ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Until The End Of Time

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 1 Before Crisis ตอนที่ 1 สายชลแห่งนภาที่หลั่งรินบนเปลวเพลิง(2/3)

    • อัปเดตล่าสุด 26 ต.ค. 50


                        
                        ทุกสิ่งเลื่อนผ่านตามความเป็นจริงของกาลเวลามีเพียงแต่ความรู้สึกของคนที่ยังติดอยู่นิ่ง…หากเทพแห่งกาลเวลาก็มิอาจจะพรากพาไปได้ แม้ตัวของเราเองยังไม่รู้เลยว่าปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปนานเท่าไร่แต่ถึงอย่างนั้น…เพียงแค่ชั่วเสี้ยววินาทีเท่านั้น  เสี้ยววินาทีที่เรารู้สึกอยากจะ…แลกทุกสิ่งทุกอย่างที่มีในชีวิตเพื่อยืดระยะเวลาออกไป…ให้นานเท่าที่สุด…

     

              “ ดอกไม้ค่ะ ทั้งหมด 140  เครนส์ ฉันลดให้น่ะ   เสียงหวานใสกับรอยยิ้มอบอุ่นของคนที่ถูกมองเป็นนางฟ้าเอ่ยขึ้นแทรกราวกับว่าเทพแห่งเวลาต้องการคืนสติที่หลุดลอยไปให้กับผู้หลงทาง

     

    “เอ๋?รูล…นี่นาย!” บลิทซ์ร้องน้ำเสียงนุ่มๆเปล่งออกมาในความหมายกึ่งๆตกใจกึ่งไม่เชื่อว่าคนที่ตั้งแต่เด็กไม่เคยสนใจพวกพืชไม้ใบหญ้าอย่างรูลจะมาซื้อดอกไม้

     

    “อะไรกันน่ะบลิทซ์ ก็ฉันบอกนายแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะซื้อดอกไม้น่ะ" รูลพูดอย่างคนรู้ทันในความคิดของบลิทซ์ในฐานะของคนรู้จักกันนาน “นี่...ว่าแต่พ่อบุญทุ่มฉันขอร้องอะไรหน่อยสิ?”

     

    “ครับ...อะไรเหรอครับ?”  ชายหนุ่มเอ่ยนัยน์ตาสีน้ำเงินฉายแววที่เต็มด้วยความสงสัย  รูลกุมมือสองข้างของ บลิทซ์เอาไว้ยกขึ้นมาระดับอกก่อนที่เจ้าตัวจะก้มศีรษะตัวเองลงแนบกับมือเรียวงามคู่นั้น

     

    “ออกเงินให้หน่อยสิคร้าบ…”  น้ำเสียงขี้เล่นเอ่ยเป็นเชิงขอร้องและอ้อนลูกถีบจากคนที่เป็น ‘พ่อบุญทุ่ม’ รูลเงยหน้าขึ้นมองส่องสายตาเจือประกายร้องขอความเห็นในสุดฤทธิ์เพราะกระเป๋าเงินแห้งจนไม่ติดก้นกระเป๋าอันว่างโบ๋เบ๋ จนทำเอาบลิทซ์ที่มองอยู่ถอดหายใจเฮือกใหญ่อย่างนึกปลงระหว่างกำลังแซะมือตุ๊กแกของรูลออกเพื่อที่จะหยิบกระเป๋าสตางค์

     

                 ถ้ารู้ว่าไม่มีเงินจะจ่ายแล้วจะซื้อทำไมล่ะครับเนี่ย ?!

