คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #31 : บทที่ 5 : บาดแผล
บทที่
5 :
บาดแผล
เฮเลนและเฮอร์ไมโอนี่กลับมายังห้องนั่งเล่นหลังจากมื้อเที่ยงและเริ่มต้นลงมือทำการบ้านวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดในขณะที่รอนและแฮร์รี่หมกมุ่นกับมันมาตั้งแต่หลังเลิกเรียน
แน่นอนว่าพวกเขาทำเสร็จก่อนเสียงระฆังเตือนเข้าเรียนวิชาปรุงยาจะดังขึ้นเพียงเสี้ยววินาที
ทั้งสี่เดินไปตามทางเก่าที่คุ้นเคย ลงไปยังคุกใต้ดินที่เคยเป็นของสเนปมานานแสนนาน
เมื่อมาถึงระเบียงทางเดิน
เฮเลนรู้สึกดีใจมากที่เดรโกได้เข้าร่วมชั้นเรียนนี้ด้วย เห็นได้ชัดว่านักเรียนจำนวนน้อยมากที่ผ่าน
ว.พ.ร.ส. เข้ามาเรียนวิชานี้ได้ มีเด็กสลิธีรินเพียงสี่คนเท่านั้นที่สอบผ่าน
เรเวนคลออีกสามคนและหนึ่งคนจากฮัฟเฟิลพัฟนั่นก็คือเออร์นี่ มักมิลลัน
คนที่เฮเลนออกจะหมั่นไส้เขาหน่อยๆ ตอนอยู่ในทัพดัมเบิ้ลดอร์
“แฮร์รี่!” เขาทักขึ้นมาหลังจากเห็นทั้งสี่ เฮเลนเห็นว่าเดรโกมีท่าทางแปลกๆ
เมื่อเห็นเธอ
เขาหันไปหาเพื่อนชายคนหนึ่งทันทีและเหมือนว่าจะแกล้งทำเป็นไม่เห็นเธอด้วยซ้ำไป
แฮร์รี่ยืนคุยกับเออร์นี่ได้เพียงครู่เดียวประตูคุกใต้ดินก็เปิดออกแล้วพุงของศาสตราจารย์ซลักฮอร์นก็พุ่งนำหน้าออกมาจากประตู
ขณะที่พวกนักเรียนเดินเรียงแถวเข้าไปในห้องเขาก็ยิ้มกว้างทักทายเฮเลน
แฮร์รี่และซาบินี่เป็นพิเศษ
คุกใต้ดินไม่มีอะไรเหมือนเดิมเลย
มันเต็มไปด้วยหมอกและกลิ่นไอแปลกๆ แฮร์รี่ เฮเลน
รอนและเฮอร์ไมโอนี่สูดดมอย่างสนอกสนใจ เมื่อเดินผ่านหม้อใหญ่ที่กำลังเดือดปุดๆ พวกเขานั่งลงใกล้หม้อบรรจุของเหลวสีทองให้มากที่สุด
หม้อนั้นส่งกลิ่นเย้ายวนใจที่สุดที่เคยได้กลิ่นมา เป็นกลิ่นเหมือนกับกลิ่นตัวของเดรโกเวลาที่เฮเลนนั่งอยู่ข้างๆ
เขา กลิ่นของกระดาษใหม่ๆ บนหนังสือและกลิ่นของไอทะเลสาบ ความรู้สึกอิ่มเอิบกระจายไปทั่วตัว
“เอาล่ะ เอาล่ะ”
ซลักฮอร์นพูดและเดินอุ้ยอ้ายไปยังหม้อต้มยา “เอาตาชั่งออกมาทุกคน
และเครื่องมือปรุงยา อย่าลืมหนังสือปรุงยาขั้นสูงของพวกเธอด้วยล่ะ”
เฮเลนคว้าหนังสือเล่มเล็กออกมาจากในกระเป๋าทันทีพร้อมกระดาษจดและปากกาขนนกคู่กายอย่างที่เคยทำประจำเมื่อเข้าเรียน ต่างจากแฮร์รี่และรอนที่เดินไปหยิบหนังสือจากในตู้พร้อมกับอุปกรณ์ต่างๆ มาพร้อมกันเพราะพวกเขาไม่ได้ตั้งใจจะลงเรียนวิชาปรุงยาตั้งแต่แรก
“ฉันได้เตรียมน้ำยาสองสามอย่างเอาไว้ให้เธอดู แค่อยากให้ได้เห็นกันน่ะเธอก็รู้ พวกนี้เป็นน้ำยาที่น่าจะปรุงได้หลังจากเรียนสำเร็จในชั้น ส.พ.บ.ส. แล้ว พวกเธอน่าจะเคยได้ยินเรื่องมันมาบ้างแล้วนะ แม้จะยังไม่เคยปรุงมันมาก่อนก็ตาม แล้วมีใครบอกฉันได้บ้างไหมว่านี่คืออะไร”
เขาชี้ไปที่หม้อที่อยู่ใกล้โต๊ะสลิธีรินมากที่สุด
สิ่งที่เหมือนน้ำเปล่าเดือดปุดๆ อยู่ในหม้อ
มือของเฮอร์ไมโอนี่ชูขึ้นในอากาศก่อนใครเพื่อนในทันที
“เอาล่ะ คุณ...”
“เกรนเจอร์ค่ะ”
เฮอร์ไมโอนี่ตอบ “นั่นคือสัจจะเซรุ่ม น้ำยาไร้สีไร้กลิ่น
ที่บังคับให้ผู้ดื่มต้องบอกความจริง”
“ดีมาก ดีมาก” ซลักฮอร์นยิ้มกว้างอย่างมีความสุขก่อนจะชี้ไปที่หม้ใหญ่ใกล้กับโต๊ะที่เรเวนคลอนั่งรวมกันอยู่กับเออร์นี่
“ส่วนน้ำยานี่ค่อนข้างจะเป็นที่รู้จักกันดี มีปรากฏในใบปลิวของกระทรวงเมื่อเร็วๆ
นี้ด้วย...”
