ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Until The End Of Time

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 1 Before Crisisตอนที่ 2 แสงสว่างที่สาดส่องลงมาในความอ่อนโยน(3/3)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 219
      0
      27 ต.ค. 50


              เปียโนหลังใหญ่ทำจากไม้เนื้อดีสีดำขลับถูกวางชิดไว้อีกมุมหนึ่งทางซ้ายของแท่นพิธีกรรมส่วนทางฝั่งขวาเป็นประตูห้องสารภาพบาปเครื่องคีตภัณฑ์ที่ขับกล่อมเสียงดนตรีอันไพเราะชวนสนับรับฟัง ชายหนุ่มเลื่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้นุ่มวางมือเบาๆสัมผัสเปียโนอย่างถนุถนอมก่อนจะขยับปลายนิ้วลงบนแป้นคีย์ บรรเลงรังสรรค์บทเพลงตามโน้ต ราวกลับเป็นเสียงเพราะจากฟากฟ้าประทานลงมาดั่งเสียงพิสุทธิ์ขจัดมลทินในจิตใจ

     

    เสียงร้องไห้ระงมปนเปแปรเปลี่ยนเป็นความสงบเข้าปกคลุมจากปลายนิ้วที่ขับบรรเลงบทเพลง นิ้วเรียวพลิ้วไปตามแป้นโน้ตอย่างชำนาญแม้จะไม่มีเนื้อดนตรีกำกับไว้ ราวกลับเป็นบทเพลงที่คุ้นเคยบทเพลงที่เขาบรรจงสรรค์สร้างจากถ้อยความคิดทั้งหมดที่มีเพื่อใครบางคนใครบางที่เขาเองก็ไม่อาจจะรู้จักบทเพลงที่แต่งขึ้นเพื่อใครคนนั้นที่เขากำลัง...รอคอย

     

     

    มวลบุปผาเอย...โปรดโปรยสายธารแห่งความอ่อนโยน
    เพื่อส่งมอบความหวังดีนี้ไป

     

     

    บทเห่กล่อมขับขานแปรเปลี่ยนเป็นเพลงกล่อมเหล่าเด็กน้อยเข้าสู่ห้วงภวังค์พลันหมู่มวลดอกไม้งามโปรยปรายลงมาอย่างไร้จุดกำเนิดจากสิ่งเหนือธรรมชาติ มนต์บทง่ายๆที่ถ่ายทอดความอ่อนโยนจากผู้ใช้ส่งให้กับทุกคนด้วยความหวังดีที่แสนอบอุ่นลงสู่อุ้งมือเล็กบอบบาง

     

    โหพี่ชายอ๊ะ! ไม่สิพี่บลิทซ์ ยอดเลยอ่ะไลท์เอ่ยด้วยน้ำเสียงชื่นชมทันทีที่บทคีตาอันอ่อนโยนขับบรรเลงจนจบพี่เป็นนักเวทย์สายเลือดแท้ใช่ไหม?!” ถ้อยคำฟังดูตื่นเต้นด้วยเพราะตั้งแต่เกิดมาสิบสองปีเด็กชายเองยังไม่เคยพบพานกับผู้ใช้เวทย์มนตร์สายเลือดบริสุทธิ์ที่หาได้ยากในปัจจุบันนี้เลยสักครั้ง

     

    บลิทซ์ที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินเบี่ยงจากเปียโนรอยยิ้มบางเบาดูเศร้าสร้อยประดับที่มุมปากก่อนที่ชายสูงศักดิ์จะเริ่มพูดครับแต่ถ้ารู้ว่ามาจากไหนบางทีคุณอาจจะรู้สึกไม่ดีกับผมก็ได้นะครับใช่ทุกคนที่รู้ทุกคนที่รู้ว่าเขาเป็นคนของรูนเป็นประธานสภาสูงสุดของรูนบางครั้งครั้งท่าทีเป็นมิตรในทีแรกที่มีก็อาจจะไม่สิ! ต้องหายไปอย่างสิ้นเชิง

     

