ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfic Harry Potter] [OCxDM] If Harry Potter has a sister!

    ลำดับตอนที่ #11 : บทที่ 10 : โดโรเรส อัมบริดจ์ (Re.03)

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ค. 64


    TB

    UP : 01/08/60

    Re-write : 17/08/60

    Re-write 2 : 21/09/61

    Re-write 3 : 11/06/64

    บทที่ 10 : โดโรเรส อัมบริดจ์

     

    หลายวันผ่านไป...

    เสียงพูดคุยกันจอแจในห้องขนาดกว้างชั้นเรียนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด แฮร์รี่นั่งฟุบหน้าลงกับโต๊ะเพราะเมื่อคืนเล่นเกมพ่อมดกับรอนและเนวิลล์กันในหอนอนดึกไปหน่อย ข้างๆ เขาคือเฮเลนที่นั่งพลิกหน้าหนังสือขนาดเล็กเปิดอ่าน ปกหนังสือเขียนเอาไว้ว่า ศาสตร์คาถาเก่าแก่ ซึ่งเฮเลนยืมมันมาจากห้องสมุดเพื่อค้นคว้าเกี่ยวกับการที่เธอต้องมาอยู่ในโลกนี้ทั้งๆ และอะไรหลายๆ อย่างที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป

    เธอต้องรีบจัดการให้เดรโกเข้ามาร่วมในภาคีให้เร็วที่สุดเพราะตอนนี้เกราะป้องกันความรู้สึกของเธอมันชักจะต่ำลงทุกที เหมือนเขาจะสามารถเจาะเกราะนั้นเข้ามาได้ในขณะที่เธอกำลังทำภารกิจดึงเขาให้เข้ามาเป็นพรรคพวก เฮเลนจำเป็นที่จะต้องห้ามตัวเองไม่ให้หลงระเริงไปกับอะไรพวกนั้น ต้องพยายามอย่างมากจริงๆ

    ถัดไปโต๊ะหนึ่งคืนรอนกับเฮอร์ไมโอนี่ เด็กสาวผมฟูนั่งทำหน้าเบื่อหน่ายกับการรอเวลาที่อาจารย์จะเข้าสอนและดูท่ารอนเองก็อาการหนักไม่ต่างไปจากแฮร์รี่เพราะนอกจากจะหลับโดยไม่เกรงใจเพื่อร่วมห้องแล้วเขายังส่งเสียงกรนออกมาเป็นระยะอีก!

    ป๊อกป๊อก!

    เสียงเคาะไม้กายสิทธิ์เข้ากับประตูห้องพักอาจารย์ดังขึ้นเรียกความสนใจจากนักเรียนในห้องได้เป็นอย่างดี หญิงสาวสูงอายุสวมชุดสูทสีชมพูใบหน้ายิ้มแย้มค่อยๆ ก้าวเดินลงมาจากบันไดอย่างช้าๆ ด้วยท่วงท่าที่ดูสง่างาม

    “สวัสดีนักเรียน ขอแนะนำอาจารย์สอนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดคนใหม่...” เสียงแหลมเอ่ยพร้อมกับชอล์กสีขาวขยับเขียนบนกระดานดำขนาดเล็กเป็นตัวอักษรสวยงาม “โดโรเรส เจน อัมบริดจ์ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะนักเรียน”

    ร่างท้วมเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องเมื่อชอล์กขีดครบทุกตัวอักษร เจ้าของริมฝีปากที่เคลือบด้วยลิปสีแดงสดจ้องมองมายังนักเรียนทุกคนด้วยความเอ็นดู... อย่างมากมาย

    “ตั้งใจเพื่อการทดสอบ วิชาพ่อมดระดับสามัญ หรือ ว.พ.ร.ส.” ศาสตราจารย์อัมบริดจ์พูดด้วยน้ำเสียงสดใสในขณะที่เฮเลนใช้หนังสือที่เพิ่งอ่านเมื่อสักครู่ฟาดเข้าที่ไหล่ของแฮร์รี่เพื่อปลุกให้เขาตื่น เด็กหนุ่มสะดุ้งและกระเด้งตัวลุกพรวดขึ้นมาจากการนอนหลับจนแว่นที่สวมอยู่ร่วงลงไปตกอยู่บนโต๊ะ

    “ตื่นได้แล้วแฮร์รี่” เฮเลนกระซิบเสียงแข็ง พลางใช้ขอศอกสะกิดสีข้างของเขายิกๆ “อาจารย์จะเริ่มสอนแล้ว”

    "หืม..." แฮร์รี่ทำเสียงงัวเงียพร้อมกับพยายามยกศีรษะของตัวเองขึ้นมา เฮเลนอยากจะหัวเราะท่าทางนั้นของเขานะ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาเอาเสียเลย "โอเค... ขอโทษทีนะ"

    ดวงตาสีเขียวหลังกรอบแว่นกะพริบรัวเพื่อปรับดวงตาให้มองเห็นภาพตรงหน้าให้ชัดเจนก่อนจะพบกับรอยยิ้มแสนดีที่ไม่มีแม้แต่ความจริงใจของอาจารย์คนใหม่ของเขา แฮร์รี่หันไปมองหน้าเฮเลนทันทีที่เห็นอัมบริดจ์ เด็กสาวยักไหล่พลางบอกให้เขาสนใจหน้าชั้นเรียนก่อนจะโดนอัมบริดจ์เล่นงาน

    “ตั้งใจเรียนแล้วพวกเธอก็จะได้รับผลสำเร็จ แล้วถ้าหากว่าทำไม่ได้ มันก็จะส่งผลต่อพวกเธออย่างร้ายแรง”

    ศาสตราจารย์อัมบริดจ์ยังคงพูดต่อด้วยใบหน้ายิ้มแย้มโดยนักเรียนแต่ละคนในห้องเริ่มหันหน้าไปคุยกัน ดูท่าทางพวกเขาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ อัมบริดจ์แกว่งไม้กายสิทธิ์ทำให้กองหนังสือลอยออกมาจากชั้นและลอยไปหานักเรียนแต่ละคน ปกของหนังสือดูคุ้นตา หลังจากได้รับมันมาเฮเลนและเฮอร์ไมโอนี่เปิดมันออกอ่านเป็นอย่างแรก ภายในเล่มไม่มีการสอนการเสกคาถาใดๆ นอกจากการสังเกตเวทมนตร์ศาสตร์มืด สองสาวหันไปมองหน้ากันพลางทำหน้าไม่อยากเชื่อ!

