คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : บทที่ 18 : สิ่งที่คาดได้และคาดไม่ถึง (Re.02)
UP : 10/08/60
Re-write : 21/08/60
Re-write 2 : 12/07/64
บทที่ 18
: สิ่งที่คาดได้และคาดไม่ถึง
แฮร์รีและเฮเลนพบว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะพูดถึงคืนที่โวลเดอมอร์กลับมา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเฮเลนที่ไม่ได้อยู่ในเหตการณ์นั้นด้วยแล้วยิ่งยากเข้าไปกันใหญ่
ริต้าเน้นถามรายละเอียดอย่างถี่ยิบจนเด็กสาวไม่รู้ว่าจะแถเรื่องอะไรออกไปให้ริต้าฟังเลยทีเดียว
แฮร์รี่เองก็คิดว่านี่เป็นโอกาสใหญ่ที่จะทำให้คนทั้งโลกได้รู้
เขาสงสัยว่าคนจะมีปฏิกิริยายังไงเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้
เฮเลนเดินกลับไปหาเดรโกทันทีที่ให้สัมภาษณ์เสร็จ
ใบหน้าซีดเซียวทำให้เดรโกหลุดหัวเราะออกมา
เฮเลนตีเขานิดหน่อยก่อนจะล้มตัวลงนั่งพิงไหล่เขาเอาไว้ และดูเหมือนว่าแฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่จะรู้ดีว่าไม่ควรรบกวนทั้งสอง
พวกเขาจึงดึงริต้า สกีตเตอร์ออกมาจากร้านให้พ้นๆ นั่นถือว่าเป็นเรื่องดีเลยทีเดียว
การเดตระหว่าเธอกับเดรโกผ่านไปได้ด้วยดีต่างจากแฮร์รี่อย่างสิ้นเชิงที่เดตของเขาพังไม่เป็นท่า
“รอดูแทบไม่ไหวแล้วว่าอัมบริดจ์จะคิดยังไงที่พวกเธอออกข่าวกับประชาชนแบบนี้”
ดีนพูดระหว่างทานอาหารเย็น เชมัสกำลังตักพายแฮมไก่เข้าปากคำโตอยู่ข้างๆ ดีน
“นายทำถูกแล้วแฮร์รี่” เนวิลล์ว่าหลังจากที่เงียบอยู่นาน
“มันคงยากที่จะพูดเรื่องนั้น... ใช่ไหม”
“อืม” แฮร์รี่พยักหน้า “แต่คนควรรู้ว่าโวลเดอมอร์สามารถทำอะไรได้แค่ไหน”
“ใช่แล้ว!” เนวิลล์พยักหน้า “พวกผู้เสพความตายด้วย ทุกคนจะต้องรู้”
เนวิลล์พูดค้างไว้แล้วหันไปจัดการกับมันฝรั่งต่อ
เชมัสเงยหน้าขึ้นมองแฮร์รี่แล้วเขาก็ก้มหน้าลงไปมองอาหารอีกรอบ
จากนั้นสักพักพวกเขาก็ลุกออกไปทิ้งให้แฮร์รี่
เฮเลนและเฮอร์ไมโอนี่นั่งคอยรอนซึ่งยังไม่ได้มากินอาหารเย็นเพราะต้องฝึกควิดดิชจนถึงค่ำ
โช แชงเดินเข้ามาในห้องโถงพร้อมมารีแอตต้า
เธอไม่มองมาที่โต๊ะกริฟฟินดอร์ด้วยซ้ำในขณะที่เฮเลนมองใบหน้าแฮร์รี่ซึ่งดูมีประกายความหวังอยู่ริบหรี่ดับวูบไปต่อหน้าต่อตา
แถมเธอยังนั่งหันหลังให้เขาอีกต่างหาก แบบนี้เรียกตัดสัมพันธ์เลยรึเปล่านะ
“เกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอกับโช?” เฮอร์ไมโอนี่ถามขึ้นหลังจากที่เธอเองก็สังเกตโชเหมือนกับเฮเลน
“เอ่อ... คือว่ามัน...” แฮร์รี่พูดเสียงหงอยๆ พลางตักพายขึ้นมากิน
“ล้มเหลวไม่เป็นท่า!”
แล้วเขาก็เล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่าแฮร์รี่กับโช
เฮเลนเบ้หน้าและคิดว่ามันค่อนข้างแย่ที่แฮร์รี่ไม่เข้าใจผู้หญิงเอาเสียเลย
แต่โชก็แย่พอกันที่ไม่พยายามเข้าใจว่าแฮร์รี่ไม่เคยไปเดตกับใครเลยแม้กระทั่งผู้หญิงสักคนในโรงเรียน
“แล้วทีนี้นะ” อีกหลายนาทีที่เขาเล่าเมื่อขนมพายทั้งชิ้นหายไป
“เขาก็กระโดดลุกขึ้นยืนแล้วพูดเสียงดังว่า ‘หวังว่าฉันคงได้เจอเธออีกนะแฮร์รี่!’
แล้วเขาก็วิ่งออกไปจากร้านเลย ฉันหมายความว่านี่มันอะไรกัน? เกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย!”
เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจ
ชำเลืองไปมองโชทางด้านหลังและเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเศร้านิดหน่อย
“โธ่เอ๊ยแฮร์รี่! เธอไม่รู้จักกาลเทศะเลยนะ”
“ฉันเนี่ยนะไม่รู้จักกาลเทศะ” แฮร์รี่พูดอย่างหัวเสีย “พูดจริงๆ ว่าเราเข้ากันได้ดีเลยทีเดียวแต่อีกเดี๋ยวเขาก็พูดว่าเขาเคยไปจู๋จี๋กับเชตริกที่ร้านน้ำชานั่น...
ฉันควรรู้สึกยังไงกับเรื่องพวกนี้”
“เธอเข้าใจไหมแฮร์รี่
เธอไม่ควรบอกเขาว่าเธออยากมาเจอฉันตอนที่กำลังเดตกับเขา”
“แต่เธอบอกฉันให้ไปเจอตอนเที่ยง” แฮร์รี่อึกอัก “แล้วให้ฉันพาเขาไปด้วย
แล้วฉันจะไปยังไงถ้าไม่บอกเขา”
“ฉันว่าเธอควรจะบอกวิธีอื่น ไม่ใช่แบบนี้”
เฮอร์ไมโอนี่ตอบและทำท่าเหมือนกับสอนเด็กประถมบวกเลข
“เธอควรจะทำท่ารำคาญใจที่จะต้องไปเจอฉัน
ทำเหมือนว่าฉันบังคับเธอให้ไปและขอร้องให้เขามากับเธอด้วย
แล้วมันคงจะดีถ้าเกิดย้ำว่าเธอกับฉันเป็นแค่เพื่อนกันหรือฉันน่าเกลียดมากที่ขอให้เธอไปหาทั้งที่เดตกับเขาอยู่"
“แต่ฉันไม่ได้คิดถึงแบบนั้นนี่นา” แฮร์รี่พูด ขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปม
เฮเลนหัวเราะออกมา
“แฮร์รี่ เธอนี่แย่ยิ่งกว่ารอนซะอีก” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มขำๆ “เอ่อ...
