คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 หนูอยากกลับบ้าน (Re.1)
Up lode : 28/04/2016
Re Write No.1 : 13/05/2016
บทที่ 2
หนูอยากกลับบ้าน
“เฮ้! ใจเย็นนะพวก ใครบอกว่าเธอจะมาขยับฉันง่ายๆ ได้แบบนั้นกันล่ะ”
เสียงทุ้มดังขึ้นเมื่อฉันทำท่าจะเอามือไปผลักก้อนหินก้อนใหญ่ตรงหน้า ฉันหันซ้ายหันขวามองหาต้นตอของเสียงยกใหญ่จนมั่นใจแล้วว่าที่จริงเจ้าของเสียงทุ้มนั่นไม่ใช่ใครอื่น...
“แล้วนายจะให้ฉันทำยังไงล่ะ”
“ขอฉันสิ ถามความเห็นฉันสิว่าฉันอยากจะไปไหม?”
ใช่! มันคือก้อนหินที่ไม่มีหน้า ไม่มีตา หู จมูกหรือแม้กระทั่งปาก!! มันสามารถพูดกับฉันแล้วตอบคำถามฉันได้ทั้งที่ความจริงไม่น่าทำได้... ฉันยืนกอดอกจ้องมองมันอยู่พักใหญ่เพื่อหาวิธีผลักมันให้ไปอยู่บนปุ่มขนาดพอดีตัวของมัน
หือ? ฉันอยู่ไหนตอนนี้น่ะเหรอ?
ที่จริงหลังจากคุณแม่โทเรียลเดินออกจากห้องไปไม่ถึงสิบนาที ฉันก็ไม่อาจทราบว่าอะไรดลใจให้ฉันกดโทรศัพท์โทรหาเธอเพื่อส่งเสียงฮัลโหลใส่ไป -_-^ และก็ยังไม่ทราบอีกว่าอะไรดลใจครั้งที่สองให้โทรไปถามขอเรียกเธอว่าแม่!
ที่ฉันคิด... มันคงจะเป็นเพราะความรู้สึกอบอุ่นที่ฉันสัมผัสมันได้ก่อนหน้านี้ล่ะมั้ง?
กลับมาเข้าสู่คำถามข้างบน ตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหนสักแห่งในซากโบราณสถาณซึ่งฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือที่ไหน -_-; หลังจากที่ฉันโทรหาคุณแม่โทเรียลครั้งสุดท้ายฉันก็นั่งรอได้ไม่นานนัก สงสัยเหลือเกินว่าจริงๆ แล้วฉันเป็นคนสมาธิสั้นรึเปล่าถึงได้ตัดสินใจเดินพรวดพราดออกมาโดยไม่คิดหน้าคิดหลังแบบนั้น -_-;
แต่ก็เอาเถอะ! ออกมาแล้ว จะให้เดินย้อนกลับไปมันก็กระไรอยู่นั่นล่ะ...
“งั้น คุณก้อนหินคะ ขยับให้ฉันหน่อยได้ไหมมม?”
กลับมาที่เจ้าก้อนหินตรงหน้าของฉันต่อ หลังจากฉันพูดประโยคเมื่อครู่ออกไปแล้วมันก็นิ่งไปโดยไม่ปริปากพูดอะไรต่อ ฉันยืนมองมันอยู่พักใหญ่ๆ ดูราวกับว่าก้อนหินนี่กำลังครุ่นคิดและพิจารณาว่าคำพูดของฉันมีค่าพอให้มันขยับตัวหรือไม่ -_-;
เจ้าหินนี่ไม่รู้หรอก! ว่ากว่าฉันจะเดินมาถึงตรงนี้ได้ฉันต้องผ่านพวกปิศาจที่อยู่ๆ ก็โผล่มาโจมตีใส่ฉันอย่าง งงๆ มาได้มันยากลำบากขนาดไหน ฉันต้องใช้สกิลในการพูดเกลี้ยกล่อมแทบตายเลยนะจะบอกให้ T^T
“ก็ได้! เพื่อเธอนะ”
ในขณะที่ฉันกำลังจะเอื้อมมือไปผลักมันอีกครั้ง เจ้าก้อนหินนั่นก็พูดขึ้นแล้วทำท่าเหมือนจะขยับตัว ฉันยิ้มกว้างให้กับมัน (ที่ไม่รู้ด้วยว่ามันมองเห็นรึเปล่า - -*) ก่อนที่โทรศัพท์เครื่องจ้อยในกระเป๋าคาดเอวจะดังขึ้น เบอร์โทรเพียงเบอร์เดียวในเครื่องกำลังโทรเข้ามา...
