คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำแห่งเรื่องราว (Re.1)
Up lode : 27/04/2016
Re Write No.1 : 13/05/2016
บทนำ
เมื่อนานมาแล้ว
มีสองเผ่าพันธุ์ปกครองโลกใบนี้ ได้แก่ มนุษย์และปิศาจ
วันหนึ่ง
ได้เกิดสงครามแก่งแย่งชิงดินแดนระหว่างสองเผ่าพันธุ์ขึ้นมา
หลังจากเกิดการต่อสู้ขึ้นอย่างยาวนาน
เหล่ามวลมนุษย์ได้รับมาซึ่งชัยชนะ
พวกเขา
ปิดผนึกเหล่าปิศาจเอาไว้ในใต้ดินอันมืดมิดด้วยเวทมนตร์คาถา….
ในอีกหลายปีต่อมา
เทือกเขาอีบอท ปี ค.ศ. 201X
ตามตำนานนั้นได้ถูกกล่าวขานเอาไว้ว่า
ไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่ปีขึ้นไปบนภูเขาแห่งนี้ไม่มีวันได้กลับลงมา...
...
“อืม...”
เปลือกตาทั้งสองข้างหนักอึ้งจนแทบไม่อยากจะลืมขึ้นมา ร่างกายผอมบางของเด็กสาวสั่นสะท้านเนื่องจากแรงกระแทกหลังจากตกลงมาในระยะที่สูงพอสมควร กลิ่นหอมของดอกไม้ที่รองรับร่างของเธอเอาไว้นั้นทำให้เด็กสาวรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย
“อา... อะไรกันเนี่ย”
ฉันค่อยๆ
ขยับแขนขาอย่างเชื่องช้าและรู้สึกว่ากล้ามเนื้อทุกส่วนชาไปหมดเพราะแรงกระแทกที่ได้รับมานั้นค่อนข้างแรง เมื่อลืมตาขึ้นก็พบว่าความมืดได้บดบังวิสัยทัศน์รอบกายเอาไว้ทำให้ไม่สามารถรู้ได้ว่าที่ที่ตัวเองนอนอยู่นั้นคือที่ไหนกันแน่ ตอนนี้มีเพียงแสงจากโพรงด้านบนส่องให้แสงสว่างยังเบื้องล่างนี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ที่นี่ที่ไหนกัน...?
มือทั้งสองข้างยันร่างอันหนักอึ้งขึ้นจากพื้นอย่างทุกลักทุเล เกิดอะไรขึ้น? ทำไมฉันถึงได้มาอยู่ที่นี่? คำถามมากมายประเดประดังเข้ามาในหัวอย่างไม่อาจห้ามได้ ฉันมองทอดเข้าไปในความมืดที่ปกคลุมรอบกาย พยายามที่จะทำให้ดวงตานี้คุ้นชินกับความมืด โชคดีที่มันได้ผล
ฉันมองเห็นเงารางๆ ของโพรงที่อาจจะเป็นจุดเชื่อมต่อของที่แห่งนี้กับที่ไหนสักแห่ง ที่ไหนสักแห่งที่อาจจะเป็นทางออกไปจากสถานที่แห่งนี้ ถึงแม้จะยังมองไม่เห็นจุดหมายปลายทาง สองเท้าเล็กๆ ก็ไม่รอช้าที่จะเดินก้าวผ่านความมืดอันแสนน่ากลัวนั่นไปอย่างมีความหวัง...
ความหวังที่จะได้กลับไปบ้าน...
เดินไปได้ไม่ไกลฉันก็มาถึงสุดปลายอุโมงค์ แสงสว่างเบื้องหน้ากำลังบอกฉันว่าฉันได้มาถึงจุดหมายปลายทางตามที่ตั้งใจเอาไว้แล้วนะ! ยังไม่ทันคิดอะไรให้มากความ สองเท้าก็ก้าวเร็วขึ้น ถี่ขึ้นเท่าที่สองขอน้อยๆ นี้จะทำได้ จนในที่สุดฉันก็วิ่งฝ่าความมืดมิดออกมาจนถึงแสงสว่าง!!
แต่สิ่งที่ได้เจอกลับไม่ใช่สิ่งที่คาดหวังเอาไว้...
กึก...
“อ๊ะ!”
ดวงตาเล็กๆ จ้องมองมาที่ใบหน้าฉันพร้อมรอยยิ้มแสนหวาน รอบใบหน้ากลมบ๊อกนั่นล้อมรอบไปด้วยกลีบเล็กๆ สีทองอร่ามตา ฉันมองไปยังดอกไม้สีทองมีหน้าตาเป็นมิตรนั่นอย่างไม่ไว้วางใจสักเท่าไหร่นัก
“หวัดดี!” เจ้าดอกไม้เอ่ยทักพร้อมรอยยิ้ม
“เอ่อ... หวัดดี?”
