ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Innocent Calm

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 6 Dark maze

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ค. 52


     

                    ถึงนายท่านอันเป็นที่รัก

     

                    กระผมไม่ได้คิดอยากจะประจบด้วยการให้ของรางขวัญแสนวิเศษกับท่านหรอกนะขอรับ แต่ว่านะเมื่อวานนี้กระผมก็ได้ทำงานเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเชียวนา เป็นไงบ้างครับเป็นสุดยอดผลงานเลยใช่ไหมเอ่ย...? ถึงแม้ว่างานแรกจะส่งเสียงร้องน่ารำคาญเลยดูไม่ค่อยเรียบร้อยไปนิดหน่อยแถมยังไม่มีเวลามากพอที่จะตัดหูมาเป็นของฝากอย่างที่เขียนเอาไว้ในคราวที่แล้วต้องขออภัยจริงๆ นะขอรับ

                    อ้อแล้วก็ต้องขอกราบขอบพระคุณที่คุณยังใจดีเก็บจดหมายฉบับก่อนเอาไว้จนกระผมได้ทำงานอีกครั้งนะขอรับ

     

    ด้วยรัก
    แจ็ค เดอะ ริบเปอร์



     

     

                    ลายมือลวกหวัดๆ อ่านยากที่ยังคงเขียนด้วยหมึกสีแดงเลือดซึ่งท่าทางจะมีเยอะเป็นโหลแม้ว่าคราวนี้ความยาวของเนื้อหาจะสั้นกว่าฉบับที่แล้วอยู่มากโขหากแต่ก็ยังคงความน่าขนลุกเอาไว้เช่นเดิม ซาคัสไล่สายตาอ่านซ้ำๆ ราวกับกำลังตรวจสอบเช็คอะไรบางอย่างในจดหมายฉบับนี้

                    มีบางคนที่กรมสันติบาลบอกกับผมว่ามันอาจจะเป็นของปลอมน่ะครับ ปล่อยเงียบไปสักพักวิลเลี่ยมค่อยๆ ขยับปากพูด เขายกถ้วยชาซึ่งวันนี้เป็นซีลอนของรอยัลเรนจ์ขึ้นดื่มเหมือนกระหายน้ำสุดๆ เขาบอกว่าอาจจะฟังข่าวตอนเช้าหรือไปมุงดูเมื่อคืนแล้วเขียนส่งมาที่สำนักงานเซ็นทรัลเลยก็ได้

                    ไม่หรอกนี่ของจริง ซาคัสพูดแย้งก่อนจะใช้หลังมือตบๆ เบาๆ บนแผ่นกระดาษ ดวงหน้าเยาว์วัยเชิดขึ้นเล็กน้อยก่อนจะทำหน้าหน่ายอย่างเต็มประดากับความคิดไร้สาระของตำรวจสันติบาลหัวโบราณ ลายมือเหมือนกับฉบับที่แล้วทุกกระเบียดเลย 

                        ตั้งใจจะเยาะเย้ยสก็อตแลนด์ยาร์ตเต็มที่เลยสิเนี่ย ชาร์ล็อตว่าชะโงกหน้าเข้ามาดูใจความจดหมายให้ถนัดตา ชายหนุ่มส่งเสียงทุ้มต่ำในลำคออย่างครุ่นคิด เท่าที่ฉันอ่านฉบับก็อบที่คุณหนูเอามาให้ดูคราวก่อนก็คิดมาตลอดเลยนะว่าหมอนั่นต้องคอยติดตามการเคลื่อนไหวของทางสันติบาลแน่ๆ 


                   
    นั่นสินะ...ชักจะดูถูกพวกนอกรีตไม่ได้แล้วสิ ซาคัสพูดเสียงเหนื่อยๆ ร่างเล็กเอนตัวพิงโซฟาก่อนจะส่งกระดาศพร้อมซองจดหมายให้ฟราเรส 

                    เอ๋? วิเลี่ยมพึมพำถ้อยคำเหมือนกับจะสงสัยที่ซาคัสพูดจนทำเอาร่างเล็กหน้าซีดเผื่อน เหงื่อกาฬไหลผาก รอยยิ้มบนดวงหน้ากระตุก เออ...ตูพลาดไปดันลืมทุกทีว่าเจ้าวิลล์ไม่ค่อยจะรู้เรื่องรู้ราวเกี่ยวกับโลกเบื้องหลังสักเท่าไร่เลยนี่หว่า

                    เอ...อันที่จริงน่าจะเรียกว่าไม่รู้เลยมากกว่า 

                    แว่วเสียงซาคัสถอดถอนลมหายใจ ริมฝีปากบางขยับเริ่มเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนที่วิลเลี่ยมจะมาโดยภาวนาในใจว่าอย่าให้ตำรวจสันติบานหน้าเด็กนี่จะช็อคตายหรือลุกขึ้นด่าหาว่าเขาบ้าไปเสียก่อน อันที่จริงถึงจะรู้ก็เถอะว่าทางเรื่องอย่างหลังมันจะเป็นไปได้ยากก็ตามทีสำหรับคนอย่างวิลเลี่ยม...แต่ในโลกนี้อะไรจะเกิดมันก็เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อต่อให้เป็นแวมไพร์อย่างเขายังห้ามไม่ได้เลย...

                    แต่นี่กลายเป็นว่า...เอ่อ...แบบว่า...

                    เป็นอย่างงั้นหรอกเหรอครับ คุณซาคัสเนี่ยเยี่ยมไปเลย วิลเลี่ยมประกบสองมือระดับอกพูดด้วยรอยยิ้มกว้างจนทำอาสามหนุ่มถึงกับอึ้งเมื่อผลลัพธ์ออกมาแตกต่างจากชอยส์ที่ตั้งไว้ทุกตัวจนน่าตกใจว่าวิลเลี่ยมนั้นมันเป็นจำพวกรับมืออะไรๆ ง่ายรับมุขเก่งหรือว่าเป็นพวกใสซื่อที่ข้างในหัวกลวงโบ๋ไม่คิดอะไรกันแน่...

    ชวนสงสัยมาตั้งแต่ตอนที่รู้เรื่องว่าคุณหนูแกไม่ใช่คนปรกติเมื่อคืนนี้แล้ว ใช่...นี่ถ้าเกิดลองให้เป็นคนปรกติคงแผ่นแนบไปอย่างไม่ต้องคิด

                    อ๊ะ! แน่นอนเลยว่าไม่รวมชาร์ล...รายนั้นมันคนบ้าไม่เกี่ยวเด็ดๆ

                    อ้อ...เหรอ ซาคัสขยับยิ้มแห้งเหือดสองเท่า คว้าส้อมจิ้มคัพเค้กไส้ครีมรสมะนาวเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ ราวกับว่ากับลังอุดอะไรบางอย่างของตัวเองให้มันคงที่...รู้สึกนับถือสก็อตแลนด์ยาร์ตคนนี้จากใจจริงเลยแหะ ซื่อได้โล่เลย

    แต่แล้วอยู่ดีๆ ก็เหมือนนึกอะไรบางอย่างออก ซาคัสวางส้อมลงกับจานรองเค้กแล้วคว้าน้ำชาในถ้วยของตัวเองขึ้นดื่ม  

                    แล้วว่าแต่แปลกจังนะที่คราวนี้หอบจดหมายมาจากกรมได้น่ะ...คราวที่แล้วยังโดนหัวหน้าหน่วยห้ามเอามาให้ฉันอยู่เลยไม่ใช่เหรอ? ซาคัสเอ่ยถามพลางจ้องหน้าอ่อนกว่าวัยของวิลเลี่ยมซึ่งดูเหมือนดวงตากลมสีดำใสก็จับจ้องกลับมาเช่นกัน

                    ก็คราวนี้คุณ...เอ้อ...ท่านผู้บังคับบัญชาอเล็กชาร์ลน่ะครับ เขาอยู่ด้วยพอดีท่านก็เลยอนุญาตให้นำมันมาให้คุณได้ วิลเลี่ยมว่าที่ทำให้ซาคัสค่อยๆ ส่งเสียงร้องอ๋อ...หมายถึงอเลน อเล็กชาร์ลสินะ แต่ถ้าเกิดลองถ้าผ่านหูผ่านตาผู้กำกับฯ เมื่อไร่ผมเองก็คงแย่รายนั้นเขาประท้วงเรื่องการขอความช่วยเหลือจากเพียวน์แบบหัวชนฟาเลยเอ่อ...อาจจะดูเป็นการเสียมารยาทแต่หัวหน้าของผมเขาไม่ค่อยจะชื่นชอบคนจากทางเพียวน์สักเท่าไรน่ะครับ ต้องขอโทษจริงๆ นะครับ 

                    ซาคัสพยักหน้าเหมือนเขาใจ...ถึงแม้ว่าเพียวน์กับทางกรมตำรวจทั้งสองกรมในอังกฤษนั้นจะพันธมิตรกันแต่มันก็เป็นแค่ในนาม...ในเมื่อยังมีบางคนบางกลุ่มที่ออกอาการต่อต้านการทำงานของหน่วยงานจากเพียวน์อยู่เหมือนกัน

                    จะเป็นมิตรก็ดี...จะหมั่นไส้ก็ดี...เรื่องนั้นมันเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่ห้ามไม่ได้และถ้าห้ามกันไม่ได้เขาก็ไม่อยากจะเก็บไปใส่ใจ

                    ในเมื่อเพียวน์...ก็เป็นแค่ผู้ที่คอยจัดการกับ โลกเบื้องหลัง เองนี่นะ

                    ซาคัสกรอกตาไปมาแล้วยิ้มปากเบะ

                    ทำอย่างกับเป็นลูกเมียน้อยอย่างงั้นน่ะ

                      อ้อ...จริงสิ!” เหมือนกับจะนึกอะไรออก ชาร์ล็อตประกบมือระหว่างอกแล้วเดินลิ่วๆ ตรงไปยังตู้หนังสือใกล้ตัว ไล่นิ้วตามสันขอบแล้วหยิบแฟ้มเอกสารเล่มหนึ่งออกมา ชายหนุ่มบิดตัวม้วนต้วนเกาแก้มแล้วหลบตา พูดแล้วห้ามโกรธกันนา...แต่ที่ฉันเรียกมาอีกอย่างหนึ่งก็คือฉันย่องไปสืบข้อมูลทำประวัติผู้เสียหายสองรายเมื่อคืนวานเอาไว้แล้วล่ะเพิ่งเสร็จเมื่อก่อนคุณหนูมานี่เอง ฮ่ะๆ 