“น้ำยาสรรพรสค่ะ”
เฮอร์ไมโอนี่ตอบอีกครั้ง ไม่แปลกใจเลยที่เธอตอบได้
เฮเลนไม่รู้หรอกว่าเฮอร์ไมโอนี่ปรุงของเหลวที่ข้นเหมือนโคลนนั้นสำเร็จได้ยังไงตอนปีสอง
“ยอดเยี่ยม เอาล่ะมาถึงตรงนี้ฉันอยากจะให้เธอเป็นคนตอบนะ”
ซลักฮอร์นยิ้มกว้างมองไปยังเฮเลนที่ถือปากกาขนนกเตรียมจด
เด็กสาวมองซ้ายมองขวาและชี้มือมายังใบหน้าตัวเองพลางมองน้ำยาสีเปลือกมุข
เฮอร์ไมโอนี่มองไปยังใบหน้าของเฮเลนเล็กน้อยและทำท่ามั่นใจมากว่าเธอต้องตอบได้
เด็กสาวอึกอักอยู่พักหนึ่ง
“น้ำยาลุ่มหลงค่ะ”
“ถูกต้อง!” ซลักฮอร์นทำท่าประทับใจอย่างยิ่ง “ฉันคิดว่าเธอคงรู้ใช่ไหมว่ามันทำอะไรได้”
เฮเลนกลอกตาไปมาเพื่อนึกถึงวันที่เธอไปนั่งอ่านหนังสือในห้องสมุด
“มันเป็นยาสเน่ห์ที่แรงที่สุดในโลกค่ะ”
“ถูกต้อง! เธอสังเกตได้จากความเงาของสีเปลือกหอยมุขใช่ไหม”
“ไอของน้ำยาที่ลอยขึ้นเป็นเกลียวด้วยค่ะ” เธอตอบเบาๆ และยิ้มออกมานิดหน่อย เฮเลนไม่ค่อยชอบใจที่ต้องตกเป็นเป้าสายตาของคนมากมายนัก แต่ความจริงเธอก็เริ่มจะชินขึ้นมาแล้วหลังจากที่อยู่กับแฮร์รี่มาหนึ่งปีเต็ม “น้ำยานี้จะส่งกลิ่นต่างกันสำหรับพวกเราแต่ละคน ขึ้นอยู่กับว่าเราชอบอะไร -- อย่างหนูตอนนี้จะได้กลิ่นเป็นกลิ่นทะเลสาบ แล้วก็กลิ่นตัวของ ...”
เฮเลนชะงักไปเพราะเฮอร์ไมโอนี่จับแขนของเธอเอาไว้เบาๆ นั่นทำให้เฮเลนได้สติขึ้นมา เธอเม้มปากเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองซลักอร์นโดยที่มีความรู้สึกสับสนปนเปไปหมด
“จะว่าไปเกรนเจอร์
เธอเป็นญาติกับเฮ็กเตอร์ แด็กเวิร์ธ-เกรนเจอร์คนที่ตั้งสมาคมพิเศษสุดของนักปรุงยาผู้บุกเบิกรึเปล่า”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ”
เฮอร์ไมโอนี่ตอบซลักฮอร์น “หนูเกิดจากมักเกิ้ลค่ะอาจารย์”
เฮเลนเหลือบไปเห็นน็อตต์กระซิบอะไรบางอย่างให้เดรโกที่มีทีท่าเรียบเฉยฟังและพยายามหัวเราะไปพร้อมกับเขา
แต่ดูซลักฮอร์นจะไม่ได้แสดงอาการตกใจกับสิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่พูด
ตรงกันข้ามเขากลับยิ้มแฉ่งแล้วมองมายังแฮร์เรี่และเฮเลนที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน
“โอ้... ‘มีเพื่อนสนิทของเราคนหนึ่งเกิดจากมักเกิ้ล เธอเก่งที่สุดในรุ่นเรา!’ ฉันเดาว่าคงเป็นคนนี้ใช่ไหมพี่น้องพอตเตอร์!”
“ใช่ครับ”
แฮร์รี่ตอบยิ้มกว้าง
“ดี ดี
ให้กริฟฟินดอร์ยี่สิบแต้ม” ซลักฮอร์นพูดอย่างใจดี น็อตต์หน้าซีดไปในทันที
เฮอร์ไมโอนี่หันมาหาทั้งสอง ใบหน้าของเธอดูสดใสผิดปกติและกระซิบบอกพวกเขาด้วยน้ำเสียงดีใจสุดขีด
“พวกเธอบอกเขาไปอย่างนั้นจริงๆ
เหรอ! ขอบคุณมากนะ”
“แหม
จะประทับใจอะไรนักหนา” รอนกระซิบ
ดูเขามีท่าทางไม่ค่อยพอใจทีเฮอร์ไมโอนี่ดีใจจนออกหน้าออกตา
แน่นอนว่าเฮเลนมองออกว่าเขาหึงแม้กระทั่งเพื่อนสนิทของตัวเอง
“แน่นอนว่าน้ำยาลุ่มหลงไม่ได้สร้างความรักขึ้นมาจริงๆ
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะผลิตหรือทำเลียนแบบความรักได้ ไม่มีทางแน่นอน
น้ำยานี้เพียงแต่สร้างความคลั่งไคล้หรือความลุ่มหลงที่รุนแรงมาก
มันเป็นน้ำยาที่อันตรายที่สุดในห้องนี้” เขาพูดพร้อมกับปิดฝาหม้อน้ำยาลุ่มหลง “แล้วทีนี้ก็ถึงเวลาทำงานกันแล้ว”
“อาจารย์ครับ! อาจารย์ยังไม่ได้บอกเราเลยว่านั่นน้ำยาอะไร” เออร์นี่ มักมิลลันถามพลางชี้มือไปที่หม้อใบเล็กสีดำที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานซลักฮอร์น
น้ำยานั้นกระเพื่อมอย่างมีชีวิตชีวา มันมีสีเหมือนทองหลอมละลายและหยดใหญ่ๆ
กระโจนขึ้นมาบนผิวหน้าเหมือนกับปลาทอง
“โอ้” ซลักฮอร์นร้องขึ้น
แฮร์รี่และเฮเลนมองหน้ากันอย่างรู้ทันว่าจริงๆ
แล้วเขาไม่ได้ลืมน้ำยานั่นแต่เขาคอยให้มีคนถามเพื่อสร้างบรรยากาศ “ใช่แล้ว...