    ปลายของชายผ้าคลุมถูกกระตุกเรียกให้ชายร่างสูงหันไปมองกับร่างเล็กๆของเด็กหญิงวัยสองปีที่เหมือนจะเป็นตัวต้นปัญหาของเรื่องทั้งหมดหนูให้ค่ะ พี่ชายเปียโนแองจีล่าขยับรอยยิ้มกว้างก่อนจะส่งมอบดอกไม้ดอกเล็กสีขาวสะอาด บลิทซ์นั่งลงยองชันเข่าข้างหน้าเด็กหญิงตัวน้อยส่งยิ้มบางๆตามรอยยิ้มอันไร้เดียงสา

     

    ขอบคุณนะครับชายหนุ่มรับดอกไม้เล็กๆอันบอบบางที่แองจีล่าส่งให้ก่อนจะขยับฝ่ามือกว้างลงบนศีรษะไล่ไปตามเรือนเส้นผมอย่างอ่อนโยน

     

    ว่าแต่คำว่าพี่ชายเปียโนนี่มันหมายถึงเราเหรอ?

     

    ดูท่าจะไปได้สวยเลยนะคะเสียงหวานใสดังขึ้นจากด้านหลังนอร์เฟรเซียที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ร้องเปรยขึ้นเบาๆเล่นเอาชายสูงศักดิ์ตกใจจนเกือบปล่อยมือจากดอกไม้งาม หญิงสาวเรือนผมสีแดงพระเพลิงโน้มกายก้มลงมองร่างสูงที่นั่งชันเข่า ก่อนจะขยับปลายนิ้วมือวางระหว่างริมฝีปากเอ๋….ตกใจหรือคะ?”

     

    ครับตกใจ...มากด้วย

     

    ความนึกคิดที่ไม่อาจจะออกจากปากได้บลิทซ์เหยียดกายลุกขึ้นยืนก่อนจะกระตุกมุมปากยิ้มตอบธุระของคุณ เสร็จแล้วเหรอครับ?” ชายหนุ่มเอ่ย นอร์เฟรเซียพยักหน้ารับก่อนที่ผ่ามือบางของเด็กหนุ่มวางลงบนเนื้อไม้สีดำขลับของเปียโนราวกับจะเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะถามเรื่องธุระส่วนตัวกับผู้หญิงมากกว่านี้มันคงจะเสียมารยาทเกินไปยังดูใหม่อยู่เลยนะครับ

     

    อ้อ!ค่ะ เพราะปีหนึ่งจะให้แค่ไม่กี่เองครั้งอย่างวันคริสต์มาสอะไรแบบนี้ แต่ความจริงแล้วเจ้านี่แก่กว่าฉันซะอีก...มั๊งคะนอร์เฟรเซียว่ายิ้มอย่างร่าเริงแต่เธอเล่นเปียโนเก่งจังเลยนะคะ….ทำให้ฉันคิดถึงตอนนั้นเลย..” เด็กสาวเอ่ยนัยน์ตาสีฟ้าสะอาดดูเศร้าสร้อยจ้องลึกลงไปยังไพลินสีน้ำเงินเข้ม ก่อนที่เธอจะเปลี่ยนทีท่าจากเมื่อครู่นี้ทันควันเมื่อรู้ว่าบลิทซ์สัมผัสได้ถึงความรู้สึกนั้น

     

    จะอยู่ทานอาหารเย็นด้วยกันไหมคะวันนี้เป็นครีมสตูล่ะ คุณป้าร้านขายผักเขาให้แครอทอย่างดีมาด้วยค่ะ...ที่นี่อาหารเย็นเริ่มตอนสี่โมงครึ่งค่ะนอร์เฟรเซียว่าพลางยกถุงกระดาษที่ห่อแครอทสีส้มไว้หลายหัวก่อนจะเอ่ยซ้ำเมื่อเห็นบลิทซ์ขมวดคิ้วเรียวทำหน้างุ่นงงเพราะตอนนี้เพิ่งจะบ่ายสามโมง...จะเร็วเกินไปสำหรับอาหารเย็นไหมนะ? 

