คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : บทที่ 11 : กองทัพดัมเบิลดอร์ (Re.03)
Re-write : 17/08/60
Re-write 2 : 22/09/61
Re-write 3 : 16/06/64
บทที่
11 : กองทัพดัมเบิลดอร์
เช้าวันรุ่งขึ้นเฮอร์ไมโอนี่ปลุกเธอให้ตื่นขึ้นแต่เช้า
เฮเลนนอนจมอยู่กับเตียงสักครู่ก่อนจะลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้า
เสียงนกร้องจ้อกแจ้กดังแว่วมาแต่ไกล
เธอรีบหยิบปากกาขนนกและกระดาษตามเฮอร์ไมโอนี่ลงไปที่ห้องนั่งเล่นรวมเพื่อทำรายงานวิชาอื่นๆ
ที่ต้องส่งในสัปดาห์ถัดไป ไม่กี่นาทีรอนก็เดินตามลงมา
ทั้งสามคนตัดสินใจไปที่ห้องโถงเพราะไม่รู้ว่าแฮร์รี่หายไปไหนตั้งแต่เช้า
ในระหว่างที่นั่งทานอาหารกันอยู่ได้สักพัก แฮร์รี่ก็ปรากฏตัวขึ้น
“อรุณสวัสดิ์”
เขาทักทายอย่างสดชื่นแจ่มใสแปลกกว่าทุกวัน
“ดีใจที่เมื่อคืนนอนเต็มอิ่มเหรอ”
เฮเลนว่า
“ใช่ที่ไหนล่ะ”
แฮร์รี่ขมวดคิ้วยุ่ง ตอบด้วยท่าทางฉุนเล็กน้อย เขาดึงจานเบคอนเข้ามาหาตัว
“แค่ดีใจที่จะได้เล่นควิดดิชแค่นั้นแหละ”
“อ้อ... ใช่”
รอนว่า เขาวางขนมปังปิ้งที่กินไปแล้วครึ่งแผ่นและจิบน้ำฟักทองอึกใหญ่ “ฟังนะ...
นายคงไม่อยากไปกับฉันข้างนอกก่อนหรอกมั้ง แค่ไป – เอ่อ –
ช่วยฉันซ้อมมือสักหน่อยก่อนการฝึกได้ไหม เผื่อว่าฉันจะได้เล่นคล่องๆ หน่อยน่ะ”
“แน่นอน
ได้สิ” แฮร์รี่ตอบ
“ฟังนะ
ฉันไม่คิดว่าพวกเธอควรทำหรอก” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงเคร่งเครียด
“เธอสองคนมีการบ้านค้างอยู่ตั้งเยอะ – ”
แต่เธอหยุดพูดกลางคัน
ไปรษณีย์ตอนเช้ามาถึงแล้ว และเช่นเคย หนังสือพิมพ์เดลี่พรอเฟ็ตเหาะลงมาหาเธอในจะงอยปากของนกฮูกสีน้ำตาลแดงตัวเล็กและยื่นขาให้เฮอร์ไมโอนี่ยัดเงินคนุตส์ใส่ในถุงหนังของมันเพื่อเป็นค่าหนังสือพิมพ์
เธอกวาดสายตาดูอย่างพินิจพิจารณาในขณะที่นกฮูกบินจากไป
“มีอะไรน่าสนใจไหม”
รอนถาม แฮร์รี่และเฮเลนหันไปมองหน้ากันเล็กน้อย
รู้ว่ารอนต้องการกันเฮอร์ไมโอนี่ออกไปจากหัวข้อการบ้าน
“ไม่มี”
เธอถอนหายใจ “มีแค่เรื่องคนเล่นเบสของวงเดอะเวียร์ดซิสเตอร์จะแต่งงาน”
เฮอร์ไมโอนี่หายไปหลังหนังสือพิมพ์ในขณะที่เฮเลนตักไข่ดาวและเบคอนมาใส่จานตัวเองและใช้เวลากับมันอย่างครุ่นคิด
ในหัวไม่อาจละเรื่องของเดรโกไปได้ ถึงแม้ว่าจะแทบไม่ได้เจอเขาเลยก็ตาม
“เฮ้ ดูนี่”
แฮร์รี่ชี้ไปที่ด้านหลังหนังสือพิมพ์
ฝั่งที่ไม่ใช่ข่าวการแต่งงานของวงเดอะเวียร์ดซิสเตอร์
ข่าวที่ว่ามีเนื้อหาไม่เกินหนึ่งนิ้วและวางไว้ใต้สุดของเนื้อข่าวราวกับว่าไม่อยากให้ใครสังเกตเห็น
พาดหัวว่า
การบุกรุกที่กระทรวง
เนื้อข่าวพูดถึงสเดอร์จิส
พอตมอร์ที่พยายามบุกรุกเข้าไปในประตูบานหนึ่งในกระทรวง
“สดอร์จิส
พอตมอร์เหรอ” รอนเอ่ยขึ้นช้าๆ “เขาเป็นคนหนึ่งในภา – ”
“รอน!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องห้าม
มองไปรอบตัวอย่างหวาดหวั่น
“หกเดือนในอัซคาบัน”
แฮร์รี่กระซิบ “แค่จะพยายามเข้าประตูน่ะเหรอ”
“อย่าโง่ไปหน่อยเลย
มันไม่ใช่แค่พยายามจะผ่านประตูเข้าไปหรอก เขาไปทำอะไรที่กระทรวงตอนตีหนึ่งล่ะ”
เฮอร์ไมโอนี่กระซิบ
“พวกเธอคงน่าจะเข้าใจใช่ไหม”
เฮเลนพูด “มันจะต้องมีอะไรหลังประตูนั่นแน่ๆ”
“พวกเธอคิดว่าเขากำลังทำงานอะไรให้ภาคีงั้นเหรอ”
รอนพึมพำ
“เดี๋ยวก่อน...”
แฮร์รี่พูดช้าๆ “สเดอร์จิสต้องมาพาพวกเราไปส่ง จำได้ใช่ไหมเฮเลน”
“ใช่ ที่นายบอกว่าโวลเดอมอร์คงไม่โผล่ออกมาจากถังขยะสถานีนั่นน่ะ”
เฮเลนยักไหล่
รอนและเฮอร์ไมโอนี่หลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย
“เขาต้องเป็นหนึ่งในคณะผู้คุ้มกันที่จะไปสถานีคิงส์ครอส”
แฮร์รี่พูดต่อ “แล้ววันนั้นมู้ดดี้ยัวะใหญ่เลยที่เขาไม่โผล่มา
เพราะฉะนั้นเขาไม่ได้ไปทำงานให้ภาคีหรอก ไม่ใช่แน่ๆ”
เฮอร์ไมโอนี่พับหนังสือพิมพ์ลงอย่างครุ่นคิด
เฮเลนจิ้มเบคอนเข้าปากอีกคำในขณะที่แฮร์รี่วางมีดและส้อมลง
“เอาล่ะ
ฉันคิดว่าเราต้องจัดการเรียงความของศาสตราจารย์สเปราต์เรื่องพุ่มไม้ให้ปุ๋ยเองได้ก่อน
แล้วถ้าเราโชคดีล่ะก็เราอาจจะเริ่มคาถาเนรมิตของไม่มีชีวิตของศาสตราจารย์มักกอนนากัลได้ก่อนอาหารกลางวัน...”