     
                    แล้ว...ทำ...ไม...ไม่บอกกันซะพรุ่งนี้เลยล่ะวะไอ้บ้างี่เง่าชาร์ล!!!” น้ำเสียงเล็กของคุณหนูหวีดร้องขึ้นมาร่างเล็กสั้นเทิ้มด้วยความโมโหจัดก่อนสันหนังสือที่คว้าได้จากกองแถวๆ นั้นจะลอยหวือพุ่งตรงไปหากบาลดำๆ ของนักสืบหนุ่มอย่าไร้ซึ่งความใจดี

                    ชาร์ล็อตยกแฟ้มขึ้นบังหัวน้อยๆ ของตัวเองแล้วฟุบหลบข้าวของที่ขว้างปามาอย่างเกรี้ยวกราดโดยคุณหนูนี่ถ้าเกิดฟราเรสกับวิลเลี่ยมไม่ผสานแรงหิ้วปีกทั้งสองข้างของซาคัสไปเสียก่อนเขาอาจได้นองเลือดตามสองสาวในแฟ้มรวมประวัติไปก็ได้

                    ก็ฉันอุตส่าห์บอกแล้วนะว่าอย่าโกรธกันน่ะ...

                    ซาคัสกระฟัดกระเฟียดกระแทกตัวนั่งลงกับเก้าอี้ มือเล็กคว้าแฟ้มที่เมื่อสามสิบวินาทีที่ผ่านมาเคยเป็นโล่กำบังหัวขึ้นมาเปิดๆ อ่าน ตอนนี้ที่ทำได้ก็มีแต่แค่ดูรูปถ่ายข้าวของที่หญิงสาวทั้งสองพกติดตัวกับสภาพศพมาเท่านั้นเพราะของจริงนั้นถูกทางกรมตำรวจยึดไปเรียบร้อยแล้ว

                    แต่...ก็ยังดีที่ว่าได้ไปเห็นเองมาบ้าง

                    ถึงแม้จะทำให้สยองเครื่องในคนไปอีกนานก็ตามทีเถอะ...

                    คนแรกที่เราพบคือ อลิซาเบธ สไตรค์ ตามที่ชาร์ล็อตเห็นในใบสั่งยาเมื่อคืน เธอเกิดวันที่ 27 พฤศจิกายน 1843 และเป็นโสเภณีลำดับที่ 97 ของเขตอีตส์เอนต์ จากประวัติไม่พบว่าเธอแต่งงานหรือมีลูกแต่มีโรคประจำตัวคือโรคผิดสุราเรื้อรัง ซาคัสเอ่ยกล่าวดวงตาไล่อ่าน ข้อความด้วยลายมือแตกต่างจากจดหมายฉบับที่ส่งมาเมื่อเช้าราวฟ้ากับเหวชนิดที่อดคิดไม่ได้ว่ามันไปตัดมือใครมาเขียนแทนหรือเปล่า

                    ทีทำเป็นแฟ้มคดีล่ะลายมือสะอาดเรียบร้อยเชียวนะเจ้าบ้าชาร์ล   

                    ข้าวของในกระเป๋าที่น่าสนใจก็แทบไม่มีเลยสักอย่าง...อ๊ะ เหมือนจะอุทานขึ้นมาตัดคำพูดของตัวเองซาคัสกดสายตาลงเล็กน้อยอย่างครุ่นคิด...จะว่าไปแล้วหนึ่งในข้าวของของอลิซาเบธ สไตรค์เองก็ซองกระดาษจดหมายใส่ยาที่เขียนจ่าหน้าด้วยตัวอักษร ‘M’ เหมือนกับของแอนนี่ แชปแมนเหมือนกันนี่ 

                    แต่ก่อนจะได้คิดอะไรต่อมือเล็กก็เปิดพลิกแฟ้มคดีไปอีกปึกหนึ่งเพื่ออ่านประวัติของเหนื่อยอีกราย 

                    อ่า...ฮะ...เหยื่อรายที่สี่ แคทรีน เอ็ดโดว์ส เกิดเมื่อวันที่ 14 เมษายน ปี 1842 เจ้าหล่อนสูง 5 ฟุตกว่าๆ ก่อนที่จะย้ายมาที่ตรอกไวทแชพเพลเขตอีสต์เอสต์ เธอเคยอาศัยอยู่ที่วูล์ฟเวอร์ แฮมตัลมาก่อน ซาคัสพูดเด็กชายเงียบไปครู่ก่อนจะมาสะดุดตากับบรรทัดถัดๆ มาท้ายมุมกระดาษ

                    วันเกิดเหตุก่อนเสียชีวิตเธอได้ถูกตำรวจที่เข้าเวรละแวกนั้นยัดเข้าตารางเพื่อสงบอารมณ์หลังจากเมาเสียจนเสียสติแต่เมื่อพอตำรวจนายนั้นถามชื่อเธอดันบอกว่าชื่อ แมรี่ เคลลี่ อย่างส่งๆ เพราะดูเหมือนจะไม่อยากบอกชื่อตัวเอง มาถึงตรงนี้ซาคัสก็นิ่งไปเด็กชากดหัวคิ้วลงเหมือนกำลังทบทวน แมรี่ เคลลี่...ทั้งๆ ที่ไม่รู้จักคนชื่อนี้มาก่อนแท้ๆ แต่ทำไมถึงได้รู้สึกว่ามันคุ้นๆ ยังไงก็ไม่รู้        

                    เมื่อถูกซาคัสจุดประเด็นวงทั้งวงก็เงียบเฉียบเงียบฉี่ไปไปพักใหญ่ๆ ก่อนเสียงแรกซึ่งก็คือเสียงประกบมือกันของฟราเรสมาทำลายสถิติความเงียบได้อย่างทันท่วงที

                    มิสแมรี่ เคลลี่ หนึ่งในกลุ่มเพื่อนสนิทของผู้เสียหายที่มิสเตอร์มาแชลเคยกล่าวถึงไว้ยังไงครับ ฟราเรสพูดก่อนที่ซาคัสจะหันหน้ามามอง ร่างเล็กของเด็กชายลุกขึ้นยืนบนโซฟาทั้งๆ ที่ยังใส่รองเท้า มือเล็กขยับลูบๆ บนหัวของฟราเรสที่ก้มมาให้ลูบอย่างโดยดีแล้วเอ่ยชม

                    เก่งมากเลยฟาส พูดว่าเข้าแต่ไม่คิดเลยเหรอว่าการชมของนายนี่ไม่ได้ต่างอะไรจากการชมลูกหมาที่เพิ่งคาบบอลกลับมาคืนให้เลยสักนิด

                    เอ่เอ๊...ฉันว่าฉันชักจะโยงอะไรเข้าหากันได้เรื่องหนึ่งแล้วล่ะ อยู่ดีๆ ชาร์ล็อตก็พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ดูมั่นใจจัด ดวงหน้าเข้มคมคายกระตุกรอยยิ้มที่เรียกความสนใจจากซาคัสได้เป็นอย่างดี ร่างเล็กทิ้งตัวลงนั่งตามเดิมโดยไม่สนใจปัดฝุ่นรอยรองเท้าที่ย่ำเมื่อครู่ เจ้าของดวงตาสีน้ำเงินเข้มมองหน้าชาร์ล็อตอย่างงงๆ 

                    จำรายชื่อสาวๆ ที่พ่อหนุ่มมาแชลร่ายมาได้หรือเปล่าเอ่ย? ชาร์ล็อตว่า ยิ้มระรื่นพลางวนนิ้วไปมาส่งเสียงฮัมเพลงในคอเบาๆ อย่างคนอารมณ์ดีที่ทำให้ซาคัสขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิดหากแต่ไม่ทันไรก็คลายออกราวกับสะดุดเข้ากับสลักประเด็น

                    นายอย่าบอกฉันนะว่า... ทิ้งคำพูดไว้แค่นั้นชาร์ล็อตก็แทรกขึ้นมาพูดต่อ

                    ใช่เลยล่ะนายน้อย...ทั้งอลิซาเบธ สไตรค์ แคทรีน เอ็ดโดวส์ แน่นอนรวมถึงสองสาวที่เหลือแอนนี่แชปแมนกับแมรี่ นิโคลเหยื่อแต่ละรายล้วนแต่เป็นสมาชิกกลุ่มเดียวกันหมดทั้งสิ้นซึ่งมันหมายความว่าอะไรคงจะรู้นะ ชาร์ล็อตพูดเรื่อยๆ อย่างปรกติหากแต่รอยยิ้มนั้นกลับดูแตกต่างกับน้ำเสียง ที่ทำให้คุณหนูผมทองได้แต่กลืนน้ำลายลงคอจนแง้มปากพูดได้อย่างยากลำบาก

                    หมายความว่า...เจ้าหมอนั่นกำหนดเหยื่อรายต่อไปเอาไว้แล้วไงล่ะ 


     

                    เสียงพัดลมเพดานเก่าๆ พัดเหนือหัวแผ่วๆ จากความเงียบเฉียบเนื่องจากยังไม่ใช่เวลาเปิดทำการจึงยังทำให้ไม่มีคนเข้ามา ดวงหน้าอ่อนเยาว์ตั้งอยู่บนมือที่วางศอกลงกับเคาท์เตอร์ไม้เนื้อหยาบๆ ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจับจ้องน้ำแข็งที่กำลังถูกคีบลงแก้วเหล้าทีละก้อนๆ ราวกับฆ่าเวลา

                    ของเหลวสีใสๆ ออกเหลืองอำพันถูกรินจากขวดลงแก้วยื่นส่งถึงมือชาร์ล็อตซึ่งถือวิสาสะเข้าไปด้านหลังเคาท์เตอร์ ร่างสูงโปร่งรับแก้วเหล้ามาก่อนดวงหน้าคมเข้มจะฟุบลงกับบ่าของมาสเตอร์ไรวิชโดยไม่คิดจะขอคำคัดค้าน

