คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #27 : บทที่ 1 : พินัยกรรม
บทที่ 1 : พินัยกรรม
พี่น้องพอตเตอร์
พวกเขาคือคนที่ถูกเลือกงั้นหรือ?
ข่าวเรื่องความโกลาหลลึกลับที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ
นี้ในกระทรวงเวทมนตร์ยังคงแพร่ออกไป ซึ่งระหว่างเหตุดังกล่าวมีผู้พบเห็นหลายรายที่ไม่ต้องการเอ่ยนามอีกด้วย
อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวของเดลี่พรอเฟ็ตยืนยันว่าเรื่องโกลาหลนี้เกิดในหอพยากรณ์ที่มีอยู่แค่เพียงในตำนานเท่านั้น
แม้ว่าจนกระทั่งตอนนี้พ่อมดของกระทรวงก็ยังคงปฏิเสธที่จะยืนยันว่าสถานที่นี้มีอยู่จริง
ไม่มีใครรู้ว่าคำพยากรณ์นั้นคืออะไร แม้จะมีการคาดเดากันทั่วไปว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับสองพี่น้องพอตเตอร์
บางคนถึงขนาดที่เรียกพวกเขาว่า ‘ผู้ถูกเลือก’ เพราะเชื่อว่าคำพยากรณ์เอ่ยเกี่ยวกับพวกเขาว่าเป็นคนที่จะสามารถช่วยเราให้พ้นจากคนที่ไม่ควรเอ่ยชื่อ
(อ่านต่อหน้า สาม)
มือเล็กพลิกหน้าหนังสือพิมพ์ไปเรื่อยๆ พลางกวาดตามองพาดหัวข่าวเดลี่พรอเฟ็ตพร้อมกับคิ้วทั้งสองข้างที่เริ่มขมวดเข้าหากัน หลังจากปิดเทอมฤดูร้อนมาถึงเฮเลนก็แทบไม่ได้รับจดหมายจากใครเลย เฮอร์ไมโอนี่กับรอนก็มีเขียนมาหาบ้างในบางครั้งแต่เดรโกในหน้าร้อนนี้เขาเขียนหาเธอแค่ฉบับเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นเธอก็ไม่เคยได้รับจดหมายจากเขาอีกเลย
ส่วนแฮร์รี่ ช่วงนี้เขาอยู่ไม่ติดบ้านเดอร์สลีย์เท่าไหร่ เฮเลนไม่รู้ว่าเขาจะออกไปไหนนักหนา แต่ว่าเขาดูจะสบายใจมากกว่าอุดอู้อยู่แต่ที่บ้านหรือในห้องนอนเหมือนกับเธอ ใช่! ตอนนี้เธอนอนอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในห้องนอน พาดหัวข่าวเกี่ยวกับเรื่องที่พวกเธอบุกไปที่กระทรวงในคืนนั้นและถูกโจมตีด้วยผู้เสพความตายสมุนของโวลเดอมอร์ แถมนอกจากนั้นโวลเดอมอร์ยังได้เลือดของเธอไปแล้วด้วย การคืนชีพของเขาจึงสมบูรณ์อย่างไม่ต้องสงสัย
เด็กสาวกวาดตาลงบนหนังสือพิมพ์หน้าถัดไป
พาดหัวข่าวใหญ่ทำให้เธออึ้งไปนิดหน่อย
มันเป็นข่าวที่เขียนแสดงความเสียใจกับลูเซียสที่จากไปและการจับกุมผู้เสพความตายที่ไปบุกกระทรวงเวทมนตร์ในตอนนั้น
“ภรรยาและทายาทตระกูลมัลฟอยเดินทางกลับ
หลังจากถูกสอบสวนเกี่ยวกับ...”
