คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #30 : บทที่ 4 : ชั้นเรียนป้องกันตัวจากศาสตร์มืด
บทที่ 4 : ชั้นเรียนป้องกันตัวจากศาสตร์มืด
ตลอดวันหยุดที่เหลืออยู่แฮร์รี่เอาแต่ครุ่นคิดเรื่องที่เดรโกพูดทิ้งเอาไว้
เขาพูดบ่อยจนรอนและเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกรำคาญแต่ต่างจากเฮเลนตรงที่เธอไม่แม้แต่จะฟังมันด้วยซ้ำ
เพราะเธอรู้อยู่แก่ใจดีทุกอย่างว่าเดรโกกำลังจะทำอะไรและทำไปทำไม
ถึงลูเซียสจะตายไปแต่โวลเดอมอร์เองก็คงจะไม่ยอมละทิ้งความต้องการที่จะใช้งานเดรโกแน่ๆ เขาอาจจะถูกใช้งานมากขึ้นเสียด้วยซ้ำ โดยเฉพาะตอนที่ลูเซียสได้หายไปแล้ว
“ฉันไม่ชอบเลยที่ต้องเจออะไรแบบนี้”
แฮร์รี่กระซิบหลังจากที่กำลังจะลากหีบไปยังตู้รถที่ยังว่าง เขามองเห็นจินนี่กับดีนคุยกันกระหนุงกระหนิงอย่างไม่พอใจเล็กน้อย เฮเลนแอบสังเกตท่าทางของเขาได้ ยิ่งตอนอยู่ที่บ้านโพรงกระต่ายแฮร์รี่ก็แสดงอาการแปลกๆ ตลอดทุกครั้งที่อยู่ใกล้จินนี่ ทั้งสองลากหีบไปตามทางเดินโดยมีผู้คนจ้องทั้งสองตาไม่กระพริบ บางคนถึงขั้นเปิดประตูออกมามองตามหลังพวกเขาหลังจากที่เดินผ่านหน้าห้องด้วยซ้ำไป ที่จริงก็คาดเอาไว้แล้วว่าจะต้องเจอแต่ก็ไม่คิดว่าจะต้องเจอมากมายขนาดนี้
“ไปหาตู้ด้วยกันไหม”
แฮร์รี่เดินไปสะกิดไหล่จินนี่ เด็กสาวส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ
“ไปไม่ได้หรอกแฮร์รี่
ฉันนัดดีนเอาไว้น่ะ” จินนี่ตอบเสียงใส “แล้วเจอกันนะ”
เธอว่าแล้วเดินผละจากไปพร้อมกับแฟนหนุ่ม เฮเลนมองใบหน้าขุ่นๆ ของแฮร์รี่ เขาคงชินที่มีจินนี่อยู่ใกล้ตัวตลอดหน้าร้อนจนลืมไปว่าตามปกติแล้วเธอไม่เคยอยู่กับพวกเขาที่ฮอกวอตส์เลยด้วยซ้ำ ทั้งสองเดินไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็พบกับรอนและเฮอร์ไมโอนี่นั่งอยู่ในตู้หนึ่งไม่ไกลจากที่พวกเขายืนอยู่นัก
“กว่าจะมากันได้นะ”
รอนพูดพลางเลื่อนมือกุมท้อง “หิวอีกแล้วให้ตายสิ”
“แต่เมื่อเช้าเธอกินเข้าไปตั้งเยอะนะรอน”
เฮเลนหลุดขำ
เธอทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ กับเฮอร์ไมโอนี่และแฮร์รี่ก็นั่งปุลงข้างๆ กันกับรอน
“ดูเหมือนว่ามัลฟอยวันนี้จะดูแปลกๆ นะ” รอนว่าหลังจากที่นั่งคุยเรื่องสัพพะเหระอยู่ครู่หนึ่ง "เขาไม่ได้มาหาเธอเลยไม่ใช่เหรอ -- พวกเธอไม่ได้คบกันอยู่หรือไง"
"ก็ -- " เฮเลนอึกอัก ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เหมือนจะชัดเจนแต่ก็ไม่ชัดเจน "ฉันไม่แน่ใจ..."
"ฉันขอตัวไปสูดอากาศก่อนนะ" แฮร์รี่พูดแล้วเดินออกจากห้องไป เฮเลนยังคงนั่งเงียบและฟุบหน้าลงบนฝ่ามือ หัวสมองของเธอกำลังทำงานราวกับวิ่งมาราธอน ทั้งเรื่องที่เปลี่ยนแปลงและไม่เปลี่ยนแปลง สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นอาจจะร้ายแรงมากกว่าที่เธอเคยได้อ่านเรื่องของพวกเขาผ่านหนังสือหรือแม้แต่ภาพยนตร์ก็ได้ แถมในช่วงเวลาที่มีแต่เรื่องที่เปลี่ยนไป ทำให้เฮเลนคิดไม่ตกว่าตัวเองควรจะทำอะไรต่อไป ดำเนินเรื่องต่อ หรือควรทำอย่างไรดี...
เวลาผ่านไปนานจนรถเจียนจะถึงฮอกวอตส์ แฮร์รี่ที่ออกไปสูดอากาศก็ไม่ยักจะกลับมา เฮอร์ไมโอนี่กับรอนบ่นกระปอดกระแปดที่ต้องขนสัมภาระของเขาลงรถไฟไปด้วย เฮเลนยืนรอเขาอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าโรงเรียนอยู่เนิ่นนานแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าแฮร์รี่จะโผล่มา จนกระทั่งเดรโกเดินเข้ามาพร้อมใบหน้าบึ้งตึง เด็กสาวอ้าปากเตรียมจะทักแต่ว่าดูเขาคงไม่อยากตอบอะไรเธอตอนนี้ เฮเลนปิดปากเงียบและยืนรอต่อไปโดยที่รอนและเฮอร์ไมโอนี่ล่วงหน้าไปก่อนเพราะคิว่าแฮร์รี่คงขึ้นรถม้าไปแล้ว
“ไม้เท้านี่เอาไว้ทำอะไร”
เสียงของฟิลช์ดังขึ้น
เฮเลนหันไปมองพวกเขาทันที เดรโกมีท่าทางหงุดหงิด
เขาพยายามดึงไม้เท้าของลูเซียสคืนมาจากมือภารโรงของโรงเรียนโดยมีสเนปยืนอยู่ข้างๆ
พูดอะไรบางอย่างที่เธอไม่ได้ยิน
“มาเสียที
ฉันกำลังรอพวกเธอสองคนอยู่เลย”
เสียงศาสตราจารย์ฟลิตวิกดังขึ้นและทำให้เฮเลนหันกลับไปมองยังประตูอีกครั้ง
คราวนี้แฮร์รี่เดินเข้ามาแล้วพร้อมกับลูน่า ดูเหมือนบนหน้าเขาจะมีอะไรบิดๆ เบี้ยวๆ
ไปสักหน่อยนะ เหมือนจะเป็นจมูก...
