คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3 Blood drop
เสียงควบรถม้าหนักๆ แผ่วจางและใกล้ชะลอตัวลงจนซาคัสรับรู้ ดวงตาสีน้ำเงินเข้มละออกมาจากวงไพ่โป๊กเกอร์ที่กำลังเล่นแล้วเบนมองไปด้านนอกหน้าต่างด้วยใบหน้าที่ดูไม่ออกว่าเซ็งก็เชิญไปตายซะ แว่วเสียงถอยหายใจยาวที่ทำให้วิลเลี่ยมยกใบหน้าขึ้นมา นัยน์ตากลมโตสีดำขลับขยับทอดมองตามดวงไพลินมณีที่ทอดเหม่อ
“ผมเพิ่งจะเคยมาที่เบเกอร์สตรีทเป็นครั้งแรกเลยนะครับเนี่ย” เจ้าของนัยน์ตาสีดำขลับเอ่ยพูด วิลเลี่ยมมองไปรอบๆ ถนนที่มองเห็นผ่านบ้านหน้าต่าง ตัวอาคารสูงสีขาวหินอ่อนทอดยาวเรียงรายจัดสรรเป็นบ้านเช่าและร้านค้าอย่างลงตัวและได้สัดส่วน ความคึกคักของผู้คนบนสองข้างทางที่ทำให้อดทึ่งไม่ได้
“บ้านเช่าที่นี่สวยจัง”
ซาคัสยกหน้าขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงรับรู้ เด็กชายวางคางลงกับฝ่ามืออย่างเหนื่อยหน่ายผสมเซ็ง แว่วเสียงถอนลมหายใจยาสเหยียดออกจากริมฝีปากบางพร้อมๆ กับที่รถม้าหยุดสงบ วิลเลี่ยมเลิกคิ้วสีเดียวกับเรือนผมอย่างแปลกใจ
เหมือนคุณซาคัสเขากำลังเซ็งอะไรสักอย่างอยู่อย่างนั้นแหละ
ทันทีที่ประตูรถเปิดออกร่างเล็กของซาคัสก็กระโดดตุบลงกับพื้นจนพ่อบ้านต้องรีบเข้ามาประคองก่อนที่หัวทองๆ จะร่วงแบ็บไปฟาดกับพื้น ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเหลือบขึ้นมองป้ายที่อยู่ เด็กชายย่นจมูกเล็กน้อยจนหัวคิ้วยุ่ง
[บ้านเลขที่ 25 ถนนเบเกอร์สตรีท]
ยังไม่ทันง้างมือกดกริ่งเรียก ประตูหน้าบ้านก็เปิดออกพร้อมๆ กับสตรีวัยกลางคนในชุดลายลูกไม้สีเทาอมฟ้าออกมาต้อนรับ
“ไม่ได้พบกันเสียนานเลยนะจ๊ะ” ผู้ดูแลบ้านเช่าพูดพลางกับซาคัสอย่างคุ้นเคยพร้อมๆ กับขยับรอยยิ้มให้อย่างเป็นมิตร เจ้าของเส้นผมสีทองถอดหมวกแล้วโค้งตัวอย่างสุภาพ
“เช่นกันครับ” น้ำเสียงเล็กพูดโทนไม่สูงไม่ต่ำอย่างเคารพ เมื่อมือบางเหี่ยวย่นของผู้ดูแลบ้านเช่าพายเป็นเชิงเชิญให้เข้ามา ซาคัสพยักหน้ารับน้อยๆ แล้วก้าวเท้าเดินเข้าไปในตัวบ้านพร้อมกับชายหนุ่มร่างสูงสองคนที่ตามมาติดๆ
เท้าเล็กก้าวสั้นๆ อันเนื่องมาจากก้าวยาวมากกว่านี้ไม่ได้แล้วขึ้นบันไดไม้ที่ถึงแม้จะอยู่มาเป็นเวลานานแต่ยังคงสภาพความงามเอาไว้ได้อย่างน่าชื่นชมผู้ดูแลที่เอาใจใส่
ซาคัสหยุดก้าวเดินเมื่อถึงบานประตูของห้องหนึ่ง แว่วเสียงลมหายใจเข้าแรงๆ เหมือนกับลังรวบรวมสมาธิหากแต่ยังไม่ทันจะได้ยกมือเคาะ บานประตูก็เปิดผัวะออกมาจนเกือบกระแทกเข้าหน้า ดวงตาสีน้ำเงินเห็นอะไรบางอย่างสีดำพุ่งตรงเข้ามาพร้อมๆ กับโถมน้ำหนักตัวทั้งหมดใส่เขาจนแทบจะทรุด
“ยินดีต้อนรับจ้า...ยังน่ารักเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยน้า” น้ำเสียงนุ่มกล่าวร้องอย่างรื่นเริงจนเหมือนอารมณ์ดีจัดจนน่ากลัว ดวงหน้าหล่อเหลาคมคายไถไปไถมากับเรือนผมสีทองจนถ้าเกิดไฟลุกขึ้นมาตอนนี้ก็คงไม่แปลกใจอะไร
“ปล่อยฉันนะ ปล่อยสิเฟ้ย เจ้าบ้าชาร์ล็อต!” ซาคัสกรีดร้องร่างเล็กดิ้นพล่านไปทั่วเหมือนกำลังหาทางออกจากอ้อมกอดมรณะที่ทำเอาหายใจไม่ออกอยู่รอมร่อ ฟราเรสที่ทนไม่ไหวอุ้มตัวคุณหนูของเขาออกมาจากชายหนุ่มที่โผล่ออกมาจากบานประตูและกำลังกระทำการคล้ายๆ กับลวนลามเด็ก
“กรุณาปล่อยตัวคุณหนูด้วยครับ” ฟราเรสที่ดึงตัวซาคัสออกมาได้เอ่ยพูดน้ำเสียงเด็ดขาด ดวงตาสีเขียวมรกตปะทะดวงตาสีฟ้าสะอาดอย่างกินเลือดกินเนื้อ นี่ถ้าเกิดว่าสามารถพ่นลำแสงออกจากตาใส่กันได้คงทำไปนานแล้ว
“ไม่ได้เจอกันนานยังติดเจ้าของเหมือนเดิมเลยนะ...คุณตูบ” ดวงตาสีฟ้าใสจ้องลึก ชายหนุ่มขับรอยยิ้มที่มุมปาก
“ครับ...คุณเองก็ยังคงวิปริตเช่นเดิมเลยนะครับ” ฟราเรสพูดตอบน้ำเสียงเรียบแต่ยังคงรอยยิ้มสุภาพเช่นปรกติ เมื่อเห็นอย่างนั้นซาคัสขยับเสียงถอนหายใจเหยียดก่อนจะก้าวเท้าเดินเข้าบานประตูไปโดยไม่รอให้ถูกเชิญเพื่อตัดบทก่อนเรื่องจะบานปลาย
สองคนนี้เกลียดกันอย่างเอาจริงเอาจังเลยแฮะ...
ดวงตาสีน้ำเงินเข้มกวาดมองรอบๆ ตัวห้องรับแขกแล้วย่นจมูกลงเล็กน้อยกับ...ความสะอาดที่แทบจะไม่มีหลงเหลืออยู่เลยสักนิด กระดาษเกลื่อนกลาดร่วงเต็มพื้นห้องราวกับโปรยแจกไหนจะกองหนังสือที่วางกันไว้สุ่มๆ สงเดชที่คงได้หล่นมาทับหัวตายเข้าสักวันนั่นอีก
ร่างเล็กทิ้งตัวลงบนโซฟา คลับคล้ายว่าเหมือนจะเห็นละอองฝุ่นลอยขึ้นมา...นี่ไม่ได้ปัดกวาดห้องมากี่ชาติเศษแล้ววะครับ!!
