ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Until The End Of Time

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 1 Before Crisisตอนที่ 2 แสงสว่างที่สาดส่องลงมาในความอ่อนโยน(1/3)

    • อัปเดตล่าสุด 27 ต.ค. 50


    ซ่า!!

     

    เสียงบางสิ่งบางอย่างที่ถูกสาดซัดมากระทบกับดวงหน้าคมคาย ความเย็บแปลบปลาบที่พุ่งมากระทบกับใบหน้าเรียกให้ชายหนุ่มที่หลับไหลอยู่หลุดพ้นจากห้วงนิทรารมย์ ดวงตาสีแดงเลือดเปิดขึ้นมาอย่างงัวเงียพลางสะบัดไล่หยดน้ำที่เปียกเปรอะเส้นผมสีเข้ม รูลเคาะศีรษะสอง สามครั้งเพื่อเป็นการเรียกสติของตัวเอง

     

                    ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหันดวงหน้าคมเข้มไปทางเพื่อนหนุ่มที่มีอายุน้อยกว่าก็เห็นว่าบลิทซ์ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดยืนอยู่ข้างเตียงของตน ฝ่ามือกำแก้วใสที่เมื่อราวนาทีก่อนเคยบรรจุน้ำเย็นเฉียบ รูลทำหน้าเหวออย่างคนเดาเหตุการณ์ออกก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนโธ่บลิทซ์ขออีกห้านาทีไม่ได้เหรอ?”

     

                    ห้านาทีครั้งที่เท่าไร่แล้วครับ? ถ้าผมไม่ทำแบบนี้นายก็ไม่ตื่นหรอกเสียงนุ่มของบลิทซ์ได้เจือความเหนื่อยอ่อนไว้กับน้ำคำ

     

                    น่านะครั้งสุดท้ายแล้ว น๊าๆเสียงรูลบีบเสียงทำทีอ้อนเหมือนลูกแมวพลางไสหัวกับท่อนแขนของชายหนุ่มไปมา  

     

                    ครั้งสุดท้ายแต่รอบที่ร้อยสินะครับ นี่ครับ น้ำ จะได้ตาสว่างคือผมมีเรื่องจะถามด้วยบลิทซ์ว่าแล้วพลักเรือนผมสีน้ำตาลเข้มของรูลออกจากแขนของตน ก่อนจะหยิบเหยือกใสบรรจุน้ำอุ่นบนโต๊ะเคียงกั้นระหว่างสองเตียงมารินใส่แก้วพร้อมกับยื่นให้รูล

     

     จะบอกอะไรดีๆให้นะที่จริงฉันตื่นเต็มตาตั้งแต่โดนน้ำสาดแล้วล่ะ บลิทซ์น้อยเอ๋ย….”  รูลเอ่ยขึ้นก่อนยกมือขึ้นรับน้ำจากมือของชายสูงศักดิ์  ส่วนบลิทซ์ได้แต่ลอบถอนใจอย่างปลงตกแล้วเรื่องที่จะถามกระผมล่ะขอรับ ท่านชาย?

     

                    เอ่อรูลครับ...คือเรื่องเอ่อ...เรื่องนั้นน่ะครับ…” บลิทซ์เอ่ยน้ำเสียงบางพลางก้มหน้าลงนิ่งดวงตาเจือความกังวลที่คนกำลังดื่มน้ำอยู่จับได้ทันทีว่าหมายถึงอะไรหืม...? เฮื่องฮัลฮัลฮาฮะเฮรอ?” รูลพูดด้วยคำพูดที่ฟังแทบไมรู้เรื่องราวกับเป็นภาษาต่างดาวนั่นก็เพราะปากยังจ่ออยู่กับปากแก้วน้ำ

     

                    อ่ะ...เอ่อคือดื่มน้ำให้หมดแล้วค่อยพูดก็ได้ครับ

     

                    รูลกลืนน้ำที่อยู่ในปากทั้งหมดลงลำคออึกใหญ่ๆก่อนจะพูดด้วยคำพูดคำเดิมที่ฟังดูแล้วเป็นภาษาของคน  เรื่องวัลฮัลลาน่ะเหรอ?” บลิทซ์ยิ้มเศร้าๆไม่ได้พูดตอบเพียงแต่พยักหน้าเล็กน้อย รูลเลิกคิ้วพลางยักไหล่ให้ตาย...นายก็รู้นี่ ว่าถ้านายอยู่ที่ไหนฉันก็อยู่ที่นั่นน่ะแหละเพราะว่าถ้าฉันไม่อยู่กับนายก็ไม่มีคนออกค่าปัจจัยให้ฉันน่ะสิ !” พอพูดมาถึงตรงนี้เรียกให้บลิทซ์กุมขมับอย่างกึ่งจะปลงตก...ไม่น่ามาถามมันเลยให้ตายสิ

