คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : บทที่ 20 : ว.พ.ร.ส. และภาพนิมิต (Re.03)
UP : 12/08/60
Re-write : 23/08/60
Re-write 2 : 25/09/61
Re-write 3 : 07/07/64
บทที่
20 : ว.พ.ร.ส. และภาพนิมิต
มีเสียงตะโกนและเสียงเคลื่อนไหวดังลั่นมาจากห้องโถงกลางในขณะที่เฮเลนกำลังเดินลงมาจากห้องทำงานของศาสตราจารย์มักกอนนากัลราวกับว่ามีคนทั้งโรงเรียนกำลังรวมตัวกันอยู่ที่ห้องโถงนั่น
สองขาไม่รอช้าพาร่างวิ่งไปที่ห้องโถงทันทีก่อนจะพบกับแฮร์รี่
รอนและเฮอร์ไมโอนี่อยู่ตรงนั้นด้วย
“มันเกิดอะไรขึ้น”
เฮเลนถามขึ้นมาทันทีหลังจากเดินไปถึงตัวพวกเขา นักเรียนยืนล้อมกันเป็นวงกว้าง
อาจารย์หลายคนและผีรวมอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย
ที่เห็นเด่นชัดที่สุดก็คือสมาชิกหน่วยสอบสวนที่นำโดยแท็คดูมีสีหน้าพึงพอใจในตัวเองอย่างยิ่งยวด
ให้ตาย! นี่เขาอีกแล้วเหรอ
เธอไม่รู้ว่าหมอนี่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับเฮอร์ไมโอนี่แบบไหน
ถึงได้พยายามมากเหลือเกินที่จะทำให้เราโดนไล่ออก!
“เฟร็ดกับจอร์จน่ะ!" เฮอร์ไมโอนี่ทำท่าจะทึ้งผมตัวเอง
"โอ้ย ให้ตายสิ แท็คกลายเป็นตัวแสบขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ"
พีฟส์ลอยอยู่เหนือหัวพวกเขา
มันก้มลงมองดูเฟร็ดและจอร์จที่ยืนอยู่ตรงกลางพื้นด้วยท่าทางที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเพิ่งจะถูกต้อนจนจนมุม
เฮเลนไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะสามารถถูกต้อนได้และจนมุมในสถานการณ์ที่เขาก่อขึ้นเองและในความพินาศอีกหลายอย่างที่พวกเขาเคยทำนั้นแล้วด้วย มันเหมือนกับจงใจให้พวกนั้นจับยังไงก็ไม่รู้!
“ว่าไง!” เสียงอัมบริดจ์ดังขึ้น
“เธอคิดว่ามันสนุกนักใช่ไหมที่เปลี่ยนระเบียงทางเดินเป็นหนองน้ำ!!”
เฮเลนแทบหลุดหัวเราะออกมา
อะไรนะ? เปลี่ยนระเบียงทางเดินเป็นหนองน้ำ?
ไอเดียนี้ไม่เลวเลย!
“ก็สนุกดีนะครับ”
เฟร็ดตอบ เธอชะโงกหน้ามองดูทั้งสองคน ดูเหมือนว่าเฟร็ดและจอร์จไม่มีท่าทางหรือสีหน้าหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย
“บางทีเธอสองคนควรจะเรียนรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับคนที่ทำความผิดในโรงเรียนของฉัน!”
“อาจารย์รู้อะไรไหม”
จอร์จพูดพร้อมกับหันไปหาเฟร็ด “ผมว่าเราสองคนไม่ได้เรียนรู้อะไรหรอกครับ”
“นี่จอร์จ”
เฟร็ดมองหน้าเขาตอบ “ฉันว่าเราสองคนโตเกินไปสำหรับการศึกษาอย่างเต็มเวลาแล้วนะ”
“ใช่เลย
ฉันก็รู้สึกแบบนั้น” จอร์จพูดอย่างร่าเริง
“ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องออกไปอยู่ในโลกจริงๆ
ซะที นายว่างั้นไหม” เฟร็ดยังคงถามต่อ
“แน่นอน”
จอร์จว่าก่อนที่สองแฝดจะยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นและตะโกนพร้อมกัน “แอ๊กซีโอ ไม้กวาด!!”
เสียงโครมดังลั่นออกมาจากทางไปห้องทำงานของอัมบริดจ์
เฮเลนก้มตัวลงหลบแทบไม่ทันเมื่อไม้กวาดของพวกเขาแล่นเข้ามาหาเจ้าของในห้องโถง
ทั้งสองด้ามมีโซ่หนักๆ และหมุดเหล็กที่อัมบริดจ์ใช้ตรึงกำแพงอยู่ห้อยตามมาด้วย
ไม้กวาดพุ่งลงไปหยุดที่หน้าของทั้งสอง เสียงโซ่กระทบพื้นดังสนั่น
“คงไม่เจอกันอีกนะ”
เฟร็ดหันไปหาอัมบริดจ์และเหวี่ยงขาขึ้นไปบนไม้กวาด
“ใช่! แล้วก็ไม่ต้องติดต่อมาล่ะ”
จอร์จต่อและขึ้นขี่ไม้กวาดของตนด้วย
ทั้งสองกวาดตามองฝูงชนที่กำลังยืนมองพวกเขาอย่างตกตะลึงพลางส่งยิ้มมาให้พวกเขา
"เราไม่ได้อยากได้การติดต่อจากคุณ"
“แต่ถ้าเกิดมีใครบางคนอยากจะเจอเรา
ก็ยังมาเจอได้เสมอที่เดิม!" เฟร็ดพูดด้วยเสียงอันดัง "ส่วนคนที่อยากได้หนองน้ำแบบกระเป๋าหิ้วอย่างที่จอร์จเพิ่งสาธิตไปข้างบนนั่น
เชิญที่ร้านหมายเลขเก้าสิบสาม ตรอกไดแอกอน"
“ร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์
สถานที่ใหม่ของเรา!!”
ประโยคสุดท้ายสองคนตะโกนเสียงดังลั่นพร้อมรอยยิ้มที่ฉาบอยู่บนใบหน้า
“ลดราคาให้พิเศษสำหรับนักเรียนฮอกวอตส์ที่กล้าสาบานว่าจะใช้เครื่องมือของเราไล่ยัยค้างคาวหงำเหงือกนี่ออกไป”
จอร์จพูดทั้งที่ยังยิ้มกว้างมือชี้ไปทางอัมบริดจ์
เฮเลนบอกไม่ถูกเลยว่าเขาทั้งสองคนนี่มันตัวแสบระดับไหน
อัมบริดจ์กรีดร้องในขณะที่เฟร็ดกับจอร์จเตะเท้าขึ้นจากพื้นและเหาะขึ้นไปในอากาศ
เฟร็ดเหาะไปเฉียดพีฟส์และบอกมันให้ช่วยส่งอัมบริดจ์ลงนรกแทนทั้งคู่ด้วย
มันสะบัดหมวกและกระโดดขึ้นโค้งคำนับระหว่างที่เฟร็ดกับจอร์จบินวนรับเสียงปรบมือที่ดังกึกก้องจากเหล่านักเรียนเบื้องล่างและเร่งความเร็วพุ่งผ่านประตูที่เปิดกว้างออกไปสู่อาทิตย์อัสดง
จากไปอย่างกับฮีโร่เลยเชียว!