ไม่ใช่แล้วล่ะ เธอไม่แย่กว่าเขาหรอก”
เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อรอนเดินลงส้นโครมๆ
เข้ามาในห้องโถง เนื้อตัวมอมแมมไปด้วยโคลนและท่าทางหงุดหงิด
“ฟังนะแฮร์รี่” เฮเลนพูดต่อเฮอร์ไมโอนี่ “นายแค่ทำให้โชโมโหตอนที่บอกว่าจะมาเจอเฮอร์ไมโอนี่
เพราะแบบนั้นเขาก็เลยทำให้นาย อิจฉฉา
นี่แหละเป็นวิธีที่ผู้หญิงหาทางรู้ว่านายชอบเขามากแค่ไหน”
“นี่ผู้หญิงต้องทำอะไรขนาดนี้เลยเหรอ? พูดตรงๆ
จะไม่เร็วกว่าหรือไง?” แฮร์รี่ถามในขณะที่รอนทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ
เฮอร์ไมโอนี่ตรงกันข้ามกับแฮร์รี่และดึงจานอาหารที่อยู่ในรัศมีใกล้ตัวเข้าไปหา
“ผู้หญิงไม่ถามคำถามแบบนั้นหรอก” เฮเลนตอบ “มันไม่ชัดเจน
แล้วพวกนายอาจจะโกหก”
“แต่พวกเขาควรถามนะ!” แฮร์รี่พูดอย่างหนักแน่น
“แล้วฉันจะได้บอกไปเลยว่าฉันชอบเขา เขาจะได้ไม่ต้องมาตีหน้าเศร้าเรื่องเชตริกตายด้วย”
“ฉันก็ไม่ได้พูดนี่ว่าเขาฉลาด” เฮอร์ไมโอนี่แทรกขึ้น เฮเลนยักไหล่เป็นเชิง
ระหว่างนั้นจินนี่ก็เดินเข้ามาสมทบด้วย เธอเปื้อนเปรอะโคลนพอๆ
กับรอนและดูท่าทางไม่พอใจเหมือนกันด้วย “ฉันก็แค่อธิบายให้เข้าใจน่ะ”
“เธอน่าจะเขียนหนังสือนะ” รอนบอกในระหว่าที่ตักมันฝรั่งบดเข้าปาก
“แปลพฤติกรรมบ้าๆ
ของพวกเด็กผู้หญิงแล้วทำให้เด็กผู้ชายอย่างพวกเราเข้าใจอะไรง่ายขึ้น!”
“ใช่ เธอด้วยเฮเลน”
แฮร์รี่เห็นด้วยอย่างเต็มที่พลางมองข้ามไปยังโต๊ะของเรเวนคลอที่โชกำลังยืนขึ้นและไม่ยอมมองมาทางเขาเลย
เธอเดินออกจากห้องโถงใหญ่ไป ทำให้แฮร์รี่รู้สึกหดหู่ใจ “แล้วฝึกควิดดิชเป็นไงบ้าง”
“ฝันร้าย” รอนตอบ
“คงไม่ขนาดนั้นมั้ง” เฮเลนว่าพลางเลิกคิ้วและมองหน้าเขาสลับกับจินนี่
“มันคงไม่ได้เลวร้ายนักหรอกใช่ไหม” เฮอร์ไมโอนี่ว่าต่อ
“มันแย่มาก” จินนี่ตอบ “แย่จนไม่อยากพูดถึงเลยล่ะ
แอนเจลิน่าเกือบร้องไห้ออกมาแล้วตอนเลิกซ้อม”
บทสนทนาไปไม่ได้ไกลกว่านั้น
รอนและจินนี่ขอตัวไปอาบน้ำหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ แฮร์รี่
เฮเลนและเฮอร์ไมโอนี่กลับสู่ห้องนั่งเล่นรวมที่วุ่นวายพร้อมกับการบ้านเป็นตั้งที่ต้องทำให้เสร็จ
ราวๆ ครึ่งชั่วโมงเฟร็ดและจอร์จก็โผล่มา
“รอนกับจินนี่ไม่อยู่ใช่ไหม” เฟร็ดถามพลางกวาดตามองไปรอบๆ
ทั้งสามคนส่ายหน้าเขาจึงพูดต่อ “ดีแล้ว! เราไปดูการซ้อมมา พวกนั้นได้ตายหมู่แน่ๆ
เละเทะอย่างกับเศษขยะพอไม่มีพวกเรา”
“ไม่เอาน่าเฟร็ด จินนี่ไม่ได้แย่สักหน่อย”
จอร์จพูดอย่างยุติธรรมพลางนั่งลงข้างๆ เฮเลน “ที่จริง
ฉันไม่รู้หรอกว่าทำไมเขาเล่นได้ดีขนาดนี้ในเมื่อพวกเราไม่เคยยอมให้เขาเล่นด้วยเลย"
“เขาแอบเข้าไปในโรงเก็บไม้กวาดของพวกเธอตั้งแต่หกขวบแล้วย่ะ
แล้วก็เอาไม้กวาดของพวกเธอมาขี่เล่นตอนที่พวกเธอไม่เห็นกัน”
เฮอร์ไมโอนี่ตอบมาจากด้านหลังตั้งหนังสือที่กองอยู่ท่วมหัว
“อ้อ” จอร์จส่งเสียงลากยาว “แบบนี้ก็เข้าใจล่ะ”
“แล้วรอนป้องกันประตูได้สักหนรึยังล่ะ”
เฮอร์ไมโอนี่ถามทั้งที่ดวงตายังคงมองอยู่บนหน้ากระดาษ
“คือถ้าเขาไม่คิดว่ามีใครดูอยู่” เฟร็ดตอบพลางกลอกตาไปมา
“เขาก็ทำได้ดีทีเดียวล่ะ
เพราะฉะนั้นเราต้องขอให้คนดูหันหลังไปให้หมดและอย่าสนใจเขาในวันเสาร์นี้”
แฝดวีสลีย์ลุกขึ้นยืนอีกครั้งและเดินไปมองที่หน้าต่างอย่างหงุดหงิด
“รู้ไหมว่าควิดดิชเป็นอย่างเดียวที่ทำให้ที่นี่น่าอยู่”
“พวกนายกำลังจะสอบนะ!” เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้า
“บอกแล้วไงว่าเราไม่สนใจหรอกเรื่องสอบ ส.พ.บ.ส. น่ะ” เฟร็ดตอบ
“กล่องอาหารของเราก็พร้อมออกวิ่งแล้วด้วย เราหาวิธีกำจัดหัวฝีนั่นได้แล้ว
แค่น้ำยาเมิร์ตแลปเข้มข้นสองหยดก็ใช้ได้ ลีแนะนำมา”
จอร์จอ้าปากหาวกว้างๆ และมองออกไปทางหน้าต่างอย่างเศร้าศร้อย
โดยที่มีเฮอร์ไมโอนี่จ้องมองไปยังใบหน้าของเขาด้วยสายตาหงุดหงิดเล็กน้อย
เฮเลนไม่ได้สนใจฟังบทสนทนาของพวกเขาต่อ
แต่ก้มหน้าก้มตาปั่นการบ้านกองเท่าภูเขาเลากาที่ไม่รู้ว่าจะสั่งให้ทำกันทำไมนักหนา
แถมการสอบ ว.พ.ร.ส. ที่กำลังใกล้เข้ามาอีก
ไม่รู้ว่าจะเริ่มทบทวนวิชาไหนก่อนดีเลย!
