ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Undertale] FANFIC ภายใต้ผืนดินอันลึกลับ (Sans x Frisk)

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 คุณแม่โทเรียลและซากโบราณสถาน (Re.1)

    • อัปเดตล่าสุด 13 พ.ค. 59


    Up lode : 27/04/2016

    Re Write No.1 : 13/05/2016

    บทที่ 1

    คุณแม่โทเรียลและซากโบราณสถาน


    “แกก็แค่อยากจะเห็นฉันทรมานเท่านั้นแหละ!!

    “ตาย!!!!

    สิ้นคำนั้น ฉันสะดุ้งเฮือกก่อนที่สมองจะเริ่มดึงดันคิดหาวิธีการเอาตัวรอดไปจากตรงนี้ รอบกายมีพลังสีขาวบริสุทธิ์ลอยอยู่โดยไร้ซึ่งหนทางหนีรอดใดๆ แม้กระทั่งการหายตัวฉันยังไม่คิดเลยว่มันจะทำให้ฉันสามารถรอดพ้นไปจากที่นี่ได้ 

    เหอะ! ฉันจะคิดหาวิธีหนีไปทำไม? ในเมื่อคิดไปก็ไม่ได้หมายความว่าจะรอดไปได้สักหน่อย!!

    พรึบ!

    “อ๊ากกกกกก!!

    เสียงนั่นทำให้ฉันตื่นจากห้วงความคิดแห่งวาระสุดท้าย ในขณะที่พลังแห่งมิตรภาพสีขาวบริสุทธิ์ (แต่โคตรอันตราย -_-;) กำลังจะพุ่งเข้ามา พลันวินาทีนั้นกลับปรากฏดวงไฟประหลาดสีส้มอ่อนดูน่าเกรงขามลอยเข้ามาใส่เจ้าดอกไม้สีทอง 

    ด้วยความร้อนและความกลัว มันกระเสือกกระสนถอนรากของตัวเองขึ้นมาจากพื้นและวิ่งหนีหายไปในความมืด

    “ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวอะไรอย่างนี้นะ... มันทำร้ายเด็กน้อยผู้บริสุทธิ์ได้ยังไงกัน”

    เจ้าของเสียงก้าวออกมาจากเงามืดตรงกันข้ามกับจุดที่ฉันยืน ใบหน้ายาวปกคลุมด้วยขนสีขาว ใบหูทั้งสองข้างตกลงมาแนบกับใบหน้าและเขาคู่เล็กๆ ที่อยู่บนหัวนั่นกำลังบอกฉันว่าเธอไม่ใช่สัตว์สปีชี่ส์เดียวกับฉันเป็นแน่ แต่สิ่งที่ฉันประหลาดใจมากกว่าคือเมื่อฉันเห็นเธอฉันกลับไม่รู้สึกถึงความน่ากลัวเลยแม้แต่น้อย

    กลับกัน ฉันรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นอย่างน่าประหลาด ทั้งที่ความจริงฉันสมควรที่จะกลัวเธอมากกว่าเจ้าดอกไม้สีทองนามฟลาววี่นั่นเสียอีก...

    “อ่า... ไม่ต้องกลัวไปนะเด็กน้อย ฉันชื่อโทเรียล ผู้ดูแลซากโบราณสถานแห่งนี้จ้ะ”

    ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองมายังฉันด้วยสายตาเป็นมิตร ใบหน้านั้นยิ้มอย่างใจเดีก่อนจะเดินเข้ามาจับมือฉันเอาไว้อย่าแผ่วเบาราวกับว่ากำลังกลัวว่าฉันจะต้องเจ็บเมื่อเธอสัมผัสมัน...

    ฉันรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น... จากมือนั้น...

