ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfic Harry Potter] [OCxDM] If Harry Potter has a sister!

    ลำดับตอนที่ #13 : บทที่ 12 : กฏใหม่ (Re.03)

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ค. 64


    TB

    UP : 03/08/60

    Re-write : 17/08/60

    Re-write 2 : 22/09/61

    Re-write 3 : 21/06/64

    บทที่ 12 : กฏใหม่

     

    สองสามวันถัดมามีประกาศอันใหม่ตั้งขึ้น แฮร์รี่ยืนอ่านประกาศนั้นอยู่กับรอนที่หน้าห้องโถง ใบหน้าราวกับว่าความสุขที่เคยมีเมื่อตอนแรกหายไปจนเกลี้ยง ประกาศยกเลิกชมรมทั้งหมดที่ก่อตั้งขึ้นในโรงเรียนนี้และห้ามตั้งชมรมโดยไม่ได้รับอนุญาต! และแน่นอน ประกาศครั้งนี้เหมือนกับเป็นเครื่องยืนยันว่ามีใครบางคนกำลังจับตาดูพวกเขาอยู่ อย่างน้อยตอนนี้ก็พอจะทำให้คิดได้แล้วว่าต้องมีใครเป็นสายลับ!

    “นี่มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ” แฮร์รี่พูดเสียงสั่น “เธอรู้”

    “ไม่น่า” รอนตอบทันที

    “ยอมรับเถอะว่ามีคนแอบฟังเราที่ร้านเหล้า" แฮร์รี่พูดพลางยกมือขึ้นยีผมจนยุ่งไม่เป็นทรง "เราไม่รู้หรอกว่าพวกที่โผล่มามีกี่คนที่เราเชื่อใจได้ ฉันสงสัยว่าเฮอร์ไมโอนี่กับเฮเลนเห็นประกาศนี่รึยัง”

    “เราลองไปคุยกับเขาดีกว่า” รอนแนะก่อนที่ทั้งสองคนจะรีบวิ่งไปยังห้องนั่งเล่นบ้านกริฟฟินดอร์ในทันทีและปะทะกับเฮเลนตรงหน้ารูปภาพของสุภาพสตรีอ้วน

    “รีบร้อนอะไรกัน” เด็กสาวเอ่ยทันที่ที่ก้าวผ่านรูปภาพเข้ามา เฮเลนรู้สึกเหนื่อยมากกับการที่จะต้องไปนั่งคิดว่าจริงๆ แล้วเดรโกเป็นคนยังไงกันแน่ แล้วจะทำให้ทุกคนเลิกอคติกับเขาได้อย่างไร "พวกเธอดูมีเรื่องอยากจะบอกใครสักคนมากเลยนะ"

    "แน่นอน" แฮร์รี่พูดพลางเดินตรงไปยังที่นั่งตรงมุมห้องนั่งเล่น "อยากบอกมากเลยล่ะ"

    “ต้องมีใครไปปูดให้ยัยอัมบริดจ์ฟังแน่” รอนเล่าเรื่องทั้งหมดให้เฮเลนฟัง เด็กสาวกำสมุดการบ้านและรายงานที่เพิ่งเขียนเสร็จแน่น และพยายามคิดในแง่ดีว่าคงไม่มีใครปากโป้งไปบอกยัยนั่นหรอกถ้าไม่ได้มีคนอื่นพยายามหลอกถามเรื่องนี้จากพวกเขา "ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะรู้ได้ยังไงว่าเราตั้งชมรมกัน"

    “พวกเขาทำไม่ได้หรอกรอน” เฮอร์ไมโอนี่เอ่ยขึ้นหลังจากที่เธอเดินมาสมทบแล้ว “ฉันร่ายคาถาเอาไว้ที่กระดาษเซ็นชื่อ ถ้ามีใครแล่นไปบอกอัมบริดจ์ เราจะได้รู้แน่ว่าเป็นใคร แล้วพวกเขาจะต้องเสียใจมากๆ ด้วยที่ทำแบบนั้น”

    ทั้งสี่ตัดสินใจเดินไปที่ห้องโถงใหญ่ เห็นได้ทันทีว่าประกาศของอัมบริดจ์ทำให้บรรยากาศในห้องอาหารตรึงเครียด เสียคุยจ้อกแจ้กและมีการเคลื่อนไหวมากกว่าปกติในห้องโถง ราวกับว่าผู้คนกำลังวิ่งวุ่นไปโต๊ะนั้นโต๊ะนี้เพื่อปรึกษาหารือกันในเรื่องที่พวกเขาได้อ่านมา เมื่อทั้งสี่นั่งลงที่โต๊ะ เนวิลล์ ดีน เฟร็ด จอร์จและจินนี่ก็ตรงเข้ามานั่งร่วมวงด้วยในทันที

    “เธอคิดว่าเขารู้ไหม” คำถามถูกตั้งขึ้นมา แฮร์รี่ รอน เฮอร์ไมโอนี่และเฮเลนหันไปมองสำรวจรอบๆ ให้แน่ใจว่าไม่มีอาจารย์คนไหนอยู่ใกล้ๆ ตรงนี้ก่อนที่แฮร์รี่จะเอ่ยตอบ “แต่เราก็ต้องทำต่อไป -- ถ้าเราไม่ทำต่อ ว.พ.ร.ส. ปีนี้เราแย่แน่”

    “รู้แล้วว่านายต้องพูดแบบนี้” จอร์จว่าแล้วยิ้มแก้มปริ

    “พรีเฟ็ตว่างั้นด้วยไหมล่ะ” เฟร็ดหันไปถามรอนกับเฮอร์ไมโอนี่เป็นเชิงล้อเลียน

    “แน่นอน” เฮอร์ไมโอนี่ตอบเสียงเย็น แฮร์รี่เสตาไปมองโชที่นั่งอยู่ไม่ไกลนักตรงโต๊ะบ้านเรเวนคลอ เฮเลนสะกิดแขนเขาเบาๆ เป็นเชิงให้สนใจตรงหน้าก่อน แต่ผลสะท้อนของประกาศคงจะยังไม่น่ามีปัญหา เมื่อเขาเดินออกจากห้องโถงใหญ่เพื่อไปเรียนวิชาประวัติศาสตร์เวทมนตร์ แอนเจลิน่าเดินเข้ามาบอกพวกเขาว่าอัมบริดจ์รวมควิดดิชเอาไว้ในนั้นด้วย

    แฮร์รี่ดูหัวเสียทันทีที่ได่รู้เรื่องนั้น ตลอดวิชาประวัติศาสตร์ดูเขาไม่ค่อยชอบใจแถมเฮ็ดวิกที่มาส่งจดหมายให้ยังได้รับบาดเจ็บจนต้องออกไปจากห้องชั่วคราวอีก เฮเลนขอว่าอย่าให้มีอะไรมาทำให้เขาระเบิดอีกเลยหลังจากนี้แต่ว่าในระหว่างช่วงพักกลางวันนั่นเอง...