    “ผลการทดสอบของพวกเธอที่ผ่านๆ มาในวิชานี้ยังไม่คงที่" อัมบริดจ์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน "แต่พวกเธอคงจะรู้สึกยินดีถ้าได้รู้ว่าตั้งแต่บัดนี้พวกเธอจะต้องทำตามระเบียบอย่างเคร่งครัด”

    “ในนี้ไม่มีสอนใช้คาถาป้องกันตัวเลยเหรอคะ” เฮอร์ไมโอนี่ยกมือขึ้นถามขัดประโยคของเธอ พร้อมกับปิดหนังสือลง "เราจะไม่ใช้คาถาอะไรเลยเหรอคะในปีนี้" 

    “เธอไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้คาถาในชั้นเรียน" ใบหน้ายิ้มแย้มเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "หนังสือเรียนเล่มนี้จะสอนแต่คาถาที่กระทรวงอนุญาตเท่านั้น”

    “แล้วถ้าเกิดว่าเราจำเป็นต้องใช้ล่ะคะ” ครั้งนี้เฮเลนยกมือขึ้นพูดบ้าง แฮร์รี่หันไปเลิกคิ้วใส่แฝดของตนอย่างสงสัย ดวงตาเล็กหยีมองมาทางเฮเลนพร้อมกับสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย "หนู -- หมายถึงถ้าหากเราต้องเจอกับเหตุจำเป็นล่ะ เราก็ควรจะต้องทำอะไรสักอย่างได้ไม่ใช่เหรอคะ"

    “เธอคิดว่าใครกันที่จะทำให้เธอต้องใช้เวทมนตร์” อัมบริดจ์ถามเสียงเย็น

    “นี่เราจะไม่ใช้คาถาเลยเหรอ” รอนพูดบ้าง "ไม่เลยสักครั้งเดียวเหรอ"

    “ใช่ในชั้นเรียนนี้เราจะทำให้พวกเธอได้เรียนการป้องกันตัวจากศาสตร์มืดกันอย่างปลอดภัย”

    อัมบริดจ์ยิ้มกว้าง เฮเลนหันไปถอนหายใจกับแฮร์รี่เป็นเชิงหงุดหงิดนิดหน่อย ก่อนจะได้เข้ามาในโลกนี้เธอเองก็รู้สึกหมั่นไส้อัมบริดจ์อยู่พอสมควร ยิ่งมาเจอเข้ากับตัวเองยิ่งทำให้รู้สึกหัวเสียเข้าไปใหญ่ รอยยิ้มไม่จริงใจที่ฉาบอยู่บนใบหน้าของเธอทำให้เฮเลนรู้สึกสะอิดสะเอียน หลังจากเจอกับเธอในศาลสูงวินเซ็นกาม็อท มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกแย่มากขึ้นไปอีก

    “ไร้สาระชะมัดเลย” รอนอุทาน

    “ดูเหมือนว่ากระทรวงกำลังส่งคนเข้ามาแทรกซึมในฮอกวอตส์” เฮอร์ไมโอนี่กระซิบขึ้นบ้าง "แบบนี้ยิ่งชัดเจนเลย"

    “แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรถ้าเกิดว่าเราโดนโจมตีขึ้นมามันก็อันตราย!” แฮร์รี่พูดขึ้นมาเสียงดัง

    “นักเรียนจะต้องยกมือขึ้นก่อนจะพูด!” อัมบริดจ์ชักสีหน้าใส่แฮร์รี่ก่อนที่หล่อนจะพูดต่อ “นี่เป็นความคิดของกระทรวง ความรู้จากทฤษฎีขั้นพื้นฐานถือว่าเพียงพอแล้วที่จะทำให้พวกเธอสอบผ่านได้”

    “แล้วทฤษฎีจะมีประโยชน์อะไรคะ ถ้าเกิดว่าไม่ได้เอาไปใช้ในชีวิตจริง” เฮเลนยกแขนขึ้นกอดอกพลางมองไปยังอัมบริดจ์ หล่อนยิ้มกว้างจนแทบเรียกได้ว่าตอนนี้เหมือนกับว่าเธอกำลังแสยะยิ้มอยู่ “แล้วถ้าเกิดว่าเราโดนทำร้ายขึ้นมา ทฤษฎีจะสามารถช่วยอะไรเราได้เหรอ -- หรือว่าที่ช่วยได้คือช่วยให้เราตายเร็วขึ้นคะ”

    “ใครจะมาทำร้ายเด็กอย่างเธอกันคุณพอตเตอร์”

    “ไม่รู้สิ โวลเดอร์มอร์มั้ง!” แฮร์รี่พูดแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงประชด อัมบริดจ์กำไม้กายสิทธิ์แน่นราวกับกำลังสงบสติอารมณ์ "เพราะคนที่อยากทำให้เราสองคนตายคงมีไม่กี่คนหรอก"

    “เรื่องของจ้าวแห่งศาสตร์มืดกลับมาแล้วมันเป็นเรื่อง....” อัมบริดจ์ย่าวก้าวเดินเข้ามาใกล้ๆ ทั้งสองคนก่อนจะจ้องมองใบหน้าของแฮร์รี่ด้วยสายตาสมเพชพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงน่ารังเกียจ “โก-หก” 

    “เราไม่ได้โกหกนะ!” เฮเลนพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว "คิดแบบนี้ได้ต้องเป็นคนแบบไหนเนี่ย!"

    “ผมเจอเขา" แฮร์รี่พูดเสียงดัง "ผมเห็นตอนเขากลับมา!”

    “กักบริเวณสองพี่น้องพอตเตอร์!! เสียงประกาศิตดังลั่นเมื่อเฮเลนและแฮร์รี่พยายามจะอธิบาย เฮเลนที่รู้อยู่แล้วว่าลอร์ดมืดฟื้นขึ้นมาในฐานะที่เป็นแฝดของแฮร์รี่และความหงุดหงิดในท่าทางของอัมบริดจ์ ทำให้เธอลืมตัวและออกปากพูดใส่อัมบริดจ์ไป กลายเป็นว่าสองพี่น้องตอนนี้โดนทำโทษเพราะความไร้เหตุผลของหล่อนเข้าจนได้

    แบบนี้มันก็ไม่ได้เปลี่ยนจากเนื้อเรื่องเดิมเลยน่ะสิ!!