ท้องฟ้าวันนี้ปลอดโปร่งเป็นสีน้ำเงินสดใสทำให้จิตใจเบิกบาน
เฮเลนเริ่มรู้สึกว่ามีกำลังใจที่จะเปลี่ยนแปลงเรื่องราวนี้ขึ้นมาอีกหน่อยแล้วสิ
“การลงโทษนักเรียนของเรา”
เสียงของใครบางคนดังขึ้นที่หน้าประตูห้องโถง
เท้าของเฮเลนที่กำลังจะก้าวตามแฮร์รี่ไปที่สนามควิดดิชชะงักทันที
“ฉันคิดว่าคุณควรทำตามกฎที่มีนะโดโรเรส”
“ฉันอาจจะดูโง่นะมินอร์ว่า”
อีกเสียงหนึ่งตอบอย่างเหยียดๆ
“แต่ดูเหมือนคุณกำลังตั้งข้อสงสัยกับสิทธิในห้องเรียนของฉันนะคะ”
“เปล่าเลย
เรื่องการลงโทษนักเรียนแบทารุณมากกว่า”
เจ้าของเสียงทั้งสองกำลังถกกันเรื่องการทำโทษนักเรียนที่ไม่สมควรอยู่ที่ทางขึ้นบันไดหอคอย
ศาสตราจารย์มักกอนนากัลและอัมบริดจ์กำลังจ้องหน้ากันด้วยสายตาขัดเคืองดูท่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่ค่อยจะดีนัก
“ฉันเสียใจนะคะมินอร์ว่า
แต่การสงสัยฉันก็เท่ากับว่าคุณกำลังสงสัยกระทรวง!”
นักเรียนจากห้องโถงใหญ่จะเดินออกมาจากห้องเพื่อมุงดูเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น
“ตัวฉันน่ะ
มันคนใจกว้าง แต่มีเรื่องหนึ่งที่ฉันไม่ยอมก็คือเรื่องความไม่ซื่อสัตย์!”
อัมบริดจ์ขึ้นเสียงนั่นทำให้ศาสตราจาร์มักกอนนากัลเงียบเสียงลงไป
อัมบริดจ์ก้าวขึ้นบันไดไปอีกขั้นก่อนจะพูดด้วยเสียงอันดัง
“มาตรฐานของฮอกวอตส์ตกต่ำลงไปมาก! คอร์นีเลียสควรจะต้องจัดการโดยทันที!”
สิ้นเสียงประกาศนั้นทำให้รู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่าลงมากลางโรงเรียน
เรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปหลังจากนี้เป็นเรื่องที่เฮเลนไม่อยากเจอเอาเสียเลย
ถึงจะรู้อยู่แล้วว่ามันจะเป็นยังไงต่อไปก็เถอะ
หลังจากนั้นไม่นาน
โดโรเรส อัมบริดจ์ก็ถูกแต่งตั้งเป็นเจ้าหน้าที่สอบสวนใหญ่ของฮอกวอตส์! เรื่องนี้ทำเอาเฮลนและแฮร์รี่ปวดหัวไปตามๆ
กัน คอร์นีเลียส ฟัดจ์
นายกรัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์ก็เห็นดีเห็นงามกับอัมบริดจ์ไปเสียทุกเรื่อง
ทำให้ฮอกวอตส์ตกอยู่ภายใต้อำนาจของอัมบริดจ์และมีข้อห้ามมากมายในโรงเรียน
การเรียนการสอนในชั้นเรียนของโดโรเรสนั้น
เธอมักสอนเกี่ยวกับเรื่องในกระทรวงเวทมนตร์ ทำให้เกิดความเบื่อหน่ายแก่นักเรียน
ที่หวังจะได้เรียนการรับมือและการป้องกันตัวด้วยการปฏิบัติจริง
เธอมักให้เด็กนักเรียนเรียนทฤษฎีจากหนังสือ เนื่องจากเธอเชื่อว่า
การเรียนการป้องกันตัวจากศาสตร์มืดจากทฤษฏีนั้น เพียงพอแล้ว ซึ่งนักเรียนหลายคนก็ไม่ได้เห็นด้วยกับความคิดนี้
แต่ได้แต่เงียบและทนฟัง เพราะกลัวการลงโทษของโดโรเรส
“นี่หล่อนคิดว่าตัวเองเป็นอาจารย์ใหญ่งั้นรึไงกัน!”
เฮเลนพูดอย่างเหลืออดหลังจากที่เรื่องสนุกสนานทั้งหมดที่เคยมีโดนอัมบริดจ์สั่งห้ามเอาไว้ทั้งหมดมาเกือบเดือนมันทำให้เฮเลนรู้สึกหงุดหงิดและไม่อาจทำตามแผนที่วางเอาไว้ได้ดั่งใจนึก
“ยัยแม่มดแก่น่าเกลียด! เราไม่ได้เรียนรู้การป้องกันตัวเอง
เราไม่ได้เรียนรู้การสอบผ่าน ว.พ.ร.ส.!” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางมองเข้าไปในกองไฟที่เตาผิง เด็กสาวผมฟูถอนหายใจพลางกอดอกด้วยท่าทางหงุดหงิดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “เธอกำลังควบคุมทุกอย่างในโรงเรียน!”
ตอนนี้แฮร์รี่
เฮเลน
รอนและเฮอร์ไมโอนี่กำลังนั่งคุยกันอยู่ในห้องนั่งเล่นเพียงสี่คนหลังจากที่พวกเพื่อร่วมบ้านออกไปพักผ่อนกันข้างนอก
ความปลอดภัย
ยังคงเป็นความสำคัญอันดับต้นๆ ของกระทรวง
เสียงวิทยุที่เปิดทิ้งไว้ดังขึ้นมา
แฮร์รี่ที่นั่งอยู่ใกล้ที่สุดเอื้อมมือไปหมุนปุ่มเพิ่มเสียงให้มันดังขึ้นเพื่อให้ทั้งสี่คนได้ฟังสิ่งที่ฟัดจ์กำลังแถลงข่าวในตอนนี้
นอกจากนี้เรายังมีหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่า
การหายตัวไปของเจ้าหน้าที่ในกระทรวงเป็นการกระทำของฆาตกรโฉด ซีเรียส แบล็ก
เราจะทำทุกทาง เพื่อติดตามและตามหา...
ในขณะที่กำลังฟังสิ่งที่ฟัดจ์พูด
เสียงเรียกจากใครบางคนก็ดังขึ้นหน้าเตาผิง
เด็กทั้งสี่คนหันควับไปทางต้นเสียงที่เตาผิงในทันที
ครุกแชงก์ที่นั่งมองกองไฟอยู่นั้นทำท่าเหมือนจะเอามือตะปบลงในไฟทำให้เฮอร์ไมโอนี่รีบวิ่งไปอุ้มมันขึ้นมาพร้อมกับแฮร์รี่
เฮเลนและรอนที่เดินเข้าไปใกล้กับเตาผิงมากขึ้น
“ซีเรียส!”