     

    อ่ะเอ่อ ครับบลิทซ์พยักหน้ารับ ก่อนที่นอร์เฟรเซียจะเดินเข้าไปในครัวพร้อมกับชายน์เพื่อไปจัดแจงอาหารมื้อเย็น ทิ้งดวงเนตรสีฟ้ายามราตรีหลุบลงต่ำอย่างครุ่นคิด

     

    เมื่อกี๊ทำไมเธอถึง

     

    แครอทไม่เอานะ  เสียงเล็กของเด็กชายสั่นเครือ ดวงหน้าอ่อนเยาว์ถอดสีเป็นสีขาวราวกับเลือดไม่หล่อเลี้ยง ไลท์ขยับมือยกขึ้นเกาะลำแขนของร่างสูงสง่าเงยหน้ามองด้วยดวงเนตรสีฟ้าที่สะท้อนน้ำตาพี่ช่วย ไปบอกพี่นอร์ฟทีสิว่าผมไม่กินมื้อเย็น

     

    บลิทซ์ก้มลงมองร่างเล็กก่อนจะหลุดสรวลเสออกมาอย่างไม่ตั้งใจจนไลท์มองค้อน มือหนาขยับวางลงบทศีรษะของเด็กชายทำไมถึงไม่ชอบแครอทล่ะครับ มันมีประโยนช์นะเด็กหนุ่มขยับรอยยิ้มบางให้ไลท์ทั้งที่กำลังกลั้นหัวเราะอยู่ใจแทบขาด

     

    ผมเป็นคนนะไม่ใช่กระต่าย ทำไมต้องกินแครอทด้วยรสชาติหวานแบบเฟื่อนๆแบบนั้นอร่อยตรงไหนกัน ถึงจะรู้ว่าดีต่อสุขภาพก็เหอะไลท์ยกแขนขึ้นกอดอกท่าทางไม่ค่อยพอใจเท่าไร่ ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นอย่างกวนประสาท

     

    ผมน่ะฟังยัยชายน์สารยายแบบพรรณาโวหารเรื่องประโยชน์ของมันจนขึ้นใจแล้วล่ะ ใช่ทั้งเรื่องของเบต้าเคโรทีนหรือเรื่องวิตามินต่างๆที่เขาจะได้รับหากกระเดือกคู่ปรับตลอดกาลลงคอ

     

    “…หรอครับ?” บลิทซ์รับ ก่อนน้ำเสียงนุ่มจะเอ่ยขึ้นอีกครั้งเป็นเชิงหยอกเย้า ประโยชน์ของแครอทเนี่ยมันมีอะไรบ้างล่ะครับ

     

    แต่ผมว่า...ถ้าคุณไม่กิน...ก็น่าสงสารคุณแครอทแย่เลยนะ?”

     

    น่าสงสาร...ยังไงฮะไลท์ทวนคำด้วยความสงสัย ว่าที่บลิทซ์พูดมันหมายความว่ายังไงแค่ฟังยัยหางเปียนั่นบ่นตั้งแต่มื้อเที่ยงที่เขกินค้างไว้ยันจนจะมื้อเย็นแบบนี้เขายังไม่มีความรู้สึกยากจะกินมันเลย

     

     ก็...เสียงนุ่มลากเสียงยาวก่อนจะหันมาทางเด็กชายแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน ก็เพราะว่าคุณแครอทน่ะต้องใช้เวลาปลูกราว 3 อาทิตย์ถึงจะเจริญเติบโต คุณคนสวนเขาลำบากมากเลยนะครับกว่าจะปลูกหัวแครอทให้โตถึงขนาดนี้ มัน....ก็เหมือนกับว่าคุณแครอททุกหัวที่คุณเกลียดถูกปลูกถูกคัดด้วยความเพียรพยายามอย่างตั้งใจของคนปลูกเพื่อให้คนทานได้รับประโยชน์จากสารอาหารที่ครบถ้วน...หากคุณไม่ทานแล้วล่ะก็มันก็เท่ากับว่าคุณได้ปฏิเสธความหวังดีของพวกเขานะครับ

     