    “สวัสดีค่ะ... หนูฟริคส์ค่ะ"

    ฉันตอบกลับพลางยิ้มให้เธอย่างเป็นมิตรที่สุดเท่าที่คนอย่างฉันจะทำได้ -_-; 

    “ฉันผ่านมาที่นี่ทุกวันเพื่อดูว่ามีใครตกลงมารึเปล่า เธอเป็นมนุษย์คนแรกที่มาที่นี่ในช่วงเวลาที่นานมาแล้วน่ะนะ”

    “เหรอคะ”

    และฉันควรขอบคุณพระเจ้าที่ท่านทรงเมตตา ดลใจให้โทเรียลเดินผ่านมาพอดี -_-;

    “มาสิ ฉันจะพาเธอออกไปจากอุโมงค์นี้เอง”

    “ค่ะ”

    ฉันตอบรับ โทเรียลดึงมือของฉันให้เดินตามไปยังภายในของซากโบราณสถานที่ฉันไม่รู้จัก บางทีโทเรียลอาจจะรู้จักทางออกไปจากที่นี่ก็ได้ ยังไงซะฉันก็ควรจะตามเธอไปก่อน เผื่อว่าเจอทางออกแล้วฉันจะได้แอบหนีออกไปได้ง่ายขึ้น...

    ทำไมคิดแบบนี้แล้วรู้สึกผิดยังไงก็ไม่รู้แฮะ =_=

    “มาทางนี้นะ”

    โทเรียลเดินจูงมือฉันไปยังประตูทางเข้าของซากโบราณสถาน ในระหว่างนั้นสร้อยรูปหัวใจเส้นนั้นเกิดส่องแสงสว่างขึ้นมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย ฉันเอื้อมมือขวาขึ้นมากำมันเอาไว้เพื่อไม่ให้โทเรียลสังเกตุเห็นว่ามันกำลังผิดปกติ ฉันแอบลอบมองมันอย่างเงียบๆ 

    ฉันไม่รู้หรอกว่ามันกำลังจะบอกอะไรกับฉัน แต่ฉันกลับรู้สึกได้ถึงพลังที่เพิ่มขึ้นและรู้สึกมีแรงทันทีเมื่อแสงนั้นดับวูบหายไป...

    เรื่องนี้มันอาจจะดูประหลาด แต่เชื่อเถอะว่าฉันพูดความจริง!

    ในที่สุดเราทั้งสองก็เดินมาหยุดอยู่ที่ห้องๆ หนึ่ง ภายในห้องนั้นถูกตกแต่งด้วยสิ่งของที่ดูประหลาดสำหรับฉันแต่เหมือนว่าสำหรับโทเรียลแล้วมันจะเป็นเรื่องปกติ เธอปล่อยมือฉันแล้วเดินไปเหยียบปุ่มสี่ปุ่มจากหกปุ่มบนพื้นและสับสวิตซ์ที่อยู่ตรงข้างประตู

    “เอาล่ะ” โทเรียลหันกลับมาหาฉัน

    “ให้ฉันสอนเธอเกี่ยวกับการทำงานของซากโบราณสถานแห่งนี้ก่อนนะ”

    “ค่ะ”

    “ภายในซากโบราณสถานแห่งนี้เต็มไปด้วยปริศนาโบราณ ระหว่างอารยะธรรมและกุญแจไขประตู”

    โทเรียลว่าแล้วชี้ไปทางประตูบานใหญ่ที่ค่อยๆ เปิดออกหลังจากที่เธอสับสวิตซ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว

    “เธอจะต้องแก้ปริศนาเพื่อผ่านจากห้องหนึ่งไปสู่อีกห้องหนึ่ง ทำตัวให้ชินกับพวกมันนะ”

    ฉันพยักหน้ารับ โทเรียลเดินผ่านประตูบานนั้นออกไป ส่วนฉันที่มีความรู้สึกคาใจกับปริศนานี้นิดหน่อยก็เกิดอาการอยากรู้อยากเห็น เดินสำรวจภายในห้องนั้นอย่างละเอียดก่อนที่ฉันจะเจอป้ายที่ถูกเขียนด้วยตัวอักษรประหลาดๆ ที่ดูแล้วไม่น่าจะอ่านออก

    แต่น่าประหลาดใจไหมล่ะ? ฉันอ่านมันออก!