“สวัสดีค่ะคุณแม่”
[แหม เรียกแบบนี้ให้ได้ตลอดนะเด็กน้อย]
“คิกๆ” ฉันหัวเราะเบาๆ
[ที่จริงก็ไม่มีอะไรหรอก
ฉันแค่จะถามว่าเธอชอบอะไรมากกว่ากันเหรอ ระหว่าง ‘อบเชย’ กับ ‘เนยถั่ว’ น่ะ]
“หืม? หนูเหรอ อืม... อบเชยล่ะมั้งคะ”
[โอเค ขอบใจมากจ้ะ]
แล้วสายก็ตัดไป
ฉันหันกลับไปมองก้อนหินเจ้าปัญหานั่นอีกครั้งและพบว่ามันขยับไปเพียงแค่หนึ่งในสามของเส้นทางเท่านั้นเอง
-_-^ ขอบคุณมากค่าาาาาา!
“เอ่อ... คุณหินน ขยับอีกกกกก” ก้อนหินขยับไปอีกทาง -_-*
“ไม่ใช่ทางนี้นะคะ T^T”
“อ้าว งั้นเหรอ โอเคคคค ฉันพอจะเข้าใจล่ะ”
ก้อนหินเคลื่อนตัวไปทับอยู่บนปุ่มขนาดพอดีกับตัวมัน
ฉันยิ้มให้กับมันนิดหน่อยก่อนจะพูดต่อ
“อยู่ตรงนี้นะคะ ห้ามขยับล่ะ”
ฉันเดินออกไปจากตรงนั้นเพื่อผ่านไปยังอีกห้องหนึ่ง
ก่อนจะออกไปนั้นก็ได้ยินเสียงก้อนหินก้อนนั้นตะโกนตามหลังมา
“มันดีใช่ไหมล่ะ! แค่เธอขอน่ะ”
จ้า ดีจ้าดี =_=
ฉันกุมขมับแล้วเดินต่อไปก่อนที่เสียงโทรศัพท์จะดังขึ้นอีกครั้ง
"สวัสดีค่ะ...?"
[นี่
เธอจะปฏิเสธไหมถ้ามีเนยถั่วอยู่ในอาหาร ฉันหวังว่าเธอจะไม่ได้เกลียดมันนะ]
“ก็... ไม่นะคะ”
[โอเคจ้ะ ขอบคุณนะ]
แล้วสายโทรศัพท์ก็ตัดไป ฉันมองมันอย่างงงๆ ตลอดการเดินทางจนมาถึงตรงนี้ สิ่งที่ปลายสายโทรมาถามมักจะเป็นอะไรที่ไม่ค่อยจะมีเหตุผลสักเท่าไหร่นัก -_-* ฉันเดินไปตามทางอย่างอ้อยอิ่งและมองไปรอบๆ ซากโบราณสถานแห่งนี้ไปด้วยก่อนที่การเดินทางของฉันจะต้องหยุดชะงักเมื่อพบว่าตรงหน้าของฉันมี...
“zZZ”
คุณผีตัวหนึ่งนอนขวางทางอยู่!!
“ไปรึยังนะ” ผีตรงหน้าของฉันพึมพำ (แต่มันดังพอให้ฉันได้ยิน!) ฉันขมวดคิ้วและเดินเข้าไปใกล้ๆ ดูเหมือนว่ามันกำลังแกล้งหลับด้วยเหตุผลที่ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน!
“เอ่อ... นี่คุณผีคะ?”
หลังจากที่ฉันยืนจ้องมันอยู่นานก็ตัดสินใจที่จะเอื้อมมือไปจับร่างโปรงใสตรงหน้า แต่เป็นไปตามที่คาดมือของฉันทะลุผ่านร่างนั้นไปและสิ่งที่ฉันทำก็ทำให้ผีตรงหน้าฉันลอยขึ้นมาจ้องหน้าฉันเขม็ง!