“ฉันชื่อว่าฟลาววี่ ดอกไม้ฟลาววี่"
“เอ่อ... ฉันชื่อฟริคส์"
ฉันยืนนิ่งก่อนจะตอบมันกลับไป ใบหน้ายิ้มแย้มนั่นยังคงมองฉันด้วยสายตาที่เป็นมิตร ความจริงตามมารยาทแล้วฉันควรจะส่งยิ้มกลับไปให้ฟลาววี่ แต่ในกรณีนี้ฉันขอปฏิเสธที่จะยิ้มคงจะดีกว่า...
“เธอเพิ่งมาที่ใต้ดินนี้ครั้งแรกใช่รึเปล่า?
ฉันไม่เคยเห็นหน้าเธอเลย”
“ก็คงใช่ ที่จริง...”
“โอ้พระเจ้า!”
ดอกไม้ไม่รอให้ฉันพูดจบ มันก็ชิงพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน ฉันชะงักปากไปและยืนมองมันอย่างเงียบๆ
“เธอคงจะสับสนมากเลยสินะ”
“ก็นะ -_-;” ฉันยักไหล่
“ฉันว่าควรจะมีใครสักคนที่สอนเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ
ของที่นี่ให้กับเธอซะแล้วล่ะ”
สอนงั้นเหรอ?
“เดาว่าเดี๋ยวก็คงจะเป็นฉันนี่แหละที่ต้องทำ ฮิฮิ”
ฟลาววี่หัวเราะเบาๆ และเหล่มองมาทางฉันด้วยสายตาที่แฝงเอาไว้ด้วยความหมาย ถึงแม้ว่าฉันจะอ่านมันไม่ออกแต่มันกลับให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด ฉันมองดอกไม้ตรงหน้าพลางคิดทบทวนไปมาหลายตลบแต่เมื่อนึกอะไรไม่ออกฉันจึงเลือกที่จะละทิ้งความสงสัยนั่นเอาไว้ก่อน
“พร้อมรึยัง?”
“ตอนนี้เลยเหรอ?” ฉันเลิกคิ้วถามกลับ
“ใช่สิ เธอจะมัวรออะไรอยู่ล่ะ”
“งั้นก็ได้”
“ไปกันเลยยย”
พรึบ!
เพียงชั่ววินาทีที่ฟลาววี่พูดจบพลันสร้อยรูปหัวใจที่ห้อยอยู่ที่คอของฉันก็เปล่งแสงออกมา ฉันจำไม่ได้เลยว่าฉันห้อยมันเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันมองสร้อยที่แขวนอยู่ที่ก่อนที่มันจะเปลี่ยนสีจากสีทองกลายเป็นสีแดงสด...
“เธอเห็นหัวใจนั่นไหม? มันคือวิญญาณของเธอ
และมันเป็นสิ่งที่สุดยอดมากเลยล่ะ”
“...”
“วิญญาณเริ่มแรกของเธอนั้นจะอ่อนแอ
แต่สามารถที่จะเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นได้ถ้าหากเธอได้รับ LV. ที่เพียงพอ”
ฉันเลิกคิ้วใส่เจ้าดอกไม้นั่นอีกครั้ง ในหัวมีคำถามมากมายตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบแต่หลีกเลี่ยงที่จะไม่พูดออกมา ซึ่งตอนนี้ฉันคิดว่าฉันควรจะเอ่ยถามคำถามที่ตรงกับสถานการณ์แบบนี้ก่อนจะดีที่สุด
“LV. มันคืออะไรเหรอ?”
“อ๋อ... LV. ก็คือ LOVE ความรักไงล่ะ!”
ความรักเนี่ยนะ?
“ใช่ ความรักจะทำให้เธอเติบโตและแข็งแกร่งขึ้น
เข้าใจไหม?”
“ก็ เข้าใจนะ -_-;”
“เธอต้องการความรักนั่นสักหน่อยมั้ยล่ะ
ฉันจะแบ่งให้เธอเอง”
ความรักนั่น? เจ้านี่พูดเหมือนกับมันหาได้ง่ายๆ เลยนะ...
“แบ่งได้ด้วยเหรอฟลาววี่?”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้ว”
เจ้าดอกไม้สีทองขยิบตาข้างหนึ่งพลางส่งยิ้มมาให้ฉันอย่างเป็นมิตร แต่ความรู้สึกของฉันตอนนี้มันกำลังบอกฉันว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้มันไม่ปลอดภัยเอาซะเลย... ดวงตาใสดูไร้เดียงสานั่นราวกับกำลังซ่อนความร้ายกาจเอาไว้ยังไงอย่างนั้นแหละ
“ฉันจะแบ่งความรักให้เธอเอง” ดอกไม้สีทองว่าแล้วปล่อยแสงสีขาวสว่างออกมา...
