ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Zodiac พ่อมดฝึกหัดกับภูติจักรราศี

    ลำดับตอนที่ #2 : Nightmare 01 : Red Light

    • อัปเดตล่าสุด 9 ธ.ค. 52




    ������� "ศัตรูมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของตึกรัฐสภาแล้วค่ะ" น้ำเสียงหวานในโทนเกือบเรียบเฉยพูดกรอกเครื่องมือสื่อสารชนิดหูฟังติดแนบกับใบหู ปลายนิ้วเรียวเล็กที่โผล่พ้นจากชายแขนเสื้อขนเฟอร์ยาวกร่อมนิ้วของเด็กสาวเรือนเส้นผมสีเทาสั้นระต้นคอดึงฮู้ดสีดำทรงหูกระต่ายให้กระชับกับศีรษะระหว่างที่เธอกำลัง...กระโดดจากตึกอีกฝั่งหนึ่งไปบนดาดฟ้าของตึกที่อยู่ใกล้เคียงกัน�

    ������ "ตอนนี้เป้าหมายเคลื่อนย้ายตัวเองอยู่ในทิศสี่นาฬิกาแล้วค่ะและอยู่เหนือทาวเวอร์ในทิศหกนาฬิกาจากจุดที่ท่านอยู่...ไม่ทราบว่าท่านเซลีนจะให้เจนี่..."

    �������"เซลีน!!�เจมี่ผ่านร้านแมคฯ ด้วยแหละ!�เซลีนอยากกินแมคฟิชไหมเดียวเจมี่ซื้อไปฝากนะ" ยังไม่ทันที่เจนี่จะได้พูดอะไรต่อเสียงของอีกคนจากอีกสายการสื่อสารก็ร้องแทรกขึ้นมาเสียดื้อๆ จนเรือนร่างเล็กเส้นผมสีทองต้องยกโทรศักพ์มือถือออกห่างจากหูด้วยความดังอันเกินมาตาฐานเดซิเบลที่มนุษย์สามารถรับได้

    ������� "ไม่ดีกว่า..."�เจ้าของดวงตาสีมรกตในชุดปกกระลาสีระบายขอบด้วยลูกสีฟ้าน้ำทะเลเอ่ยพูดสายลมแรงๆ กรอกผ่านโทรศัพท์มือถือจากการที่นั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ช็อบเปอร์รอบลอนดอน เซลีนทำหน้านิ่วขมวดคิ้วเล็กน้อยราวกับนึกอะไรบางอย่าง "ฉันอยากกินทาวเวอร์ชีสเบอร์เกอร์แบบพิเศษเพิ่มชีสสามเท่ามากกว่า"

    ������� "โอเคงั้นเจมี่จะซื้อไปนะ" เจมี่รับคำแต่ในระหว่างที่สาวน้อยผมสีเทาในชุดเฟอร์หูกระต่ายสีชมพูหวานแหววที่นอกจากจะแต่งตัวเหมือนกับเจมี่แล้วหน้าตายังเหมือนกันชนิดไม่กระดิกหนีกันจะกระโดดลงจากดาดฟ้าตึกของโรงแรมลงมาที่ร้านแมคโดนัลล์ที่อยู่ตรงหัวมุมนั้นเอง

    ��������ปัง!

    ������� เสียงรัวกระสุนดังรอดผ่านจากปากกระบอกปืนรูเกอร์ทั้งสองกระบอกที่อยู่ในมือ...แม้จะไม่รู้เจ้าหล่อนแกไปชักขึ้นมาตอนไหนแต่ก็จังหวะเหมาะเหมงกับที่เงาตระคุ่มด้านหลังจะกระโจนเข้าใส่แบบเผาขน

    ������ ร่างเงาตะคุ่มนั้นล้มลงในที่แสงส่องผ่านเผยให้เห็นถึงลักษณะร่างกายที่ผิดแผก...ทั้งที่ร่างกายนั้นดูไม่ได้แตกต่างอะไรกับมนุยษ์หมาป่าที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปแถบชนบทของอังอังกฤษอย่างซอร์เมเซสแต่กระนั้นแล้ว...ฉไหนเลยเล่าเเขนเจ้าหมาป่าตัวนี้ดันมีปีกค้างคางอกเป็นพังพืดออกมาจากต้นแขนจนถึงข้อมือด้วย?

    ������ "โอ๋ยโย๋..." เจมี่ส่งเสียงอุทาน เด็กสาวห่อริมฝีปากพลางขมวดคิ้วแน่น "ไปยิงใส่ของแปลกๆ เข้าซะแล้วสิ"�

    ������ เจมี่รัวกระสุนอัดเข้าท้องหมาป่าแดร็คคิวล่าโดยไม่รอให้อีกฝ่ายลุกขึ้นยืนเป็นที่เรียบร้อยจนเลือดจะไหลโจ๊กไหลย้อยออกมาจากท้องน้อย...เอาเป็นว่าท่าทางท่านจะมีกระสุนอยู่เต็มกระเพาะแล้วสินะ

    ������ และแล้วคุณหมาป่าที่น่าสงสารก็ล้มลงอีกครั้งทั้งๆ ที่เพิ่งจะลุกขึ้นมาไม่ถึงสามวินาที!