“หน้าสวยนี่พอตเตอร์!!” เสียงของเดรโกตะโกนมาก่อนจะเดินออกไปด้วยท่าทางฉุนเฉียว
สิ่งที่แปลกไปอีกคือการเรียกชื่อของพวกเขา
เวลาที่อยู่ต่อหน้าใครอื่นที่ไม่ใช่พวกเขาทั้งหมด
เดรโกกับแฮร์รี่จะกลับไปเรียกกันด้วยนามสกุลเหมือนเดิมทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาก็เรียกกันด้วยชื่อตามปกติเหมือนปีที่แล้ว
นี่มันเกิดอะไรขึ้น...
"นายไปทำอะไรมาแฮร์รี่" เฮเลนถาม แฮร์รี่ไม่ตอบและจ้องมองแผ่นหลังเดรโกด้วยสายตาประหลาด
ลูน่าจัดการซ่อมจมูกให้กับแฮร์รี่ เด็กสาวยิ้มออกมาอย่างสดใสเมื่อการร่ายคาถาของเธอดูจะราบรื่น จมูกของแฮร์รี่กลับมาเป็นรูปทรงเดิม เขาส่งเสียงร้องออกมานิดหน่อย แฮร์รี่ดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อกันหนาวที่เขาสวมอยู่ขึ้นมาซับเลือดที่ไหลท่วมจมูกเขาในเวลานี้ ดูดีๆ แล้วเขายังไม่ได้เปลี่ยนไปสวมเสื้อคลุมเลยด้วยซ้ำไป
“มันยังไม่ถึงเวลาที่ฉันควรจะบอกเธอ” แฮร์รี่ถอนหายใจ “หรือบางทีฉันควรให้หมอนั่นบอกเธอเอง”
เฮเลนเงียบเสียงไป
เด็กสาวไม่พยายามที่จะหาคำตอบจากปากของแฮร์รี่เพราะต่อให้ถามไปเจ้าตัวก็คงจะไม่ยอมบอก
และถ้าเกิดว่าเธอได้มีโอกาสพบและถามเรื่องนี้กับเดรโกตอนที่ไม่มีแพนซี่อยู่ด้วยมันก็คงจะดี
“พวกนั้นมาทำอะไรเหรอคะ”
ในระหว่างรอรถม้า ลูน่าก็เอ่ยถามศาสตราจารย์ฟลิตวิกที่กำลังหันหลังร่ายเวทมนตร์อะไรสักอย่างที่รั้วโรงเรียน
“มือปราบมาร
ตอนนี้ฮอกวอตส์มีมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น ทำให้กระทรวงต้องส่งพวกเขามาดูแลอยู่รอบโรงเรียนเลย”
เขาว่าพลางเก็บไม้กายสิทธิ์ลงในกระเป๋าเสื้อ “เอาล่ะไปกันได้แล้วเด็กๆ”
ศาสตราจารย์ฟลิตวิกไล่ทั้งสามขึ้นไปบนรถอย่างเร่งรีบทันทีที่รถม้านั้นมาถึง
ใช้เวลาไม่นานทั้งสามก็เข้ามาถึงห้องโถงใหญ่ เพียงแค่ก้าวพ้นธรณีประตูไปสายตาทุกคู่ก็เลื่อนเข้ามาจับจ้องที่คู่แฝดในทันที
เฮเลนพยายามคิดว่าพวกเขากำลังจ้องมองลูน่าแต่เธอก็ไม่สามารถที่จะทำเป็นไม่รู้สึกถึงสายตาพวกนั้นได้เลย
“เธอไปไหนมา
เราเป็นห่วงเธอแทบแย่แฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้นทันทีที่แฮร์รี่นั่งลงข้างๆ
จินนี่ตามด้วยเฮเลน
“ฉันจะเล่าให้ฟังที่หลัง”
แฮร์รี่ตอบห้วนๆ มือยังคงซับเลือดบนจมูก เขารู้สึกได้ว่าคนรอบกายไม่ว่าจะเป็น ลี
จอร์แดน ดีน โทมัส และเชมัส ฟินิกัน
แม้แต่นิกหัวเกือบขาดที่ลอยอยู่เหนือม้านั่งยาวก็กำลังคอยที่จะแอบฟังอยู่ด้วย
“ยังไม่ใช่ตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่” เขาย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงราวกับกำลังดุเด็กน้อยกลุ่มหนึ่งที่พยายามถามเรื่องที่เขาไม่อยากบอก เขาหวังว่าคนอื่นๆ คงจะคิดว่าเขาไปยุ่งอะไรที่เกี่ยวกับผู้คุมวิญญาณหรือวีรกรรมอะไรทำนองนั้น
“เราพลาดอะไรไปรึเปล่าเฮอร์ไมโอนี่”
เฮเลนว่าพลางเลื่อนมือไปหยิบน่องไก่บนโต๊ะและเบคอนมาวางในจานอย่างรวดเร็วก่อนที่อาหารคาวจะหายไปและถูกแทนที่ด้วยของหวานแทน
เด็กสาวแบ่งน่องไก่ใส่ไปในจานของแฮร์รี่ ดูท่าว่าเขาจะหัวเสียนิดหน่อยที่หยิบมันมาไม่ทัน
“หมวกคัดสรรคบอกให้เรากล้าหาญ” เฮอร์ไมโอนี่บอก
“ก็พูดได้! มันก็แค่หมวกนี่!!” รอนกลอกตาไปมา ในเวลาเดียวกันกับที่รอนกำลังบ่น ดัมเบิลดอร์ก็ยืนขึ้นที่โต๊ะอาจารย์ เสียงพูดคุยจอแจและเสียงหัวเราะที่สะท้อนกำแพงอยู่เงียบกริบลงในทันที
“ขอให้พวกเธอมีความสุขตลอดคืนนี้”
เขาพูดพลางยิ้มกว้าง สองแขนกางออกราวกับกำลังโอบกอดคนทั้งห้อง
“เกิดอะไรขึ้นกับมือเขาน่ะ”
เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงกระซิบ ไม่ใช่แค่เธอคนเดียวที่สังเกตเห็น