ภายในกองไฟที่กำลังไหม้อยู่ปรากฏใบหน้าของพ่อทูนหัวของสองแฝด
ซีเรียส แบล็กที่เพิ่งถูกฟัดจ์กล่าวให้ร้ายอยู่ในข่าวเมื่อสักครู่
เด็กทั้งสี่คนรีบเข้ามาล้อมรอบเตาผิงในทันที
“คุณมาทำอะไร”
“ก็มาหาเธอไง! เธอบอกฉันว่าเธอสงสัยเรื่องอัมบริดจ์
หล่อนทำอะไร ฝึกให้ฆ่าพวกครึ่งพันธ์เหรอ”
เฮเลนแอบสงสัยนิดหน่อยว่าแฮร์รี่ส่งจดหมายถามไถ่ซีเรียสตั้งแต่ตอนไหน
“เธอไม่เห็นพูดสักคำว่าเขียนจดหมายส่งให้ซีเรียส!” เธอไมโอนี่หันไปจ้องแฮร์รี่ตาเขม็ง
“ฉันลืม”
แฮร์รี่ตอบ จริงๆ แล้วตอนนั้นเขาได้พบกับโชที่โรงนกฮูก ก็เลยทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ควรจะพูดหายไปหมด
“อย่ามองฉันแบบนั้นเฮอร์ไมโอนี่
รับรองไม่มีทางที่ใครจะแกะสลักข้อมูลจากจดหมายนั้นได้หรอก”
“ซีเรียส
เธอไม่ให้พวกเราใช้คาถาอะไรเลย” เขาพูดต่อโดยไม่สนใจเฮอร์ไมโอนี่
“ฉันไม่แปลกใจเลย
ฉันรู้จักยัยคนนี้จากชื่อเสียงที่ลือกระฉ่อนแต่ฉันมั่นใจว่าเธอยังไม่ใช่ผู้เสพความตาย...”
“เขาร้ายกาจพอที่จะเป็นเลย”
แฮร์รี่ตอบเสียงเข้มหันไปสบตากับเฮเลนอย่างรู้กัน
“เข้าใจล่ะ”
ซีเรียสตอบ “ข่าวกรองล่าสุดก็คือฟัดจ์ไม่อยากให้เธอฝึกเพื่อต่อสู้”
“ทำไม
เพราะอะไรกัน?” เฮเลนเอ่ยถามขัดขึ้น
“เขาคิดะไร? คิดว่าเราจะตั้งกองทัพพ่อมดรึไง”
ตามด้วยรอนที่ทำสีหน้าเบื่อๆ
“นั่นแหละที่เขาคิด
ว่าดัมเบิลดอร์กำลังรวบรวมกองกำลังของเขาเพื่อเข้ายึดกระทรวง”
ซีเรียสสูดลมหายใจเข้าปอดนิดหน่อยก่อนจะเอ่ยต่อ “ยิ่งนับวันเขายิ่งระแวงมากขึ้นเรื่อยๆ
เลยเชียวล่ะ”
“คนอื่นๆ
คงไม่อยากให้ฉันบอกพวกเธอหรอก แต่อะไรๆ ก็ยิ่งเลวร้ายลงเรื่อยๆ
ในกระทรวงฟัดจ์ก็พยายามปิดกั้นความจริงเอาไว้ทุกวิถีทาง
การหายตัวไปเคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง”ซีเรียสหยุดพูดไปราวกับกำลังชั่งใจ
แต่สุดท้ายเขาก็เอ่ยต่อ “โวลเดอมอร์กำลังเคลื่อนไหว”
“แล้วเราจะทำอะไรได้”
แฮร์รี่เอ่ยถามต่อ
แต่ว่าซีเรียสได้ยินเสียงจากภายในฐานภาคีและรู้สึกเหมือนกับว่ามีใครบางคนกำลังเข้ามาในฐาน
เขาจึงเลี่ยงที่จะตอบคำถามของแฮร์รี่และหันไปทางเฮเลนแทน
“ฉันคงต้องไปแล้ว
ฉันได้ยินเสียงครีเชอร์กำลังลงบันไดมา” ซีเรียสพูด “เฮเลน
เรื่องข่าวของพวกมัลฟอยเธอจำเป็นต้องระวังตัวให้ดี
สิ่งที่เดรโกกำลังทำอยู่อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เขาแสดงออกก็ได้
ขอโทษที่ฉันช่วยมากกว่านี้ไม่ได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนพวกเธอจะต้องดูแลตัวเอง”
พูดจบใบหน้าของซีเรียสก็หายไปพร้อมกับไฟในเตาผิงที่ค่อยๆ
ดับวูบลง เฮอร์ไมโอนี่ปล่อยครุกแชงก์ลงกับพื้น เจ้าขนฟูวิ่งหายเข้าไปทางหอหญิง
เด็กสาวผมฟูถอนหายใจพลางหันมองไปทางหน้าต่างบานใหญ่ของห้องนั่งเล่น
ตอนนี้ภายนอกกำลังมีฝนตกลงมาค่อนข้างหนักและมีเสียงฟ้าผ่าดังเป็นระลอก
การเรียนการสอนเริ่มขึ้นอีกครั้งหลังจากหมดช่วงวันหยุดที่ทุ่มเทให้กับการบ้าน
เฮเลนยังคงไม่เจอกับเดรโกอีกเช่นเคย
แฮร์รี่บอกว่าเขาไปกวนประสาทรอนตอนเล่นควิดดิชเมื่อวันเสาร์
พวกเขาเดินเข้าไปเรียนวิชาประวัติศาสตร์เวทมนตร์ซึ่งยังคงน่าเบื่อเหมือนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
แต่อัมบริดจ์ไม่ได้มาตรวจชั้นเรียนประวัติศาสตร์และเธอก็ไม่ได้อยู่ในคุกใต้ดินของสเนปด้วย
เฮเลนอยู่ในขั้นวิกฤติที่ต้องปรุงน้ำยาเสริมกำลัง
กว่าเธอจะทำให้มันกลายเป็นสีฟ้าสดใสตามที่หนังสือบอกได้เส้นผมบนหัวก็แทบจะฟูยุ่งไม่เป็นทรง
อย่างน้อยเธอก็คิดว่ายังดีที่มันไม่ได้เป็นสีชมพูเหมือนเนวิลล์ เฮเลนเอาขวดก้นโป่งที่ใส่น้ำยาไปวางบนโต๊ะทำงานของสเนปพร้อมๆ
กับแฮร์รี่เมื่อปลายชั่วโมงด้วยความรู้สึกโล่งใจแปลกๆ
นอกจากนั้นการบ้านที่ได้รับแจกกลับคืนยังมีตัวอักษร 'พ' ตัวใหญ่เท่าบ้านเขียนเอาไว้ด้วย
หลังจากทานอาหารกลางวัน
พวกเขาก็ต้องขึ้นเรียนวิชาพยากรณ์ศาสตร์ เฮเลนดึงสมุดความฝันที่บางวันก็ไม่ได้เขียนออกมา
บางวันเธอก็ไม่ได้ฝันและบางวันเธอก็ฝันถึงเรื่องเดิมๆ คือโลกเดิมของเธอ
โรงเรียนและห้องสมุด
ตอนนี้ทั้งชั้นพูดคุยกันอย่างเริงร่าเพื่อรอศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์เข้าสอน
แต่พออัมบริดจ์โผล่ขึ้นมาจากประตูกลที่พื้นห้อง เสียงทั้งชั้นก็เงียบกริบไปในทันที
“วันนี้เราจะเรียนเรื่องความฝันที่เป็นลางต่อนะ”
ศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์บอก
“กรุณาจับคู่แล้วตีความการเห็นความฝันครั้งล่าสุดของพวกเธอโดยใช้หนังสือเทพยากรณ์ช่วยนะ...