“น้ำชาครับ” ฟราเรสพูดพร้อมกับรินน้ำชาใส่ถ้วยชาสีขาวมุกประดับด้วยลายเถาไอวี่วนจากก้นจนถึงขอบบนถ้วย “ผมนำเปลือกส้มที่ใช้ประดับหน้าเค้กเมื่อวานนี้มาตากแห้งผสมลงในชาด้วยครับ...ไม่ทราบว่าถูกปากคุณหนูหรือเปล่า”
“กลิ่นดีนี่” เจ้าตัวคนไม่ถูกถามเอ่ยแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สมควรจะจับแหกปากเอาน้ำชาทั้งการินใส่ทั้งที่มันร้อนๆ อย่างงี้แหละ “แต่รสชาติก็ไม่ได้ดีเลิศแตกต่างอะไรกับชาธรรมดาๆ หรอกนะ”
ฟราเรสยิ้มรับ ก่อนที่ริมฝีปากบางจะขยับขึ้นลงช้าๆ
“คุณหนูทราบไหมครับ...เขาว่ากันว่าคนที่สติไม่ค่อยสมประกอบประสาทการรับรู้มักจะด้านชาไปด้วยนะครับ”
ซาคัสวางแก้วชาลงกับจานรองแล้วถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายผสมชินที่จะปลงตกกับการกัดกันด้วยวาจาผู้ดีทุกครั้งที่เจอหน้ากันของสองคนนี้เต็มทน ซึ่งโดยรวมๆ ถึงเจ้าตัวจะไม่รู้แต่เหตุหลักที่ทำให้สองคนนี้ไม่ถูกขี้หน้ากันก็มาจากคุณหนูบ้านริธคนนี้นั่นแหละ
เด็กชายสั่นศีรษะมองดูวาจาคมๆ กรีดเลือดเนื้อที่ลอยโต้ตอบกันข้ามหัว
เพราะเป็นงี้แหละฉันถึงได้ไม่ค่อยอยากจะมานี่
“อ...เอ่อ...” เหมือนรู้ตัวว่าตัวเองใกล้จะเริ่มหมดบทวิลเลี่ยมเอ่ยเสียงขึ้นขัดสงครามประสาทตรงหน้าขึ้นด้วยเสียงที่ดังกว่าจิ้งหรีดตีปีกนิดหน่อยแต่น่าแปลกที่เจ้าบ้าหัวดำได้ยิน ดวงตาสีฟ้าใสหันขวับมองดวงตาสีดำขลับที่กำลังตื่น
“เอ...คุณหนูซาคัสพาเด็กที่ไม่เคยพามาที่นี่มาด้วยเหรอ?” ชาร์ล็อตพูดน้ำเสียงยาวท่าทางเหมือนจะสนใจเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเข้มไม่เบา วิลเลี่ยมเขยิบตัวเข้าใกล้ฟราเรส...รู้สึกไม่ดีอย่างบอกไม่ถูกหนาวยะเยือกจนเสียวสันหลังยังไงชอบกล
“เด็ก?” ซาคัสทวนคำดวงไพลินจ้องหน้าวิลเลี่ยมเล็กน้อยก่อนจะโบ้ยนิ้วโป้งใส่ “โทษทีนะแต่หมอนี่น่ะอ่อนกว่านายแค่สองปีเอง...แต่ทำไงได้หน้ามันเด๊กเด็ก” อยากจะพูดด้วยว่าสมองก็น่าจะเด็กแต่ไม่พูดดีกว่าเพราะคนที่มีสมองเด็กกว่าก็อยู่ตรงหน้าเนี่ย
เมื่อฟังที่ซาคัสพูดวิลเลี่ยมเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่มั่นใจว่านี่จะใช่คำพูดชมหรือเปล่า ชายหนุ่มสะดุ้งตัวเบาๆ เมื่อเห็นมือของคนตรงหน้ายื่นเข้ามาหา
“ฉันชื่อชาร์ล เรนวอลซ์ แต่เรียกว่าชาร์ล็อตก็ได้นะ”
“เอ่อ...วิลเลี่ยมครับ” วิลเลี่ยมจับมือตอบ...อยากจะรู้อย่างเดียวถ้าจับไปแล้วจะโดนเล่นอะไรแพลงๆ หรือเปล่านะ
“แนะนำตัวกันเสร็จยัง?” ซาคัสเอ่ยพูดพลางใช้ส้อมตัดมิลฟิลชิ้นสุดท้ายเข้าปาก เด็กชายเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะวางจานว่างเปล่าลงกับโต๊ะซึ่งหาที่วางได้ยากยิ่ง
“รู้ใช่ไหมที่ฉันมานี่เพราะเรื่องอะไร” ซาคัสเอ่ยพูดน้ำเสียงเรียบจริงจังเป็นเชิงบอกว่า ‘เล่นมุกเสื่อมมามีเหวี่ยงจานเค้กใส่หัวแน่’
“ฉันรู้แล้วน่าเรื่องของเดอะริปเปอร์ใช่ไหมล่ะ” ชาร์ล็อตไหวไหล่เล็กน้อยเป็นเชิงว่า ‘เล่นดักทางมางี้ไม่สนุกเลย’ ก่อนจะวางถ้วยชาลงกับโต๊ะ ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มเอนตัวพิงกับโซฟาไม้สีน้ำตาลส้ม วาดขาไขว่ห้างเอามือประสานกันระดับหัวเข่า
“ฉันจัดข้อมูลมาให้ก่อนที่นายจะมาสักสองสามวันแล้วล่ะ...มากกว่าที่รวบรวมส่งให้เพียวน์เป็นพิเศษเฉพาะคุณหนูซาคัสเลยนะ” มือหนาดันเอกสารกองโตที่วางอยู่บนโต๊ะให้ซาคัส เด็กชายย่นจมูกเล็กน้อยเพราะจากขนาดนี่...น่าจะเรียกว่าร่วงมาทับหัวคงตายหองขึ้นสวรรค์ไม่รู้ตัว
ซาคัสเอื้อมมือคว้ากองเอกสารขึ้นมาเปิดอ่าน ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเหลือบมองร่างสูงตรงหน้าที่ทำหน้าแป้นแล้นดื่มชาอย่างสบายจิตจนน่าจับไปหาหมอ...ทั้งที่เป็นแค่ชาร์ลแต่กลับหาข้อมูลได้ดีเยี่ยมแถมยังเก็บรายละเอียดถี่ถ้วนจนน่าตกใจว่าคนเรามองจากภายนอกไม่ได้จริงๆ
เพระหมอนี้คือหนึ่งในแนวหน้าของหน่วยสืบค้นของเพียวน์ยังไงล่ะ
เกณฑ์การแต่งตั้งคนของคุณเซติสหัวหน้าหน่วยเนี่ยมันเป็นยังไงกันแน่นะ?