    มีเพียงแค่ผู้กล้าหาญเท่านั้นที่จะทำได้ คนกล้าและคนโง่จะไม่เดินบนทางตรงกลาง


    ฉันมองคำใบ้สั้นๆ นั่นแล้วเอียงคอมองไปยังปุ่มที่โทเรียลเหยียบพลางลูบคางอย่างพินิจพิจารณา เอาความจริงไหม? ฉันไม่ได้เข้าใจมันมากขึ้นเลยสักนิดเดียว ทางตรงกลางมันก็มีตั้งหลายเส้นนะ เท่าที่ดู... แล้วใครจะเดาถูกล่ะว่าทางตรงกลางที่ว่าไม่ให้เหยียบน่ะมันทางเส้นไหน?

    เอาเถอะ! ช่างมันก่อน ฉันสะบัดหน้าหนีจากป้ายคำใบ้ก่อนจะเดินผ่านประตูบานนั้นเข้าไปจนพบกับโทเรียลยืนรออยู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

    “เอาล่ะ เพื่อให้อะไรง่ายขึ้น ฉันจะบอกก็แล้วกันว่าในห้องนี้เธอจะต้องกดสวิตซ์อีกหลายตัวด้วยกัน”

    “คะ?”

    “ฉันจะทำให้เธอชินกับมันเอง”

    ฉันมองหน้าโทเรียลนิดหน่อยก่อนจะเออออห่อหมกไปตามเรื่องตามราว 

    “ไม่ต้องห่วงไปนะ ฉันเขียนบอกเอาไว้ให้เธอระหว่างที่กำลังรอเมื่อกี้แล้วล่ะ”

    โทเรียลยิ้มก่อนจะเดินเลี่ยงไปตามทาง ฉันเดินไปอ่านป้ายที่อยู่ด้านหลังเธอ มันถูกเขียนเอาไว้ว่า จงเดินไปตามทาง’ … -_-; อืมมมมม...

    “สวิตซ์อันแรกอยู่ตรงนั้นไง “

    ฉันหันไปมองโทเรียลที่เดินตามเส้นทางสีม่วงอ่อนไปก่อนที่เธอจะชี้ไปยังสวิตซ์ตัวหนึ่งที่อยู่ติดกับผนังห้อง ตรงสวิตซ์อันนั้นถูกเขียนเอาไว้ด้วยตัวอักษรประหลาดมากมาย -_-; ฉันเดินไปสับสวิตซ์อันนั้นอย่างว่าง่ายก่อนจะเดินไปหาโทเรียล

    “ไปยังห้องถัดไปกันเถอะ”

    โทเรียลยิ้มพลางจูงมือฉันไปยังอีกห้องหนึ่ง สัมผัสที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นทำให้ฉันประหลาดใจมาก เพียงแค่มองหน้าเธอมันก็ทำให้ฉันรู้สึกว่าโทเรียลกับฉันเหมือนกับเคยรู้จักกันมาก่อนยังไงอย่างนั้นนั่นแหละ...

    “เมื่อมนุษย์มาอยู่ในใต้ดินนี้ พวกปิศาจจะโจมตีเธอ เธอจะต้องเตรียมพร้อมกับสถานการณ์แบบนี้เอาไว้นะ”

    ฉันเก็บความสงสัยนั้นเอาไว้ในใจ ระหว่างการเดินไปยังอีกห้องโทเรียลก็พูดขึ้นมา ฉันมองตรงไปยังห้องที่เราสองคนกำลังเดินเข้าไปก่อนจะพบว่าภายในห้องนั้นมีหุ่นหน้าตาประหลาดๆ ตั้งอยู่ โทเรียลหันมายิ้มให้ฉันอย่างใจดีก่อนจะพาฉันเดินไปยืนอยู่ตรงหน้าหุ่นหน้าตาประหลาดตัวนั้น...

    หืมมม?

