คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 คุณแม่โทเรียลและซากโบราณสถาน (Re.1)
Up lode : 27/04/2016
Re Write No.1 : 13/05/2016
บทที่ 1
คุณแม่โทเรียลและซากโบราณสถาน
“แกก็แค่อยากจะเห็นฉันทรมานเท่านั้นแหละ!!”
“ตาย!!!!”
สิ้นคำนั้น ฉันสะดุ้งเฮือกก่อนที่สมองจะเริ่มดึงดันคิดหาวิธีการเอาตัวรอดไปจากตรงนี้ รอบกายมีพลังสีขาวบริสุทธิ์ลอยอยู่โดยไร้ซึ่งหนทางหนีรอดใดๆ แม้กระทั่งการหายตัวฉันยังไม่คิดเลยว่มันจะทำให้ฉันสามารถรอดพ้นไปจากที่นี่ได้
เหอะ! ฉันจะคิดหาวิธีหนีไปทำไม? ในเมื่อคิดไปก็ไม่ได้หมายความว่าจะรอดไปได้สักหน่อย!!
พรึบ!
“อ๊ากกกกกก!!”
เสียงนั่นทำให้ฉันตื่นจากห้วงความคิดแห่งวาระสุดท้าย ในขณะที่พลังแห่งมิตรภาพสีขาวบริสุทธิ์ (แต่โคตรอันตราย -_-;) กำลังจะพุ่งเข้ามา พลันวินาทีนั้นกลับปรากฏดวงไฟประหลาดสีส้มอ่อนดูน่าเกรงขามลอยเข้ามาใส่เจ้าดอกไม้สีทอง
ด้วยความร้อนและความกลัว มันกระเสือกกระสนถอนรากของตัวเองขึ้นมาจากพื้นและวิ่งหนีหายไปในความมืด
“ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวอะไรอย่างนี้นะ... มันทำร้ายเด็กน้อยผู้บริสุทธิ์ได้ยังไงกัน”
เจ้าของเสียงก้าวออกมาจากเงามืดตรงกันข้ามกับจุดที่ฉันยืน ใบหน้ายาวปกคลุมด้วยขนสีขาว ใบหูทั้งสองข้างตกลงมาแนบกับใบหน้าและเขาคู่เล็กๆ ที่อยู่บนหัวนั่นกำลังบอกฉันว่าเธอไม่ใช่สัตว์สปีชี่ส์เดียวกับฉันเป็นแน่ แต่สิ่งที่ฉันประหลาดใจมากกว่าคือเมื่อฉันเห็นเธอฉันกลับไม่รู้สึกถึงความน่ากลัวเลยแม้แต่น้อย
กลับกัน ฉันรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นอย่างน่าประหลาด ทั้งที่ความจริงฉันสมควรที่จะกลัวเธอมากกว่าเจ้าดอกไม้สีทองนามฟลาววี่นั่นเสียอีก...
“อ่า... ไม่ต้องกลัวไปนะเด็กน้อย ฉันชื่อโทเรียล
ผู้ดูแลซากโบราณสถานแห่งนี้จ้ะ”
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองมายังฉันด้วยสายตาเป็นมิตร ใบหน้านั้นยิ้มอย่างใจเดีก่อนจะเดินเข้ามาจับมือฉันเอาไว้อย่าแผ่วเบาราวกับว่ากำลังกลัวว่าฉันจะต้องเจ็บเมื่อเธอสัมผัสมัน...
ฉันรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น... จากมือนั้น...