เด็กสาวอ่านข้อความข่าวพลางมองวันที่ที่อยู่ในนั้น เรื่องที่ถูกนำมาเขียนเพิ่งเกิดขึ้นหลังจากที่เดรโกเขียนจดหมายส่งมาให้เธอ หลังจากวันนั้นก็ไม่ได้รับการติดต่อจากเขาอีกเลย
เด็กสาวพับหนังสือพิมพ์และวางมันลงบนโต๊ะหัวเตียง ดวงตากลมเหม่อมองเพดานห้องนอนด้วยความรู้สึกเป็นห่วงอยู่เต็มหัวใจ ความกลัวเรื่องที่จะต้องกลับไปสู่โลกที่จากมาได้หายไปหมดตั้งแต่เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น เฮเลนเริ่มรู้สึกตัวได้ว่าพลังเวทมนตร์ในร่างกายของเธอเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่อยู่ที่นี่ ราวกับว่ามันกำลังซึมซับการมีอยู่ของตัวตนของเธอเข้าไปมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกัน ความทรงจำที่เกี่ยวกับหนังสือที่เคยอ่านนั้นค่อยๆ เลือนหายไปอย่างไร้เหตุผล ความจริงเธอควรจะรู้ด้วยซ้ำว่าแฮร์รี่ไปไหน และกำลังจะเกิดอะไรขึ้น -- แต่เปล่าเลย ตอนนี้เธอนึกอะไรไม่ออกด้วยซ้ำไป
“เฮเลน! ลงมาข้างล่างนี่ที!!”
เสียงป้าเพ็ตทูเนียดังขึ้น
เฮเลนเหลือบมองนาฬิกาบนผนังห้องก่อนจะพบว่านี่ถึงเวลามือค่ำของพวกเดอร์ลีย์แล้ว
เด็กสาวเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงนอนพลางมองรอยแผลเป็นบนฝ่ามือซ้ายนิดหน่อยก่อนจะเดินออกจากห้องไปยังชั้นล่างเพื่อเตรียมตัวทำมื้อเย็น
เธอสาบานกับป้าเพ็ตทูเนียเอาไว้ว่าวันนี้จะไม่ทำอะไรไหม้อีก...
“วันนี้เธอไม่ต้องทำอาหาร
แค่เอาไปเสิร์ฟก็พอ”
เด็กสาวตกใจนิดหน่อยที่ได้ยินประโยคนั้นหลังจากที่เธอเดินมาถึงครัว
เฮเลนยักไหล่เบาๆ และหยิบจานที่วางเอาไว้บนเคาน์เตอร์เดินไปวางบนโต๊ะอาหารที่มีลุงเวอร์นอนและดัดลีย์นั่งรออยู่
เสียงบ่นของลุงเวอร์นอนเรื่องอาหารเย็นเมื่อวานยังทำให้เฮเลนขำไม่หาย
“ฉันยังไม่อยากเป็นมะเร็งตายก่อนจะแก่หรอกนะ”
ยิ่งเธอนึกถึงก็ยิ่งกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่
รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอตอนนี้ทำให้ดัดลีย์เปลี่ยนเป้าสายตาจากทีวีตรงหน้ามาเป็นเธอในทันที
“ยิ้มอะไร
ยัยตัวประหลาด!”
เฮเลนหุบยิ้มทันควัน
จริงๆ เธอก็รู้อยู่หรอกว่าทำไมแฮร์รี่ถึงไม่ค่อยอยากจะอยู่บ้าน
แต่ว่าเธอเองก็ขี้เกียจเกินกว่าจะออกไปข้างนอก ถึงได้พยายามทนๆ ไป
หลังจากเสิร์ฟอาหารให้พวกเดอร์สลีย์เสร็จเฮเลนก็เดินออกมานั่งอยู่ที่สนามหน้าบ้านแทบจะในทันที
ถึงจะมีเสียงลุงเวอร์นอนตะโกนเรียกเย้วๆ อยู่ข้างหลัง เธอก็ทำเป็นไม่สนใจแล้วเดินออกมา
เฮนรี่ตัวน้อยบินลงมาเกาะที่ไหล่เธออย่างเชื่องช้า
เจ้านกฮูกไซส์มินิตัวนี้ยังคงน่าเอ็นดูสำหรับเธอเสมอ เฮเลนรู้ดีว่ามันไม่สามารถส่งอะไรให้ใครได้เลยนอกจากจกหมายฉบับเล็กๆ