มือขวาของดัมเบิลดอร์มีรอยดำเกรียมราวกับถูกอะไรบางอย่างเผาไหม้และดูเหมือนมือข้างนั้นกำลังจะตาย
เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นทั่วห้องโถง
ดูเหมือนดัมเบิลดอร์จะเข้าใจความหมายของเสียงนั้น เขายังคงยิ้มและพูดต่อ
“ตอนนี้สำหรับนักเรียนใหม่ของเรา ขอต้อนรับและสำหรับนักเรียนเก่า ยินดีที่ได้พบกันอีก ก่อนอื่นเลย... คุณฟิลช์ภารโรงของเราขอให้ฉันเตือนพวกเธอว่าห้ามเล่นของเล่นตลกทุกประเภทที่ซื้อมาจากร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์” รอนสะดุ้งต่างจากเฮอร์ไมโอนี่ที่หัวเราะออกมาเบาๆ อย่างขบขัน “สำหรับใครที่ต้องการเล่นในทีมควิดดิชประจำบ้าน ขอให้ไปลงชื่อกับอาจารย์ประจำบ้านได้ตามปกติ เราจะคัดเลือกผู้บรรยายเกมควิดดิชคนใหม่ด้วย ผู้ที่สนใจขอให้ไปลงชื่อได้เช่นกัน”
“ฉันว่าควรให้ลูน่าไปลงนะ”
รอนหัวเราะคิกคักปรายตามองไปยังลูน่าที่กำลังนั่งทานพุดดิ้งอย่างเอร็ดอร่อย
“แน่ล่ะ
ฉันคิดว่าเขาคงทำได้ดีกว่านายตอนเป็นคีปเปอร์”
เฮเลนว่ากระแนะกระแหนรอน
ไม่รู้ว่าเธอกับเขามักจะพูดกัดกันแบบนี้บ่อยๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่
หลังจากที่เฮเลนได้รับรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเขากับเฮอร์ไมโอนี่เมื่อปีที่ผ่านมาผ่านทางจดหมาย
เด็กสาวก็รู้สึกหมั่นไส้รอนมากขึ้นกว่าปกติถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่เฮอร์ไมโอนี่ขอให้เธอเก็บเป็นความลับไว้ก็ตาม
“เรายินดีต้อนรับอาจารย์คนใหม่ในปีนี้
ศาสตราจารย์ซลักฮอร์น” ดัมเบิลดอร์ผายมือไปทางชายอ้วนศีรษะล้านแวววาวใต้แสงเทียน
“เขาเป็นอดีตผู้ร่วมงานของฉันที่ตกลงมารับตำแหน่งเดิมในวิชาปรุงยาและตำแหน่งวิชาการป้องกันตัวจากศาสตร์มืด
จะเป็นหน้าที่ของศาสตราจารย์สเนป”
เสียงปรบมือของนักเรียนบ้านสลิธีรินดังขึ้น
สเนปที่นั่งอยู่ด้านขวามือของดัมเบิลดอร์ไม่ได้ลุกขึ้นยืนเมื่อมีการถูกกล่าวถึงแต่เขาทำแค่เพียงยกมือขึ้นเป็นเชิงรับรู้ถึงความยินดีจากนักเรียนของเขา
“และอย่างที่รู้กัน
พวกเธอแต่ละคนถูกตรวจค้นเมื่อมาถึงโรงเรียนคืนนี้...
และพวกเธอก็มีสิทธิ์ที่จะรู้เหตุผลนั้น” ดัมเบิลดอร์ผ่อนลมหายใจ
“ครั้งหนึ่งเคยมีเด็กหนุ่มคนหนึ่ง เหมือนกับพวกเธอ... เขาเคยนั่งอยู่ในห้องโถงนี้
เขาเคยเดินไปตามระเบียงของปราสาท เคยนอนหลับอยู่ภายใต้หลังคาเดียวกันนี้
ในสายตาคนทั้งโลกเขาก็เหมือนนักเรียนคนอื่นๆ”
ในห้องโถงเงียบกริบ
ทุกคนมองไปยังดัมเบิลดอร์และกำลังตั้งใจฟัง
เฮเลนเหลือบไปมองเดรโกที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารของสลิธีริน
เขาใช้เวทมนตร์เสกส้อมให้ลอยขึ้นมาตรงหน้าและใช้ไม้กายสิทธิ์เขี่ยมันไปมาอย่างเหม่อลอยราวกับว่าสิ่งที่ดัมเบิลดอร์กำลังพูดอยู่นั้นไม่มีค่าพอให้รับฟังหรือมีอะไรบางอย่างในหัวของเขาสำคัญมากกว่าที่จะต้องมานั่งฟังเรื่องอื่นเพิ่มเติม
“ชื่อของเขาคือ ทอม ริดเดิ้ล... และในวันนี้เขากลายเป็นที่รู้จักของโลกในอีกชื่อหนึ่ง นั่นคือเหตุผลที่ฉันยืนมองหน้าพวกเธอทุกคนอยู่ตรงนี้ ฉันนึกถึงความจริงที่สำคัญ ในทุกๆ วันทุกๆ ชั่วโมง ทุกๆ นาทีนี้ บางทีพลังมืดกำลังพยายามแทรกซึมกำแพงเข้ามา” ดัมเบิลดอร์กวาดตามองนักเรียนก่อนจะพูดต่อ “แต่สุดท้ายแล้ว อาวุธที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนั่นก็คือ... พวกเธอ”
คำพูดสุดท้ายทำให้ทั้งห้องเงียบกริบ บรรยากาศดูกดดันกว่าที่เคยเป็น เฮเลนนั่งจ้องมองจานอาหารที่แทบไม่ได้แตะเลยตรงหน้าของเธอ ความรู้สึกเย็นวาบไต่ขึ้นมาบนแผ่นหลังและทำให้เธอรู้สึกขนลุก