    ...แล้วจะไห้ผมทำยังไงล่ะฮะไลท์เอ่ยน้ำเสียเครือดวงหน้าดูซึมสลดอย่างสนิทด้วยสำนึกผิ บลิทซ์ยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนจะลูบเรือนผมสีดำขลับของเด็กชายอย่างอ่อนโยน

     

    ก็แค่...ทานมันให้หมดยังไงล่ะครับ

     

    จากคำพูดง่ายๆที่ใช้หลอกเด็กเพียงประโยคเดียวที่ทำให้เด็กกำพร้าในโบสถ์เซนต์นาซาเรนท์แทบแตกตื่นโกลาหลเมื่อเห็นไลท์กินแครอทในครีมสตูจนหมดโดยไม่บ่นอะไรซักคำ แม้ว่าจะ...กินไปด้วยหน้าประมาณว่ากึ่งจำใจ...

     

                    แต่อย่างไรซะก็เห็นถึงความตั้งใจจริงในดวงตาล่ะนะ

     

    บลิทซ์เนี่ยเก่งจังเลยนะนอร์เฟรเซียเอ่ยทอดตามองไลท์กับชายน์ที่เป็นเวรล้างจานในห้องครัวจากนอกชาน บลิทซ์เอียงคอเล็กน้อยด้วยความฉงน ก่อนจะชี้มายังตน เก่ง?….ผมเก่งเรื่องอะไรหรือครับ?”

     

    ก็เรื่องที่ทำให้ไลท์ทานแครอทได้ยังไงล่ะคะ  ฝ่ามือเรียวบางของเด็กสาวเรือนผมสีเพลิงยกขึ้นประกบระดับอก ประดับรอยยิ้มบางพิมพ์อยู่บนใบหน้านวลขอบคุณนะคะ บลิทซ์หลับตานิ่งขับรอยยิ้มประพรมริมมุมปากก่อนจะหลุดสรวลเสเล็กน้อยถ้าอย่านั้นผมต้องขอบคุณหมอนั้นอีกต่อสินะครับ ที่เก่งเรื่องหลอกเด็กแบบนี้

     

    หมอนั่น?” นอร์เฟรเซียทวนคำน้ำเสียงหวานผสมความสงสัยอยู่ไม่น้อย ดวงเนตรสีครามใสสะท้อนประกายงุนงง

     

      เพื่อนของผมคนเอ่อ...คนเมื่อวานน่ะครับบลิทซ์ตอบสายตาสีผืนฟ้ารัตติทอดไกลไปยังเหล่าดาราน้อยที่ส่องแสงส่งกระพริบระยิบประดับฟ้าก่อนจะก้มหน้าลงมองพื้นน้ำเสียงเอ่ยเบาบางราวกับไร้น้ำหนักของเสียงที่แสนเหงาหงอย

     

     เพื่อนแค่เพียงคนเดียว…”

     

    หากแต่ทุกถ้อยทุกคำพูดที่แสนบางเบาของชายหนุ่มนั้นคนฟังกลับสนับได้ยินสู่โสตของหญิงสาวอย่างชัดเจนแม้เพียงเบาบาง...ก็รับรู้

     

    เพราะเป็นเขา...

     

     ไม่ใช่หรอกค่ะนอร์เฟรเซียเปรยขึ้นก่อนจะเอนหลังพิงกับเสา บลิทซ์หลุบดวงเนตรสีน้ำเงินลงต่ำปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำ

     

    ไม่ใช่เหรอ?... นั่นสินะใครจะอยาก...เป็นเพื่อนกับคนแบบเรา

     

    ไม่ใช่คนเดียวแต่เป็นสองคนต่างหาก อย่าลืมฉันไปสิคะเด็กสาวเอ่ยขับรอยยิ้มกว้างอย่างเริงร่าปลายนิ้วยกขึ้นชี้ที่มุมปาก หากแต่ถ้อยคำที่ฟังเป็นมิตรนั้นกลับทำให้คนฟังเจ็บปวดและหวาดกลัวอย่างน่าประหลาดในมิตรภาพนั้น

     

    อ๊ะ แต่ว่าก็ไม่ใช่แค่สองนี่เนอะแต่ว่าต้องเป็นอีกหลายๆคนเลยเนอะ…” เด็กสาวพูดต่อด้วยน้ำเสียงร่าเริงจนอดไม่ได้ที่จคดถึงใครบางคน...ที่ดูเหมือนกัน...