ตลอดหนึ่งสัปดาห์
เหมือนกับว่านักเรียนหลายคนได้กำลังใจจากเฟร็ดและจอร์จ
ตอนนี้นักเรียนจำนวนมากแข่งขันกันเพื่อชิงตำแหน่งผู้บัญชาการตัวก่อกวนที่เพิ่งว่างลง
เหมือนมีใครบางคนส่งตัวนิฟเฟลอร์จมูกยาวเข้าไปในห้องทำงานอัมบริดจ์ได้และมันทำลายห้องพังพินาศในทันทีเพื่อค้นหาของที่เป็นประกายแวววาว
“จะว่าไปแล้ว
พวกเขาไปเปิดร้านกันได้ยังไงน่ะ”
รอนถามในขณะที่กำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นกันหลังเลิกเรียนวิชาพยากรณ์ศาสตร์
“มันจะไม่แปลกไปหน่อยเหรอที่พวกเขามีเงินเกลเลียนมากพอที่จะเช่าที่ในตรอกไดแอกอน
แล้วแม่ก็คงอยากรู้มากแน่ว่าพวกเขาได้ทองมากมายพวกนั้นมาจากไหน”
เฮเลนเห็นแฮร์รี่สะดุ้งเฮือกใหญ่ในขณะที่กำลังเขียนรายงานเกี่ยวกับวิชาดาราศาสตร์
“จากฉันเองแหละ”
เขาพูด “ฉันยกเงินรางวัลการประลองเวทไตรภาคีให้พวกเขาเมื่อเดือนมิถุนาที่แล้ว”
รอนและเฮอร์ไมโอนี่เงียบกริบในขณะที่ครุกแชงก์กระโดดขึ้นมานอนบนตักเฮเลนอย่างที่เคยทำและมันทำให้เธอเขียนรายงานวิชาอักษรรูณได้ยากขึ้น
-- ไม่มีใครพูอะไรต่อ
ปัญหาตอนนี้อยู่ที่ว่ามีเวลาอีกแค่เดือนเดียวก่อนจะสอบและทุกนาทีที่ว่างก็จะต้องอุทิศให้วิชาต่างๆ
และเฮเลนเริ่มพบว่าการที่ไม่ชอบนอนนี่เป็นเรื่องดีเลยทีเดียวเพราะมันทำให้เธอได้มีเวลาในการทบทวนวิชาต่างๆ
มากขึ้น!
ถึงแม้ว่าสี่วันถัดมาเธอจะเกือบเป็นลมตอนเรียนวิชาปรุงยาก็เถอะ!
“เธอได้พักบ้างไหมเนี่ย”
เดรโกพูดขณะที่เขากำลังพยุงเฮเลนให้ไปห้องพยาบาล เธอส่ายหน้าตอบเขาหลังจากที่ล้มลงเกือบหน้าทิ่มหม้อปรุงยาเมื่อสักครู่
โชคดีที่ส่งงานศาสตราจารย์สเนปไปแล้วทุกอย่างก็เลยเหมือนจะผ่านไปได้ด้วยดี
สิ่งที่แย่ที่สุดก็คือแพนซี่ที่อยู่ใกล้ที่สุดยืนแสยะยิ้มอย่างสะใจที่เฮเลนปัดหม้อยาหก
แต่หล่อนก็ต้องหุบยิ้มไปเพราะเดรโกเป็นคนมาพยุงเฮเลนแทน! หัวเราะที่หลังดังกว่าเป็นไหนๆ
“ชีวิตนี้กะจะไม่นอนเลยรึไงยัยเพี้ยน”
เมื่อเดรโกพาเธอมาถึงเตียง
มาดามพอมฟรีย์ก็หายาบำรุงกำลังมาให้และสั่งให้นอนหลับพักผ่อนอย่างน้อยหกชั่วโมงซึ่งมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วเพราะว่าการบ้านอีกเป็นโหลรอคอยอยู่!
แต่เดรโกจับเฮเลนกดตัวลงนอนและนั่งเฝ้าอยู่เกือบครึ่งวัน!
“ถ้ามอนทาคิวไม่หายก่อนจะแข่งกับฮัฟเฟิลพัฟ
บ้านเธอก็จะมีโอกาสได้ถ้วยควิดดิชล่ะนะ” อยู่ๆ เดรโกก็พูดขึ้น
“มอนทาคิว? ใครเหรอ”
เฮเลนมองหน้าเดรโกเป็นเชิงถามทั้งที่ร่างกายยังนอนอยู่บนเตียงไม่กล้าขยับเขยื้อน
“หมอนั่นเป็นเชสเซอร์ของบ้านฉันเอง”
เดรโกว่าพลางกลอกตาไปมา “ถ้าทีมฉันแพ้วันเสาร์นี้แต้มก็จะพอๆ กับพวกเธอ
แถมยังทำให้พวกเธอมีสิทธิ์ได้ถ้วยด้วยนะ! ดีใจไหมล่ะ”
“ฉันไม่เห็นสนใจเลย”
เธอตอบ “ที่สนใจคือสอบ ว.พ.ร.ส. ที่กำลังจะถึงนี่ต่างหาก”
เฮเลนเบ้หน้าใส่เขาโดยที่เดรโกหัวเราะออกมานิดหน่อยก่อนจะพูดถึงเรื่องที่ทีมควิดดิชที่กริฟฟินดอร์จะต้องแข่งกับเรเวนคลอตอนสิ้นเดือนพฤษภาคมจนเฮเลนเผลอนึกถึงแฮร์รี่ว่าเขาคงจะทนไม่ได้ที่ต้องลงแข่งกับโช
แต่ก็ลืมไปว่าแฮร์รี่ถูกสั่งห้ามเล่นควิดดิชตลอดชีวิตโดยอัมบริดจ์ไปแล้ว
หลังจากวันนั้นเฮเลนก็มีเวลาพบกับเดรโกน้อยลงอีกเมื่อเขาจำต้องไปฝึกซ้อมควิดดิชและหน้าที่พรีเฟ็ต
อีกอย่างหลังจากที่สลิธิรินแพ้ให้ฮัพเฟิลพัฟแบบเฉียดฉิว
เดรโกดูเหมือนจะขยันฝึกซ้อมควิดดิชมากขึ้นเพื่อเอาชนะกริฟฟินดอร์ในนัดต่อไป
แถมมันก็ไม่นานเกินรอ กระแสเวลาก็พัดเรามาจนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคมจนได้
“โอ๊ยให้ตาย! พวกนั้นกำลังจะเริ่มร้องเพลงอีกแล้ว”
เสียงเฮอร์ไมโอนี่ดังขึ้น ตอนนี้เฮเลน
แฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่กำลังยืนอยู่ที่สนามควิดดิช
นักเรียนบ้านกริฟฟินดอร์หลายคนครวญครางหลังจากที่รอนปล่อยให้ลูกควัฟเฟิลเข้าห่วงไปแล้วหนึ่งลูก
พวกสลิธีรินที่ดูอยู่ฝั่งตรงข้ามฝั่งที่พวกเขายืนอยู่เริ่มต้นร้องเพลง ‘วีสลีย์ราชันย์ของเรา’ ฉบับของพวกเขาทันที
“วัสลีย์นั้นกันไม่เป็นท่า
ห่วงเดียวก็ไม่อาจรักษา...”