“ฉันคงไม่อาจย้ำได้มากพอว่าสถานการณ์ปัจจุบันอันตรายเพียงใด และพวกเราแต่ละคนต้องระมัดระวังตัวกันแค่ไหนเพื่อให้มั่นใจว่าพวกเราจะอยู่กันอย่างปลอดภัย การคุ้มกันปราสาทด้วยเวทมนตร์นั้นได้รับการเสริมให้มากขึ้นในช่วงฤดูร้อน พวกเราได้รับการปกป้องด้วยวิธีใหม่ๆ และมีพลังมากขึ้น แต่เราก็ยังคงต้องเฝ้าตรวจตราพิถีพิถันไม่ให้เหล่านักเรียนและอาจารย์ประมาท” ดัมเบิลดอร์ปรายตามองมายังแฮร์รี่และเฮเลนนิดหน่อยก่อนจะเอ่ยต่อ “โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กฎที่ห้ามไม่ให้พวกเธอลุกจากเตียงหลังเวลาที่เข้านอน ฉันขอร้องพวกเธอถ้าสังเกตเห็นอะไรแปลกหรือน่าสงสัยภายในหรือภายนอกปราสาท ขอให้รายงานเรื่องนี้กับอาจารย์คนใดคนหนึ่งทันที”
ดวงตาสีฟ้าของดัมเบิลดอร์กวาดมองพวกนักเรียนก่อนที่เขาจะยิ้มออกมาอีกครั้ง
“แต่ตอนนี้เตียงนอนนุ่มๆ
รอคอยพวกเธออยู่
และฉันก็รู้ว่าจุดมุ่งหมายสูงสุดของพวกเธอคือการพักผ่อนอย่างเต็มที่ก่อนเข้าเรียนในวันพรุ่งนี้
ราตรีสวัสดิ์”
นักเรียนนับร้อยเริ่มเดินเรียงแถวออกจากห้องโถงใหญ่ไปสู่หอนอน
แฮร์รี่ดูไม่รีบกับการเดินออกไปจากห้องโถงพร้อมกับฝูงคนที่จ้องมองมาที่เขาและเฮเลนอย่างไร้มารยาทและเขาคงไม่อยากเข้าไปใกล้เดรโกมากพอที่จะทำให้เขาเอ่ยเรื่องที่เกิดขึ้นบนรถไฟ
เขาจึงอ้อยอิ่งอยู่รั้งท้าย
เฮอร์ไมโอนี่ถลาไปหัวแถวก่อนเพื่อทำหน้าที่พรีเฟ็ตไล่ต้อนนักเรียนปีหนึ่งและคอยนำแถวให้พวกเขาเดินกลับขึ้นหออย่างปลอดภัยโดยไม่หลงทางตรงบันไดเวียน
แต่รอนยังคงรั้งท้ายอยู่กับแฮร์รี่และเฮเลนที่พยายามกวาดตามองหาเดรโกในฝูงนักเรียน
เด็กสาวมีสีหน้าเป็นกังวลราวกับว่าเทอมนี้เธออยากจะเจอเดรโกมากกว่าคนอื่นเสียอีก
“เกิดอะไรขึ้นกับจมูกนาย” รอนถามเมื่อนักเรียนเดินออกไปกันเกือบจะหมดห้องโถง
เฮเลนหลุบตาลงนิดหน่อยอย่างไม่สบายใจ จริงๆ
เธอควรจะรู้ว่าบางทีเดรโกก็ต้องไปทำหน้าที่พรีเฟ็ต แฮร์รี่ส่ายหน้ายิก
เขาเลี่ยงที่จะเล่าทุกอย่างออกมาเมื่ออยยู่ต่อหน้าเฮเลน
รอนทำท่าเหมือนกับเข้าใจและเขาคงรอคอยจนกว่าจะถึงเวลาขึ้นหอนอน
“จะว่าไปมีใครได้ลงวิชาการดูแลสัตว์วิเศษไหม”
แฮร์รี่เอ่ย สายตาเหลือบมองไปยังแฮกริดที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะ
รอนสั่นหัว
เฮเลนก็เช่นกัน
“นายก็ไม่เหมือนกันล่ะสิ”
แฮร์รี่ส่ายหน้าตอบรอน “และฉันคิดว่าเฮอร์ไมโอนี่ก็ด้วย”
ทั้งสามมองหน้ากันพลางคิดว่าแฮกริดจะพูดยังไงเมื่อรู้ว่านักเรียนคนโปรดทั้งสี่คนเลิกเรียนวิชานี้ใน ส.พ.บ.ส. พวกเขาไม่อยากจะคิดเลย และเมื่อเฮเลนและเฮอร์ไมโอนี่ลงมาจากหอนอนตอนเช้าตรู่ในวันรุ่งขึ้น แฮร์รี่กับรอนยังคงไม่ยอมพูดเรื่องที่เกิดขึ้นบนรถไฟให้เธอฟังแต่เฮอร์ไมโอนี่นั้นเหมือนจะพอเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างทั้งหมดก็เลยทำเป็นว่าไม่ใส่ใจ
“ฉันชอบเป็นนักเรียนปีหกจริงๆ
นะ ปีนี้เรามีเวลาว่างมากพอที่จะมานั่งเล่นที่ห้องนี่ได้ทั้งคาบเลย”
“แต่ฉันว่าเราต้องทวนบนเรียนนะรอน!” เฮอร์ไมโอนี่บอกในขณะที่กำลังเดินออกจากช่องรูปภาพ
“ก็ใช่
แต่ไม่ใช่วันนี้แน่” รอนตอบ “วันนี้จะเป็นเวลาพักจริงๆ ฉันว่านะ”
“เดี๋ยว!” สามคนที่เดินตามหลังเธออยู่ชะงัก
เฮอร์ไมโอนี่ยื่นแขนออกไปหยุดนักเรียนชายปีสี่ที่พยายามเดินผ่านเธอไปพร้อมกับแผ่นกลมๆ
สีเขียวมะนาวที่อยู่ในมือ “ฟริสบี้เขี้ยวคมเป็นของต้องห้าม ส่งมันมานี่!”
เธอออกคำสั่ง
เด็กชายมองเฮอร์ไมโอนี่ ดูจากสายตาแล้วเขาคงอยากจะเอาปากกาขนนกแทงเธอแน่ๆ
แต่ก็ยื่นฟริสบี้ที่กำลังแยกเขี้ยวให้แล้วเดินจากไป
รอนคอยจนเด็กชายคนนั้นหายไปแล้วเขาจึงดึงฟริสบี้มาจากมือเฮอร์ไมโอนี่
“ยอดเยี่ยม! ฉันอยากได้มันมานานแล้ว”
“ตำแหน่งพรีเฟร็ตไม่ได้ช่วยอะไรให้เธอดีขึ้นเลยรอน!”
