ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Until The End Of Time

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 1 Before Crisisตอนที่ 2 แสงสว่างที่สาดส่องลงมาในความอ่อนโยน(2/3)

    • อัปเดตล่าสุด 27 ต.ค. 50



                    
    ต้องห่วงสิคะ!…ถ้าเป็นแผลขึ้นมาว่าไงกันเดี๋ยวเธอได้โทษฉันไปจนวันตายว่าเพราะฉันทำให้เธอมีแผลเป็นนอร์เฟรเซียกล่าวด้วยน้ำเสียงกึ่งๆไม่พอใจกึ่งกระเซ้าจนชายหนุ่มผงะถอยหลังด้วยความหมายในหลายๆเหตุผล

     

                      “หา!?…ผมไม่ใช่ผู้หญิงนะครับบลิทซ์ร้องอุทานอย่างฉงน เมื่อดูยังไงคำพูดนั้นก็ดูเป็นคำพูดที่ต้องพูดกับ   เด็กผู้หญิงทั้งๆที่ดูก็รู้แล้วว่าเขาไม่ใช่

     

                    “รู้แล้วล่ะค่ะ แต่แหม ก็เธอหน้าหวานออกขนาดนี้ก็เลยทำใจเชื่อยากจะตายว่าเป็นผู้ชาย  แหะๆเด็กสาวหัวเราะเสียงแห้งปลายนิ้วเรียวยาวเกาเบาๆที่ข้างแก้ม เอาว่ากันตามตรงเลยนะคะ สวย...ขนาดผู้หญิงอย่างฉันยังอิจฉาเลยนะนอร์เฟรเซียพูดลูกตรงจนทำเอาบลิทซ์แสดงอาการตกใจจนแถบหงายหลังอย่างเก็บไม่มิด ก็เคยมีคนบอกมาอยู่หรอกว่าหน้าเขาคล้ายผู้หญิงแต่

     

                ขนาดผู้หญิงที่สวยถึงขนาดนี้มาบอกว่า อิจฉา มันก็

     

                ตกลงว่าผมเกิดมาเป็นผู้ชายทำเพื่อ...?!

     

                “แต่ไม่เป็นไรก็ดีแล้วล่ะค่ะแล้วก็…”เจ้าของเส้นผมสีเพลิงเอ่ยขึ้นเบาๆดวงเนตรสีน้ำทอดมองร่างสูงตรงหน้าอย่าพูดเหมือนไม่อยากให้ใครมาเป็นห่วงเธออย่างนั้นสิคะ เด็กสาวนิ่งลงก่อยริมฝีปากบางจะขยับขึ้นน้อยๆ

     

                  “เรื่องของเธอน่ะกับคนรอบข้างที่เธอรักและรักเธอแล้วไม่ว่ายังไงก็เป็นเรื่องสำคัญนะคะ ไม่มีใครหรอกคะที่ไม่เป็นเป็นห่วงเธอน่ะ...จริงไหม?

     

                  ราวกับมีแสงสว่างอันแสนอ่อนโยนปรากฏจากถ้อยคำเมื่อครู่ ถ้อยคำที่เขาไม่แม่แต่จะเคยได้สดับรับฟังผ่านคำพูดจากใครๆกระทั้งคนที่เขาเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนดั่งมีสายลมบางเบาคอยโอบอุ้มตัวเขาไว้และพัดผ่านไปเพื่อกลืนให้ทุกสรรพสิ่งหยุดนิ่ง นึกอยากหยุดช่วงเวลานี้ไว้นานๆถึงจะไม่เข้าใจแต่เขาก็อยากจะเก็บถ้อยคำนี้เอาไว้กับตัว

     

                 ฝังไว้ในหัวใจจนวันที่ลมหายใจหมดลง

     

                 สายลมพัดผ่านให้เส้นผมสีดำขลับพลิ้วตามกระแสลม บลิทซ์ยกมือขึ้นเสยเส้นผมสีสวยที่ทิ้งตัวบดบังดวงตาสีน้ำเงินเข้มขอ...ขอโทษครับแล้วแล้วก็ขอบคุณนะครับ  คิ้วเรียวสีน้ำตาลเลิกขึ้นดวงเนตรสีนทีเจือประกายงุ่นงง

     

                “ขอบคุณขอบคุณฉันทำไมคะ?”