“สวัสดีค่ะ... หนูฟริคส์ค่ะ"
ฉันตอบกลับพลางยิ้มให้เธอย่างเป็นมิตรที่สุดเท่าที่คนอย่างฉันจะทำได้ -_-;
“ฉันผ่านมาที่นี่ทุกวันเพื่อดูว่ามีใครตกลงมารึเปล่า
เธอเป็นมนุษย์คนแรกที่มาที่นี่ในช่วงเวลาที่นานมาแล้วน่ะนะ”
“เหรอคะ”
และฉันควรขอบคุณพระเจ้าที่ท่านทรงเมตตา ดลใจให้โทเรียลเดินผ่านมาพอดี -_-;
“มาสิ ฉันจะพาเธอออกไปจากอุโมงค์นี้เอง”
“ค่ะ”
ฉันตอบรับ โทเรียลดึงมือของฉันให้เดินตามไปยังภายในของซากโบราณสถานที่ฉันไม่รู้จัก บางทีโทเรียลอาจจะรู้จักทางออกไปจากที่นี่ก็ได้ ยังไงซะฉันก็ควรจะตามเธอไปก่อน เผื่อว่าเจอทางออกแล้วฉันจะได้แอบหนีออกไปได้ง่ายขึ้น...
ทำไมคิดแบบนี้แล้วรู้สึกผิดยังไงก็ไม่รู้แฮะ =_=
“มาทางนี้นะ”
โทเรียลเดินจูงมือฉันไปยังประตูทางเข้าของซากโบราณสถาน ในระหว่างนั้นสร้อยรูปหัวใจเส้นนั้นเกิดส่องแสงสว่างขึ้นมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย ฉันเอื้อมมือขวาขึ้นมากำมันเอาไว้เพื่อไม่ให้โทเรียลสังเกตุเห็นว่ามันกำลังผิดปกติ ฉันแอบลอบมองมันอย่างเงียบๆ
ฉันไม่รู้หรอกว่ามันกำลังจะบอกอะไรกับฉัน แต่ฉันกลับรู้สึกได้ถึงพลังที่เพิ่มขึ้นและรู้สึกมีแรงทันทีเมื่อแสงนั้นดับวูบหายไป...
เรื่องนี้มันอาจจะดูประหลาด แต่เชื่อเถอะว่าฉันพูดความจริง!
ในที่สุดเราทั้งสองก็เดินมาหยุดอยู่ที่ห้องๆ หนึ่ง ภายในห้องนั้นถูกตกแต่งด้วยสิ่งของที่ดูประหลาดสำหรับฉันแต่เหมือนว่าสำหรับโทเรียลแล้วมันจะเป็นเรื่องปกติ เธอปล่อยมือฉันแล้วเดินไปเหยียบปุ่มสี่ปุ่มจากหกปุ่มบนพื้นและสับสวิตซ์ที่อยู่ตรงข้างประตู
“เอาล่ะ” โทเรียลหันกลับมาหาฉัน
“ให้ฉันสอนเธอเกี่ยวกับการทำงานของซากโบราณสถานแห่งนี้ก่อนนะ”
“ค่ะ”
“ภายในซากโบราณสถานแห่งนี้เต็มไปด้วยปริศนาโบราณ
ระหว่างอารยะธรรมและกุญแจไขประตู”
โทเรียลว่าแล้วชี้ไปทางประตูบานใหญ่ที่ค่อยๆ เปิดออกหลังจากที่เธอสับสวิตซ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว
“เธอจะต้องแก้ปริศนาเพื่อผ่านจากห้องหนึ่งไปสู่อีกห้องหนึ่ง
ทำตัวให้ชินกับพวกมันนะ”
ฉันพยักหน้ารับ โทเรียลเดินผ่านประตูบานนั้นออกไป ส่วนฉันที่มีความรู้สึกคาใจกับปริศนานี้นิดหน่อยก็เกิดอาการอยากรู้อยากเห็น เดินสำรวจภายในห้องนั้นอย่างละเอียดก่อนที่ฉันจะเจอป้ายที่ถูกเขียนด้วยตัวอักษรประหลาดๆ ที่ดูแล้วไม่น่าจะอ่านออก
แต่น่าประหลาดใจไหมล่ะ? ฉันอ่านมันออก!