คำพูดตำหนิของเฮอร์ไมโอนี่ถูกกลบด้วยเสียงหัวเราะคิกคักของลาเวนเดอร์ บราวน์ที่กำลังเดินผ่านพวกเขาไปและเหลียวกลับมาส่งสายตาหวานฉ่ำให้รอน
เฮเลนแอบนึกถึงตอนที่อยู่ในทัพดัมเบิลดอร์ตอนลาเวนเดอร์พยายามมองรอนอยู่บ่อยๆ
แถมสายตาที่ไม่ค่อยน่าพิสมัยแบบนั้นทำให้เฮเลนยิ่งรู้สึกขัดใจ
เพดานห้องโถงใหญ่เป็นสีฟ้าราบเรียบ
มีเมฆก้อนเล็กๆ ลอยอยู่ประราย ระหว่างที่พวกเขากำลังจัดการข่าวโอ๊ตต้ม
ไข่ดาวและเบคอน แฮร์รี่และรอนก็พูดถึงวิชาการดูแลสัตว์วิเศษขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
“ฉันคิดว่าอย่างน้อยเขาคงคิดว่าเฮเลนจะเลือกเรียนวิชานั้นเพราะเธอชอบสัตว์!” รอนว่า “เราพยายามตั้งใจเรียนในชั้นนั้นเพราะเราชอบแฮกริดไม่ใช่วิชา
เธอคิดว่าจะมีใครไปเรียนวิชานั้นในระดับ ส.พ.บ.ส. บ้าง”
ไม่มีใครตอบเพราะรู้ดีอยู่แล้วว่าวิชาการดูแลสัตว์วิเศษแทบไม่มีความจำเป็นเลยใน
ส.พ.บ.ส. ยกเว้นว่าจะอยากเป็นนักสัตว์วิเศษวิทยาเท่านั้น หลังรับประทานอาหารกันเสร็จ พวกเขาทั้งสี่นั่งอยู่ที่เดิมรอคอยศาสตราจารย์มักกอนนากัลลงมาจากโต๊ะอาจารย์
การแจกตารางสอนที่ปีนี้ยุ่งยากกว่าทุกปี
เพราะศาสตราจารย์มักกอนนากัลต้องตรวจดูให้แน่ใจก่อนว่าทุกคนได้คะแนน ว.พ.ร.ส.
ที่จำเป็นในระดับ ส.พ.บ.ส. สูงพอหรือไม่
เฮอร์ไมโอนี่ได้ผ่านไปเรียนต่อวิชาคาถา
การป้องกันตัวจากศาสตร์มืด แปลงร่าง สมุนไพรศาสตร์ ตัวเลขมหัษจรรย์
อักษรรูณโบราณและวิชาปรุงยาทันที
และเธอก็ไม่รอช้าที่จะวิ่งเร็วจี๋ไปเรียนวิชาอักษรรูณคาบแรกโดยไม่รอช้า
เธอพยายามชวนเฮเลนให้ไปด้วยแต่เธอส่ายหน้าเพราะเธอไม่สามารถลงวิชาอักษรรูณได้เนื่องจากคะแนนเธอได้แค่
‘พอรับได้’ เท่านั้น
เนวิลล์ใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าจะลงวิชาได้
ใบหน้าของเขาดูกลุ้มขณะที่ศาสตราจารย์มักกอนนากัลก้มดูใบสมัครสลับกับผลคะแนน
ว.พ.ร.ส.ของเขาประกอบไปด้วย
“สมุนไพรศาสตร์ได้”
เธอบอก "ศาสตราจารย์สเปราต์ต้องดีใจมากที่เห็นเธอกลับไปเรียน แถมได้ ‘ดีเยี่ยม’ ว.พ.ร.ส. มาด้วย และเธอก็มีคุณสมบัติครบให้ลงวิชาการป้องกันตัวจากศาสตร์มืดได้
ในเมื่อได้คะแนน ‘เกินความคาดหมาย’
แต่ปัญหาอยู่ที่วิชาแปลงร่างของฉันนะ ฉันเสียใจลองบัตท่อม แต่ ‘พอรับได้’ น่ะ ไม่ดีพอที่จะเรียนวิชานี้ต่อระดับ ส.พ.บ.ส. ฉันไม่คิดว่าเธอจะเรียนไหวหรอก”
เนวิลล์คอตก
ศาสตราจารย์มักกอนนากัลมองเขาผ่านแว่นตา
“ทำไมเธอถึงอยากเรียนวิชาแปลงร่างต่อไปล่ะ
ฉันไม่เคยเห็นเธอสนุกกับวิชานี้เลยนี่”
“คุณย่าอยากให้ผมเรียน”
เนวิลล์พึมพำ
“เฮ้อ”
ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพ่นลมออกจากจมูกแรงๆ
“ถึงเวลาที่คุณย่าของเธอต้องภูมิใจในตัวหลานชายที่เขามีอยู่คนนี้แล้วนะ
ไม่ใช่หลานชายที่เขาอยากจะมี โดยเฉพาะหลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นที่กระทรวง”
เนวิลล์กะพริบตาปริบๆ
มองหน้าศาสตราจารย์มักกอนนากัลด้วยสายตางงงัน
“เสียใจด้วยลองบัตท่อม
แต่ว่าทำไมเธอไม่ลงเรียนวิชาคาถาที่เธอได้แค่แนน ‘เกินความคาดหมาย’ ในระดับ ส.พ.บ.ส. ล่ะ”
“คุณย่าคิดว่าวิชาคาถาไม่ได้ช่วยอะไรครับ”
เนวิลล์ว่า
“ลงวิชาคาถาเถอะ”
ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูด “แล้วฉันจะเขียนโน้ตถึงออกัสต้าเอง
ช่วยเตือนความจำด้วยว่าเพียงเพราะว่าเขาตกวิชาคาถาของเขาตอนสอบ ว.พ.ร.ส.
ก็ใช่ว่าวิชานี้จะไม่สามารถช่วยอะไรได้หรอกนะ” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลยิ้มน้อยๆ
กับสีหน้าดีใจอย่างไม่อยากเชื่อของเนวิลล์และส่งตารางเรียนใหม่ให้กับเขา
“เอาล่ะ
พอตเตอร์” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลว่าพลางมองดูโน้ตของเฮเลน “คาถา
การป้องกันตัวจากศาสตร์มืด สมุนไพรศาสตร์ แปลงร่าง ปรุงยา ได้หมดทุกอย่าง ดีมากเลย
ฉันคิดว่าศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์คงดีใจที่เห็นเธอในวิชาพยากรณ์ศาสตร์นะ”
“นี่เธอยังไม่เลิกเรียนวิชาติ๊งต๊องนั่นอีกเหรอ”
รอนหันมากระซิบ
“ฉันเลิกเรียนไม่ได้! นั่นเป็นวิชาที่ฉันมีความสามารถมากที่สุด... ขอบคุณค่ะศาสตราจารย์!”