เพราะมันไม่มีแรงพอที่จะแบกสัมภาระหนักๆ ไปได้ รอนเคยหาว่ามันไม่มีประโยชน์
เธอก็เลยเหน็บเรื่องพิกวิดเจียนใส่เขาไปทีหนึ่งจนรอนไม่เอ่ยเรื่องนี้อีกเลย
“วันหยุดนี้ดูเหมือนว่าพี่ชายฝาแฝดของเธอจะไม่ค่อยอยู่ติดที่เลยนะว่าไหมเฮเลน”
เสียงอันแสนคุ้นหูดังขึ้นในความมืดก่อนที่ร่างสูงผอม
เจ้าของผมและเครายาวสีเงินจะเดินออกมาจากมุมมืดของถนนซอยพรีเว็ตที่ค่อนข้างประหยัดไฟริมทาง
เพราะไฟทางของลิตเติลวิงกิงช่างสว่างจ้าเสียเหลือเกิน (ประชดแรงมาก) ดวงตาสีฟ้าอ่อนสดใสหลังแว่นตารูปครึ่งวงพระจันทร์มองมายังร่างบางที่ยืนลูบขนนกฮูกน้อยอยู่ภายใต้แสงจันทร์ส่องสว่างพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า
“ก็คงแบบนั้นล่ะค่ะ
หนูคิดว่าเขาคงมีเรื่องให้คิดมากเกินไปหน่อย”
“งั้นฉันคิดว่าเขาคงบอกเธอแล้วว่าฉันจะมารับพวกเธอในคืนนี้”
“หนูว่าเขายังไม่ได้บอกนะคะ”
เฮเลนหัวเราะพลางส่ายหน้าไปมาเบาๆ
“งั้นเหรอ
แสดงว่าพวกเธอคงยังไม่ได้จัดของสินะ”
“ผมว่าผมคงลืมไปนิดหน่อยน่ะครับศาสตราจารย์”
เสียงทุ้มดังขึ้นด้านหลังดัมเบิลดอร์
เด็กหนุ่มร่างสูงสวมแว่นตากลมเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเข้มเหลือบดำเดินตามหลังดัมเบิลดอร์เข้ามา
ในช่วงฤดูร้อนนี้แฮร์รี่สูงขึ้นมากจนเฮเลนรู้สึกว่าเธอคงจะตัวเล็กเกินไปแล้วถ้าเกิดเทียบกับเขา
ดัมเบิลดอร์ยิ้มออกมาอย่างร่าเริงก่อนจะเดินนำหน้าเด็กทั้งสองคนไปยังประตูบ้านครอบครัวเดอร์สลีย์
เสียงกริ่งเบาๆ ดังขึ้นและดูเหมือนว่าลุงเวอร์นอนจะคิดว่าเฮเลนกำลังเล่นตลก
เสียงด่าทอหยาบคายดังขึ้นตามเสียงกริ่งทันทีก่อนประตูบ้านจะเปิดออก
“สายัณห์สวัสดิ์
คุณคงเป็นคุณเดอร์สลีย์ ผมคิดว่าแฮร์รี่คงลืมบอกคุณว่าผมจะมารับ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของดัมเบิลดอร์ทำให้ลุงเวอร์นอนกระพริบตาถี่ๆ
ราวกับว่าเขากำลังไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็น
ชุดเสื้อคลุมและหมวกปลายแหลมบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเขาเป็นใคร
“ยังไงก็เถอะ
ผมก็จะทำเป็นว่าคุณเต็มใจที่จะเชิญผมให้เข้าไปในบ้านก็แล้วกันนะ
ในเวลาแบบนี้มันดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ที่จะยืนตากน้ำค้างด้านนอกนานๆ”
เขาเดินนำหน้าเข้าไปในบ้านตามด้วยแฮร์รี่และเฮเลน
เด็กสาวปิดประตูตามหลังและเดินผ่านลุงเวอร์นอนเข้าไป
“นานแล้วที่ผมไม่ได้มาที่นี่...
ขอชมว่าต้นลิลลี่หน้าบ้านคุณงอกงามดีมาก”
ลุงเวอร์นอนไม่ได้ตอบอะไร
เด็กแฝดไม่ได้สนใจว่าเขาจะพูดอะไรต่อหรือไม่
อาจจะเป็นเพราะท่าทางของดัมเบิลดอร์บ่งบอกว่าเขาเป็นพ่อมดอย่างชัดเจนก็เป็นได้
“ผมไม่ได้อยากจะหยาบคายหรอกนะ...”