“เฮ้!” เสียงแหบๆ
ดังขึ้นระหว่างที่เฮเลนกำลังจะหยิบไม้กายสิทธิ์เพื่อเล็งไปยังแครบและสาปเขาเพื่อแกล้งสักทีทำเอาเธอชะงักและหันไปมองหาต้นเสียงพร้อมกับแฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่
แฮกริดโผล่ขึ้นมาระหว่างที่นั่ง
ดูเหมือนว่าเขาจะเดินเบียดมาตลอดทางด้านหลังเพราะเด็กนักเรียนปีหนึ่งและปีสองตรงที่เขาเดินผ่านมาดูเนื้อตัวยุ่งเหยิงแบบแปลกๆ
เขาก้มลงมากระซิบเหมือนกลัวว่าจะมีใครมาเห็น แต่สำหรับเธอแล้วมันไม่มีผลอะไรหรอกเพราะเขาสูงกว่าคนอื่นเยอะเลย
“ฟังนะ”
เขากระซิบ “พวกเธอช่วยมากับฉันหน่อยได้ไหม เดี๋ยวนี้เลย”
“คอยก่อนไม่ได้เหรอแฮกริด
ให้แข่งจบก่อนไม่ได้เหรอ” แฮร์รี่ถาม
“ไม่ได้หรอกแฮร์รี่
ต้องเดี๋ยวนี้เลยในระหว่างที่ทุกคนยังมองไปที่สนาม”
จมูกของเขามีเลือดออกมาเล็กน้อย
ขอบตาคล้ำเหมือนกับอดนอนมาเป็นเวลานาน ทั้งสามจึงตัดสินใจจะเดินตามเขาลงอัฒจันทร์ไป
เขาพาทั้งสามเดินลัดเลาะสนามไปยังชายป่า
แฮร์รี่เหลียวหลังไปมองเป็นระยะเมื่อมีเสียงเฮขึ้นมา
เฮเลนคิดว่าคงมีทีมไหนสักทีมทำแต้มได้และบางทีอาจจะไม่ใช่กริฟฟินดอร์
แฮกริดเดินผ่านกระท่อมตรงไปที่ร่มเงาต้นไม้ที่อยู่ริมสุดของป่า
เขาก้มลงหยิบหน้าไม้ที่วางพิงกับต้นไม้อยู่ขึ้นมาและมองมายังพวกเราสามคน
“เราจะเข้าไปในนี้”
เขาว่าพลางปรายตาไปยังป่าต้องห้าม เฮเลนเอียงคอมองเขาอย่างงงๆ
“ป่าเหรอคะ?” เฮอร์ไมโอนี่ถาม
“ใช่
มาเถอะก่อนจะมีใครเห็น” แฮกริดว่าแล้วพาเข้าไปในความมืดสลัวของป่าต้องห้ามนั้น
เขานิ่งเงียบไม่พูดอะไรและเดินบุกไปข้างหน้า ก้าวยาวๆ
ของเขาเท่ากับสามก้าวของพวกเราดังนั้นเราสามคนจึงมีปัญหามากในการเดินตามแฮกริด สองข้างทางเริ่มรกไปด้วยพุ้มไม้ที่หนาแน่น
ต้นไม้สูงๆ ขึ้นเบียดชิดเข้ามาเมื่อพวกเราเดินเข้าป่าไปลึกมากขึ้นเรื่อยๆ
“แฮกริด
นี่เราจะไปไหนกันเหรอ!”
ในที่สุดเหมือนว่าแฮร์รี่จะทนไม่ไหว
เขาก็เลยส่งเสียงเรียกแฮกริดที่บุกผ่านพุ่มไม้หนาที่เขาผ่านมันไปได้ยากมากๆ
“ไปไกลอีกหน่อย”
แฮกริดตอบ “เร็วเข้า เราต้องไปพร้อมกันนะ”
เป็นการดิ้นรนอย่างใหญ่หลวงที่เราทั้งสามจะไล่ให้ทันแฮกริด
โดยเฉพาะตอนที่ผ่านกิ่งไม้และพุ่มไม้หนามที่แฮกริดเข้าไปด้สบายๆ
บ่อยครั้งที่มันพันและเกี่ยวตามเสื้อคลุมจนต้องหยุดปลดพวกมันออกอยู่หลายนาที
ร่างกายของพวกเขาเริ่มเต็มไปด้วยบาดแผลไม้เกี่ยว
จะว่าไปเฮเลนก็ยังไม่เคยเข้าป่าต้องห้ามมาก่อน แถมก่อนหน้านี้ก็คงไม่เคยเข้ามาลึกขนาดนี้
“ลูมอส”
เฮอร์ไมโอนี่ยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นพร้อมกับแฮร์รี่
แฮกริดหยุดเดินกะทันหันและหันกลับมา
เฮเลนจึงยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาจุดไฟขึ้นบ้างหลังจากที่พวกเขาเข้ามาในป่าลึกจนมองไม่เห็นแม้กระทั่งแสงของดวงอาทิตย์ที่ส่องลงมา
“บางทีเราควรจะหยุดกันสักหน่อย
ฉัน -- ฉันจะเล่าให้ฟังนะ” แฮกริดพูด “ก่อนจะไปถึงที่นั่น”
“ดีเลยค่ะ”
เฮเลนรีบพูด ใบหน้าของแฮกริดลอยเด่นขึ้นมาในความมืดด้วยแสงจากไม้กายสิทธิ์
เขาดูกระวนกระวายและเศร้าสร้อย
“มันมีโอกาสมากเลยที่ฉันอาจจะถูกไล่ออกไม่วันใดก็วันหนึ่ง”
เขาพูด “อัมบริดจ์คิดว่าฉันเป็นคนเอาตัวนิฟเฟลอร์ไปใส่ในห้องทำงานของเขาน่ะ”
“มันไม่ใช่คุณนี่แฮกริด!”