ในวันเสาร์เฮเลนยอมแลกอะไรก็ได้ให้ไม่ต้องดูการแข่งควิดดิช
สิ่งที่สามาถอธิบายได้คือมันสั้นมาก
แค่ยี่สิบสองนาทีเท่านั้นและมันยากมากที่จะพูดว่าอะไรคือสิ่งที่แย่ที่สุดระหว่างความล้มเหลวในการกั้นประตูของรอนหรือการที่สล็อปเปอร์ตีลูกบลัดเจอร์พลาดไปฟาดหน้าของแอนเจลิน่าแทน
แถมตอนที่เคิร์กแหกปากโวยวายและหงายหลังตกจากไม้กวาดเมื่อแซคคาไรอัสพุ่งเข้าใส่เขาพร้อมกับลูกควัฟเฟิล
ปาฏิหาริย์ที่สุดคือกริฟฟินดอร์แพ้แค่สิบแต้มเท่านั้น
จินนี่สามารถคว้าลูกสนิชมาได้จากใต้จมูกของซัมเมอร์บี ซีกเกอร์ของฮัฟเฟิลพัฟ
ดังนั้นคะแนนสุดท้ายจึงเป็นสองร้อยสี่สิบต่อสองร้อยสามสิบ หลังจากกลับมาจากการแข่งขัน
รอนนั่งห่อไหล่อยู่ตรงมุมห้องราวกับว่าเขาหาชีวิตชีวาอะไรไม่ได้อีกแล้วในโลกใบนี้
“แอนเจลิน่าไม่ยอมให้เขาลาออก” จินนี่บอก “เธอบอกว่ารอนมีอะไรดีๆ
อยู่ในตัว”
เฮเลนดันหลังให้เฮอร์ไมโอนี่ไปปลอบโยนเขาซึ่งตอนนี้นั้นรอนน่าจะต้องการสิ่งนี้มากที่สุด
ถึงจะอิดออดนิดหน่อยแต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี
เฮเลนคิดว่ามันจะดีกว่าถ้าแอนเจลิน่าให้รอนลาออกจากทีมดีกว่าให้รอนเดินออกจากสนามพร้อมกับเสียงเพลง
‘วีสลีย์นั้นราชันย์ของเรา’ ที่ร้องโดยพวกสลิธีรินเป็นไหนๆ
มื้อเช้าวันจันทร์เป็นไปอย่างราบเรียบ
แต่เฮอร์ไมโอนี่รอคอยการมาของหนังสือพิมพ์อย่างตื่นเต้น
เธอส่งเงินคนุตส์ให้กับนกฮูกส่งหนังสือพิมพ์ทันทีที่มันนำหนังสือพิมพ์มาให้และกางออก
เฮเลนเอื้อมมือไปหยิบน้ำส้มที่วางอยู่สายตาพลางมองไปยังเดลี่พรอเฟ็ต
แต่ว่าก็มีนกฮูกตัวหนึ่งปล่อยจดหมายลงใส่หน้าแฮร์รี่อย่างจัง
“ของใครเนี่ย”
เขาบ่นในขณะที่หยิบจดหมายออกจากใบหน้าและดูชื่อที่อยู่ผู้รับและแน่นอนมันคือชื่อเขา
แฮร์รี่ขมวดคิ้ว แต่ยังไม่ทันจะได้เปิด นกฮูกอีกราวๆ
สิบตัวก็พากันทยอยทิ้งจดหมายลงมาใส่สองแฝดอย่างควบคุมไม่ได้
จดหมายกองหนึ่งถูกร่อนลงอยู่ตรงหน้าเด็กแฝด เฮเลนและแฮร์รี่มองหน้ากันอย่างงุนงง
“เกิดอะไรขึ้น?” เฮเลนเอ่ยถาม
สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เธอไม่เคยเจอมาก่อนจากในหนัง
จดหมายที่มีชื่อเธอตราหน้าอยู่ด้วยเช่นกัน
ในระหว่างนั้นคนทั้งโต๊ะกริฟฟินดอร์ต่างชะโงกหน้ามาดูและนกฮูกอีกราวๆ
แปดตัวก็ปล่อยจดหมายทิ้งลงมาอีกพวกมันส่งเสียงร้องและตีปีกบินออกไป
“แฮร์รี่ เฮเลน!” เฮอร์ไมโอนี่เกลี่ยค้นๆ กองจดหมายและคว้าห่อกลมๆ
ยาวอยู่ขึ้นมา “ฉันรู้ว่านี่มันคืออะไร! เปิดก่อนเลย อย่ารอช้า!!”
เด็กหนุ่มส่วมแว่นรับมันมาก่อนจะหันไปมองหน้ากับเฮเลนและเปิดมันออก
นิตยสารเดอะควิบเบลอร์ฉบับเดือนมีนาคมที่ม้วนเอาไว้ถูกแผ่กางออก
บนปกมีใบหน้าของเขาและเฮเลนปรากฏอยู่และส่งยิ้มโง่ๆ มาให้
ตัวหนังสือสีแดงตัวใหญ่เบ้อเริ่มถูกแปะเอาไว้บนปก
สองพี่น้องพอตเตอร์เปิดใจ
ความจริงของผู้ที่ไม่ควรเอ่ยนามและการกลับมาของเขา
“มันดีใช่ไหมล่ะ” ลูน่าเอ่ยขึ้นพลางนั่งลงข้างๆ เฮเลน “เพิ่งออกเมื่อวาน
ฉันขอพ่อให้ส่งมาให้พวกเธอฟรีๆ แล้วฉันก็คิดว่าพวกนี้เป็นจดหมายจากคนอ่านนะ”
ลูน่าว่าแล้วหยิบซองจดหมายซองหนึ่งขึ้นมา ซองนั่นจ่าหน้าถึงเฮเลน
“พวกเธอจะว่าอะไรไหมถ้าเราจะเปิดมันออก” เฮอร์ไมโอนี่ว่า
“ฉันคาดเอาไว้แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้”
“ตามสบายเถอะ”
สองแฝดพูดพร้อมกันโดยเฮเลนยังคงอ่านเนื้อหาที่ให้สัมภาษณ์ไปเมื่อคราวก่อน
เธอพูดน้อยกว่าแฮร์รี่มาก โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องของชื่อผู้เสพความตาย เด็กสาวกลัวว่าถ้าเกิดว่าเธอพูดเกี่ยวกับพ่อของเดรโกอาจจะทำให้เขาไม่ค่อยพอใจก็ได้
แต่แน่นอนว่าแฮร์รี่พูดชื่อลูเซียสออกไปเต็มๆ โดยไม่สนใจเขาด้วยซ้ำ
“ฉบับนี้บอกว่าพวกเธอเป็นบ้าไปแล้ว!” รอนว่าพลางขยำจดหมายโยนไปอีกทาง
“คนนี้แนะนำให้พวกเธอไปลองบำบัดที่โรงพยาบาลเซนต์มังโก้!”
เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้า
ขยำจดหมายโยนทิ้งอีกฉบับและควานหาจดหมายฉบับต่อไปขึ้นอ่านโดยเฮเลนเองก็หยิบจดหมายที่มีชื่อตนขึ้นมาอ่านด้วย
“เขาบอกว่าสองจิตสองใจ” เฮเลนว่าพลางกวาดตาอ่านต่อจนจบ
“แต่เขาก็ยังแนะนำให้ไปโรงพยาบาลอยู่ดี! แล้วจะบอกว่าเชื่อไปเพื่อ!?” เด็กสาวขยำจดหมายโยนทิ้งอย่างหงุดหงิด
“แต่อันนี้โอเคนะ”
แฮร์รี่ว่าพลางอ่านจดหมายฉบับยาวเหยียดที่แม่มดเพสลีย์เขียนมาถึง
“เธอบอกว่าเธอเชื่อล่ะ!”