เขาเริ่มพูดพร้อมเสียงแข็งกร้าว
“แต่ช่างน่าเศร้าที่คุณหยาบคายโดยไม่ตั้งใจบ่อยจนน่าตกใจ” ดัมเบิลดอร์พูดขัด “จะดีที่สุดถ้าคุณจะไม่พูดอะไรเลยนะ... เราจะสมมุติว่าคุณเชิญให้ผมเข้าไปนั่งในห้องนั่งเล่นแล้วกัน”
ดัมเบิลดอร์เดินผ่านดัดลีย์เข้าไปยังห้องนั่งเล่นโดยมีเด็กแฝดตามเขาเข้าไป
เขานั่งลงบนเก้าอี้นวมตัวใกล้กับเตาผิงที่สุดและมองสำรวจรอบห้องด้วยความสนใจ
แต่พวกเดอร์สลีย์กลับมองว่าเขาอยู่ผิดที่ผิดทางที่สุด!
“เราจะไปตอนไหนครับ”
แฮร์รี่เอ่ยถาม
“อีกสักพัก
แต่มีอยู่สองสามเรื่องที่ฉันอยากจะพูดก่อน” ดัมเบิลดอร์ตอบ “แล้วฉันก็ไม่อยากพูดข้างนอก
เราคงต้องรบกวนลุงกับป้าของเธอสักหน่อยล่ะนะ”
“นั่นสิ!” ลุงเวอร์นอนกระแทกเสียง “จะรบกวนยาวหน่อยใช่ไหมล่ะ”
เขาเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นตามด้วยป้าเพ็ตทูเนียส่วนดัดลีย์แอบอยู่ด้านหลังร่างผอมบางของป้า
เฮเลนรู้สึกได้ว่าลุงเวอร์นอนกำลังพูดประชดใส่ดัมเบิลดอร์แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยสนใจและตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริงราวกับว่าไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลยกับการกระทำของลุง
“ใช่แล้วล่ะครับ”
ดัมเบิลดอร์ตอบและชักไม้กายสิทธิ์ขึ้นมา เขาตวัดไม้สบายๆ
ทำให้โซฟาตัวยาวลอยเข้าไปกะแทกหลังเข่าของพวกเดอร์สลีย์ลงไปนั่งบนโซฟาตัวนั้น
ก่อนที่เขาจะตวัดอีกหนเพื่อให้โซฟาลอยกลับไปที่เดิม
แฮร์รี่ดันหลังเฮเลนให้นั่งลงบนโซฟาที่เหลืออยู่ก่อนที่เขาจะนั่งลงบนที่วางแขนของโซฟาตัวเดียวกัน
“เอาล่ะ เด็กๆ”
ดัมเบิลดอร์หันมาหาสองแฝด “มีเรื่องยุ่งๆ เกิดขึ้น
และฉันหวังว่าพวกเธอคงจะแก้ปัญหาให้เราได้
เราที่ว่านี้ฉันหมายถึงเหล่าภาคีนกฟินิกซ์ แต่ก่อนอื่นฉันต้องขอบอกเธอเอาไว้ก่อนว่าเราค้นพบพินัยกรรมของซีเรียสเมื่อสัปดาห์ก่อนและเขามอบทุกอย่างที่เป็นของเขาให้แก่พวกเธอ”
พวกเดอร์สลีย์หันมามองทั้งสองแต่พวกเขาทำเป็นไม่เห็นและได้แต่พยักหน้าเบาๆ
ให้ดัมเบิลดอร์
“ในพินัยกรรมก็ค่อนข้างตรงไปตรงมา”
ดัมเบิลดอร์ว่าต่อ “พวกเธอมีทองเข้าไปเพิ่มเติมในบัญชีที่กริงกอตส์และพวกเธอได้รับสมบัติทุกอย่างของซีเรียส
ส่วนที่มีปัญหาก็คือ...”
“พ่อทูนหัวของพวกแกตายแล้วเหรอ?”