                    ทบต้นของทั้งปีรวมแก้วนี้ด้วยก็สามพันสิบเก้าเหรียญใช่มิ ชาร์ล็อตว่าแล้วซดของเหลวสีอำพันที่กระแดะจะดื่มแต่วัน ไรวิชถอนลมหายใจแล้วพยักหน้าเหมือนเอือมระอาจนเกือบปลง แต่ว่าฉันยังไม่จ่ายหรอกนะไรว์...เงินเดือนช่วงนี้มันติดลบน่ะ

                    ถ้าอย่างงั้นก็อย่าพูดสิ ไรวิชถอนหายใจพูดอย่างปลงๆ มืออุ่นผลักหัวของเจ้าเพื่อนตัวดีให้ออกจากบ่าก่อนที่เจ้าของดวงตาพร่าเลือนจะหันไปมองเด็กชายผมทองที่นั่นดูด้านหน้าตัวเอง ชาร์ลอธิบายเรื่องราวให้ผมฟังมาคร่าวๆ แล้วล่ะครับ...ท่านเอิร์ลกำลังตามหามิสเคลลี่อยู่สินะครับ

                    ซาคัสพยักหน้าเล็กน้อยรับน้ำหวานผสมโซดาสีแดงสดราวกับผลเบอร์รี่มาจากไรวิชแล้วยกขึ้นดื่ม ถึงผมจะบอกว่ามาตามหาก็เถอะ...แต่ไม่รู้ทั้งหน้าตาและที่อยู่มันก็เหมือนเล่นซ่อนหาทั้งๆ ที่ยังมีผ้าปิดตาเลยล่ะ มือเล็กยกแก้วน้ำออกจากริมฝีปากแล้ววางลงกับโต๊ะ

                    มาสเตอร์พอจะรู้อะไรบ้างหรือเปล่า? ซาคัสถามไปอย่างนั้นเพราะไม่ได้คาดหวังคำตอบแค่ตรอกไวท์แชพเพลก็กว้างหลายแล้ว...คงไม่ต้องพูดถึงเขตอีตส์เพราะอย่างนั้นเรื่องการถามหาคนคงจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ชนิดแค่เอ่ยปากถามก็ได้แล้ว

                    รู้สิครับ 



     
                    ผมก็ว่างั้นแหละ...เอ๋!?” ซาคัสตอบรับกับคำตอบของมาสเตอร์ทันทีโดยไม่ได้ฟังให้ละเอียดหากแต่เมื่อสมองรีรันคำพูดครบถ้วนเจ้าตัวคุณหนูถึงกับร้อง ใบหน้าหวานหันมองร่างของมาสเตอร์ที่กำลังยืนเช็ดถูแก้วอย่างปรกติ...ท่าทางเหมือนจะตกใจ  

                    มาสเตอร์ทราบหรือครับ? ซาคัสเอ่ยถามที่ทำให้ไรวิชพยักหน้ารับ เขาเหยียดยิ้มเหมือนกับมั่นใจด้วยรอยยิ้มคล้ายๆ กันกับชาร์ล็อต...พอจะมั่นใจได้แล้วแหละว่าสองคนนี้มาคบกันได้ยังไง

                    ไม่อยากจะอวดเลยนะ...แต่ข้อมูลรายละเอียดทั้งเขตอีตส์ฉันก็ได้ไรว์เนี่ยแหละเป็นที่พึ่ง ยอดไปเลยใช่ม้า... ชาร์ล็อตพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนภาคภูมิใจเสียเต็มประดา ฝ่ามือหนาโอบเอวของไรวิชเอาไว้ก่อนจะโดนศอกของกระแทกเสยเข้าเต็มๆ คาง จนฟราเรสหลุดหัวเราะออกมาอย่างสะใจ

                    ถ้าเช่นนั้นผมจะให้ชาร์ลจดรายละเอียดที่อยู่ของมิสเคลลี่ให้กับท่านเอิร์ลริธไว้นะครับ ว่าแล้วก็ปรายสายตามองชาร์ล็อตซึ่งคว้ากระดาษโน้ตขนาดพกพาออกมาจากกระเป๋ากางเกงอย่างรู้หน้าที่แล้วจดรายละเอียดทั้งหมดที่ไรวิชพูดอย่างไม่ตกหล่นรายละเอียดตามประสาคนเป็นนักสืบ

                    ซาคัสมองภาพของสองเพื่อนซี้นิสัยต่างกันสุดขั้วแล้วเอียงคอลง

    ก็ไม่ได้คิดอกุศลอะไรหรอกนะแต่พอมองสองคนนี้แล้วมันเผลอไปคิดถึงคู่สามีภรรยาที่อยู่กินกันมานานอย่างบอกไม่ถูก

                    ซาคัสเคาะหัวตัวเองเบาๆ เด็กชายลอบส่งเสียงหัวเราะแห้งๆ 

                    ท่าทางจะติดเชื้อบ้ามาจากเจ้าชาร์ลแล้วสิเรา...

     

                    แสงแดดจัดจ้าชนิดหาได้ยากยิ่งในอังกฤษประเทศที่ปกคลุมด้วยหมอกหนาว สมมติถ้ามีคนบอกว่าวันนี้อากาศดีที่สุดในรอบปีละก็ได้ร้อยเอาศูนย์เชื่อเลยว่าจะไม่มีใครปฏิเสธ...ซาคัสทอดสายตามองไปรอบๆ ร่างเล็กกอดอกเอนตัวพิงกับกำแพงอิฐเก่าหยาบๆ ระหว่างรอชาร์ล็อตกับวิลเลี่ยมซึ่งไปสอบถามเส้นทางจากคนแถวนั้นแล้วส่งเสียงถอนหายใจ 

                    ดวงตาสีเขียวใสมองดูเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีฟ้าทับด้วยกางเกงเอี๊ยมและเสื้อกั๊กเก่าๆ สีน้ำตาลเทาที่มาสเตอร์ไรวิชให้ซาคัสใส่เพื่ออำพรางตัวจากสายตาของคนในไวท์แชพเพลที่ไร้ซึ่งความโปรดปรานพวกขุนนาง ฟราเรสเอียงคอลงเล็กน้อยพลางนึกในใจว่าชุดมอซอพรรค์นี้ช่างไม่เหมาะกับคุณหนูของเขาเอาเสียเลย เส้นสีทองสะท้อนประกายกับแสงแดดดูเจิดจ้าโดดเด่นจนหลายคนเดินผ่านยังลอบแอบมอง ชายหนุ่มถอดหมวกออกจากศีรษะของตนแล้วสวมทับลงบนหัวกลมๆ ของเจ้านาย

                    ซาคัสเหลือบสายตาขึ้นมาชายหนุ่มร่างสูงในเสื้อผ้าธรรมดาไม่ใช่เครื่องแบบพ่อบ้านเหมือนเคย ดวงตาสีน้ำเงินไพลินดูงงๆ กับหมวกที่อยู่ๆ ก็เอามาสวมให้

                    วันนี้แดดค่อนข้างแรงกว่าปรกตินะครับ...ผมว่าคุณหนูสวมหมวกเอาไว้ดีกว่า เขาพูดด้วยรอยยิ้มก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเห็นว่าวิลเลี่ยมกับชาร์ล็อตกำลังวิ่งมาหาพวกเขา

                    บ้านของแมรี่ เคลลี่น่ะเดินลึกเข้าไปในตรอกนี่ก็ถึงแล้วล่ะ ชาร์ล็อตว่าพลางชูแผนที่ฉบับคร่าวลายมือเด็กไร้การศึกษายังดูดีกว่าให้ซาคัสซึ่งยืนเสริมส่วนสูงบนอิฐก่อสร้างแถวๆ นั้นดู ดวงตาสีฟ้าใสจับจ้องร่างเล็กที่กำลังบุ้ยหน้าแกะลายมือของเขาอย่างตั้งอกตั้งใจแล้วลอบหัวเราะ 

                    แต่กว่าจะได้มาก็แทบแย่เหมือนกันนะครับ วิลเลี่ยมพูดเสริมส่งยิ้มไร้เดียงสาตามปรกติมาให้ฟราเรส คุณคนขายขนมปังคนนั้นจ้องเราตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยล่ะ...อ๊ะ!!” ตำรวจสันติบาลหนุ่มส่งเสียงร้องออกมาอย่างตกใจเมื่ออยู่ดีๆ ก็ถูกอะไรบางอย่างพุ่งเข้ามาชนจนทรุดฮวบกับพื้น 

    ดวงตากลมสีดำขลับกระหวัดหันมองร่างของเด็กชายที่มาพุ่งตรงชนเขาและกำลังวิ่งสุดชีวิตไปยังอีกทางหนึ่ง ด้วยอากัปกิริยาตามครบตามสูตรแสนคุ้นเคยทำให้เขารู้ทันทีเลยว่าต้องก้มลงเช็คของในตัวตามสัญชาตญาณตำรวจ

                    และเป็นไปอย่างที่คิด...

                    มีอะไรเหรอวิลล์? ซาคัสเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าสก็อตแลนด์ยาร์ตตีสหน้าเครียดขึ้นมา ดวงหน้าเยาว์เอียงลงเล็กน้อยอย่างเป็นห่วง

                    ก...กระเป๋าสตางค์...โดนฉกไปแล้วซะล่ะครับ แหะๆ พูดออกมาพร้อมกับลุกขึ้นยิ้มแหะๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนคุณหนูซาคัสต้องหวดเท้าเข้าลิ้นปี่จนทำเอาวิลเลี่ยมทรุดฮวบลงไปอีกรอบอย่างอดไม่อยู่ เด็กชายกระโดดลงจากแท่นอิฐเสริมความสูงแล้วควบเท้าวิ่งตามหัวขโมยตัวจิ๋วไปอย่างไม่รอให้คนโดยขโมยของแล้วยังจะมาระรื่นฟื้นตัว

                    จะชิลไปถึงไหนฟระไอ้นี่!!