เฮเลนกระซิบตอบรอนพร้อมกับรับตารางเรียนใหม่จากศาสตราจารย์มักกอนนากัล เด็กสาวลุกขึ้นยืนและวิ่งออกจากห้องโถงเพื่อเข้าเรียนวิชาพยากรณ์ศาสตร์ในช่วงเช้าทันที
เธอคิดว่าแฮร์รี่กับรอนคงไปกันได้ดีเรื่องการลงเรียนวิชาของพวกเขาในการเรียนระดับ
ส.พ.บ.ส.
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ ศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์” เสียงใสเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อก้าวเท้าเข้ามาในห้องเรียนพยากรณ์ศาสตร์ ซีบิล ทรีลอว์นีย์ดูเหมือนจะดีใจมากที่เห็นเธอที่นี่ รวมไปถึงปาราวตี พาติล ปัถมา พาติลและลาเวนเดอร์ บราวน์ด้วย การเรียนการสอนของวันนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องทั่วไปที่เฮเลนรู้เรื่องดีอยู่แล้ว การทำนายใบชาเหมือนที่เคยทดสอบทำนายกันตอนปีสาม
“นี่เฮเลน
เธอสนิทกับรอนมากใช่รึเปล่า” ในระหว่างนั้นอยู่ๆ ลาเวนเดอร์ก็เอ่ยถามขึ้นเมื่อศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์สอนเรื่องการทำนายลายมือรูปแบบใหม่โดยให้ผลัดกันดูของอีกฝ่าย
เฮเลนได้คู่กับลาเวนเดอร์โดยมีปัถมาทำสีหน้าเหมือนอิจฉาอยู่อีกฝั่งหนึ่งของห้อง
“ใช่”
เฮเลนตอบเสียงเรียบ เหลือบสายตามองใบหน้าที่เริ่มกลายเป็นสีชมพูของลาเวนเดอร์ “มีอะไรหรือเปล่า”
“ฉันอยากรู้ว่าเขาชอบอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าน่ะ!” นำเสียงของเธอดูกระตือรือร้นมากเมื่อเทียบกับตอนที่เรียน
เฮเลนหรี่ตามองอย่างไม่สบายใจพลางดึงมืออูมๆ ของลาเวนเดอร์มาดูเส้นอายุและเส้นสมอง
มันดูแย่ที่เส้นอายุของหล่อนค่อนข้างสั้นเกินกว่าจะทำนายได้ว่าเธอจะตายตอนอายุเท่าไหร่และเส้นสมองที่ไม่ค่อยชัดเจนบ่งบอกให้รู้เลยว่าลาเวนเดอร์ไม่ใช่คนที่ฉลาดเลย
ก่อนที่จะรู้ตัวว่าตัวเองกำลังทำนายชะตาให้ลาเวนเดอร์ไม่ค่อยดีแล้ว
เฮเลนก็นึกขึ้นได้ว่าลืมตอบคำถามของเจ้าของดวงตาแพรวพราวตรงหน้าไปเสียสนิท
“เอ่อ...
ไม่รู้สิ ฉันไม่เคยเห็นรอนชอบอะไรเป็นพิเศษ” เฮเลนส่ายหน้า “ทำไมไม่ลองถามเฮอร์...”
“ฉันไม่ไปถามยัยยี้นั่นหรอก!” ลาเวนเดอร์ขึ้นเสียงดัง เฮเลนขมวดคิ้วและพยายามเปลี่ยนเรื่องให้พ้นจากเรื่องของรอนที่เธอไม่อยากพูดถึงเท่าไหร่นัก
“คะแนนพิเศษ”
ศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์พูดขัดขึ้นในขณะที่เฮเลนกำลังจะอ้าปากพูด เธอนิ่วหน้าอย่างไม่พอใจเล็กน้อยและฟังต่อ “สำหรับคนที่คิดว่าสามารถทำนายลายมือของเพื่อนร่วมชั้นเรียนได้แม่นตามตำราที่สุดมากกว่าหนึ่งคน”
เธอยิ้ม
ดวงตาจับจ้องมาทางเฮเลนด้วยสีหน้าพึงพอใจอย่างที่สุด เด็กสาวพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ
เพราะเธอรู้ดีว่าศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์ต้องการฟังคำพยากรณ์จากปากเธอมากกว่าใครอื่น
“เอาเป็นว่าฉันจะทำนายลายมือให้”
เฮเลนถอนหายใจ “มีใครอยากให้ทำนายให้ไหม แค่ลายมือน่ะ”
ทั้งห้องยกมือกันพรึบ
เด็กสาวขมวดคิ้วเข้าหากันและแอบทึ่งในความสามารถของตัวเองเล็กน้อย
ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนอยากให้เธอทำนายอะไรให้มากมายขนาดนี้
ขนาดปีที่แล้วหมกตัวอยู่กับแฮร์รี่ยังไม่มีใครสนใจมากเท่านี้เลย
เฮเลนไม่พูดอะไรมากนอกจากหลับตาสุ่มเลือกมาอีกหนึ่งคนเนื่องจากเธอไม่คิดว่าเป็นเรื่องดีที่จะบอกอนาคตให้คนจำนวนมากมายได้รู้
ถึงมันจะเป็นเรื่องจริง
แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีแถมพวกเขาก็ไม่มีทางหลีกหนีชะตากรรมพวกนั้นพ้นอีกด้วย
ถ้าศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์ไม่ได้พูดว่าจะให้คะแนนเสริมถ้าเกิดทำนายลายมือของเพื่อนร่วมชั้นมากกว่าหนึ่งคนแล้วล่ะก็เธอไม่ทำแน่
“เธอคงไม่คิดว่ากำลังจะมีเรื่องดีๆ
เกิดขึ้นใช่ไหมลาเวนเดอร์” เฮเลนหยั่งเชิง
“ฉันคิดว่ามีนะ!” ลาเวนเดอร์พูดน้ำเสียงสดใส “มันต้องมีเรื่องดีๆ แน่”
เฮเลนจ้องมองขีดเส้นระเกะระกะไม่เป็นระเบียบบนฝ่ามืออวบอูมของเธอ
“ไม่หรอก
อาจจะดีตอนแรกนะ” เฮเลนพูดเสียงเรียบ “เธออาจจะรู้สึกดีกับมันแต่ไม่ใช่ทั้งหมดหรอก
ฉันบอกไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
แต่มันไม่ได้ดีเท่าไหร่แล้วฉันคิดว่าเธอควรเตรียมใจเอาไว้นะ”
ลาเวนเดอร์เบ้หน้าราวกับว่าไม่เชื่อคำทำนายของเธอ
เฮเลนไม่ได้สนใจปล่อยให้เธอเดินสะบัดตัวไปหาศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์ด้วยใบหน้าบูดบึ้งและกระซิบกระซาบอะไรสักอย่างกับปาราวตี
เฮเลนกุมขมับและเรียกเพื่อนอีกคนมาดูลายมือและรีบเดินออกจากห้องทันทีเมื่อหมดชั่วโมงเรียน
“เป็นบ้าเป็นบออะไรนักหนานะ”
เด็กสาวสบถหลังจากที่เดินมาได้สักพักอาการปวดที่ฝ่ามือข้างซ้ายแปล๊บขึ้นมาพร้อมๆ
กับรอยแผลเป็นบนหน้าผาก เฮเลนยกมือขึ้นลูบรอยแผลเป็นเบาๆ พร้อมกับรีบจ้ำอ้าวไปยังชั้นเรียนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด
เฮอร์ไมโอนี่ยืนเข้าแถวอยู่หน้าห้องพร้อมกับแบกหนังสือหนักๆ
เต็มไม้เต็มมือและดูโทรมลงไปทั้งที่เพิ่งจะเรียนไปได้เพียงแค่วิชาเดียว
“การบ้านวิชาอักษรรูณเยอะมาก”
เธอบ่นเมื่อเฮเลนเดินมายืนข้างๆ “เรียงความยาวสิบห้านิ้ว
งานแปลสองชิ้นแถมยังต้องอ่านพวกนี้ให้จบด้วย!