ลุงเวอร์นอนพูดแทรกขึ้นมา ทั้งสามคนหันไปมองหน้าเขา จริงๆ
เฮเลนรู้สึกอยากจะสั่งให้เฮนรี่บินไปจิกตาเขาทันทีที่ได้ยินแต่เด็กสาวยังคงรู้สึกเกรงใจดัมเบิลดอร์อยู่นิดหน่อยจึงไม่ได้ทำ
“ใช่”
ดัมเบิลดอร์ตอบและยังคงพูดต่อเหมือนกับว่าสิ่งที่ลุงเวอร์นอนพูดขัดขึ้นมาอย่างไร้มารยาทนั่นไม่มีความหมายสำหรับเขา
“ปัญหาก็คือ... ซีเรียสยกบ้านเลขที่สิบสอง กริมโมเพลซให้กับพวกเธอด้วย”
“ฐานทัพภาคี?”
เฮเลนพึมพำ ดัมเบิลดอร์ส่ายหน้าไปมาเบาๆ
“เราย้ายออกจากบ้านหลังนั้นแล้ว
เพราะตามประเพณีของตระกูลแบล็กกำหนดไว้ว่าต้องยกบ้านให้ทายาทสายตรงเท่านั้น
ให้กับคนที่ใช้นามสกุลแบล็ก แต่ทั้งเรกูลัสและซีเรียสก็ตายไปแล้วและทั้งคู่ก็ไม่มีลูก
มันเป็นไปได้ว่ามีการลงอาคมไว้ในบ้านเพื่อไม่ให้พวกที่ไม่ใช่เลือดบริสุทธิ์เข้าไปในบ้านได้”
“ผมพนันเลยว่าต้องมีแน่นอน”
แฮร์รี่ยักไหล่
“คงใช่
และถ้าอาคมแบบนั้นมี คนที่น่าจะได้เป็นเจ้าของบ้านมากที่สุดก็คงจะเป็นเบลาทริกซ์
เลสแตรงจ์ลูกพี่ลูกน้องของเขา”
แฮร์รี่กำหมัดแน่น
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยพอใจที่ได้ยินแบบนั้น
“แน่นอนว่าเราไม่อยากให้เขาได้บ้านไปหรอก”
ดัมเบิลดอร์พูดต่ออย่างใจเย็น “ไม่รู้ว่าอาคมที่เราลงไว้กับบ้านนั้นเช่นไม่ให้มันปรากฏบนแผนที่จะมีอำนาจต่อไปไหมถ้าเปลี่ยนเจ้าของ
มันเป็นไปได้ว่าเบลาทริกซ์จะมาปรากฏตัวหน้าบ้านหลังนั้นเมื่อไหร่ก็ได้เพราะแบบนี้เราจึงจำเป็นต้องย้ายออกจากบ้านหลังนั้นจนกว่าจะรู้แน่นอนว่าจะเป็นยังไงต่อ”
“แล้วจะรู้ได้ไงล่ะครับว่าเราสองคนได้เป็นเจ้าของ”
แฮร์รี่และเฮเลนหันไปมองหน้ากัน
“โชคดีที่มันมีการทดสอบที่ง่ายมาก”
ดัมเบิลดอร์ว่า “ถ้าพวกเธอได้บ้านมาจริงๆ เธอจะได้รับอีกอย่างมาด้วย...”
ดัมเบิลดอร์ตวัดไม้กายสิทธิ์อีกรอบ
มีเสียงแปลกๆ
ดังขึ้นและสิ่งมีชีวิตหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาบนพื้นพรมในห้องนั่งเล่นไม่ไกลจากตรงที่เด็กแฝดนั่งอยู่นัก
พวกเดอร์สลีย์ตะโกนโวยวายทันทีที่เห็นมัน
เฮเลนยกมือขึ้นมากุมหน้าผากอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ครีเชอร์” ดัมเบิลดอร์กล่าวเสียงเรียบ เฮเลนยังจำได้ดีตอนที่ครีเชอร์หลอกด่าเธอนับครั้งไม่ถ้วนตอนที่อยู่ในฐานทัพภาคี มันจงรักภัคดีต่อคนในตระกูลแบล็กมากแต่รังเกียจพวกเลือดผสมหรือลูกมักเกิ้ลมากกว่าสิ่งใด ตอนที่เฮอร์ไมโอนี่ทำดีกับมัน มันยังทำตัวเหมือนตัวเองสูงส่งกว่าคนอื่นเสียอีก
“ไม่! ครีเชอร์ไม่ยอม ครีเชอร์ต้องเป็นของท่านเบลาทริกซ์
ครีเชอร์เป็นเอลฟ์ประจำตระกูลแบล็ก
ครีเชอร์จะไม่ยอมเป็นของเด็กเลือดโสโครกอย่างพวกพอตเตอร์!!”