     

    แล้วอีกอย่างคนที่สังกัดกับรูนอยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องสอบเข้าด้วยแต่...ถ้านายไม่เต็มใจจะไปที่นั่นฉันก็ไม่ไปหรอกรูลยิ้มให้บลิทซ์อย่างอ่อนโยน บลิทซ์ยิ้มตอบแทนคำขอบคุณก่อนริมฝีปากบางจะขยับยกขึ้นพูด

     

    แต่...สำหรับผม...ถึงไม่อยาก...ยังไงแล้ว ผมก็ต้องไปเรียนที่นั้นอยู่ดี นั่นแหละครับชายหนุ่มทรุดกายลงนั่งเคียงข้างเพื่อนคนสนิทก่อนถูกรูลดึงศีรษะโน้มลงกระชับกับมือ บลิทซ์หลับตานิ่งปล่อยให้รูลไล่มือตามเส้นผมสีดำขลับราวกับเป็นคำปลอบใจ 

     

    เพราะมันเป็นหน้าที่ของผู้นำองค์กรสินะบลิทซ์?”

     

    บลิทซ์หลับตาลงนิ่งสัมผัสถึงความชื้นใต้ขอบตาที่ร้อนผ่าว

    ใช่ เพราะมันเป็นหน้าที่

     

    หลังจากที่ต้องนั่งคุมรอรูลจัดการธุระส่วนตัวให้เสร็จก็เล่นปาเข้าไปเที่ยงกว่า ก็ในเมื่อเจ้าตัวดีนั่นน่ะพอเผลอเป็นไม่ได้เป็นอันต้องงีบหลับได้ทุกครั้งไป...ถ้าไม่คุมก็คงจะหลับคอพับหัวพิงกำแพงนั่งอยู่บนชักโครกแหง...ไม่รู้ว่าง่วงอะไรนักหนานะ รออยู่จนนานกว่าที่จะได้ก้าวออกจากธรณีประตูเกือบๆจะบ่ายโมงครึ่ง

     

    ถามว่าเพราะอะไรถึงนาน...หนึ่งคือ มันนั่งหลับในห้องน้ำไปชั่วโมงหนึ่ง...สองคือมันนอนเกือกอยู่บนเตียงเล่นกับเรสเทียร์ทั้งชุดคลุมจนขนแมวติดตัวต้องไปอาบน้ำใหม่อีกครึ่งชั่วโมง...นี่ยังไม่รวมเวลาแต่งตัวอีกนะ

     

    อะไรมันจะขนาดนั้นนะครับเนี่ย !!

     

     ในทันทีที่ออกมาจากห้องได้เป็นผลสำเร็จ ทั้งสองคนจึงแยกย้ายกันไปทำธุระของตัวเองให้เสร็จภายในวันสุดท้ายก่อนเปิดเทอม ธุระของรูลคือต้องตรงไปส่วนกลางของศูนย์ระเบียนนักเรียนในการยื่นเรื่องและทำการยืนยันสถานะนักเรียนระดับพิเศษ...ในวันสุดท้ายทั้งที่เขาเปิดทำการมาเกือบเดือน!

     

    นั่นน่ะแหล่ะรูลของแท้ !! ถ้าให้คิดตามนิสัยของคนคนนั้นแล้วหากไม่จวนตัวจริงหรือใกล้เส้นตายต่อให้ฉุดด้วยช้างก็ไม่มีความคิดที่จะทำ!