    “ใช่อัมบริดจ์อนุญาตให้ทีมควิดดิชของสลิธีรินเล่นต่อไปได้ทันทีที่ฉันไปขออนุญาต" เสียงเดรโกดังลั่นมาจากฝั่งโต๊ะตัวยาวของบ้านสลิธีริน เฮเลนยกมือขึ้นกุมขมับในทันที "มันก็แน่ล่ะ เขารู้จักพ่อฉันนี่... น่าสนใจนะว่ากริฟฟินดอร์จะได้รับอนุญาตให้เล่นต่อไปรึเปล่า ว่าไง”

    แฮร์รี่ตัวสั่นในขณะที่กำลังจะตักเบคอนใส่ในจานของตัวเอง เฮเลนหันไปมองเดรโกตาขวาง บางครั้งเขาก็ดูน่าหมั่นไส้เหลือเกินเวลาอยู่ต่อหน้าแฮร์รี่ เด็กหนุ่มเรือนผมสีบลอนด์จางยักคิ้วให้เธออย่างกวนประสาทและตั้งหน้าตั้งตาโม้เรื่องของตัวเองต่อไปให้เพื่อนๆ ในบ้านสลิธีรินฟัง 

    เฮเลนคิดว่าความพยายามของตัวเองสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง ถึงอย่างนั้นก็ดูเดรโกจะยังมีปัญหากับแฮร์รี่ เขายังกวนประสาทและเล่นงานเวลาเเฮร์รี่ถูกทำโทษอยู่เสมอ มันคงเป็นนิสัยวายร้ายที่อยู่ในตัวเขา เฮเลนคงจัดการกับสิ่งนี้ได้ลำบากเป็นแน่

    “อย่าโมโห” เด็กสาวพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน แฮร์รี่กลืนน้ำลายอึกใหญ่ “มันจะเป็นสิ่งที่เขาต้องการ แฮร์รี่ -- อย่าทำในสิ่งที่เขาต้องการ”

    เสียงของแครบและกอยล์ที่กำลังหัวเราะร่าลอยเข้ามาใส่หูเฮเลนอย่างช่วยไม่ได้ จะว่าก็ว่าเถอะมันก็หลายครั้งแล้วที่เดรโกทำตัวไม่น่าเสวนาด้วยตอนที่อยู่ต่อหน้าแฮร์รี่ จริงๆ แล้วก็มีหลายครั้งที่เธอพยายามเตือนเขาแต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ทำให้เขาคิดได้เท่าไหร่ ดูท่าว่าอะไรที่สามารถเหยียบย่ำแฮร์รี่ พอตเตอร์ได้ เขาจะพยายามทำมันทั้งหมด!

    “ไม่มีการฝึกซ้อมควิดดิช” แอนเจลิน่าพูดเสียงแผ่วหลังจากคาบเรียนของพวกเขาสิ้นสุดลงและกลับไปยังห้องนั่งเล่น

    “แต่พวกเราไม่ได้พูดอะไรเลยนะ!” เฮเลนโพลงขึ้น ตอนที่แอนเจลิน่าเคยบอกว่าไม่ให้แฮร์รี่หรือเฮเลนทำให้อัมบริดจ์โกรธขึ้นมาอีกถ้าจะต้องไปขอให้ตั้งทีมควิดดิชใหม่

    “ฉันรู้ เธอบอกฉันว่าขอใช้เวลาคิดดูอีกหน่อย” แอนเจลิน่ายังคงนั่งก้มหน้านิ่ง

    “อะไรเขาอนุญาตพวกสลิธีริน แล้วทำไมเราถึง...” รอนดูหัวเสีย เขาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเดิมที่เคยนั่ง เฮเลนเดินไปนั่งที่โซฟาอีกตัวข้างๆ กันโดยมีครุกแชงก์เดินตามมาด้วย มันกระโดดขึ้นมานั่งบนตักเธอและม้วนตัวนอนอย่างสบายอารมณ์ พวกเขาใช้เวลาพูดคุยกันอยู่นานจนกระทั่งแฮร์รี่บอกว่าวันนี้มีนัดอีกครั้งกับซีเรียสที่เตาผิงตอนเที่ยงคืน

    “เอาเถอะ อย่างน้อยเราก็รู้ว่าอัมบริดจ์กำลังกลัวว่าดัมเบิลดอร์จะสร้างกองทัพไปยึดกระทรวงอยู่จริงๆ”

    เฮอร์ไมโอนี่ว่าพลางหยิบหนังสือพิมพ์บนโต๊ะขึ้นมาเปิดอ่านเรื่องราวที่กำลังดำเนินไปพร้อมกับใช้ความคิด รอนหันไปหยิบขนมประจำบ้านที่วางเอาไว้บนโต๊ะใกล้ๆ มากินและมองกองไฟในเตาผิง ส่วนแฮร์รี่ก็ยังคงคิดไม่ตกว่าจะเริ่มสอนพวกเพื่อนๆ ด้วยคาถาอะไรเป็นอันดับแรก

    มือเรียวเล็กลูบไปมาบนขนฟูนุ่มของครุกแชงก์ ในหัวของเฮเลนนึกถึงเดรโกกับสาเหตุที่เธอถูกส่งมาอยู่ในโลกนี้ขึ้นมา ถ้าหากว่าเธอลองเปลี่ยนแปลงอะไรสักหน่อยเพื่อให้เรื่องราวมันเปลี่ยนแปลงไปจะเป็นยังไงนะ? ลองชวนเดรโกมาด้วยจะช่วยเปลี่ยนอะไรหรือเปล่า

    “นี่แฮร์รี่ ฉันชวนเดรโกมาด้วยดีไหม” เด็กสาวไม่เพียงแค่คิดเท่านั้น เธอยังเอ่ยปากถามออกไปเลยด้วย ทั้งสามคนหันควับมามองหน้าเฮเลนในทันทีที่เธอพูดจบ รอนกลืนขนมลงคออย่างฝืดเคืองพลางทำหน้าไม่อยากจะเชื่อเหมือนกับเฮอร์ไมโอนี่ แฮร์รี่เองก็ขมวดคิ้วยุ่งยิ่งกว่าเดิมเสียอีก! “อะ อะไรล่ะ”

    “เธอคิดอะไรอยู่เฮเลนถึงจะชวนเจ้าบ้านั่นมาร่วมวงด้วย หมอนั่นไม่ทำหรอกเชื่อสิ” รอนว่าพลางกัดขนมอีกคำ "หรือว่านี่ก็เป็นอีกทางที่เธอเลือกจะเสี่ยงให้หมอนั่นมารู้ความลับเราและชวนมาเป็นพวก แต่อันนี้มันจะไม่เสียงไปหน่อยเหรอ"

    “ฉันไม่เห็นด้วยที่จะชวนคนอย่างมัลฟอยให้เข้ามายุ่งเกี่ยว เธอลืมที่เขาพูดตอนอยู่ในห้องอาหารแล้วรึไง!