ฉันเสียดายมากที่เธอไม่ได้เรียนด้วยกันนะเฮเลน”
เด็กสาวผมฟูยิ้ม
เฮเลนแอบถอนหายใจเบาๆ รู้สึกดีใจมากที่เธอสอบ ว.พ.ร.ส. แค่ ‘พอรับได้’ ในวิชาอักษรรูณ
“แย่นะ”
รอนพูดขึ้นเมื่อเขาเดินเข้ามาสมทบพร้อมกับแฮร์รี่
“รอให้ถึงตาเธอเถอะโรนัลด์!” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงขุ่น “ฉันพนันว่าสเนปต้องให้การบ้านเรากองเป็นภูเขาแน่ๆ”
ประตูห้องเรียนเปิดออกจังหวะเดียวกันที่เฮอร์ไมโอนี่พูดจบ
สเนปก้าวออกมาที่ระเบียงทางเดิน
ใบหน้าซูบซีดและผมสีดำมันเงาทำให้ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วแถวในทันที
“เข้ามา” เขาพูด
นักเรียนทยอยกันเดินเข้าไปในห้อง
สเนปจัดห้องตามบุคลิกของเขาและมันดูเศร้าทะมึนยิ่งกว่าเดิมเมื่อม่านหน้าต่างถูกชักปิดไว้ทุกบานและมีแสงจากเทียนไขส่องแสงสลัวๆ
ภายในห้อง ไม่มีใครพูดอะไรเลยเมื่อเข้ามานั่งในชั้นเรียน
เฮเลนกวาดตามองหาเดรโกและพบว่าเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์จางเด่นคนเดียวในห้องกำลังนั่งอยู่ไม่ไกลจากจุดที่เธอนั่งเท่าไรนัก
“ฉันต้องการพูดอะไรกับพวกเธอสักหน่อยและฉันต้องการให้พวกเธอตั้งใจฟังฉันอย่างเต็มที่”
ดวงตาสีดำสนิทกวาดมองไปทั่วห้อง
ชะงักมองใบหน้าของเธอและแฮร์รี่ที่นั่งอยู่ข้างกันนานกว่าคนอื่นๆ ราวสามนาทีก่อนจะเสไปหาคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
เธอ
“ฉันเชื่อว่าเธอมีครูที่สอนวิชานี้มาห้าคนแล้ว”
เขาพูดเสียงเรียบ
“แน่นอน
พวกเขาเหล่านั้นคงจะมีวิธีการและการจัดลำดับความสำคัญในแบบพวกเขาเอง
เมื่อคำนึงถึงความยุ่งเหยิงพวกนี้ ฉันค่อนข้างประหลาดใจทีเดียวที่พวกเธอสอบผ่าน
ว.พ.ร.ส. วิชานี้มาได้อย่างหวุดหวิดและฉันคงจะประหลาดใจมากขึ้นถ้าเกิดพวกเธอทุกคนสามารถเรียน
ส.พ.บ.ส. ได้ไหวเพราะเนื้อหามันสูงขึ้นมาก”
สเนปก้าวเดินไปตามริมห้อง
พูดด้วยเสียงต่ำ นักเรียนทั้งชั้นเอี้ยวคอมองตามเขาไป
“ศาสตร์มืด”
เขาพูด “มีมากมายหลากหลาย เปลี่ยนแปลงเสมอและยังเป็นนิรันดร์
การต่อสู้กับศาสตร์มืดนั้นเหมือกับการต่อสู้กับไฮดร้า
แต่ละครั้งที่หัวหนึ่งถูกทำลายจะมีหัวงอกขึ้นมาใหม่...
ดุร้ายและเฉลียวฉลาดมากกว่าเดิม เธอกำลังต่อสู้กับสิ่งที่ไม่คงที่
มีการเปลี่ยนแปลงและทำลายไม่ได้”
เฮเลนมองดูทุกย่างก้าวที่สเนปก้าวเดินไปตามระเบียงห้อง
การกล่าวถึงศาสตร์มืดอย่างกับเทิดทูนและดูภูมิใจทำให้เด็กสาวอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้
“การป้องกันตัวของพวกเธอ”
สเนปพูดเสียงดังขึ้นอีก “จึงต้องยืดหยุ่นและมีอะไรใหม่ๆ
รูปภาพที่แขวนเอาไว้พวกนี้แสดงให้เห็นชัดว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนที่ต้องคำสาป”
สเนปว่าแล้วผายมือไปยังรูปภาพชวนขยะแขยงที่แขวนอยู่ตามกำแพงห้อง
ดวงตาสีเขียวมรกตหลุบลงไม่อยากมองภาพพวกนั้นเท่าไหร่
เฮเลนกระตุกเสื้อคลุมแฮร์รี่เบาๆ
พร้อมมองเขาเพื่อสื่อว่าไม่ค่อยรู้สึกดีเท่าไหร่ที่ต้องเข้ามาเรียนวิชานี้
“เอาล่ะ”
เขาพูดต่อและเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน “ฉันเชื่อว่าพวกเธอยังคงเป็นพวกมือใหม่ในการใช้คาถาไร้เสียง
อะไรคือข้อได้เปรียบของคาถาไร้เสียง”
มือของเฮอร์ไมโอนี่ชูสูงขึ้นในอากาศ
สเนปมองดูรอบห้องจนพบว่าไม่มีใครอีกแล้ว
“ว่าไงคุณเกรนเจอร์”
“คู่ต่อสู้จะไม่รู้ล่วงหน้าว่าเรากำลังจะร่ายคาถาอะไร”
เฮอร์ไมโอนี่ตอบ “ซึ่งมันทำให้เราได้เปรียบเสี้ยววินาทีหนึ่ง”
“ใช่
คนที่ก้าวหน้าจนถึงขั้นใช้เวทมนตร์ได้โดยไม่ต้องตะโกนคาถาออกมาจะได้เปรียบในแง่ที่ทำให้คู่ต่อสู้ประหลาดใจว่าเขากำลังใช้คาถาอะไร
แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่ทำได้...”