     

                 นั่นสินะขอบคุณทำไม

     

               เรา...ไม่รู้จริงๆว่าผู้หญิงคนนี้ถึงทำให้เราต้องมีความรู้สึกอย่างนี้….ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจตัวเอง  ไม่ใช่ไม่ว่าเขาไม่เคยเป็น แต่ว่าแบบนี้น่ะมัน...รู้สึกจะ...ผิดแปลกออกไป...นิดหน่อยล่ะมั๊ง?

     

                ว่าแต่ไม่ไปทำธุระของคุณเหรอครับบลิทซ์เอ่ยนึกเจ็บใจที่ห้ามตัวเองไว้ไม่ทัน เพราะจะพูดขึ้นมาทำไม?เมื่อรู้ว่าถ้าพูดออกมา เธอก็ต้องไป

     

                “อ๊า!!!จริงด้วยสิคะ ลืมไปเลย พวกนั้นคงรอฉันแย่แล้วนอร์เฟรเซียร้องประกบมือระหว่างอกนึกออกได้ทันทีเมื่อถูกบลิทซ์กระตุ้น แต่พลันเด็กสาวได้หยุดนิ่งลงราวกับคิดอะไรบางอย่างออกจะไปด้วยกันไหมคะ? ฉันคิดว่าพวกเขาคงดีใจแน่ๆถ้าได้พบเธอ

     

                  “หะ...หา?!” ไวเท่าความคิดเมื่อบลิทซ์พูดไม่ทันจบคำ มือเรียวบางก็เข้าเกาะกุมมือของชายหนุ่มทันทีก่อนจะพาเดินรุดไปยังข้างหน้าโดยท่าทีไม่ใคร่ใส่ใจกับอาการตกอกตกใจของชายหนุ่มที่เดินตามอยู่เลยแม้แต่น้อยดะเดี๋ยวสิครับจะพาผมไปไหนน่ะ?” นอร์เฟรเซียหันมายิ้มเล็กน้อยก่อนน้ำเสียงใสจะเอ่ยเบาๆ

     

     “….ไปที่โบสถ์ค่ะ

     

     

     

                ร่างสูงสง่าก้าวเดินตามร่างเล็กบอบบางของเด็กสาวอย่างว่าง่ายไม่นานเท่าไรนักพวกเขาก็มาถึงหน้าประตูบานใหญ่ บลิทซ์ยืนยิ่งพลางเหม่อมองอาคารที่ทอดตัวสูงมีสีขาวสีบริสุทธิ์ดูเก่าแก่เมื่อดวงตาสีน้ำเงินไพลินชะงักหยุดอยู่ที่ไม้กางเขนที่ประดับอยู่ที่จั่วหลังคาจำทำให้เขารู้แน่ว่าที่นี่ก็คือ……โบสถ์….

     

            ประตูไม้สลักลวดลายงดงามวิจิตรจากช่างเอกศิลป์มือหนึ่งแม้จะดูเก่าแก่มากจากร่องรอยขูดขีดและถลอกของราวประตูแต่ก็ยังคงความขลังไว้อย่างบอกไม่ถูก นอร์เฟรเซียก้าวเดินไปข้างหน้าชั่วอึดใจเธอก็เอื้อมมือจับราวเหล็กสีทองที่มีร่องรอยการใช้งานมามากก่อนจะผลักบานประตูนั้นอย่างคุ้นเคยเด็กสาวพายมือเป็นการเชิญเชิญให้เขาเข้าไปแต่ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะเข้าไปในตัวโบสถ์พลันมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ที่ชายสูงศักดิ์ต้องชะงักเท้าอย่างไร้เหตุผล

     

                  “หนอยเจ้าไลท์ไอ้เด็กหัวเม่นเอ๊ย!!! มีอะไรให้กินแกก็กินไปเหอะน่า!!!”