เฮอร์ไมโอนี่พูดในทันใดก่อนที่แฮร์รี่จะเอ่ยปากถามสิ่งที่ไม่ควรจะถาม
“อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับสัตว์วิเศษเขาก็โยนมาให้ฉันหมดนั่นแหละ”
แฮกริดทำท่าฉุนๆ “ฟังนะ ฉันไม่อยากบอกพวกเธอเลยเรื่องนี้ถ้าเกิดว่ามันไม่จำเป็น
แต่เข้าใจไหมว่า ถ้าฉันต้องไป ฉันก็อยากให้พวกเธอสามคนช่วยฉัน”
“แล้วคุณต้องการให้เราทำอะไรล่ะแฮกริด”
แฮร์รี่ถาม
แฮกริดกวักมือให้เราเดินตามเขาไปอีกราวๆ
เกือบสิบนาทีได้เขาก็พาเรามาหยุดอยู่ที่หนึ่งในป่าต้องห้าม
มันมีรูปร่างเหมือนเนินกว้างๆ ที่ไม่มีต้นไม้หรืออะไรขึ้นอยู่เลย
เสียงกรนเบาๆ ดังออกมาจากที่นั่นและมันกำลังดังขึ้นเรื่อยๆ
ในขณะที่แฮกริดบอกให้เราเบาเสียงลงเพื่อไม่ให้มันตื่น...
เนินหินที่ไหนจะตื่นได้ล่ะ!
“พวกนั้นรังแกเขาทุกคนเลยเฮอร์ไมโอนี่”
แฮกริดว่าในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้างมองดูเนินนั่นด้วยสายตาแปลกๆ
มาได้สักระยะหนึ่ง เธอส่ายหน้ารัวๆ
ราวกับว่าสิ่งที่แฮกริดกำลังพากพวกเรามาดูนั้นไม่ใช่สิ่งที่น่าพิสมัยเอาเสียเลย “ฉันทิ้งเข้าไม่ได้หรอก! เขาเป็นน้องชายฉัน -- พวกเธอเข้าใจฉันใช่ไหม”
“น้องชาย?” เฮอร์ไมโอนี่ทวนคำ
“น้องคนล่ะพ่อ
ปรากฏว่าหลังจากที่แม่ทิ้งพ่อฉันไปเขาก็ไปอยู่กับยักษ์ตัวหนึ่ง” แฮกริดถอนหายใจ
“แล้วเขาก็ไปมีเจ้านี่ ชื่อกรอว์ปน่ะ”
“กรอว์ปเหรอ?” แฮร์รี่ถามพลางกุมมือเฮเลนเอาไว้แน่น
“ฟังคล้ายๆ
งั้นแหละเวลาต้องพูดชื่อเขา” แฮกริดพูดสีหน้าดูกระวนกระวาย
“เขาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้หรอก ฉันพยายามสอนเขาแล้ว
แม่ก็ไม่ได้รักเขามากเท่าไหร่หรอก
สำหรับพวกยักษ์แล้วการมีลูกตัวใหญ่ถึงจะดีสำหรับพวกเขา”
“เขาช่างตัวเล็กเหลือเกิน!” เฮอร์ไมโอนี่พูดประชดเหมือนกำลังประสาทเสีย
“เชือกพวกนี้มีไว้ทำอะไรครับ”
แฮร์รี่ถาม เขาผลักเฮเลนให้ไปอยู่ด้านหลังเมื่อเนินนั้นเริ่มขยับตัวไปมา
“นี่ต้องผูกเชือกเอาไว้เลยเหรอแฮกริด”
เฮเลนพูดจากทางด้านหลัแฮร์รี่หลังจากที่เห็นเชือกป่านเส้นหนาพอๆ
กับต้นไม้โยงไปโยงมาเต็มไปหมด
กรอว์ปเริ่มขยับตัวลุกขึ้นและเงยหน้ามองทั้งสามคนด้วยท่าทางงัวเงียเหมือนเด็กเล็กๆ
“ใช่
ฉันอยากจะขอให้พวกเธอช่วยดูแลเขาที” แฮกริดตอบเสียงแหบ “หลังจากที่ฉันไป”
“แล้วเราต้องทำอะไรบ้างคะ”
เฮอร์ไมโอนี่ถามอีกรอบ
“ไม่ต้องหาอะไรให้เขากินหรอก
เขาหาอาหารกินเองได้" แฮกริดพูด
"เขาแค่อยากได้เพื่อนที่แวะเวียนมาหาเขาบ้างเท่านั้นเอง”
เฮเลนหันไปมองเนินนั้นอีกครั้ง
กรอว์ปนั้นดูผิดสัดส่วนแปลกๆ สิ่งที่เหมือนกับก้อนหินใหญ่ๆ
ที่มีตะไคร่ขึ้นเต็มนั่นคือหัวของเขา
เมื่อเทียบสัดส่วนแล้วดูเหมือนว่าตัวเขาจะเล็กกว่ายักษ์ตัวอื่นๆ
อย่างที่แฮกริดบอกจริงๆ
“คุณต้องการให้เราสอนเขา?” เฮอร์ไมโอนี่พูดอีกรอบ
“มันก็ไม่เชิง"
เขาบอก "แค่คุยกับเขานิดๆหน่อยๆ ก็พอ”
หลังจากนั้นแฮกริดก็แนะนำพวกเราให้เขารู้จัก
มันยากที่จะยอมรับว่าเขานั้นหัวรุนแรงจริงๆ
เฮอร์ไมโอนี่เกือบถูกกเขาคว้าตัวเอาไว้ได้ถ้าเกิดว่าแฮร์รี่ไม่ได้กระชากเธอออกมาห่างๆ
เสียก่อน ระหว่างเดินกลับเราไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย ในที่สุดพวกเราก็กลับมาสู่ทางเดินที่ดูเหมือนไกลเสียเหลือเกิน
เฮเลนนึกว่าเธอจะไม่ได้เห็นทางเดินแสนสวยงามนี้อีกแล้วซะอีก!