“อันนี้เขาบอกว่านายไม่เหมือนคนบ้า
แต่เขาก็ไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่รู้ว่าใครกลับมาแล้ว เสียเวลาเขียนมาทำไมเนี่ย!”
เฟร็ดบ่น พลางคุ้ยหาจดหมายฉบับต่อไปอย่างกระตือรือร้น
“นี่อีกคนที่เธอทำได้นะแฮร์รี่!” เฮอร์ไมโอนี่บอกอย่างตื่นเต้น
“เขาบอกว่าเดลี่พรอเฟ็ตทำกับเธออย่างไม่ยุติธรรม
แม้ว่าเขาจะไม่อยากคิดว่าคนที่ไม่ควรเอ่ยชื่อกลับมาแล้วแต่ก็ต้องยอมรับว่าคุณพูดความจริง!
แบบนี้สิยอดไปเลย”
“นี่อีกฉบับที่บอกว่าพวกเธอแค่เห่าเสียงดัง”
รอนว่าแล้วโยนจดหมายข้ามไหล่ไปอีกรอบ
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่จ๊ะ” เสียงดัดให้ฟังดูหวานแบบเด็กๆ ดังขึ้น
เฮเลนรู้สึกเหมือนมีอะไรติดคอและยังรู้สึกอยากจะสาปให้อัมบริดจ์เสียงแหบตลอดชีวิตเลยถ้าเกิดต้องมาทนฟังน้ำเสียงแบบนี้
ทุกคนเงยหน้าขึ้น
สองมือถือจดหมายเอาไว้และทุกซองจ่าหน้าถึงสองพี่น้องพอตเตอร์
อัมบริดจ์ยืนอยู่ข้างหลังระหว่างเฟร็ดและลูน่า
ดวงตาโปนเหมือนคางคกนั้นกวาดมองไปรอบโต๊ะและเน้นหนักๆ
มายังจดหมายที่มือของแฮร์รี่และเฮเลน
“ทำไมเธอได้จดหมายพวกนี้ คุณพอตเตอร์” เธอถามช้าๆ พลางจ้องมายังเฮเลนแต่น้ำเสียงบ่งบอกว่าเธอได้เอ่ยถามพอตเตอร์สองคนที่นั่งกำจดหมายเอาไว้เต็มมือตรงหน้า
“มันเป็นอาชญากรรมแล้วงั้นสินะ” จอร์จพูดเสียงดัง “แค่ได้จดหมายน่ะนะ”
“ระวังตัวหน่อยคุณวีสลีย์! ไม่งั้นฉันจะสั่งกักบริเวณเธอ” อัมบริดจ์ตอบเขา
“ว่าไงจ๊ะคุณพอตเตอร์ทั้งสอง”
“ก็แค่จดหมายจากแฟนคลับน่ะค่ะ” เฮเลนว่า
แฮร์รี่หันไปมองเธอด้วยสายตาตกตะลึง “พวกเราแค่ให้สัมภาษณ์ลงนิตยสารนิดหน่อย
เกี่ยวกับเรื่องของโวลเดอมอร์!”
เฮเลนพูดกระแทกเสียงใส่อัมบริดจ์ทำเอาเจ้าหล่อนสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินชื่อต้องห้าม
ทั้งโต๊ะเงียบกริบ ไม่มีใครคาดคิดว่าเฮเลนจะพูดชื่อของเขาออกมา
“เธอกล้าดียังไงพูดชื่อนั้นออกมาคุณพอตเตอร์!” อัมบริดจ์ขึ้นเสียง
เฮเลนเหล่มองไปยังนิตยสารเดอะควิบเบลอร์ที่วางอยู่ “นั่นมันอะไร!”
แฮร์รี่โยนนิตยสารเดอะควิบเบลอร์ให้เธอ
อัมบริดจ์รับไว้และก้มลงมองหน้าปก ใบหน้าที่โบกแป้งไว้หน้าเป็นนิ้วไม่อาจปิดบังใบหน้าที่กำลังโมโหของเธอได้เลย
“พวกเธอทำแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!” อัมบริดจ์ถามเสียงเขียวตัวสั่น
“วันหยุดฮอกส์มี้ดหนสุดท้ายครับ” แฮร์รี่ตอบ
เธอมองเขาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ นิตยสารม้วนอยู่ในมือสั้นป้อม
“จะไม่มีการเดินทางไปฮอกส์มี้ดอีกแล้วสำหรับพวกเธอพอตเตอร์!” เธอพูด
“กล้าดียังไง! ฉันพยายามสอนพวกเธอแล้วว่าไม่ให้โกหก
เห็นได้ชัดเลยว่ามันไม่ได้เข้าสู่กะโหลกหนาๆ ของพวกเธอเลย
หักกริฟฟินดอร์หนึ่งร้อยแต้มและกักบริเวณหนึ่งอาทิตย์!”
เธอสาวเท้าออกไป กำเดอะควิบเบลอร์เอาไว้ สายตาของนักเรียนแทบจะทั้งห้องโถงมองตามเธอไป
สายวันนั้นป้ายขนาดใหญ่ติดพรึบทั่วโรงเรียน
คำสั่งห้ามมีนิตยสารเดอะควิบเบลอร์เอาไว้ในครอบครอง
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อทุกครั้งที่เฮอร์ไมโอนี่มองป้ายประกาศ
เธอจะยิ้มแป้นอย่างพึงพอใจ
“เธอดีใจอะไรเนี่ย” แฮร์รี่ถามหลังจากที่พวกเขาเข้ามาในห้องต้องประสงค์พร้อมเฮเลนและรอน
โดยมีเดรโก มัลฟอยนั่งรอพวกเขาอยู่ก่อนแล้วด้วยใบหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย
และเฮเลนต้องยอมรับว่าเขาได้อ่านเดอะควิบเบลอร์แล้วอย่างแน่นอน
“โธ่แฮร์รี่ เธอไม่เห็นเหรอว่าเขาจะต้องพยายามทำทุกทาง”
เฮอร์ไมโอนี่พูดทั้งยิ้ม “เขาจะทำทุกทางที่ไม่ให้ใครได้อ่านบทสัมภาษณ์นั่นและมันจะต้องมั่นใจด้วยว่าทุกคนจะไม่อ่าน
ด้วยการสั่งห้ามอ่านมัน! และแน่นอนว่าใครก็ต้องอยากอ่าน จริงไหม?”