     

     เด็กหญิงอายุไม่เกินสิบเอปีที่มีเส้นผมสีน้ำตาลยาวถักร้อยเป็นเปียมัดด้วยริบบิ้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงกึ่งไม่พอใจ ดวงตาสีเขียวมรกตจับจ้องไปยังเด็กชายเรือนผมสีดำ ชี้ๆไม่เป็นทรงแลคล้ายกับตัวเม่น ที่มีอายุไล่เลี่ยกันหรือไม่ก็อาจจะมากกว่าสักราวๆไม่เกินหนึ่งปี ซึ่งดูจากคำพูดพูดเมื่อครู่เด็กคนนี้น่าจะชื่อว่าไลท์

     

                  “โธ่! ชายน์ก็มันไม่อร่อยนี่! ถามจริง เธอกินไอ้อาหารกระต่ายนี่ไปได้ยังไงไลท์เอ่ยขึ้นนันน์ตาสีฟ้าใสจับจ้องยังผักสีส้มแกะสลักเป็นรูปดอกไม้จากปลายส้อมที่ชายน์ยื่นมาจ่อปากของตนอย่างไม่พอใจฉันกินข้าวหมดแล้วนะเหลือแค่ไอ้อาหารกระต่ายชิ้นเดียวมันไม่หนักหัวใครหรอกน่า

     

                   “แครอทย่ะไม่ใช่อาหารกระต่าย! พี่นอร์ฟอุตส่าห์ทำให้กินนายห้ามกินเหลือแม้แต่อย่างเดียวนะยะ!” ชายน์ว่าก่อนจะพยายามยัดเยียดแครอทหรืออาหารกระต่ายเข้าปากคนที่โตมาด้วยกันให้ได้ ส่วนไลท์ที่พยายามหุบปากให้สนิทไม่แม้แต่จะขยับปากทั้งทั้งที่ชายน์เค้นแทบตายก็ได้แต่ส่ายหน้า

     

                   เอาใส่ปาก เคี้ยวๆแล้วก็กลืนมันไม่ตายหรอกน่า!”

     

                   “อ้าวๆทะเลาะอะไรกันอีกล่ะจ๊ะทั้งสองคนนอร์เฟรเซียเอ่ยขึ้นราวกับจะขัดการสนทนา(ทะเลาะ)ของเด็กชาย-หญิงทั้งสองคน เมื่อได้ยินเสียงหวานใสอันคุ้นเคยทั้งไลท์-ชายน์จึงหันหน้าหาเจ้าของเสียงทันที

     

                   “พี่นอร์ฟ….อุ๊บส์!! อ๊อกส์!!” ทันควันชายน์ได้ฉวยโอกาสที่ไลท์ร้องเรียกชื่อของนอร์เฟรเซียนำแครอทใส่เข้าปากของเด็กชายทันที เมื่อรสชาติหวานของแครอทต้มได้ซึมซาบเข้าสู่ลิ้นของไลท์ เด็กชายผมสีนิลยกมือขึ้นปิดปากก่อนสองขาจะก้าวลงจากเก้าอี้วิ่งปราดไปยังห้องน้ำทันที ในใจก็นึกภาวนาอยากหาคำแช่งให้เจ้าคนที่เอาของที่เกลียดใส่ปากให้ออก

     