มีเพียงแค่ผู้กล้าหาญเท่านั้นที่จะทำได้
คนกล้าและคนโง่จะไม่เดินบนทางตรงกลาง
ฉันมองคำใบ้สั้นๆ นั่นแล้วเอียงคอมองไปยังปุ่มที่โทเรียลเหยียบพลางลูบคางอย่างพินิจพิจารณา เอาความจริงไหม? ฉันไม่ได้เข้าใจมันมากขึ้นเลยสักนิดเดียว ทางตรงกลางมันก็มีตั้งหลายเส้นนะ เท่าที่ดู... แล้วใครจะเดาถูกล่ะว่าทางตรงกลางที่ว่าไม่ให้เหยียบน่ะมันทางเส้นไหน?
เอาเถอะ! ช่างมันก่อน ฉันสะบัดหน้าหนีจากป้ายคำใบ้ก่อนจะเดินผ่านประตูบานนั้นเข้าไปจนพบกับโทเรียลยืนรออยู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“เอาล่ะ เพื่อให้อะไรง่ายขึ้น
ฉันจะบอกก็แล้วกันว่าในห้องนี้เธอจะต้องกดสวิตซ์อีกหลายตัวด้วยกัน”
“คะ?”
“ฉันจะทำให้เธอชินกับมันเอง”
ฉันมองหน้าโทเรียลนิดหน่อยก่อนจะเออออห่อหมกไปตามเรื่องตามราว
“ไม่ต้องห่วงไปนะ
ฉันเขียนบอกเอาไว้ให้เธอระหว่างที่กำลังรอเมื่อกี้แล้วล่ะ”
โทเรียลยิ้มก่อนจะเดินเลี่ยงไปตามทาง ฉันเดินไปอ่านป้ายที่อยู่ด้านหลังเธอ มันถูกเขียนเอาไว้ว่า ‘จงเดินไปตามทาง’ … -_-; อืมมมมม...
“สวิตซ์อันแรกอยู่ตรงนั้นไง “
ฉันหันไปมองโทเรียลที่เดินตามเส้นทางสีม่วงอ่อนไปก่อนที่เธอจะชี้ไปยังสวิตซ์ตัวหนึ่งที่อยู่ติดกับผนังห้อง ตรงสวิตซ์อันนั้นถูกเขียนเอาไว้ด้วยตัวอักษรประหลาดมากมาย -_-; ฉันเดินไปสับสวิตซ์อันนั้นอย่างว่าง่ายก่อนจะเดินไปหาโทเรียล
“ไปยังห้องถัดไปกันเถอะ”
โทเรียลยิ้มพลางจูงมือฉันไปยังอีกห้องหนึ่ง สัมผัสที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นทำให้ฉันประหลาดใจมาก เพียงแค่มองหน้าเธอมันก็ทำให้ฉันรู้สึกว่าโทเรียลกับฉันเหมือนกับเคยรู้จักกันมาก่อนยังไงอย่างนั้นนั่นแหละ...
“เมื่อมนุษย์มาอยู่ในใต้ดินนี้
พวกปิศาจจะโจมตีเธอ เธอจะต้องเตรียมพร้อมกับสถานการณ์แบบนี้เอาไว้นะ”
ฉันเก็บความสงสัยนั้นเอาไว้ในใจ ระหว่างการเดินไปยังอีกห้องโทเรียลก็พูดขึ้นมา ฉันมองตรงไปยังห้องที่เราสองคนกำลังเดินเข้าไปก่อนจะพบว่าภายในห้องนั้นมีหุ่นหน้าตาประหลาดๆ ตั้งอยู่ โทเรียลหันมายิ้มให้ฉันอย่างใจดีก่อนจะพาฉันเดินไปยืนอยู่ตรงหน้าหุ่นหน้าตาประหลาดตัวนั้น...
หืมมม?
“มันง่ายมาก ขณะที่เธอกำลังอยู่ในการต่อสู้ ให้เธอพูดคุยกับพวกเขาอย่างเป็นกันเอง”
“คะ?”