     

    ...ส่วนบลิทซ์ ความจริงแล้วตัวเขาเองก็ไม่ได้มีธุระหรือกงการอะไรเป็นพิเศษทั้งนั้นเพราะจัดการเรื่องงานทางองค์กร เอกสารของวันนี้เคลียร์เสร็จเรียบร้อยล่วงหน้าตั้งแต่เมื่อวานแล้วอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เขาว่างจนต้องเดินแกร่วไปมาได้ก็คงเป็นจะเพราะเขาได้ยื่นเรื่องเข้ารับการศึกษาเป็นนักเรียนใหม่ตั้งแต่เดือนที่แล้วในวันเปิดรับวันแรกแถมอาจจะเป็นคนแรกด้วยซ้ำ

     

     ถึงแม้ว่านั่นมันจะเป็นการจัดการอย่างเอาแต่ใจโดยไม่แม้แต่ปรึกษาอะไรก่อนของคนที่เขาเรียกว่าแม่ก็ตามทีเถอะ

     

     ว่าแต่...แล้วนี่เรา จะไปทำรอรูลอะไรดีนะ?” บลิทซ์พึมพำคำถามกับตัวเองระว่างย่างก้าวเดินบนทางเท้าเล็กๆอย่างไร้ที่ไป ชายหนุ่มทำทีไม่สนใจผู้คนขวักไขว่ส่วนทางที่ลอบมองมาทางเขาก่อนจะถูกหลบสายตาทำเหมือนไม่รู้ไม่เห็นเมื่อรู้ว่าถูกคนที่ถูกมองมองกลับ บลิทซ์หลับตานิ่งลอบถอนใจยาวอย่างเหนื่อยหน่ายจากปฏิกริยาคุ้นเคยที่คนอื่นจะมองตนในฐานะของสิ่งที่  แปลกแยกพลางก้าวเดินต่อไปพยายามไม่สนใจกับเสียงที่ซุบซิบที่เล็ดรินเข้าสู่โสตอย่างไม่ตั้งใจ

     

    เบื่อจังไม่มีที่ไหนในเมืองนี้เลยเหรอไงนะที่จะสงบ  

     

    พลันที่ชายหนุ่มได้ละฝีเท้าลงทันทีที่ภาพหนึ่งปรากฏแล่นทันความนึกคิดแม้เจ้าตัวเองก็มิอาจจะปฏิเสธได้ทันและทำความเข้าใจว่าเพราะมีเหตุผลใดถึงต้องเป็นที่นั่น

     

    สวนเอเดน

     

     

     

    แสงเรืองสีทองแห่งดวงสุริยาส่องสว่างลอดตามกิ่งแมกไม้สาขาแห่งต้นไม้ใหญ่มายมากเหลือคณานับ รายเรียงขนาบข้างตามริมทางเดิน กับร่างสูงโปร่งของเด็กหนุ่มเดินหลบเลี่ยงแสงอันร้อนระอุในเวลาเที่ยงใต้ร่มเงาต้นไม้ใหญ่ แสงแดดสะท้อนกระทบกับเกศาสีดำสนิท บลิทซ์ทรุดกายลงนั่งข้างสระน้ำพุที่น้ำใสๆพวยพุ่งขึ้นสู่ที่จนสูงละอองน้ำกระเซ็นไปด้านข้างตามแรงโน้มถ่วงประพรมเส้นผมสีขลับ

     

    เสียงหัวร่อต่อกระซิกของเด็กน้อยที่วิ่งเล่นกันรอบริมสระผนวกกับเสียงดนตรีจากหมู่นกที่ขับขานทำให้รอยยิ้มน้อยๆปรากฏขึ้นบนใบหน้างดงามราวกับเทพาบันดาล บลิทซ์เงยหน้าขึ้นรับลมเย็น รู้สึกสงบอย่างบอกไม่ถูก ต่างจากความรู้สึกอึดอัดตอนที่อยู่ในตัวเมืองลิบลับ เพราะแม้ที่แห่งนี้จะเป็นเพียงสวนสาธารณะเล็กๆที่ไม่เห็นถึงความสำคัญสำรับชีวิตเร่งรีบของคนในเมืองก็ตามแต่

     

    แต่ที่นี่มันก็ทำให้คิดถึงในที่ๆจากมาเสียเหลือเกิน ที่ๆเขาเองคงจะไม่มีโอกาสที่จะได้กลับไปอีกแล้ว หากทำได้ก็คงจะเป็นเพียงแค่ห้วงคำนึงถึง

     