เอาล่ะ สุภาพสตรีและสุภาพบุรุษทั้งหลาย คือน้ำยาน้อยๆ ที่น่าสงสัยที่สุดเรียกว่า
ฟีลิกซ์ ฟิลิคิส และฉันคิดว่า...”
ซลักฮอร์นหันมาส่งยิ้มให้เฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังทำท่าตื่นเต้น
“เธอคงรู้ใช่ไหมว่ามันคือน้ำยาอะไรคุณเกรนเจอร์”
“น้ำยานำโชคค่ะ”
เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างตื่นเต้น “มันจะทำให้เราโชคดี”
ทั้งชั้นดูเหมือนจะนั่งตัวตรงขึ้นเล็กน้อย
ตอนนี้เฮเลนมองไปยังเดรโกที่ทำท่าตื่นเต้นหันไปมองซลักฮอร์นอย่างตั้งใจและไม่วอกแวกเหมือนครั้งแรกที่เดินเข้าชั้นเรียนมา
“ถูกต้อง
อีกสิบคะแนนให้กริฟฟินดอร์” ซลักฮอร์นพูดพร้อมยิ้ม “ใช่แล้วนี่คือน้ำยาน้อยๆ
แสนมหัศจรรย์ ฟีลิกซ์ ฟิลิคิสหรือน้ำยานำโชค
ต้องพลิกแพลงกันเต็มที่เวลาปรุงและมีฤทธิ์รุนแรงร้ายกาจนักถ้าทำผิดพลาด
อย่างไรก็ตามถ้าต้มอย่างถูกวิธีดังหม้อนี้
เธอจะพบว่าความบากบั่นทั้งหลายของเธอนั้นจะประสบความสำเร็จ...
อย่างน้อยก็จนกว่าจะหมดฤทธิ์”
“ทำไมเราไม่ดื่มมันตลอดเวลาเลยล่ะคะ”
แพนซี่ พาร์กินสันถามอย่างใคร่รู้ เฮเลนมองเด็กสาวผมสั้นประบ่าที่พยายามขยับเข้าใกล้เดรโกและมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ
มาตั้งแต่ต้นชั่วโมงอย่างหงุดหงิด และนั่นยิ่งทำให้เธอคิดว่ามีอะไรเกิดขึ้นในตู้รถไฟของพวกสลิธีรินบ้าง
อะไรที่แฮร์รี่ยังไม่ยอมบอกเธอกันแน่!
“เพราะว่าถ้าดื่มมากไป
จะทำให้เกิดอาการเคลิบเคลิ้ม ขาดความยั้งคิดและมั่นใจเกินไปจนอันตรายได้”
ซลักฮอร์นตอบ “ของดีมากเกินไป เธอก็รู้นี่ว่ามันจะต้องมีพิษร้ายแรงเมื่อใช้ในปริมาณมาก”
“และนั่น”
เขาพูดต่อ “คือของรางวัลสำหรับผู้ที่สามารถปรุงน้ำยาตายทั้งเป็นได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เอาล่ะลงมือได้!”
เสียงครูดคราดดังขึ้นเมื่อทุกคนต่างดึงหม้อใหญ่ของตนเข้ามาใกล้และเริ่มมีเสียงเกร้งเมื่อนักเรียนหลายคนเพิ่มตุ้มน้ำหนักลงบนตาชั่งแต่ไม่มีใครพูดอะไรกันเลยสักคำ เฮเลนเหลือบไปเห็นเดรโกพลิกดูหนังสือตำราปรุงยาขั้นสูงของเขาอย่างร้อนรน
ไม่มีอะไรที่ชัดไปกว่านี้แล้วว่าเขากำลังต้องการโชคมากจริงๆ
ข้อเสียของวิชาปรุงยาคือเป็นเรื่องยากมากที่จะเก็บผลงานของตัวเองเอาไว้เป็นส่วนตัว
สิบนาทีทั้งห้องก็ปกคลุมไปด้วยไอน้ำสีขาวขุ่น แน่นอนว่าเฮอร์ไมโอนี่ดูเหมือนจะก้าวหน้ากว่าใครเพื่อน
และเฮเลนที่พยายามหั่นถั่วฟอสฟอรัสจนมันกระเด้งไปกระเด้งมาลอยไปกระแทกกลางหน้าผากรอน
จนในที่สุดก็หมดเวลา ดูเหมือนน้ำยาของเฮเลนจะไม่ใสเท่ากับแฮร์รี่
แต่ซลักฮอร์นก็ดูปลื้มใจมาก
“ยอดเยี่ยมเลยทั้งสองคน! คุณพระคุณเจ้านี่มันเห็นชัดๆ เลยว่าพวกเธอได้รับพรสวรรค์มาจากแม่
ลิลี่เป็นมือทองเลยนะเรื่องการปรุงยา
เอาล่ะสงสัยว่าฉันจะต้องแบ่งมันออกมาเป็นสองขวดเสียแล้ว...”