“ถ่วงเวลาพวกเขาเอาไว้ แล้วฉันจะมาช่วยเธอเอง ^^” โทเรียลยิ้ม “ลองคุยกับหุ่นนี่ดูสิ”
เอ่อ... ทำไมไม่เดินผ่านห้องนี้ไปเลยกันนะ T.T ฉันหันไปมองหน้าของโทเรียลที่ยืนยิ้มใจดีอยู่ข้างๆ และนั่นทำให้ฉันจำต้องหันกลับไปหาหุ่นหน้าตาประหลาดและยอมที่จะพูดคุยกับมันอย่างเสียไม่ได้...
"เอ่อ... สวัสดี?"
"..."
“ฉันชื่อฟริคส์นะ นายชื่ออะไรเหรอ?"
“...”
“นายเป็นไงบ้างล่ะ ยืนอยู่แบบนี้นายเมื่อยมั้ย?"
ดูเหมือนว่าหุ่นจะไม่อยากคุยกับฉันเท่าไหร่นัก มันเงียบและยืนจ้องหน้าฉันด้วยความรู้สึกเฉยเมยและไม่สนใจกันเลยสักนิด -_-; โทเรียลดูมีความสุขมากกับสิ่งที่ฉันกำลังทำอยู่ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้มีความสุขไปกับเธอเลยก็ตามที
หลังจากที่โทเรียลพาฉันเดินทางแก้ปริศนาไปเรื่อยๆ จนมาถึงห้องที่มีทางเดินยาวสุดสายตา เธอเดินจูงมือฉันมาจนสุดทางก่อนจะทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้และหันกลับมาหาฉัน
“ฉันคงต้องไปทำธุระสักหน่อยและเธอต้องรออยู่ที่นี่คนเดียวสักพักนะ
รอบๆ มันอันตรายมาก และฉันจะให้มือถือนี่ไว้กับเธอนะ”
โทเรียลว่าแล้วยืนวัตถุหน้าตาประหลาดมาให้ฉัน ฉันรับมันมาด้วยความรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย มันคือโทรศัพท์มือถือรุ่นดึกดำบรรพ์ที่มีหน้าจอขาวดำและใช้ได้เฉพาะโทรเข้าโทรออกเท่านั้น -_-;
เอาเป็นว่าฉันกำลังสงสัยว่าใต้ดินนี่มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือด้วยงั้นเหรออออ??
“ถ้าเธอมีปัญหาก็กดโทรมานะ
รอฉันอยู่ที่นี่และเป็นเด็กดีนะรู้ไหม?”
“อ่าค่ะ...”
ฉันตอบรับอย่างเสียไม่ได้ โทเรียลหันหลังเดินออกไปจากห้องทิ้งให้ฉันยืนอยู่คนเดียว...
อยู่ลำพัง... หว่าเว้! เย้ย!! ไม่ใช่แล้ว!!
[Special
of Torial]
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูบานใหญ่ดังขึ้น เจ้าของร่างใหญ่หันหน้าไปมองประตูบานนั้นแล้วยิ้มออกมาบางๆ วันนี้ก็มาอีกแล้วเหรอ? (*เนื่องจากเป็นมุกคำอังกฤษ ไรท์จะเขียนภาษาอังกฤษไว้ให้ด้วยนะคะ)
“นั่นใครคะ?” (Who's there?)
‘จาน’ (Discus)
“จานไหน?” (Discus who?)