    ������ "โทษทีน้า...แต่เจมี่จะไปซื้อแมคฯน่ะ...เล่นด้วยนานไม่ได้หรอก" เด็กสาวพูดพลางขยิบตายกมือประกบกันเป็นเชิงขอโทษดูน่ารักน่าชังหาก...มันใช่เวลาทำตัวอาโนเนะอย่างนี้ไหมเล่า!

    ����� เจมี่หันหลังกลับอย่างไม่ใส่ใจร่างที่ล้มอยู่บนพื้นและทันทีกับที่ร่างเล็กจะกระโดดลงโดนมีเป้าหมายเป็นร้างอาหารฟาสฟู้ดชื่อดังตามที่ตั้งใจไว้แต่แรกแต่พลันไม่ทันที่จะได้ไปสาวเจ้าก็ถูกร้งไว้ด้วยจากสายลมแรงที่พ่งตรงมาจากตึกทางด้านหลังกระแสงแสงแปลบปลาบสีเงินกระหวัดผ่านใบหน้าไปเพียงเสี้ยวกลิ่นไอ

    ����� พร้อมกับร่างของเด็กสาวที่มีใบหน้าเหมือนกับไม่มีผิดยืนขนาบข้างในชั่วพริบตา!

    ������ "ประมาทเกินไปนะเจมี่..." ร่างผอมบางเอ่ยกล่าวสายลมสีเงินค่อยๆ คลี่คลายจนสงบนิ่ง เจมี่ขมวดคิ้วบางเล็กน้อยยามที่ร่าง...อันที่จริงน่าจะเรียกว่าอดีตร่างของหมาป่าพันธ์ผสมข้ามสายเลือดกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยร่วงตุบลงมากับพื้น "ท่านเซลีนเคยบอกว่าเวลาตีงูต้องตีให้ตาย...เอ๋...?" เมื่อพูดได้แค่นั้นเด็กสาวก็ต้องชะงัก

    ������� "แต่นี่ไม่ใช่งูนี่นา" เจนี่พึมพำเสียงสีหน้าของเด็กสาวเหมือนคิดหนักอย่างรุนแรงระหว่างการที่โบราณบอกว่าต้องเป็น 'งู' แต่ไอ้ที่เธอลงดาบไปนั้นมันเป็น 'ตัวอะไรก็ไม่รู้' แล้วดันมาพูดว่าเป็น 'งู' ทั้งที่ไม่มีส่วนไหนให้ดูเป็นงูเลยสักนิด

    ������ "อ๋า!! ต้องถูกท่านเซลีนดุแน่เลย" เจนี่ทรุดตัวลงเอามือกุมหัวตัวสั่นหงึกๆ "แต่มันไม่มีสำนาวบอกว่าเวลาตีอมนุษย์ต้องตีให้ตายนี่นา...ถึงปรกติจะต้องฆ่าให้ตายก็เถอะแต่..."

    ������ "โอ๋ๆ ไม่เป็นไรหรอกแค่เจนี่พูดผิดเท่านั้นเอง...เซลีนไม่ดุหรอก"�ฝาแฝดสาวเอ๋ยปลอบพลางลูบหลังป้อยๆ "แต่จะว่าจะถูกดุก็อีตรง..." เจมี่ชะงักคำที่พูดเล็กน้อยเมื่อปรายสายตามองก้อนเนื้อของอดีตอมนุษย์ที่ถูเจนี่ฟันเป็นเศษเป็นเสี้ยวขนาดที่เอาไปขายโรงชำแหละไม่ได้ราคานั้นค่อยๆ...

    ������ กลับมารวมตัวเป็นสภาพเดิมอีกครั้ง

    ������ "ไม่ทำให้มันตายจริงๆ จังๆ สักทีเนี่ยน่ะสิ" เจมี่คลี่รอยยิ้มบนใบหน้าสวยก่อนจะสาดรัวยิงกระสุนจากปากปืนรูเกอร์ทั้งสองกระบอกในมือ เด็กสาวกระบัดฮู้ดหูกระต่ายลงก่อนจะสะบัดหมุนตัวเหวี่ยงหวดสันปืนกระแทบคางมนุษย์หมาป่าเสียงจนหงายค้าง เลือดแดงนองทะลักออกจากริมฝีปากกระเซ็นสาดเปื้อนดวงหน้าขาว

    ��������เจมี่ยกปลายแขนเสื้อปาดเช็ดพวงแก้มเนียนที่เปรอะคาบเลือดเป็นทางยาวดวงตาคู่กลมเปล่งประกายเอาเรื่อง