แฮร์รี่และเฮเลนมองหน้ากันทั้งยิ้ม
ต่างจากเฮอร์ไมโอนี่ที่ยืนทำหน้าไม่พอใจอยู่ด้านหลัง
“ขอให้พวกเธอโชคดีนะ!” เฮเลนรับขวดใบจิ๋วบรรจุของเหลวสีทองมาจากซลักฮอร์น เท่าที่เธอจำได้แฮร์รี่ควรจะเป็นคนเดียวที่ได้รับน้ำยานำโชค
เขาจะใช้มันเพื่อความทรงจำของซลักฮอร์น แต่ทำไมเธอถึงได้น้ำยานี้มาเหมือนกันล่ะ?
มีใครกำลังจะบอกอะไรเธอหรือเปล่านะ
แฮร์รี่ดูจะดีใจมากที่ได้เห็นสีหน้าไม่พอใจของพวกสลิธีริน
และเยี่ยมยอดที่สุดเมื่อเฮเลนได้เห็นใบหน้าหงิกๆ ของแพนซี่และรอนดูจะตะลึงจนพูดไม่ออกเลยทีเดียว
“ถ้าเฮเลนทำได้นี่ฉันจะไม่ว่าเลย”
รอนว่าเมื่อทั้งคู่ออกมาจากคุกใต้ดิน “เป็นนายได้ไง”
“ฉันคิดว่าฉันโชคดีนะ”
แฮร์รี่พูดเพราะนยู่ในรัศมีที่เดรโกจะได้ยิน
เฮเลนรู้สึกว่าเขาพยายามหลบหน้าเธออยู่ตลอด
แม้กระทั่งหมดชั่วโมงปรุงยาเขาก็ยังเป็นคนแรกที่เดินพรวดพราดออกจากห้องไปก่อนตามด้วยแพนซี่
น็อตต์และเพื่อนสลิธีรินอีกคนหนึ่ง
ชั่วโมงปรุงยาที่เหลือตลอดสัปดาห์นั้นแฮร์รี่ก็กลายเป็นคนโปรดของซลักฮอร์นอย่างรวดเร็ว
ในที่สุดวันเสาร์ก็มาถึง
ช่วงนี้รอนและเฮอร์ไมโอนี่มีทีท่าเปลี่ยนไปราวกับว่าทั้งสองทะเลาะกันและมีความเห็นไม่ลงรอยกันอยู่บ่อยๆ
และนั่นทำให้ลาเวนเดอร์คนสวยรออย่างใจจดใจจ่อเวลาที่รอนไม่ได้อยู่กับเฮอร์ไมโอนี่
“ฉันอยากจะฆ่าเขาซะ!”
เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างไม่พอใจหลังจากที่รอนเริ่มพูดคุยอย่างสนิทสนมกับคนอื่นและแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือลาเวนเดอร์
เฮเลนยักไหล่พลางก้มลงเขียนรายงานต่อไปโดยไม่อยากพูดอะไรให้มากมายนัก
บางทีลาเวนเดอร์อาจจะรู้สึกปลื้มรอนที่เสกคาถามากมายตอนอยู่ในทัพดัมเบิลดอร์ได้ก็ได้
หรือไม่ก็เพราะความโด่งดัง...
แต่อะไรคือความโด่งดังของรอนกันล่ะ?
เวลาว่างไม่ได้มีเอาไว้เพื่อพักผ่อนอย่างที่คิดเอาไว้เลย
มันเป็นเวลาที่ต้องพยายามไล่ทำการบ้านจำนวนมหาศาลที่ได้รับมาให้ทัน ไม่เพียงพวกเขาจะต้องร่ำเรียนกันราวกับว่ามีสอบทุกวันแล้ว
เนื้อหาวิชาที่ต้องเอาใจใส่มากขึ้นกว่าแต่ก่อนด้วย
เฮเลนลืมเลือนเรื่องที่จะต้องกลับไปยังโลกเดิมและยังลืมเลือนแม้กระทั่งสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปจากนั้น ในหัวแทนที่ด้วยความรู้สึกที่มีต่อเดรโกและเหตุผลของการหลบหน้าของเขา
ตอนนี้พวกนักเรียนไม่ได้ใช้คาถาไร้เสียงกันเฉพาะเวลาเรียนป้องกันตัวจากศาสตร์มืดเท่านั้นแต่ยังใช้ในวิชาแปลงร่างด้วย
ทุกคนกำลังดิ้นรนที่จะเสกคาถาให้ได้โดยไม่ออกเสียง
การออกไปที่เรือนกระจกในวิชาสมุนไพรศาสตร์เหมือนะเป็นวิชาที่ผ่อนคลายแต่ไม่ใช่อีกแล้วเมื่อพวกเขาต้องรับมือกับต้นไม่ที่มีอันตรายมากกว่าเดิม
ผลของการบ้านมหาศาลและการฝึกคาถาไร้เสียง
