คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 1 Before Crisisตอนที่ 2 แสงสว่างที่สาดส่องลงมาในความอ่อนโยน(2/3)
“ต้องห่วงสิคะ!
ถ้าเป็นแผลขึ้นมาว่าไงกันเดี๋ยวเธอได้โทษฉันไปจนวันตายว่าเพราะฉันทำให้เธอมีแผลเป็น” นอร์เฟรเซียกล่าวด้วยน้ำเสียงกึ่งๆไม่พอใจกึ่งกระเซ้าจนชายหนุ่มผงะถอยหลังด้วยความหมายในหลายๆเหตุผล
“หา!?
ผมไม่ใช่ผู้หญิงนะครับ” บลิทซ์ร้องอุทานอย่างฉงน เมื่อดูยังไงคำพูดนั้นก็ดูเป็นคำพูดที่ต้องพูดกับ ‘เด็กผู้หญิง’ ทั้งๆที่ดูก็รู้แล้วว่าเขาไม่ใช่
“รู้แล้วล่ะค่ะ แต่
แหม ก็เธอหน้าหวานออกขนาดนี้ก็เลยทำใจเชื่อยากจะตายว่าเป็นผู้ชาย แหะๆ”เด็กสาวหัวเราะเสียงแห้งปลายนิ้วเรียวยาวเกาเบาๆที่ข้างแก้ม “เอาว่ากันตามตรงเลยนะคะ สวย...ขนาดผู้หญิงอย่างฉันยังอิจฉาเลยนะ” นอร์เฟรเซียพูดลูกตรงจนทำเอาบลิทซ์แสดงอาการตกใจจนแถบหงายหลังอย่างเก็บไม่มิด ก็เคยมีคนบอกมาอยู่หรอกว่าหน้าเขาคล้ายผู้หญิงแต่
ขนาดผู้หญิงที่สวยถึงขนาดนี้มาบอกว่า ‘อิจฉา’ มันก็
ตกลงว่าผมเกิดมาเป็นผู้ชายทำเพื่อ...?!
“แต่
ไม่เป็นไรก็ดีแล้วล่ะค่ะแล้วก็
”เจ้าของเส้นผมสีเพลิงเอ่ยขึ้นเบาๆดวงเนตรสีน้ำทอดมองร่างสูงตรงหน้า ”อย่าพูดเหมือนไม่อยากให้ใครมาเป็นห่วงเธออย่างนั้นสิคะ” เด็กสาวนิ่งลงก่อยริมฝีปากบางจะขยับขึ้นน้อยๆ
“เรื่องของเธอน่ะกับคนรอบข้างที่เธอรักและรักเธอแล้วไม่ว่ายังไงก็เป็นเรื่องสำคัญนะคะ ไม่มีใครหรอกคะที่ไม่เป็นเป็นห่วงเธอน่ะ...จริงไหม?”
ราวกับมีแสงสว่างอันแสนอ่อนโยนปรากฏจากถ้อยคำเมื่อครู่ ถ้อยคำที่เขาไม่แม่แต่จะเคยได้สดับรับฟังผ่านคำพูดจากใครๆ
กระทั้ง
คนที่เขาเรียกได้ว่าเป็น’เพื่อน’ ดั่งมีสายลมบางเบาคอยโอบอุ้มตัวเขาไว้และพัดผ่านไปเพื่อกลืนให้ทุกสรรพสิ่งหยุดนิ่ง นึกอยากหยุดช่วงเวลานี้ไว้นานๆถึงจะไม่เข้าใจแต่
เขาก็อยากจะเก็บถ้อยคำนี้เอาไว้กับตัว
ฝังไว้ในหัวใจ
จนวันที่ลมหายใจหมดลง
สายลมพัดผ่านให้เส้นผมสีดำขลับพลิ้วตามกระแสลม บลิทซ์ยกมือขึ้นเสยเส้นผมสีสวยที่ทิ้งตัวบดบังดวงตาสีน้ำเงินเข้ม “ขอ...ขอโทษครับแล้ว
แล้วก็ขอบคุณนะครับ” คิ้วเรียวสีน้ำตาลเลิกขึ้นดวงเนตรสีนทีเจือประกายงุ่นงง
“ขอบคุณ
ขอบคุณฉันทำไมคะ?”