‘นี่เป็นมุกตลกที่แย่มากน่ะ ฮ่าๆ" (Discus a bad jokes Ha Ha)
"อุ๊บส์ ฮ่าๆ"
เธอหัวเราะ
ผู้ที่อยู่ตรงข้ามกับประตูก็หัวเราะเช่นกัน
เรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นเป็นประจำหลังจากที่ใครบางคนทางฝั่งตรงข้ามของประตูบานใหญ่เคาะประตูมาตอนที่เธอกำลังยืนเหม่อมองมัน
เด็กหนุ่มฝั่งตรงข้ามขยันเล่นมุกตลกเล่นคำกับเธออยู่เสมอและมันก็ทำให้เธอรู้สึกขำได้ทุกเมื่อที่ได้ยิน
‘รู้ไหมวันนี้มีอะไร’
“มีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ?”
‘น้องชายผมน่ะสิ
วันนี้เขาน่ะถูกยัยบ้านั่นสอนสกิลการทำอาหารแปลกๆ ให้อีกแล้ว’
“จริงเหรอ? แล้วเป็นไง อร่อยไหม?”
‘ห่วยแตกกกก
คุณคิดว่าผมจะกล้ากินมันเหรอ?’
“ฟังดูโหดร้ายนะถ้าเขามาได้ยินเข้า ฮ่าๆ”
เธอและเขาหัวเราะขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนที่เสียงโทรศัพท์ของเธอจะดังขึ้น โทเรียลสะดุ้งและเคาะประตูสองครั้งเพื่อบอกกับเขาว่าเธอคงต้องไปแล้ว
เด็กหนุ่มเคาะกลับเป็นเชิงรับทราบ
โทเรียลเดินออกมาจนห่างจากประตูบานนั้นแล้วจึงกดรับสาย
“สวัสดี ฉันโทเรียล”
[เอ่อ... สวัสดีค่ะ]
"..."
[...]
“หืม? เธอแค่อยากจะพูดว่าสวัสดีเหรอ?”
[คงงั้นนะคะ...]
“ถ้างั้น... สวัสดี!!!”
เธอตะโกนหลับไปหาปลายสายและรับรู้ได้ว่าคนทางปลายสายคงสะดุ้ง
เธอหัวเราะเบาๆ ก่อนจะกรอกเสียงลงไปอีกครั้ง
“หวังว่าแค่นี้คงจะพอนะ ฮ่าๆ”
[คะ ค่ะ...]
แล้วสายก็ตัดไป
โทเรียลยิ้มพลางมองโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือก่อนที่เธอจะนึกถึงเรื่องสปาเก็ตตี้ของเด็กหนุ่มที่เพิ่งคุยกันจบเมื่อครู่และหวังว่าน้องชายของเขาคงจะไม่มาแอบได้ยินหรอกนะ...
เดินไปได้สักพักเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นอีก
เธอกดรับแล้วกรอกเสียงลงไปเช่นเคย
“สวัสดีค่ะ ฉันโทเรียล”
[เอ่อ... คือ...]
“ว่าไงจ้ะสาวน้อย”
โทเรียลกรอกเสียงลงไป
สองเท้าก็ยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงชั้นบนและเดินตรงไปยังห้องครัวเพื่อเตรียมทำอาหาร
[จะผิดไหม
ถ้าหนูเรียกคุณว่าคุณแม่...]
“หือ???”
[ก็...
หนูรู้สึกว่าเวลาอยู่กับคุณแล้ว หนูรู้สึกอบอุ่นน่ะค่ะ]
“อ๋อ งั้นเหรอ? มันจะดีเหรอที่เธอจะเรียกฉันว่า ‘คุณแม่’ น่ะ”
โทเรียลตอบพลางหยิบส่วนผสมต่างๆ ออกมาเพื่อทำอาหารสำหรับงานเลี้ยงตอนรับ เธอคิดว่าวันนี้ควรจะนับว่ามันเป็นวันพิเศษ
[ก็ว่างั้น...]
“ฮิฮิ... ถ้ามันทำให้เธอมีความสุขล่ะก็
เรียกแบบนั้นก็ได้จ้ะ”
[จริงเหรอคะ? ขอบคุณนะคะ]
“...”
[คุณแม่...]
โปรดติดตามตอนต่อไป...
ความคิดเห็น