    ������ "มาทำให้หน้าของเลดี้สกปรกแบบนี้...ให้อภัยไม่ได้!!!" แล้วเสร็จฝ่านเท้างามๆ ก็อัดกระแทกเข้าตรงจุดเดิมกับที่ถูกรูเกอร์สุดแสนจะหนักอึ้งกระแทกไปเดี๊ยะๆ�

    ����� แล้วที่สำคัญกว่านั้นคือ...ส้นรองเท้าบู้ทมันหนาได้สักสองนิ้วเศษๆ

    ����� "ใจร้ายที่สุดเลย!!!" เจมี่ทรุดตัวลงไปนั่งร้องไห้ตะโกนโวยวายอย่างกับเด็กเล็กๆ น้ำตาเม็ดใหญ่ไหลรินออกจากดวงตาคู่กลมของคนเอาแต่ใจ "เซลีนอุตส่าซื้อรองเท้าคู่นี้ให้แท้ๆ เปลื้อนเลือดหมดเลยใจร้ายที่สุด!!"

    ������ แต่ถ้าจำไม่ผิดเธอเอาส้นเท้าไปฟาดปากอมนุษย์ตัวนั้นเองนะ

    ������ เจนี่ที่อยากจะอ้าปากพูดอย่างนั้นแต่พอให้อาการเหมือนเด็กสามขวบที่เพิ่งถูกแย่งของเล่นของฝาแฝดแล้วก็เลยต้องจำใจปิดปากนิ่งเงียบไว้เสียจะดีกว่า�เด็กสาวในชุดดำสะบัดปลายแขนเสื้อขนเฟอร์ที่มีดาบเล่มยาวโผล่พ้าออกมาให้ถนัดมือก่อนที่เธอจะตัดสินใจกระโดดขึ้นสูงแล้วปักคมมีดแทงเข้าปากของอมนุษย์ตนนั้นจนออกอีกทาง

    ������ เมื่อปลายเท้าแตะลงถึงพื้นเธอก็ชะงัดมือลงเล็กน้อยเหมือนกับจะชั่งใจว่าตนควรจะทำยังไงต่อแต่แล้วก็ตัดสินฃนใจได้ง่ายๆ คือ...

    ����� ดึงออกมาตรงดาบออกมาตรงๆ�อย่างนั้นแหละ
    ��
    ����� "อุหวาว...เจนี่เท่ห์จัง!" เจมี่กล่าวชมพลางปรบมือแปะๆ ไหวขาไปมาอย่างอารมณ์ดีทั้งที่สองข้างแก้มยังมีคราบน้ำตาอยู่ส่าวนเจนี่ก็โค้งตัวรับคำชมด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย

    ������ "จะชมก็ดีใจอยู่นะ..." เสียงใส่เอ่ยโทนเดียวกับใบหน้า "แต่ว่าจะจัดการยังไงกับก่อนเนื้อเดินได้นี่ดีล่ะ?" ดวงตาคู่กลมหรี่ลงปลายนิ้วยาวชี้สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของตัวเอง...สภาพร่างของมนุษย์หมาป่าที่แตกต่างจากกบที่ถูกชะแหละในชั่วโมงกายวิภาคไม่เท่าไร่สยายกางปีกค้างคาวของตนเองทะยานบินขึ้นบนท้องฟ้า

    ����� ได้กลิ่นของคาวเลือดกระจายฟุ้งกับหัวใจก้อนโตที่ยังเต้นตุบๆ สภาพปอดทั้งสองข้างที่กระเพื่อมตามแรงของลมหายใจปะปนได้ด้วยเลือด ก้อนเนื้อและเส้นเอ็นนั้นค่อยๆ ตะเกียกตะกายชอนไชตัวเองให้เข้าประสานกันจนเป็นเนื้อเดียวเพื่อรักาสภาพร่างแหลกเหลวเป็นชิ้นๆ ให้กลับเข้ารูป

    ������ เจมี่ขยับเสียงถอนหายใจยาวเหยียด

    ������ "ตายยากตายเย็นจังเลยแหะ...แล้วอยากนี้เจมี่เมื่อไร่จะได้กินแมคฯสักทีล่ะ!!" เจมี่ร้อง ยันตัวเองลุกยืนไวพอๆ กับที่กระโดดตัวขึ้นและเร่งการเคลื่อนไหวของตัวเองให้เร็วเทียบเท่ากับจังหวะการกระพือปีกของอมนุษย์ตัวนั้น เรือนร่างเล็กปราดตัวเข้าประชิด กดปากกระบอกปืนทั้งคู่เข้ากับหน้าท้องของอีกฝ่ายพร้อมกันนั้นก็ลั่นไกปืนระรัวจนปลอกกระสุนดีดออกมาทางด้านข้างเป็นจำนวนมากจนเหมือนกับสาดเท

    ����� ร่างของอมนุษย์ที่ถูกยิงและบาดแผลที่รับจากการถูกโจมตีฝ่ายเดียวอย่างสะบักสะบอมร่วงลงกับพื้นพร้อมๆ กับที่หน้าหลังถูกปลายคมดาบและปากกระบอกปืนรูเกอร์ทั้งสองจ่อประชิดจนไม่แม้แต่จะสามารถกระดิกตัว

    �������ภารกิจเสร็จสิ้น...