    เฮอร์ไมโอนี่เสริมก่อนจะพับหนังสือพิมพ์แล้ววางมันลงบนโต๊ะหน้าโซฟาตัวที่เธอนั่งอยู่ เฮเลนกลอกตาไปมาโดยไม่รู้ว่าจะเอาเหตุผลอะไรมาพูดให้เดรโกดูดีในสายตาพวกเขา ไม่ว่าจะเรื่องที่เขาเกลียดขี้หน้าแฮร์รี่ หรือแม้กระทั่งเรื่องที่พ่อของเขาเป็นผู้เสพความตายแล้วยังสิ่งที่เขาทำให้แฮร์รี่ประสาทเสียตอนอยู่ในห้องโถงอีก

    เขามีอะไรดีบ้างเนี่ย!

    “ก็ลองดูสิ” แฮร์รี่พูดเสียงราบเรียบ รอนและเฮอร์ไมโอนี่หันไปมองหน้าเขาด้วยความตกใจ "ถ้ามันเป็นทางที่เธอจะดึงหมอนั่นให้เขามาเป็นพวกเราล่ะก็นะ แต่ฉันก็ยังอยากรู้อยู่ดีว่าถ้าให้คนอย่างมัลฟอยมาเป็นพวกมันจะช่วยอะไรได้"

    "บางทีครอบครัวมัลฟอยจะทำตามเขาไงล่ะ" เฮเลนตอบ "ถึงเขาจะเกลียดเลือดผสมหรือพวกที่เกิดจากมักเกิ้ลแค่ไหน ยังไงนาร์ซิสซา มัลฟอยก็รักลูกรักครอบครัวอยู่แล้ว เรื่องนั้นฉันมั่นใจมาก"

    “หา” รอนกับเฮอร์ไมโอนี่หันไปมองเจ้าของเสียงพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย และเฮอร์ไมโอนี่ก็พููดต่อ "เธอไปเอาความมั่นใจแบบนั้นมาจากไหนกัน"

    "คิดเสียว่ามันเห็นจากดวงตาพยากรณ์ก็แล้วกัน เฮอร์ไมโอนี่" เฮเลนยักไหล่เบาๆ

    "เอาเถอะ" แฮร์รี่พูด “ถ้าเธอชวน บางทีมัลฟอยอาจจะเข้าร่วมกับเราก็ได้”

    แฮร์รี่ถอนหายใจยาวแล้วเอนหลังพิงกับพนักพิงโซฟา เฮอร์ไมโอนี่กับรอนหันไปทักท้วงเขากันใหญ่จนแฮร์รี่เริ่มรู้สึกขึ้นมาอีกแล้วว่าทำไมต้องเป็นเดรโก มัลฟอยที่เฮเลนจะต้องนึกถึงก่อนเสมอ ที่จริงความโกรธเรื่องที่มัลฟอยพูดในห้องอาหารยังไม่ได้หายไปจากหัวเขาหรอก เขาเองก็กลัวอยู่เหมือนกันว่ามัลฟอยจะไปบอกอัมบริดจ์ไหม

    แต่ถึงอย่างนั้นเฮเลนเองก็อยู่ในรายชื่อด้วย ถ้ามัลฟอยอยากให้เฮเลนโดนลงโทษด้วยมือของตัวเองก็ลองดูสิ แถมถ้าเขายอมมา มันคงจะเป็นเรื่องประหลาดมากเลยทีเดียว แถมในตอนนี้แฮร์รี่ก็มั่นใจว่ามัลฟอยยังไม่ชนะพนันที่เขาวางไว้ เขามั่นใจอย่างที่สุดว่ามัลฟอยยังไม่สามารถทำให้เฮเลนพูดว่า 'รัก' ได้อย่างเต็มปากเต็มคำหรอก แม้จะผ่านไปเกือบครึ่งเทอมแล้วก็ตาม

    ในขณะที่รอนเริ่มนั่งเคลิ้มๆ อยู่บนเก้าอี้นวม ส่งเสียงคำรามงึมงำฟังไม่ได้ศัพท์ แฮร์รี่นั่งเขียนรายงานแก้วิชาปรุงยา และเฮอร์ไมโอนี่อ่านหนังสือพิมพ์ซ้ำไปซ้ำมาเพื่อไม่ให้ตัวเองง่วง ครุกแชงก์กระโดดลงไปจากตักเธออีกครั้งมองไปยังกองไฟ เฮเลนลุกขึ้นยืนวิ่งไปอุ้มมันออกมาและส่งเสียงเรียกทุกคนเบาๆ

    “ว่าไง!” ซีเรียสเอ่ยทักพร้อมยิ้มกว้าง

    “สวัสดีครับ” แฮร์รี่กับรอนตอบหลังจากที่รอนสะดุ้งเฮือกขึ้นมาจนทำให้แฮร์รี่แทบเขวี้ยงรายงานใส่หน้าเขา ทั้งสี่นั่งลงคุกเข่าหน้าเตาผิงพร้อมเฮเลนที่พยายามไล่ครุกแชงก์ให้ไปห่างๆ จากไฟ

    “เป็นไงกันบ้าง” ซีเรียสถาม

    “ไม่ดีเท่าไหร่” เฮเลนตอบด้วยสีหน้าเบื่อ มือยังปัดตัวครุกแชงก์ให้ไปให้พ้น

    “กระทรวงบังคับเราอีกแล้ว หมายความว่าเราไม่ได้รับอนุญาตให้เล่นควิด...”

    “หรือชุมนุมลับการป้องกันตัวจากศาสตร์มืด” ซีเรียสแทรกคำพูดของแฮร์รี่ ทุกคนเงียบไป

    “คุณรู้ได้ไง” รอนตั้งคำถาม

    “พวกเธอควรเลือกที่นัดพบให้ระวังกว่านี้นะ” ซีเรียสตอบ “ร้านหัวหมู พระเจ้า”

    “แหมอย่างน้อยก็ยังดีกว่าร้านไม้กวาดสามอันหรือเดินคุยกันท่ามกลางหิมะล่ะค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่แก้ตัว “ร้านนั้นน่ะคนแน่นอย่างกับอะไรดีแถมตลอดทางก็มี...”