    “มันง่ายมาก ขณะที่เธอกำลังอยู่ในการต่อสู้ ให้เธอพูดคุยกับพวกเขาอย่างเป็นกันเอง”

    “คะ?”

    “ถ่วงเวลาพวกเขาเอาไว้ แล้วฉันจะมาช่วยเธอเอง ^^” โทเรียลยิ้ม “ลองคุยกับหุ่นนี่ดูสิ”

    เอ่อ... ทำไมไม่เดินผ่านห้องนี้ไปเลยกันนะ T.T ฉันหันไปมองหน้าของโทเรียลที่ยืนยิ้มใจดีอยู่ข้างๆ และนั่นทำให้ฉันจำต้องหันกลับไปหาหุ่นหน้าตาประหลาดและยอมที่จะพูดคุยกับมันอย่างเสียไม่ได้...

    "เอ่อ... สวัสดี?"

    "..."

    “ฉันชื่อฟริคส์นะ นายชื่ออะไรเหรอ?"

    “...”

    “นายเป็นไงบ้างล่ะ ยืนอยู่แบบนี้นายเมื่อยมั้ย?"

    ดูเหมือนว่าหุ่นจะไม่อยากคุยกับฉันเท่าไหร่นัก มันเงียบและยืนจ้องหน้าฉันด้วยความรู้สึกเฉยเมยและไม่สนใจกันเลยสักนิด -_-; โทเรียลดูมีความสุขมากกับสิ่งที่ฉันกำลังทำอยู่ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้มีความสุขไปกับเธอเลยก็ตามที

    หลังจากที่โทเรียลพาฉันเดินทางแก้ปริศนาไปเรื่อยๆ จนมาถึงห้องที่มีทางเดินยาวสุดสายตา เธอเดินจูงมือฉันมาจนสุดทางก่อนจะทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้และหันกลับมาหาฉัน

    “ฉันคงต้องไปทำธุระสักหน่อยและเธอต้องรออยู่ที่นี่คนเดียวสักพักนะ รอบๆ มันอันตรายมาก และฉันจะให้มือถือนี่ไว้กับเธอนะ”

    โทเรียลว่าแล้วยืนวัตถุหน้าตาประหลาดมาให้ฉัน ฉันรับมันมาด้วยความรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย มันคือโทรศัพท์มือถือรุ่นดึกดำบรรพ์ที่มีหน้าจอขาวดำและใช้ได้เฉพาะโทรเข้าโทรออกเท่านั้น -_-; 

    เอาเป็นว่าฉันกำลังสงสัยว่าใต้ดินนี่มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือด้วยงั้นเหรออออ??

    “ถ้าเธอมีปัญหาก็กดโทรมานะ รอฉันอยู่ที่นี่และเป็นเด็กดีนะรู้ไหม?”

    “อ่าค่ะ...”

    ฉันตอบรับอย่างเสียไม่ได้ โทเรียลหันหลังเดินออกไปจากห้องทิ้งให้ฉันยืนอยู่คนเดียว...

    อยู่ลำพัง... หว่าเว้! เย้ย!! ไม่ใช่แล้ว!!

     

    [Special of Torial]

    ก๊อก ก๊อก

    เสียงเคาะประตูบานใหญ่ดังขึ้น เจ้าของร่างใหญ่หันหน้าไปมองประตูบานนั้นแล้วยิ้มออกมาบางๆ วันนี้ก็มาอีกแล้วเหรอ? (*เนื่องจากเป็นมุกคำอังกฤษ ไรท์จะเขียนภาษาอังกฤษไว้ให้ด้วยนะคะ)

    “นั่นใครคะ?” (Who's there?)

    จาน’ (Discus)

    “จานไหน?” (Discus who?)