“ได้ประตูอีกแล้วล่ะมั้ง”
แฮกริดว่าหลังจากเสียงเฮดังสนั่นมาแต่ไกล
เฮเลนมองไปยังอัฒจันทร์และพบว่ามีคนเดินออกมาจากสนามควิดดิชกันแล้ว เฮเลนรีบบอกลาแฮกริดเพื่อดึงแขนแฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่ให้รีบวิ่งไปที่นั่น
เธอหวังว่ารอนคงจะไม่หัวเสียนะถ้าเกิดว่าเขารู้ว่าไม่ได้อยู่ดูเขาแข่ง!
“วีสลีย์นั้นราชันย์ของเรา
วีสลีย์นั้นราชันย์ของเรา...”
“ฉันไม่อยากได้ยินเพลงนี้เลย”
แฮร์รี่พูดเสียงละห้อยในขณะที่นักเรียนกำลังเคลื่อนที่ผ่านสนามหญ้าลาดชันขึ้นมาจากสนามกีฬา
“รีบเข้าไปก่อนที่พวกเราจะเจอพวกสลิธีรินเถอะ!” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางยกมือขึ้นปิดหู
แต่เฮเลนคิดว่านั่นไม่ใช่เด็กบ้านสลิธีรินที่กำลังร้องเพลงนี้...
“เขาไม่ปล่อยลูกควัฟเฟิลเข้า
วีสลีย์นั้นราชันย์ของเรา
วีสลีย์นั้นกันได้ทุกท่า
ห่วงเดียวไม่ปล่อยเข้ามา
กริฟฟินดอร์จึงขอร้องบอกว่า
วีสลีย์นั้นราชันย์ของเรา”
“เธอสองคน...”
เฮลนพูดเสียงแผ่วพลางดึงมือเฮอร์ไมโอนี่ออกจากหู “ไม่ใช่สลิธีริน!!”
เสียงเพลงที่ดังขึ้นไม่ได้เปล่งออกมาจากกลุ่มนักเรียนสลิธีรินแต่มาจากกลุ่มนักเรียนสวมเนกไทสีแดงคาดทองที่เคลื่อนไหวกลับมายังปราสาทอย่างช้าๆ
แบกร่างของรอนเอาไว้บนบ่าในกลุ่มใหญ่นั้น! หรือว่าชนะงั้นเหรอ!
“ไม่น่าเชื่อ!" เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้าง
“เฮ้พวกเธอ!!” รอนตะโกนเสียงดังทันทีที่เห็นพวกเรา
“เราทำได้ เราชนะแล้ว!!”
ความปลาบปลื้มที่รอนช่วยให้ทีมกริฟฟินดอร์ได้ถ้วยนั้นมากซะจนวันต่อๆ
มาเขาไม่ได้พูดถึงเรื่องอื่นเลยนอกจากควิดดิชซึ่งนั่นทำให้เฮเลน
แฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่หาโอกาสพูดเรื่องกรอว์ปได้ยากมาก จนในที่สุดพวกเราก็ลากรอนให้มานั่งอยู่ใต้ต้นบีชริมทะเลสาปได้โดยอ้างว่าอยากอ่านหนังสือในบรรยากาศที่ร่มรื่นมากกว่า
เฮอร์ไมโอนี่เล่าทุกอย่างให้รอนฟังอย่างสงบที่สุดแต่รอนเองก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยจะโอเคเท่าไหร่นัก
เขาพูดถึงเรื่องที่เราสี่คนมีแนวโน้มจะถูกไล่ออกมากกว่าใครเพื่อนแถมยังบอกอีกว่าถ้าเกิดว่าแฮกริดรอดมาได้ถึงขนาดนี้แล้วยังไงก็น่าจะอยู่ยาวจนถึงสิ้นเทอมแน่นอน...
หลายวันถัดมา
บริเวณปราสาทถูกสาดส่องไปด้วยแสงแดดสีทองสวยงามและทะเลสาบเป็นประกายระยิบระยับ
ในที่สุดเดือนมิถุนาก็มาถึง สำหรับพวกเรานักเรียนปีห้านี่หมายถึงการสอบ ว.พ.ร.ส.
ที่รอคอย!
พวกเขาทั้งสี่ได้รับตารางสอบ
ว.พ.ร.ส. และรายละเอียดเกี่ยวกับการสอบในระหว่างการเรียนวิชาแปลงร่างคาบสุดท้าย
พวกเขาจะได้สอบภาคทฤษฏีกันในตอนเช้าและสอบปฏิบัติกันในตอนบ่ายส่วนวิชาดาราศาสตร์ต้องสอบกันในเวลากลางคืนแน่นอน
และเฮเลนคิดว่าทำไม่ได้แน่ๆ ในวิชาอักษรรูณ --
ความจริงคือมันยากเกินที่จะทำให้เธอเข้าใจมันทั้งหมดในเทอมเดียว!
การสอบวิชาแรกเริ่มขึ้นในวันจันทร์เช้าของสัปดาห์ถัดมา
เฮเลนกับเดรโกแทบไม่ได้เจอกันเลยในช่วงที่กำลังอ่านหนังสือติวสอบ
ถึงมันจะเหมือนเพิ่มระยะห่างแต่ว่าสำหรับเธอแล้วก็ไม่ได้ห่างกันมากนัก
เดรโกยังคงยิ้มและคอยแกล้งเธอในบางครั้งที่เดินสวนกันและเฮเลนยังคงโดนแพนซี่รังควานเล็กน้อย
แต่โชคร้ายที่หล่อนไม่สามารถกวนเธอได้เวลาอยู่ในห้องสมุดเพราะมาดามพินซ์เคยงับหัวเธอไปรอบหนึ่งตอนที่ยัยนั่นพยายามจะขว้างพายใส่เฮเลน
คิดได้ไงเอาพายเข้ามาในห้องสมุด!