นั่นสินะ
ขอบคุณ
ทำไม
เรา...ไม่รู้จริงๆว่าผู้หญิงคนนี้ถึงทำให้เราต้องมีความรู้สึกอย่างนี้
.ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจตัวเอง ไม่ใช่ไม่ว่าเขาไม่เคยเป็น แต่ว่าแบบนี้น่ะมัน...รู้สึกจะ...ผิดแปลกออกไป...นิดหน่อยล่ะมั๊ง?
“ว่าแต่
ไม่ไปทำธุระของคุณเหรอครับ” บลิทซ์เอ่ยนึกเจ็บใจที่ห้ามตัวเองไว้ไม่ทัน เพราะจะพูดขึ้นมาทำไม?เมื่อรู้ว่าถ้าพูดออกมา เธอก็ต้อง
ไป
“อ๊า!!!จริงด้วยสิคะ ลืมไปเลย พวกนั้นคงรอฉันแย่แล้ว” นอร์เฟรเซียร้องประกบมือระหว่างอกนึกออกได้ทันทีเมื่อถูกบลิทซ์กระตุ้น แต่พลันเด็กสาวได้หยุดนิ่งลงราวกับคิดอะไรบางอย่างออก “จะไปด้วยกันไหมคะ? ฉันคิดว่าพวกเขาคงดีใจแน่ๆถ้าได้พบเธอ”
“หะ...หา?!” ไวเท่าความคิดเมื่อบลิทซ์พูดไม่ทันจบคำ มือเรียวบางก็เข้าเกาะกุมมือของชายหนุ่มทันทีก่อนจะพาเดินรุดไปยังข้างหน้าโดยท่าทีไม่ใคร่ใส่ใจกับอาการตกอกตกใจของชายหนุ่มที่เดินตามอยู่เลยแม้แต่น้อย “ดะ
เดี๋ยวสิครับจะพาผมไปไหนน่ะ?” นอร์เฟรเซียหันมายิ้มเล็กน้อยก่อนน้ำเสียงใสจะเอ่ยเบาๆ
“
.ไปที่โบสถ์ค่ะ”
ร่างสูงสง่าก้าวเดินตามร่างเล็กบอบบางของเด็กสาวอย่างว่าง่ายไม่นานเท่าไรนักพวกเขาก็มาถึงหน้าประตูบานใหญ่ บลิทซ์ยืนยิ่งพลางเหม่อมองอาคารที่ทอดตัวสูงมีสีขาวสีบริสุทธิ์ดูเก่าแก่เมื่อดวงตาสีน้ำเงินไพลินชะงักหยุดอยู่ที่ไม้กางเขนที่ประดับอยู่ที่จั่วหลังคาจำทำให้เขารู้แน่ว่าที่นี่ก็คือ
โบสถ์
.
ประตูไม้สลักลวดลายงดงามวิจิตรจากช่างเอกศิลป์มือหนึ่งแม้จะดูเก่าแก่มากจากร่องรอยขูดขีดและถลอกของราวประตูแต่ก็ยังคงความขลังไว้อย่างบอกไม่ถูก นอร์เฟรเซียก้าวเดินไปข้างหน้าชั่วอึดใจเธอก็เอื้อมมือจับราวเหล็กสีทองที่มีร่องรอยการใช้งานมามากก่อนจะผลักบานประตูนั้นอย่างคุ้นเคยเด็กสาวพายมือเป็นการเชิญเชิญให้เขาเข้าไปแต่ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะเข้าไปในตัวโบสถ์พลันมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ที่ชายสูงศักดิ์ต้องชะงักเท้าอย่างไร้เหตุผล
“หนอย
เจ้าไลท์ไอ้เด็กหัวเม่นเอ๊ย!!! มีอะไรให้กินแกก็กินไปเหอะน่า!!!”