“แล้วคุณนักสืบคนดังที่อยู่ข้างๆ ล่ะว่าไง” เด็กชายถามระหว่างจัดการเก็บรายละเอียดของรูปถ่ายรอยเลือดหลังจากที่ศพของแอนนี่ แชปแมนถูกนำไปชันสูตร...รอยสีแดงฉานตัดกับสีเขียวเหลืองของผิวหญ้าบริเวณลานหน้าบ้าน...ทั้งเป็นรูปขาวดำหากแต่กลับรับรู้ได้ดีถึงสีแดงคล้ำที่กลืนกินสีเขียวสดใส
“ถ้าหมายถึงคุณนักสืบกับคุณหมอเพื่อนบ้านล่ะก็สองคนนั้นเขาออกไปสืบคดีนอกสถานที่น่ะ...เพิ่งออกไปก่อนที่คุณหนูซาคัสจะมาสักสองสามชั่วโมงนี่เอง” ชาร์ล็อตโยกหัวเล็กน้อย ปลายนิ้วเรียวคีบน้ำตาลก้อนในถ้วยสำหรับใส่น้ำตาลลายเถาไอวี่ที่วางอยู่เบื้องหน้าเข้าปากแล้วเคี้ยวกรุบๆ
“แต่ก็พอได้คุยกันมาบ้างน่ะนะ...เกี่ยวกับรูปแบบการฆาตกรรม” น้ำตาลอีกก้อนลอยเข้าปากก่อนที่ดวงหน้าคมจะฟุบลงกับโต๊ะ “ก็เลยมีโอกาสเล่นไวโอลินคู่ด้วยเลย”
“พวกนายสองคนนี่อารมณ์ศิลป์ดีจังเลยเนอะ” น้ำเสียงเล็กพูดเชิงประชด วางแฟ้มเอกสารลงกับโต๊ะหากแต่เจ้าตัวคนถูกแถสีข้างกลับดูไม่ค่อยจะใส่ใจนั่งหน้าหนาโซ้ยน้ำตาลก้อนอย่างสบายอารมณ์ “แล้วหมอนั่นว่าไงบ้างล่ะ”
“พูดเหมือนแบบร่างสรุปที่คุณชายน้อยส่งมาให้ดูทุกอย่างเด๊ะเลย ทั้งเรื่องมือซ้ายทั้งเรื่องเกี่ยวกับการที่มีความเป็นเป็นได้สูงว่าเดอะริบเปอร์นั้นน่าจะเป็นนักศึกษาวิชาแพทย์จนถึงขั้นหมอหลวงในวัง แต่ก็นะ...” ชาร์ล็อตว่าก่อนจะหยิบซองบรรจุอะไรบงอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
“คิดว่าไอ้นี่คืออะไรเอ่ย?” ดวงตาสามคู่ก้มหงุดลงมองตามซองที่ชาร์ล็อตนำออกมาวางให้ เศษผ้าสีขาวสะอาดขนาดคนึ่งฝ่ามือเปรอะเปื้อนรอยเลือดเป็นบางส่วน เด็กชายคว้ามาซองออกจากมือที่ใหญ่กว่าแล้วพลิกด้านหลังดูแนวด้ายการเย็บของมัน
“พบหลังจากคดีมิสซิสนิโคลแปดวันแต่ก่อนเกิดคดีของมิสซิสแชปแมนน่ะนะ”
“เศษผ้ากันเปื้อน?” หากคนที่พูดกับเป็นวิลเลี่ยม ชายหนุ่มแบมือเป็นเชิงขอจากซาคัสก่อนจะชี้ตามเส้นประของด้ายที่ไม่ค่อยจะสมประกอบแต่ก็ยังพอดูออกว่าเป็นรอยเย็บแบบเกือบครึ่งวงกลม “เป็นทิศทางการเย็บแบบตรงส่วนชายของผ้ากันเปื้อนครับ”
“แต่ว่านะ...บอกไว้ก่อนเลยว่าไอ้เจ้า ‘ผ้ากันเปื้อน’ หรืออีตาไพเซอร์นั่นน่ะรอดพ้นจากผู้ต้องสงสัยไปนานแล้ว...!” ซาคัสแย้งก่อนจะโดนน้ำตาลก้อนยัดเข้าปากโดยคนบ้าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ชาร์ล็อตกรอกตาไปมาพลางสั่นศีรษะ
“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าคุณช่างทำรองเท้าคนนั้นจะเป็นคนร้ายสักหน่อยนี่” ชายหนุ่มยกไหล่น้อยๆ พลางอมยิ้มที่ทำให้ซาคัสเบ้ปาก เด็กชายก้มลงมาดูเศษผ้ากันเปื้อนในมือของวิลเลี่ยมอีกครั้ง...จะว่าไปมันก็ไม่ค่อยเหมือนผ้ากันเปื้อนของช่างทำรองเท้าซะทีเดียว
“แล้วก็ไม่ใช่ของพ่อครัวด้วย” วิลเลี่ยมพูดขึ้นมาหลังจากที่ได้พูดก็ต้องรีบพูดเสียก่อนที่บทจะหาย “ก็ไม่แน่ว่าบางทีอาจจะเป็นของตัวผู้เสียหายเองก็ได้เองก็ได้นะครับ”
“มิได้ขอรับ” ชาร์ล็อตแย้ง ชายหนุ่มเขย่าถ้วยใส่น้ำตาลสะอาดเอี่ยมเกลี้ยงเกลาเบาๆ ราวกับว่าบางทีอาจจะยังมีหลงเหลืออยู่ “หลังจากตรวจดูสมบัติของผู้เสียหายทั้งสองก็ไม่พบผ้ากันเปื้อนหรือเสื้อผ้าที่สไตล์การเย็บแบบเดียวกันนี้ขาดชำรุดเลยสักตัว”
“คิดว่ามีความเป็นไปได้ว่าเดอะริปเปอร์อาจจะเป็นผู้หญิง...หรือเปล่าครับ” ฟราเรสวางมิลฟิลลงบรจานเค้กของซาคัสแล้ววางลงตรงหน้าเด็กชายผมทอง ดวงตาสีมรกตเหลือบมองข้อมูลในเอกสารเล็กน้อย
“นั่น...ก็มีสิทธ์” ซาคัสว่าวางมือลงกับแฟ้มเอกสาร เด็กชายหลับตาเงียบลงครู่ใหญ่ๆ ก่อนจะเริ่มขยับริมฝีปาก “จากหลักฐานทางการแพทย์และสรุปโดยหลักฐานส่วนตัวของฉันคิดว่า แจ็คเดอะริปเปอร์นั้น มีความสูงราวห้าฟุตกว่าๆ รูปร่างก็คงไม่น่าจะล่ำมากจนเกินไปหรอกมั๊ง”
“ไปเอาข้อมูลนี้มาจากไหนเนี่ย?” ชาร์ล็อตเอ่ยถามส่วนซาคัสก็สั่นศีรษะพร้อมกับใช้หลังมือตบเบาๆ บนฝ่ามือ เด็กชายยิ้ม
“ความสามรถส่วนตัว” ตอบอย่างงั้นก่อนจะคว้าส้อมข้างจานขนมตัดมิลฟิลชิ้นที่สองเข้าปาก “คิดว่าฉันเป็นใครกัน คุณหนูบ้านริธเชียวนะ” ซาคัสส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ที่ทำให้เจ้าของเรือนเส้นผมสีน้ำตาลทำได้แค่งงเพียงอย่างเดียว
“แต่ก็อาจจะเป็นผู้ชายร่างเล็กก็ได้นะ...เหมือนท่านเอิร์ลไง” ถ้อยคำพูดจากชาร์ล็อตที่ทำเอาซาคัสสำลักน้ำชาเข้าอึกเบ้อเร้อ เด็กชายส่งเสียงไอค่อกแค่กอย่างเกือบจะน่าสงสารเพราะน้ำเข้าจมูกจนเถียงกลับไม่ออก แว่วเสียงคุณพ่อบ้านถอนหายใจแล้วก้มลงให้ผ้าเช็ดหน้าจากฝ้ายชั้นดีในกระเป๋าเช็ดหน้าให้คนเป็นเจ้านาย
นี่ตูไปเปิดทางให้โดนมันแขวะตั้งแต่เมื่อไรฟระเนี่ย!!