แฮร์รี่ยักไหล่
พลางมองไปยังเฮเลนที่เร่งฝีเท้าเดินเข้าไปหาเดรโกก่อนแล้ว
สิ่งที่ทำให้แฮร์รี่มีความสุขที่สุดหลังจากประกาศนั้นคือโชกลับมาพูดคุยกับเขาแล้ว
และสิ่งดีๆ
อีกอย่างหนึ่งคือเชมัสออกมาบอกเขาตรงหน้าเลยว่าเขาเชื่อเรื่องที่แฮร์รี่พูด
“ทำให้มันเป็นความทรงจำล้ำค่า เป็นความทรงจำที่ดีที่สุด
ให้มันเติมเต็มให้พวกนาย”
แฮร์รี่ได้สอนคาถาผู้พิทักษ์เป็นบทเรียนใหม่ให้กับทุกคนหลังจากที่ไตร่ตรองกับรอนและเฮอร์ไมโอนี่มาตั้งแต่ก่อนเข้าเรียนชั่วโมงแรก
วันนี้เดรโกเองก็ร่วมเรียนคาถานี้ด้วยเช่นกันเพราะเขาไม่เคยได้สัมผัสการใช้คาถานี้มาก่อนเลย
ผู้พิทักษ์ เป็นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ปรากฏขึ้นด้วยเวทมนตร์
มีหน้าที่ในการปกป้อง และดูแลผู้เสกหรือเรียกมันออกมา ด้วยคาถา "เอ็กซ์เปกโต
พาโตรนุม" คาถาผู้พิทักษ์ เป็นคาถาชั้นสูง ที่อาศัยพลัง
ความทรงจำแสนสุขที่มีพลังต่อผู้ร่าย คาถาผู้พิทักษ์เป็นคาถาที่นับเป็นพลังด้านดี
แทบจะที่สุด เพราะคนที่มีความแสนสุข
หรือความทรงจำที่ดีเท่านั้นที่จะเสกมันออกมาได้
คาถาผู้พิทักษ์ ในระยะแรกของผู้ฝึก
จะมีลักษณะเป็นแสงสีเงินเป็นลำใหญ่ที่พวยพุ่งออกมาจากปลายไม้กายสิทธิ์
จะยังไม่มีรูปร่างของผู้พิทักษ์ที่ชัดเจน จนกว่าพลังแห่งความสุขเดียวนั้น
จะเต็มเปี่ยมและทรงพลังมากที่สุด อานุภาพของคาถาผู้พิทักษ์ก็จะมีมากขึ้นไปตามลำดับ
“เอกซ์เปกโต พาโตรนุม!”
“พยายามเข้าเชมัส”
แฮร์รี่พูดกับเชมัสที่พยายามเสกคาถาผู้พิทักษ์แล้วหลายครั้งแต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลายคนในทัพดัมเบิลดอร์เริ่มเสกคาถาได้แล้ว
ถึงแม้ว่ามันจะยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเพราะคาถาผู้พิทักษ์เป็นคาถาชั้นสูงที่ยากพอสมควร
แฮร์รี่เดินไปหาจอร์จและคนอื่นๆ พร้อมกับช่วยดูในตอนที่พวกเขาเสกคาถา
เขาเดินไปรอบห้องพร้อมกับช่วยทุกคนแต่มีเพียงเดรโกเท่านั้นที่แฮร์รี่แทบไม่ได้เข้าไปดูเลยนอกจากมองด้วยสายตาแบบผ่านๆ
เพราะตรงนั้นมีเฮเลนยืนอยู่ด้วย และเขาหวังว่าเธอจะสอนเดรโกได้...
ถึงแม้ว่าตอนนี้ดูเหมือนจะยังไม่คืบหน้าเลยก็เถอะ
“เอกซ์เปกโต พาโตรนุม!”
แสงสีขาวที่ออกมาจากปลายไม้กายสิทธิ์ของเดรโกยังคงไม่เป็นรูปเป็นร่าง
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมความทรงจำที่เขามีถึงไม่สามารถสร้างผู้พิทักษ์ออกมาได้
ไม่ว่าจะเป็นตอนที่แกล้งแฮร์รี่หรือว่าตอนที่แข่งควิดดิชชนะก็ตาม
ไม่ว่าเขาจะพยายามคิดอะไรที่มีความสุขมันก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะออกมาเป็นรูปเป็นร่าง
อาจจะเป็นเพราะเขาเองก็ยังหัวเสียที่ชื่อพ่อของตนปรากฏขึ้นในฐานะผู้เสพความตายก็เป็นได้
เดรโกถอนหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิดบวกกับเริ่มรู้สึกไม่อยากจะร่ายคาถานี้แล้วยังไงก็ไม่รู้
ในใจลึกๆ ของเขาสัมผัสได้ว่านี่ไม่ใช่ทางที่เขาควรเลือกเดิน แต่ว่า...
“พยายามเข้านะเดรโก! ความทรงจำที่มีความสุขกว่านี้ไม่มีแล้วเหรอ”
เด็กสาวผมยาวเหยียดตรงที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขากำลังแสดงการให้กำลังใจเขาสุดฤทธิ์โดยที่ตัวเองไม่แม้แต่จะโบกไม้กายสิทธิ์ร่ายคาถานี้ให้เขาดูเลยด้วยซ้ำไป
ถ้าไม่ใช่เพราะเฮเลนเขาคงจะไม่ได้มายืนอยู่ตรงจุดนี้และป่านนี้แฮร์รี่ก็คงโดนอัมบริดจ์จับไปลงโทษแล้วแน่ๆ
“ไม่! ฉันจะต้องทำยังไงให้มันออกมากันล่ะ”
“เลือกความทรงจำที่นายคิดว่านายมีความสุขที่สุดไง!”
“แต่นี่ฉันก็เลือกแล้วนะ” เดรโกตอบเสียงอ่อย
เฮเลนยกมือขึ้นไปลูบไหล่ของเขาเป็นเชิงปลอบใจก่อนที่จะยกไม้กายสิทธิ์ของตัวเองขึ้นมาชูเอาไว้
เด็กสาวยังไม่เคยร่ายคาถานอกห้องเรียนหรือคาถาผู้พิทักษ์มาก่อนเลยตั้งแต่เข้ามาในโลกนี้
และคราวนี้เธอจะต้องทำเพื่อให้เดรโกได้เห็นว่าเธอก็ทำได้!
“เอกซ์เปกโต พาโตรนุม...”
ริมฝีปากบางเอ่ยคาถาออกมาอย่างนุ่มนวล ปรากฏระเบิดแสงสีขาวสว่างจ้าขึ้นมาภายในห้องดึงทุกสายตามารวมกันเป็นจุดเดียว
แสงสีขาวนั้นปรากฏเป็นรูปเป็นร่างของสัตว์ที่ดูคุ้นหน้าคุ้นตาแต่ดูเหมือนขนาดของมันจะผิดปกติไปสักหน่อย สุนัขจิ้งจอกใบหน้าที่สั้นกว่าสุนัขจิ้งจอกชนิดอื่น
และใบหูที่เล็ก ขนของมันฟูหนา มีขนอยู่บริเวณอุ้งเท้าเพื่อช่วยเดิน
ผู้พิทักษ์ของเฮเลนวิ่งไปทั่วห้อง มันวิ่งเฉี่ยวโช
แชงจนเกือบล้มลงแถมยังกระโดดไปบนโคมไฟระย้าก่อนจะพุ่งหายเข้าไปในกำแพงของห้องต้องประสงค์...
“สุนัขจิ้งจอกอาร์กติก” แฮร์รี่พึมพำ “ตะ แต่มันเป็นไปไม่ได้
ตอนแรกผู้พิทักษ์ของเธอคือ...” แมวเบงกอล
แฮร์รี่ชะงักคำเอาไว้แค่นั้น
ผลลัพธ์ของคาถาผู้พิทักษ์นั้นจะเป็นไปตามนิสัยหรือความชอบของคนๆ นั้น
และถ้าหากวันใดวันหนึ่งผู้พิทักษ์ของคนๆ นั้นได้เปลี่ยนแปลงไป
สิ่งนั้นมักจะเกิดขึ้นมาจาก...