และฉันหวังเป็นอย่างสูงที่นักเรียนดีเด่นของห้องเราจะทำได้ดีในวิชานี้”
ศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์หันมาทางเฮเลน
เธอสะดุ้งเล็กน้อยและพยายามสนใจเฮอร์ไมโอนี่มากกว่าคนที่สอนและอาจารย์ที่แอบไปหลบอยู่ในมุมมืดของห้องอย่างอัมบริดจ์
เธอและเฮอร์ไมโอนี่มีความเชื่อมั่นในวิชานี้ต่างกันโดยสิ้นเชิง
เฮอร์ไมโอนี่เกลียดการพยากรณ์ซึ่งเฮเลนกลับชอบมันได้อย่างไม่น่าเชื่อ
หลายครั้งที่เข้าเรียนวิชานี้แล้วศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์บอกว่าเธอมีดวงตาพยากรณ์ที่ตกทอดมาทางสายเลือด
ซึ่งแฮร์รี่และเฮเลนก็ได้แต่มองหน้ากันแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะมันคงเป็นไปไม่ได้แน่ๆ
อัมบริดจ์ยืนอยู่ห่างออกไปสักสองสามฟุต
จดโน้ตลงบนแผ่นคลิปบอร์ดและเมื่อเสียงระฆังตี
เธอเป็นคนแรกที่ก้าวลงบันไดไปปละคอยอยู่จนพวกนักเรียนไปถึงชั้นเรียนป้องกันตัวจากศาสตร์มืดในอีกสิบนาทีต่อมา
เธอกำลังฮัมเพลงและยิ้มกับตัวเองเมื่อนักเรียนเดินเข้ามาในห้อง
เธอสั่งให้พวกเขาเปิดหนังสือและอ่านกันไปอย่างเงียบๆ โดยไม่พูดคุยกัน
แต่แล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็ยกมือขึ้น
“อะไรล่ะ
คุณเกรนเจอร์”
“หนูอ่านบทที่สี่แล้วค่ะ”
เฮอร์ไมโอนี่ตอบ
“งั้นก็อ่านบทต่อไปต่อสิจ๊ะ”
“หนูอ่านจบทั้งเล่มแล้วค่ะ”
ศาสตราจารย์อัมบริดจ์กะพริบตาแต่ก็ตั้งตัวได้ในทันที
“แหม ดีล่ะ
ถ้างั้นเธอคงบอกฉันได้สิว่าสลิงก์ฮาร์ดพูดอย่างไรเกี่ยวกับคาถาต้านคำสาปในบทที่สิบห้า”
“เขาบอกว่าคาถาต้านคำสาปนั้นตั้งชื่อเรียกอย่างไม่เหมาะสมค่ะ”
เฮอร์ไมโอนี่ตอบทันที “เขาบอกว่า ‘คาถาต้านคำสาป’ นั้นเป็นชื่อที่คนใช้เรียกคำสาปต่างๆ
เวลาต้องการให้คำสาปเหล่านั้นฟังดูเป็นที่ยอรับได้ค่ะ”
อัมบริดจ์เลิกคิ้ว
ดูท่าเธอจะรู้สึกประทับใจแม้ว่าจะไม่เต็มใจนักก็ตาม
หลังจากจบการเรียน
พวกเขานั่งรวมกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่นในหอกริฟฟินดอร์
และรอให้พวกนักเรียนขึ้นไปนอนกันหมดก่อนจึงจะเริ่มพูดคุยกัน
“ยัยอัมบริดจ์เป็นผู้หญิงที่น่ากลัว”
เฮอร์ไมโอนี่เริ่มต้นด้วยน้ำเสียงเบื่อๆ “น่ากลัวจริงๆ เธอรู้ไหม
เราน่าจะทำอะไรบ้างกับยัยคนนี้นะ”
“ฉันเสนอให้ใช้ยาพิษ”
รอนบอกหน้ามุ่ย
“ฉันหมายความว่า
เขาเป็นครูที่แย่มากต่างหาก แล้วเราจะไม่ได้เรียนอะไรจากเขาเลย”
เฮอร์ไมโอนี่ชี้แจง
“แล้วเราทำอะไรได้ล่ะ”
เฮเลนถาม “เถียงไปก็โดนกักบริเวณแล้วก็ไปโดนเฉือนหลังมืออีก”
“มันสายไปแล้วเฮอร์ไมโอนี่”
รอนหาว “ยัยนั่นได้ตำแหน่งแล้ว ก็คงอยู่ต่อไปอีกนาน ฉันว่าฟัดจ์ต้องทำให้แน่ใจว่าจะเป็นอย่างนั้นแน่ๆ”
“คือ...”
เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงหยั่งเชิง “ฉันคิดว่าบางที – เราถึงเวลาแล้วที่เราจะต้อง –
ต้องทำของเรากันเอง”
“เธอต้องการเรียนการป้องกันตัวจากศาสตร์มืดด้วยตัวเองใช่ไหมล่ะ”
เฮเลนพูดขึ้นมา ทำเอาเฮอร์ไมโอนี่ถอยหลังพรวดไปติดกับเบาะนั่งอย่างตกใจ
“แต่ว่าเธอคิดว่าใครจะมาสอนเรา – และเธอก็รู้ – เธอหวังให้แฮร์รี่สอนใช่ไหมล่ะ”
“ทำไมเธอถึงรู้ความคิดฉัน
เฮเลน!” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง
“ฉันยังไม่ได้พูดออกมาสักคำ”
“คิดเสียว่าฉันทำนายจากฝันก็แล้วกัน”
เฮเลนบอกเสียงเรียบ
เฮอร์ไมโอนี่ผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ
แล้วหันไปทางแฮร์รี่ “เธอช่วยคิดเรื่องนี้หน่อยนะ แฮร์รี่”
แฮร์รี่ไม่ตอบ
เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นยืน
“งั้นฉันจะขึ้นไปนอนล่ะ”
เฮอร์ไมโอนี่บอก “ไปเถอะเฮเลน”
เฮเลนพยักหน้าแล้วเดินตามเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นหอนอนไปเงียบๆ
โดยไม่ได้พูดเรื่องของเดรโกที่ตั้งใจว่าจะพูดออกไปเลย
ปลายเดือนกันยายน
ลมแรงพัดผ่านโรงเรียนฮอกวอตส์
เด็กทั้งสี่นั่งอยู่ในห้องสมุดค้นคว้าเรื่องน้ำยาต่างๆ ที่สเนปสั่ง
โดยรอนนั่งหัวหมุนอยู่กับหลายวิชาที่เขารู้สึกว่าเขาทำแทบไม่ได้เลยถ้าเกิดว่าต้องสอบ
ว.พ.ร.ส. เฮเลนต้องขอบคุณสมองนี้ที่สามารถจดจำอะไรหลายๆ
อย่างได้โดยที่ไม่ต้องใช้เวลามากมายนัก
“ฉันสงสัย”
อยู่ๆ เฮอร์ไมโอนี่ก็เอ่ยขึ้นมา
“เธอคิดเรื่องวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดบ้างรึเปล่าแฮร์รี่”
“แน่นอนสิ”
แฮร์รี่ตอบเสียงขุ่น “จะลืมไปได้ยังไง จริงไหม?”