ทำให้ทั้งสี่คนไม่อาจหาเวลาไปเยี่ยมแฮกริดได้เลย
และเหมือนเขาจะเลิกมากินอาหารที่โต๊ะอาจารย์ มันเป็นสัญญาณบอกเหตุไม่ดีและสองสามครั้งที่มีโอกาสได้เดินสวนกันแฮกริดก็จะทำเป็นไม่ได้ยินเสียงทักของพวกเขาอย่างน่าประหลาด
“ฉันคิดว่าเราควรอธิบายแล้วไปหาแฮกริดได้แล้วนะ”
เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางเหล่ตามองไปยังเก้าอี้ตัวใหญ่ที่ว่างเปล่าของแฮกริดตรงโต๊ะอาจารย์ระหว่างที่กำลังทานอาหารเช้ากันในวันเสาร์ถัดมา
เฮเลนรู้สึกว่าหนึ่งสัปดาห์มันช่างผ่านไปไวเหลือเกิน เธอแทบไม่ได้คุย
ไม่สิเรียกว่าไม่ได้คุยกับเดรโกเลยสักคำด้วยซ้ำ
“เราจะคัดเลือกผู้เล่นควิดดิชเช้านี้นะ!” รอนว่า “และเราต้องฝึกคาถา 'อากัวเมนตี' ของฟลิตวิกด้วย
อีกอย่างจะไปอธิบายเรื่องอะไร เราจะบอกเขาว่าไงว่าเราเกลียดวิชานั่น”
“เราไม่ได้เกลียดวิชานั่นนะ!” เฮอร์ไมโอนี่และเฮเลนพูดขึ้นพร้อมกันอย่างไม่พอใจ
“แล้วฉันจะบอกอะไรให้นะ ฉันไม่อยากจะไปช่วยกรอว์ปผูกเชือกรองเท้าหรอกนะจะบอกให้” รอนว่า
“ฉันไม่สบายใจ” เฮอร์ไมโอนี่พูดต่อ ท่าทางเป็นกังวล ส่วนเฮเลนตอนนี้ก็รู้สึกผิดที่ไม่ได้ลงเรียนวิชานั้นไปทั้งที่เธอเองก็ชอบสัตว์วิเศษที่แฮกริดสอนเอามากๆ แถมสอบได้คะแนน ‘ดีเยี่ยม’ อีกต่างหาก
“เราจะลงไปหาหลังจากเลิกควิดดิช”
แฮร์รี่พูดเสียงเข้ม “แต่การคัดเลือกคงจะกินเวลาช่วงเช้าไปมาก คนไปสมัครกันเยอะเลย
ไม่รู้เหมือนกันว่าอยู่ๆ ทำไมทีมเราถึงได้ป๊อปปูลาร์ขึ้นมา”
“ไม่เอาน่าแฮร์รี่! -- ไม่ใช่ควิดดิชที่ป๊อปปูลาร์ เธอต่างหาก! เธอกับเฮเลนไม่เคยน่าสนใจเท่านี้มาก่อนเลยบอกตรงๆ แล้วก็ไม่ได้น่าหลงใหลมากเท่านี้ด้วย” รอนสำลักปลาชิ้นใหญ่ เฮอร์ไมโอนี่ดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาส่งให้เขาที่นั่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะหันกลับมาหาคู่แฝด “ตอนนี้พวกเขารู้ความจริงแล้ว่าพวกเธอไม่ได้โกหก โลกผู้วิเศษต้องยอมรับว่ามันถูกต้องมาตลอดเรื่องโวลเดอมอร์กลับมาแล้วและพวกเธอได้สู้กับเขาจริงๆ สองครั้งแถมยังหนีรอดมาตลอดด้วย”
“แต่มันแย่มากเลยพูดตรงๆ” เฮเลนขัด เฮอร์ไมโอนี่หรี่ตามองเธอนิดหน่อยก่อนพูดต่อ
“ตอนนี้ทุกคนก็เรียกพวกเธอว่า
‘คนที่ถูกเลือก’ ไงล่ะ
แล้วทีนี้ยังไม่เข้าใจอีกเหรอว่าทำไมผู้คนถึงนิยมชมชอบพวกเธอนัก
แถมเธอคงต้องหวงเฮเลนมากขึ้นด้วย
ฉันจำไม่ได้แล้วว่าระหว่างเดินไปเรียนด้วยกันเฮเลนถูกใครเดินเข้ามาส่งตาหวานให้กี่คนแล้ว”
เด็กสาวชะงักมือที่กำลังจิ้มปลาคิปเปอร์เข้าปาก
ดวงตากลมโตเหลือบมองแฮร์รี่ที่มองมาทางเธออย่างไม่พอใจนัก เฮเลนยิ้มแหยๆ จริงๆ
แล้วมันไม่ใช่เรื่องที่ต้องบอกสักหน่อยว่าใครส่งตาหวานมาให้บ้าง
ยกเว้นว่าพวกนั้นจะบุกเข้าใส่เธอเหมือนเดรโกเมื่อปีที่แล้ว...