    “แต่นั่นหมายความว่าคนจะแอบฟังเธอได้ยากขึ้นนะ” ซีเรียสว่า “เธอยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ เฮอร์ไมโอนี่”

    "ใครที่แอบฟังเราอยู่คะซีเรียส" เฮเลนถามขึ้น

    “มันดังกัสน่ะสิ” ซีเรียสตอบ ทุกคนทำหน้างงกันไปหมด “เขาปลอมเป็นหมาของลุงเจ้าของร้านแถวๆ นั้นนั่นแหละ -- น่าแปลกที่ไม่มีใครสังเกตเห็นเขาด้วยซ้ำ"

    “นั่นมันดังกัสเหรอครับ!” แฮร์รี่พูดด้วยน้ำเสียงตกตะลึงในขณะที่เฮเลนพยายามนึกถึงหน้าของคนชื่อมันดังกัส

    “เขาไปคอยเฝ้าพวกเธอน่ะ แต่สิ่งแรกที่พวกเธอกำลังจะทำในวันหยุดที่ได้ออกไปข้างนอกก็คือก่อตั้งชมรมป้องกันตัวผิดกฏหมายขึ้นมา” ซีเรียสร่ายยาว เขาไม่ได้ดูโกรธแถมในน้ำเสียงนั้นดูภูมิใจอย่างเห็นได้ชัด “อ้อ รอน ฉันมีข้อความของแม่เธอมาฝากให้น่ะ”

    “เหรอครับ” รอนพยักหน้า พลางตอบด้วยน้ำเสียงกังวล

    “เขาบอกว่าไม่ว่าจะมีอะไรก็ตาม เธอจะต้องไม่ร่วมชมรมที่ผิดกฎหมาย เขาว่ายังมีเวลาอีกมากที่จะเรียนป้องกันตัวที่หลังแล้วก็บอกว่าเธอยังเด็กเกินกว่าจะกังวลใจในเรื่องนี้ตอนนี้ด้วย” ซีเรียสเว้นระยะพลางเหลือบมองเฮเลน แฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่สลับกันไป “แถมเขายังแนะนำว่าไม่ให้พวกเธอทำชมรมต่ออีกดต่างหาก (ซีเรียสหัวเราะไปพูดไป) เขาไม่สามารถพูดเรื่องนี้กับพวกเธอได้ด้วยตัวเองเพราะว่าเขาต้องไปอยู่เวรคืนนี้”

    “อยู่เวรอะไรคะซีเรียส” เฮเลนถามหลังจากไล่ครุกแชงก์ไปจนพ้นแล้ว มันทำท่าฟึดฟัดแต่ก็ยอมไปโดยดี

    “ในภาคีน่ะเฮเลน แล้วเรื่องของมัลฟอยเป็นยังไงบ้าง” ซีเรียสหันมาถามเด็กสาว

    “เอ่อ...” เฮเลนงึมงำ “ก็ไม่ได้แปลกไปจากเดิมเท่าไหร่ เขาก็ยังคงตามติดเหมือนเคย พยายามกวนประสาทแล้วก็ยังชอบที่จะเหนือกว่าแฮร์รี่เหมือนปกติ แต่ดูเหมือนจะพอมีความหวังบ้างแล้วเรื่องที่จะชักชวนให้เขามาอยู่ร่วมกับเราค่ะ”

    “แล้วเธอล่ะ... เปลี่ยนไปรึยัง” ซีเรียสส่งสายตาล้อเลียน ตามมาด้วยสายตาของแฮร์รี่จ้องอย่างหาคำตอบ

    “ปละ เปลี่ยนยังไงคะก็ดีขึ้นนิดหน่อยเท่านั้น แค่ช่วงนี้เขาทำให้หนูยิ้มได้บ่อยขึ้น...”

    “จากปกติทำหน้าเครียดตลอดเวลานะเหรอ” ซีเรียสหัวเราะเบาๆ “แต่อย่าลืมนะว่าพ่อของเขาเป็นใคร เธอจะต้องระวังตัวให้ดีว่าเจตนาของเขาใช่สิ่งที่แสดงออกมารึเปล่า อย่าให้สิ่งที่เขาทำมาหลอกเธอได้ล่ะ ระวังตัวไว้ให้ดี คิดเสียว่าเธอกำลังทำภารกิจสำคัญให้กับภาคี”

    เฮเลนพยักหน้า คำว่ากำลังทำภารกิจให้ภาคีทำให้เธอรู้สึกว่าสิ่งที่เธอกำลังทำมีความสำคัญมากขึ้นกว่าเดิม มันไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องอย่างเดียว แต่มันหมายถึงการดึงให้เส้นทางของรถไฟเปลี่ยนไปจากมืดสู่สว่างและทะลุออกไปจากอุโมค์อันมืดครึ้มเสียด้วย

    “เฮอร์ไมโอนี่ทั้งหมดนี่เป็นความคิดของเธอนะ” เสียงของซีเรียสดึงเด็กสาวให้หลุดจากภวังค์

    “หนูรู้... แต่หนูสงสัยว่าถ้าเกิดโดนไล่ออกขึ้นมาจะเป็นยังไง” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ

    “อย่างน้อยถูกไล่ออกแล้วป้องกันตัวเองได้ก็ดีกว่านั่งปลอดภัยอยู่ในโรงเรียนแต่ไม่มีปัญญาทำอะไรเลยก็แล้วกันนะ!” ซีเรียสว่าโดยมีรอนและแฮร์รี่ทำท่าเห็นด้วยอย่างเต็มที่ เฮเลนหันหลับไปมองหน้าซีเรียสอีกครั้งหลังจากหลุดเข้าไปอยู่ในความคิดของตัวเองมาครู่หนึ่ง

    แต่อยู่ๆ ซีเรียสก็หายวับไปแล้วก็มีมือแปลกๆ โผล่ขึ้นมาแทน เด็กทั้งสี่คนสะดุ้งโหยงกระโดดขึ้นยืนและดวงตายังจ้องเขม็งไปที่กองไฟ มือหนึ่งปรากฏขึ้นท่ามกลางเปลวไฟในเตาผิงไขว่คว้าราวกับกำลังหาอะไรอยู่ นิ้วมือที่ป้อมสั้นประดับเอาไว้ด้วยแหวนเชยๆ หลายวง ทั้งหมดแยกตัวไปยืนอยู่หน้าประตูขึ้นหอของตัวเองทันที

    มือของอัมบริดจ์ยังทำท่าคว้าหาของแถวนั้นอยู่ท่ามกลางเปลวไฟราวกับรู้ว่าอะไรอยู่ตรงนั้นเมื่อไม่กี่นาทีก่อน...