เด็กหญิงอายุไม่เกินสิบเอ็ดปีที่มีเส้นผมสีน้ำตาลยาวถักร้อยเป็นเปียมัดด้วยริบบิ้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงกึ่งไม่พอใจ ดวงตาสีเขียวมรกตจับจ้องไปยังเด็กชายเรือนผมสีดำ ชี้ๆไม่เป็นทรงแลคล้ายกับตัวเม่น ที่มีอายุไล่เลี่ยกันหรือไม่ก็อาจจะมากกว่าสักราวๆไม่เกินหนึ่งปี ซึ่งดูจากคำพูดพูดเมื่อครู่เด็กคนนี้น่าจะชื่อว่า ‘ไลท์’
“โธ่! ชายน์ก็มันไม่อร่อยนี่! ถามจริง เธอกินไอ้อาหารกระต่ายนี่ไปได้ยังไง” ไลท์เอ่ยขึ้นนันน์ตาสีฟ้าใสจับจ้องยังผักสีส้มแกะสลักเป็นรูปดอกไม้จากปลายส้อมที่ชายน์ยื่นมาจ่อปากของตนอย่างไม่พอใจ “ฉันกินข้าวหมดแล้วนะเหลือแค่ไอ้อาหารกระต่ายชิ้นเดียวมันไม่หนักหัวใครหรอกน่า”
“แครอทย่ะไม่ใช่อาหารกระต่าย! พี่นอร์ฟอุตส่าห์ทำให้กินนายห้ามกินเหลือแม้แต่อย่างเดียวนะยะ!” ชายน์ว่าก่อนจะพยายามยัดเยียดแครอทหรือ ‘อาหารกระต่าย’เข้าปากคนที่โตมาด้วยกันให้ได้ ส่วนไลท์ที่พยายามหุบปากให้สนิทไม่แม้แต่จะขยับปากทั้งทั้งที่ชายน์เค้นแทบตายก็ได้แต่ส่ายหน้า
“เอาใส่ปาก เคี้ยวๆแล้วก็กลืนมันไม่ตายหรอกน่า!”
“อ้าวๆทะเลาะอะไรกันอีกล่ะจ๊ะทั้งสองคน” นอร์เฟรเซียเอ่ยขึ้นราวกับจะขัดการสนทนา(ทะเลาะ)ของเด็กชาย-หญิงทั้งสองคน เมื่อได้ยินเสียงหวานใสอันคุ้นเคยทั้งไลท์-ชายน์จึงหันหน้าหาเจ้าของเสียงทันที
“พี่นอร์ฟ
.อุ๊บส์!! อ๊อกส์!!” ทันควันชายน์ได้ฉวยโอกาสที่ไลท์ร้องเรียกชื่อของนอร์เฟรเซียนำแครอทใส่เข้าปากของเด็กชายทันที เมื่อรสชาติหวานของแครอทต้มได้ซึมซาบเข้าสู่ลิ้นของไลท์ เด็กชายผมสีนิลยกมือขึ้นปิดปากก่อนสองขาจะก้าวลงจากเก้าอี้วิ่งปราดไปยังห้องน้ำทันที ในใจก็นึกภาวนาอยากหาคำแช่งให้เจ้าคนที่เอาของที่เกลียดใส่ปากให้ออก
“กลับมาแล้วเหรอคะ พี่นอร์ฟ” ชายน์ว่าทำทีไม่ใส่ใจกับคนที่วิ่งไปคายแครอทในห้องน้ำ หันมายิ้มให้กับคนที่เธอนับถือดั่งพี่สาวก่อนนัยน์ตาสีมรกตจะสะดุดกับชายร่างสูงเส้นผมสีขลับที่ยืนอยู่ด้านหลัง “พี่ชายคนนี้เป็นใครน่ะ?” ชายน์ชี้นิ้วมือมาทางบลิทซ์อย่างสงสัยก่อนจะถูกนอร์เฟรเซียดุเอาเรื่องใช้นิ้วชี้คนอื่น
“เพราะพี่นอร์ฟหรอกนะ ยัยหางเปีย”
“เหมือนกันแหละ เจ้าหัวเม่น”
“จ้าๆพอทีเถอะทั้งสองคนเลย” หญิงสาวเส้นผมสีเพลิงเอ่ยห้ามทัพก่อนที่ข้าศึกใหญ่จะเข้าบุก แต่มิทันไรข้าศึกใหญ่ที่ว่านั่นก็ยกทัพเข้าโจมตีจนได้