     

    บลิทซ์เงยหน้าขึ้นมองนอร์เฟรเซีย ดวงเนตรน้ำเงินไพลินเข้มหรี่ลงพยายามจะขยับมุมปากให้ฝืนยิ้มเพื่อซ่อนความเจ็บปวดความเจ็บปวดที่คุ้นเคยมายาวนานจากการตีตนออกห่างจากคนรอบกายที่มองเขาด้วยสายตาแปลกแยกเมื่อรู้ว่าเขาคือใคร

     

    ...บลิทซ์ อฟอรดีเทร เซเรสเซียร์ ซีซัส...ประธานสภาสูงสุดลำดับที่ 4 ของรูน...

     

    ที่พูดแบบนั้นเพราะคุณคงไม่ทราบสินะครับว่าผมมาจากที่ไหนน้ำเสียงขาดห้วงราวกับคนพูดพยายามคุมให้ให้พร่าสั่นเครือหากแต่คนฟังกับเลิกขึ้นขึ้นหนึ่งข้างพลางเอียงคอลงด้วยความงุ่นงงนอร์เฟรเซียดันตัวเองออกจากเสาต้นใหญ่ที่พิงเดินมาใกล้ร่างสูงโปร่ง ดวงหน้าหวานสั่นช้าๆรอยยิ้มบางๆแต่งแต้มริมฝีปากบางชมพู...

     

    แต่ฉันก็รู้อยู่แล้วนี่คะ ว่าเธอเป็นประธานสภาสูงสุดของรูน เด็กๆทุกคนอย่างไลท์หรือชายน์ก็รู้  ถึงเธอจะไม่ออกสื่อแทบนับครั้งได้แต่ฉันก็ทราบดีค่ะ….เพราะเป็นเธอ….”

     

    ฉันรู้ดีนะคะ...ฉันรู้ดี...บลิทซ์ว่าเธอน่ะโดดเดี่ยวแค่ไหน...

     

    แต่…!” พลันฝ่ามือเรียวบางวางลงบนริมฝีปากอันอ่อนนุ่ม นอร์เฟรเซียจ้องลึกในดวงตาสีเข้ม ค่อยๆสั่นศีรษะไม่มีคำว่าแต่ค่ะ ฉันรู้ค่ะว่าเธอก็คือเธอที่เป็นคนธรรมดาเหมือนกับพวกเราทุกคน ใช่ค่ะเพียงแค่คนธรรมดาที่ยืนอยู่บนจุดที่สูงกว่ามันก็ต้องมีบางคนนั่นแหละที่มองเธออย่างแปลกแยกเพราะว่าเขาเห็นเธอเหมือนกับเป็นสิ่งที่สูงส่งและ...น่าเทิดทูน...

     

    นอร์เฟรเซียนิ่งลงสักพักก่อนจะเลื่อนฝ่ามือลงสัมผัสดวงแก้มของชายหนุ่มตรงหน้าเบาๆแต่สำหรับฉันมันไม่ใช่นะคะคนๆนั้นเองก็เหมือนกันเพราะเขารู้ถึงตัวตนจริงๆของเธอ...ตัวตนของคนที่ชื่อบลิทซ์ ซีซัส ไม่ใช่บลิทซ์ อฟอรดีเทร เซเรสเซียร์ ซีซัส ผู้นำองค์กรรูนคนปัจจุบัน

     

    นอร์เฟรเซียก้มหน้าลงนิ่ง นัยน์ตาสีน้ำเจือประกายไหววูบ

     