    “แล้วคุณสามารถอธิบายได้เหรอว่าเชดริก ดิกกอรี่ตายได้ยังไง” แฮร์รี่พูดอีกครั้ง เสียงหายใจเฮือกใหญ่ดังขึ้นพร้อมกันทั้งชั้น เพราะว่าไม่มีใครเลยที่ได้ยินแฮร์รี่พูดเกี่ยวกับเชดริกมาตั้งแต่เปิดเทอมนี้ ยกเว้นเฮเลนที่ถามเขาในตอนนั้น พวกเขาทุกคนจ้องมองไปยังแฮร์รี่สลับกับอัมบริดจ์ แฮร์รี่ตะโกนเสียงดังอย่างไม่พอใจ “เขาตายเองเพราะสมัครใจงั้นเหรอครับ!

    “คุณดิกกอรี่ตายเพราะอุบัติเหตุที่น่าเศร้าใจ” เธอตอบเสียงเย็น

    “โวลเดอร์มอร์เป็นคนฆ่าเขา คุณก็รู้อยู่แก่ใจ!!” แฮร์รี่บอก เขาตัวสั่นราวกับกำลังโกรธจนถึงขีดสุด “มันเป็นการฆาตกรรม!

    แฮร์รี่แทบไม่ได้พูดกับใครเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะกับเพื่อร่วมชั้นร่วมสามสิบคนที่กำลังตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่ออย่างที่สุด เฮเลนรู้สึกกังวลขึ้นมาราวกับว่าเป็นเธอเองที่กำลังบีบบังคับให้แฮร์รี่ต้องพูดถึงเรื่องนี้ยังไงอย่างนั้น

    “พอที!!!” อัมบริดจ์ตวาดดังลั่น สีหน้าของเธอกำลังบ่งบอกว่าเธอกำลังจะหมดความอดทนแล้วถ้าหากทั้งสองยังเถียงต่อ “พวกคุณจะถูกกักบริเวณทั้งสัปดาห์ หลังห้าโมงเย็น เริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น!!

    อัมบริดจ์พูดเสียงเย็นเยียบก่อนที่เธอจะเริ่มต้นการสอนการป้องกันตัวจากศาสตร์มืดด้วยเวทมนตร์พื้นฐานที่ขนาดเด็กฮอกวอตส์ปีหนึ่งยังรู้จัก เฮเลนกลอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่ายและรู้สึกอยากจะเดินออกไปจากห้องเรียนให้รู้แล้วรู้รอดถ้าไม่ติดว่าเดินออกไปแล้วอาจจะทำให้น่าปวดหัวมากขึ้นกว่าเดิม

    ป๊อก!

    กระดาษถูกขยำเป็นก้อนกลมลอยมาตกใส่ศีรษะของเด็กสาวก่อนมันจะร่วงลงมาตรงหน้าของเธอ ก้อนกระดาษเล็กๆ ถูกเปิดออกด้วยมือของเธอและภายในนั้นมีรูปวาดหน้าตาประหลาดถูกวาดเอาไว้ด้วย มันเป็นรูปของเด็กผู้หญิงที่ดูท่าทางเหมือนเธอกำลังยืนบ่นอะไรสักอย่างก่อนที่เด็กชายที่ท่าทางเหมือนกับใครบางคนเดินเข้ามาจุ๊บเข้าที่แก้มเป็นเชิงปิดปาก...

    เฮเลนหันไปในทิศที่กระดาษถูกขว้างมาทันทีและพบว่าคนที่นั่งยักคิ้วหลิ่วตาอย่างกวนประสาทอยู่ตรงนั้นคือเดรโก มัลฟอยนั่นเอง เฮเลนหันไปแลบลิ้นใส่เขาก่อนจะหันกลับไปสนใจหน้าห้องเรียนตามเดิม

    อาหารเย็นในห้องโถงคืนนี้ไม่ใช่อะไรที่ดีเลยสำหรับเฮเลน ข่าวเรื่องที่สองพี่น้องตะโกนโต้กับอัมบริดจ์เดินทางรวดเร็วมาก มีเสียงซุบซิบรอบตัวขณะที่นั่งทานอาหาร ตลกร้ายก็คือคนที่กระซิบไม่ได้เกรงใจเลยว่าทั้งสองจะได้ยิน ตรงกันข้ามคือพวกเขาหวังว่าแฮร์รี่จะโมโหและตะโกนออกมาอีก ความอยากรู้อยากเห็นพวกนี้น่ากลัวเสียจริงๆ

    “โอ๊ย” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง “เราออกไปจากที่นี่ดีกว่า พวกเธออิ่มหรือยัง”

    “รอคำนี้อยู่เลย” เฮเลนตาม

    รอนมองพายแอปเปิลที่กินค้างไว้อย่างเสียดายแต่ก็เดินตามเพื่อนๆ ออกมา ผู้คนจ้องดูพวกเขาตลอดทางที่เดินออกมาจากห้องโถง เฮเลนรู้สึกอึดอัดไม่ได้ต่างจากตอนแรกที่เข้ามาเท่าไหร่นัก

    “ฟังนะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดเบาๆ และถอนหายใจอย่างหงุดหงิด “อยู่ๆ เธอก็กลับมาอยู่กลางสนาม กอดศพเซดริกกลับมา ไม่มีใครที่เห็นเรื่องที่เกิดขึ้น เรามีแต่คำพูดของดัมเบิลดอร์เท่านั้น”

    “แต่มันเป็นความจริง!” แฮร์รี่พูดเสียงดัง

    “แต่ก็มีแต่ฝาแฝดของเธอที่เชื่ออย่างสนิทใจ เข้าใจไหมแฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างละเหี่ยใจ “สองเดินเต็มๆ ตลอดหน้าร้อนที่เขาอ่านหนังสือพิมพ์ว่าเธอเป็นคนสติไม่ดี เฮเลนกำลังจะกลายเป็นผู้โชคดีที่จะได้แต่งงานกับมัลฟอย ซึ่งเป็นเรื่องแย่เพราะพวกมัลฟอยเป็นผู้เสพความตายและเรื่องดัมเบิลดอร์เริ่มแก่เกินไปแล้ว!

