแฮร์รี่”
เฮเลนว่าพลางยกบัตเตอร์เบียร์ขึ้นดื่ม
“นั่นเป็นความคิดที่ถูกต้อง”
เฮอร์ไมโอนี่กระซิบ ดูพอใจมากที่แฮร์รี่สงบลง “รอน เธอจ้องอะไรน่ะ”
“ไม่มีอะไรหรอก”
รอนตอบ รีบเมินหน้าไปจากบาร์ บางทีเขาอาจจะกำลังมองหามาดามโรสเมอร์ทา
สาวเสิร์ฟประจำบาร์คนสวยที่เขาแอบชอบ
“ฉันคิดว่า ‘ไม่มีอะไร’ น่ะอยู่หลังร้าน!”
เฮอร์ไมโอนี่ตอบอย่างใส่อารมณ์
ติดตามตอนต่อไป...
ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดนะคะ ♥
ความคิดเห็น