                    หวาว...กระเป๋าหนาซะด้วย โชคดีจังเลยเรา เด็กชายผมแดงเอ่ยพูดระหว่างที่วิ่งไปด้วยเปิดเช็คกระเป๋าที่ขโมยมาไปด้วยแต่ราวกับว่าสะกิดใจบางอย่างร่างเล็กชะลอฝีเท้าลงเล็กน้อย...เหมือนในหูแว่วเสียงกระทบหนักๆ ของรองเท้าดังไล่ตามตัวมาติดๆ ทั้งที่วิ่งหนีจากมาไกลโข

    หัวขโมยตัวน้อยหันมองไปด้านหลังด้วยความประหลาดใจ...อันที่จริงจากความประหลาดใจนั้นก็แทบจะเปลี่ยนไปเป็นความหวาดกลัวสุดชีวิตทันที่เมื่อได้เห็นสีหน้ายักษ์กระหายเลือดของเด็กผมทองแปลกหน้าแถมยังวิ่งไล่กวดเขาอย่างกับว่าพร้อมจะพุ่งจกไส้ได้ทุกเมื่อก็ไม่ปาน!!

                    ไอ้เด็กบ้าหยุดวิ่งเดียวนี้เลยนะเฟ้ย!” ซาคัสแหกปากร้องขณะที่วิ่งตามหากแต่ร่างหัวแดงๆ วิ่งลิ่วๆ นำหน้าก็ยังไม่ยอมหยุดง่ายๆ ฟ่อย! รู้ไหมเนี่ยว่ามันเหนื่อยน่ะเฮ้ย!! 

                    เด็กชายกลั้นเสียงสะอื้นน้ำตาเหมือนจะไหลอยู่รอมร่อทั้งที่สองขาก็ยังวิ่งด้วยความกลัวจัดไม่ได้แตกต่างอะไรกับหนีแม่ยามองค์ลง

                    ถ...ถ้าหยุดผมก็ถูกถลกหนังหัวสิคร้าบ!!!

                    พลันไม่ทันไรร่างของเด็กผมแดงก็ลอยหวือขึ้นเพราถูกมือจากมุมมืดในซอกหลืบซอยที่วิ่งผ่านเมื่อครู่กระชากคอเสื้อ เด็กชายรัวเตะขากับอากาศราวกับต้องการอิสรภาพ

                    ไปขโมยของเขามาอีกแล้วใช่ไหมเอลตัล! บอกกี่ทีกี่หนไม่เคยฟังกันเลยใช่ไหม!” น้ำเสียงหวานพูดออกมาเป็นเชิงดุตาคู่กลมโตจับจ้องเด็กชายผมแดงอย่างตำหนิ ซาคัสชะลอฝีเท้าเล็กน้อยพลางมาร่างของหญิงสาวในชุดสีดำสนิท เส้นผมสีน้ำตาลไหม้เช่นเดียวกับดวงตามัดเป็นมวยสูงและเธอกำลัง...เอ่อ...กำลังเหวี่ยงร่างของขโมยตัวจิ๋วไปมา

    คุณหนูผมทองแค่นเสียงหัวเราะ...ท่าทางแรงจะเยอะผิดกับรูปร่าง

                    ซาคัสกระหวัดหันมอสองหนุ่มที่วิ่งตามๆ เขากันมาด้วยท่าทางเหมือนกับจะเหนื่อยจัด แหม...อะไรกันแค่ครึ่งกิโลฯ เองนะ

                    เหมือนกับจะหันมาสนใจเขาเธอวางร่างของเด็กชายที่เหวี่ยงไปมาเหมือนหัวผักกาดลง ยื้อแย้งกระเป๋าเงินของวิลเลี่ยมอยู่สักพักก่อนจะเดินมาส่งคืนให้กับตัวเจ้าของ

                    ขอโทษทีนะคะที่เจ้าหนูนี่ไปสร้างความเดือดร้อนให้กับคุณ เอ้า...! ขอโทษพี่เขาซะสิ เธอพูดก่อนจะกดหัวแดงๆ ของเด็กที่หล่อนเรียกว่าเอลตัลลงเป็นเชิงขอขมาลาโทษกับวิลเลี่ยมซึ่งกำลังยิ้มแหะๆ โบกมือเบาๆ พร่ำบอกว่าไม่เป็นไร

                    อะไรกันน่ะพี่แมรี่ผมแค่...โอ๊ย!” เอลตัลพูดเหมือนกับพยายามจะทักท้วงแต่ก็ถูกมะเหงกพิฆาตโหม่งเข้ากลางศีรษะจนน้ำตาเล็ดไปเสียก่อน

                    ไม่ต้องมาแก้ตัว...หลับตาดูก็รู้ว่านายน่ะผิดเต็มประตู

                    ซาคัสเลิกคิ้วขึ้นเหมือนสะกิดใจ อะไรบางอย่าง ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเหลือมมองฟราเรสที่ส่งสายตาบอกว่าคิดคือๆ กัน

                    คุณคือ...มิสแมรี่ เคลลี่สินะครับ? ฟราเรสเอ่ยถามที่ทำให้หญิงสาวกระหวัดสายตาหันมอง...ก็ไม่อยากจะว่าแต่ความหล่อเหลาเอาการของพ่อบ้านหนุ่มคนนี้เล่นซะเจ้าหล่อนหน้าแดงมองค้างไปหลายวินาทีกระทั้งเอลตัลกระแซะแซวนั่นแหละถึงได้หลุดเคลิ้ม

                    เพ้อแล้วเจ๊...เห็นผู้ชายหล่อๆ ไม่ได้เชียวนะ แล้วมะเหงกก็ลงหัวอีกรอบ...

                    หุบปากไปเลยเจ้าเปี๊ยก! อุ๊ย!” หลังจากแหวใส่เอลตัลเสร็จเหมือนเจ้าหล่อนจะเพิ่งรู้สึกตัวเธอหันไปมองหน้าฟราเรสแล้วส่งเสียงหัวเราะแห้งๆ อย่าเรียก มิสเลยจ้ะเห็นอย่างนี้แต่ฉันก็เคยแต่งงานมาแล้วนะ อ๊ะ...แล้วนี่รู้ชื่อฉันได้ไงเอ่ย...อย่าบอกนะว่าหลงเสน่ห์พี่สาวคนนี้อยู่น่ะ รัวคำพูดเป็นชุดพร้อมหัวเราะส่วนฟราเรสก็ฝืนยิ้มที่ดูฝืดเฝื่อนเต็มทน

                    ดวงตาสีเขียวใสลอบหันมองหน้าคุณหนูที่ส่งรอยยิ้มแปลกๆ มาให้กับเขา

                    แหม...ดีจังเลยน้า พ่อคนเนื้อหอมนี่ล่ะก็...

                    ฟราเรสนิ่งอึ้งไปครู่กับราวกับรับรู้คำพูดส่งผ่านมาตามออร่าชวนสยอง

                    เอ่อ...คุณหนูครับจ้องแบบนั้นมันชวนขนลุกนะครับ

     

     

                     อ๋อ...ที่แท้ก็ได้ยินมาจากมาสเตอร์เรเวียสินะว่าฉันอาจไม่ปลอดภัยเพราะเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับผู้เสียหายแมรี่พูดในระหว่างที่สาละวนชงชาอยู่ในครัวเล็กๆ เยื้องกับห้องนอนในบ้านเช่นขนาดเล็กขับแคบที่ห้องเดียวรวมทุกอย่างทั้งห้องนอนห้องครัวและห้องรับแขก อ้อ...ส่วนที่นั่งล่ะก็จะนั่งบนเตียงก็ได้นะจ๊ะ

                    แล้วซาคัสก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงฟูกแข็งๆ ทันทีตามคำเชิญโดยที่มีฟราเรสยืนอยู่ใกล้ๆ ดวงตาสีน้ำเงินเข้มกระหวัดหันมองรอบๆ บ้านพักสุดแคบ หลังจากที่ชาร์ล็อตแหลว่าได้คุยกับมาสเตอร์ไรวิชซึ่งดูเหมือนจะเป็นคนดังในย่านอีตส์เอนต์ว่าเธออาจจะเป็นเหยื่อรายต่อไปของเดอะริบเปอร์ก็เลยตามมาดูเพราะเป็นห่วง

                    ตอนแรกก็ดูเหมือนว่าเจ้าหล่อนจะแปลกใจกับคำแหลสดดื้อๆ แต่ก็ยอมเชื่อแล้วพามาที่บ้านแต่โดยดี

                    ต้องขอโทษและก็ขอบคุณจริงๆ เลยนะครับมาสเตอร์...

                    แต่ถึงอย่างงั้นก็ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกจ้ะ...ฉันเชื่อว่าเดอะริบเปอร์ต้องไม่ทำอะไรฉันแน่ๆเธอพูดระหว่างที่วางแก้วชาหลากสีลายลายครบจำนวนคนบนโต๊ะ ชาสำเร็จรูปถูกๆ คงไม่ว่ากันนะจ๊ะ...บังเอิญว่าคุ้ยทั้งครัวแล้วเจออยู่แค่นี้

                    ไม่หรอกครับ...กลิ่นดีมากเลยฟราเรสพูดเป็นเชิงชมและโปรยยิ้มให้ตามารยาทที่ทำเอาแมรี่หน้าแดงจัดด้วยความขวยเขิน แหม...หว่านเสน่ห์ใส่สาวแม่ม่ายอีกแล้วนะคุณพ่อบ้าน      

                    ซาคัสเบ้ปากพลางมองพ่อบ้านของตัวเองที่เหมือนกับส่องประกายวิบวับเพราะรอยยิ้มอย่างปลงๆ มือเล็กคว้าถ้วยชาขึ้นมาหากแต่เมื่อกำลังจะจ่อปากดื่มเด็กชายก็ชะงักไปเล็กน้อย

                    คุณอาแมรี่ฮะน้ำเสียงใสๆ ดังขึ้นมาจากประตูพร้อมกับร่างของเด็กชายวัยสี่หรือไม่ก็ห้าปี เส้นผมสีทองสะอาดกับดวงตาสีฟ้าใสถึงจะดูมอมแมมไปบ้างแต่ดูๆ ไปแล้วก็หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูใช่เล่น มือเล็กๆ หิ้วจนเหมือนลากตะกร้าเดินเข้ามาให้ห้องพลางมองพวกเขาอย่างแปลกใจ

                    จ้ะ...มีอะไรเหรออัลแมรี้ส่งยิ้มให้กับเด็กน้อยผู้มาใหม่ราวกับเป็นคนรู้จักดี

                    คุณแม่แบ่งขนมปังกับชีสมาให้คุณอาครับเด็กชายพูดจาฉะฉานแมรี่ก้มตัวลงเล็กน้อยแล้วลูบๆ บนศีรษะของเด็กน้อยที่เงยหน้ามารับอย่างเอ็นดู อัลเอามาให้โดยไม่หลงด้วยล่ะ...เก่งไหมฮะ

                    แหม...ไม่หลงทางด้วยเหรอ อัลเก่งมาเลยจ้ะ” 

                    ร่างเล็กๆ ของเด็กชายเดินตรงไปยังโต๊ะกลมตัวเดียวในห้องแล้วเขย่งตัวจนสุดเพื่อวางตะกร้าสานลงกับโต๊ะปูด้วยผ้าลายดอกลิลลี่แต่เพราะขนาดตัวที่เล็กเกินไปนั่นแหละที่ทำให้...