    ฝนกระหน่ำลงมาบนกระจกหน้าต่างขณะที่พวกเขาก้าวยาวๆ ไปตามระเบียงทางเดินที่ว่างเปล่าเพื่อกลับเข้าสู่หอคอยกริฟฟินดอร์ พวกเขามีการบ้านอีกกองเท่าภูเขาที่ต้องทำก่อนเข้านอน พวกเขาเลี้ยวเข้าระเบียงทางเดินของสุภาพสตรีอ้วน

    มิมบูลัส มิมเบิลโทเนีย” เฮอร์ไมโอนี่พูดก่อนที่สุภาพสตรีอ้วนจะเอ่ยปากถาม ภาพเหวี่ยงเปิดออก ทั้งสี่คนปีนผ่านเข้าไปในห้องนั่งเล่นรวมที่เกือบจะว่างเปล่า เมื่อแฮร์รี่ เฮเลน รอนและเฮอร์ไมโอนี่นั่งลงที่เก้าอี้ตัวโปรดหน้าเตาผิง ครุกแชงก์ก็กระโดดขึ้นมานั่งบนตักของเฮเลนและขดตัวนอนลงบนตักของเธอ มันร้องครางเบาๆ เมื่อพวกเขาทำท่าจะสนทนากันอีกครั้ง

    “ดัมเบิลดอร์ทำได้ยังไงนะ!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องและทุบเข้าที่เก้าอี้ที่นั่งอยู่อย่างโกรธจัด “เขาปล่อยให้ยัยคนร้ายกาจนั่นมาสอนเราได้ยังไงกัน ในปี ว.พ.ร.ส. ของเราด้วย”

    แฮร์รี่ถอนใจ เขาเดินไปหยิบกระเป๋านักเรียนมาจากมุมห้องยื่นให้เฮเลน

    “เราเลิกคุยกันเรื่องนี้แล้วทำการบ้านให้มันเสร็จๆ ไปดีกว่า”

    รอนยักไหล่แล้วไปหยิบกระเป๋าของเขาและเฮอร์ไมโอนี่มาบ้าง พวกเขานั่งทำการบ้านกันเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร เฮเลนเห็นเฮอร์ไมโอนี่หรี่ตามองไปทางอีกมุมหนึ่งของห้อง

    “ไม่ได้การ ฉันเสียใจนะ แต่พวกเขาทำเกินไปแล้ว” เธอพูด ยืนและท่าทางโกรธจัด “มาเถอะรอน”

    “ฉัน – อะไรเหรอ” รอนถาม เห็นได้ชัดว่ากำลังถ่วงเวลา “ไม่เอาน่า – เฮอร์ไมโอนี่... เราจะไปว่าที่พวกเขาแจกขนมไม่ได้นะ”

    “เธอรู้ดีว่านั่นน่ะคงเป็นตังเมเลือดกำเดา หรือยาอมทำให้อ้วก...”

    “หรือบางทีอาจเป็นขนมเค้กเป็นลม” แฮร์รี่แนะเบาๆ

    เฮอร์ไมโอนี่ทนไม่ไหว ลุกขึ้นยืนและเดินตรงไปทางทิศที่เธอมองไปทันที เฟร็ดกับจอร์จอยู่ตรงนั้น เธอวีนแตกและจัดการเฟร็ดกับจอร์จด้วยอารมณ์โทสะพร้อมกับขู่พวกเขาว่าจะเขียนบอกคุณนายวีสลีย์ถ้าหากพวกเขายังทำเรื่องนี้อีก  สำหรับแฝดวีสลีย์แล้วคำขู่นั่นเหมือนกับการชกพวกเขาใต้เข็มขัดเลยทีเดียว

    “ฉันไม่มีสมาธิจะทำแล้วการบ้าน” เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้นเมื่อเดินกลับมาและหยิบกระดาษว่างเปล่าของตัวเองมาดู “ฉันขึ้นไปนอนล่ะ”

    เฮเลนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ได้พูดออกไป พวกเขาเก็บของและขึ้นไปนอนตามเฮอร์ไมโอนี่ เธอรู้ดีว่าอาจเสียใจที่ไม่ได้ทำการบ้านวันนี้ให้เสร็จ แต่ก็คงทำได้ไม่ดีนักถ้าหากยังทำมันด้วยอารมณ์แบบนี้

    เช้าวันต่อมามืดมัวและฉ่ำฝน แฮกริดยังคงไม่มาที่โต๊ะอาจารย์เมื่อเวลาอาหารเช้า เฮอร์ไมโอนี่รินกาแฟให้ตัวเอง เธอดูพอใจไม่เบาเกี่ยวกับอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรหลังจากนั้น วิชาคาถาสองคาบติดตามด้วยวิชาการแปลงร่างอีกสองคาบ ทั้งศาสตราจารย์ฟลิตวิกและศาสตราจารย์มักกอนนากัลใช้เวลาสิบห้านาทีต้นชั่วโมงอบรมทั้งชั้นเรื่องความสำคัญของ ว.พ.ร.ส.

    บ่ายวันนั้นอากาศเริ่มเย็นลงและมีลมพัดมาเรื่อยๆ ศาสตราจารย์กรับบลี-แพลงก์ยืนคอยอยู่ห่างจากประตูหน้าบ้านแฮกริดประมาณสิบหลา เธอเข้ามาสอนแทนแฮกริดที่อยู่ๆ ก็ลางานหายไปโดยไม่มีคำอธิบายใดๆ โต๊ะไม้แคบๆ หน้าเธอเต็มไปด้วยกิ่งไม้ และพวกมันคือโบวทรัคเคิลเป็นผู้พิทักษ์ต้นไม้ มักจะอยู่ในต้นไม้ที่ทำไม้กายสิทธิ์ ศาสตราจารย์กรับบี้-แพลงก์สั่งให้พวกเธอวาดรูปพวกมันในชั่วโมงเรียน