“ไม่มีความคิดอยากจะไปดูที่เกิดเหตุบ้างเหรอ?” ชาร์ล็อตเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเหมือนใคร่อยากจะรู้จัดหากแต่ภายในดวงตากลับไม่แสดงความใสใจในคำตอบว่าจะได้หรือไม่ “เห็นมีคดีทีไรต้องมาหาฉันไม่ก็เข้าเพียวน์ทุกที...ฉันว่านะไปตรวจดูที่เกิดเหตุมันจะมีภาษีมากกว่านา...”
ไม่ทันจะจบคำเสียงเล็กพูดสอดขึ้นทันที
“ก็น่าจะรู้ว่าฉันไม่ถูกกับตำรวจสันติบาล” ซาคัสตอบน้ำเสียงมุ่ยๆ ที่ทำให้วิลเลี่ยมสะดุ้งเฮือกเพราะเหมือนกับนินทาอ้อมตัวเองแบบชอบกลๆ จนกระทั้งดวงตาสีน้ำเงินหันไปมองกลับสื่อเป็นความหมายว่า‘ไม่ได้หมายถึงนาย’ นั่นแหละถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“แถมก็นะป่านนี้แล้วคงโดนคุณนักสืบหวังดังหลายๆ คนเก็บหลักฐานดีๆ ไปหมดแล้วด้วยแหละ...ไปก็รังแต่จะเจอไทมุงไม่ก็โดนคุณตำรวจกัก” เด็กชายเหวี่ยงส้อมไปมาบนมือก่อนจะลงเอยกับการปักลงบนมิลฟิลชิ้นที่สามแล้วตักเข้าปากส่วนชาร์ล็อตก็พยักหน้าหงึกหงักเหมือนกำลังจะพูดว่า ‘กะแล้วต้องพูดอย่างนี้’
“หลักฐานไม่ก้าวหน้าเลยสักสักนิดเลยแฮะ” ซาคัสบ่นบุ่ยๆ ดวงหน้าอ่อนเยาว์มุ่ยลงอย่างขัดใจจนโดนเจ้าคนบ้าหัวดำตรงหน้าดีดเปรี้ยงเข้ากลางแสกหน้า
“พูดอย่างนี้ดูถูกฉันเลยดีกว่าไหมครับคุณชาย?” ชายหนุ่มว่าพลางลอยหน้าลอยตา เจ้าของดวงตาสีน้ำเงินข่มตาแน่นพลางนวดขมับพยายามกลั้นความอยากเอาเท้าหน้ากดลงมาให้หายลอยใจแทบขาด
ก็กำลังทำอยู่นี่ไงล่ะวะ!!!
คุณหนูผมทองก็ได้แต่คิดในใจเพราะขี้เกียจจะด่าแค่เห็นหางตาฟราเรสที่มองเจ้าชาร์ล็อตแล้วหนาวขนาดไม่ได้ถูกจ้องเองยังขนลุกแทน
ซาคัสเหยียดตัวขึ้นนั่ง เอนหลังพิงกับโซฟาดวงตาสีน้ำเงินไพลินหลับอย่างหน่ายระคนเซ็ง ดวงตาสีน้ำเงินเข้มพลันเปิดขึ้นอีกครั้งเมื่อแว่วเสียงพูดจากคนข้างตัว
“คืนนี้ไปที่ไวท์แชพเพลเถอะครับ” น้ำเสียงนุ่มทุ้มของคนเป็นพ่อบ้านเอ่ยพูดน้ำเสียงหนักแน่น ดวงตาสีเขียวมรกตสบมองดวงหน้าเยาว์วัยของผู้เป็นนายที่จับจ้องเขาด้วยหลายๆ ความหมายที่ส่งผ่านมา ฟราเรสขยับยิ้มที่มุมปากบางเบา
“บ้าหรือเปล่าครับคุณพ่อบ้าน?” ชาร์ล็อตพูด ชายหนุ่มยู่จมูกลงเล็กน้อยอย่างไม่ชัดถ้อยถึงความหมายที่คนผมดำตรงหน้ากล่าวมา “เมื่อกี้นายน้อยของนายเพิ่งจะบอกไปไม่ใช่เหรอว่าไปตอนนี้ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา...ทำงานบ้านมากจนสติชำรุดแล้วเหรอไงกันครับ”
“แล้วใครว่าเรา...จะไปเก็บหลักฐานที่เขาทำทิ้งไวกันล่ะครับ” ฟราเรสพูดเสียงเย็น ดวงตาสีเขียวใสกดมองยังร่างที่นั่งอยู่บนโซฟาฝั่งตรงข้ามอย่างน่าหวาดหวั่นว่าอีกไม่นานคงมีเรื่องเอาเท้าฟาดปากกันไม่พลันที่เจ้าคนรักเจ้านายยิ่งชีพจะหันกลับมายิ้มหวานให้ทันทีเมื่อซาคัสมีท่าทีจะเอ่ยปากถาม
“ถ้าไม่ใช่อย่างนั้นแล้วอะไรล่ะ?” เด็กชายเอ่ยถามกับพ่อบ้านหนุ่มโดนมีวิลเลี่ยมเป็นลูกคู่พยักหน้าเออออตามอย่างคนหาบทพูดแทรกไม่ได้แต่ขอมีส่วนร่วม ดวงตาสีไพลินสะกดจ้องลึกมณีมรกตอย่างคาดหวังถึงคำตอบที่จะต้องได้
“กำลังคิดอะไรอยู่นะฟาส”
ถึงได้พูดถึงโบสถ์ขาว...ทั้งๆ ที่นายคนคือฉันไม่อยากจะให้ได้ยินมากที่สุด
แต่นายกลับพูดถึงมันเสียเองแบบนี้...ต้องการจะสื่อถึงอะไรกันน่ะ?
อดีตของนายน่ะ...
ฉันไม่อยากให้นายจดจำเพื่อเจ็บปวดหรอกนะ
“ก็ไม่ได้คิดอะไรมากหรอกครับ...” ฟราเรสกล่าวชายหนุ่มเอียงคอลงเล็กน้อยแล้วคลี่ยิ้มจาง
“ผมพูดไปแล้วไม่ใช่เหรอครับว่าจะ ‘ไม่ไปเก็บหลักฐานที่เขาทิ้งไว้’ น่ะครับ” ชายหนุ่มพูดเสียงหนักพลันรอยยิ้มที่แสนอ่อนโยนละมุนที่มอบให้เจ้านายเมื่อคู่แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเย็นยะเยียบเมื่อดวงตาสีมรกตใสมองยังแฟ้มหลักฐานคดี
ชาร์ล็อตชะงักมือที่จะเสยผมเล็กน้อยเมื่อหัวคิดทบถวนถึงเรื่องที่พ่อบ้านผมหยักศกพูด
“หรือว่านาย...” เสียงหยุดชะงักไปแค่นั้นพลันที่ฟราเรสจะเอ่ยแทรกขึ้นทันทีอย่างไม่รีรอให้คนตรงหน้ากล่าวจบ
“เราจะไป ‘รอเก็บหลักฐาน’ ในสถานที่เกิดเหตุครับ”
พูดได้แค่นั้นก็หยุดไป ฟราเรสมองดวงตาสีไพลินเข้มอ่อนโยนที่จับจ้องมายังเขาด้วยสายตาที่สื่อความหมายชัดเจนของคำถามที่อยู่ในใจ ชายหนุ่มถอนใจเบาแล้วยิ้มให้กับผู้เป็นนาย
ผมน่ะ...ไม่มีวันเจ็บปวด
ขอเพียงแค่คุณยังยอมให้ผมอยู่เคียงข้าง
เท่านั้นก็เพียงพอแล้วครับ...