    “เห็นได้ชัดเลยว่าอัมบริดจ์แอบอ่านจดหมายเธอแฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนี่ว่าพลางมองมือนั้นค่อยๆ หายไปอย่างสยดสยอง “ไม่งั้นมันคงไม่เกิดเรื่องแบบนี้หรอก”

    “คงงั้น ถ้ายัยนั่นจับเท้าปุยได้ล่ะก็...” เฮเลนต่อประโยคแฮร์รี่ก่อนเขาจะพูดจบ “คุกอัซคาบันต้องรอเขาอยู่แน่”

    หลายวันผ่านไปโดยไม่มีอะไรคืบหน้า มีเพียงข่าวดีที่แอนเจลีน่ามาบอกแฮร์รี่กับรอนว่าทีมควิดดิชได้รับการตั้งใหม่แล้ว เฮเลนมักจะขอแยกตัวออกมาจากทั้งสามบ่อยๆ โดยอ้างว่าอยากจะนั่งทำรายงานโดยไม่มีใครมารบกวน ตอนนี้แฮร์รี่กับรอนไปฝึกซ้อมควิดดิชส่วนเฮอร์ไมโอนี่ไปนั่งเชียร์รอนอยู่ข้างสนาม

    เฮเลนยังหาโอกาสพูดกับเดรโกเรื่องชวนเขาเข้ามาร่วมทัพดัมเบิลดอร์ไม่ได้ แถมช่วงนี้อารมณ์เธอยังขึ้นๆ ลงๆ ไม่อยู่กับร่องกับรอยเท่าไหร่ แฮร์รี่กับเธอเคยคุยกันเรื่องนี้มาก่อนแล้วว่าบางทีอาจจะเกิดจากความโกรธของโวลเดอมอร์ที่ทำให้ทั้งสองนั้นรู้สึกว่าตัวเองนั้นแปรปรวนอยู่ตลอดเวลา

    “วันนี้จะไปไหนเหรอ” เสียงคุ้นหูดังขึ้นด้านหลัง เฮเลนสะดุ้งหลุดออกจากความคิดเมื่อสักครู่

    “เดรโก” เด็กหนุ่มสวมเสื้อคลุมติดตราพรีเฟ็ตสะท้อนแสงแดดยามเย็นเดินเข้ามาใกล้ๆ เธอทางด้านหลัง เฮเลนหยุดเดินและยืนมองหน้าเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “ไม่รู้สิ ไม่รู้ว่าจะไปไหนดี ฉันอยากหาที่สงบสติอารมณ์ตัวเองสักหน่อยน่ะ”

    “งั้นไปกับฉันไหม” เขาว่า เฮเลนขมวดคิ้วนิดหน่อย ยังไม่ทันได้ตอบอะไรเขาก็ดึงมือเธอออกวิ่งไปตามโถงทางเดินจนกระทั่งมาถึงริมทะเลสาบ ตอนนี้ตะวันคล้อยต่ำเป็นบรรยากาศที่ดูน่ามองมากเลยทีเดียว มันคงจะดีกว่านี้มากถ้าเกิดว่าเฮเลนไม่ได้มีแต่เรื่องอัมบริดจ์หรืออะไรอื่นๆ ในหัว

    “เป็นอะไรไป เห็นทำหน้าเครียดๆ ตลอดเวลาเลย” ในที่สุดเดรโกก็เอ่ยปากถาม เด็กสาวหันไปมองดวงอาทิตย์แว้บหนึ่งก่อนจะหันหน้ากลับไปหาเขา ดวงตากลมโตสีเขียวมองจ้องเข้าไปในดวงตาสีฟ้าซีดของเขา "มีอะไรอยากจะบอกฉันไหม"

    “เยอะอยู่เหมือนกัน” เธอตอบ “นี่ -- นายเชื่อเดลี่พรอเฟ็ตไหม”

    “เกี่ยวกับอะไรล่ะ” เขาถามสวนกลับมา

    “เกี่ยวกับฉัน กับแฮร์รี่” เด็กสาวตอบ “นายคิดยังไง”

    เดรโกทำท่าคิดในขณะที่มือของเขายังกุมมือขวาของเธอแน่น เฮเลนยืนมองหน้าเขาและรอคอยคำตอบอย่างใจเย็น อย่างที่ซีเรียสเคยบอกเอาไว้ว่าบางทีเจตนาการทำให้เธอรู้สึกดีมันอาจจะไม่ได้ดีเหมือนที่เขาทำ และถ้าเธอลองหยั่งเชิงถามเขาดู คำตอบของเขาอาจจะทำให้เธอตัดสินใจได้ก็ได้

    “ไม่รู้สิ ฉันจะตอบว่าไม่เชื่อก็ไม่ได้หรอก” เขาพูดและถอนหายใจเบาๆ “แต่อย่างน้อยฉันก็คิดว่าเธอคงไม่โกหก”

    “แล้วทำไมตอนอยู่ต่อหน้าแฮร์รี่นายจะต้องทำตัวแบบนั้นด้วย” เด็กสาวถามต่อ "ทำแบบว่า -- แหย่ให้เขาโมโห อะไรทำนองนั้น"

    “ฉันไม่ชอบเขา เธอก็รู้นี่!” เดรโกทำแก้มป่องราวกับกำลังไม่พอใจ (มันเหมือนจะน่ารัก แต่ก็น่าหมั่นไส้ในเวลาเดียวกัน) "ตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกัน ฉันกับพอตเตอร์ไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลยสักอย่าง"

    “แต่เขาก็ไม่ได้ต่างจากฉันนะเดรโก” เธอพูดพลางถอนหายใจ “ถ้าเกิดว่ามีเรื่องที่ฉันกับเขาทำผิดกฎ นายจะแล่นไปฟ้องอัมบริดจ์ไหมล่ะ เพื่อให้ฉันกับแฮรรี่โดนลงโทษน่ะ”

    เดรโกเงียบไปครู่หนึ่งราวกับเขากำลังสับสน คำถามของเธอมันช่างขัดใจเขาเหลือเกินเขาอยากเห็นแฮร์รี่โดนลงโทษ แต่เขาก็ไม่อยากให้คนตรงหน้าจะต้องโดนไปด้วย เดรโกพยายามแกล้งทำเป็นเปลี่ยนเรื่องโดยการปล่อยมือออกจากมือของเด็กสาวแล้วเลื่อนไปโอบเอวของเธอเอาไว้แทน