    ������ ซะที่ไหนล่ะ!!!

    �������"กรร!!!"

    ������ มนุษย์หมาป่าขยับยืดแขนออกไปจนสุดราวกับรอคอยโอกาส มันกางกรงเล็บแหลมคมตะบบเข้าที่ศีรษะของเด็กสาวทั้งสองก่อนจะกดกระชากลงกับพื้นดานฟ้าเย็นเฉียบอย่างรุนแรงจนกระไอฝุ่นควันจากเศษซากซีเมนท์ที่แตกละเอียดฟุ้งกระจาย

    ���������เสียงคำรามดังในโสตประสาทชวนหลอนในหูอย่างบอกไม่ถูก น้ำลายเหนียวไหลหยดย้อดลงกับพื้นเฉียดไปหน้าไปไม่ถึงเซนติเมตร ปลายเล็บแหลมคมจิกแน่นเข้าไปในศีรษะจนเลือดไหลซึมออกมาจนโทรมไปทั้งร่าง เจนี่ปรือดวงตาเหลือบขึ้นมองใบหน้าของอมนุษย์ตนนั้นด้วยสายตาที่พร่าเลือนเต็มทน

    ������ เลือดเข้าตาแล้วสิ...

    ������ "ราชาวายุอันแสนกราดเกรี้ยวเอ๋ยจงฟังคำสั่งจากริมฝีปากข้า!!!"�น้ำเสียงเฉียบขาดลอยแว่วดังเข้ามาในหูพร้อมกับสายลมรุนแรงกรรโชกพัดกวาดทุกสรรสิ่งรอบตัวซัดร่างของหมาป่าจนต้องปล่อยมืออกจากศีรษะของฝาแฝดทิ้งอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ควันฝุ่นพัดกระเด็นเข้าตาจนเกินม่านทำใหมองไม่เห็นไปชั่วครู่

    ������ ทันทีที่ลมสงบจนหยุดนิ่งกระไอร้อนแผดเผาก็ตามเข้าซ้ำ เมื่อสายลมทั้งหมดแปรเปลี่ยนเป็นลูกธนูเพลิงแหลมคมนับสิบพร้อมใจเคลื่อนไหวตัวเองด้วบความเร็วสูงโดยมีเป้าหมายตรงจุดเดียวกัน...ซึ่งนั่นก็คือร่างของอมนุษย์ตนนั้น
    ��������
    ������ ลูกธนูแยกกันกดตรึงร่างของหมาป่าตัวนั้นอย่างรู้ตำแหน่งและหน้าที่ทั้งข้อมือซ้ายขวาไล่เลยจนถึงพังพืดปีกค้างคาว เอ็นข้อเท้าทั้งสอง หน้าท้องและตรงจุดสุดท้ายที่กลางคอในจุดหลอดลม

    ������ เมื่อหลุกพ้นจากกรงเล็บคมดวงตาของคนทั้งสองแทบจะพุ่งเป้าไปในจุดๆ เดียวกันทันทีโดยไม่ทันได้นัดหมาย

    ������ ที่อยู่บนยอดของตึกฝั่งตรงข้าม

    ������� เส้นผมสีทองสะท้อนกับแสงจันทร์ดวงกลมจนส่องประกายสว่างพริ้วไหวไปตามสายลมแรงที่เริ่มซาตัวกลับเป็นปรกติ ดวงตาคู่กลมโตสีเขียวมรกตดูไร้เดียงสาหากแต่กลับไม่เก็บซ่อนความหยิ่งผยองที่มีอยู่ในตัว�เด็กชายตัวน้อยๆ ในชุดเสื้อปกกระลาสีขาสั้นสีเขียวอมฟ้าระบายขอบด้วยลูกไม้ฟูพ่องสีดำสนิทเข้ากับผ้าคลุมและหมวกทรงสูงแหลมสีเดียวกันที่เจ้าตัวใส่ได้เป็นอย่างดี เคียงข้างกันนั้นก็ยังพบชายหนุ่มในชุดสูทสไตล์พ่อบ้านตะวันตกสีดำทั้งตัวเว้นเพียงแต่ริบบิ้นที่ผูกที่คอเท่านั้นที่เป็นสีแดงเช่นเดียวกับดวงตาทั้งสองข้าง เขาลดคันธนูที่อยู่ในมือลงพร้อมกับขยับยิ้มให้อย่างสุภาพ

    ������ แม้ว่ายิ้มนั้นเกือบจะทำให้ฝาแฝดเกิดความคิดว่าอยากบาดเจ็บจนต้องยอดน้ำข้าวหลายๆ�วันเพราะมนุษย์หมาป่าตนนั้นยังจะดีซะกว่า