หลังจากมื้อเช้าเสร็จสิ้นลง
พวกเขาทั้งสี่คนไม่ได้คุยอะไรกันมากนักเพราะความเครียดและทุกอย่างที่อยู่ในสมองมันทำให้เราไม่รู้จะพูดเรื่องอะไรกันก่อนดี
นักเรียนปีห้าและปีเจ็ดเดินกันสะเปะสะปะในห้องโถงกลางระหว่างที่นักเรียนคนอื่นๆ
เดินไปเข้าชั้นเรียน
เมื่อถึงเวลาเก้านาฬิกาสามสิบนาทีก็ถูกเรียกให้กลับเข้าไปในห้องโถง
โต๊ะอาหารของบ้านทั้งสี่หลังถูกย้ายออกไปและแทนที่ด้วยโต๊ะนั่งสอบจำนวนมาก
ทุกตัวหันไปทางโต๊ะอาจารย์โดยมีศาสตราจารย์มักกอนากัลยืนประจันหน้ากับพวกเขาอยู่
เมื่อทุกคนนั่งประจำที่เธอก็บอกให้ทุกคนทำข้อสอบก่อนจะพลิกนาฬิกาเรือนมหึมาบนโต๊ะข้างๆ
กันกับเธอให้กลับหัวลง
เฮเลนใจเต้นไม่เป็นส่ำหลังจากพลิกกระดาษข้อสอบวิชาคาถา
ข้อสอบเป็นข้อเขียนทั้งหมด
เธอเหล่ไปยังเฮอร์ไมโอนี่ที่นั่งไปไม่ห่างกันนักเริ่มจรดปากกาเขียนลงบนกระดาษแล้ว
เฮเลนก้มลงมองคำถามที่จะต้องตอบพลางยิ้มออกมาเพราะคำตอบของพวกมันทั้งหมดลอยวนเวียนชัดแจ๋วอยู่ในหัว
ถือว่าขอขอบคุณหัวสมองของเฮเลน พอตเตอร์ก็แล้วกันที่ช่วยเอาไว้!
“นี่มันจะแย่เกินไปไหม”
เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างกังวลหลังจกส่งข้อสอบ “ฉันมีเวลาไม่พอ
ฉันได้เขียนคาถานั้นลงไปด้วยไหมนะ ฉันไม่แน่ใจว่าต้องใส่เรื่องนั้นไปด้วยรึเปล่า
แล้วคำถามข้อที่ยี่สิบหก...”
“เฮอร์ไมโอนี่”
รอนพูดเสียงเครียด “เราไม่ควรจะทวนเรื่องที่สอบไปแล้วทุกครั้งหรอกนะ”
หลังจากฟังทั้งสองทะเลาะกันนิดหน่อยพวกเขาก็รับประทานอาหารกลางวัน
(โต๊ะทานอาหารกลับมาและหายไปอีกรอบหลังจากถึงเวลาสอบครั้งต่อไป) ทุกคนถูกย้ายไปนอกห้องโถงอีกครั้งเพื่อรอเรียกตัวไปสอบตามลำดับตัวอักษร
ระหว่างนั้นหลายคนก็ฝึกการร่ายคาถาและการโบกไม้กายสิทธิ์ไปมาเพื่อความมั่นใจ
แต่นักเรียนที่ถูกเรียกเข้าไปสอบแล้วจะถูกห้ามไม่ให้กลับเข้ามาอยู่ในห้องเดียวกับคนที่ไม่ได้สอบ
ดังนั้นเฮเลนก็เลยไม่ได้รู้ว่าเฮอร์ไมโอนี่สอบเป็นยังไงบ้างเพราะเธอเป็นคนแรกที่ถูกเรียกเข้าไปสอบ
“ปัทมา
พาติล ปาราวตี พาติล แฮร์รี่ พอตเตอร์ เฮเลน พอตเตอร์”
เฮเลนมองหน้าแฮร์รี่พลางกำไม้กายสิทธิ์ในมือแน่น
แฮร์รี่ถูกให้ไปสอบกับศาสตราจารย์ท็อฟดี้ส่วนเธอโดนให้ไปต่อแถวสอบกับศาสตราจารย์มาร์ชแบงส์ที่กำลังทดสอบเดรโกไปได้เกือบครึ่งหนึ่งแล้ว
ไม่นานเท่าไหร่นักเดรโกก็ทำแก้วไวน์หล่นไปแตกกระจาย
เฮเลนหลุดขำไปนิดหน่อยส่วนเขาก็ส่งสายตางอนๆ มาให้ก่อนจะเดินออกไป
“แม่สาวพอตเตอร์ใช่ไหม”
ศาสตราจารย์มาร์ชแบงส์ก้มลงมองโน้ตข้อมูลของเฮเลน
หญิงชราตัวเล็กหลังค่อมยิ้มออกมาอย่างใจดี
แต่เธอสัมผัสได้ว่าบางทีการสอบของเธออาจจะไม่ได้ดีเหมือนกับรอยยิ้มนั้นก็ได้
“ไม่ต้องกังวล
ช่วยทำให้แก้วใส่ไวน์นี่กลับมาเต็มอีกครั้งจะได้ไหม” เธอพูดด้วยเสียงสั่นเครือหลังจากร่ายคาถาซ่อมแก้วไวน์และเก็บกวาดสิ่งที่เดรโกทำเอาไว้เมื่อสักครู่ไปแล้ว
เฮเลนพยายามอย่างมากโดยการทำให้แก้วไวน์ที่เธอบอกลอยขึ้นก่อนจะใช้คาถาที่เฮอร์ไมโอนี่ทวนมาเสกให้แก้วไวน์ลอยมารินไวน์ใส่แก้วตรงหน้าเธออย่างระมัดระวัง
โชคดีนิดหน่อยที่ฉันผ่านมันมาได้ด้วยดี!
คืนวันนั้นพวกเขาทุ่มเทการท่องจำทฤษฏีเรื่องการแปลงร่างกันจนดึกดื่น
ตอนเช้าวันถัดมาเฮเลนทำข้อสอบข้อเขียนไปได้อย่างราบรื่น
ส่วนช่วงบ่ายแย่ลงนิดหน่อยตรงที่แฮนนาห์
อับบอตเสกฝูงนกฟลามิงโก้ขึ้นมาทำให้การสอบต้องชะงักไปครู่หนึ่งเพื่อไล่จับนกพวกนั้นออกไปจากห้อง
วันพุธมีการสอบวิชาสมุนไพรศาสตร์
เฮเลนทำได้ดีเลยทีเดียวกับต้นแมนเดรก
(เสียงกรีดร้องของมันเกือบทำให้เนวิลล์เกือบสลบ)
ต่อจากนั้นในวันพฤหัสเธอมีโอกาสได้เข้าสอบวิชาอักษรรูณ
การแปลงมันยากกว่าที่คิดไว้จริงๆ แถมข้อเขียนก็ไม่มั่นใจด้วยว่าจะผ่านได้รึเปล่า! พูดกันตามจริงการสอบที่นี่ยากกว่าที่โรงเรียนเก่าของเธอเยอะเลย!
ในวันศุกร์ก็ถึงเวลาสอบวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด
หลังจากที่ได้เข้าร่วมการเรียนการสอนจากแฮร์รี่ในช่วงที่อยู่ในทัพดัมเบิลดอร์มันทำให้เฮเลนสามารถสอบข้อเขียนได้อย่างสบายๆ
มันง่ายถึงขนาดหลับตาเขียนก็ผ่านแน่! แถมเฮเลนยังรู้สึกสนุกที่คาถาเกราะวิเศษได้ใช้จริงในการสอบนี้ด้วย!