     

    “ 140 สินะครับ นี่ครับ...เอ่อ เครดิตการ์ดได้ไหมครับชายหนุ่มว่าเมื่อเห็นว่าเด็กสาวร่างบางพยักหน้ารับเขาจึงยื่นบัตรเครดิตให้ส่งให้อย่างไม่รีรอ พลันกระถางที่มีดอกไม้สีขาวชูช่อออกดอกอย่างงดงามห่อด้วยแผ่นพาสติกผูกโบว์สีชมพูรอบคอกระถางได้ลงสู่มือของเขาไวพอๆกับที่บัตรเครดิตถูกฉวยไปรูด บลิทซ์รับมาอย่างเก้ๆกังๆระคนกลัวว่าความซุ่มซ่ามที่ติดตัวมาแต่เกิดจะทำมันตกแตกเอา

     

    นี่ค่ะ White Daisy วิธีปลูกก็คือให้เราเลี้ยงในที่แดดอ่อนๆแล้วก็อย่ารดน้ำเยอะนักนะคะเดี๋ยวรากมันจะเฉาเอาหมด อ้อ!แต่ถ้าทำกระถางตกแตกล่ะก็ไม่ต้องทำตามที่บอกเมื่อกี๊นี้นะคะอย่างแรกให้เอามาเปลี่ยนที่ร้านด่วนๆเลยเดี๋ยวจะไม่ได้ปลูกเอานะคะ” หญิงสาวว่ายื่นบัตรเครดิตคืนพร้อมๆกับส่งใบสลิปให้เซ็นพลางเอ่ยแนะวิธีปลูกดอกไม้คล้ายรู้ว่า ‘คนซื้อ’ ต้องไม่รู้วิธีปลูกและ ‘คนออกเงิน’ จะทำกระถางดอกไม้ตกแตกก่อนเอาได้เอาไปปลูก...

     

    ขอบคุณครับบลิทซ์รับคำดวงหน้าคมคายที่ออกจะหวานไปนิดขึ้นสีระเรื่อระหว่างเซ็นสลิปก่อนจะหันไปหารูลที่ตั้งท่าหัวเราะกับท่าทางที่เลิ่กลั่กของเขา ดวงมณีสีน้ำเงินค้อนรูลจนตากลับอย่างไม่ใคร่พอใจ บลิทซ์ยื่นใบสลิปส่งให้ร่างบางก่อนจะคว้าคอเสื้อเจ้าเพื่อนตัวดีที่เตรียมตัวจะหนีจรลีกลับไปยังที่พักก่อนที่จะเกิดการฆาตกรรมตรงนี้

     

    ไม่ต้องมาทำเป็นหัวเราะเลยนะ!

     

     

    ผมกลับมาแล้วครับ เรสเทียร์ เสียงนุ่มเอ่ยทักเจ้าแมวน้อยสีขาวสะอาดดวงเนตรสีฟ้าหม่นที่นอนอยู่ข้างหน้าต่างบลิทซ์อุ้มขึ้นมาอย่างเบามือก่อนจะไล้ไปตามขนนุ่มสวยของมันเบาๆ พลางทอดสายตามองท้องฟ้าเวลาย่ำค่ำที่ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้มราวกับเจือพู่กันระบายอย่างช้าๆ ตามเแสงสลัวยามโพล้เพล้ของดวงอาทิตย์ได้ลับหายไปยังเส้นสุดฟ้า

     

    พระจันทร์สีนวลค่อยๆลอยขึ้นมาแทนที่พร้อมกับเหล่าดวงดาวดวงน้อยดาดดาเป็นประกายระยิบระยับราวกับหิ่งห้อยที่บินขึ้นไปยังแผ่นกระดานฟ้า แว่วเสียงหริ่งเรไรจากเหล่าแมลงที่กรีดเสียงดังระงมไปทั่วราวกับต้องการดับความเงียบเหงาของราตรีกาล

     

    ดวงมณีสีไพลินละสายตาที่ทอดมองความว่างเปล่าของหมอกมืดที่ค่อยๆเคลื่อนคล้อยตามธารลมมาบดเบือนแสงนวลอบอุ่นของดวงจันทร์ บลิทซ์หรี่ตาลงก่อนดวงตาจะปิดสนิท ศีรษะพาดพิงกับขอบหน้าต่างสลักราวกับปลดเปลื้องความอ่อนล้าที่สั่งสมมาทั้งวันให้ออกไปจากร่างกาย ปล่อยให้ความคิดไร้สาระทั้งหลายผ่านเข้าสู่สมองไปอย่างเนิบนาบ

     

                    วันมะรืนนี้แล้วสินะ?