    ������ "ช้าเป็นบ้า!!!" น้ำเสียงเล็กร้องตะโกนลั่นแม้จะมาจากฝั่งตรงข้ามของตึกแต่กลับดังราวกับตะโกนใส่โทรโช่งข้างๆ หู เด็กชายวาดท่อนแขนเท้าเอวพร้อมกับเหวี่ยงไม้เรียวทรงยาวที่อยู่ในมืออย่างอวดดีแล้วสั่นศีรษะ "นึกว่าจะเป็นอะไรไปแล้วซะอีก...นี่ฉันไม่ได้บอกว่าเป็นห่วงอยู่หรอกนะ!!"�

    ����� เด็กชายพูดแล้วชะงักลงพร้อมกับปิดปากของตัวเองทันที

    ����� "คุณหนูครับคำพูดที่มีประโยคปฏิเสธเสร็จสรรพในตัวแบบนั้นมันน่าสงสัยนะครับ" ชายหนุ่มเรือนเส้นผมสีดำขลับกล่าวซ้ำพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะเล็กน้อยในลำคอก่อนร่างสูงจะย่อตัวลงช้อนร่างบางขึ้นมาอุ้มแนบกับอกแล้วกระโดดไปยังตึกฝั่งตรงข้ามมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเจมี่และเจนี่พอดี

    ������ "เงียบไปเลยน่าเฟร!!" คุณหนูผมทองหรือก็คือเซลีน ไอวอลซ์ร้องอย่างเดือดดาล ดวงหน้าอ่อนเยาว์ขึ้นสีแดงจันแต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากค้อนตาใส่เจ้าคนตัวสูงกว่าสวิงใหญ่ๆ เซลีนถีบตัวเองลงมาจากอ้อมอกของเฟรแล้วทรุดตัวลงหน้าของสองสาว ริมฝีปากบางพึมพำคาถาภาษาโบราณในขณะที่มือก็วาดตราสัญลักษณ์บางอย่างที่คล้ายกับรูปคนคู่...ตราประจับราศีเมถุน 'เจมินี่'

    ������ เจมี่และเจนี่หลับตาลงรับรู้ถึงไออุ่นอ่อนโยนยามที่เสียงเล็กนั้นกล่าวบริกรรมคาถา...เสียงรคาถาที่ราวกับบทเพลงอันแสนไพเราะเกินกว่าที่พรรณาออกมาได้ และเมื่อเซลีนหยุดร่ายเวทมนต์มือเล็กคู่นั้นก็วาลงบนหน้าผากของทั้งสอง...

    ������ และทันทีที่เอาออกบาดแผลทั้งหมดที่ได้รับก็หายไปในพริบตา!

    ������ "ลุกขึ้นไหวไหมเจมี่ เจนี่" เซลีนเอ่ยถามและโดยที่ไม่ต้องรอคำตอบสองสาวฝาแฝดก็กระเด้งตัวขึ้นมาในแทบจะทันที เจมี่ที่พอเลือดหัวหยุดไหลก็คว้าหมับเข้าที่มือเล็กๆ ทั้งสองพร้อทกับเขย่าไปมาแรงๆ จนแทบหลุดออกจากกัน

    ����� "สบายมาก!!�เวทรักษาชั้นสูงของเซลีนซะอย่างต่อให้ถูกรถบทดถนนทับก็ไม่เป็นไร ส.บ.ม.ย.ห.!!" เซลีนยิ้มรับแห้งๆ เหลือบตามองเจนี่ที่ขยับยิ้มให้เขาไปพลางช่วยเขาแกะมือของเจมี่ออกไปพลางแล้วก็ค่อยถอนหายใจอย่างโล่งอก

    ����� "ไม่ได้โล่งอกอะไรสักหน่อย" เซลีนตวาดใส่ร่างของชายหนุ่มในชุดสูทพ่อบ้าน เฟรสะดุ้งตัวเล็กน้อยแล้วขมวดคิ้ว

    ������� "ผมยังไม่พูดอะไรสักหน่อยเลยนี่ครับ" เขากล่าวหากแต่เซลีนก็ยังทำหน้ามุ่ยใส่ดวงตาสีเขียวใสค้อนใส่แต่ดูเหมือนเฟรจะไม่สะทกสะท้านด้วยเหตุผลง่ายๆว่า...ชินไปนานแล้ว

    ������ "แต่สายตานายมันบอกงั้นนี่" เซลีนบ่นอุบอิบยิ่มเมื่อจ้องเข้าใบยังดวงตาสีเลือดของอีกฝ่ายก็รู้สึกฉุนนิดๆ อย่างบอกไม่ถูก�ร่างเล็กก้าวเดินผ่านสองแฝดแล้วตรงไปยังเบื้องหลัง...ตรงประตูทางเข้าดาดฟ้า...ร่างของมนุษย์หมาปาที่ถูกตรึงเอาไว้

    ������ เซลีนเชิดใบหน้าขึ้นมาเล็กน้อย ดวงตาคู่สีมรกตดูเฉยชากับเลือดและสภาพอันหน้าสังเวช...แม้จะไม่ชีวิตแต่ก็ไม่ตาย...