    “เรื่องนั้นจะยังไงก็ช่างเถอะน่า...” เขาว่าพลางเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้เฮเลน เด็กสาวรู้ดีว่าจะต้องเกิดอะไรขึ้น เธอรีบยกมือซ้ายขึ้นมาใช้ปลายนิ้วทั้งสี่วางแปะลงบนริมฝีปากของเขาทันที

    “อย่าคิดจะทำแบบนั้นกับฉันอีกเดรโก” เฮเลนพูดน้ำเสียงจริงจัง “เหมือนในงานเต้นรำ”

    ประโยคนั้นทำเขาขมวดคิ้วยุ่งเลื่อนใบหน้าออกห่างจากเฮเลนในทันที แสงอาทิตย์เริ่มค่อยๆ ดับลงตามเวลาที่เลื่อนไป เด็กสาวเอามือออกเพื่อให้เขาได้ตอบในสิ่งที่เธอพูด เฮเลนมองจ้องไปในดวงตาสีฟ้าซีดของเขาอย่างไม่พอใจ ที่จริงเรื่องในวันงานเต้นรำมันค่อนข้างเรือนลางแต่เฮเลนมั่นใจว่ายังไงมันก็คงเกิดขึ้นจริงๆ 

    “ทำอะไร ฉันทำอะไร๊" เขาพูดเสียงสูงลิ่วจนน่าหมั่นไส้และดึงมือของเธอออกจากริมฝีปากของเขา

    "นายยังจะเตือนความจำฉันอยู่เลยเมื่อตอนต้นเทอม เดรโก!" เฮเลนแยกเขี้ยว เธอรู้สึกอยากใช้เล็บตะปบหน้าหล่อๆ ของเขาเสียเหลือเกิน "ถ้านายทำมันอีกตรงนี้ฉันจะสาปนายจริงๆ ด้วย"

    "ก็เธอพูดเองว่าจำไม่ได้" เขาว่า "ฉันก็ต้องเตือนความจำสิ"

    "มันใช่เหรอที่จะมาจูบฉันน่ะ!" เฮเลนแยกเขี้ยวอีกรอบ "คนเราต้องเตือนความจำกันแบบนี้เหรอ!"

    "มันก็ต้องย้ำสิ" เดรโกพูด "ย้ำความทรงจำที่เดิม จุดเดิมที่เคยสัมผัส ใช่ไหม..."

    เฮเลนดึงมือของเธอออกมาจากการจับของเขาและใช้นิ้วสองนิ้ววางแปะลงบนริมฝีปากของเขาอีกรอบหลังจากที่เดรโกเริ่มจะเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้พวงแก้มใสอีกครั้ง

    "อย่ามาตลก" เธอพูดเสียงเข้ม "เดี๋ยวก็เจอดี"

    "แค่เธออยู่ตรงนี้นี่ฉันยังไม่เจออะไรดีๆ นั่นอีกเหรอ" เขาพูด "มีอะไรที่ดีกว่านี้อีกนะ"

    "เดรโก!"

    เฮเลนแยกเขี้ยว เดรโกหัวเราะออกมาเบาๆ

    "ยังไงฉันก็ยังหวังอยู่นั่นแหละ" เขาพูดต่อ "อย่างที่ฉันเคยบอกเธอในชั่วโมงวิชาสัตว์วิเศษ ฉันยังชอบเธอแล้วก็หวังอยู่ตลอด... ฉันไม่อยากแพ้น่ะ"

    "นายชอบย้ำคำนี้ให้ฉันฟังอยู่เรื่อยเลยนะ" เฮเลนถอนหายใจเบาๆ "ไม่อยากแพ้ แต่นายจะแพ้แน่ๆ ถ้ายังทำตัวแบบเดิมใส่แฮร์รี่"

    "ฉันก็พยายามนะ แต่มันไม่ได้ผล" เขาว่าแล้วยักไหล่เบาๆ "เสียใจด้วยเรื่องนั้น"

    เฮ้อ...” เฮเลนถอนหายใจ ดวงตามองไปยังพระอาทิตย์ที่กำลังคล้อยต่ำลงเรื่อยๆ “งั้นก็ช่างมันเถอะนะ -- จริงๆ ฉันมีเรื่องหนึ่งอยากจะถาม” 

    “ว่าอะไรล่ะ" เดรโกพูด กระชับมือที่รัดเอวอยู่ให้แน่นขึ้น

    “นายจะเข้ามารวมกลุ่มกับฉันไหม ถ้าเกิดว่ามันผิดกฎ” เด็กสาวหันกลับไปมองหน้าเขา

    “ไม่รู้” เดรโกตอบ “ถ้ามีเธอ ให้ผิดกฎฉันก็จะทำ”

    คำตอบที่น่าพึงพอใจดังออกมาจากริมฝีปากบางได้รูปนั้นอย่าแผ่วเบา เฮเลนยิ้มกว้างเลื่อนมือไปจับใบหน้าของเขาให้หันมาหาเธอ เด็กสาวเขย่งตัวขึ้นประทับจูบลงบนแก้มของเขาเบาๆ เพื่อเป็นรางวัลที่คำตอบของเขาถูกใจเธอ

    "อะ -- " เดรโกอ้าปากค้างด้วยความตกใจ "ที่จริง -- "

    เฮเลนหัวเราใจลำคอเล็กน้อย เธอดันตัวเองออกจากอ้อมกอดของเขาและยิ้มกว้างๆ ให้คนตรงหน้า ใบหน้าของเขาแดงเถือกและใช้มือทั้งสองข้างกุมใบหน้าราวกับกำลังทำอะไรไม่ถูก มันช่างดูย้อนแย้งกับชายหนุ่มที่รุกเข้าหาเธอในคืนวันแรกนั้นเสียเหลือเกิน

    "แล้วเจอกันนะ" เธอพูดทิ้งท้ายและวิ่งหนีออกไปจากตรงนั้นทันที 

    หลายวันต่อมาร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์จางยืนถือไม้กายสิทธิ์อยู่ภายในห้องโถงกว้างที่เนวิลล์เป็นคนค้นพบ มันถูกเรียกว่าห้องต้องประสงค์ที่จะปรากฏขึ้นเมื่อมีผู้ต้องการใช้มัน เดรโกมองหน้าแฮร์รี่ด้วยสายตาที่ไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก เขาคิดอยู่แล้วว่าจะต้องมีแฮร์รี่ด้วย แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีนักเรียนบ้านอื่นอยู่ด้วยเต็มไปหมดขนาดนี้!