เอลฟ์โวยวายแต่ดูเหมือนลุงเวอร์นอนจะทำหน้าพอใจเมื่อพวกเขาถูกสิ่งมีชีวิตหน้าตาประหลาดนี่ด่าทอ เฮเลนกลอกตาไปมาอย่างไม่พอใจนัก
“อย่างที่พวกเธอเห็น
เขาแสดงอาการไม่เต็มใจอย่างชัดเจนที่จะเป็นของพวกเธอ”
“ผมไม่สน”
แฮร์รี่เบ้หน้า มองดูเอลฟ์ที่ชักดิ้นชักงออยู่บนพื้นพรม “เฮเลนเองก็คงไม่ต้องการมัน”
“จริงๆ หนูก็ไม่ได้ต้องการมันหรอกค่ะศาสตราจารย์" เฮเลนพูดและหันไปมองดัมเบิลดอร์พร้อมกับแฮร์รี่ "แต่ครีเชอร์เป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้เราพิสูจน์ได้ว่าเราเป็นเจ้าของกริมโมลเพลซ"
"แต่ว่าฉันไม่..."
“เธอพอใจที่จะเห็นเขาตกไปเป็นของเบลาทริกซ์
เลสแตรงจ์งั้นเหรอ?" ดัมเบิลดอร์ถามขัดขึ้นเมื่อแฮร์รี่ทำท่าไม่พอใจอีกครั้ง "ทั้งๆ ที่เขาอยู่ที่กองบัญชาการภาคีตลอดปีที่ผ่านมาเลยนะ”
ทั้งสองหันกลับไปมองหน้ากันอีกครั้ง เฮเลนคิดว่าแฮร์รี่รู้ดีว่าการปล่อยให้ครีเชอร์ไปอยู่กับเบลาทริกซ์นั้นแย่แค่ไหน -- มันอาจจะเอาความลับของภาคีไปเปิดเผยหรือทำอะไรสักอย่างเป็นแน่
“สั่งเขาสิ”
ดัมเบิลดอร์ว่าในขณะที่ครีเชอร์ยังคงกรีดร้องเหมือนใจจะขาด “ถ้าเขาเป็นของพวกเธอเขาก็จะเชื่อฟัง
ถ้าไม่งั้นเราก็คงต้องหาวิธีอื่นที่จะกันเขาไม่ให้ไปหานายหญิงที่มีสิทธิ์อย่างถูกต้อง”
“ไม่ยอม ไม่ยอม
ไม่ยอมมม!” ครีเชอร์ยังคงกรีดร้องจนเฮเลนตวาดออกคำสั่งเขาไปด้วยความรำคาญ
“ครีเชอร์ เงียบสักที!”
ในวินาทีนั้นครีเชอร์เหมือนสำลัก
และยังคงอาละวาดชักดิ้นชักงอไปมาบนพื้นพรมโดยปราศจากเสียง
เด็กสาวถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ
ในที่สุดก็ไม่ต้องทนนั่งฟังเสียงน่าหนวกหูของเอลฟ์ประจำบ้านบ้าๆ ตัวนี้
“ดูเรื่องจะง่ายขึ้นเยอะ”
ดัมเบิลดอร์พูดต่อ “เหมือนซีเรียสรู้ว่าเขาจะต้องทำอะไร
พวกเธอมีสิทธิ์เป็นเจ้าของบ้านเลขที่สิบสอง
กริมโมเพลซอย่างถูกต้องและเป็นเจ้าของครีเชอร์ด้วย”
“แล้วนี่ผมต้องเอามันไปไหนมาไหนด้วยงั้นเหรอครับ?”