    เจอกันอีกแล้วนะคะเสียงหวานอ่อนโยนเอ่ยขึ้นทักราวกับเรียกสติที่หลบอยู่ในภวังค์ของชายหนุ่มให้กลับมา ทันทีที่ดวงเนตรสีไพลินเปิดขึ้นเขาก็พบบุษบาแสนบอบบาง ดอกไม้ช่อสีม่วงอ่อนจนเกือบเป็นสีฟ้าตัดกับสีขาวนวลจากปลายกลีบจับกลุ่มเป็นช่อเล็กๆ จนเผลอทำให้ชายหนุ่มถูกสะกดในความหลงใหลในความงาม “for get me not มีความหมายตรงตัวว่าอย่าลืมฉัน ค่ะ

     

    ถ้อยคำเสียงหวานที่แสนคุ้นหูอย่างน่าประหลาดทำให้ชายหนุ่มละความสนใจจากดอกไม้อย่างไม่มีเหตุผล บลิทซ์เงยดวงหน้าขึ้นมองหาเจ้าของเสียงอันแสนไพเราะ พลันภาพที่ประจักษ์ในจักษุโสตจะทำให้ชายหนุ่มถึงกับตกใจจนแทบสิ้นสติ

     

    หญิงสาวเรือนผมสีน้ำตาลเข้มจนออกแดง แลคล้ายสีเพลิงกับเนตรสีฟ้าใสสะอาดราวกับสายนที ที่แม้มองผ่านก็พาลจะถูกสะกดด้วยแววตาสีอ่อนโยนคู่นี้ ริบฝีปากบางได้รูปขยับยกขึ้น ใบหน้าสวยหวานถูกแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มอันแสนอบอุ่น

     

     เธอ...คือผู้หญิงคนๆเดียวกับคนที่เขาพบเมื่อวาน

     

    และเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นระสับแม้เพียงเสี้ยววินาทีแรกที่พบ...และคนๆนี้ที่ว่านั้นกำลังยืนยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เขาอยู่เบื้องหน้า…!?

     

    ให้ผมเหรอครับ?” เสียงนุ่มพาลสั่นเครืออย่างบอกไม่ถูกราวกับคำพูดทั้งหมดจะถูกกลืนหายไปในแววตาสีฟ้าใสคู่นั้น

     

    ค่ะ...ฉันคิดว่าดอกไม้ดอกนี้คงจะเหมาะกับคุณเด็กสาวขยับรอยยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตรทำให้เด็กหนุ่มกล้าที่จะเอื้อมมือที่จะเข้าไปสัมผัสดอกไม้ดอกนั้นเปรียบเสมือนกับเป็นมิตรภาพใหม่ที่เธอได้มอบให้กับเขาพลันที่ดวงหน้าจะขึ้นสีชมพูอ่อนๆอย่างไม่รู้ตัว 

     

    นอร์เฟรเซีย...”

     

    เอ๋?” บลิทซ์ร้องอุทานขึ้นอย่างตกใจ เด็กสาวยกมือขึ้นทาบระหว่างอกราวกับเป็นการชี้เฉพาะเจาะจงมายังตนชื่อของไงฉันคะ นอร์เฟรเซีย ครูสเซอร์ ยินดีที่พบกันอีกนะคะ...บลิทซ์ 

     

    เอ่อรู้จักชื่อของผมด้วยเหรอครับ?”  บลิทซ์ถามพลางหลุบตาลงต่ำไม่กล้ามองตรง รู้สึกใจเต้นแปลกๆอยากบอกไม่ถูก นอร์เฟรเซียเลิกคิ้วเรียงเหนือดวงเนตรสีน้ำขึ้นก่อนจะสาวเท้าไปใกล้พลางหย่อนกายลงนั่งข้างๆชายหนุ่ม

     

     ก็เราเคยเจอกันมาก่อนนี่คะ  นอร์เฟรเซียพูดน้ำเสียงหวานฟังดูร่าเริงก่อนจะขยับรอยยิ้มจางๆให้ร่างสูงข้างๆ

     

    เคยเจอที่ร้านเมื่อวานสินะ? แล้วรูลก็เรียกชื่อของเรา

     

    เอ๋ร้าน…?!