รู้สึกเหมือนกำลังจะซวย -_-;
“เธอกล้ามากนะ ที่มาปลุกนับสทรับลุคตนนี้!"
"ฉันเปล่านะ! ก็นาย..."
ยังพูดไม่ทันจบประโยคก็มีน้ำใสๆ ไหลออกมาจากดวงตาของร่างโปร่งใส ฉันขยับตัวหลบมันแต่โชคร้ายที่ไม่พ้น โดนเข้าที่หัวไหล่เต็มๆ ความรู้สึกเจ็บปวดแล่นเข้ามาถึงโสตประสาท
มันปวดแสบปวดร้อนไปหมดราวกับว่ามันคือ...
น้ำกรด!!
"นี่มันอะไรน่ะ!?"
"เธอไม่เคยเห็นเหรอ? ก็ฝนกรดยังไงล่ะ!!"
ฉันมองหน้านับสทรับลุคอย่างทึ่งๆ เดี๋ยวนะ... ผีร้องไห้เป็นฝนกรด? เรื่องบ้าแบบนี้มันมีจริงๆ น่ะเหรอ!
"ฝนกรดเนี่ยนะ?"
“ใช่สิ!"
"ขอฉันดูอีกรอบได้ไหม?"
"ได้! ฉันจะโชว์ให้เธอดูเอง"
นับสทรับลุค (ชื่อเรียกยากชะมัด =_=) ยิ้มร่าก่อนจะปล่อยน้ำตากรดให้ไหลย้อนขึ้นไปบนหัวของมัน เพียงแว้บเดียวก็มีหมวกปรากฏขึ้นบนหัวของเขา ฉันปล่อยมือออกจากการลูบไปมาที่แผลบนไหล่ขวามาปรบมือให้กับการแสดงของนับสทรับลุค
“ว้าว! ทึ่งชะมัดเลย"
“มันเรียกว่า Dapper Blook น่ะ! นี่รู้อะไรไหม ฉันชักจะถูกใจเธอซะแล้วสิ ไปกินขนมด้วยกันหน่อยนะ"
“หา? ขนม?”
นับสทรับลุคใช้พลังที่มองไม่เห็นดันร่างของฉันให้ไปยังอีกห้องหนึ่งซึ่งเป็นทางแยกก่อนจะเดินไปยังห้องถัดไป ภายในห้องนั้นมีใยแมงมุมอยู่รกรุงรังไปหมดพร้อมกับป้ายที่เขียนเอาไว้ว่า ‘ร้านขนมแมงมุม’
มันจะกินได้ไหมนั่นน่ะ =_=
นับสทรับลุคยื่นอะไรบางอย่างมาให้
(ฉันรู้ว่าบางทีฉันไม่ควรใช้คำว่ายื่น เพราะมันลอยเข้ามาหามากกว่าจะเป็นการหยิบยื่นมาให้)
มันคือโดนัทหน้าตาประหลาดที่ทำขึ้นด้วยอะไรสักอย่าง -_-; ฉันรับมันมาถือเอาไว้โดยไม่แตะมันแม้แต่นิดเดียว
“โดนัทนั่นอร่อยนะ ถ้าเธอได้ชิมแล้วจะติดใจ”
เจ้าผีว่าแล้วหยิบโดนัทอีกชิ้นขึ้นมากิน
ฉันมองโดนัทในมือพลางลังเลใจว่าจะกินมันดีไหม
แต่ฉันตัดสินใจที่จะไม่กินแล้วเก็บมันใส่กระเป๋าคาดเอวเอาไว้ก่อน ก็แน่ล่ะ! ขนมแมงมุม กินได้รึเปล่าก็ไม่รู้ แถมจะปฏิเสธน้ำใจผีมันก็ยังไงอยู่ -_-; หลังจากนับสทรับลุคกินเสร็จเขาก็พาฉันมาส่งอีกห้องหนึ่งก่อนจะหายตัวไป
เอาล่ะ! ส่วนฉันก็ได้เวลาเดินทางต่อแล้ว!!