“แล้วมันก็ไม่เลวร้ายหรอกที่เธอโตขึ้นอีกตั้งฟุตแถมเฮเลนเองก็ยังตัวเล็กจ้อยน่ารักขนาดนี้ แถมยังดูน่าสนใจกว่าเดิมอีกหลังจากกลับมาจากหน้าร้อน”
เฮอร์ไมโอนี่พูดต่อจนจบในขณะที่รอนยื่นผ้าเช็ดหน้าคืนให้
“ฉันก็สูงนะ”
รอนพูดขึ้นลอยๆ แต่เฮเลนรู้ดีว่ามันเป็นการเรียกร้องความสนใจจากเฮอร์ไมโอนี่
นกฮูกไปรษณีย์มาถึง
มันบินโฉบผ่านลงมาทางหน้าต่างที่เป็นลายพร้อยด้วยเม็ดฝน
พร้อมสลัดหยดน้ำกระจายใส่ทุกคน นักเรียนในห้องโถงได้รับจดหมายมากกว่าปกติ
พ่อแม่กระวนกระวายใจอยากได้ยินข่าวจากลูกและในทางกลับกันทุกคนก็ต้องการให้ลูกๆ มั่นใจว่าที่บ้านเรียบร้อยดี
หนังสือพิมพ์ประจำวันของเฮอร์ไมโอนี่ก็มาด้วยเช่นกัน
“มีใครที่เรารู้จักตายรึเปล่า”
รอนถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน
เขาตั้งคำถามแบบนี้ทุกวันที่เฮอร์ไมโอนี่เปิดหนังสือพิมพ์
“ไม่มีหรอก
แต่พบผู้คุมวิญญาณโจมตีหลายแห่ง” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ “แล้วก็มีการจับกุม”
“ยอดเลย! ใครล่ะ” แฮร์รี่ถาม
“ฉันหวังให้เป็นเบลาทริกซ์หรือไม่ก็สามีหล่อน!” เฮเลนพูดต่ออย่างจงใจ
“สแตน ชันไพก์”
เฮอร์ไมโอนี่ตอบ
“อะไรนะ” แฮร์รี่
เฮเลนและรอนร้องขึ้นพร้อมกันอย่างตกใจ
“สแตนลีย์
ชันไพก์ คนตรวจตั๋วประจำรถเมล์อัศวินราตรี ยานพาหนะที่นิยมมากในหมู่ผู้วิเศษ
ถูกจับกุมข้อหามีกิจกรรมเกี่ยวข้องกับผู้เสพความตาย นายชันไพก็อายุ 21 ปี ถูกนำตัวไปคุมขังเมื่อคืนวานนี้หลังจากการบุกจับที่บ้านของแคลปฮัม...”
“ไม่มีทาง!” เฮเลนว่าพลางนึกย้อนถึงเรื่องของแฮร์รี่ในตอนนั้น
“เขาอาจจะโดนคาถาสะกดใจ”
รอนว่า “นายบอกไม่ได้หรอก”
“คงไม่ใช่แบบนั้น”
เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้น “ในนี้บอกว่าเขาถูกจับหลังจากมีคนได้ยินเขาพูดเรื่องแผนลับของผู้เสพความตายในร้านเหล้า
ถ้าอยู่ในอำนาจของคำสาปเขาไม่น่ายืนซุบซิบเรื่องพวกนี้ได้หรอกนะ”
“ไม่รู้ว่าพวกนั้นเล่นอะไรอยู่ถึงคิดว่าคำพูดของหมอนั่นเป็นจริงเป็นจัง”
แฮร์รี่ตอบ
“พวกเขาคงอยากให้เห็นว่าทำอะไรบ้างล่ะมั้ง”
เฮอร์ไมโอนี่ว่าพลางขมวดคิ้ว “ผู้คนกำลังกลัว
รู้ไหมว่าพวกพาติลน่ะเกือบถูกพากลับบ้าน แล้วก็เอลัวอิส
มิดเจ็นก็ถูกพ่อพากลับไปแล้วเมื่อคืนวาน”
“อะไรนะ!” รอนร้อง “แต่ฮอกวอตส์น่ะปลอดภัยกว่าบ้านของพวกนั้นอีกนะ
เรามีทั้งมือปราบมารรอบโรงเรียน คาถาป้องกันพิเศษทั้งหมดแล้วเราก็มีดัม...”
“ฉันไม่คิดว่าเขาอยู่ตลอดเวลาหรอกรอน”
เฮเลนพูดขึ้นเสียงแผ่วพลางมองไปยังโต๊ะอาจารย์ “นายไม่สังเกตเหรอว่าตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาที่นั่งเขาว่างพอๆ
กับแฮกริดเลย”
ทุกคนเงยหน้าขึ้นไปมองเก้าอี้อาจารย์ใหญ่พร้อมกัน
มันว่างเปล่าจริงๆ และในตอนนี้เหมือนแฮร์รี่จะนึกอะไรขึ้นมาได้ แต่เขายังไม่พูดอะไรจนกระทั่งเฮเลนแอบนึกย้อนไปถึงเมื่อสามวันก่อนเรื่องแฮนนาห์
อับบอต (ยัยฝูงนกโดฟลามิงโก้วันสอบ ว.พ.ร.ส.)