ท่อนหลังจากนั้นเฮเลนไม่ได้ฟังที่สเนปกำลังอธิบาย
เด็กสาวมองจ้องไปยังเดรโกที่นั่งอยู่มุมสุดห้องทางด้านหน้า
เขาเหม่อมองหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะและไม่ละสายตาไปจากมันเลยแม้แต่เสี้ยววินาที
แถมเธอยังเชื่อด้วยว่าเขาไม่ได้กำลังสนใจสิ่งที่สเนปกำลังสอนอยู่แน่นอน จนในที่สุดสเนปก็ให้พวกเขาจับคู่และแน่นอนว่าแฮร์รี่คู่กับเฮเลน
เช่นเคยที่แค่สิบนาทีที่ฝึกซ้อม
เฮอร์ไมโอนี่ก็สามารถปัดคำแช่งของรอนได้โดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
เฮเลนเองก็สามารถแช่งใส่แฮร์รี่ได้โดยไม่เอ่ยขึ้นมาแม้แต่คำเดียว
ส่วนแฮร์รี่และรอนยังคงพึมพำอยู่บ้างเล็กน้อย จริงๆ
แล้วความสำเร็จของพวกเขาควรจะได้คะแนนยี่สิบแต้มมอบให้กริฟฟินดอร์แต่สเนปไม่ทำอย่างนั้น
“ไหนลองมาดูซิพอตเตอร์”
อยู่ๆ สเนปก็เดินเข้ามาหาเฮเลน เด็กสาวสะดุ้งเฮือกใหญ่ “ฉันไม่คิดว่าพี่ชายฝาแฝดของเธอจะทำได้ดีเหมือนเธอ
ไหนลองดูซิ”
เขาหันไม้กายสิทธิ์ไปทางแฮร์รี่อย่างรวดเร็วจนแทบมองตามไม่ทัน
เด็กหนุ่มโต้ตอบตามสัญชาตญาณลืมเรื่องคาถาไร้เสียงโดยสิ้นเชิง...
“โพรเทโก้!”
คาถาเกราะวิเศษของเขารุนแรงมากจนสเนปถูกกระแทกเสียหลักและล้มลงไปชนโต๊ะ
ทั้งชั้นหันมองไปยังสเนปที่กำลังยันตัวลุกขึ้นและมองหน้าแฮร์รี่อย่างกับว่าอยากจะฉีกเขาเป็นชิ้นๆ
เฮเลนและเฮอร์ไมโอนี่มองหน้ากันอ้าปากค้าง ส่วนรอนและคนอื่นๆ ในบ้านกริฟฟินดอร์หัวเราะกันคิกคัก
“เธอจำได้ไหมว่าฉันให้เธอฝึกคาถาไร้เสียง
พอตเตอร์!” สเนปพูดเสียงเขียวทำเอาเฮเลนสะดุ้งไปด้วย
“จำได้”
แฮร์รี่ตอบเสียงกระด้าง
“จำได้ครับ!”
“ไม่จำเป็นต้องพูด
‘ครับ’ กับผมหรอกศาสตราจารย์”
คำพูดที่หลุดออกจากปากเขาทำให้เฮเลนอึ้งมากขึ้นไปอีก
เด็กสาวส่งสายตามองเฮอร์ไมโอนี่เป็นนัยๆ ว่าเขาคงไม่มีทางรอดจากวิชานี้ได้อย่างปลอดภัยอย่างแน่นอน
“กักบริเวณคืนวันเสาร์ที่ห้องทำงานฉัน”
สเนปบอก “ฉันไม่ให้ใครมาทำทะลึ่งทั้งนั้นพอตเตอร์... แม้แต่คนที่ถูกเลือก!”
ประโยคนั้นทำเอาเฮเลนขนลุกเกรียว
บางทีเขาอาจจะลืมไปว่าเรื่องผู้ถูกเลือกไม่ได้มีแค่แฮร์รี่คนเดียว หลังจากจบชั่วโมงแฮร์รี่ก็ได้รับจดหมายนัดพบจากดัมเบิ้ลดอร์
รอนและเฮอร์ไมโอนี่พยายามเดาว่าดัมเบิ้ลดอร์จะเรียกเขาไปทำด้วยเรื่องอะไร
ส่วนเฮเลนก็เอาแต่มองตามเดรโกไป
เด็กสาววิ่งออกมาจากทั้งสามคนทันทีเมื่อเห็นหลังเขาไวๆ ตอนกำลังเดินออกจากห้อง
แต่อนิจจา
เธอตามเขาไปไม่ทัน เดรโกหายลับไปในกลุ่มนักเรียนบ้านสลิธีรินที่เพิ่งเดินผ่านไปเมื่อสักครู่
เด็กสาวรู้สึกไม่ดีนักที่ตั้งแต่เปิดเทอมมายังไม่ได้คุยกับเขาเป็นชิ้นเป็นอันเลยนอกจากที่ตรอกไดแอกอน
เธออยากจะคุยกับเขาให้มันรู้แจ้งว่าเขากับแฮร์รี่ไปทำอะไรกันมาแต่พอหมดช่วงพักเฮอร์ไมโอนี่ก็ลากเธอให้ไปเข้าเรียนวิชาตัวเลขมหัสจรรย์ด้วยกัน
เฮเลนจึงไม่มีโอกาสได้พบเดรโกอีกเลย
ติดตามตอนต่อไป...
ความคิดเห็น