                  “กลับมาแล้วเหรอคะ พี่นอร์ฟชายน์ว่าทำทีไม่ใส่ใจกับคนที่วิ่งไปคายแครอทในห้องน้ำ หันมายิ้มให้กับคนที่เธอนับถือดั่งพี่สาวก่อนนัยน์ตาสีมรกตจะสะดุดกับชายร่างสูงเส้นผมสีขลับที่ยืนอยู่ด้านหลังพี่ชายคนนี้เป็นใครน่ะ?” ชายน์ชี้นิ้วมือมาทางบลิทซ์อย่างสงสัยก่อนจะถูกนอร์เฟรเซียดุเอาเรื่องใช้นิ้วชี้คนอื่น

     

                    อ๊ะ! คือผผมบลิทซ์เอ่ยขึ้นน้ำเสียงนุ่มติดขัดไม่รู้จะเริ่มอย่างไรดี เด็กหนุ่มสูดลมหายใจลึกๆกลั้นใจพูดต่อไปผมชื่อ..อ่า...บบลิทซ์  ครับเอ่อขอโทษที่มารบกวนด้วยนะ...ครับเสียงนุ่มเอ่ยละลักละล่ำแนะนำตนเองโดยที่เว้นไม่บอกถึงนามสกุลของตนเองราวกับไม่อยากให้ใครได้ล่วงรู้

     

                    ชายน์ เซ็ท ค่ะยินดีที่ได้รู้จักส่วนคนที่ไปสำรอกของเก่าในห้องน้ำก็ ไลท์ เทอร์ทิสชายน์ว่าพลางแนะนำตัวอย่างเป็นมิตรพลันเสียงเล็กของเด็กชายก็เอ่ยขึ้นขัด

     

                     ใครว่าฉันไปสำรอกของเก่ามิทราบห๊ะ? ฉันแค่ไปบ้วนปากคายอาหารกระต่ายออกต่างหากไลท์พูดก่อนมือเล็กจะยกขึ้นเช็ดหยดน้ำที่มุมปาก

     

                    ความหมายก็คือๆกันแหละย่ะเด็กหญิงผมเปียว่าพลางแลบลิ้นใส่ ส่วนไลท์ที่กำลังจะง้างปากด่าก็ถูกฝ่ามือบางของนอร์เฟรเซียที่มองเห็นเหตุการณ์วางบนบ่าของทั้งสองราวกับจะขัดขวางเพราะรู้ว่าปล่อยให้เด็กสองคนนี้ทะเลากันมากกว่านี้ต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่แล้วเธอเองก็ไม่อยากให้คนที่ถูกเธอพามาต้องเดือดร้อนด้วย

     

                    เพราะพี่นอร์ฟหรอกนะ ยัยหางเปีย

     

                    เหมือนกันแหละ เจ้าหัวเม่น

     

    จ้าๆพอทีเถอะทั้งสองคนเลยหญิงสาวเส้นผมสีเพลิงเอ่ยห้ามทัพก่อนที่ข้าศึกใหญ่จะเข้าบุก แต่มิทันไรข้าศึกใหญ่ที่ว่านั่นก็ยกทัพเข้าโจมตีจนได้

     

    แงแง…” เสียงร้องดังแสบหูจากเด็กเล็กวัยยังไม่ถึงสองขวบดีก็ดังขึ้นด้วยความตกใจกลัวในเสียงทะเลาะของเด็กสองคนที่อายุมากที่สุดในครอบครัวนอร์เฟรเซียรีบพลีพลามตรงไปยังเด็กน้อยที่ร้องไห้จ้าพลางช้อนเด็กน้อยให้กระชับขึ้นกับตัวอย่าคล่องแคล่ว

     

    โอ๋โอ๋เด็กดีอย่าร้องนะจ๊ะเด็กสาวว่าพลางลูบศีรษะร่างเล็กที่ถูกอุ้มอย่างอ่อนโยนและเบามือ เมื่อทำเช่นนั้นฉับพลันเสียงร้องไห้จ้าเมื่อครู่ก็ค่อยๆสงบลงอย่างน่าฉงนจนเห็นได้ถึงความเป็น มืออาชีพ ของเธอ