ถูกตามตัวออกไปจากชั้นเรียนสมุนไพรศาสตร์เพื่อรับรู้ว่าพ่อแม่ของเธอตายแล้ว
และพวกเขาก็ไม่ได้เห็นแฮนนาห์อีกเลยนับจากวันนั้น
ห้านาทีถัดมาทั้งสี่ลุกจากโต๊ะกริฟฟินดอร์เพื่อมุ่งหน้าไปสนามควิดดิช
พวกเขาเดินผ่าลาเวนเดอร์ บราวน์และปาราวตีพาติล
ที่นั่งคุยกันด้วยสีหน้าอมทุกข์แต่เมื่อรอนเดินผ่านข้างตัวทั้งสอง อยู่ๆ
ปาราวตีก็สะกิดลาเวนเดอร์ให้หันมองรอนและยิ้มกว้างๆ ให้เขา
รอนยิ้มตอบอย่างงงๆ
โดยมีเฮอร์ไมโอนี่ทำท่าไม่พอใจอยู่ข้างๆ ส่วนเฮเลนเองเห็นท่าทางของลาเวนเดอร์แล้วอดหงุดหงิดใจไม่ได้
เธอแอบคิดอยู่ว่าเมื่อไหร่เฮอร์ไมโอนี่จะแสดงตนไปเลยว่าเธอกับรอนกำลังคบหาดูใจกันอยู่
เรื่องนี้เป็นโชคร้ายของแฮร์รี่ที่เขาไม่ได้รับรู้อะไรเลย
เฮเลนกับเฮอร์ไมโอนี่แยกตัวออกไปหาที่นั่งบนอัฒจันทร์
การคัดเลือกน่าจะใช้เวลานานเกือบตลอดช่วงเช้า
เด็กกริฟฟินดอร์เกือบครึ่งหนึ่งของบ้านพากันมาทดสอบ
ตั้งแต่เด็กปีหนึ่งไปจนถึงนักเรียนปีเจ็ดที่สูงตระหง่านและดูข่มเสียเหลือเกิน
หนึ่งในนั้นมีคอร์แม็ก แม็คล้ากเก้นอยู่ในนั้นด้วย เฮอร์ไมโอนี้เบ้ปากนิดหน่อยที่เห็นเขา
การทดสอบพื้นฐานเป็นไปได้ด้วยดีอย่างไม่น่าเชื่อ
แฮร์รี่สามารถคัดคนที่ไม่เข้าท่าทิ้งออกไปได้อย่างง่ายดาย
สองชั่วโมงผ่านไปพร้อมกับเสียงบ่นมากมายที่เฮเลนได้ยินจากปากแฮร์รี่และการกระเบิดอารมณ์ร่วมสิบครั้ง
เฮเลนเริ่มรู้สึกว่านักเรียนที่เข้ามาร่วมสมัครกำลังทำตัวให้โดดเด่นเสียเหลือเกิน
เด็กผู้หญิงที่เข้ามาทดสอบแบบไม่มีไม้กวาดหรือเหล่ารุ่นพี่ปีเจ็ดที่พยายามยืดอกและเหล่มองมาที่เธอเป็นระยะ
“ฉันเริ่มเห็นว่ามันไร้สาระแล้วล่ะ”
เฮเลนพูดขึ้น “พวกนั้นไม่มีอะไรทำแล้วรึไง”
“ไม่รู้สิ
ฉันก็บอกไปแล้วว่าช่วงนี้พวกเธอน่ะเนื้อหอมจะน่าขย้ำเลยล่ะ”
เฮอร์ไมโอนี่ว่าพร้อมยิ้มและหันมาแกล้งเฮเลนไปมาจนเสียงหัวเราะของทั้งสองดึงสายตาของนักเรียนที่มาเข้าทดสอบได้เป็นอย่างดี
และเสียงแฮร์รี่ตวาดลั่นก็ดังขึ้นมาอีกรอบพร้อมสายตาที่มองมายังทั้งสองอย่างดุๆ
เฮเลนและเฮอร์ไมโอนี่หยุดเล่นกันและพยายามมองไปที่สนามควิดดิชอย่างตั้งใจมากกว่าเมื่อสักครู่นิดหน่อย
เหมือนว่าหลังจากนั้นแฮร์รี่ก็ทดสอบได้เชสเซอร์มาสามคนคือ แคตี้
เบลล์ซึ่งกลับมาเข้าร่วมทีม เดมเลซ่า ร็อบบินส์ เด็กใหม่และจินนี่ วีสลีย์
แฮร์รี่ดูจะพอใจมากแต่เสียงตะโกนลั่นของเขาก็ยังลอยขึ้นมาเข้าหูของเฮเลนและเฮอร์ไมโอนี่เนื่องจากมีพวกขี้บ่นทั้งหลายคิดว่าแฮร์รี่เลือกคนที่รู้จักให้ผ่านเข้าทีม
และตอนนี้เขากำลังสู่รบอยู่กับกลุ่มที่เข้ามาทดสอบเพื่อเป็นบีตเตอร์และไม่ได้รับเลือกเช่นกัน
บีตเตอร์ที่เขาเลือกมาดูจะไม่น่าพอใจเท่าไหร่
เฮเลนไม่เห็นว่าใครจะสามารถเข้ามาแทนที่เฟร็ดกับจอร์จได้เลยสักนิดและเด็กสาวแอบหวังลึกๆ
ว่าถ้าเกิดพวกเขาไม่ออกไป ทีมก็คงจะเป็นทีมที่สมบูรณ์แบบอย่างแน่นอน
และในที่สุดการทดสอบก็เสร็จสิ้นพร้อมกับทีมที่สมบูรณ์... ไม่เท่าไหร่
แฮร์รี่เกือบโดนแม็คล้ากเก้นชกเอาเข้าแล้วเนื่องจากว่าเขาคิดว่าแฮร์รี่ตัดสินอย่างไม่เป็นธรรม
เด็กสาวเข้าไปยืนขวางลำเอาไว้ทันที ดีแค่ไหนแล้วที่เฮเลนไม่ได้แช่งเขาเข้าด้วย
แม็คล้ากเก้นเดินออกไปจากสนามด้วยอารมณ์หงุดหงิด ส่วนเฮอร์ไมโอนี่ดูจะดีใจมากที่รอนผ่านการทดสอบ
เธอวิ่งลงมาจากอัฒจันทร์กระโดดกอดรอนเข้าอย่างเต็มที่จนเขาเกือบหงายหลัง
เฮเลนแอบชำเลืองมองลาเวนเดอร์ที่เดินเข้ามาหมายจะแสดงความยินดีแบบเนียนๆ
ทั้งที่หล่อนไม่เคยรู้จักรอนมาตั้งแต่แรก เธอทำสีหน้าขุ่นเคืองดึงแขนปาราวตีออกไปจากสนามอย่างรวดเร็วโดยมีเฮเลนยืนยิ้มเยาะจากทางด้านหลังให้
แฮร์รี่นัดซ้อมอีกครั้งในวันพฤหัสหน้า
และกำลังเตรียมตัวที่จะเดินไปยังกระท่อมของแฮกริดแต่ว่าเด็กสาวเหลือบไปเห็นชายเสื้อสีเขียวสลับดำของนักควิดดิชทีมสลิธีรินเข้า
“แฮร์รี่
พวกสลิธีรินซ้อมต่องั้นเหรอ”
“ใช่”
เขาตอบด้วยท่าทางเมินเฉยหลังจากเห็นผมสีบลอนด์ของใครบางคนแต่ไกล
“ให้ฉันอยู่ที่นี่ก่อนได้ไหม”
เฮเลนว่า แฮร์รี่ปรายตามองเธอนิดหน่อยก่อนจะพยักหน้า
“รีบตามไปล่ะ”
เขาว่าแล้วเดินนำเฮอร์ไมโอนี่และรอนไปยังกระท่อมของแฮกริดก่อนในทันที
เฮอร์ไมโอนี่ตบบ่าเฮเลนนิดหน่อยเป็นเชิงให้กำลังใจก่อนจะเดินตามรอนไปติดๆ
“เอาล่ะ...