                    มือเล็กๆ ซึ่งดึงผ้าปูโต๊ะเป็นฐานจนเคลื่อนทำเอาถ้วยชาบนโต๊ะตกลงแตกกระจัดกระจายเต็มพื้น...

                    และเพราะเป็นอย่างนั้นน่ะแหละที่ทำเอาดวงตากลมๆ สีฟ้าใสเอ่อไปด้วยน้ำตา เด็กชายส่งเสียงร้องไห้จ้าจนแมรี่ต้องวิ่งเข้ามาปลอบ

                    โอ๋ๆ อย่าร้องสิจ้ะ อัลไม่ผิดหรอกจ้ะ แค่ถ้วยชาเองอาไม่โกรธหรอกจ้ะ อย่าร้องไห้นะ...หวา...นี่น้ำร้อนลวกถูกมือนี่นา...” เสียงหวานพร่ำปลอบไปพลางหันรีหันขวางมองซาคัสทีแล้วกลับมองเด็กตัวเล็กเบื้องหน้าทีจนคุณหนูผมทองถึงกับถอนหายใจ มือเล็กๆ ขวานหาในกระเป๋าแล้วเดินตรงไปหาเด็กชายที่มีผมสีเดียวกัน...ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่ามันจะอยู่ในนี้สินะ

                    เอ้านี่...คุกกี้รูปคุณแมวกินซะนะแล้วก็หยุดร้องไห้ได้แล้ว...เด็กผู้ชายน่ะเขาไม่ร้องไห้ง่ายๆ หรอก เอ้อ...แล้วชื่อน่ะ...อัลสินะซาคัสย่อตัวลงคว้ามือวางเล็กๆ มาไว้กับตัวแล้ววางห่อคุกกี้ซึ่งไรวิชยัดใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงให้เขา...ทำอย่างกับคุณแม่ที่แอบเอาเสบียงใส่กระเป๋าลูกชายตอนเดินทางไกลไม่มีผิด

                    ...ฮะ...อัล...ชื่ออัลเฟรดฮะพูดพร้อมเสียงสะอื้นฮักที่ใกล้หยุดลง ซาคัสขยับมือลูบๆ เส้นผมสีทองนุ่มมืออย่างเอ็นดู ดวงตาสีฟ้าใสมองเจ้ามองมืออบอุ่นแล้วยิ้มให้ทั้งที่น้ำตาคลอ

                    ขอบคุณฮะ...พี่ชาย

                    ซาคัสเอียงคอลงอย่างนึกรำคาญกับเสียงเคี้ยวคุกกี้กรุบๆ ซึ่งดังอยู่บนตักเพราะเจ้าหนูอัลคนดีดูเหมือนจะติดใจเสน่ห์พี่ชายคุกกี้คุณแมวนั้นกระโดดโพลงมานั่งตักเขาทันทีที่หยุดร้องไห้ เจ้าของเส้นผมสีทองสว่างถอนหายใจยาวเอื้อมแขนกอดคอเด็กชายผมสีเดียวกันแล้วแนบหน้าลงกับศีรษะกลมเบาๆ ระหว่างที่ฟราเรสกับวิลเลี่ยมช่วยกันเก็บเศษแก้วและแมรี่เดินไปหากล่องพยาบาลโดยที่พวก เด็กๆอย่างเขาได้แต่นั่งรออยู่นิ่งๆ

                    ส่วนชาร์ล็อต...มันมองเฉยๆ โดยไม่คิดจะแตะต้องอะไรเลยสักกะอย่างทั้งที่มันไม่ใช่เด็ก!

                    โชคดีเนอะที่ขนมปังกับชีสไม่ได้เลอะไปด้วยชาร์ล็อตว่าพลางมองขนมปังกับชีสในตะกร้าสานบนโต๊ะที่ดูเหมือนจะปลอดภัยดี ซาคัสพยักหน้ารับแผ่วๆ แต่เหมือนกับว่าจะสังเกตอะไรบางอย่าง...แต่เพราะลุกไม่ได้เนื่องจากเจ้าตัวเล็กบนตักจึงทำได้แต่สั่งให้ชาร์ล็อตไปเอามาให้

                    ลายผ้าปักผืนบางสีขาวออกฟ้าซึ่งคลุมอยู่บนตะกร้าใส่ขนมปังนั้นช่างดูคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก...ลายพุ่มดอกไอริชหลากหลายดอกซ้อนกลีบกันอย่างประณีตบรรจง ซาคัสไล้ฝ่ามือตารอยปักเส้นด้ายนั้นอย่างแผ่วเบา...อย่างกับว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน...

                    ผ้าผืนนั้นน่ะคุณแม่ปักเองเลยนะฮะ...พี่ชายชอบเหรอฮะ ถ้าชอบเดี๋ยวอัลจะให้คุณแม่ปักให้นะฮะอัลเอ่ยปากพูดพลางเงยหน้ามองซาคัส แก้มกลมๆ นั้นเคี้ยวคุกกี้ตุ้ยๆ ทั้งที่ยังพูดจนทำให้อดหัวเราะด้วยความเอ็นดูไม่ได้ มือบางวางลงบนเส้นผมสีทองสว่างของเจ้าหนูแก้มตุ้ยแล้วขยี้แรงๆ ด้วยความมันเขี้ยว

                    อย่ากินไปพูดไปสิ

                    เห...ท่าทางอัลจะติดใจพ่อหนูน่าดูเลยนะเนี่ยเสียงหวานใสเอ่ยนำก่อนตัวจะมา ซาคัสแหงนสายตามองร่างบางของหญิงสาวเส้นผมสีน้ำตาลซึ่งในมือโอบอุ้มตะกร้าใส่ยาหลากหลายชนิดปนกันมั่วติดมือมาด้วย แมรี่ยิ้มรับก่อนจะทรุดตัวลงนั่งเบื้องหน้าเด็กน้อย

                     ส่งมือมาให้อาสิจ๊ะคนเก่งแมรี่พูดรับข้อมือกลมข้างขวาที่โดนเจ้าร้อนลวกของเจ้าตัวเล็ก ถึงมันจะโดนไม่มากนาดเด็กสี่ขวบยังไม่ร้องไห้แต่ก็เล่นเอาซะหลังมือแดงเถือก มือบางควานหายาจากกล่องยารวมญาติมิตรอยู่ครู่จนเจอยาทาแก้พลุพอง เธอควักมันออกมาจาเตลับเล็กน้อยก่อนจะชโลมทาลงบนรอยแดงบนหลังมือของอัล

                    "เห...คุณน้า...เอ้อ...พี่สาวเนี่ยรู้เรื่องยาดีจังเลยนะครับ" ซาคัสเอ่ยถามก่อนจะรีบละลักละล่ำเปลี่ยนสรรพนามเรียกอีกฝ่ายทันทีเมื่อรับรู้รังสีแปลกประหลาดจากสายตาเจ้าหล่อน...ก็ไอ้รังสีที่เรียกว่า 'อย่ามาเรียกฉันว่าคุณน้า' ไงล่ะ...หญิงสาวขยับรอยยิ้มจางๆ เป็นการรับที่คุณหนูผมทองเอ่ยชม แหงแซะ...ถ้าเกิดคุณหล่อนแกไม่รู้เรื่องยาดีๆ ล่ะก็รับลองเลยว่าแยกยาในตะกร้ารวมมิตรญาติยาสัพเพเหระไม่ได้ง่ายๆ แน่

                    "ฉันเคยเป็นพยาบาลมาก่อนน่ะ...แต่ก็น้า...ออกมาซะก่อนเพราะดันไม่เป็นที่ต้องตาหัวหน้า" แมรี่ลากเสียงยาวเธอเก็บยาลงกับตะกร้าหลังจากที่ทาให้เจ้าตัวดีเสร็จเรียบร้อย ร่างผอมบางลุกขึ้นยืนจนเต็มส่วนสูงก่อนดวงตาสีน้ำตาลไหมาจะปรายส่งรอยยิ้มหวานให้พ่อพ่อบ้านหนุ่มที่ทำเอาฟราเรสกระตุกอย่างไม่รู้จะปั้นหน้าตอบยังไงดี...ส่วนซาคัสก็ได้แต่ส่งเสียงหัวเราะแผ่วๆ เมื่อเห็นท่าทีของคนเป็นพ่อบ้าน

                    เนื้อหอมจริงนะพ่อบ้านของฉัน

                    เมื่อเสร็จสิ้นกรรมวิธีการทายา อัลไกวขาเล็กน้อยก่อนเรือนร่างเล็กของเด็กวันสี่ขวบจะกระโดดลงจากหน้าตักของซาคัสทันที่ที่คุกกี้รูปคุณแมวนั้นหมดเกลี้ยงห่อราวกับเจ้าตัวจะนึกอะไรบางอย่างได้ เจ้าของหัวกลมๆ สีทองกระหวัดสายตาหันกลับมา เด็กชายขยับรอยยิ้มกว้างๆ ชนิดที่ต่อให้คนไม่รักเด็กเห็นยังละลาย

                    "อัลจะกลับแล้วนะฮะ...เดี๋ยวคุณแม่เป็นห่วง" น้ำเสี้ยงใสๆ พูดอย่างฉะฉานทั้งที่ฟังยังไงก็ยังพูดไม่ค่อยจะชัด...ท่าทางน่ารักจนเจ้าตัวคุณหนูผมทองถึงกับต้องยิ้มตาม...มันอดที่จะเอ็นดูไม่ได้

                    ยิ่งเมื่อเอามาเทียบกับตัวเขาแล้ว...มันหมดวัยที่จะไร้เดียงสาไปไม่รู้กี่ปี

                    จะหลอกด่าตัวเองว่าแก่ทางอ้อมงั้นสิ?