“แล้วตกลงเธอจะสอนเรารึเปล่า”
เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้วใส่เขา แฮร์รี่ไม่ตอบ
เขาแกล้งทำเป็นสนใจเนื้อความในหนังสือเสียมากกว่า
เพราะเขาไม่ต้องการพูดอะไรให้มากไปกว่านี้ เฮเลนมองหน้าเฮอร์ไมโอนี่
รอนและแฮร์รี่สลับกันไปมา เรื่องมันค้างคามาจากวันที่ซีเรียสติดต่อมาวันนั้น
เฮอร์ไมโอนี่พยายามขอให้แฮร์รี่กลายเป็นคนสอนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด
และดูว่าเขาคิดมากตลอดช่วงเกือบยี่สิบวันที่ผ่านมา
ทำเอาเฮเลนไม่มีอารมณ์ไปค้นคว้าเรื่องกลับโลกที่ห้องสมุดเลยทีเดียว
ในระหว่างนั้นเป็นโชคดีมากที่เธอได้พบและพูดคุยกับเดรโกบ้างเป็นระยะ
ดูเขาไม่ได้ทำตัวเหมือนวันแรกที่เจอกันแล้ว เธอรู้สึกดีขึ้นมากที่อย่างน้อยก็ไม่มีแพนซี่อยู่ข้างกายเขาอย่างครั้งนั้น
“เอาล่ะ”
แฮร์รี่เอ่ยขึ้นหลังจากทิ้งระยะให้ความเงียบเข้าครอบงำอยู่นานโข “จริงๆ
ฉันก็คิดเรื่องนี้อยู่บ้าง”
“แล้วว่าไง”
เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างใจจดใจจ่อ
“ไม่รู้สิ”
เขาถ่วงเวลา “ฉันไม่แน่ใจว่าจะทำได้”
“ฉันว่ามันเป็นความคิดที่ดีนะ”
รอนพูดเมื่อรู้สึกแน่ใจว่าจะไม่โดนแฮร์รี่ตะโกนใส่
“ฉันว่าฉันฟังเขาพูดเรื่องโชคช่วยมาตลอดทั้งอาทิตย์”
เฮเลนเอ่ยขึ้นบ้าง
บางทีเธอสมควรจะร่วมวงสนทนากับพวกเขาโดยลืมเรื่องของตัวเองไปสักพัก
“นั่นมันก็ใช่”
เฮอร์ไมโอนี่ตอบ “แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะแกล้งทำเป็นไม่เก่งเรื่องการป้องกันตัวจากศาสตร์มืด
เธอเป็นคนเดียวที่รอดจากคำสาปสะกดใจ แถมยังเสกผู้พิทักษ์ออกมาได้
เธอทำอะไรได้ตั้งเยอะแยะในขณะที่เฟร็ดกับจอร์จยังทำไม่ได้เลย...”
เด็กสาวผมฟูพูดพลางกลอกตามองไปรอบห้องสมุดและปรารถนาว่าเฟร็ดกับจอร์จคงไม่เดินมาพอดีได้ยินเรื่องนี้
“วิกเตอร์น่ะพูดอยู่ตลอด...”
รอนหันควับไปหาเฮอร์ไมโอนี่
เร็วจนคอแทบเคล็ด เฮเลนหัวเราะเบาๆ ในลำคอ
ดูท่าว่ารอนจะยังไม่ลืมที่เฮอร์ไมโอนี่ไปงานเต้นรำกับวิกเตอร์เพื่อประชดเขา
“อ๋องั้นเหรอ! วิกกี้พูดว่าอะไรบ้างล่ะ”
“ฮะๆ...”
เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มแหยๆ “เขาบอกว่าแฮร์รี่รู้อะไรเยอะแยะในขณะที่เขาเองยังไม่รู้เลย
แล้วเขาเองก็อยู่ปีสุดท้ายที่เดิร์มสแตรงก์แล้ว”
“เธอคงไม่ได้ยังติดต่อกับเขาอยู่หรอกนะ”
รอนมองเฮอร์ไมโอนี่อย่างสงสัย
“ไม่แปลกถ้าจะยังติดต่ออยู่”
เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจ “เขาเป็นเพื่อนทางจดหมาย...”
“เขาไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อนกับเธอ!” รอนขึ้นเสียงอย่างลืมตัวทำให้มาดามเออร์ม่า
พินซ์หันมามองเขาด้วยสายตาขุ่นเคือง เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้าอย่างหนักใจ
“เธอจะสอนเราไหม?” ก่อนจะกลับมาพูดกับแฮร์รี่ต่อ
เฮเลนก้มลงเขียนรายงานค้นคว้าโดยที่หูยังฟังอยู่
“แค่เธอ
รอนแล้วก็เฮเลน ตกลงไหม?”
“เอ่อ...”
เฮอร์ไมโอนี่มีสีหน้ากังวลใจ “แต่ฉันคิดว่าจริงๆ เธอควรจะสอนทุกคนที่ต้องการเรียน
ฉันหมายความว่า เรากำลังพูดถึงเรื่องที่เราต้องป้องกันตัวเองจากโวลเดอมอร์ มันดูไม่ยุติธรรมถ้าเราจะไม่ให้โอกาสคนอื่นๆ”
แฮร์รี่ทำหน้าครุ่นคิด
ก่อนจะตอบ
“ก็ได้
แต่ฉันสงสัยนะว่าจะมีใครอยากเรียนกับฉันนอกจากพวกเธอ”
“รู้ไหมมีคนเยอะแยะแค่ไหนที่สนใจฟังว่าเธอจะสอนอะไรบ้าง”
เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างจริงจัง “เธอรู้ใช่ไหมว่าสุดสัปดาห์แรกของเดือนตุลาคมเราจะได้รับวันหยุดที่จะได้ไปฮอกส์มี้ด
ฉันกับเฮเลนลองไปชวนคนที่สนใจให้ไปพบเราที่หมู่บ้านพวกเขาและเราจะได้คุยเรื่องนี้กันไง”
แฮร์รี่หันควับไปทางเฮเลน
เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วยักไหล่
“ทำไมต้องนอกโรงเรียน”
รอนถาม
“เพราะว่า...”
เฮอร์ไมโอนี่กลืนน้ำลายเบาๆ
“ฉันไม่คิดว่าอัมบริดจ์จะชอบใจนักถ้าเขารู้ว่าเรากำลังวางแผนทำอะไรอยู่”
เช้าวันที่จะไปเที่ยวฮอกส์มี้ดนั้นเริ่มต้นด้วยรุ่งอรุณที่สว่างสไวแต่มีลมแรงพัดปะทะใบหน้า
หลังอาหารเช้าพวกเด็กๆ ยืนเข้าแถวต่อหน้าฟิลช์
ที่ตรวจดูชื่อพวกเขาให้ตรงกับรายชื่อยาวเหยียดของนักเรียนที่ได้รับอนุญาตจากพ่อแม่ให้ไปเที่ยวหมู่บ้านได้
ระหว่างการเดินไปฮอกส์มี้ด แฮร์รี่เล่าเรื่องที่ส่งจดหมายไปหาซีเรียส
ที่ฟิลช์พรวดพราดเข้ามาและเรียกร้องจะดูจดหมาย
เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่เฮอร์ไมโอนี่ดูสนใจเรื่องนี้มากกว่าปกติ
“เขาบอกว่ามีคนกระซิบบอกเขางั้นเหรอว่าเธอสั่งซื้อระเบิดเหม็น”
“ใช่”
เขายักไหล่ “สงสัยจะเป็นมัลฟอยมั้ง สำหรับหมอนั่นคงจะสนุกมาก”
“นายอย่าลืมแฮร์รี่ว่าแฝดนายเป็นแฟนกับเขา”
รอนว่าแล้วเหล่ไปทางเฮเลน เด็กสาวแยกเขี้ยวใส่รอนนิดหน่อย
“ยังไม่ใช่แฟนย่ะ!” เฮเลนแบะปาก เธอพูดเรื่องมัลฟอยกับพวกเขามาทั้งอาทิตย์เพราะดูเหมือนอะไรๆ
เริ่มจะเข้าที่เข้าทางแล้ว
เพียงแค่ทั้งสองคนยังไม่ได้ก้าวข้ามความสัมพันธ์ไปอย่างรวดเร็วเท่านั้น
อีกอย่างยังมีเรื่องที่เธอแอบค้นคว้าที่ห้องสมุดอย่างลับๆ เรื่องการกลับโลกเดิมอีก
พวกเขาเดินเลาะไปตามทางเรื่อยๆ ตรงไปสู่หมู่บ้าน
“แล้วเราจะไปไหนล่ะ”
แฮร์รี่ถาม “ร้านไม้กวาดสามอัน?”
เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้า
พวกเขาผ่านร้านขายของเล่นซองโก้ที่เฮอร์ไมโอนี่ต้องดึงแขนเฮเลนเอาไว้เมื่อเห็นว่าเด็กสาวทำตาวิบวับอยากจะเข้าไปในร้านตัวสั่น
และพวกเขาก็ไม่แปลกใจที่เห็นเฟร็ด จอร์จและลี จอร์ดันที่นั่น ทั้งสี่เดินผ่านที่ทำการไปรษณีย์แล้วเลี้ยวเข้าซอยหนึ่ง
ปากซอยมีโรงแรมเล็กๆ ตั้งอยู่ ป้ายไม้โทรมๆ
ห้อยลงมาจากเหล็กขึ้นสนิมอยู่เหนือประตู บนป้ายมีรูปหัวหมูป่าถูกตัด
ทั้งสี่ยืนลังเลอยู่หน้าประตูนิดหน่อย
“พวกเขาคงไม่หาว่าฉันบ้าตอนที่กำลังพูดอยู่หรอกนะ”
แฮร์รี่พูดขึ้นมา
“มองในแง่ดีสิแฮร์รี่
นายก็ไม่ได้เลวร้ายไปกว่ายัยคางคกหรอก”
“ขอบใจมากรอน”
มันเป็นคำชมที่ไม่เหมือนคำชมเอาเสียเลย
แฮร์รี่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่พลางมองไปทางเฮเลนที่นิ่งเงียบมาได้สักพักเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปในร้านพร้อมๆ
กัน
“แล้วใครกันล่ะที่จะเข้าร่วมกับเรา”
แฮร์รี่หันไปถามเฮอร์ไมโอนี่ต่อ
“ก็ไม่กี่คนหรอก”
เฮอร์ไมโอนี่ว่าแล้วเปิดประตูเข้าไปในร้านหัวหมู
ทั้งสี่พบเพียงความว่างเปล่าพร้อมกับเจ้าของร้านและแพะของเขาอีกหนึ่งตัว...
“มันเหมาะจังเลยนะ”
รอนว่า
“ฉันคิดว่าเราควรหาที่เงียบสงบน่ะ”
เฮอร์ไมโอนี่พูดต่อ
“แบบนี้ไม่ได้เรียกว่าเงียบสงบหรอกนะเฮอร์ไมโอนี่”
เฮเลนพูดพลางปาดเหงื่อที่ไหลลงมาทั้งที่อากาศภายนอกนั้นหนาวสุดขั้วหัวใจ...
“รู้อะไรไหม”
รอนพึมพำพลางนั่งลงที่บาร์เก่าๆ พร้อมกับคนอื่นๆ
“เราจะสั่งอะไรก็ได้ที่เราอยากจะสั่งที่นี่! ฉันพนันเลยว่าลุงนั่นต้องขายเราทุกอย่างแน่
ฉันอยากลองดื่มวิสกี้ไฟมาตั้งนานแล้ว!”
“เธอเป็น ‘พรีเฟ็ต’ นะรอน!”
เฮอร์ไมโอนี่แยกเขี้ยวใส่ก่อนจะหันไปสั่งบัตเตอร์เบียร์สี่ขวด
“ฉันบอกให้พวกเขามาเจอกันที่นี่เวลานี้ อีกพักหนึ่งก็คงมา”
เฮเลนเปิดฝาบัตเตอร์เบียสนิมเขรอะและยกมันขึ้นดื่ม
เมื่อถึงเวลาตามนัดพวกแรกที่เข้ามาคือเนวิลล์
ดีนและลาเวนเดอร์ ตามติดมาด้วยปาราวตีและปัทมา พาติล
เฮเลนเห็นว่าแฮร์รี่เกือบจะพ่นบัตเตอร์เบียร์ออกมาทันทีที่เห็นพวกเขา
โชและเพื่อนผู้หญิงบ้านเรเวนคลออีกสองสามคน เฮเลนหันไปมองใบหน้าของแฮร์รี่อีกครั้ง
ดูเขาจะดีใจที่เธอมา
หลังจากนั้นคือลูน่า
เลิฟกู๊ดที่ทำท่าทางเหมือนกับละเมอเดินเข้ามา เฮเลนยิ้มให้เธอนิดหน่อยเพราะเด็กสาวเป็นคนชวนเธอมาเอง
ต่อมาคือแคตี้ เบลล์ อลิเซีย สพินเน็ต แอนเจลิน่า จอห์นสัน คอลินและเดนิส
ครีฟวีย์และนักเรียนจำนวนหนึ่งในโรงเรียนฮอกวอตส์เข้ามารวมตัวกันที่นี่
โดยส่วนหนึ่งมาจากคำเชื้อเชิญของเฮเลนและอีกส่วนหนึ่งมาจากคำชวนของเฮอร์ไมโอนี่ทำให้ในที่นี้ดูเหมือนจะแคบกว่าที่คาดการณ์เอาไว้
“บางทีสาวกเธอมันก็เยอะไปนะเฮเลน
ทำไมพวกเขาลำเอียงจังเลยให้ตาย”
รอนหันมากระซิบกับเฮเลนหลังจากที่พวกเขาได้เข้ามานั่งรวมกลุ่มด้วยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เด็กสาวส่ายหน้ายิก ทั้งที่รอนบอกเอกกับปากแท้ๆ ว่าเฮเลน พอตเตอร์ต่างจากแฮร์รี่โดยสิ้นเชิง
จะมีเด็กหนุ่มมาเข้าร่วมด้วยเพราะเธอมันก็คงไม่แปลกหรอก
“นี่เรียกว่าสองสามคนใช่ไหมเฮอร์ไมโอนี่”
แฮร์รี่กัดฟันพูดและหันไปหาเฮอร์ไมโอนี่ เด็กสาวผมฟูยิ้มเจื่อนๆ
“ใช่... แหม
ดูเหมือนแฝดของเธอจะเป็นที่นิยมสำหรับพวกหนุ่มๆ ล่ะนะ”
เธอว่าก่อนที่เฟร็ดจะหันไปสั่งบัตเตอร์เบียร์เกือบสามสิบขวดกับคนขายที่เริ่มทำหน้าไม่พอใจ
บางทีคงเป็นเพราะเขาไม่เคยเห็นว่าร้านมีคนแน่นขัดขนาดนี้มาก่อนเลย
แฮร์รี่มองดูอย่างมึนงงขณะที่คนกลุ่มใหญ่กำลังค้นหนาเหรียญในเสื้อคลุม
เขามองไปยังใบหน้าของแฝดในขณะที่เฮเลนยังยกขวดบัตเตอร์เบียร์ขึ้นดื่มโดยไม่พูดอะไร
ใบหน้าของเธอทำไม่รู้ไม่ชี้สุดขีดจนอยากจะมะเหงกใส่สักสี่ห้าทีให้หลาบจำ
เขาจำไม่ได้ว่าเฮเลนเป็นคนกวนประสาทแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
สงสัยคงจะเพราะเขาปล่อยให้เธออยู่กับเดรโก มัลฟอยมากเกินไปแน่ๆ
พวกที่เข้ามาใหม่เริ่มจับกลุ่มนั่งไปรอบๆ ทั้งสี่ บางคนดูตื่นเต้น
บางคนมีท่าทางอยากรู้อยากเห็น
เมื่อทุกคนหาที่นั่งกันเรียบร้อยและเสียงพูดคุยเงียบลงแล้ว
ดวงตาทุกคู่ก็หันมามองทางแฮร์รี่
“เอ่อ...