ฉันต้องถามให้ได้” เด็กสาวพูดกับตัวเอง
ทีมควิดดิชของสลิธีรินกำลังเดินเข้ามาที่สนามแล้ว
เฮเลนก้าวเข้าไปหาพวกเขาอย่างช้าๆ และรอคอยให้ใครสักคนมองเห็นเธอ
วอลริงตันเหมือนจะเห็นเด็กสาวก่อนใครเพื่อน
เขาเบี่ยงตัวหลบให้เธอพลางยิ้มอย่างประหลาด
เฮเลนมองใบหน้าของเขาเล็กน้อยพลางกวาดตามองหาเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์จางผู้ที่เธอไม่ได้พบและพูดคุยอย่างจริงจังเลยตั้งแต่เปิดเทอมมา
และเขาเหมือนพยายามหลบหน้าเธอมาตลอดหลังจากวันที่เข้าไปในร้านนั้น
“เดรโก!” เฮเลนส่งเสียงเรียกทันที นักกีฬาควิดดิชบ้านสลิธีรินแหวกทางให้เธอเดินเข้าไปหาเดรโก
มัลฟอยได้โดยง่าย ดวงตาสีฟ้าซีดของเขาเบิกโพลงอย่างตกใจ
หันรีหันขวางเหมือนจะหาที่หลบซ่อนตัวแต่มันก็คงไม่ทันเสีแล้ว
“นาย! ทำไมต้องหลบฉันด้วย”
เด็กหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ
พยายามนิ่งมากที่สุดเท่าที่เขาจะนิ่งได้
“เปล่า”
น้ำเสียงของเขาดูเรียบเฉย
“เดรโก!”
“หยุดเรียกซักที”
คนตรงหน้าเฮเลนขึ้นเสียง
แท็คที่เดินรั้งท้ายตามมาส่งสายตาตกใจมาให้เฮเลนแบบไม่ปิดบัง
ดวงตาสีดำคู่นั้นยังดูน่ารังเกียจอยู่เสมอเมื่อเธอได้มอง
“นายเป็นอะไรเนี่ย”
เฮเลนขมวดคิ้ว สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย เดรโกนิ่งเงียบ ไม่สบตาเธอด้วยซ้ำไป
เขาเดินเลี่ยงไปอีกทางและคว้าด้ามไม้กวาดของตัวเองที่ฝากเพื่อนในทีมถือเอาไว้
“พอตเตอร์ไม่ได้เล่าอะไรให้เธอฟังเลยรึไง” เขาพูดทั้งที่ยังยืนหันหลังให้กับเธออยู่ เฮเลนหันไปมองแผ่นหลังกว้างของร่างที่สูงกว่าเธอนิดหน่อยพลางขมวดคิ้วเข้าหากัน รู้สึกไม่เข้าใจ ตอนนี้ในอกเธอมันเต็มไปด้วยอารมณ์ต่างๆ มากมาย สงสัย มึนงง และเหมือนอยากจะอาละวาดเสียตรงนี้ “ฉันกำลังคบกับแพนซี่”
ประโยคถัดมาทำให้เฮเลนรู้สึกเหมือนถูกอะไรถ่วงกระเพาะเอาไว้
และเหมือนพื้นกำลังเอนเอียงและทรงตัวไม่อยู่จนต้องเลื่อนมือไปจับไหล่ของแท็คที่ยืนอยู่ใกล้เธอที่สุดเอาไว้เพื่อพยุงตัวเองไม่ให้ล้มลง
“ว่าอะไรนะ?”
“ฉันกำลังคบกับแพนซี่”
เขาพูดทวน “เลิกถามสักที”
“ทำไม?”
เหมือนกับขาดสติ เธอเอ่ยถามหาเหตุผลจากคนที่กำลังหันหลังให้
“บอกว่าให้เลิกถามสักที”
เขาพูดเสียงเรียบ “ฉันจะไปซ้อม หวังว่าจะไม่ต้องเจอเธออีก”
เขาเดินออกไปพร้อมเพื่อนร่วมทีมที่ส่งเสียงเฮลั่นราวกับว่าไม่เคยเจอเรื่องสนุกใดเท่าเรื่องนี้มาก่อนในชีวิต แท็คดูวิตกกังวลเล็กน้อยทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นอะไรกันด้วยซ้ำ เขาค่อยๆ ดึงมือของเฮเลนออกจากไหล่และเดินตามพวกไปโดยไม่หันกลับมามองอีก เด็กสาวรู้สึกว่าทัศนวิสัยพร่าเบลอไปหมด พยายามจะทรงตัวเอาไว้ทั้งที่ไม่มีที่ยึดเหนี่ยว
สองขาอ่อนปวกเปียกแต่ก็ยังก้าวเดินต่อและลงเนินไปยังกระท่อมของแฮกริดที่เปิดประตูรอต้อนรับเธออยู่
ติดตามตอนต่อไป...
ความคิดเห็น