แฮร์รี่ถามพลางกลอกตามองครีเชอร์ที่ยังคงดิ้นไปดิ้นมาอยู่รอบๆ
โซฟาที่เขากับเฮเลนนั่งอยู่
“ไม่จำเป็น
ถ้าจะให้ฉันแนะนำล่ะก็ เธอน่าจะส่งเขาไปที่ครัวของฮอกวอตส์ ที่นั่นจะมีเอลฟ์อื่นๆ
ช่วยจับตาดูเขา”
“แบบนั้นก็ดีครับ”
แฮร์รี่ผ่อนลมหายใจ “ครีเชอร์ ฉันอยากให้นายไปอยู่ที่ฮอกวอตส์
ทำงานในครัวที่นั่นกับเอลฟ์อื่นๆ แล้วทำตัวดีๆ ล่ะ
คงไม่มีใครในฮอกวอตส์อยากทำความรู้จักกับนายหรอกถ้ายังปากเสียแบบนี้”
ครีเชอร์เหลือบตามองแฮร์รี่ด้วยสายตาเกลียดชังก่อนมันจะหายวับไป
“เอาล่ะ
ทีนี้ฉันคิดว่าพวกเธอคงจะยังไม่ได้จัดของใช่ไหม?” ดัมเบิลดอร์พูด
“เอ่อ...
พวกเราจะขึ้นไปเดี๋ยวนี้ค่ะ!”
เฮเลนตอบแล้วลุกขึ้นยืนรีบวิ่งขึ้นห้องไปอย่างรวดเร็วตามด้วยแฮร์รี่ ทั้งสองใช้เวลาค่อนข้างนานในการจัดของทั้งหมดลงในหีบ
เฮเลนพิถีพิถันต่างจากแฮร์รี่ที่เจออะไรก็จับยัดลงไปในหีบหมดเขาจึงเก็บเสร็จเร็วกว่าเฮเลนเป็นเท่าตัว
ทั้งสองขนหีบลงมายังชั้นล่างและพบว่าดัมเบิลดอร์ไม่ได้รอพวกเขาอยู่ที่ห้องโถง
ซึ่งนั่นหมายความว่าพวกเขาจะต้องกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่น
เด็กทั้งสองวางหีบและกรงนกเอาไว้ที่ห้องโถงและเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นอีกครั้ง ไม่มีใครพูดอะไร
มีเพียงแค่ดัมเบิลดอร์ฮัมเพลงเบาๆ อย่างอารมณ์ดี
“พร้อมแล้วครับศาสตราจาย์”
“ดี เอาล่ะผมมีเรื่องจะพูดอีกเรื่อง” ดัมเบิลดอร์ลุกขึ้นยืนมองใบหน้าของพวกเดอร์สลีย์ “พวกคุณคงรู้แล้วว่าโวลเดอมอร์กลับมาที่ประเทศนี้ ชุมชนผู้วิเศษกำลังทำสงครามกันอย่างเปิดเผย เด็กสองคนนี้เป็นคนที่เขาพยายามฆ่าหลายต่อหลายครั้งแล้ว ตอนนี้พวกเขาตกอยู่ในอันตรายยิ่งกว่าตอนที่ผมเอาพวกเขามาทิ้งเอาไว้หน้าบ้านของพวกคุณเมื่อสิบเจ็ดปีก่อนเสียอีก” ดัมเบิลดอร์ถอนใจ “มนตร์ที่ผมเสกขึ้นเมื่อสิบเจ็ดปีก่อนหมายความว่าพวกเขาจะได้รับการปกป้องคุ้มครองตราบใดที่พวกเขายังเรียกที่นี่ว่าบ้าน”
ประโยคนั้นทำให้เฮเลนหันไปหาแฮร์รี่และยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ เธอจำไม่ได้ว่าเรียกที่นี่ว่าบ้านได้เต็มปากรึเปล่า ถึงแม้ว่าจะเพิ่งได้เข้ามาอยู่ก็ตาม แต่เด็กสาวเชื่อว่าแฮร์รี่คงไม่เคยคิดว่าที่นี่เป็นบ้านด้วยซ้ำไป -- ฮอกวอตส์ต่างหากที่เป็นบ้านของพวกเขา
“ยังไงก็ตาม