เดินไปได้สักพักฉันก็พบทางแยกเป็นทางเลี้ยวซ้ายและตรงไป
ฉันตัดสินใจเลือกเดินตรงไปก่อน จนมาถึงหน้าประตูบานหนึ่ง
ข้างประตูบานนั้นมีกบตัวหนึ่งเฝ้าอยู่ ฉันไม่ได้สนใจมันแล้วเดินเข้าไปด้านใน
ภายในเป็นแค่ห้องแคบๆ ที่ว่างเปล่า มีเพียงมีดเล่มหนึ่งถูกวางทิ้งไว้
ฉันหยิบมันขึ้นมาและเหน็บใส่ไว้ข้างเอวก่อนจะเดินออกไป
ฉันไม่เข้าใจตัวเองว่าจะเก็บมันมาทำไมแต่ในเมื่อเก็บมาแล้วฉันก็คงจะมีโอกาสใช้มันในสักวัน
ฉันเดินเลี้ยวเข้าไปในทางแยก
สักพักก็ได้ยินเสียงเหมือนใครบางคนกำลังบ่นพึมพำอะไรบางอย่างอยู่ข้างหน้า
“โอ้ตายล่ะ
นี่ฉันใช้เวลานานกว่าที่คิดไว้อีกนะเนี่ย”
เจ้าของเสียงพูด ฉันเดินเข้าไปแอบหลังต้นไม้ต้นใหญ่ที่อยู่ในห้องนั้นแต่ทว่าเสียงโทรศัพท์ของคุณแม่โทเรียลก็ดังขึ้น!
เอิ่ม...แย่ล่ะ!
“อ๊ะ! หนูน้อย เธอมาที่นี่ได้ยังไงกัน
แล้วนี่เจ็บตรงไหนรึเปล่า”
“เอ่อ... เปล่าค่ะ”
ฉันลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อพบว่าเจ้าของเสียงนั่นคือคุณแม่โทเรียลนั่นเอง
“เข้าไปข้างในกันเถอะ ฉันจะดูแลเธอเองนะ
ขอโทษที่ปล่อยให้เธอต้องรอนาน”
คุณแม่โทเรียลว่าแล้วจับมือฉันเดินต่อไปจนถึงหน้าประตูใหญ่บานหนึ่ง สร้อยรูปหัวใจที่ฉันแอบคิดจะถอดออกมาได้สักพักใหญ่ๆ เกิดส่องแสงขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ฉันรีบยกมือขวามากำมันเอาไว้แน่นเพราะเกรงว่าคุณแม่โทเรียลจะหันมาและเห็นมัน ไม่นานนักแสงนั้นก็หายวับไปพร้อมกับความรู้สึกเจ็บแปลบๆ ที่หัวไหลได้หายไปราวกับไม่เคยเกิดอะไรขึ้น
สร้อยนี่มันมีอะไรกันแน่นะ?
“เซอรไพรซ์!”
“อ๊ะ! มีอะไรงั้นเหรอคะ?”
“ได้กลิ่นนั่นไหม? นั่นคือพายอบเชยผสมเนยถั่ว”
“หอมจังเลยค่ะ”
“ฉันคิดว่าเราควรจะจัดงานเลี้ยงเล็กๆ
ต้อนรับการมาของเธอน่ะนะ ฉันอยากให้เธอรู้สึกดีที่จะมาพักที่นี่น่ะ”
คุณแม่โทเรียลยิ้มและฉันก็ยิ้มตอบ กลิ่นพายหอมๆ นั่นทำให้ฉันลืมเป้าหมายที่แท้จริงของตัวเองไปชั่วครู่แล้วหันมาคิดถึงแต่เรื่องการอาศัยอยู่ในบ้านเล็กๆ
หลังนี้แทน
“เอาล่ะ ตามมาทางนี้ ฉันมีอะไรจะให้ดู”
คุณแม่โทเรียลเดินมาจับมือฉันและพาเดินไปยังห้องที่อยู่ทางขวามือ
คุณแม่ยิ้มแล้วลูบหัวฉันเบาๆ
“นี่คือห้องของเธอ ฉันหวังว่าเธอคงจะชอบนะ”
“ขอบคุณนะคะ คุณแม่”
“พักผ่อนให้สบายนะ”
เธอส่งฉันเข้าห้องก่อนจะปิดประตูแล้วเดินออกไป ฉันทิ้งตัวนอนลงบนเตียงแล้วนอนยิ้มอย่างมีความสุข...