    ��������เสียงทอดถอนลมหายใจลอยล่องไปไกลพร้อมกับที่ปลายของไม้คทาปักทิ่มลงไปที่อกด้านซ้ายจนทะลุด้วยมือเล็กๆ ของเด็กชาย!

    ������ ร่างของมนุษย์หมาป่าดีดดิ้นคลุกคลักอย่างเจ็บปวดทรมานเสียยิ่งกว่าถูกธนูเพลิงตรึงรั้งทั้งร่างเอาไว้ ยามที่ไม้แท่งเรียวเล็กที่ดูธรรมดานี้ปัก...หรือแม้ยามที่สบดวงตาสีมรกตเจิดจรัสในแสงจันทร์คู่นั้น

    �������"เจ้าสัตว์ที่น่าสังเวชเอ๋ย...จงดับสิ้นลงด้วยมือของข้าตรงนี้เสียเถอะ" น้ำเสียงเล็กเฉียบขาดหลุดออกมาจากปากของเซลีน มือเล็กชักไม้คทาออกมาเพียงแค่ชั่วอึดใจ...ร่างของอมนุษย์ที่ไม่ตายยากเย็นนี้ก็นิ่งสนิท...ชีวิตถูกพราพาไปโดยสุมบูรณ์

    ������ "เฟร...เก็บตัวอย่างของอมนุษย์ตนนี้ไปด้วย" เซลีนเอ่ยสั่งส่วนเฟรก็โค้งรับคำในแทบจะทันทีแว่วเสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังจากในกระเป๋า

    ������ "ไง ทอม...อือ....เสร็จแล้วล่ะบอกให้อิริคขับรถมารับเจมี่กับเจนี่ได้แล้วล่ะเดี๋ยวฉันจะกลับกับเฟรเอง...เข้าใจแล้วล่ะฉันปลอดภัยดีแค่นี้นะ" แล้วเซลีนก็กดตัดปุ่มการสนทนาลง ร่างเล็กกระหวัดหันมองฝาฝแดและเฟรเล็กน้อยก่อนจะคลี่รอยยิ้มกว้าง

    ������ "ยังเหลือเวลาอีกหน่อยก่อนที่อิริคจะมารับ...เราไปซื้อแมคฯฝากเจ้าพวกนั้นกันเถอะ" เซลีนพูดก่อนที่ฝาแฝดจะรับคำในแทบจะทันที

    ��������
    ��������เสียงพื้นรองเท้าที่ย่ำเดินลงกับพื้นส่งดัง 'ต๊อกๆ' ท่ามกลางทางเดินที่เงียบเฉียบ�ดวงตาสีเขียวมรกตของเด็กชายเรือนร่างผอมบางกวาดมองไปรอบๆ พื้นที่ที่แสนคุ้นตา...ศูนย์วิจัยกลางขององกรณ์กลางของโลก...เพียวน์

    ������ เซลีนหยุดก้าวเดินที่หน้าประตูโลหะบานหนึ่งเขานิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะเดินต่อตรงไปยังแผงควบคุมที่ติดอยู่บนพนังขนาบกับประตูอย่างนึกรังเกียจเพราะต้องยืดตัวจนเต็มความสามารถเพื่อที่จะวางประกบมือเข้ากับแผงควบคุม

    ������ [กรุณาบอกรหัสประจำตัว] ทันที่ที่แสกนลายนิ้วมือเสร็จสิ้น เสียงสังเคราะห์ก็ดังรอดมาจากลำโพงโดยอัตโนมัติ

    ������ "รหัสประจำตัว CS14G เซลีน ไอวอลซ์" เด็กชายเอ่ยกรอกผ่าแป้นตรวจสอบเสียงและรูม่านตา รอไปอีกสักพักหลังจากที่เครื่องแสกนยืนยันว่าเป็นตัวจริงประตูเหล็กก็เปิดออกโดยอัตโนมัตในระหว่างที่เซลีนก็ย่อตัวลงถอนหายใจยาวเหยียดอย่างนึกสงสารตัวเอง...เครื่องแสกนงี่เง่านั่นติดมาไม่ได้สนใจดูส่วนสูงของคนใช้เลยสักนิด!!