เย็นยะเยียบหนาวอย่างทารุณ เท้าที่เหยียบย่ำอยู่บนผิวพื้นสัมผัสได้ถึงกระไอความเย็นชืดที่หวีดขึ้นมาในความรู้สึก ร่างเล็กเอาตัวลงพิงกำแพงอิฐ ดวงตาสีน้ำเงินไพลินหลับลงรับรู้ถึงความเย็นที่แทรกผ่าผ้ากระทบเข้าสู่ผิวเนื้อ ซาคัสถอนหายใจเล็กน้อย
ตัวอิฐแข็งหยาบกระด้างเก่าคร่ำคร่าไร้ซึ่งการปรับแต่งซ่อมแซม กลิ่งเหม็นสาบกระดากจมูกที่ตลบอบอยู่รอบบริเวณ กองขยะที่ทับทมสุมจนสูงที่เป็นแหล่งนอนพักพิงของสัตว์อันไม่พึงประสงค์
ไวท์แชพเพล
ทั้งๆ ที่เป็นประเทศเดียวกัน...
แต่กลับแตกต่างกันเสียวราวกับอยู่คนละโลก
พลันไม่ทันไรร่างเล็กหัวทองก็ถูกเสื้อคลุมสีดำตัวยาวคลุมเอาไว้จนเหมือนกับห่อทั้งตัวเหลือแต่ลูกตากลมๆ โผล่พ้นออกมาเล็กน้อย ซาคัสขยับสายตาสีน้ำเงินมองคนข้างตัวแล้วขมวดคิ้วยุ่งส่วนพ่อบ้านฟราเรสก็ส่งยิ้มหวานจัดให้
“อากาศเย็นลงแล้วนะครับ” ชายหนุ่มพูด ร่างสูงย่อมตัวลงจัดแจงคลุมเสื้อโค้ทยาวสีดำสนิทที่คลุมกันหนาวให้กับเจ้านายให้เรียบร้อยเสียก่อนที่คุณหนูผมทองจะกลายเป็นลูกหมาถูกห่ออยู่ในผ้า ฟราเรสหัวเราะออกมาเบาๆ
“ต่อให้เป็นคุณแต่อากาศหนาวก็จะทำให้ไม่สบายได้นะครับ” ฟราเรสส่งรอยยิ้มหวานจัดให่อีกรอบจนเด็กชายตัวเล็กต้องจำยอมคลุมเสื้อตัวโคร่งของคนเป็นพ่อบ้านอย่างเลี่ยงไม่ได้เพราะปฏิเสธไม่ลง
“เอ่อ...” เหมือนกับจะรู้สึกว่าลืมใครไปบางคนจนกระทั่งได้ยินเสียง พ่อหนุ่มวิลเลี่ยมผู้น่าสงสารค่อยๆ ส่งเสียงพูดแทรกระหว่างพ่อบ้านกับคุณหนูอย่างกล้าๆ เกรงๆ แต่ว่าก็ว่าเถอะช่วงนี้บทพูดน้อยนายอย่างน่าใจหายเลยนะวิลเลี่ยม...
“ว่ามาเถอะวิลล์” ซาคัสว่าพลางห่อร่างเล็กๆ ของตัวเองให้กระชับกับเสื้อว่าไป...เสื้อของหมอนี่ก็อุ่นดีอยู่เหมือนกันแฮะ
“เอ้อ...ครับ” วิลเลี่ยมรับคำเสียงแผ่ว “คือว่า...ถึงคุณฟราเรสจะพูดว่าไปรอเก็กหักฐานแล้วคืนนี้เราก(็มาถึงที่ไวท์แชพเพลแล้วก็เถอะนะครับแต่...” ชายหนุ่มหยุดพูดเล็กน้อยดวงตากลมสีน้ำตาลเหลือบมองพ่อบ้านร่างสูง
“ทำไมถึงคิดว่าจะเป็นคืนนี้ล่ะครับ?” ชายหนุ่มพูดเสียงบางหากแต่เด็กชายเรือนเส้นผมสีทองและพ่อบ้านนัยน์ตาสีมรกตกลับขยับยิ้มอย่างมั่นใจ
“ความสามารถส่วนตัว”
“ความสามารถส่วนตัวครับ”
พูดออกมาพร้อมกันด้วยคำพูดที่เหมือนๆ กันเสียจนสก็อตแลนต์ยาร์ตหนุ่มยังต้องทึ่งส่วนชาร์ล็อตที่หลบมุมนั่งเล่นกับลูกแมวรอตั้งแต่ตอนที่พ่อบ้านกับคุณหนูกำลังเข้าฉากสวีทก็หันมายิ้มข้างมุมปากโดยที่ไม่มีใครเห็น
ร่างสูงของคนผมดำละตัวขึ้นจากลุกแมวสีเดียวกับเส้นผมเดินก้าวไปสมทบกันในกลุ่ม ชาร์ล็อตเอนหัวลงพิงกับไหล่ของวิลเลี่ยมแล้วอ้อมมือไปโอบบ่าอีกข้างจนคนเป็นตำรวจสันติบาลถึงกับขนลุกเกลียวอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ระหว่างฆ่าเวลารอคุณแจ็คผู้หิวโหยทำไมเราไม่ไปสอบถามคนแถวนี้ก่อนล่ะ” พูดพลางยิ้มแป้นโดยไม่ใส่ใจอาการตกใจเจียนจะตายของสก็อตแลนยาร์ตหนุ่มผู้น่าสงสารเลยแม้แต่น้อย
“ค...คุณชาร์...ล็อต...” วิลเลี่ยมพูดได้แค่นั้นก็โดนคนบ้าเป่าลมรดหูจนพูดอะไรไม่ออก...ว่าก็ว่าวิญญาณลอยออกจากร่างไปแล้วแหละนะ
“ชาร์ลหยุดเถอะ...ฉันว่าแกล้งแบบนี้เจ้าวิลล์คงตายเอาเข้าสักวัน” ซาคัสพูดเสียงเหนื่อยๆ พลางยกมือปรามกับวีรกรรมการแกล้งคนแบบวิปริตผิดปรกติจนน่ากลัวของชาร์ล็อตที่ปรากฏแก่สายตา...ยิ่งมองก็ยิ่งสงสารทั้งเห็นใจแถมยังแอบขนลุกแทน
เพราะฉันเองก็เคยเจอแบบนี้กับตัวมานับไม่ถ้วนเลยอ่ะนะ
ชาร์ล็อตห่อปากส่งเสียงบู่ๆ ออกมาอย่างขัดใจ ชายหนุ่มผละแขนที่พันแน่นหนึบออกจากตัววิลเลี่ยมอย่างเสียไม่ได้ คนบ้าผมดำขยับยิ้มเล่ห์พลางล็อคเป้าหมายเล็งเหยื่อด้วยสายตามาทางคุณหนูผมทองซึ่งไม่รู้อิโหน่อิเหน่ว่าชะตาซวยได้คืบคลานมาถึงตัวแล้ว
แต่ยังไม่ทันจะได้แตะต้องอันใดเสียงฝ่ามือของคนเป็นพ่อบ้านก็ฟาดเข้าแสกหน้าเจ้าคนบ้าที่ไม่รู้ในหัวคิดอะไรให้หยุดอย่างทันควัน
เพราะระบบป้องกันภัยเจ้านายของคนเป็นพ่อบ้านสินะ?
แน่นอนหลังจากเบิกคัมภีร์ด้วยฝ่ามืออรหันต์เมื่อครู่ต่อจากนั้นสิ่งที่ตามมาแทบจะทันทีเลยก็คือ...
ศึกระหว่าพ่อบ้านกับคนบ้ารอบสองของวันแต่ไม่รู้รอบที่ล้านแปดของปีน่ะสิ!!!