“แง
แง
” เสียงร้องดังแสบหูจากเด็กเล็กวัยยังไม่ถึงสองขวบดีก็ดังขึ้นด้วยความตกใจกลัวในเสียงทะเลาะของเด็กสองคนที่อายุมากที่สุดใน ‘ครอบครัว’ นอร์เฟรเซียรีบพลีพลามตรงไปยังเด็กน้อยที่ร้องไห้จ้าพลางช้อนเด็กน้อยให้กระชับขึ้นกับตัวอย่าคล่องแคล่ว
“โอ๋
โอ๋
เด็กดีอย่าร้องนะจ๊ะ” เด็กสาวว่าพลางลูบศีรษะร่างเล็กที่ถูกอุ้มอย่างอ่อนโยนและเบามือ เมื่อทำเช่นนั้นฉับพลันเสียงร้องไห้จ้าเมื่อครู่ก็ค่อยๆสงบลงอย่างน่าฉงนจนเห็นได้ถึงความเป็น ‘มืออาชีพ’ ของเธอ
บลิทซ์มองนอร์เฟรเซียที่พร่ำปลอบเด็กวัยสองขวบด้วยความชำนาญราวกับคุ้นเคยในการเลี้ยงเด็กเป็นอย่างดี ก็ยิ่งทำให้เหมือนคนบางคนที่ชอบยิ้มร่าหรือดีใจยกใหญ่เวลาเห็นเด็กเยอะๆแบบนี้
เชื่อสิว่าคนอย่างหมอนั่น ถ้ารู้ว่าเขาอยู่ในที่ที่มีเด็กเล็กๆเยอะแยะแบบนี้ก็คงอยากจะมาตัวแทบสั่นหรือไม่ก็หยุดภารกิจสำคัญทุกอย่างเพื่อมานี่แน่เอาหัวเป็นประกันเลยก็ได้!
“ติ๊ด
ติ๊ด
” เสียงดนตรีดังขึ้นจากกระเป๋ากระโปรงของหญิงสาวผมแดง นอร์เฟรเซียเหลือบมองโทรศัพท์มือถือในกระเป๋า เนตรสีฟ้าสะอาดหลุบตามมองบลิทซ์เล็กน้อยก่อนจะส่งร่างบางของเด็กวัยสองขวบที่เพิ่งหลับไปในอ้อมกอดให้กับเขา บลิทซ์รับเด็กน้อยมาอย่างเก้ๆกังๆถึงเขาจะเคยอุ้มเด็กเล็กๆมาก่อนแถมยังวิ่งเข้าวิ่งออกสถานเลี้ยงเด็กจนจะเหมือนเป็นบ้านของตัวเองก็เถอะแต่...อันที่จริงแล้ว...เขาแทบจะเล่นกับเด็กไม่เป็นเลยสักนิด...
ก็ส่วนใหญ่เป็นแบ็คฯอยู่คอยช่วยให้ข้างหลังนี่นา...เคยออกมาเล่นกับเขาซะที่ไหนล่ะ
นอร์เฟรเซียยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นแนบกับหู “ค่ะ หนูเองค่ะ คุณพ่อคะจะกลับจากคอยส์เซลเมื่อไร่ค่ะ? อ๋อ ค่ะ มะรืนนี้ใช่ไหมคะ...หือ...? อ๋อค่ะ...เอกสารเรียบร้อยแล้วค่ะ...หืม...ต้องส่งเมล์ไปยืนยันเรื่องหอพัก อ๋อ...ค่ะๆได้ค่ะ...” นอร์เฟรเซียพูดตอบโทรศัพท์ก่อนจะชะงักเอามือถือออกห่างพลางเอามือป้องลำโพงไว้ “ฝากจีลไว้แปบหนึ่งนะคะ เดี๋ยวฉันกลับมาค่ะ”
“อา...ครับ” บลิทซ์รับอย่างไม่ไว้ใจตัวเองว่ารับดูแลเด็กคนนี้จนถึงตลอดรอดฝั่งหรือเปล่า ได้แต่ปล่อยให้เลยตามเลยมองนอร์เฟรเซียที่เดินออกจากโบสถ์ไปด้วยสายตาเหมือนร้องขอความช่วยเหลือและภาวนาขอให้ธุระขอเจ้าหล่อนเสร็จเร็วๆ
จะ
ไปรอดไหมครับเนี่ย?