    ������ แต่ได้ข่าวว่าคนอื่นเขาก็ใช้กันแบบปรกตินะ

    �������ดวงตาสีเขียวใสทอดมองห้องสลัวจนเกือบมืดที่ภายในนั้นเต็มไปด้วยสายไฟหลากสีพันขดกันจนระเกะระกะ หน้าจอความพิวเตอร์จำนวนนับสอบเปิดค้างไว้โดยที่ยังขึ้นหน้าจอเหมือนกับกำลังดาวน์โลหดข้อมูลอะไรบ่งอย่างที่เป็นเส้นสีเขียวสีแดงพันสลับกับไปมา เซลีนย่นจมูกเล็กน้อยเมือทอดตามองไปยังกองทหนังสือที่น่าจะเรียกว่า...ภูเขาซากหนังสือเสียมากกว่า

    ������ "ตายหรือยังเอล" เซลีนกล่าวพูดพลางก้มตัวลงนั่งยองๆ ก่อนจะใช้ไม้คทาที่อยู่ในกระเป๋าเคลี่ยเส้นเศษซากเส้นผมที่เหมือนหน่อสาหร่ายสีทองอย่างเกือบจะรังเกียจแต่ไม่ว่าจะใช้ไม้สะกิดก็แล้วใช้รองเท้าถีบก็แล้วเจ้าตัวที่หลับจนเหมือนแห้งตายคากองหนังสือก็นังไม่ยอมยอมตื่นจนพ่อมดชั้นสูงนึกอยากจะร่ายเวทให้มันหลับไปทั้งอย่างงั้นไม่ต้องตื่นมาให้สมใจเลย

    ������ เซลีนมุ่นคิ้วก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปาก

    ������ "ถ้าตื่นตอนนี้นายจะได้กินขนมที่เฟรทำแต่ถ้าไม่ตื่นฉันจะเอาขนมที่เจมี่ทำยัดเข้าปากนาย"��

    ������ และไม่ต้องพูดซ้ำสอง...เจ้าสาหร่ายสีทอง...เอลกระเด้งตัวลุกขึ้นพรวดจากที่ที่ตนใช้ต่างที่นอนจนหนังสือเคล้าฝุ่นกระจายไปทั่ว

    ������ "ไหนอ่ะขนม" ชายหนุ่มดวงตาสีน้ำตาลทองร้องก่อนจะหันซ้ายหันขวาก่อนจะสะดุดตรงหน้าของเซลีนที่ปัดๆ เศษฝุ่นที่ร่อนออกมาจากปกหนังสือ...ท่าทางเหมือนจะหมกอยู่ในนั้นมานานพอสมควร "เอาที่เฟรทำไม่ไม่ใช่เจมี่"

    ������� พูดดักแทบจะทันทีกับที่เซลีนกำลังจะหยิบพายบูลเบอร์รี่ที่เจมี่ทำให้พอดีเป๊ะเหมือนจะรู้ทันจนเด็กชายต้องสน่งพายชิ้นที่เฟรทำส่งไปให้อย่างเลี่ยงไม่ได้

    ������ "พี่ชายนายไปไหนน่ะเอล"�เซลีนว่าเขย่งตัวขึ้นไปนั่งบนโต๊ะข้างๆ กับเครื่องคอมพิวเตอร์เพราะไม่มีพื้นที่บนเก้าอี้จนจะนั่งก่อนที่มือเล็กจะ...หยิบพายที่เจมี่ทำจากในถุงสีชมพูหวานที่มัดด้วยริบบิ้นสีเดียวกัน เจ้าพายน้อยส่งกลิ่งตลบอบแบบน่ากลัวสุดซึ้งแต่กระนั้นเจ้าตัวเล็กก็ยังโยนเข้าปากไปกินอย่างหน้าตาเฉยเหมือนไม่รู้สึกรู้สาเลยสักนิดว่า...ที่ตนกินเข้าไปนั้นเทียบชั้นกับอาวุธชัวภาพขนามดย่อมๆ เลย

    ������ "ฉันอยู่นี่" น้ำเสียงทุ้มนุ่มจากชายหนุ่มเส้นผมที่ขลับที่มีใบหน้าเหมือนกับเอลราวกับคนๆ เดียวแต่แค่สีผมสีตาที่ไม่เหมือนกันโผล่มาจากด้านหลังจนเซลีนต้องสะดุ้งวาบ�

    ������ "เอ้านี่อิลขนมส่วนของนายอันนี้ทอมเป็นคนทำ" เด็กชายยื่นส่งถุงพายอีกถุงให้กับชายหนุ่มที่โผล่มาเบื้องหลังอิลรับพายนั้นจามมือเล็กก้อนจะเก็บเข้าประเป๋าเสื้อกราวน์สีขาวตัวยาวไปดวงตาสีเขียวใสจ้องมองร่างเล็กแล้วขมวดคิ้ว

    ������ "ไม่ได้มาเพื่อส่งขนมอย่างเดียวสินะ?" เขาถามก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับข้อมมูลในเครื่องจอคอมพิวเตอร์จอใหญ่ที่สุดแล้วพูดกับน้องชายแฝดของตัวเองโดยที่ไม่หันไปมอง "หยุดกินแล้วลุกขึ้นมาจากกองหนังสือไปชงชานมให้เซลีนเขาซะเอล"