หวัดดี” เฮอร์ไมโอนี่เริ่มเกริ่น “พวกเราควรรู้ว่าเรามากันทำไม
พวกเราต้องการครูสอน”
เด็กสาวผมฟูสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะพูดต่อ
“ครูที่มีความเหมาะสม
ครูที่มีประสบการณ์จริงจากการป้องกันตัวจากศาสตร์มืด”
“ทำไมล่ะ?” จัสติน ฟินซ์-แฟลตช์ลีย์
หนึ่งในนักเรียนบ้านฮัพเฟิลพัพเอ่ยถามขึ้น
“ทำไมงั้นเหรอ
เพราะคนที่รู้ว่าใครกลับมาไงล่ะ” รอนเอ่ยตอบ
“เขาว่างั้นเหรอ”
จัสตินยังคงพูดต่อด้วยใบหน้าเรียบเฉย
รอนหันกลับไปมองหน้าเฮเลนเป็นเชิงถามว่าใครชวนเขามา
เด็กสาวได้แต่ยักไหล่เป็นเชิงไม่รู้ไม่ชี้
ดีแค่ไหนแล้วที่เฮเลนไม่เผลอชวนเดรโกมาด้วย เพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าต่อให้ชวนมา
เดรโกที่ไม่ปลื้มในตัวแฮร์รี่ก็คงเอาเรื่องนี้ไปบอกอัมบริดจ์แน่นอน
“ดัมเบิลดอร์ก็บอก”
เฮอร์ไมโอนี่เถียง
“ดัมเบิลดอร์บอกก็เพราะว่าเขาว่างั้น
ประเด็นคือไหนล่ะหลักฐาน?” จัสตินยังคงตอบหน้าตายทำให้รอนอยากจะร่ายคาถาสาปจัสตินให้รู้แล้วรู้รอดถ้าเกิดว่าเฮเลนไม่ดึงไม้กายสิทธิ์ของเขาออกจากมือมาก่อนล่ะก็นะ
“ถ้าพอตเตอร์บอกเราได้ว่าดิกกอรี่ถูกฆ่าได้ยังไง
เราจะยอมทำตาม”
ประโยคนั้นทำให้โช
แชงที่ยืนอยู่เยื้องๆ ไปกับคนถามเปลี่ยนสีหน้าไปในทันที
แฮร์รี่ลุกขึ้นยืนทำหน้าไม่พอใจ อารมณ์ของเขาตอนนี้เหมือนจะระเบิดอยู่ได้ตลอดเวลา
เขาไม่ได้ละสายตาไปจากใบหน้าของจัสตินเลยและตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่เหลือบตาไปมองดูโชอย่างเด็ดขาด
“นี่! ถ้าพวกนายมากันเพราะเรื่องนี้ก็กลับไปได้เลย”
แฮร์รี่พูดแล้วหันกลับมาพูดเสียงกระซิบ
“ไปกันเหอะ พวกเขามาเพราะว่าคิดว่าฉันบ้า”
“ไม่ก็เพราะเสน่ห์ของเฮเลน”
รอนพูดแซะ เฮเลนใช้ไม้กายสิทธิ์ที่ยึดมาจากเขาฟาดเขาไปทีหนึ่ง
“แฮร์รี่
เดี๋ยว...” เฮอร์ไมโอนี่กำลังจะพูดห้าม
แต่ว่ามีใครบางคนในกลุ่มนั้นพูดขัดขึ้นมาเสียก่อน
“เธอเสกคาถาผู้พิทักษ์ได้จริงรึเปล่า?”
เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มผู้มีผิวเผือกได้เอ่ยขึ้นและดึงความสนใจจากทุกคนในที่นั้นไป
ลูน่า เลิฟกู๊ดยืนเอามือล้วงกระเป๋าเสื้อโค้ทพลางยิ้มในขณะที่เอ่ยถาม
แฮร์รี่นิ่งเงียบมองไปยังใบหน้าของเธอโดยไม่เอ่ยอะไรจนเฮอร์ไมโอนี่ต้องเป็นฝ่ายที่เอ่ยคำตอบออกไปแทน
“ใช่...
ฉันเคยเห็น”
“จริงเหรอแฮร์รี่”
ดีนพูดตามพลางทำหน้าอึ้งเล็กน้อย
“แม่ไม่ให้รอนป่าวประกาศเรื่องนี้น่ะ”
เฟร็ดว่า “แม่บอกว่าแค่นี้เขาก็ได้รับความสนใจมากพอแล้ว”
“แม่นายไม่ได้พูดเรื่องผิดเลยเฟร็ด”
เฮเลนยิ้มวางขวดบัตเตอร์เบียร์ว่างเปล่าลงบนเคาน์เตอร์
เด็กหนุ่มหลายคนหัวเราะขึ้นมาเมื่อเห็นท่าทางเฮเลนเหมือนกับเมาบัตเตอร์เบียร์
“แล้วเขาก็ฆ่าบาซิลิกซ์
ด้วยดาบขอกก็อตดริก กริฟฟินดอร์ที่อยู่ในห้องดัมเบิลดอร์” เนวิลล์พูดบ้าง
“จริงด้วย”
ตามด้วยเสียงของจินนี่เสริมขึ้นมา
พี่น้องตระกูลครีฟวีย์สบตากันอย่างทึ่งสุดขีดราวกับว่าพวกเขาได้รับรู้เรื่องนี้มานานแล้วแต่ไม่ได้พูดออกมา
ลาเวนเดอร์
บราวน์ทำท่าทางตื่นเต้นแต่สายตาเธอมองมายังรอนด้วยแววตาที่ไม่เหมือนเดิม
เฮเลนแอบสงสัยสายตานั้นนิดหน่อยแต่ไม่ได้พูดอะไร
“ปีสามเขารับมือกับผู้คุมวิญญาณทีเดียวเป็นร้อย”
รอนเองก็อดไม่ได้ที่จะพูดบ้าง
“ตอนปีสี่เขาสู้ตัวต่อตัวกับคนที่คุณก็รู้ว่าใคร”
เฮอร์ไมโอนี่เสริมขึ้นอีกคน และนั่นทำให้แฮร์รี่ผ่อนคลายลงมากกว่าเดิม
เฮเลนยื่นมือไปดึงแขนเสื้อเขาให้นั่งลงตามเดิม แฮร์รี่อิดออดนิดหน่อยแต่ก็ยอมทำตาม
“นี่...
มันอาจฟังดูดีนะ เวลาที่พูดแบบนั้นออกไป แต่บางทีเกือบทุกเรื่องเป็นเพราะโชคช่วย”
เขาพูด
“เขาแค่ถ่อมตัวน่ะ”
“เปล่าเฮอร์ไมโอนี่
เปล่าเลย” ประโยคนั้นทำให้ทุกคนเงียบเสียงลงและตั้งใจฟังแฮร์รี่มากขึ้น
“การเผชิญหน้าของพวกนี้ในชีวิตจริง
มันไม่เหมือนเวลาที่เราอยู่ในโรงเรียน”
“...”
“ตอนอยู่ในโรงเรียน
ทำผิดพลาดไป วันรุ่งขึ้นก็แก้ไขใหม่ได้ แต่ข้างนอกนั่น...