                    "แหม...ตายจริง งั้นเดี๋ยวอาไปส่ง...เอ้อ..." หญิงสาวชะงักคำเล็กน้อยเหมือนเพิ่งนึกได้ว่ามีแขกอยู่และดูเหมือนกับว่าคุณแขกเขาจะรู้ตัวซาคัสกระโดดตัวลงจากเตียงนอนก่อนจะคว้ามือของอัลเอาไว้

                    "ให้ผมไปส่งดีกว่าไหมครับ?" ซาคัสว่าก่อนจะตัวจะกระแดะปั้นรอยยิ้มให้ดูไร้เดียงสา ที่ดูเหมือนจะได้ผลเพราะเจ้าตัวหญิงสาวดูจะเคลิ้มไปทันที ก็นะ...ถึงอายุจะแก่กว่าอัลสิบคนรวมกันแต่หน้าก็ยังใสกิ๊งไม่เกินสิบสองอยู่อย่างนี้มันก็ได้เปรียบ...ถือเป็นอาวุธลับไว้ดักคนรักเด็กล่ะน่า

                    "เอ๋?...ด...เดี๋ยวก่อนสิครับ" เหมืนอฟราเรสอยากจะพูดแย้งหากแต่ก็ถูกมือเล็กๆ ของคุณหนูอันเป็นที่รักคว้าแขนไว้แล้วดึงลงมากระซิบ

                    "จะปล่อยให้ว่าที่ผู้เสียหายออกไปเดินโท่งๆ คนเดียวกับเด็กไม่ได้นะฟาส...นายอยู่ตรงนี้คอยจับตาดูเธอเอาไว้...ดีไม่ดีลองค้นหาหลักฐานที่พอจะมีอยู่ในบ้านนี้มาด้วยก็ได้เพราะฉันเชื่อว่าเดอะริบเปอร์อาจจะรู้จักพวกผู้เสียหายเป็นอย่างดี" น้ำเสียงหวานใสกดลงเบาแผ่ว ลมหายใจอุ่นๆ ประรดใบหู "ส่วนฉันจะไปส่งเด็กคนนี้กับวิลล์เอง...รู้สึกสะกิดใจอะไรบางอย่างนิดหน่อยน่ะ"

                    ฟราเรสพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ดวงตาสีมรกตใสทอดมองร่างเล็กผมทองของผู้เป็นนายชวน...ที่จริงน่าจะเรียกว่าฉุดกระชากวิลเลี่ยมให้ไปด้วยกัน 

                    พ่อบ้านหนุ่มส่งเสียงถอนใจยาว...ไม่มั่นใจว่าตนจะอยู่รอดหรือไม่ยามที่ต้องรับมือกับนักสืบบ้าคู่ปรับนี่เพียงลำพัง...แม้เรื่องการทำคดีอีกฝ่ายคงทำได้อย่างไร้ที่ติแต่ระดับความไว้วางใจที่มีต่อตัวบุคคลนั้นมันติดลบจนไม่มีเครดิตอะไรให้ยกย่อง

                    ก็ได้แต่หวังในใจว่าคุณหนูของเขาจะกลับมาทันก่อนจะที่เขาจะลงไปฟัดกับเจ้านักสืบบ้านี่เสีย

     

                    "บ้านของอัลอยู่ถัดจากนี้ไปสองซอยเองฮะ" น้ำเสียงเจื้อยแจ้วว่าพลางชี้มือโบ้เบ้ไปทั่ว...ถึงจะสงสัยสักหน่อยว่าขามาทำไมไม่หลงทั้งๆ ที่ขากลับน่ะพาเดินวนไปทั่ว นี่ถ้าเกิดไม่ถามทางกลับบ้านที่ถูกต้องมาจากแมรี่ เคลลี่ก่อนออกมาแล้วล่ะก็ไม่อยากนึกเลยว่าคืนนี้เขาจะนอนค้างที่ไวท์แชพเพลด้วยสภาพไหน

                    ดวงตากลมสีขลับทอดมองร่างของสอวเด็กชายผมทองที่เดินไกวมือไปพลางส่งเสียงร้องเพลงโฮลี่กรีนไปพลาง...ถึงมันจะไม่ใช่ฤดูที่ควรจะร้องก็เถอะ แต่ก็นะ...พอมองดูแล้วความน่ารักน่าเอ็นดูราวกับพี่น้องของสองคนนี้ก็ชวนให้เพลินสายตาอย่างบอกไม่ถูก

                    หลังจากเดินวนกันอยู่สักพัก ร่างสูงโปร่งของนายตำรวจหนุ่มก็ชะงักลงเมื่อเดินอยู่นานก็ดูเหมือนจะไม่ถึงเสียที ส่อเค้าร่างว่าจะหลงทางอย่างบอกไม่ถูก

                    "อัล...อัลเฟรด" แว่วเสียงหวานใสที่ทำให้เด็กชายวัยสี่ขวบส่งรอยยิ้มร่าทันทีที่ได้ยิน ร่างเล็กกระหวัดหันไปยังด้านหลัง ปล่อยมืออกจากซาคัสแล้ววิ่งตรงไปยังร่างผอมบางของหญิงสาวเรือนเส้นผมสีน้ำตาลเปลือกไม้ เส้นผมยาวหยักศกประแผ่นหลังดูสวยอ่อนโยนเข้ากับนัยน์ตาสีฟ้าอบอุ่น

                    "แม่ฮะ" พูดพร้อมกระโดดเข้าหาอ้อมกอดของหญิงสาวที่เหมือนกับนางฟ้าทันที่เมื่อโผล่มาราวกับตัวช่วยไม่ให้คืนนี้พวกเขาต้องมานอนค้างอยู่ที่นี่ด้วยเหตุผลเพียงแค่ 'หลงทาง' 


                    ราวกับเห็นสายตาที่ส่งมาเป็นคำถามของหญิงสาว ซาคัสถอดหมวกผงกหัวลงโค้งตัวเล็กน้อยเป็นเชิงทักทายสาวเจ้าก่อนที่วิลเลี่ยมจะทำตาม

                    "พี่ชายพวกนี้เขาเป็นแขกของอาแมรี่...พี่เขามาสมอัลล่ะฮะ" อัลว่าขยับยิ้มอย่างร่าเริงก่อนคนเป็นแม่จะจับมาอุ้มกับอกเธอหันมาส่งยิ้มด้วยแววตาคลี่คลาย

                    "ขอบคุณมานะคะที่มาส่งลูกชายของดิฉัน" คนเป็นแม่เอ่ยก่อนเจ้าหล่อนจะหันกลับมาพูดกับตัวเอง "แต่ว่าให้แขกของเพื่อนมาส่งลูกชายแบบนี้รู้สึกแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้นะ" 


                    คุณหนูผมทองเอียงคอลงเล็กน้อย...ถึงจะพูดกับตัวเองแต่ก็ได้ยินนะเออ

                    "พอดีดิฉันอบกิลล์นี่พายเอาไว้ถ้าไม่รีบหรือรังเกียจยังไงมาทานด้วยกันไหมคะ เอ่อ...ถ้าไม่ก็รอสักหน่อยไว้อบเสร็จดิฉันจะได้ห่อให้คุณเอากลับได้...นะคะ?" เธอว่าพลางผายมือเป็นการเชื้อเชิญเข้ามาในบ้านราวกับจะแทนคำขอบคุณหากแต่เมื่อวิลเลี่ยมจะง้างปากปฏิเสธก็ถูกคุณหนูกระแทกศอกใส่แล้วพูดแทรกขึ้นในระหว่าที่ตำรวจหนุ่มกำลังจุก

                    "ขอบคุณมากครับ...งั้นผมไม่เกรงใจเข้าไปกินเลยล่ะนะ" ซาคัสพูดยิ้มๆ เรือนร่างเล็กข้ามร่างของสก็อตแลนด์ยาร์ตหนุ่มซึ่งลงไปนอนจุกกองอยู่กับพื้น ดวงตาสีน้ำเงินเข้มกระหวัดหันมองวิลเลี่ยมซึ่งท่าทางร่อแร่ เหมือนจะไม่ไหว เด็กชายส่งเสียงถอนหายใจยองตัวลงแล้วยื่นส่งมือให้วิลเลี่ยมลุกขึ้น

                    ก็ว่าเถอะไอ้การจุกสองรอบติดๆ ในวันนี้ก็เกิดจากฝีมือเขาล้วนๆ 

                    ร่างเล็กของเด็กชายเดินเข้ามาในบ้านเช่าขนาดเล็กจัดก็...ถ้าให้เทียบก็ไซส์เดียวกับห้องลองเสื้อในคฤหาสน์คริมสันนั่นแหละ...ได้กลิ่นหอมๆ ยั่วยวนของพายเนื้อที่เพิ่งอบเสร็จใหม่ฟุ้งทั่ว ซาคัสเดินเลาะโต๊ะเก้าอี้ทานอาหารเล็กๆ ไม่ได้ดูหรูหราหากแต่ก็กระทัดรัดเข้ากับตัวบ้านและคนอาศัย