     

    บลิทซ์มองนอร์เฟรเซียที่พร่ำปลอบเด็กวัยสองขวบด้วยความชำนาญราวกับคุ้นเคยในการเลี้ยงเด็กเป็นอย่างดี ก็ยิ่งทำให้เหมือนคนบางคนที่ชอบยิ้มร่าหรือดีใจยกใหญ่เวลาเห็นเด็กเยอะๆแบบนี้เชื่อสิว่าคนอย่างหมอนั่น ถ้ารู้ว่าเขาอยู่ในที่ที่มีเด็กเล็กๆเยอะแยะแบบนี้ก็คงอยากจะมาตัวแทบสั่นหรือไม่ก็หยุดภารกิจสำคัญทุกอย่างเพื่อมานี่แน่เอาหัวเป็นประกันเลยก็ได้!

     

    ติ๊ดติ๊ด…” เสียงดนตรีดังขึ้นจากกระเป๋ากระโปรงของหญิงสาวผมแดง นอร์เฟรเซียเหลือบมองโทรศัพท์มือถือในกระเป๋า เนตรสีฟ้าสะอาดหลุบตามมองบลิทซ์เล็กน้อยก่อนจะส่งร่างบางของเด็กวัยสองขวบที่เพิ่งหลับไปในอ้อมกอดให้กับเขา บลิทซ์รับเด็กน้อยมาอย่างเก้ๆกังๆถึงเขาจะเคยอุ้มเด็กเล็กๆมาก่อนแถมยังวิ่งเข้าวิ่งออกสถานเลี้ยงเด็กจนจะเหมือนเป็นบ้านของตัวเองก็เถอะแต่...อันที่จริงแล้ว...เขาแทบจะเล่นกับเด็กไม่เป็นเลยสักนิด...

     

    ก็ส่วนใหญ่เป็นแบ็คฯอยู่คอยช่วยให้ข้างหลังนี่นา...เคยออกมาเล่นกับเขาซะที่ไหนล่ะ

     

    นอร์เฟรเซียยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นแนบกับหูค่ะ หนูเองค่ะ คุณพ่อคะจะกลับจากคอยส์เซลเมื่อไร่ค่ะ? อ๋อ ค่ะ มะรืนนี้ใช่ไหมคะ...หือ...? อ๋อค่ะ...เอกสารเรียบร้อยแล้วค่ะ...หืม...ต้องส่งเมล์ไปยืนยันเรื่องหอพัก อ๋อ...ค่ะๆได้ค่ะ...นอร์เฟรเซียพูดตอบโทรศัพท์ก่อนจะชะงักเอามือถือออกห่างพลางเอามือป้องลำโพงไว้ฝากจีลไว้แปบหนึ่งนะคะ เดี๋ยวฉันกลับมาค่ะ

     

    อา...ครับบลิทซ์รับอย่างไม่ไว้ใจตัวเองว่ารับดูแลเด็กคนนี้จนถึงตลอดรอดฝั่งหรือเปล่า ได้แต่ปล่อยให้เลยตามเลยมองนอร์เฟรเซียที่เดินออกจากโบสถ์ไปด้วยสายตาเหมือนร้องขอความช่วยเหลือและภาวนาขอให้ธุระขอเจ้าหล่อนเสร็จเร็วๆ

     

    จะไปรอดไหมครับเนี่ย?