“เฮ้...พวกนายหยุด!” ซาคัสพูดเสียงเด็ดขาด ดวงตาสีน้ำเงินไพลินจับจ้องสองคนที่กำลังส่งเสียงแง่งๆ ขู่แฟ่ๆ ตั้งท่าจะกระโจนเข้าใส่กันแล้วลอบปลง มือเล็กพายนิ้วโป้งไปยังตัวบาร์เก่าๆ ในเขตที่อยู่ใกล้ที่สุด...บาร์เก่าเสียจนมองผ่านจะเมินไปได้ถ้าไม่สะดุดตากับป้ายร้าน
“เงียบ...แล้ว...เข้าไป!” เด็กชายพูดน้ำเสียงเชิงสั่งที่ทำให้สองหน่อต้องเงียบลงอย่างเลี่ยงไม่ได้...ถึงแม้จะยังแอบส่งสายตาจิกกันเป็นระยะถี่ๆ ที่อยากจะห้ามก็ห้ามไม่ได้ก็ตามที ซาคัสลงส้นเท่าเก้าเดินนำหน้าอย่างกระฟัดกระเฟียดเพราะความหงุดหงิดใจกับการที่พ่อบ้านของตัวเองไปทะเลาะบ้าๆ กับชาร์ล็อต โอเค...ถึงจะเคยชินแล้วแต่บางทีมันก็อดโมโหไม่ได้
เพราะบางเรื่องก็ไร้สาระสุดจะทน
แต่ไอ้เรื่องที่ว่าไร้สาระนั่นน่ะ...มันก็เรื่องเกี่ยวกับคุณหนูจอมอวดดีแสนบื้อคนนี้ทุกเรื่องนั่นแหละ...
ร่างเล็กหยุดก้าวเดินที่หน้าอาคารไม้หลังเก่าแห่งหนึ่งที่เปิดเป็นร้านอาหารและบาร์เหล้า ดวงตาสีไพลินทอดมองป้ายด้านบนที่เขียนให้เห็นชัดและสะดุดตาว่า ‘เรเวีย’ ซาคัสลอบถอนหายใจยาวๆ ที่หน้าร้านสายตาบ่งบอกถึงความคิดอะไรบางอย่าง ฝ่ามือเล็กเอื้อมเปิดบานประตูไม้ ได้ยินเสียงกรุ๊งกริ๊งของกระดิ่งพร้อมๆ กับคำเอ่ยต้อนรับจากมาสเตอร์จากตรงเคาท์เตอร์
เจ้าของร่างเยาว์เบ้ปากเมื่อสายตาแทบทุกคู่มองตรงมายังพวกเขาแบบพิจารณาถี่ถ้วนตั้งแต่ส่วนยอดของหมวกยันไปจนถึงพื้นรองเท้าหนังอีกทั้งยังเสียงกระซิบประทราบที่ดังอื้ออึงถี่ๆ เหมือนแมงหวี่รบกวนโสตประสาทจนน่าจับตบซ้ายขวาเรียงตัวข้อหาส่งมลภาวะทางเสียงอันไม่พึงประสงค์มาให้ได้ยิน
แต่อีกใจก็คิดว่ารู้งี้น่าจะปลอมตัวใส่ชุดชาวบ้านมาเสียก็ดี
เพราะอีกสักพักคงจะมีเรื่องเกิดขึ้นแหงๆ
แล้วมัน...ก็จริง
เมื่อร่างของชายตัวสูงโย่งในชุดกรรมกรรูปร่างสันทัดกำยำแข็งแรงกล้ามเนื้อแน่นหนาตามแบบคนใช้แรงงานลุกขึ้นมาประจันหน้ากับซาคัส หากคนตัวเล็กแค่เอวกลับมองหน้าแล้วลอบขำเพราะลักษณะทางกายภาพของคนตรงหน้าอย่างกับกุ้งลอบเตอร์ในจานมื้อเย็นที่เพิ่งกินไป
อีกสักพักกลุ่มกุ้งลอบเตอร์ก็แห่มากันทั้งฝูง
ซาคัสส่งสายตาไปหามาสเตอร์หนุ่มจนน่าตกใจของร้านเรเวียซึ่หน้าเสียกำลังจะขยับปากร้องห้าม เด็กชายขยับสั่นศีรษะเบาๆ เป็นเชิงบอกว่าเขาไม่เป็นไร
เพราะถ้ามาสเตอร์ร้องคำว่า ‘อย่า’ เมื่อไร่มันก็ไม่แตกต่างจากการส่งสันญาณว่า ‘เริ่ม’ นั่นแหละ
และถ้าเป็นอย่างนั้นมันก็จะพากันเดือดร้อนไปทั้งสองฝ่าย
“พวกขุนนางว่ะ” เสียงพูดพร้อมกับสายตาที่กดลงมา ซาคัสเอียงคอเบ้ปากอย่างเซ็งระคนจิต พวกคนที่ไวท์แชพเพลมักเกลียดขุนนางเป็นงานอดิเรกด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่าเพราะขุนนางที่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยมีชีวิตอย่างหรูหรานั้นเอาแต่กดขี่ชุมชนระดับล่างอย่างพวกเขา
โอเค...เรื่องนั้นฉันไม่เถียงหรอกนะ
แต่อย่าเอาคนระดับสามหรือสี่ที่พอมีเงินแต่กระแดะอวดรวยมารวมกับฉันได้ไหม?
“คุณหนูครับ...” ฟราเรสขยับเดินขึ้นมากันหน้านายน้อย ร่างสูงพายมืออกเป็นเชิงกันร่างของเขาให้ออกห่างจากกลุ่มคนที่ยืนออล้อมหน้าล้อมหลัง ดวงตาสีเขียวใสปรายมองอย่างระแวดระวัง พออีกสักพักได้ยินเสียงกริ๊กๆ ของปืนพกที่ดังมาจากตำรวจสันติบาลด้านหลัง
ซาคัสเบ้ปาก พลางกรอกลูกตามองเมื่อเห็นว่าชาร์ล็อตที่ลี้ไปไปอยู่ตรงเคาท์เตอร์กับมาสเตอร์ร้านกำลังหันหน้าไปทางอื่นแล้วส่งเสียงหัวเราะอย่างห้ามไม่อยู่...ให้มันได้อย่างนี้สิไอ้บ้า!!!
“สต็อป!” ซาคัสตะโกนส่งร้องแหวกกลางวง มือเล็กผลักร่างของชายหนุ่มพ่อบ้านให้ไปทางอื่นแล้วก้าวเท้านำมาอยู่ด้านหน้า “เพราะนิยมใช้ความรุนแรงกันน่ะสิถึงได้โดนดูถูกจากพวกขุนนางระดับรากหญ้า” ซาคัสโบกมือด้วยน้ำเสียงยานคางอย่างเหนื่อยหน่ายใจ
ทันทีที่โดนเด็กตัวกระเปี๊ยกเตี้ยไม่ถึงเอวดูถูกชายร่างโตถึงกับฉุดขาดเตรียมพุ่งตัวใส่หมายจะคว้าคอเสื้อของคุณหนูจอมอวดดีแต่ก็ต้องผวาเฮือกกับดวงตาสีเย็นสงบที่จ้องมาอย่างชวนกระอักระอ่วน
ราวกับไม่ใช่ดวงตาของเด็กก็ไม่ปาน...