“โอ้ยตายแล้ว!”
ศาสตราจารย์มาร์ชแบงส์ร้องขึ้นมาหลังจากที่เธอเสกคาถาไล่บ๊อกการ์ด
ถึงมันจะไม่ได้สมบูรณ์แบบเหมือนแฮร์รี่ที่อยู่ข้างๆ
แต่ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว “มันเยี่ยมยอดมาก เอาล่ะฉันคิดว่าเธอจะต้องได้
-- ”
“เอกซ์เปกโต
พาโตรนุม!”
เสียงร่ายคาถาดังขึ้นพร้อมกับกวางหนุ่มสีเงินพุ่งออกมาจากไม้กายสิทธิ์ของคนที่สอบอยู่ข้างๆ
เฮเลน
ดวงตาของอาจารย์ทุกคนหันไปมองผู้พิทักษ์ของแฮร์รี่ทันทีจนเกือบลืมนักเรียนตรงหน้า
ศาสตราจารย์มาร์ชแบงส์ปรบมือเสียงดังก่อนจะสะกิดเธอเบาๆ
“อยากได้คะแนนพิเศษเหมือนกับแฝดไหม”
น้ำเสียงนั้นเจือไปด้วยความอยากเอาชนะเล็กๆ ที่เฮเลนสัมผัสได้
เธอฉีกยิ้มกว้างมองตามแผ่นหลังของแฮร์รี่ที่กำลังเดินออกจากห้องสอบไปก่อนจะเริ่มร่ายคาถา
“เอกซ์เปกโต
พาโตรนุม”
เจ้าสุนัขจิ้งจอกตัวเดิมระเบิดออกมา
เฮเลนวาดภาพอัมบริดจ์ถูกไล่ออกขึ้นมาในหัวมันทำให้ผู้พิทักษ์ของเธอนั้นเปล่งแสงสว่างมากกว่าปกติ
เธอคิดว่าคงมีความสุขมากๆ ถ้ายัยคางคกโดนไล่ออกไปให้พ้นๆ สักที มันวิ่งวุ่นไปรอบห้องด้วยความซุกซนและมันสามารถเรียกสายตาของอาจารย์คุมสอบทุกคนได้เหมือนกับแฮร์รี่
เจ้าจิ้งจอกกระโดดเข้าใส่แฮร์รี่จนเกือบหน้าคะมำ
เขาหันมาส่งสายตาใส่เธอนิดหน่อยก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินออกจากห้องไปพร้อมกับผู้พิทักษ์ของเฮเลนที่สลายกลายเป็นหมอกสีเงิน
ศาสตราจารย์มาร์ชแบงส์ปรบมือและยิ้มอย่างภูมิใจที่เธอก็เก่งไม่แพ้แฮร์รี่
พอตเตอร์เลย
“ยอดเยี่ยม!” เธอพูด “ไปได้แล้วพอตเตอร์
น่าภูมิใจแทนคนสอนเธอจริงๆ”
เฮเลนยิ้มแล้วเดินเตาะแตะตามแฮร์รี่ออกไปจากห้องโถง
ในวันหยุดสุดสัปดาห์เป็นวันพักผ่อนแต่แทนที่จะได้พักผ่อนกลับเป็นวันที่ต้องวุ่นวายเมื่อเฮอร์ไมโอนี่เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นพร้อมกับพูดถึงเรื่องอัมบริดจ์!
“มีคนปล่อยตัวนิฟเฟลอร์เข้าไปในห้องทำงานอัมบริดจ์อีกแล้ว! เขายังคิดว่าแฮกริดเป็นคนทำและฉันก็เชื่อว่าเขาไม่มานั่งรอหลักฐานพิสูจน์หรอกว่ามันจริงหรือไม่จริง!!” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างหัวเสียก่อนจะเดินปึงปังขึ้นหอหญิงไป
เฮเลนใช้เวลาที่เหลืออยู่ทบทวนวิชาปรุงยาที่เกือบจะได้คะแนนห่วยในชั้นเรียนคราวที่แล้วเพราะอดนอนก็เลยเป็นลมตอนปรุงยา
และเหมือนว่าเมอร์ลินจะไม่ค่อยรักเธอนักเพราะวันจันทร์มาถึงทั้งๆ
ที่เธอยังไม่ค่อยจะเข้าใจเรื่องการปรุงยาเท่าไหร่และเธอพบว่าข้อสอบวิชาปรุงยายากซะจนอยากจะเอากระดาษข้อสอบไปต้มแล้วให้สเนปกินมันซะ!
การสอบภาคปฏิบัติไม่น่ากลัวเท่าไหร่
อย่างน้อยเฮเลนก็เข้าใจว่าต้องใส่อะไรลงไปบ้าง
เธอปิดจุกขวดน้ำยาตัวอย่างและส่งมันให้ศาสตราจารย์มาร์ชแบงส์ที่ยืนยิ้มรอผลงานของเธออย่างใจจดใจจ่อ
เฮเลนคิดว่าคะแนนมันอาจจะไม่ได้ดีเท่าที่ควรแต่ว่ายังไงก็ไม่มีทางตกแน่นอน
ในวันต่อมาวิชาการดูแลสัตว์วิเศษผลงานของเฮเลนออกมาดีเยี่ยมหลังจากความชอบเรื่องสัตว์ที่มีติดตัวมาตั้งแต่เกิดทำให้เธออดไม่ได้ที่จะหยิบหนังสือสัตว์วิเศษออกมาจากห้องสมุดเมื่อเดือนก่อนและการสอบภาคปฏิบัติก็แน่นอนว่าไม่มีวันพลาด!
การทดสอบดาราศาสตร์ในวันพุธทำให้เฮเลนปวดหัวตุบๆ
สับสนไปหมดระหว่างดาวดวงนั้นดวงนี้แต่มันก็ยังผ่านไปได้ด้วยดีโดยเฉพาะการเขียนชื่อบริวารของเหล่าดาวต่างๆ
ลงไปให้ครบถ้วน (แน่นอนว่าดาวพฤหัสทำเอาเธอปวดหัวไปนิดหน่อย)
ช่วงบ่ายถูกเปลี่ยนเป็นการสอบวิชาพยากรณ์ศาสตร์เพราะการปฏิบัติต้องสอบในช่วงเวลากลางคืนเท่านั้น
เฮเลนทำได้ดีกับศาสตราจารย์ท๊อฟดี้เนื่องจากการศาสตร์การพยากรณ์ลูกแก้วนั้นศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์เคยส่งหนังสือนั่นให้เธอตอนวันเกิด
(แถมยังเคยยัดเยียดหนังสือพยากรณ์อีกเพียบมาให้อีก)
และการอ่านใบชาที่ดูเหมือนว่าช่วงนี้ชีวิตเขากำลังออกมาดีเยี่ยมและสรุปการทำนายลายมือผลออกมาว่าเขาจะมีอายุยืนกว่าร้อยปี!