แม้ว่าพวกเขาจะทุกข์ใจเมื่ออยู่ที่นี่
แม้ว่าพวกคุณจะไม่ได้ยินดีต้อนรับแต่อย่างน้อยพวกคุณก็ยอมยกห้องๆ
หนึ่งให้พวกเขาแม้จะไม่เต็มใจก็ตาม มนตร์นี้จะหยุดทำงานทันทีเมื่อทั้งสองอายุครบสิบเก้าปี
พูดอีกอย่างในนาทีที่พวกเขาโต สิ่งเดียวที่ผมจะขอร้องคือขอให้พวกเขากลับมาที่นี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนวันเกิดอายุครบสิบเก้าปี เพื่อมั่นใจว่าการปกป้องจะยังคงอยู่จนกว่าจะถึงเวลานั้น”
พวกเดอร์สลีย์ไม่มีใครพูดอะไรเลยราวกับว่ามีบางอย่างจุกอยู่ในคอทำให้พูดไม่ออก
“เอาล่ะ
ถึงเวลาที่เราจะต้องไปกันแล้ว” ดัมเบิลดอร์ว่าพลางจัดเสื้อคลุมของเขา
ก่อนจะเดินนำหน้าเด็กทั้งสองออกไปจากห้องนั่งเล่น แฮร์รี่ส่งเสียงบอกลาพวกเดอร์สลีย์เบาๆ
ต่างจากเฮเลนที่แอบยิ้มเยาะใส่ป้าเพ็ตทูเนียและลุงเวอร์นอนหน่อยๆ ก่อนจะตามทั้งสองคนออกไป
“ฉันจะส่งของพวกนี้ไปที่บ้านโพรงกระต่าย
ตอนนี้เราคงไม่อยากมีพวกมันไว้เกะกะ”
ดัมเบิลดอร์ว่าแล้วดึงไม้กายสิทธิ์ออกมาโบกและสัมภาระของเด็กทั้งสองก็หายไปจากที่วางเอาไว้
สามคนเดินออกจากบ้านพวกเดอร์สลีย์ไปตามซอยพรีเว็ต อากาศเย็นที่กระทบผิวกายทำให้เด็กสาวรู้สึกสดชื่นขึ้นนิดหน่อย
“เอาล่ะ
จับแขนฉันไว้” ดัมเบิลดอร์ยกแขนซ้ายขึ้นมา “จับไว้ให้แน่นๆ
และมั่นใจว่าพวกเธอจะไม่ปล่อยมันในระหว่างนั่นนะ”
เฮเลนและแฮร์รี่เอื้อมมือไปจับมือซ้ายของดัมเบิลดอร์เอาไว้แน่น
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นร่างของทั้งสามก็หายวับไปจากตรงนั้นพร้อมกับความรู้สึกปวดตุ้บๆ
ในช่องท้องของเด็กทั้งสอง
ติดตามตอนต่อไป...
คอมเมนต์เตือนไรท์เรื่องอายุเนอะ แต่ไรท์เคยแจ้งแล้วว่าขออนุญาตเปลี่ยนอายุให้เข้ากับตัวละครแล้วก็ให้เข้ากับฉาก NC ที่จะเขียนนิดนึงเนอะ ไรท์แจ้งตั้งแต่ตอน บทที่ 14 : คริสมาสต์ SS1 แล้วก็ไรท์ชินกับอายุ 18+ หรือ 18 พอดีมากกว่าเวลาเขียน NC ก็เลยเลือกให้อายุ 13 เข้าเรียนปี 1 แถมด้วยแท็คอยู่ปี 4 (ซีซั่นนี้ปี 4 แล้วเนอะ) จะได้อายุ 16 พอดีเพื่อให้เขามีความคิดของเด็ก 15+ บ้าง เดี๋ยวจะอายุน้อยเกินไป มันจะดูหมือนแท็คเฮอร์มอย T^T
ปล.ประเด็น NC จะอยู่ SS3 เนื้อเรื่องไรท์มาเต็มแน่นอนค่ะ อีกอย่างไรท์ขอเนื้อเรื่องแล้วก็สำรวจข้อมูลก่อนเขียนนิดนึงนะคะจะได้ไม่ทำให้ติดขัด ขอบคุณที่อ่านค่า ♥
ความคิดเห็น