    เมื่อถึงชั่วโมงสมุนไพรศาสตร์ ศาสตราจารย์สเปราต์เริ่มบทเรียนด้วยการอบรมพวกเขาเรื่อง ว.พ.ร.ส. เฮเลนรู้สึกเหมือนประสาทจะกินทุกครั้งที่รู้นึกได้ว่ามีการบ้านเพิ่มขึ้นเท่าไหร่แล้วและเธอไม่ได้แตะต้องมันเลย ความรู้สึกยิ่งเลวร้ายลงไปอีกเมื่อศาสตราจารย์สเปราต์สั่งเรียงความอีกบทตอนท้ายชั่วโมง พวกนักเรียนกริฟฟินดอร์เดินกลับขึ้นไปที่ปราสาทเมื่อหนึ่งชั่วโมงครึ่งต่อมา ไม่มีใครพูดคุยกันมากนักและนี่เป็นอีกวันที่เฮเลนรู้สึกว่ามันยาวนานเหลือเกิน

    เฮเลนนึกได้ว่าตัวเองต้องเริ่มการกักบริเวณกับอัมบริดจ์ทุกๆ ห้าโมงเย็นเริ่มตั้งแต่วันนี้ เธอและแฮร์รี่จึงตรงไปทานอาหารเย็นทันทีไม่ได้แวะไปเก็บกระเป๋าที่หอกริฟฟินดอร์ เพื่อจะได้รีบๆ หาอะไรใส่ท้องก่อนไปเผชิญหน้ากับอะไรก็ตามที่อัมบริดจ์เตรียมเอาไว้ให้ แต่แฮร์รี่ก็ถูกกักตัวเอาไว้ที่ทางเข้าห้องโถง ทั้งสองจึงไม่ได้เข้ามานั่งทานพร้อมกัน

    เฮเลนและเฮอร์ไมโอนี่นั่งรออยู่ตรงนั้นพักใหญ่กว่าแฮร์รี่จะเดินเข้ามาพร้อมกับรอน

    “รู้อะไรไหม” แฮร์รี่พูดเมื่อเขาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เธอ “ฉันว่าพวกเราน่าจะถามทางทีมพัดเดิลเมียร์ยูไนเต็ดดีกว่าว่าโอลิเวอร์ วู้ดถูกฆ่าระหว่างการฝึกซ้อมหรือเปล่า เพราะแอนเจลิน่าดูเหมือนกำลังเป็นร่างทรงวิญญาณเขาแล้ว”

    เฮเลนยักไหล่แล้วตัดเนื้อแกะจิ้มใส่ปาก

    “นายคิดว่ามีโอกาสที่...” รอนพูด

    “ไม่มี” เฮเลนแทรกพลางกลืนเนื้อลงคออย่างยากลำบาก นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าการโผล่มาเป็นน้องสาวแฮร์รี่นี่ไม่ดีเอาเสียเลย “ฉันแค่หวังว่าเขาจะไม่กักบริเวณนานนัก เพราะมีเรียงความที่เราต้องทำอีกสามเรื่องวันนี้ เขียนรูปโบวทรักเกิลแล้วก็เริ่มบันทึกความฝันด้วย”

    “ฉันกับนายต้องฝึกคาถาอันตรธานด้วย” แฮร์รี่บอกรอน

    รอนคราง “และฉันว่าดูเหมือนฝนจะตกด้วย”

    “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการบ้านของเราล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่เลิกคิ้วขึ้นถาม

    “ไม่มีหรอก” รอนตอบทันที

    อีกไม่กี่นาทีจะห้าโมง เฮเลนและแฮร์รี่ลาเพื่อนทั้งสองคนแล้วเดินขึ้นไปห้องทำงานอัมบริดจ์ที่ชั้นสาม อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ในห้องนี้เต็มไปด้วยลูกไม้และผ้าต่างๆ มีแจกันมากมายใส่ดอกไม้เอาไว้เต็ม แต่ละแจกันวางอยู่บนผ้ารองของมันเองและผนังด้านหนึ่งมีจานที่ใช้ประดับติดไว้เป็นชุด แต่ละจานตกแต่งด้วยรูปแมวตัวใหญ่ผูกโบสีสันต่างๆ เอาไว้รอบคอ วอลล์เปเปอร์ของห้องเป็นสีชมพูหวานแหววน่าสะอิดสะเอียนเมื่อต้องจ้องมองผ่านไปยังอัมบริดจ์ เฮเลนรู้สึกเหมือนถูกผีเสื้อมากมายบินวนอยู่ในท้อง

    “สวัสดี คุณพอตเตอร์”

    ทั้งสองสะดุ้งและหันมามอง เฮเลนไม่เห็นเธอเพราะชุดสีชมพูลายดอกไม้สีขมุกขมัวกลืนกับผ้าคลุมโต๊ะทำงานมากเกินไป

    “สวัสดีค่ะ/ครับ ศาสตราจารย์อัมบริดจ์” ฝาแฝดตอบแข็งๆ

    “เอาล่ะ นั่งลงสิจ๊ะ” เธอบอก ชี้ไปทางโต๊ะเล็กๆ ที่คลุมเอาไว้ด้วยผ้าลูกไม้ซึ่งเธอตั้งเก้าอี้พนักตรงสองไว้ตรงข้ามกัน กระดาษเปล่าสองแผ่นวางอยู่บนโต๊ะ เห็นได้อย่างชัดเจนว่ากำลังคอยอยู่

    เฮเลนเดินไปนั่งอย่างว่าง่าย แต่สำหรับแฮร์รี่นั้น...

    “เอ่อ” แฮร์รี่เอ่ยขึ้น “ศาสตราจารย์อัมบริดจ์ครับ – ก่อนจะเริ่ม ผม – ผมอยากจะขอความกรุณาอาจารย์”

    ดวงตาโปนๆ ของเธอหรี่เล็กลงด้วยความสงสัย เฮเลนสูดลมหายใจเข้าปอดและรู้ว่าเธอไม่ควรพูดอะไรออกมาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

    “ว่ามาสิจ๊ะ”

    “เออ ผม... ผมอยู่ในทีมควิดดิชของกริฟฟินดอร์ครับ แล้วผมต้องไปอยู่ที่การคัดเลือกคีปเปอร์คนใหม่ตอนห้าโมงเย็นวันศุกร์ และผม – ผมสงสัยว่าถ้าผมจะเว้นการกักบริเวณวันนั้นแล้วทำอีกที – ทำอีกทีคืนวันอื่นแทน จะได้ไหมครับ...”