     

    ฮึก...ฮือ...เมื่อนอร์เฟรเซียออกไปไม่ทันไรเด็กน้อยที่หลับไหลในอ้อมอกกว้างก็ร้องไห้ขึ้นอีกครั้งเหมือนกับว่าไม่คุ้นเคยกับความอบอุ่นจากแผ่นอกของชายหนุ่ม บลิทซ์ได้แต่ลูบศีรษะของแองจีล่าด้วยมือนุ่มที่เกร็งและสั่นเทาก็ยิ่งจะทำให้เด็กน้อยร้องไห้ดังขึ้นกว่าเดิม

     

    ซ้ำร้ายที่เสียงร้องไห้จ้าจากเด็กวัยสองขวบเพียงคนเดียวจะกลายเป็นเสียงร้องไห้ระงมประสานเสียงราวกับเพลงโอเปร่าเสียงโซพราโน่จากเด็กเล็กๆที่อยู่รอบกายเขาได้ร้องไห้ด้วยความตกใจกับเสียงร้องดังในอ้อมกอด บลิทซ์ยกมือขึ้นกุมขมับนึกอยากจะก้มลงไปกราบแทบเท้าร้องขอให้บรรดาเด็กๆทั้งหลายหยุดร้องไห้กันเสียที ในใจพลางร้องวอนพระผู้เป็นเจ้าบันดาลให้เจ้าตัวดีที่รักเด็กน่ารักๆมากกว่าอาหารสามมื้อมาอยู่ตรงนี้ใจแทบขาด

     

    ฮือ...เพราะว่าเมื่อก่อนผมขี้แยร้องไห้ง่ายใช่ไหมครับ ?...พระเจ้าถึงได้ลงทัณฑ์ผมอย่างนี้...ฮือ...

     

    รูล...หรือใครก็ได้ มาช่วยผมทีเถอะครับ!!

     

     นี่พี่ชายทำไรสักอย่างสิ ผมรำคาญแล้วนะไลท์ร้องตวาดบลิทซ์พลางยกมือขึ้นปิดหูไต้เรือนผมสีดำ บลิทซ์หลุบตาขึ้นมองไปรอบๆโบสถ์ราวกับจะหาหนทางออกสักอย่างก่อนจะสะดุดกับอะไรบางอย่างที่ราวกับพระเจ้าจะเป็นผู้เบิกทางให้ทดแทนคำร้องขอที่จะเรียกให้เจ้าคนรักเด็กมาอยู่ช่วยเขาตรงนี้

     

    ถ้าเป็นอันนั้นคงทำได้ล่ะนะ

     

    เอ่อคุณไลท์สินะครับ คือผ...ผมขอฝากจีลไว้สักพักหนึ่งนะครับ  น้ำเสียงนุ่มพาลสั่นเครือความไม่มั่นใจในตัวเองที่เป็นมาตั้งแต่กำเนิดผสมผสานกันจนรู้สึกปวดในมวลท้องนิดๆก่อนจะส่งซาตานในคราบเด็กหญิงไปให้คนที่อายุน้อยกว่า ไลท์รับจีลอย่างกึ่งงงกึ่งไม่พอใจริมผีปากบางขมุบขมิบบ่นไม่เป็นศัพท์ พ่วงด้วยคำหยาบที่พาสัตว์ในสวนสัตว์โผล่มาให้เกลื่อน

     

    บลิทซ์ยิ้มเจือนๆด้วยเพราะจับใจความที่พูดออกมาได้ทุกถ้อยทุกคำ ในใจก็ยังแอบนึกสงสัยอยูตะงิดๆว่าเด็กคนนี้โตขึ้นมาบางทีอาจจะเป็นพนักงานสวนสัตว์ประเภทเลื้อยคลานได้สบายๆก็ได้

     

    ชายสูงศักดิ์สะบัดปลายเสื้อนอกตัวยาวมองมุ่งไม่ข้างหน้าแท่นพิธีโบสถ์ก่อนจะสาวเท้าเดินให้ยาวเท่าที่สุดไปทางด้านข้างบางสิ่ง...ที่ คิดว่าน่าจะเป็นหนทางเดียวและเป็นทางสุดท้ายที่อาจจะทำให้สถานการณ์สงบลงมาบ้างก็ได้มั๊งนะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×