รอนกับแฮร์รี่ออกไปทบทวนแผนที่ดาวก่อนจะถึงเวลาอาหารเย็นแต่เฮเลนกลับต้องทบทวนวิชาตัวเลขมหัศจรรย์ก่อนจะไปสอบอีกครั้งช่วงก่อนถึงเวลาสี่ทุ่ม
เฮเลนกับเฮอร์ไมโอนี่ยิ้มออกเมื่อมันไม่ได้ยากเกินกว่าที่คิดเอาไว้
แต่มันก็ไม่ได้ง่ายจนถึงขั้นที่จะทำได้โดยไม่ต้องเอาปากกาเกาหัว...
“เหนื่อยมากไหม”
เดรโกถามขึ้นเมื่อเธอแอบหนีมานั่งมองดาวที่ลานปราสาท ปวดหัวตุ้บๆ
เหมือนหัวจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เฮเลนหันไปมองร่างที่เดินเข้ามานั่งลงข้างๆ
นิดหน่อยก่อนจะถอนหายใจออกมาและเอนหัวพิงเขา
“มาก! ฉันจำไม่ได้แล้วว่าฉันลงสอบเอาไว้เยอะขนาดนี้เดรโก”
เขาหัวเราะ
“เธอสอบ
เธออ่านหนังสือ" เดรโกยักไหล่ "เธอมัวแต่ติวจนไม่สนใจฉันเลยด้วยซ้ำมั้ง”
“นายไม่เข้าใจหรอก"
เฮเลนพูดเสียงเอื่อยๆ "จริงๆ มันสนุกมากเลยนะที่ได้เสกนั่นเสกนี่”
“ทำเหมือนไม่เคยเสก”
เดรโกว่าพลางยีผมเธอเบาๆ “เธอชอบอะไรพวกนี้อยู่แล้วนี่”
“ไม่รู้สิ!” เฮเลนตอบเสียงอ่อย
“ฉันจำไม่ได้ว่าเมื่อก่อนตัวเองเป็นคนยังไง”
เสียงหัวเราะของเดรโกดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
เธอเหลือบตามองรอยยิ้มของเขานิดหน่อย
“เมื่อก่อนเธอจะชอบเรียนนั่นเรียนนี่
แถมทำได้ดีจนหลายคนอิจฉาต่างจากแฮร์รี่อย่างสิ้นเชิง"
เดรโกว่าแล้วเงยหน้าขึ้นมองพระจันทร์ที่ส่องสว่างอยู่เหนือศีรษะ
"เธอจะชอบนั่งอยู่ใต้ต้นบีชกับยัยเกรนเจอร์ หรือไม่ก็อยู่แถวๆ
ป่าต้องห้ามกับพวกสัตว์หน้าตาประหลาดๆ ส่วนเรื่องที่เห็นเป็นปกติก็จะอยู่ในห้องสมุด
แต่เธอนิสัยเสียตรงที่ชอบแอบเอาขนมไปกินทำให้มาดามพินซ์ไม่ชอบใจบ่อยๆ”
เฮเลนพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมตัวเองถึงตกเป็นเป้าสายตาของหล่อนทุกครั้งที่เข้าห้องสมุด
“นายเป็นสตอกเกอร์หรือไง
รู้อย่างกับตามติดชีวิตฉันตลอดเวลา”
“สตอกเกอร์คืออะไร?” เขาถาม เฮเลนยักไหล่เขาก็เลยพูดต่อทั้งที่ยังไม่เข้าใจ “ก็ฉันอยู่กับเธอตลอดตั้งแต่เข้ามาปีแรก
ถึงจะเจอเธออยู่กับพอตเตอร์หรือว่าจะอยู่กับเกรนเจอร์
ฉันก็ยังอยากจะเห็นเธออย่างน้อยวันละครั้งนี่”
ดวงตาสีฟ้าซีดเหลือบมองบนอย่างเขินๆ
เดรโกเอื้อมมือมาดึงแก้มเธอเบาๆ โดยที่ดวงตายังคงไม่มองหน้าเธอเลยสักนิด
เฮเลนพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ
พร้อมกับเลื่อนหัวลงไปนอนหนุนตักของร่างสูงจนทำให้เขาสะดุ้งเฮือกใหญ่
เดรโกหันซ้ายแลขวาอย่างระแวง เฮเลนรู้ว่าเขากลัวว่าพวกกรรมการสอบสวนจะมาเห็น
แต่เชื่อเถอะ ห้าทุ่มครึ่งคงไม่มีหน้าไหนออกมาเดินท่อมๆ นอกหอนอนหรอก ยกเว้นนักเรียนปีห้ากับปีเจ็ดที่ยังรวมตัวกันอยู่ในห้องโถง
“ขอพักหน่อยแล้วกัน”
“นี่! มันฉันไม่ใช่เหรอที่ต้องนอนหนุนน่ะ”
เขาว่า เฮเลนส่ายหน้าน้อยๆ และหลับตาลง
เสียงโวยวายเบาๆ
ของเขาไม่ทำให้เธอเปลี่ยนใจเลยสักนิด กลิ่นกายผสมกับกลิ่นเหงื่อจางๆ
จากเสื้อคลุมทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ สมองเธอโล่งไปจนน่าใจหาย
ถึงจะแอบกลัวว่าสิ่งที่อ่านไปในวิชาดาราศาสตร์จะลอยหายไปหมดก็เถอะ
แต่เฮเลนก็ไม่สามารถที่จะห้ามไม่ให้ความเหนื่อยล้าฉุดให้จมลงไปได้
ภาพรอบกายเปลี่ยนไปเป็นความมืด
เต็มไปด้วยลูกแก้วเรียงรายกันบนชั้นสูงเสียดฟ้า ร่างของใครบางคนที่ดูคุ้นตาถูกจับมัดตรึงติดอยู่กับเก้าอี้
ใบหน้าซูบผอมดูโทรมลงอย่างเห็นได้ชัด
มือสีขาวซีดของใครบางคนลอยเด่นขึ้นมาในความมืดพร้อมกับเสียงที่แสนคุ้นหู
“ไปเอามันมาให้ฉัน!”
“ข้ามศพฉันไปก่อนเถอะ!!”
เสียงหัวเราะร่วนดังขึ้นจากเจ้าของมือในความมืด
“ฉันทำแน่!.... ครูซิโอ้!!!”
ติตามตอนต่อไป...
ความคิดเห็น