                    แต่พลันไม่ทันไรหัวกลมๆ ของคุณหนูผมทองก็ถูกกดทับด้วยเจ้าของเส้นผมสีน้ำตาล ท่อนแขนยาวคล้องคอเขาพร้อมกับล็อคเอาไว้แน่น วิลเลี่ยมขยับใบหน้าเข้าใกล้ส่งเสียงเบาๆ เป็นเชิงกระซิบ

                    "ทำไมถึงรับคำชวนเขาล่ะครับ...อันที่จริงผมว่าเราน่าจะรีบกลับ..." เหมือนอยากจะพูดต่อแต่ก็ชะงักเมื่อซาคัสตอบกลับมาแทบจะทันที

                    "ฉันสังหรณ์ใจ" ซาคัสว่าที่ทำให้วิลเลียมต้องกลืนน้ำลาย...ถึงจะรู้จักกันมาไม่นานแต่เขาก็พอจะรู้ว่าลางสังหรณ์ของคนตรงหน้ามักจะแม่นเฉียบเสมอ แถมไม่เคยจะสังหรณ์ในเรื่องดีๆ กับเขาเลยสักนิด "ก็ถ้าไม่ว่าอะไรฉันอยากจะอยู่เช็คอะไรที่นี่สักหน่อยแถมยังมีกำไรเป็นกิลล์นี่พายอีก...คุ้มอย่าบอกใครเลยนะเออ" 

                    วิลเลี่ยมพยักหน้ารับช้าๆ รอยยิ้มบนใบหน้าของตำรวจหนุ่มดูเหมือนจะเจือนจางคลับคล้ายอยากจะร้องไห้...ลงพูดแบบนี้ก็มีแต่ต้องยอมแหละครับ

                    ดวงตาสีน้ำเงินเข้มกระหวัดมองร่างของสองแม่ลูกที่หายลับเข้าเป็นในครัวแล้วหันมองตำรวจสันติบาลหนุ่มเป็นเชิงบอกว่าให้ใช้โอกาสนี้แหละ

                    ฝ่าเท้าก้าวเดินบนพิ้นผิวไม้ปูด้วยพรมสากๆ ร่างเล็กเลียบเข้าไปใกล้โต๊ะเครื่องแป้ง เงากระจกสะท้อนเคล้าร่างใบหน้าสวย มือบางวางลงไล้ตามเนื้อไม้อย่างแผ่วเบา บนโต๊ะเต็มไปด้วยเครื่องสำอางวางเรียงกันอยู่มุมหนึ่งส่วนอีกมุมหนึ่งมีแก้วเปล่าๆ หนึ่งใบที่เสียบของจำพวกเครื่องเขียนเอาไว้...ก็พอจะเกาออกว่าโต๊ะนี้ใช้งานสองสถานแต่งหน้าก็ได้เขียนหนังสือก็ยอด

                    ซาคัสยิ้มแห้งเหือดทำของอย่างเดียวมาเมคทูอินวันได้...เขาล่ะนับถือจริงๆ หากแต่พลันไม่ทันไรมือเล็กก็สะดุดชะงักไปเมื่อดวงตาสีน้ำเงินไพลินเห็นบางสิ่งที่วางอยู่ใกล้กับแก้วใส่เครื่องเขียน

                    ขวดโหลหมึกสีแดงและกระดาษเขียนจดหมายกองหนึ่ง

                    ซาคัสคว้าหาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาหยิบขวดสีแดงเยิ้มน้ำหมึกขึ้นมาพลางส่องกับแสงแดด...อาจจะแค่บังเอิญแต่...

                    แต่ว่ามันเป็นสีเดียวกัน...

                    "พายที่คุณแม่อบน่ะอร่อยมากๆ เลยนะฮะ...คุณแม่ชอบเล่าให้ฟังบ่อยๆ เลยว่าคุณพ่อชอบทานพายของคุณแม่มาก" น้ำเสียงที่แล่นมาก่อนตัวจนซาคัสต้องรับยัดขวดหมึกและกระดาษจำนวหนึ่งเข้ากระเป๋ากางเกง ร่างเล็กๆ ของอัลน้อยโผล่ออกมาจากประตูห้องครัวพร้อมจานเปล่าเต็มอ้อมแขนจนแขกทั้งสองหน่อต้องรีบถลามารับก่อนที่เจ้าตัวเล็กนี่จะป่นจานให้แตกอีกรอบ

                    "ถึงอัลจะไม่เคยเห็นหน้าคุณพ่อเลยก็เถอะ" ดวงตาสีฟ้าหรี่ลงที่ทีให้ซาคัสชะงักฝ่ามือที่กำลังเรียงจานบนโต๊ะ...รู้สึกสะท้อนใจแปลกๆ กับรอยยิ้มไร้เดียงสาบนใบหน้าที่ดูจะหม่นลงก่อนที่เจ้าตัวน้อยจะสลัดมันทิ้งกลับมาร่าเริงเหมือนเดิม "คุณแม่บอกว่าคุณพ่อต้องไปทำงานที่ไกลม๊ากมาก ก็เลยไม่ได้กลับมาล่ะฮะ" เจ้าตัวเล็กพูดพลางยืดมือเป็นภาพประกอบการอธิบาย

                    "เหรอ..." ซาคัสพึมพำเสียง รอยยิ้มที่ดูเหงาหงอยบนใบหน้าเยาว์ที่ทำให้เจ้าของดวงตาสีน้ำเงินหรี่หม่นลง...บางที่เจ้าตัวเล็กนี่อาจจะไม่เข้าใจกับความรู้สึกนี้ก็ได้...แต่ว่าความรู้สึกนี้กลับเป็นความรู้สึกที่เขาคุ้นเคยและเข้าใจดี

                    เพราะตัวเขาเอง...แวมไพร์อย่างเขาก็เคยรู้สึกแบบนั้นมาก่อน

                    ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่นานมาแล้วก็ตามที

                    "แต่อัลก็รู้นะฮะว่าคุณพ่อเองก็ต้องคิดถึงอัลเหมือนกัน...ดูสินี่ฮะ" อัลพูดว่าแล้วก็คว้าตุ๊กตาทหารไม้นัคเครกเกอร์ขึ้นมาให้ซาคัสกับวิลเลี่ยมดู "เมื่อวันก่อนคุณพ่อฝากคุณเพื่อนมาให้อัลด้วยล่ะฮะ...น่ารักไมฮะ" น้ำเสียงร่าเริงกระตือรือร้นยามที่อวดตุ๊กตาไม้นั้น...บ่งบอกได้ดีเชียวล่ะ

                    ว่าต่อให้ไม่เคยได้พบหน้ากันแต่ความรักของพ่อลูกคู่นี้...ผูกพันธ์กันแน่นแค่ไหน

                    "อ๊า...พายมาแล้วๆ" พอหมดช่วงโปรโมชั่นกำลังซึ้งเจ้าตัวเล็กก็ร้องขึ้นมาพร้อมกับเดินอ้อมหน้าอ้อมหลังคนเป็นแม่ซึ่งเดินถือถาดกิลล์นี่พายออกมาจากในครัวจนซาคัสเริ่มหวั่นว่าคุณลูกจะทำคุณแม่หัวทิ่มหน้าพาดพื้นหรือไม่...แต่ก็เปล่า...ทั้งคนทั้งพายยังปลอดภัยดีถึงที่หมายลงจอดบนโต๊ะอย่างหายห่วง

                    พายเนื้ออบสีน้ำตาลอ่อนๆ เกรียมไฟนิดๆ ส่งกลิ่นชอบฉุยลอยตามลมจนอดกลืนน้ำลายไม่ไหว...แค่กลิ่นก็เชิญชวนจะแย่เรื่องรสญาติยิ่งไม่ต้องพูดถึง ทันทีที่คำแรกเข้าสู่ประสาทรับรสก็แทบจะละลายด้วยความอร่อย รสชาติเข้มข้นของซอสเนื้อที่เข้ากันกับรสชาติหวานกรุบกรอบของแป้งพาย ขนาดคนอย่างคุณหมูซาคัสเองที่มักจะชมนักหนาว่าพายที่คุณพ่อบ้านทำนั้นอร่อยเลิศยังแอบคิดว่าขอนอกใจสักวันคงไม่ว่ากันนะ

                    ก็มันอร่อยจริงๆ นี่นา 

                    "คุณนายนี่เก่งจังเลยนะครับ...รสชาติดีอย่างนี้เปิดร้นอาหารได้สบายเลย" วิลเลี่ยมเอ่ยชมหลังจากที่ชิ้นพายคำสุดท้ายเข้าปาก ดวงตาสีดำกลมโตเหลือบมองเจ้าตัวน้อยก่อนฝ่ามือจะเอื้อมไปลูบๆ เส้นผมสีทองด้วยความเอ็นดู " เป็นอย่างที่เธอว่าเลยนะอัลเฟรด"

                    "ใช่ใหมล่ะฮะ" อัลพูดรับด้วยหน้าตาชึงขังพลางวาดมือตะเบ๊ะใสจนวิลเลี่ยมต้องยกมือรับแล้วลอบส่งเสียงหัวเราะแต่พลันไม่ทันไรสก็อตแลนด์ยาร์ตหนุ่มก็ต้องชะงักลงเมื่อมองเห็นดวงตาสีน้ำเงินเข้มของคนที่นั่งหัวโต๊ะดูราวกับครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ร่างเล็กของซาคัสพุดลุกขึ้นยืนก่อนจะส่งรอยยิ้มให้กับแม่ของของอัล

                    "ผมไปก่อนนะครับคุณนาย" ซาคัสว่าส่วนวิลเลี่ยมที่ถึงแม่จะไม่รู้เรื่องออะไรก็ลุกขึ้นตามก่อนโดนทิ้ง ดวงตาสีเขียวของหญิงสาวเส้นผมสีน้ำตาลหลุบมองเด็กชายผมทอง เธอยิ้มแล้วขยับลุกตามจับจูงมือเล็กๆ ของลูกชายไปส่งที่หน้าบ้าน

                    "เห็นอัลบอกว่าหนูมากับเพื่ออีกสองคนสินจ๊ะ" เธอว่าโน้มตัวลงใกล้ซาคัสซึ่งจากในสายตาเธอมองว่าเป็นเด็กน้อยที่น่าเอ็นดู...โดยหารู้ไม่ว่าเด็กตรงหน้านั่นแก่กว่าเธอไม่รู้จะกี่รอบแถมยังไม่ค่อยจะชอบให้พูดจาเสียงอ่อนเสียงหวานเหมือนพูดกับเด็กแบบนี้ใส่อีกต่างหาก

                    แต่...จะโวยใส่สุภาาพสตรีเหมือนตอนเจอวิลเลี่ยมครั้งแรกมันก็กระไรอยู่

                    "อะ...ครับ" ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเหลือบมองเจ้าตัวเล็กที่ยิ้มร่า...แหม...เด็กนี่ดีจริงๆ เลยนะให้ตายสิ แต่ก่อนจะได้ว่าอะไรต่อตะกร้าสานเล็กๆ ก็ยื่นวางบนมือของเขา กลิ่นหอมๆ ที่อบอวลอยู่...กลิ่นกิลล์นี่พายสุดอร่อยนั่นเอง

                    "เอาไปฝากเพื่อนๆ สิจ๊ะ" เธอยิ้มก่อนจะยืดยืนจนเต็มส่วนสูงก่อนที่คุรหนูจะยิ้มและโค้งรับเป็นเชิงขอบคุณ...แต่ดูราวกับว่าจะนึกอะไรบางอย่างได้ ริมฝีปากสีอ่อนค่อยๆ ขยับพูด

                    "จะว่าไปยังไม่รู้ชื่อของคุณน้าเลยนะครับ?"