     

    อ๊ะ! ว่าแต่ไม่ต้องเฝ้าร้านเหรอครับ?” บลิทซ์เอ่ยเปิดประเด็นคำถามด้วยน้ำเสียงซื่อก่อนจะต้องชะงักลงด้วยความไม่เข้าตัวเองว่าจะถามคำถามไร้สาระอย่างนี้ไปทำไม นอร์เฟรเซียไกวขาเรียวยาวาพลางอมยิ้มน้อยๆอย่างรื่นเริง

     

    อ๋อร้านนั้นไม่ใช่ร้านของฉันหรอกค่ะแค่ไปช่วยดูแลร้านแทนเจ้าของเท่านั้นเอง เรียกง่ายก็ทำงานพาร์ทไทม์น่ะค่ะ เด็กสาวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงร่าเริงจนเกือบจะเป็นหัวเราะ อ๊ะ!แต่ว่า ไม่ใช่แค่เท่านั้นนะคะฉันยังทำงานที่ร้านอาหาร ช่วยงานร้านขายของเอย ช่วยคุณพ่อดูแลโบสถ์ อ๊ะ!อันนี้ไม่แน่ใจว่าจะเรียกว่าพาร์ทไทม์ได้หรือเปล่านะคะแต่ว่าก็ได้เงินนะ แล้วนอกจากนี้ก็…”

     

    เธอว่าพลางไล่นับนิ้วตามคำพูดก่อนจะชะงักนิดหนึ่งด้วยรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นอ่อนโยนแต่ก็เจือกระแสของความเศร้าเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยมดูแลเด็กกำพร้าค่ะ

     

    ...คุณบลิทซ์เอ่ยขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเด็กสาวดูเงียบลง นึกสงสัยว่าเช่นใดรอยยิ้มแสนสดใสเมื่อครู่จึงจางหายไป ถึงแม้จะแปลกใจตัวเองอยู่ไม่หายว่าทำไมถึงต้องสนใจในเรื่องของคนแปลกหน้ากันด้วยนะ ? ทั้งที่ปรกติก็ไม่เคยเป็นแบบนี้เลยสักครั้งเพราะอะไรกันนะไม่เข้าใจเลย

     

    อ๊ะ!!” เสียงใสร้องขึ้นดันพลันทะลึ่งตัวลุกขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ด้วยอารามตกใจจนทำให้ชายสูงศักดิ์ลื่นไถลลงแถมยังพลาดทำเอาศีรษะไปโขกกับขอบสระน้ำพุที่เขาใช้ต่างที่นั่งไปอีกต่างหาก

     

    โอย…”เสียงนุ่มร้องครางสบถถ้อยคำแทนความเจ็บปวดพลางคลำศีรษะป้อยๆตามนิสัย ทำตัว...ซุ่มซ่ามให้คนอื่นเห็น...อีกแล้วสิ...เรา...

     

    น่าขายหน้าชะมัด...

     

    อ๊า!!! เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ขขอโทษค่ะนอร์เฟรเซียร้องลั่นก่อนทรุดกายลงนั่งชันเข่าขนาบข้างชายหนุ่มที่ถึงเขาจะซุ่มซ่ามขนาดไหนแต่การล้มอย่างเสียท่าแบบนี้น่ะไม่เคยมีใครได้เห็นเลยสักคนนอกจากเจ้าเพื่อนสมัยเด็กคนเดียว

     

    ขอโทษผมทำไมครับคุณไม่ได้ผิดนี่ครับ? ” บลิทซ์เอ่ยประสาซื่อก่อนจะลุกขึ้นโดยการประคองจากหญิงสาว พลางขยับมือลงปัดฝุ่นที่เกาะอยู่ตามเนื้อผ้าสีดำสนิท ก่อนจะทำทีโล่งใจเมื่อเหลียวมองดอกไม้ที่ได้รับมอบมายังคงอยู่ในสภาพดีว่าแต่เป็นอะไรไปครับร้องซะดังเชียว?

     

    พอดีนึกขึ้นได้น่ะค่ะว่ามีธุระนอร์เฟรเซียเอ่ยพลางตรวจสภาพภายนอกของบลิทซ์ราวกับเป็นสิ่งบอบบางที่กลัวว่าจะแตกสลายเอาง่ายๆ

     

    ผมไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอกครับไม่ต้องห่วงหรอกราวกลับชายหนุ่มจะอ่านใจออกหรือไม่ก็อาจจะเป็นเพราะประสบณ์การณ์ที่เขาเคยเจอมามากทุกทีสินะ...ไม่ว่าใครก็เห็นว่าเราเป็นสิ่งที่ต้องได้รับการปกป้องเสมอๆทั้งๆที่เราต่างหากที่อยากจะเป็นฝ่ายที่ได้ปกปกป้อง...

     

    ปกป้องคนสำคัญ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×