    เฮเลนถอนหายใจ ยังไงพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ อัมบริดจ์ไม่มีทางปล่อยพวกเขาอยู่แล้ว

    “โอ... ไม่ได้หรอกจ้ะ” อัมบริดจ์ตอบ ยิ้มกว้างเสียจนปากจะฉีก “นี่เป็นการลงโทษที่พวกเธอบังอาจเผยแพร่เรื่องชั่วๆ ร้ายกาจเพื่อเรียกร้องความสนใจ และแน่นอนว่าการลงโทษจะไม่สามารถเปลี่ยนให้สะดวกกับคนที่ทำความผิดหรอกนะจ๊ะ ไม่ได้ เธอต้องมาที่นี่พร้อมฝาแฝดของเธอ เย็นวันพรุ่งนี้และวันถัดไปรวมถึงวันศุกร์ด้วย”

    เฮเลนกำมือแน่น แต่ไม่พูดอะไร เธอพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ และใจเย็น ยังไงตอนจบเธอก็รู้อยู่แล้วว่าโดโรเรส อัมบริดจ์จะจบลงแบบไหน ดังนั้นตอนนี้เธอมีหน้าที่อยู่แค่โฟกัสเรื่องของมัลฟอยก็พอแล้วเรื่องจะดำเนินไปแบบไหนก็ถึงค่อยๆ แก้ไขมันไปอย่างใจเย็น

    แฮร์รี่พ่นลมหายใจแรงๆ เมินหน้าหนีอัมบริดจ์และโยนกระเป๋าลงที่ข้างๆ เก้าอี้ตรงกันข้ามกับเธอและนั่งลง

    “ดีจ้ะ” อัมบริดจ์พูดอย่างอ่อนหวาน “พวกเธอควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้นแล้วสิ ใช่ไหม เอาล่ะ เธอจะคัดลายมือให้ฉันนะจ๊ะ แต่ไม่ใช่กับปากกาของเธอ แต่เธอต้องใช้ปากกาพิเศษของฉัน นี่จ้ะ”

    อัมบริดจ์ส่งปากกาขนนกสีดำยาวบางที่มีปลายแหลมผิดปกติมาให้ทั้งสอง

    “ฉันต้องการให้เธอเขียนว่า ฉันจะไม่โกหก” เธอบอกอย่างนุ่มนวล

    “กี่ครั้งคะ” เฮเลนถาม พยายามสงบสติอารมณ์

    “ก็จนกว่ามันจะซึมลงไปล่ะจ้ะ” อัมบริดจ์ตอบเสียงอ่อนหวาน “เอาล่ะ เริ่มได้แล้ว”

    อัมบริดจ์ขยับไปที่โต๊ะทำงาน นั่งลงและก้มลงเหนือกองกระดาษที่ดูเหมือนเป็นเรียงความคอยการตรวจให้คะแนน เฮเลนยกปากกาขนนกแหลมคมขึ้นและเริ่มบรรจงเขียน

    “อาจารย์ไม่ได้ให้หมึกพวกเรานะครับ” เขาบอก เฮเลนชะงักมือที่จิ้มปลายปากกาลงบนกระดาษฉับพลัน

    “โอ เธอไม่ต้องการใช้หมึกหรอกจ้ะ” อัมบริดจ์ตอบ ไม่มีร่องรอยเสียงหัวเราะแม้แต่น้อยในน้ำเสียง

    เฮเลนถอนหายใจเบาๆ และเริ่มเขียนว่า ฉันต้องไม่โกหก ที่เธอรู้อยู่แล้วว่ามันจะต้องเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้

    ความเจ็บปวดแล่นปลาบเข้ามาถึงสมอง ตัวหนังสือปรากฏบนกระดาษเป็นหมึกสีแดงมันวับ ในขณะเดียวกันมันก็ปรากฏบนหลังมือของเธอด้วย เฮเลนรู้ตัวว่ายังไงเธอก็หนีจุดนี้ไม่พ้นถ้าหากเธอเถียงกับอัมบริดจ์ในห้องเรียนพร้อมกับแฮร์รี่ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เธอจะต้องโฟกัส ยังไงเธอก็ต้องทนให้ได้

    อัมบริดจ์จับตามองทั้งคู่อยู่ ปากที่กว้างเหมือนคางคกเหยียดยิ้มกว้าง

    เธอยังคงเขียนต่อโดยไม่แสดงออกถึงความเจ็บปวดใดๆ แม้ว่าจะรู้สึกเจ็บแสบที่หลังมือมากมายก็ตาม แผลสมานอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่วินาทีต่อมาและเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ด้วยสิ่งที่เฮเลนรู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่ใช่น้ำหมึกแต่เป็นเลือดของเธอเอง คำเหล่านั้นกรีดลงบนหลังมือเธออย่างช้าๆ และเยือกเย็น คนที่ออกคำสั่งให้เด็กนักเรียนทรมานตัวเองได้แบบนี้และต้องเป็นคนมีจิตใจต่ำช้าถึงแค่ไหนกันแน่

    ความมืดแผ่ลงมาปกคลุมภายนอกหน้าต่างของอัมบริดจ์ ไม่มีการถามว่าเมื่อไหร่จะหยุด ทั้งสองรู้ว่าอัมบริดจ์จับตาดูอยู่คอยดูสัญญาณความอ่อนแอและไม่มีวันที่จะได้เห็น แม้ว่าจะต้องอยู่ที่นี่ตลอดคืนก็ตาม อยู่ทั้งคืนเพื่อกรีดมือของตัวเองให้เป็นแผลด้วยปากกาขนนกนี่...