เวลาที่เราอยู่ห่างความตายเพียงไม่กี่วินาที หรือว่ามองเห็นเพื่อนตายต่อหน้าต่อตาของเรา”
“...”
“เราไม่รู้หรอก
ว่ามันเป็นยังไง”
แฮร์รี่ก้มหน้าลงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
เฮเลนลูบหลังเขาเบาๆ เป็นเชิงปลอบแต่ดูเหมือนว่าไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นสักเท่าไหร่นัก
เฮอร์ไมโอหันไปหาแฮร์รี่พร้อมกับพูดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
“ใช่แฮร์รี่
เราไม่รู้... เราถึงต้องให้เธอช่วยเพื่อที่เราจะได้มีโอกาสสู้และเอาชนะ...”
เด็กสาวผมฟูชะงัก
“โวลเดอมอร์”
เฮเลนพูดเติมคำในช่วงที่เฮอร์ไมโอนี่เว้นระยะไป ทุกคนในห้องเงียบงันไม่มีใครพูดอะไรอีกต่อจากนั้นพักใหญ่ๆ
“เอ่อ...!” เออร์นี่ มักมิลลันพูดเสียงสั่นๆ
“โดยส่วนตัวแล้ว ฉันคิดว่าเรื่องนี้สำคัญมาก
บางทีอาจจะสำคัญกว่าทุกอย่างที่เราจะทำกันปีนี้ทั้งหมดด้วย แม้แต่การสอบ ว.พ.ร.ส.
ที่จะมาถึงของเราก็เถอะ”
เขามองไปรอบๆ
อย่างประทับใจและรอให้ใครสักคนตบมุกเขาสักหน่อย แต่ไม่มีเลยสักคน
จนเฮเลนเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาเอง
“สำหรับฉัน
ส่วนตัวแล้วไม่เข้าใจว่าทำไมกระทรวงถึงส่งอัม... เอ่อ... ครูคนนี้เข้ามาสอน
มันชัดเจนมากว่าพวกเขาไม่ยอมรับความจริงว่าโวลเดอมอร์กลับมาแล้ว”
เด็กสาวพูดเสียงจริงจังต่างจากเมื่อครู่ จอร์จโยนลูกอมหน้าตาแปลกๆ
มาให้เธอแต่เฮเลนไม่ยอมกินมันเพราะมันน่าสงสัยเกินไป
“เพราะเขาคิดว่าดัมเบิลดอร์จะเกณฑ์นักเรียนเข้าไปสู้กับกระทรวง”
เฮอร์ไมโอนี่พูด
เกือบทุกคนตะลึงงันไปกับข่าวนี้
ทุกคนยกเว้นเพียงลูน่าคนเดียว
“ใช่! นั่นแหละเขาล่ะ คอร์นีเลียส
ฟัดจ์เองก็มีกองทัพส่วนตัวของเขาด้วย”
“อะไรนะ”
แฮร์รี่ร้อง “ไม่มีหรอก เขาไม่มี”
“มีเป็นพวกฮีลิออพาทไง”
ลูน่าตอบ ทั้งสี่มองหน้ากันนิดหน่อย เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจ
“เอาอย่างนี้
เดี๋ยวพวกเราจะหาสถานที่สักแห่งให้ได้ก่อน” เฮอร์ไมโอนี่พยายามไม่สนใจลูน่า
“เราจะส่งข่าวไปถึงทุกคนเมื่อเราได้เวลาและสถานที่นัดเจอกันครั้งแรกแล้ว”
หลังจากนั้นการลงชื่อเพื่อเข้าร่วมเป็นกองทัพดัมเบิลดอร์ก็ได้เริ่มขึ้น
เฮอร์ไมโอนี่ดูจะตื่นเต้นกับการแหกกฎโรงเรียนครั้งนี้มากจนยิ้มไม่หุบ
“จะว่าไปเรื่องของเธอกับโชล่ะแฮร์รี่”
เด็กหนุ่มสะดุ้ง
หลังจากที่พวกเขาทั้งสี่เดินออกมาจากร้านหัวหมูและทุกคนแยกย้ายกันไปเดินเที่ยวในหมู่บ้านฮอกส์มี้ดกันแล้ว
เฮอร์ไมโอนี่หันมาถามแฮร์รี่ทันทีราวกับว่ารู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“อะ อะไร!”
เด็กหนุ่มพูดเสียงตะกุกตะกักจนเฮเลนหลุดขำออกมา
“เขาละสายตาไปจากเธอไม่ได้เลยใช่ไหมล่ะ”
ประโยคนั้นทำให้แฮร์รี่ยิ้มไม่หุบและเดินนำหน้าพวกเขาออกไป
เฮเลนหันไปขยิบตาให้กับเฮอร์ไมโอนี่เป็นเชิงรู้กันก่อนจะเด็กสาวจะเดินตามแฮร์รี่ไปโดยมีรอนเดินตามหลับพวกเธอมาติดๆ
วันหยุดสุดสัปดาห์ที่เหลือ
เฮเลนเห็นใบหน้ามีความสุขของแฮร์รี่มากกว่าปกติ
เธอกลับมาใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในห้องสมุดอีกครั้งเพราะการบ้านและหลายๆ
อย่างทำให้เธอไม่ได้ออกไปร่วมหาสถานที่กับคนอื่นๆ
แต่เหมือนสมาธิของเธอในห้องสมุดก็ไม่ได้อยู่กับร่องกับรอยเท่าไหร่เมื่อเดรโกพยายามเข้ามากวนเธอทุกครั้งที่เข้าห้องสมุด
“หาอะไรอยู่เหรอ”
เจ้าของเสียงทุ้มถาม เฮเลนหรี่ตามองเดรโกด้วยแววตาไม่เป็นมิตรเท่าที่ควร
“นายถามฉันเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วเดรโก”
เธอกระซิบตอบ
“ฉันก็แค่อยากรู้
ว่าเธอทำอะไรอยู่” เฮเลนถอนหายใจ เขาเองก็เห็นชัดๆ ว่าเธอกำลังอ่านหนังสือ
ทุกครั้งที่อยู่นอกห้องสมุดเขาสามารถกวนประสาทเธอให้ยิ้มได้
แต่ไม่ใช่สำหรับตอนที่มาดามพินซ์กำลังมองอยู่
เฮเลนกลัวว่าหล่อนจะงับหัวเธอแน่ถ้าเกิดว่าเธอส่งเสียงดังขึ้นมาอีก
“การบ้านของศาสตราจารย์สเนป”
“ให้ช่วยไหม?”
“ของนายเสร็จแล้วเหรอเดรโก”
เฮเลนถามเสียงเรียบและลดเสียงให้เบาที่สุด ดวงตาแหล่มองมาดามพินซ์เป็นระยะๆ
“อ๋อใช่สิ! นายเป็นเด็กในสังกัดของเขานี่”
“แน่นอนว่าฉันทำเสร็จแล้ว”
เขายิ้มอย่างภูมิใจ “เหลือแค่เธอจะขอความช่วยเหลือจากฉันไหม”
“ไม่แน่นอน”
เด็กสาวแยกเขี้ยวก่อนจะแลบลิ้นใส่เขาอย่างกวนๆ เดรโกหัวเราะเบาๆ
และเลื่อนมือไปขยี้ผมยาวของเธอจนฟูเป็นรังนก
เฮเลนปัดมือของเดรโกออกก่อนจะก้มลงทำการบ้านต่อทั้งรอยยิ้มโดยมีเด็กหนุ่มนั่งอยู่เคียงข้างตลอดการทำการบ้านครั้งนี้
ติดตามตอนต่อไป...
ความคิดเห็น