    ‘นี่เป็นมุกตลกที่แย่มากน่ะ ฮ่าๆ" (Discus a bad jokes Ha Ha)

    "อุ๊บส์ ฮ่าๆ"

    เธอหัวเราะ ผู้ที่อยู่ตรงข้ามกับประตูก็หัวเราะเช่นกัน เรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นเป็นประจำหลังจากที่ใครบางคนทางฝั่งตรงข้ามของประตูบานใหญ่เคาะประตูมาตอนที่เธอกำลังยืนเหม่อมองมัน เด็กหนุ่มฝั่งตรงข้ามขยันเล่นมุกตลกเล่นคำกับเธออยู่เสมอและมันก็ทำให้เธอรู้สึกขำได้ทุกเมื่อที่ได้ยิน

    รู้ไหมวันนี้มีอะไร

    “มีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ?”

    น้องชายผมน่ะสิ วันนี้เขาน่ะถูกยัยบ้านั่นสอนสกิลการทำอาหารแปลกๆ ให้อีกแล้ว

    “จริงเหรอ? แล้วเป็นไง อร่อยไหม?”

    ห่วยแตกกกก คุณคิดว่าผมจะกล้ากินมันเหรอ?

    “ฟังดูโหดร้ายนะถ้าเขามาได้ยินเข้า ฮ่าๆ”

    เธอและเขาหัวเราะขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่เสียงโทรศัพท์ของเธอจะดังขึ้น โทเรียลสะดุ้งและเคาะประตูสองครั้งเพื่อบอกกับเขาว่าเธอคงต้องไปแล้ว เด็กหนุ่มเคาะกลับเป็นเชิงรับทราบ

    โทเรียลเดินออกมาจนห่างจากประตูบานนั้นแล้วจึงกดรับสาย

    “สวัสดี ฉันโทเรียล”

    [เอ่อ... สวัสดีค่ะ]

    "..."

    [...]

    “หืม? เธอแค่อยากจะพูดว่าสวัสดีเหรอ?”

    [คงงั้นนะคะ...]

    “ถ้างั้น... สวัสดี!!!

    เธอตะโกนหลับไปหาปลายสายและรับรู้ได้ว่าคนทางปลายสายคงสะดุ้ง เธอหัวเราะเบาๆ ก่อนจะกรอกเสียงลงไปอีกครั้ง

    “หวังว่าแค่นี้คงจะพอนะ ฮ่าๆ”

    [คะ ค่ะ...]

    แล้วสายก็ตัดไป โทเรียลยิ้มพลางมองโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือก่อนที่เธอจะนึกถึงเรื่องสปาเก็ตตี้ของเด็กหนุ่มที่เพิ่งคุยกันจบเมื่อครู่และหวังว่าน้องชายของเขาคงจะไม่มาแอบได้ยินหรอกนะ...

    เดินไปได้สักพักเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นอีก เธอกดรับแล้วกรอกเสียงลงไปเช่นเคย

    “สวัสดีค่ะ ฉันโทเรียล”

    [เอ่อ... คือ...]

    “ว่าไงจ้ะสาวน้อย”

    โทเรียลกรอกเสียงลงไป สองเท้าก็ยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงชั้นบนและเดินตรงไปยังห้องครัวเพื่อเตรียมทำอาหาร

    [จะผิดไหม ถ้าหนูเรียกคุณว่าคุณแม่...]

    “หือ???”

    [ก็... หนูรู้สึกว่าเวลาอยู่กับคุณแล้ว หนูรู้สึกอบอุ่นน่ะค่ะ]

    “อ๋อ งั้นเหรอ? มันจะดีเหรอที่เธอจะเรียกฉันว่า คุณแม่น่ะ”

    โทเรียลตอบพลางหยิบส่วนผสมต่างๆ ออกมาเพื่อทำอาหารสำหรับงานเลี้ยงตอนรับ เธอคิดว่าวันนี้ควรจะนับว่ามันเป็นวันพิเศษ

    [ก็ว่างั้น...]

    “ฮิฮิ... ถ้ามันทำให้เธอมีความสุขล่ะก็ เรียกแบบนั้นก็ได้จ้ะ”

    [จริงเหรอคะ? ขอบคุณนะคะ]

    “...”

    [คุณแม่...]


    โปรดติดตามตอนต่อไป...

    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×