ค ว า ม รั ก
แฮร์รี่นิ่งไป คนอื่นๆ ก็เช่นกัน ถึงแม้เฮอร์ไมโอนี่กับรอนจะยังไม่เคยเห็นผู้พิทักษ์ของเฮเลน
แต่พวกเขาพอจะเดาได้จากท่าทางของแฮร์รี่เมื่อสักครู่
“มีอะไรกันเหรอ?” เฮเลนเลิกคิ้วถามท่าทางสงสัย
จนถึงตอนนี้เด็กสาวก็ยังคงไม่รู้ตัวว่าตัวเองทำอะไรผิดไป
แฮร์รี่ส่ายหน้าก่อนที่จะเรียกให้คนอื่นฝึกการเสกคาถาผู้พิทักษ์กันต่อ ถึงแม้ในหัวของเขาจะเต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงอย่างคาดไม่ถึงของเฮเลนก็ตาม...
“นี่ไงเดรโก! ฉันเสกได้แล้ว ต่อไปก็ตานายล่ะ”
เด็กสาวหันกลับไปหาเดรโกด้วยรอยยิ้ม
ดวงตาคมสีฟ้าซีดจ้องมองไปยังใบหน้าหวานอย่างตกตะลึง เขาพยามทำมันมาพักใหญ่ๆ
และมันไม่สำเร็จเลยสักครั้ง แต่คนตรงหน้าของเขากลับทำได้โดยการแกว่งไม้และร่ายคาถาเพียงเบาๆ
เท่านั้น
“เธอนึกถึงอะไรกัน ทำไมถึง...”
“ฉันนึกถึงนายไง”
ประโยคนั้นทำให้เดรโกอึ้งไปอีกรอบ นึกถึงเขางั้นเหรอ? ใบหน้ายิ้มแย้มของคนตรงหน้าทำให้เขาพอจะเข้าใจสิ่งแฮร์รี่พูดเมื่อสักครู่
ว่าบางทีอาจจะเป็นเพราะความรู้สึกในใจของเธอทำให้ผู้พิทักษ์ของเธอนั้นออกมาเป็นรูปเป็นร่างของสุนัขจิ้งจอกอาร์กติก...
“ฉันเหมือนเจ้าสัตว์หน้าขนนั่นตรงไหนกัน”
“คงจะเพราะนิสัยนายล่ะมั้ง” เฮเลนหัวเราะเบาๆ ในลำคอ
“อย่ามาตลกน่ายัยบื้อ! ฉันจะลองอีกครั้งนึง”
เด็กหนุ่มว่าแล้วยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับลองคิดถึงเวลาที่มีความสุขที่สุดของตัวเองตอนที่ได้อยู่กับเธอ
ไม่ว่าจะตอนที่กวนประสาทหรือแม้กระทั่งเมื่อเช้านี้...
“เอกซ์เปกโต พาโตรนุม!”
เดรโกร่ายคาถาอีกครั้ง
ตอนนี้มันปรากฏขึ้นเป็นรูปเป็นร่างของสัตว์ชนิดหนึ่งซึ่งไม่มีขนาดและรูปร่างชัดเจน
มีปีกและดูเหมือนกับนกแต่ว่ามันโผล่ออกมาเพียงครู่เดียวและหายไป...
เดรโกมองไม้กายสิทธิ์ของตนอีกครั้งเตรียมจะร่ายคาถาอีกรอบแต่ว่าเสียงของแฮร์รี่ก็ดังขึ้นมาทำให้เขาต้องชะงักมือไป
และวันนี้บทเรียนแรกเริ่มก็จบลงโดยที่ยังไม่มีใครสามารถเสกคาถาผู้พิทักษ์ออกมาได้เป็นตัวเป็นตนเลย
แฮร์รี่บอกพวกเขาว่ามันจะดีขึ้นถ้าหากว่าพวกเขาตั้งใจฝึกมันเรื่อยๆ
เพราะคาถาผู้พิทักษ์นั้นไม่ใช่คาถาที่ใครก็สามารถใช้มันได้ง่ายๆ ถ้าเกิดว่าไม่ได้ฝึกเวทมนตร์ขั้นสูงหรือการพัฒนาการแบบก้าวกระโดด
ตลอดทั้งสัปดาห์ทัพดัมเบิลดอร์ได้ฝึกคาถาผู้พิทักษ์กันอย่างเคร่งครัดและทุกคนกพัฒนาฝีมือขึ้นไปได้เรื่อยๆ
จนวันนี้รอนกับเฮอร์ไมโอนี่สามารถเสกผู้พิทักษ์ของเขาออกมาได้แล้วพร้อมกับดีน
เชมัสหรือแม้กระทั่งเนวิลล์ ส่วนท้างด้านเดรโกนั้นมันยังไม่ออกมาชัดเจนเสียที
มันเหมือนกับสัตว์ปีกแต่ก็ไม่ใช่จนตอนนี้เขาเริ่มจะถอดใจแล้ว
“เป็นอะไรไปเดรโก”
“ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมมันไม่เป็นรูปเป็นร่าง” เขาถอนหายใจ “มันคงจะเป็นเพราะความรู้สึกของฉันมันยังชัดเจนไม่พอ?”
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วยุ่ง ดวงตาคมสีฟ้าซีดมองไปยังไม้กายสิทธิ์ในมือ
เฮเลนแตะที่ไหล่ของเขาเบาๆ เป็นเชิงปลอบใจ
ดวงตากลมโตสีเขียวมรกตมองไปยังใบหน้าของเดรโกด้วยความเป็นห่วง
การที่เธอพาเขามาร่วมในทัพดัมเบิลดอร์มันเป็นเรื่องที่ฝืนมากเกินไปรึเปล่านะ...
“นายฝืนรึเปล่าเดรโก” เฮเลนถามเสียงอ่อย
“หือ? เปล่า! เปล่านี่ ไม่ได้...” เดรโกชะงักไปเมื่อเงยหน้าขึ้นมองเฮเลน
ดวงตากลมโตฉายแววเป็นห่วงเขาอย่างชัดเจน
ยิ่งไปกว่านั้นไม่ใช่เพราะเขาใจอ่อนเองหรอกเหรอก็เลยมาอยู่ที่นี่
ไม่ใช่เป็นเพราะเธอสักหน่อย... ใช่ไหม? “ฉันไม่ได้ฝืน
ขอโทษที่ทำให้กังวลนะ”
เขาใช้มือข้างที่ถือไม้กายสิทธิ์ยกขึ้นมาวางบนศีรษะของเฮเลน
เด็กสาวรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อยก่อนที่พวกเขาจะเริ่มฝึกกันต่อโดยที่เดรโกก็ยังคงพยายามเรียกผู้พิทักษ์ของเขาออกมาโดยที่เขาไม่รู้เลยว่าในอนาคตนั้นเขาจะต้องเจอกับสิ่งที่เขาคาดไม่ถึง...