    “มานี่” เธอพูดหลังจากที่ผ่านไปหลายชั่วโมง

    ทั้งสองยืนขึ้น มือนั้นทั้งเจ็บทั้งแสบ รอยแผลสมานเหมือนเดิมแล้วแต่ว่าผิวหนังบริเวณนั้นเป็นสีแดงก่ำ

    “เอามือมา” อัมบริดจ์บอก

    ทั้งสองยื่นมือออกไปตรงหน้าของเธอ ใบหน้าของอัมบริดจ์ดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก

    “จุ๊ๆ ดูเหมือนว่ายังไม่ได้ทำให้มีรอยประทับอะไรอยู่เลยนะ” อัมบริดจ์บอกยิ้มๆ มันช่างเป็นรอยยิ้มที่น่าสะอิดสะเอียนเสียเหลือเกิน “เอาล่ะ เราต้องพยายามใหม่อีกหนค่ำพรุ่งนี้นะจ๊ะ ไปได้แล้วจ้ะ”

    ทั้งคู่เดินออกจากห้องทำงานของอัมบริดจ์โดยไม่พูดอะไรสักคำ มือเล็กเอื้อมไปจับมือแฮร์รี่เอาไว้เบาๆ โรงเรียนช่างว่างเปล่าเหมือนถูกทิ้งร้าง มันคงเลยเวลาเที่ยงคืนไปแล้วแน่ ทั้งคู่เดินช้าๆ ไปตามระเบียงทางเดินอย่างเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรกันเลย ทำเพียงแค่ปลอบใจกันและกันผ่านมือที่กุมกันอยู่เพียงเท่านั้นเอง

    เฮเลนตื่นมาเขียนบันทึกความฝันในตอนเช้า เพิ่มเติมภาพวาดโบวทรัคเกิลอีกนิดหน่อยแต่ก็ยังคงไม่ได้เขียนเรียงความใดๆ วันนี้เป็นอีกวันที่เฮเลนรู้สึกไม่อยากจะเข้าเรียนในชั้นเรียนไหนเลย เธอทำได้ดีในวิชาแปลงร่างแต่มันก็ไม่สมบูรณ์และถูกสั่งให้ฝึกต่อไปอีก ระหว่างพักคาบเธอก็เขียนรูปโบวทรัคเกิลจนเสร็จ ในระหว่างนั้นก็มีการบ้านเพิ่มขึ้นมาอีกเหมือนดอกหญ้าที่กำลังงอกขึ้นมาเพิ่มในพื้นที่สวนหลังบ้านจนแทบเต็มพื้นที่ ถ้าไม่รีบถอนออกก็จะรกและอาจมีสัตว์มีพิษมาอยู่ร่วมด้วย การบ้านก็เช่นกัน ถ้าไม่เร่งมือทำให้เสร็จ เฮเลนคิดว่าเธอคงจะไม่มีเวลาเพื่อไปทำภารกิจเปลี่ยนแปลงเรื่องราวตามที่คาดแน่ๆ ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่มีทางเสร็จตามที่คาดเพราะต้องกักบริเวณกับอัมบริดจ์ แฮร์รี่แทบปรอดแตกเพราะแอนเจลิน่าต่อว่าเขาอีกครั้งเรื่องกักบริเวณและไม่สามารถไปคัดตัวคีปเปอร์กับทีมได้

    การกักบริเวณครั้งที่สองเลวร้ายพอๆ กับครั้งแรก ผิวหลังมือของสองพี่น้องเริ่มบวมแดงและอักเสบในไม่ช้ามันคงเป็นรอยแผลเป็นอยู่ที่หลังมือ อัมบริดจ์คงพอใจที่ได้เห็นแบบนี้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครยอมส่งเสียงร้องออกมาสักแอะเดียวนับตั้งแต่วินาทีที่ก้าวเข้าไปในห้องจนกระทั่งถึงเวลาที่ได้รับอนุญาตให้ออกไปได้ และมันก็เลยเที่ยงคืนไปอีกเหมือนเดิม

    คืนนี้เป็นคืนที่เฮเลนจำเป็นต้องเขียนเรียงความของศาสตราจารย์สเนป แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเขียนไปบ้างแล้วก็ตามมันก็คงไม่พอสำหรับทั้งหมดและบางทีเธออาจโดนทำโทษถ้าละทิ้งมันเอาไว้เท่านี้

    “เธอยังทำไม่เสร็จหรอกเหรอ” แฮร์รี่ถาม ใบหน้าอ่อนเพลียและเหนื่อยถึงขีดสุด

    “ที่จริงมันก็แค่ยังไม่สมบูรณ์น่ะ” เฮเลนตอบ “อีกอย่างฉันก็อยากอยู่กับนายด้วยนะ คิดเสียว่าเราเป็นพี่น้องกันก็ต้องอยู่ด้วยกัน แบบนี้ดีไหม”

    “เพ้อเจ้ออะไรของเธอ” แฮร์รี่พูดแล้วก้มหน้าก้มตาเขียนรายงานต่อไป "เราเป็นพี่น้องกัน ก็ต้องอยู่ด้วยกันอยู่แล้วสิ"

    เฮเลนแอบยิ้มมุมปาก จนกระทั่งเวลาตีสองครึ่งที่เฮเลนช่วยแฮร์รี่ทำรายงานจนเสร็จ มันดูไม่สมบูรณ์นักถ้าเทียบกับที่เธอทำแต่มันคงไม่อาจดีไปกว่านี้ได้อีกแล้ว เพราะถ้าหากไม่มีอะไรไปส่ง แฮร์รี่ก็อาจถูกสเนปกักบริเวณเป็นคนต่อไป เฮเลนทิ้งสมุดจดเอาไว้ให้แฮร์รี่และขึ้นไปอาบน้ำนอน เธอล้มลงบนเตียงและหลับไปทันที

    วันพฤหัสบดีผ่านไปอย่างอ่อนเพลีย การกักบริเวณครั้งที่สามผ่านไปแบบเดิมเหมือนเมื่อสองคืนก่อนหน้า ยกเว้นแต่ว่าตอนนี้ ตัวหนังสือ ฉันต้องไม่โกหก ไม่ได้เลือนหายไปจากหลังมือของทั้งคู่อีกแล้ว

    “อ้า” เธอพูดอย่างอ่อนโยน ขยับตัวอ้อมโต๊ะทำงานมาสำรวจมือของทั้งสองคน “ดีแล้ว นี่จะได้เป็นเครื่องช่วยเตือนใจพวกเธอ ใช่ไหมจ๊ะ เธอไปได้แล้วคืนนี้”

    “เรา – ” เฮเลนขยับปากจะถาม แต่ไม่ทันแฮร์รี่ “เรายังต้องมาพรุ่งนี้อีกไหมครับ”