    สายตาหลายคู่ที่มองมาที่เขานั้นดูไม่ค่อยจะเป็นมิตรเอาเสียเลย ยิ่งไปกว่านั้นในสถานที่นี้มีเด็กนักเรียนสลิธีรินเพียงคนเดียวคือเขา เดรโก มัลฟอย! เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเดินผิดทางยังไงก็ไม่รู้ ในขณะที่เฮเลนนั้นยืนยิ้มแป้นราวกับมีความสุขมากมาย

    “เอาล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่เกริ่นขึ้น เธอพยายามไม่ทำให้เสียบรรยากาศโดยไม่สนใจเดรโกที่กำลังยืนพิงกระจกอยู่ที่มุมห้อง “ฉันว่าเราน่าจะเลือกตั้งผู้นำก่อนนะ”

    “แฮร์รี่ก็เป็นผู้นำแล้วไง” โชพูดขึ้นทันที เฮเลนมองใบหน้าของเธอพลางแบะปากเล็กน้อย

    เธอรู้สึกไม่ค่อยชอบใจท่าทีของโช แชงมาได้สักพักแล้ว เพราะนอกจากเหมือนโชจะตั้งใจพยายามเอาอกเอาใจแฮร์รี่ เธอก็ดูจะพยายามเรียกร้องความเห็นอกเห็นใจมากกว่าปกติเสียอีก มันช่างดูเป็นการกระทำที่... จอมปลอม เสียเหลือเกิน

    “ก็ดี” แฮร์รี่ว่าพลางกระแอมเบาๆ และมองโชด้วยสายตาเขินอาย “เราจะเริ่มฝึกกันก่อนล่ะนะ สิ่งแรกที่ฉันคิดว่าเราควรเริ่มคือ เอกซ์เปลลิอาร์มัส พวกนายคงรู้จักกันแล้วว่ามันเป็นคาถาปลดอาวุธพื้นฐาน...”

    “โถ่!” แซคคาไรอัส สมิทร้องขึ้น “ฉันไม่คิดว่าเอกซ์เปลลิอาร์มัสจะช่วยเราได้จริงๆ หรอกนะเวลาที่เราจะต้องเผชิญหน้ากับคนที่คุณก็รู้ว่าใคร หรือนายว่างั้น?”

    “แต่ฉันใช้คาถานี้สู้กับเขา” แฮร์รี่พูด ทั้งห้องเงียบเสียงไปทันที “มันช่วยชีวิตฉันไว้ตอนนั้น”

    สมิทอ้าปากหวอ ความเงียบทำให้เสียงหัวเราะเล็กๆ ของเฮเลนดังก้องไปทั่ว ในที่สุดพวกเขาก็เริ่มฝึกกันโดยที่เฮเลนจับคู่กับเดรโก ทั้งห้องเต็มไปด้วยเสียงตะโกนร่ายคาถา ในขณะที่แฮร์รี่เดินดูการใช้คาถาของคนอื่นๆ ไปทั่วห้องโดยเฉพาะเดรโกที่เขาทำได้ดีเกินคาดแต่มักจะโดนกลั่นแกล้งโดยเฟร็ดกับจอร์จอยู่ตลอดจนเฮเลนต้องหันไปดุรุ่นพี่จอมแสบให้เลิกเล่นตอนซ้อมเสียที

    การสอนของแฮร์รี่ดำเนินไปอย่างราบรื่นจนหมดชั่วโมง ซึ่งหมายความว่าพวกเขาต้องรีบกลับไปที่ห้องนั่งเล่นรวมในทันทีถ้าเกิดไม่อยากถูกฟิลซ์จับได้ แฮร์รี่ยกมือขึ้นหยุดทุกคนและบอกให้พวกเขากลับไปที่ห้องนั่งเล่นรวมและนัดเจอกันอีกครั้งในวันพุธหน้า

    "ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายมาอยู่ที่นี่ด้วย" แฮร์รี่พูดขึ้นเมื่อนักเรียนทุกคนออกไปจากห้องแล้วยกเว้นเสียแต่พวกเขา "เฮเลนทำได้จริงๆ ด้วยสินะ"

    "ให้ตายสิ" เดรโกถอนหายใจ

    "ฉันไม่คิดว่าคนอย่างนายจะเข้ามาด้วยซ้ำ" รอนพูดพร้อมกับส่งสายตาไม่เป็นมิตรมาให้เขา "เชื่อเลยว่าอีกพักนายจะต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกอัมบริดจ์ ฉันสาบานได้เลย!"

    "หุบปากน่า วีสลีย์" เดรโกแยกเขี้ยว "ถ้าฉันจะทำแบบนั้น -- ฉันทำตั้งแต่เฮเลนบอกฉันเรื่องที่นี่แล้ว"

    "พอก่อนเถอะรอน" เฮอร์ไมโอนี่ปรามรอนเมื่อเขาทำท่าจะพุ่งเข้าไปหาเดรโก "ฉันจะพยายามเชื่อใจนายนะ มัลฟอย -- หวังว่านายจะไม่ใช่พวกชอบสอดแนมขี้ฟ้องหรอกนะ"

    "เฮเลนบังคับให้ฉันเซ็นชื่อลงในกระดาษของเธอแล้ว" เดรโกเกาศีรษะอย่างขัดใจ เขามองเฮเลนด้วยสายตาหงุดหงิด เขาคงไม่พอใจที่จะต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ แต่ว่าเฮเลนก็พอจะเข้าใจเขาอยู่ว่าทำไม "ถ้าฉันเอาไปบอกคนอื่นฉันก็ถูกสาป -- ฉันจะทำไปทำไม"

    ทุกคนเงียบอย่างใช้ความคิด เฮเลนค่อนข้างมั่นใจว่าเเฮร์รี่ต้องเข้าใจเธอมากที่สุด -- ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้น

    "เอาล่ะ ฉันเข้าใจแล้ว" ในที่สุดแฮร์รี่ก็พูดขึ้นมาทำลายความเงียบ "นายจะต้องอยู่ฝึกกันเรา -- มาตามนัดให้ครบทุกครั้ง แล้วก็... ฝากดูแลยัยน้องตัวแสบของฉันด้วยล่ะ"

    แฮร์รี่เลื่อนมือไปขยี้ผมน้องเฮเลนของตัวเองเบาๆ อย่างเอ็นดู แต่มันทำให้เฮเลนรู้สึกไม่ชอบใจเลยเพราะมันทำให้เธอต้องจัดทรงผมใหม่ทุกรอบ 

    เอาล่ะ ฉันจะไปที่ห้องนั่งเล่นก่อน แล้วเจอกัน” แฮร์รี่ว่าแล้วเดินผ่านทั้งสองคนออกไปตามด้วยเฮอร์ไมโอนี่และรอนที่เดินตามแฮร์รี่ไปแต่ก็ยังคงไม่วายมองเดรโกด้วยสายตาไม่ไว้ใจ ราวกับว่ายังคงระแวงแม้ว่าจะลงชื่อสัญญาไปแล้ว