ฟริคส์ตื่นสิ!
เฮือก!
เสียงที่ดังสะท้อนในหัวทำให้ฉันสะดุ้ง
เธอเป็นอนาคตของเหล่ามนุษย์และปิศาจนะ!
ฉันกระเด้งตัวขึ้นจากที่นอน
และนึกขึ้นมาได้ว่าสิ่งที่ฉันลืมไปก็คือฉันจะต้องหาทางออกไปจากที่นี่
ไม่ใช่มานอนเล่นอยู่ตรงนี้!
เมื่อคิดได้แบบนั้นแล้วฉันก็ลุกออกจากเตียงไปเดินตามหาคุณแม่โทเรียลและพบว่าเธอกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่หน้าเตาผิงอย่างสบายใจ
ฉันเดินเข้าไปหาคุณแม่โทเรียลอย่างช้าๆ พลางนึกประโยคสนทนาดีๆ ที่จะสามารถบอกคุณแม่ได้ว่าฉันต้องการอะไร แต่รู้อะไรไหม? กลิ่นพายหอมๆ บวกกับสิ่งที่เธอเพิ่งทำให้กับฉัน มันทำให้ฉันคิดอะไรไม่ออกเลยแม้แต่นิดเดียว...
“เอ่อ... คุณแม่คะ”
“ว่าไงจ้ะ”
“เอ่อ... คือ...”
“คิก... ฉันอยากให้เธอรู้เอาไว้นะ
ว่าฉันดีใจมากเลยที่เธอยอมมาอยู่ที่นี่และเรียกฉันว่า ‘คุณแม่’ น่ะ จะว่าไปเธออยากฟังเรื่องนี้ไหม?”
คุณแม่โทเรียลว่าแล้วดึงฉันขึ้นไปนั่งบนตักของเธอแล้วเปิดหนังสือเล่มหนาออกมาอ่านให้ฉันฟัง ฉันนั่งลงบนตักของเธออย่างว่าง่าย แต่ในหัวก็ยังคงคิดเรื่องจะพูดยังไงให้เธอบอกทางออกของที่นี่ ฉันจึงตัดสินใจที่จะพูดมันออกไปในทันที โดยที่ไม่ได้เตรียมประโยคสนทนาดีๆ เลยสักประโยคเดียว!
“เดี๋ยว... เดี๋ยวค่ะ! คือที่จริง
หนูอยากกลับบ้าน...” คุณแม่โทเรียลชะงักไป
“นี่... ที่นี่ก็คือบ้านของเธอไงตอนนี้
จะว่าไปเธออยากได้ยินเรื่องของหอยทากไหม? มันน่าสนใจมากเลยนะ”
“คะ คุณแม่คะ คือหนูอยากออกไปจากที่นี่...”
“อ่า... ฉันว่าเธอควรไปนอนพักผ่อนก่อนนะ เดี๋ยวฉันไปทำธุระสักพักหนึ่ง”
คุณแม่ว่าแล้วอุ้มฉันขึ้นมาก่อนเธอจะพาฉันไปที่ห้องนอน เธอวางฉันลงบนเตียงนุ่มก่อนจะห่มผ้าและลูบหัวฉันเป็นเชิงบอกราตรีสวัสดิ์ แววตาของเธอบ่งบอกว่าเธอกำลังรู้สึกไม่ดีกับสิ่งที่ฉันเอ่ยออกไป
เฮ้อออออ!! ฉันควรจะทำยังไงต่อไปดีล่ะเนี่ย!
ในขณะที่กำลังคิดไปเรื่อยๆ สมองของฉันก็ทำการชัตดาวน์ลงโดยไม่รู้ตัว... zZZ
[Special
of Toriel]
ร่างสูงมองเด็กสาวตัวเล็กที่ผลอยหลับไปใต้ผ้าห่มผืนหนาอย่างครุ่นคิด เธอควรจะทำอย่างไรไม่ให้ฟริคออกไปจากสถานที่แห่งนี้ เด็กสาวตัวน้อยๆ คนนี้คงไม่มีทางสู้กับพวกปิศาจข้างนอกนั่นได้แน่ๆ ในขณะเดียวกันเธอก็นึกขึ้นมาได้ว่าพายที่อยู่ในห้องครัวน่าจะเริ่มเย็นลงแล้ว โทเรียลเดินผละออกไปจากห้องของเด็กสาวเพื่อไปหยิบพายออกมาสักชิ้นและนำมาให้เธอ
โทเรียลวางจานพายลงบนโต๊ะข้างๆ กับเตียงที่เด็กสาวนอนหลับตาพริ้มอยู่ มือใหญ่เอื้อมไปลูบผมนุ่มๆ ของเธออย่างแผ่วเบา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบมองไปยังชั้นวางรองเท้าและในตอนนั้นใบหน้าของใครบางคนก็โผล่เข้ามาในหัว
แอสเรียล...