“ฮึก...ฮือ...” เมื่อนอร์เฟรเซียออกไปไม่ทันไรเด็กน้อยที่หลับไหลในอ้อมอกกว้างก็ร้องไห้ขึ้นอีกครั้งเหมือนกับว่าไม่คุ้นเคยกับความอบอุ่นจากแผ่นอกของชายหนุ่ม บลิทซ์ได้แต่ลูบศีรษะของแองจีล่าด้วยมือนุ่มที่เกร็งและสั่นเทาก็ยิ่งจะทำให้เด็กน้อยร้องไห้ดังขึ้นกว่าเดิม
ซ้ำร้ายที่เสียงร้องไห้จ้าจากเด็กวัยสองขวบเพียงคนเดียวจะกลายเป็นเสียงร้องไห้ระงมประสานเสียงราวกับเพลงโอเปร่าเสียงโซพราโน่จากเด็กเล็กๆที่อยู่รอบกายเขาได้ร้องไห้ด้วยความตกใจกับเสียงร้องดังในอ้อมกอด บลิทซ์ยกมือขึ้นกุมขมับนึกอยากจะก้มลงไปกราบแทบเท้าร้องขอให้บรรดาเด็กๆทั้งหลายหยุดร้องไห้กันเสียที ในใจพลางร้องวอนพระผู้เป็นเจ้าบันดาลให้เจ้าตัวดีที่รักเด็กน่ารักๆมากกว่าอาหารสามมื้อมาอยู่ตรงนี้ใจแทบขาด
ฮือ...เพราะว่าเมื่อก่อนผมขี้แยร้องไห้ง่ายใช่ไหมครับ ?...พระเจ้าถึงได้ลงทัณฑ์ผมอย่างนี้...ฮือ...
รูล...หรือใครก็ได้ มาช่วยผมทีเถอะครับ!!
“นี่พี่ชายทำไรสักอย่างสิ ผมรำคาญแล้วนะ” ไลท์ร้องตวาดบลิทซ์พลางยกมือขึ้นปิดหูไต้เรือนผมสีดำ บลิทซ์หลุบตาขึ้นมองไปรอบๆโบสถ์ราวกับจะหาหนทางออกสักอย่างก่อนจะสะดุดกับอะไรบางอย่างที่ราวกับพระเจ้าจะเป็นผู้เบิกทางให้ทดแทนคำร้องขอที่จะเรียกให้เจ้าคนรักเด็กมาอยู่ช่วยเขาตรงนี้
ถ้าเป็นอันนั้น
คงทำได้ล่ะนะ
“เอ่อ
คุณ
ไลท์สินะครับ คือผ...ผมขอฝากจีลไว้สักพักหนึ่งนะครับ” น้ำเสียงนุ่มพาลสั่นเครือความไม่มั่นใจในตัวเองที่เป็นมาตั้งแต่กำเนิดผสมผสานกันจนรู้สึกปวดในมวลท้องนิดๆก่อนจะส่งซาตานในคราบเด็กหญิงไปให้คนที่อายุน้อยกว่า ไลท์รับจีลอย่างกึ่งงงกึ่งไม่พอใจริมผีปากบางขมุบขมิบบ่นไม่เป็นศัพท์ พ่วงด้วยคำหยาบที่พาสัตว์ในสวนสัตว์โผล่มาให้เกลื่อน
บลิทซ์ยิ้มเจือนๆด้วยเพราะจับใจความที่พูดออกมาได้ทุกถ้อยทุกคำ ในใจก็ยังแอบนึกสงสัยอยูตะงิดๆว่าเด็กคนนี้โตขึ้นมาบางทีอาจจะเป็นพนักงานสวนสัตว์ประเภทเลื้อยคลานได้สบายๆก็ได้
ชายสูงศักดิ์สะบัดปลายเสื้อนอกตัวยาวมองมุ่งไม่ข้างหน้าแท่นพิธีโบสถ์ก่อนจะสาวเท้าเดินให้ยาวเท่าที่สุดไปทางด้านข้างบางสิ่ง...ที่ คิดว่าน่าจะเป็นหนทางเดียวและเป็นทางสุดท้ายที่อาจจะทำให้สถานการณ์สงบลงมาบ้างก็ได้
มั๊งนะ
ความคิดเห็น