    ...แต่เพียงแค่เธอกล้าที่จะเปิดใจให้ พวกเราทุกคนพร้อมจะอยู่เคียงข้างเธอ พร้อมที่จะเป็นเพื่อนของเธอค่ะ  ฉันสัญญานะคะไม่ว่าจะเมื่อไร่ฉันก็จะขออยู่คียงข้างเธอเสมอ...ไม่ยอมให้เธอเจ็บปวดหรอกค่ะ...ไม่ยอมหรอก

     

    บลิทซ์มองนอร์เฟรเซียทั้งความทึ่งและความปิติความรู้สึกมากมาต่างๆนานาเขามาผสมปนเปกันจนแยกแทบไม่ออก...ไม่รู้จริงๆว่าเขารู้สึกเช่นไม่รู้แต่วินาทีนี้เขารู้แค่เพียงแต่….

     

    ฝ่ามือวางทับลงบนมือบอบบางอย่างเบาๆและถนุถนอมบลิทซ์หลับตาลงขยับรอยยิ้ม

     

    ขอบคุณครับ

     

    ดวงหน้าขาวระเรื่อสีแดงน้อย นอร์เฟรเซียชักมือออกจากการเกาะกุมอย่าเบาที่สุดด้วยความเขินอายยินดีค่ะเด็กสาวเอ่ยรับก่อนจะยิ้มทั้งที่ใบหน้ายังคงเป็นสีแดงเรื่อๆวางมืออีกข้างสัมผัสมือข้างที่ถูกบลิทซ์จับเบาๆแล้วก้มหน้าลงซ่อนความร้อนรอบในหน้าด้วยเรือนผมสีน้ำตาลเพลิงยาวซ่อนกระไอร้อน

     

    ...ทำไมถึงได้น่ารักแบบนี้กันนะ

     

    ท่าทางที่ทำให้บลิทซ์อดคิดไม่ได้บางทีกับคำว่าน่ารัก...ก็ยังน้อยไป... บลิทซ์ขยับอมยิ้มบางปล่อยให้เด็กสาวระลักระล่ำต่อคำ

     

    ว่าแต่คนๆนั้นคงจะเป็นคนพิเศษสำหรับเธอสินะคะเอ่อ..ฉันเหมายถึงเพื่อนคนสำคัญน่ะค่ะอย่าคิดไปไกลนะ!!”

     

    บลิทซ์เลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ ก็จะขยับถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายผสมเคยชิน ปรกติคนที่บอกว่าอย่าให้คนอื่นคิดไปไกลน่ะส่วนใหญ่เจ้าตัวมักจะคิดไกลกันทุกคนนะครับ...แล้วว่าแต่นอร์เฟรเซียเขาคิดอยู่ล่ะครับเนี่ย !?

     

    ครับอ๊ะ!” เสียงนุ่มสบถร้องราวกับนึกบางอย่างออกขอโทษนะครับนี่เวลาเท่าไร่แล้ว?” นอร์เฟรเซียพยักหน้ารับพลางเงยขึ้นมองดูนาฬิกาแขวนทันทีที่บลิทซ์พูดจบ

     

     เอ่อ ทุ่มครึ่งแล้วน่ะค่ะ

     

     สิ้นคำตอบจากเด็กสาวทำให้ชายหนุ่มถอนใจอย่างเสียไม่ได้ เขาอยู่ที่นี่นานถึงขนาดนี้เชียว? หากแต่ชายสูงศักดิ์กับรู้สึกว่ามันผ่านไปรวดเร็วราวกับสายลมหวิววูบ บางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกความรู้สึกที่ไม่เคยได้สัมผัสมาเนิ่นนานเท่าใดกันแล้วนะ

     

    ถ้าอย่างนั้นผม….ขอตัวก่อนนะครับจนถึงสุดท้ายก็ต้องเอ่ยคำนี้ออกมาทั้งๆที่ใจเองยังอยากจะอยู่ที่นี่ต่ออีก...อยากจะอยู่ที่นี่อยู่กับ เธอกับทุกๆคนอีกสักนิดอยากอยู่กับเพื่อนคนสำคัญคนนี้

     

    แต่เราเองก็มีคนที่ต้องกลับไปหาอีกคนเหมือนกัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×