    “โอ ต้องมาสิ” อัมบริดจ์ตอบ ยิ้มกว้างน่าเกลียดดังเช่นเคย “ต้องมา ฉันคิดว่าเราจะสลักข้อความนี้ลงไปได้ลึกอีกนิดหน่อยถ้าทำงานตอนค่ำอีกคืนนะจ๊ะ”

    ทั้งคู่เดินออกมาจากห้องทำงานของเธอเหมือนเคย ตอนนี้เฮเลนบอกปัดแฮร์รี่เพื่อไปห้องน้ำและขออยู่กับตัวเองสักพัก ร่างบางยืนพิงอ่างล้างมือและสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อสงบสติอารมณ์ มันยากที่จะโฟกัสไปที่เดรโกในตอนนี้ ในเมื่อเธอแทบไม่ได้เจอเขาเลยเพราะต้องถูกกักบริเวณกับอัมบริดจ์ เธอควรจะทำยังไงต่อไปถ้าหากว่ามันสายเกินไปที่จะดึงเดรโกให้เข้ามาร่วมด้วย

    เฮเลนกำมือแน่น เธอถอนหายใจแรงๆ อีกครั้งในห้องน้ำหญิงที่ว่างเปล่าก่อนจะเดินลิ่วกลับไปที่ทางเข้าหอคอยกริฟฟินดอร์ในทันที เธอพบเข้ากับแฮร์รี่และรอนเมื่อถึงหน้ารูปภาพสุภาพสตรีอ้วนที่กำลังงีบหลับอย่างมีความสุข

    “ยายแก่ปลาร้า!” รอนพูดเสียงกระซิบแต่ก็ดังพอให้เธอได้ยิน เฮเลนสะดุ้งแรงๆ ทีหนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปสมทบกับพวกเขา “พวกนายต้องไปบอกศาสตราจารย์มักกอนนากัล!

    “ไม่” แฮร์รี่ตอบรอนทันควัน “ฉันไม่ยอมให้ยัยนั่นสะใจหรอกว่าเขามีอิทธิพลเหนือฉัน”

    “เราบอกใครเรื่องนี้ไม่ได้หรอกรอน” เฮเลนว่า “บอกไปก็ไม่มีใครช่วยเราได้ เขาเป็นคนที่ขึ้นตรงต่อกระทรวง นายลืมไปแล้วเหรอ!

    “นี่พวกเธอจะบอกรหัสผ่านให้ฉัน หรือว่าฉันจะต้องตื่นตลอดทั้งคืนเพื่อคอยพวกเธอคุยกันจบล่ะ” สุภาพสตรีอ้วนพูดเสียงงัวเงีย ทั้งสามจึงรีบบอกรหัสผ่านและแยกย้ายกันเข้าหอนอนในทันที

    เช้าวันศุกร์มึนตึงและชุ่มโชกเหมือนวันอื่นๆ ตลอดสัปดาห์นี้ เรื่องเดียวที่ทำให้เฮเลนไม่คิดกระโดดลงจากระเบียงคือความคิดที่จะดึงเดรโกเข้ามาเป็นพวกเดียวกัน เธอพบเขาในช่วงการเรียนวิชาอื่นบ้างในบางครั้งแต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้คุยกัน ช่วงเวลาว่างที่มีอยู่เฮเลนมอบมันให้กับการบ้านทั้งหมดจนตอนนี้เธอเริ่มคิดแล้วว่าตัวเองเป็นคนในโลกนิยายแห่งนี้แล้วจริงๆ จนต้องย้ำตัวเองอีกครั้งว่าอย่าผูกความรู้สึกเปราะบางนี่เอาไว้กับใคร

    เย็นวันนั้นห้าโมงตรง ทั้งคู่เขียนคำว่า ฉันต้องไม่โกหก เหมือนเดิมอีกครั้ง แต่เฮเลนเห็นว่าแฮร์รี่คอยชำเลืองออกไปนอกหน้าต่างทุกครั้งที่มีโอกาส เลือดเริ่มไหลรินที่หลังมือของทั้งคู่ แต่ไม่มีใครปริปากพูดอะไร แฮร์รี่ยังคงชำเลืองออกไปนอกหน้าต่าง เขาคงกำลังเชียร์ใครสักคนที่เข้าคัดเลือกเป็นคีปเปอร์คนใหม่ในทีม ท้องฟ้าเริ่มมืดลงแล้วและบางทีแฮร์รี่คงไม่สามารถมองออกไปนอกหน้าต่างและเห็นใครได้อีก

    กระดาษตอนนี้ส่องแสงวาวด้วยหยดเลือดจากหลังมือของเธอ มันแสบและเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น มันมากกว่าที่เธอคิดเอาไว้เสียอีก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังไม่ส่งเสียงหรืออะไรออกมาเลย อาจจะเป็นเพราะว่า เธอมัวแต่นึกถึงเรื่องของเดรโกอยู่ตลอดเวลาเสียกระมัง

    แปล๊บ!

    อยู่ๆ เฮเลนก็รู้สึกปวดที่หน้าผาก เธอไม่แน่ใจว่าแฮร์รี่รู้สึกถึงมันเหมือนกันหรือเปล่า แต่คิดว่าคงไม่ใช่ กี่นาทีถัดมาอัมบริดจ์ก็ลุกขึ้นมาจับมือของแฮร์รี่ขึ้นดูรอยแผล เขากระเด้งตัวออกห่างเธออย่างรวดเร็ว ในตอนนั้นเฮเลนจึงรู้ว่าเขาเองก็รู้สึกได้ถึงความปวดแสบปวดร้อนที่แผลเป็นบนหน้าผาก นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกอะไรแบบนี้ มันเจ็บแบบนี้เองอย่างนั้นสินะ

    พวกเขารีบออกจากห้องทันทีที่อัมบริดจ์อนุญาต ถึงแม้ว่าจะกลับมาได้ยินเรื่องน่ายินดีอย่างเรื่องที่รอนได้เป็นคีปเปอร์ของทีมกริฟฟินดอร์ ถึงอย่างนั้นเฮเลนก็ไม่ได้อยู่ในอารมณ์นั้นเท่าไหร่ เธอรีบขอตัวและเดินลากขาขึ้นบันไดหอหญิงไป

     

    ติดตามตอนต่อไป...

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×