    "ขอโทษทีนะ" เฮเลนพูดเสียงแผ่ว เลื่อนมือไปกุมมือของเดรโกเบาๆ "ฉันไม่คิดว่าพวกเขาจะพุ่งเข้ามาแบบนี้เลย"

    "ไม่เป็นไรหรอก" เดรโกตอบ "ฉันก็แค่รู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อย -- บางทีคนเราก็เบื่อที่จะต้องมาเป็นคนตอบคำถามเท่านั้นเอง"

    แล้วเดรโกก็เดินไปยังหน้ากระจกบานใหญ่ที่ตั้งอยู่ในห้อง เขามองไปยังรูปของเชตริก ดิกกอรี่เลื่อนขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงรูปภาพผู้ก่อตั้งกองกำลังภาคีนกฟินิกซ์ ดวงตาคมสีฟ้าอ่อนมองจ้องไปยังอาจารย์คนหนึ่งในรูปรวมซึ่งเขาก็ไม่คิดว่าคนๆ นั้นจะยืนรวมอยู่ในรูปใบนี้ด้วย

    เซเวอรัส สเนป

    ทำไมทุกคนถึงได้ต่อต้านอำนาจมืด ฉันไม่คิดว่าพวกมักเกิ้ลเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าเก็บไว้เลยสักนิด” เดรโกพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดเล็กน้อย “ฉันก็ยังสงสัยอยู่ว่าทำไมพวกเราถึงต้องหลบซ่อนตัว ทั้งที่พวกเรามีอำนาจมากกว่าพวกมัน

    ประโยคนั้นทำให้เฮเลนสะดุ้ง ร่างบางเดินเข้าไปหาเขาตรงหน้ากระจก เฮเลนมีส่วนสูงเลยไหล่ของเดรโกมาไม่น่าเกินสิบเซนติเมตรทำให้ดูเหมือนว่าเธอเป็นรุ่นน้องของเขามากว่าคนที่เรียนในรุ่นเดียวกัน...

    คงจะเป็นเพราะจำนวนของพวกเขามากกว่าเราเฮเลนพูดเสียงเบา พยายามไม่คิดถึงเรื่องก่อนที่จะเข้ามาอยู่ในโลกนี้ "หรืออาจจะเพราะว่าพวกเขานั้นมีอะไรบางอย่างที่แข็งแกร่ง"

    จำนวนไม่ใช่ปัญหา แถมจริงๆ เวทมนตร์ของพวกเราก็แข็งแกร่งกว่า" เดรโกพูด "เรามีเหตุผลอะไรที่ต้องปกป้องพวกมัน

    ก็เพราะเราแข็งแกร่งกว่าไงเดรโก" เฮเลนว่าแล้วจับมือของเขาแน่นขึ้น "เราถึงต้องปกป้องพวกเขา มันเป็นธรรมชาติไม่ใช่เหรอ

    ธรรมชาติคือผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะอยู่รอดต่างหาก!

    ตระกูลมัลฟอยสอนอะไรให้กับนายเนี่ย” เฮเลนหรี่ตามองหน้าเดรโกด้วยสายตาหนักใจ เดรโกมองตอบอย่างสงสัย สิ่งที่เขาได้รับรู้มาตั้งแต่เกิดก็คือการที่เขาได้เกิดมาในตระกูลยิ่งใหญ่คือสิ่งที่อยู่เหนือทุกอย่าง โดยเฉพาะเขาที่เป็นเลือดบริสุทธิ์แล้วด้วย

    พ่อบอกฉันว่า เลือดบริสุทธิ์เท่านั้นที่มีสิทธิ์ที่จะได้เรียนเวทมนตร์คาถา เพราะพวกเรามีความพิเศษเหนือคนอื่น

    แต่ในตอนนี้ไม่ว่าใครก็เป็นเลือดผสมกันทั้งนั้น... แม้กระทั่งฉัน” เฮเลนพูดเสียงอ่อยโดยที่ดวงตากลมยังคงมองไปยังภาพสะท้อนของตัวเองในกระจก คำพูดของเดรโกยิ่งทำให้เธอคิดไม่ตกมากขึ้นไปอีก ถ้าหากว่าเขารู้ความจริงว่าเธอเป็นเพียงคนธรรมดาที่อยู่ๆ ก็มาที่นี่ แถมตัวจริงของเธอก็ไม่ได้มีเวทมนตร์... เป็นแค่มักเกิ้ลที่เขาไม่คิดแม้แต่จะปกป้องหรือรักษาเลยแม้แต่นิด

    เขาจะยังอยาก ที่จะโอบกอดเธออยู่อีกหรือไม่นะ...

    ยกเว้นเธอสิยัยบื้อ” เดรโกพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง แขนซ้ายเลื่อนขึ้นมาโอบไหล่ของคนตัวเล็กเอาไว้แล้วดึงให้เข้ามาใกล้ เจ้าของดวงตากลมสีเขียวเหลือบมองเสี้ยวหน้าของร่างสูงพลางเอนตัวตามแรงดึงของเขาไป ความเงียบเข้าปกคลุมทั้งสองคน ไม่มีใครเอ่ยอะไรต่อนับจากนั้น

    ร่างสูงโน้มกายลงพลางใช้มือขวาประคองใบหน้าเรียวของเฮเลนขึ้นมา ดวงตาของทั้งสองประสานเข้าหากันราวกับว่ามันกำลังดึงดูดให้สองร่างขยับเข้าหากันเรื่อยๆ ริมฝีปากบางประทับจูบลงบนหน้าผากของเฮเลนเบาๆ ไม่มีอะไรที่สามารถสื่อความรู้สึกของเขาได้มากกว่าสิ่งนี้อีกแล้ว

    ฉันไม่รู้ว่าอะไรทำให้ฉันเลือกเธอ... ฉันไม่รู้ว่าทำไมต้องเป็นเธอเขาพูด “แต่มันเป็นไปแล้ว

    ดวงตาที่สอดประสานดึงให้ทั้งสองคนเลื่อนใบหน้าเข้าหากันอย่างช้าๆ จนในที่สุดริมฝีปากก็สัมผัสกัน รสหวานและอบอุ่นถูกส่งผ่านปลายลิ้นเข้าไป ทั้งความรู้สึกและการเติมเต็มความต้องการของคนสองคนทำให้เรื่องราวที่กำลังจะเกิดต่อจากนี้เปลี่ยนแปลงไป...

    ตลอดกาล

    ติดตามตอนต่อไป...

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×