“คุณแม่คะ...”
เสียงหวานพึมพำๆ ขึ้นมา โทเรียลมองใบหน้าของเด็กสาวมนุษย์ตัวเล็กๆ ที่นอนอยู่ก่อนที่เธอจะเดินออกจากห้องนั้นไป...
ฉันจะต้องทำอะไรสักอย่าง...
เธอคิด พลันวินาทีนั้นโทเรียลก็ได้นึกถึงเด็กหนุ่มที่อยู่ฝั่งตรงข้ามประตูบานนั้นขึ้นมาได้ ถ้าหากเธอไม่อาจห้ามฟริคไม่ให้ออกไปจากซากโบราณสถานแห่งนี้ได้ ก็ยังมีอีกทางหนึ่งที่เธอจะสามารถช่วยปกป้องฟริคจากเหล่าปิศาจที่จะเข้ามาทำร้ายเธอเอาไว้ได้!
ก๊อก ก๊อก
‘นั่นใครครับบ?’
โทเรียลมุ่งหน้าไปยังประตูบานเดิมที่เธอมักจะมาหัวเราะอยู่ตรงนี้เป็นประจำ
เธอเคาะประตูนั้นเบาๆ สองครั้ง เสียงของเด็กหนุ่มฝั่งตรงข้ามขานรับกลับมาอย่างอารมณ์ดี
แต่ทว่าตอนนี้โทเรียลไม่ได้มีอารมณ์ร่วมที่จะฟังมุกของเขาเท่าไรนัก
“ผู้หญิงแก่ๆ คนหนึ่ง” (Old lady)
‘ใครคือผู้หญิงแก่ๆ ?’ (Old lady who?)
"ฮะๆ ฉันไม่คิดนะว่าเธอจะโยเดลเป็นด้วย"
'โอ้! วันนี้มุกคุณเจ๋งนะ ฮ่าๆ'
เด็กหนุ่มหัวเราะเสียงดังผิดกับโทเรียลที่ไม่เปล่งเสียงหัวเราะออกมาเลยสักแอะเดียว จนทำให้คนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเริ่มรู้สึกแปลกใจ เขาจึงเอ่ยถามโดยไม่เล่นมุกของเขาอีก
'... มีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอครับ?'
เด็กหนุ่มน้ำเสียงดูตึงเครียดขึ้น เธอไม่อาจมองเห็นได้ว่าเด็กหนุ่มฝั่งตรงข้ามทำสีหน้าประมานไหน แต่ก็คงเดาได้ไม่ยากนัก โทเรียลหันหลังพิงเข้ากับประตูบานนั้นพลางนึกถึงใบหน้าของลูกชายของเธอขึ้นมา ถ้าหากเขาโตขึ้นแล้วจะมีหน้าตาอย่างไรนะ? ฮึ...
โทเรียลนึกขอบคุณเด็กหนุ่มที่ช่วยเข้ามาเติมเต็มเธอในเรื่องนี้ตั้งแต่วันนั้น เพราะถ้าหากไม่มีเขา ในตอนนี้เธอเองก็คงคิดไม่ออกว่าจะจัดการเรื่องนี้ต่อไปได้ยังไง...
“ฉันมีเรื่องอยากจะขอร้องเธอ...”
‘…’
และตอนนี้มีเพียงคนเดียวที่จะช่วยเธอได้
“หนุ่มน้อย... ถ้าหากมีมนุษย์ออกไปจากประตูบานนี้...
ได้โปรด...”
เขาเพียงคนเดียวเท่านั้น!
โปรดติดตามตอนต่อไป...
ความคิดเห็น