ผ่านมาได้สองสัปดาห์ตั้งแต่วันที่ฝึกคาถาผู้พิทักษ์ รอน
แฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่เริ่มพูดคุยดีๆ
กับเดรโกมากขึ้นและดูเหมือนว่ายังมีอีกหลายอย่างที่จะต้องสอนให้กับเดรโกโดยเฉพาะการให้ลดความหลงตัวเองตามที่ตระกูลมัลฟอยสอนเขามา
เพราะตอนนี้เลือดบริสุทธิ์ก็ไม่ได้ถูกเยินยอมากนัก
ส่วนเฮเลนวันนี้เธอแอบออกมาอ่านหนังสือ ณ ลานปราสาทที่เดิม
เด็กสาวของดเรียนกับแฮร์รี่หนึ่งวันเนื่องจากรู้สึกเหนื่อยๆ
แทนที่จะสนุกเหมือนปกติ
หนังสือที่เฮเลนเลือกหยิบมาอ่านวันนี้ก็คือหนังสือเกี่ยวกับการทำนายอย่างแม่นยำที่ศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์ยัดเยียดเอามาให้เธออ่านโดยมีปาราวตี
พาติลให้ท้ายอยู่
ตอนแรกเฮเลนคิดว่าจะไม่อ่านแต่ว่าศาสตราจารย์ถามเรื่องหนังสือกับเธอทุกชั่วโมงที่เข้าเรียน
ในวันนี้เฮเลนจึงต้องอ่านมันสักหน่อยเพื่อให้ตัวเองเลิกตอบเธอไปว่าลืมหรือแม้กระทั่งไม่มีเวลาเสียที ส่วนที่น่าแปลกใจกว่านั้นคือแท็ค
แม็คมาเวลล์ที่ตอนนี้เขาหายไปไม่มายุ่งกับเธออีกเลยหลังจากกลับมาจากวันหยุด
เอาจริงๆ เธอไม่พบเขาในห้องทานอาหารด้วยซ้ำไป
มันน่าแปลกนะที่เขาทำไว้ตั้งขนาดนั้นแต่กลับไม่มีแม้แต่คำขอโทษหรืออะไรเธอเลยสักนิด
มือเล็กพลิกหน้ากระดาษอ่านไปเรื่อยๆ
ถึงในใจจะเป็นห่วงเดรโกอยู่นิดหน่อยเรื่องที่เขายังเสกคาถาผู้พิทักษ์ออกมาไม่เป็นรู้เป็นร่างเหมือนคนอื่น
วันนี้เขาอยู่กับพวกแฮร์รี่โดยที่เฮเลนไม่ได้อยู่ด้วย
จะสามารถทำได้ดีกว่าเดิมรึเปล่าหรือว่ามันจะยังคงเป็นตัวที่ไร้รูปร่างอยู่แบบนั้น
“ผมว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันนะ” เสียงทุ้มนุ่มแสนคุ้นหูดังขึ้น เด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาใกล้กับเธออย่างรวดเร็วจนเฮเลนตกใจ
เขาเดินเข้ามาอย่างเงียบเชียบราวกับว่าไม่มีตัวตนตั้งแต่แรกยังไงอย่างนั้น
“พอดีว่าผมมีปัญหานิดหน่อยให้คุณช่วยเหลือ คุณพอจะช่วยผมได้ไหม – ถ้าสะดวก”
แท็คกระตุกยิ้มขึ้นที่มุมปากพลางนั่งยองๆ ที่ฝั่งตรงกันข้ามกับเฮเลนโดยทิ้งระยะห่างจากเธอเล็กน้อยในระยะปลอดภัยของอัมบริดจ์
ดวงตาคมสีนิลจ้องมองมายังใบหน้าของเธอเลนด้วยสายตาประหลาด
เด็กสาวอยากจะปิดหนังสือแล้วเขวี้ยงใส่หน้าเขานักเชียวถ้าไม่ติดว่าจะทิ้งหนังสือเล่มนี้ไปไม่ได้ล่ะก็นะ
“นายมีเรื่องอะไรให้ฉันต้องช่วยอีกล่ะ” เฮเลนถามเสียงเรียบ
พยายามที่จะไม่พูดให้มันมากความ
“ผมสนใจคุณ” คำพูดนั้นทำเอาเธอชะงักไป
“อะไรนะ”
“ผมสนใจคุณ” เขาพูดย้ำอีกครั้งพร้อมกับยกยิ้มขึ้นมามุมปาก
“แต่ผมไม่รู้ว่าผมควรทำยังไงให้คุณสนใจผมกลับมาบ้าง –
ผมยังไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคุณถึงไม่สนใจผมขนาดนั้น”
“ถ้านายเข้ามาเพื่อจะพูดเรื่องไร้สาระล่ะก็เงียบเถอะ” เฮเลนแยกเขี้ยว
“ฉันจะอ่านหนังสือ”
เธอพยายามไม่สนใจแท็คแต่ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มจอมกวนประสาทคนนี้จะไม่ยอมหยุดเลย
เฮเลนอยากจะหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาร่ายคาถาใส่เขานัก!
แต่เธอก็พยายามอ่านหนังสือในมือต่อไปโดยไม่สนใจสิ่งที่แท็คกำลังจะพูดต่อ
จะว่าไปแล้วเธอเองก็เกือบลืมไปเลยว่าแท็คเป็นใครมาจากไหน
ตัวจริงของเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของเฮอร์ไมโอนี่จริงๆ อย่างนั้นเหรอ? ในลูกแก้วทำนายก็ไม่ปรากฏด้วยว่าเขาจะมีบทบาทอะไรหลังจากนี้รึเปล่าด้วย เขาเองก็เป็นอีกคนที่ไม่น่าข้องเกี่ยวด้วยเอาซะเลย
“ทำไมต้องทำท่ารังเกียจผมขนาดนั้นด้วย... หรือว่าเพราะเรื่อง...”
หนังสือเล่มหนาถูกเขวี้ยงออกไปในทันทีก่อนที่แท็คจะได้ปริปากพูดเรื่องนั้นออกมา
เฮเลนลุกขึ้นยืนอย่างไม่พอใจหลังจากที่แท็คโดนหนังสือกระแทกเข้าที่กลางแสกหน้าจนหงายหลังล้มลงไปนอนกองกับพื้น
เด็กสาวรีบวิ่งไปคว้าหนังสือที่ตกอยู่ขึ้นมา
เธอพยายามทำมันให้เร็วที่สุดก่อนที่แท็คจะตั้งหลักได้แต่เหมือนว่ามันจะช้าเกินไป
มือเรียวคว้าแขนขวาของเฮเลนเอาไว้ได้แล้วกระชากเธอลงมานอนทับบนร่างกายของเขา
ร่างบางดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของเด็กหนุ่มที่อายุน้อยกว่าถึงสองปีโดยที่พยายามดันตัวให้หลุดออกแต่เหมือนแรงของเธอจะสู้เขาไม่ได้เลย
แท็คพลิกตัวขึ้นคร่อมร่างของเฮเลนอย่างรวดเร็วจนตอนนี้เด็กสาวตกอยู่ภายใต้อาณัติของรุ่นน้องจอมแสบอย่างขัดขืนไม่ได้
“ปล่อยฉัน!” เฮเลนขึ้นเสียงอย่างรังเกียจ
คนตัวเล็กพยายามทั้งเข่าทั้งถีบแต่ดูเหมือนว่าจะทำอะไรร่างกายเขาไม่ได้เลย
แท็คเป็นเด็กหนุ่มที่ดูโตเกินกว่าวัยของเขามากราวกับว่าเขาเป็นพ่อมดที่ตกรุ่นไปเรียนซ้ำชั้นอย่างนั้นแหละ!