     

                    เขายังจำได้ดีใช่ ยังจำได้ถึงวันนั้นเมื่อสองเดือนก่อน วันที่สิ่งนั้นมาถึง...อย่างที่คาดเอาไว้ แม้ว่าคนอื่นจะมองเห็นว่ามันเป็นสิ่งล้ำค่าและใฝ่ฝันที่จะได้ครอบครองคำสรรเสริญว่าเป็นคนที่ถูกเลือก  แต่สำหรับตัวเขาแล้วสิ่งล้ำค่าสิ่งนั้นมันกลับเป็นเหมือนใบบอกล่วงหน้าถึงวันประหาร

     

    เมื่อวันที่รู้...อันที่จริงก็รู้มาตั้งนานแล้วว่าจดหมายเรียกตัวเพื่อเป็นคัดเลือกนักเรียนของโรงเรียนที่เป็นเลิศทั้งศาสตร์ของเทคโนโลยีและอำนาจแห่งเวทมนตร์ สถาบันที่เชื่อว่าได้ผลิตบุคคลากรชั้นยอดขึ้นมาเพื่อถูกเลือกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรระดับโลกองค์กรรูน

     

    ...โรงเรียนวัลฮัลลา...

     

    วัลฮัลลาคือโรงเรียนที่ปูรากฐานอันยิ่งใหญ่แห่งรูนโรงเรียนที่ถูกเรียกว่าเป็นดั่งสวรรค์ สถานที่มนุษย์สามัญที่ไม่ใช่ผู้ถูกเลือกมิอาจเอื้อม

     

    หากแต่เมื่อสิ่งนั้นมาถึงมือของเขาก็ราวกับว่าอิสรภาพอันน้อยนิดที่เคยมีได้ดับสิ้นลง ใช่ เพราะมันถึงเวลาแล้วไงล่ะ

     

                 เวลาของตัวหมากตัวหนึ่งที่ถูกเก็บเอาไว้ ได้ออกไปเล่นเกมส์แห่งโชคชะตา

     

    ทั้งที่มันเป็นเหตุผลและทางเลือกที่ดีที่สุดสำรับชีวิตของเขา ใช่ถ้าหากเขาเป็นเพียงแค่คนธรรมดา เป็นแค่นักเรียนระดับชั้นม.ปลายธรรมดาๆไม่ใช่คนในตระกูลซีซัส ไม่ใช่คนที่ต้องเดินบนเส้นตรงที่ขีดไว้บนความหวังของทุกคนที่มองเขาราวกับเป็นเจ้าของชีวิตแบบนี้

     

    และถ้าเขา...ไม่ใช้ผู้นำองค์กรรูนคนปัจจุบันแล้วล่ะก็...

     

    เราก็แค่อยากจะเป็นคนธรรมดา  ไม่ต้องเกิดมามีภาระที่มากเกินจะแบกรับไหวก็เท่านั้น

     

                    แม้อยากจะหลีกเลี่ยงอยากจะหลบหนีสักเท่าไรก็ไม่อาจจะทำได้เพราะนั่นคือชะตากรรมของเขาชะตากรรมที่ต้องแบกรับทุกสิ่งทุกอย่างไว้บนบ่าทั้งสองโดยมิอาจจะแบ่งให้ใครคนใดได้แม้แต่เพื่อนคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตเองก็ตาม

     

                    บลิทซ์…” เสียงเรียกที่แสนคุ้นหูดังขึ้นราวกับเรียกสติที่หลุดลอยเข้าสู้ห้วงนิทราของชายหนุ่มให้กลับมา ดวงตาสีน้ำเงินไพลินเปิดขึ้นอีกครั้งแม้จะยังคงเบลอๆอย่างคนที่วิญญาณเพิ่งเข้าร่างแต่บลิทซ์ก็หันกลับไปมองหาต้นเสียงตามสัญชาตญานที่มี

     

                    โดยหารู้ไม่เลยว่ามีอะไรบางอย่างรอเขาอยู่!!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×