“อยู่ที่นี่ ความรักจะแบ่งปันกันผ่านเม็ดขาวๆ
เล็กๆ แห่งมิตรภาพนี้”
ฟลาววี่ว่าพลางใช้ใบของมันชี้ไปยังพลังสีขาวบริสุทธิ์ที่มันเรียกออกมา ฉันมองสิ่งนั้นด้วยความรู้สึกไม่ไว้ใจ ใบหน้าแสนดีแถมเป็นมิตรนั่นจะซ่อนความร้ายกาจเอาไว้แค่ไหนกันนะ...
มันให้ความรู้สึกที่ไม่ดีเอาซะเลย!
“พร้อมมั้ย? ขยับแล้วมาเอามันไปเลย!”
จบประโยคนั้นพลังสีขาวนั่นก็ลอยพุ่งเข้ามาหาฉันพร้อมกันอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ ด้วยความหวาดระแวงฉันเบี่ยงตัวหลบพวกมันไปได้อย่างฉิวเฉียด ฉันมองพลังสีขาวลอยทะลุกำแพงออกไปด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก
มันทั้งดูน่ากลัวและดูไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย
“เฮ้... เธอพลาดแล้วนะ เอาอีกทีนะ โอเคมั้ย?”
ฟลาววี่พูดย้ำใส่ฉันก่อนจะปล่อยพลังสีขาวนั่นพุ่งเข้าใส่ฉันอีกครั้ง! และรู้สึกว่าคราวนี้มันจะเร็วและดูอันตรายมากขึ้นกว่าเดิม โชคเข้าข้างที่ฉันยังคงเบี่ยงตัวหลบมันได้อีกครั้งหนึ่ง
ไม่... แบบนี้มัน...
“เอ่อ... ฉันว่าพอดีกว่านะ ฉันพลาดไปแล้วน่ะ”
“ไม่ต้องห่วงน่า! ความรักของฉันมีเปี่ยมล้นเลยล่ะ!”
มันพูดคำว่าเปี่ยมล้นเหรอ? ให้ตายเถอะ!
ยังไม่ทันจบประโยคดี พลังสีขาวที่ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่ามันคือการโจมตีก็ได้พุ่งเข้าใส่ฉันอีกครั้งด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น ด้วยความตกใจฉันกระโดดหลบไปอีกทางและรอดพ้นมันมาได้อย่างหวุดหวิด...
เจ้าดอกไม้สีทองเปลี่ยนสีหน้าอย่างเห็นได้ชัด ฉันยืนมองมันอย่างเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรต่อ และคราวนี้ดูเหมือนว่าฟิวส์มันกำลังจะขาดแล้วแน่ๆ!
“เฮ้! เธอคิดว่านี่เป็นเรื่องตลกรึไง”
“...”
“วิ่ง! เข้า! มา!...”
“...”
“ที่กระสุน!!!!”
WTF!? เมื่อกี้ว่าไงนะ?
ฟลาววี่ทำหน้าตกใจก่อนจะเปลี่ยนคำพูดกะทันหัน
“เอ้ย! พลังแห่งมิตรภาพนี่”
ฉันตัดสินใจวิ่งหลบมันอีกครั้งและครั้งนี้นั้นทำให้ทุกๆ อย่างเปลี่ยนไป ฟลาววี่ไม่ได้แค่ชักสีหน้าใส่ฉันเหมือนก่อนหน้านี้ แต่มันนั้นกลับทำหน้าไม่พอใจอย่างรุนแรงและใบหน้าของมันตอนนี้ช่างดู... น่าเกลียดและน่าขยะแขยง
มันเปลี่ยนไปอย่างกับพลิกหน้ามือเป็นหลังส้นทีน!
“แกรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นที่นี่ใช่ไหม?
เจ้ามนุษย์หน้าโง่!”
เฮือก...
“แกก็แค่อยากจะเห็นฉันทรมานเท่านั้นแหละ!!”
ฟลาววี่พูดแล้วปล่อยพลังแห่งมิตรภาพ (จอมปลอม) นั่นออกมาอีกครั้ง และคราวนี้ไม่ได้ปรากฏขึ้นรอบตัวมัน แต่มันปรากฏขึ้นรอบๆ ตัวของฉัน!
“ตาย!!!!”
โปรดติดตามตอนต่อไป...
ความคิดเห็น