“แทนที่จะหาเรื่องใช้กำลัง...เรามาทำเรื่องที่ต้องใช้สมองอย่างปัญญาชนกันดีกว่านะ” ซาคัสว่านิ้วชี้เรียวยาวภายใต้ถุงมือจิ้มเบาๆ บนศีรษะของตัวเอง ดวงตาสีน้ำเงินเข้มหรี่ลงแล้วกดมองกลุ่มคนในไวท์แชปเพลที่...ขออภัย...เจ้าตัวมองเป็นกุ้งลอบเตอร์ไปแล้ว
คนเป็นพ่อบ้านสะดุ้งเมื่อเหมือนจะสังเกตอะไรได้จากโต๊ะตัวใกล้ๆ ทันทีที่ได้เห็นรอยยิ้มแสยะของคนเป็นเจ้านายฟราเรสถึงกับเหงื่อตกแล้วฟุบหน้าลงกับฝ่ามือในใจแอบภาวนาอวยพรให้กับชายร่างยักษ์ข้างหน้าที่ไม่ได้รู้ชะตากรรมของตัวเองเลยสักนิดอย่างเงียบๆ
เมื่อสิ่งที่วงกองอยู่กับโต๊ะตัวนั้นก็คือ
ไพ่โป๊กเกอร์...
ซาคัสดึงเก้าอี้ตัวใกล้แล้วหย่อนก้นลงนั่งตั้งท่าไขว่ห้าง มือเล็กกวาดไพ่ที่กระจัดกระจายบนโต๊ะแล้วรวบขึ้นมาเป็นกองเดียว ดวงตาสีเข้มเงยมองอย่างท้าทาย “อัตราการดวลคือสามต่อสามหาคนในกลุ่มคนหนึ่งชนะก็จะเท่ากับว่าทีมชนะหนึ่งครั้งจนกว่าจะครบสิบตา...ตกลงไหม?” เด็กชายถามซ้ำอีกครั้งเพื่อเป็นเชิงดูให้แน่ใจว่าจะไม่ปฏิเสธ
“เอาไงดี...วิลเลี่ยม?” ชายร่างสูงเส้นผมสีน้ำตาลเปลือกไม้เอนตัวมาทางคนที่ชื่อว่า ‘วิลเลี่ยม’ เป็นเชิงถามแต่ดูเหมือนจะเห็นว่าคุณตำรวจสันติบาลสะดุ้งเฮือกขึ้นมาแทน...ดันมาเจอคนชื่อเดียวกันซะนี่ คนอังกฤษนี่ชื่อโหลชะมัด
คุณหนูตัวเล็กส่งเสียงลอบหัวเราะเมื่อดวงตาไพลินสังเกตถึงสีหน้าลำบากใจของกุ้งวิลเลี่ยม...โอย...ขอโทษทีนะวิลล์ที่ดันมาเจอคนชื่อเดียวกันในที่แบบนี้ไปซะได้
แบบนี้ฉันก็อดขำไม่ได้น่ะสิ
แว่วดังเสียงเคาะโต๊ะไม้เนื้อหยาบเป็นจังหวะราวกับเรียกร้องความสนใจ สายตาสีฟ้าใสจากคนตัวโตเหลือบมองเด็กน้อยที่ตอบกลับมาด้วยใบหน้าอ่อนเยาว์สุดแสนจะน่ารักแต่ดันยียวนกวนโมโหเสียจนอยากกระหวัดมือตบให้หัวทองสวยๆ นั่นกระเจิงกันไปข้าง
ซาคัสยิ้มกระหยิ่มสองมืดสอดประสานกันแนบชิดกับแก้มขาวๆ เด็กชายเอียงคอลงเล็กน้อยแล้วยิ้มอย่างน่ารักน่าเอ็นดู...
ถ้าแค่ไม่พูดอะไรออกมาสักคำน่ะนะ
“แหม...ถ้ากลัวผมก็บอกมาก็ได้นะครับ...ผมมันก็แค่คุณหนูน้อยๆ น่ารักใสซื่อก็เท่านั้นเอง”
เพียงแค่นั้นแหละ!
แค่นั้นก็เรียกให้ลอบเตอร์วิลเลี่ยมจี๊ดขึ้นมาทันทีอย่างไม่ต้องจุดเทียนลนก้น มือขนาดใหญ่ทุบอักลงกับโต๊ะไม้หยาบจนน่ากลัวจะทำหักเอาสองท่อน ไพ่ที่เรียงอย่างเรียบร้อยแล้วกระฉอกแผ่เละไม่เป็นท่า ร่างสูงกำยำกระชากเก้าอี้ตัวใกล้ที่สุดแล้วทรุดลงนั่งทันทีอย่างไม่ต้องให้บริการเชิญชวนอันสุดแสนจะน่ารักของคุณหนูน้อยแห่งริธอีกครั้งเป็นของสมนาคุณ
“ฉันรับคำท้าแกก็ได้ไอ้เด็กเวร!!” เสียงเข้มกระแทกเสียงก่อนจะก้มหน้าหงุดเสียใจภายหลังเมื่อมองเห็นสีหน้าพึงพอใจอย่างจัดๆ จากเจ้าคุณหนูหัวทอง
ดันมาโมโหเพราะโดนเด็กผู้ดีตีนแดงยั่วนิดๆ หน่อยๆ เนี่ยนะ?
เหมือนจะเสียงหัวเราะอย่างกวนประสาทของชาร์ล็อตลอยแผ่วๆ ตามสายลมมาเข้าหู...
ก็คุณหนูริธนี่เนอะ...
“นี่นายคนนั้นน่ะก่อนอื่นเลย...บอกชื่อ...เอ้อ...นามสกุลมาหน่อยสิ” ซาคัสถามยิ้มๆ ชี้นิ้วไปทางกุ้งลอบเตอร์ตัวพ่อเมื่อเห็นว่าสมาชิกทีมซึ่งแน่นอนไม่ใช่ใครที่ไหนก็ฟราเรสกับวิลเลี่ยมสก็อตแลนด์ยาร์ตชื่อโหลของเรานั่งลง...ไหล่บางหยักเล็กน้อย เอาเป็นว่าเพื่อความสบายใจแก่ทั้งสองฝ่ายล่ะนะ
“วิลเลี่ยม...วิลเลี่ยม มาแชล” เขาตอบทื่อๆ น้ำเสียงเหมือนกับงุ่นงงเล็กน้อยก่อนดวงตาสีฟ้าจะลอบเห็นเด็กผมสีน้ำตาลแก่อายุไม่น่าจะเกินสิบแปดในเสื้อคลุมสีฟางลอบถอนหายใจเหมือนกับโล่งอก...แต่ประทานโทษไอ้เด็กที่ว่าน่ะอายุยี่สิบสามและเป็นตำรวจสันติบาลด้วยนะเออ!!!
มือเล็กใต้ถุงมือสีขาวรวบไพ่ที่กองเกลื่อนบนโต๊ะขึ้นมารวบอีกครั้ง นิ้วเรียวบางกรีดสับสลับไพ่อย่างคล่องมือ ดวงตาสีน้ำเงินไพลินส่องประกายวาววูบเปี่ยมล้นด้วยความมั่นใจ...แน่ล่ะก็เทพพระเจ้าแห่งการพนันอย่างซาคัส ริธ ลงมือเองทั้งทีนี่นะ!
แล้วนายจะได้รู้มิสเตอร์มาแชล...ว่านายเล่นกับใครอยู่...