                    คนถูกถามเอียงคอลงเล็กน้อยก่อนที่เธอจะยิ้ม

                    "แอนนี่ เอลิซาเบธจ้ะ" 

                    "ขอบคุณมากครับ" เจ้าของเส้นผมโค้งศีรษะลงที่ทำให้สาวเจ้าถึงกับงงเล็กน้อยแต่ก็ยิ้มรับแต่โดยดี ดวงตาสีเขียวใสทอดมองร่างของทั้งสองจนหายลับไปด้วยสายตาอ่อนโยน

     

                    "ดีจังเลยนะครับที่วันนี้เธอแต่คนดีๆ" วิลเลี่ยมว่าด้วยน้ำเสียงและรอยยิ้มร่าเริงแต่ก็ต้องหยุดไปเมื่อเจอกับสีหน้าเคร่งเครียดของร่างผมทองที่เดินอยู่ข้างตัว ดวงตาสีดำขลับหรี่ลง "มีอะไรหรือเปล่าครับคุณซาคัส?" ชายหนุ่มเอ่ยถามหากแต่เจ้าตัวอีกฝ่ายกับเงียบไปนาน

                    ฉับพลันดวงหน้าเยาว์ก็ขยับหันมาแสงสีส้มแดงจากดวงตะวันที่ใกล้ถึงเส้นขอบฟ้า สายลมยะเยือกเย็นพัดโอบล้อมร่างหากแต่...ก็ไม่ได้เย็นชาเท่ากับดวงตาสีน้ำเงินที่จับจ้องมา

                    "ที่ว่า 'เจอแต่คนดีๆ' น่ะมันจะใช่อย่างงั้นจริงๆ เหรอวิลล์?" 

                    "อ..." ริมฝีปากแข็งจนพูดอะไรไม่ออก ดวงตาคู่สีน้ำเงินที่ไม่ได้แปรเปลี่ยนไป...ร่างตรงหน้าก็ยังเป็น 'ซาคัส ริธ' ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปไหนแต่ทำไม...ในความรู้สึกมันกลับไม่ใช่เลย

                     กดดัน...เย็นชา...หนักหน่วงจนไม่อาจจะแบกรับได้

                    "ว่าเข้าไปนั่น" พลันบรรยากาศก็เปลี่ยนไปเมื่อเจ้าตัวคนทำเครียดกลับพุดรอยยิ้มส่งเสียงหัวเราะออกมาดื้อๆ เรือนร่างเล็กหันกลับไป ส่งเสียงฮัมเพลงโฮลี่กรีนก่อนจะเริ่มเดินแบบก้าวกึ่งกระโดด ท่าทางร่าเริงที่เหมือนจะทำร่างเริงตามแต่อีกฝ่ากลับไม่ยอมเป็นไปด้วย นัยน์ตาสีดำขลับทอดมองร่างที่เริ่มห่างออกไป

                    ยังมีเรื่องเกี่ยวกับเขาที่เรายังไม่รู้อีกเต็มไปหมดเลยสินะ

                    "โอ๊ะ...!?" ซาคัสพึมพำเสียงเมื่อพบร่างของสองคนคุ้นเคยยืนพิงกำแพงอยู่คนละมุม คุณหนูเอียงคอลงเล็กน้อยจะว่าแปลกใจที่ฟราเรสกับชาร์ล็อตมาอยู่ตรงนี้มันก็ใช่แต่ที่ว่าแปลกใจมากกว่าคือสองคนนี้ยืนอยู่กันนิ่งๆ โดยที่ไม่ทะเลาะกันก็เป็นด้วย?

                    "มายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้น่ะ...แล้วแมรี่ เคลลี่ล่ะ?" ซาคัสเอ่ยถามเร่งฝีเท้าเข้าไปสมทบกับพวกพ่อบ้านก่อนจะเห็นได้ว่าฟราเรสเริ่มจะหน้าแดงเหมือนกำลังเรียบเรียงคำพูดอยู่ในหัว 

                    "ก็...ไปทำงานอย่างที่รู้ๆ กันน่ะแหละ" แล้วเจ้านักสืบบ้าก็โพล่งตอบขึ้นมาแทนพลางหยักไหล้เล็กน้อยเพราะทนท่าทางกระอักกระอวนของพ่อบ้านหนุ่มไม่ได้...ยังเป็นวัยใสไก่อ่อนอยู่มันก็งี้แหละน้า...

                    แต่ไอ้วัยใสที่แกว่าก็อ่อนกว่านายแต่สามปีเองนะชาร์ล...

                    "อ้อ...เหรอ" เหมือนซาคัสจะตอบง่ายๆ อย่างเข้าใจหรือไม่ก็ปลงตกก่อนมือเล็กจะยื่นส่งตะกร้าพายให้กับฟราเรส "ไอ้นี่แม่อัลทำมาให้ล่ะอร่อยแข่งกับที่ของนายได้สบายเลยล่ะ"ซาคัสเอียงคอลง เหมือนว่าปฏิกริยาตอบรับขอคุณพ่อบ้านจะดูปิดแผกแตกต่างออกไปจากทุกที 

                    "มีอะไรหรือเปล่า...ฟาส"

                    และเป็นอีกครั้งที่ชาร์ล็อตสแลนหน้ามาตอบแทนร่างสูงโปร่งเขยับเข้ามาใกล้ก่อนจะวางของบางอย่างลงกับมือบางเล็กๆ ของคุณหนูซาคัส

                    "เอ้า! ของน่าสนใจที่พวกเราไปคุ้ยเจอในบ้านของคุณ 'ว่าที่ผู้เสียหาย' ล่ะ" นับสืบหนุ่มว่าก่อนจะทอดสายตามองใบหน้าที่เดาความรู้สึกไม่ออกของซาคัสยามเมื่อเห็นของที่อยู่ในมือ...จะว่าตกใจ...จะว่าดีใจ...หรือกำลังสะใจอยู่กันแน่นั้นก็มีแต่เจ้าตัวคนเดียวที่เข้าใจ

                    "คิดว่าเป็นยังไงบ้างครับ?" ฟราเรสเอ่ยถามดวงตาสีเขียวใสสบลึกลงกับดวงตาสีนำเงินเข้มสื่อความหมายที่เข้าใจกันดี "ถึงเวลาแล้วหรือยังครับ...คุณหนู?" น้ำเสียงนุ่มลึกเอ่ยซ้ำอีกครั้งและเรียกรอยยิ้มให้ผุดบนใบหน้าเยาว์ของซาคัสทันที 

                    "อืม..." น้ำเสียงพึมพำแผ่วเบาในลำคอก่อนจะขยับมองวิลเลี่ยมที่ดูราวกับจะพยายามเข้าใจกับสิ่งที่กำลังเกิด ซาคัสยิ้มให้...แล้วฉันจะให้นายได้รู้ทุกอย่างเองวิลล์...

                    "ฉันจะจั่วไพ่ใบสุดท้ายเพื่อปิดเกมส์ล่ะนะ"

    +++++++++++++++++++
                    
                     ก็ยังคงโดนไวรัสกินเวิร์ดต่อไป
     
                     ชิโอะร๊ากเวิร์ดเเพทททท (ประชด)

                      ตอนหน้าก็จะจบบทเเจ็ค เดอะ ริบเปอร์แล้วล่ะค่ะ (เหมือนได้ยินเสียงใครหลายๆ คนบอกว่า "ในที่สุดมันก็จบสักที" เลยแหะ)

                      ต่อท้ายด้วยตอนขั่นบทแล้วก็จะขึ้นบทใหม่เสียที (เฮ้อ...)

                      ได้ยินมาหลายหนว่าเรื่องนี้เหมือนพ่อบ้านดำแบล็คบัทเลอร์...ถึงจะเขียนให้ตอนบ้าๆ พ่อบ้านก็เถอะแต่นี่ก็พยายามที่จะทไห้แตกต่างแล้วน๊า (ตรงไหนของเอ็งแค่มีพ่อบ้านกับคุณหนูก็กระดิกตัวไม่ได้แล้วนะเออ) 

                        ไว้สักวันเถอะชิโอะจะเขียนให้คุณหนูซาคัสมาเจอกับคุณหนูจิเอลไม่ก็เซบาสเตียน VS. ฟราเรส เป็นตอนพิเศษสักตอน!!

                        (ล้อเล่นหรอกค่ะ...ถึงทำจริงๆ นอกจากจะติดลิขสิทธิ์แล้วยังจะไม่มีคนอ่าน -*-)

                        แต่ก็อยากทำนะ  - 3 - ( ซาคัส + จิเอล : เลิกบ้าสักที!!!)

                        ** ไว้เย็นๆ ขะมาตอบเมนต์นะคะ **

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×