“ผมว่าตอนแรกผมก็พูดดีๆ แล้วนะครับ” คนตรงหน้าว่าแล้วจับข้อมือของเด็กสาวตรึงเอาไว้เหนือศีรษะด้วยมือซ้ายเพียงข้างเดียวก่อนที่จะใช้มือขวาจับใบหน้าของเธอให้หันไปตรงกับใบหน้าของเขา ดวงตาคมสีนิลดูราวกับกำลังดูดกลืนพลังเวทมนตร์ของเฮเลนไปอย่างช้าๆ เธอรู้สึกว่ายิ่งขัดขืนก็ยิ่งหมดเรี่ยวแรง...
ช่วยด้วย!!
“ริกตัสเซมปรา!!”
เสียงร่ายคาถาของใครบางคนดังขึ้น
แสงสีเงินพุ่งเข้ามากระแทกร่างของแท็คกระเด็นปลิวออกไป
เฮเลนรีบกระเด้งตัวขึ้นแล้วคลานถอยออกห่างจากแท็คในทันที
เจ้าของเรือนผมสีบลอนด์จางรีบวิ่งเข้ามาประคองร่างเล็กให้ลุกขึ้นยืนพลางสำรวจร่างกายไปทั่ว
“เป็นอะไรไหม เจ็บตรงไหนรึเปล่า”
เฮเลนไม่พูดอะไร เอาแต่ซุกใบหน้าเข้ากับแผงอกกว้างของเดรโก
ความกลัวแล่นปลาบเข้าสู่สมองอย่างรวดเร็วเพียงแค่คิดว่าถ้าหากเขาไม่ได้มาช่วยเธอเอาไว้ต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น
ร่างสูงกอดตอบคนตัวเล็กพลางลูบเส้นผมยาวตรงนั้นอย่างแผ่วเบาเป็นเชิงปลอบใจ
“ไม่เป็นไรแล้ว... ไม่เป็นไร”
“ขอบคุณนะ” เฮเลนพูดเสียงอู้อี้ พลางกอดร่างสูงแน่นขึ้นอีก
เดรโกยิ้มออกมาบางๆ เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับคำขอบคุณโดยการช่วยเหลือคนอื่น
ต่างจากเมื่อก่อนที่เขาทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของบ้านสลิธีรินและคะแนนส่วนตัวเท่านั้น
ทำให้คำขอบคุณจากปากของคนพวกนั้นไม่ทำให้เขารู้สึกดีเท่ากับตอนนี้
“แล้วทำไมอยู่ๆ แกถึงได้เข้ามายุ่งกับคนของฉัน!”
หลังจากปลอบใจเฮเลนอยู่พักหนึ่งเดรโกก็บอกให้ร่างบางยืนคอยเขาอยู่ตรงนั้นแล้วเดินเข้าไปหาแท็คที่เพิ่งจะยันตัวลุกขึ้นจากการนอนมองดาวอยู่หลายนาที
ท้องของเขาจุกไปหมดน่าจะเพราะแรงกระแทกของคาถาที่เดรโกใช้
แท็คยกมือขึ้นกุมท้องพลางกัดฟันกรอด
“แสดงความเป็นเจ้าของจริงๆ เลยนะครับคุณมัลฟอย”
“เฮเลนเป็นของฉัน! อย่าสะเออะเข้ามายุ่ง”
“มันก็แค่อีกไม่นานหรอก”
เด็กหนุ่มจ้องหน้าเดรโกเขม็งราวกับว่าเขารู้เรื่องอะไรบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น
แต่ว่าเขากลับไม่พูดอะไรต่อจากนั้น
ทิ้งปริศนาเอาไว้และลุกขึ้นเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
เดรโกหันไปหาเฮเลนพร้อมกับหยิบหนังสือที่ตกอยู่ขึ้นมาปัดฝุ่นส่งให้เธอ
“คราวหน้าจะทำอะไรก็ระวังตัวด้วยล่ะ”
เด็กสาวยิ้มให้เดรโกก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินออกจากลานปราสาทมาด้วยกัน
แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ทันไปไหน แฮร์รี่ก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับอาจารย์ใหญ่อัลบัส
ดัมเบิลดอร์ ทั้งสองเดินเข้ามาหาเดรโกอย่างเร่งรีบ
“คุณมัลฟอย ฉันว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันสักหน่อย”
เขาพูดพร้อมกับแฮร์รี่รีบพยักหน้าใส่เขา
“ตอนนี้เลยเหรอครับ” เดรโกถามอย่างสงสัย เขากุมมือเธอแน่นขึ้นกว่าเดิมราวกับยังไม่อยากปล่อยเธอไป
“ไปเถอะเดรโก” แฮร์รี่พูดพร้อมกับจ้องหน้าเดรโกอย่างมีความหมาย
เฮเลนงงกับสถานการณ์ในตอนนี้อยู่เล็กน้อย
เพราะเธอจำได้ว่าในตอนนี้ดัมเบิลดอร์จะไม่มีวันออกมาจากห้องพักอาจารย์ใหญ่จนกว่าอัมบริดจ์จะบุกไปหา... นี่มันกำลังจะเกิดอะไรขึ้นกันนะ?
“อ่า... ไม่ใช่เธอเฮเลน"
ดัมเบิลดอร์พูดขัดเมื่อเฮเลนทำท่าจะตามพวกเขาไปด้วย
"ฉันขอเวลาส่วนตัวเพื่อคุยกับแฮร์รี่และคุณมัลฟอยสักหน่อย”
“แต่ศาสตราจารย์คะ...”
“ไม่มีแต่... กลับไปทำในสิ่งที่เธอควรทำ ฝึกซ้อมเล็กๆ
และทำความเข้าใจเรื่องราวอีกสักหน่อย” ดัมเบิลดอร์พูดพลางสงสายตาใจดีและขี้เล่นมาให้
“ฉันว่ามันก็ดีนะ”
ดัมเบิลดอร์ยิ้มก่อนจะเดินนำหน้าเดรโกและแฮร์รี่ออกไปทิ้งให้เด็กสาวยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับหนังสือพยากรณ์ในมือ
เฮเลนสับสนไปหมดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรื่องนี้กันแน่
ถึงอยากจะรู้ต่อให้ไปนั่งจ้องลูกแก้วมันก็คงปรากฏแค่คำพยากรณ์ที่ต้องเอามานั่งตีความซ้ำไปซ้ำมาอีกถึงจะรู้ นี่มันเกิดอะไรขึ้น
ในขณะที่เรื่องราวกำลังเป็นไปด้วยดี? ทั้งศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ที่ทำตัวผิดแปลกไปและแท็คที่ทิ้งข้อความปริศนาเอาไว้ให้เธอต้องสงสัยมากขึ้นไปอีก...
นี่มันจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ
ติดตามตอนต่อไป...
(*ปล. จริงๆ แล้วเดรโก ไม่มีผู้พิทักษ์นะคะ
เจ.เค.โรว์ลิ่งออกมาบอกเรียบร้อยแล้วว่าผู้เสพความตายไม่ต้องการให้ใครมาปกป้อง
แต่ว่าเดรโกยังมีจิตใจด้านดีอยู่
เจ.เค.ก็เลยบอกกับเราว่าไม่สามารถระบุผู้พิทักษ์ของเขาได้ ในนี้ไรท์มโนขึ้นมาล้วนๆ
ค่ะ ตั้งแต่สัตว์เลี้ยงละ 5555*)
ความคิดเห็น