“สเตรท” เสียงเล็กของเด็กชายเอ่ยอย่างอย่างร่าแถมยังระรื่นเสียจนน่ากลัว มือบางวางไพ่ที่เรียงลำดับจากแจ็คโพธิ์ดำ ควีนโพธิ์แดง คิงข้าวหลามตัด เอโพธิ์ดำ และสองดอกจิกลงกับโต๊ะไม้เนื้อหยาบก่อนจะกวาดเหรียญเงินที่กองอยู่ตรงหน้าเข้ามาสมทบกับภูเขาเหรียญและธนบัตรเงินที่อยู่ทางฝั่งของตัวเอง
“โธ่เว้ย!” เสียงร้องอย่ากราดเกรี้ยวของชายวัยสามสิบปลายๆ ที่ไว้หนวดจนเขียวครึ้มหนึ่งในลูกทีมของมาแชล สบถเมื่อตัวเองต้องสูญจนเกลี้ยงกระเป๋าให้กับเด็กน้อยลูกขุนนางหน้าตาละอ่อนโลกไปถึงเก้าตารวด! และดูเหมือนไฟพนันที่ปะทุขึ้นจะไม่ยอมมอดลงง่ายๆ ธนบัตรก้อนสุดท้ายในตัวกระแทกวางลงกับโต๊ะพร้อมเงินเดิมพันที่ทยอยกันวางลงมาด้วยความรู้สึกเหมือนเริ่มจะหมดหวังว่าได้ทุนคืน
“มาต่อรอบสุดท้ายคราวนี้ไม่แพ้แน่!!!” เขาพูดก่อนที่จะได้ยินเสียงหัวเราะอย่างสะใจโดยแท้ของซาคัสที่ทำเอาฟราเรสหลับตาลงอย่างนึกปลงตกปนจะสงสารเหล่ากรรมกรแห่งไวท์แชพเพลทั้งสามที่หลวมตัวมาลงเล่นพนันกับนายน้อยของเขา
อย่าลืมสิครับว่าคุณหนูของผมน่ะเซียนไพ่โดยแท้ชนะแบบไม่พึ่งการโกงเลยนะครับ
ส่วนวิลเลี่ยมที่เหมือนจะมานั่งให้คนครบเพราะซาคัสเล่นเองคนเดียวเกือบหมด คิ้วเรียวสีน้ำตาลเลิกขึ้นเล็กน้อยกับวงล้อมของจำนวนคนดูที่ราวกับจะเพิ่มทวีมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่พวกเขา...อันที่จริงจะจะบอกว่าซาคัส ได้สเตรทในตาที่ห้าติดต่อกัน ดวงตากลมใสหลับลงได้ยินเสียงซุบซิบที่เหมือนจะเป็นการพนันนอกวงพนันอีกทีว่าคราวนี้คุณหนูผมทองจะชนะด้วยสถิติสเตรทรวดอีกหรือไม่
“รอยัลสเตรทพลัท!!” ทันทีที่ได้ยินเสียงหวานเล็กของซาคัสร้องบอกไพ่ที่ตัวเองได้ วิลเลี่ยมกับฟราเรสหันมายิ้มแหยๆ ให้กันทันทีโดยมิได้นัดหมายเพราะยังไม่ทันจะขาดคำดีแถมเพิ่งจะแจกไพ่ไปได้ไม่ถึงสามนาทีคุณหนูผมทองของพวกเขาก็ประกาศชัยชนะอย่างสวยงามด้วยรอยัลสเตรทพลัทไปเสียแล้ว
จะเรียกว่าดวงดีหรือว่าเล่นเก่งหรือจะเหมารวมทั้งสองอย่างดีล่ะ?
“เป็นไงล่ะๆ” ซาคัสว่ามือเล็กตบๆ ลงบนโต๊ะอย่างอารมณ์ดี เด็กชายขยับยิ้มกว้างให้อย่างดีใจ...แว่วเสียงถอนหายใจจากมาแชล ไม่อยากจะว่าแต่แค่เห็นหน้ายิ้มดีอกดีใจขนาดนั้นของเจ้าเด็กผมทองตรงหน้าพาลจะโกรธไม่ลง
“เล่นเก่งเหมือนกันนี่” เสียงเข้มว่าอย่างชื่นชมก่อนจะแสดงสีหน้าแปลกใจไปครู่เหมือนเห็นว่ามือเล็กๆ ของคุณชายขุนนางสักตระกูลนั้นยื่นมาข้างหน้า มาแชลขมวดคิ้วสีทองเข้มๆ เล็กน้อย “ถ้าเงินน่ะฉันเกลี้ยงกระเป๋าแล้วเฟ้ย”
“ใช่ที่ไหนเล่า! เชคแฮนด์น่ะ รู้จักไหม เชค แฮนด์” เสียงเล็กหวีดขึ้นมาทันทีโดยเน้นย้ำประโยคช่วงสุดท้ายจนเหมือนส่งหมัดอัพเปอร์คัทอัดเข้ากลางหน้าไปเต็มๆ รัก มาแชลหัวเราะเฟื่อนๆ ก่อนจะเอื้อมจับมือที่เล็กกว่าเขาอยู่โข
รอยยิ้มบางพุดขึ้นจากริมฝีปาก แตกต่าง...เด็กคนนี้แตกต่างจากพวกขุนนางที่เขารู้จัก พวกขุนนางที่ดูถูกย่ำยีไวท์แชพเพลว่าต้อยต่ำราวกับสิ่งน่ารังเกียจไม่ควรแตะต้องแค่เด็กคนนี้ดูกลับเป็นคุณหนูคนเดียวที่ยอมให้มือบอบบางนี้สัมผัสมือหยาบกระด้างของเขา
ก็เป็นเด็กดีนี่นา
ชั่วครู่ที่เหมือนจะเห็นว่าร่างโตจะกัดฟันเล็กน้อย
แต่ก็เป็นเด็กดีที่เวรตะไลรีดไถได้แบบทะลวงตับถึงกึ๋นมาก...
“นายน่ะเป็นคุณหนูของบ้านไหนกัน” เขาถามหลังจากปล่อยจากมือบอบบางของคุณหนู
“ริธ...ซาคัส ริธ” ซาคัสตอบง่ายๆ ก่อนจะเดินไปหาฟราเรสที่ยกมิลค์ทีในถ้วยกระเบื้องเคลือบลายดอกคาเมเลียของสมนาคุณแทนคำขอโทษจากมาสเตอร์ร้านมาให้ มาแชลเอียงคอลงเล็กชายหนุ่มขยับเสียงหัวเราะแผ่วๆ คุณหนูของตระกูลดังที่ทัดเทียมอัสเทียร์ขุนนางชั้นดยุคของอังกฤษมายืนตรงหน้าเขาแถมยังโดนปลอกลอกอย่างน่าเหลือเชื่อ
ริธ...งั้นเหรอ?
“เป็นอีกาที่เหมาะกับแสงสว่างจริงๆ เลยสิให้ตาย...” เขาพูดเบาๆ ก่อนจะผินกายจะเดินออกจากนอกร้านพร้อมกับกลุ่มเพื่อนกรรมกรของเขาเพราะเงินเกลี้ยงแต่พลันไม่ทันไรก็ถูกรั้งเมื่อถุงผ้าฝ้ายชั้นดีถูกเหวี่ยงโยนมาใส่เขาอย่างไม่ทันตั้งตัวขนาดที่รับไม่ทันคงดั้งหักเพราะโดนอัดเข้ากลางหน้า ดวงตาสีฟ้าก้มมองถุงผ้าในมือซึ่งบรรจุเงิน...ที่ทั้งหมดเป็นเงินพนันของพวกเขาที่เสียไป
แต่ดูเหมือนมันจะหนักกว่าเดิม...นิดหน่อย
“คืนล่ะ” ซาคัสว่าก่อนจะเชิดหน้าขึ้นพูดต่อด้วยเสียงหยิ่งๆ ตามฉบับปรกติของเจ้าตัว “แต่ขอค่าแลกเปลี่ยนหน่อยนะ”
มาแชลเลิกคิ้วเล็กน้อย
ลางสังหรณ์บอกกับตัวเขาว่า...
ซาตานดลให้มาพบกับปิศาจจิ๋วซะแล้วสิ
ความคิดเห็น