    ���������เมื่อพูดสร็จเอลก็ลุกขึ้นจากกองหนังสือก่อนร่างสูงโปร่งจะเดินตรงไปทางด้านหลังของห้องทดลองส่วนตัวของทั้งคู่เพื่อไปตั้งกระติกน้ำร้อนชงชาสำหรับสามที่ตามที่คนเป็นพี่สั่ง

    ������� "ให้ตาย...ไม่ว่าอะไรนายก็รู้ทุกเรื่องเลยนะอิล"�เซลีนเบ้ปากก่อนจะกัดพายบลูเบอร์สีชวนหวาดกลัวเข้าปากอีกคำด้วยสีหน้าที่ไม่แม้จะเปลี่ยนแปลงจนน่าสงสัยว่าทั้งลิ้นและกระเพาะของเจ้าพ่อมดตัวเล็กนี่มันบุทองเหลืองอย่างดีหรือเปล่าถึงได้ทั้งด้านทั้งทนขนาดที่กินอาวุธชัวภาพที่สาวราศีเมถุนทำได้อย่างไม่สะทกสะท้าน

    ������� "ฉันอยากให้นายเอานี่ไปตรวจสอบหน่อยน่ะ"�เสียงเล็กกล่าวเป็นเชิงสั่งเด็กชายวาดขาขึ้นมาไขว่ห้างก่อนจะยื่นมือส่งซองอัดซีนกันลมอย่างดีที่ภายในบรรจุเนื้อเยื่ออวัยวะภายในของอมนุษย์รูปแบบมนุษย์หมาป่าที่เขาเพิ่งไป 'เก็บกวาด' ตามใบสั่งมาเมื่อไม่กี่ชัวโมงก่อน�

    ������� อิลรับสิ่งที่เซลีนยื่นมาให้ไว้เขาสวมถุงมือยางสีขาวแบบใช้แล้วทิ้งเพื่อใช้คีมขนาดเล็กคีบเศษชิ้นส่วนเนื้อเยื่อในถุงออกมาวางกับจานแก้วเล็กๆ ชายหนุ่มมุนมันไปมาเล็กน้อยราวกับจะตรวจเช็คก่อนนำเข้าเครื่องแสกนเนอร์

    ������� "งานจากรัฐบาลอีกแล้วเหรอ"�เสียงจากชายผมทองที่ชะโงกหน้าเข้ามา เอลขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้ามารวมกลุ่มโดยที่ในมือทั้งสองถือถ้วยกระเบื้องเคลือบเอาไว้อย่างกะเท่เร่น่าเป็นห่วงว่าจะล้มคว่ำ "ถึงจะได้เงินดีก็เถอะแต่มูลค่ายังไม่ถึงเงินค่าขนมอาทิตย์เดียวของนายเลยนะ"

    ������� เอลวางแก้วกระเบื้องตรงหน้าของเซลีนและอิลจนครบก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพูดอีกรอบ

    ������� "ไม่เห็นจำเป็นจะต้องทำเลยนี่?"

    �������� เมื่อไม่รับคำถามมาเซลีนก็ได้แต่ไหวไหล่ เด็กชายยกถ้วยชาขึ้นมาเป่าๆ จนกระไอควันร้อนพัดส่งกลิ่นหอมฉุยไปทั่ว

    ������� "ทำไงได้ล่ะ...ก็ฉันมันเด็กในสังกัดของเพียวน์นี่" เซลีนพูดแล้วยกถ้วยมนมือขึ้นมาดื่มชานมชงสำเร็จขึ้นมาดื่ม...ดวงตาสีเขียวมรกตหรี่ลงเล็กน้อย...เพราะว่าเขาคือคนในสังกัดของเพียวน์องค์กรกลางของโลกที่จัดตั้งโดยสี่ขุนนางเก่าแก่จากสี่ตระกูลในสี่ประเทศ

    �������� องค์กรที่คอยยื่นมือเข้าช่วยเหลือพลักดันในทุกประเทศให้ไปในทิศทางที่ควรจะเป็น...องค์กรที่คอยปรามปรามสิ่งนอกรีตและผิดกฏหมาย...องค์กรที่คอยปกป้องและปกปิดสถานะของสิ่งมีชีวิตสายพันธ์อื่นนอกเนือจากมนุษย์

    �������� ทุกอย่างรวมกันเป็นเพียวน์...องค์กรเดียวที่สามารถกุมได้แม้แต่ชีวิตของโลก...

    ���������"แล้วอีกอย่างฉันไม่ได้ทำเพื่อ 'รัฐบาล' แต่ทำเพื่อ 'องค์ราชินี' และ 'เพียวน์' ต่างหากล่ะ" เซลีนเงยหน้าขึ้นมามองเอลด้วยเเววตาและสีหน้าที่เข้มแข็งจริงจังไม่สมกับวัยเพียงน้อยนิด

    ����������เพราะนี่เป็นหน้าที่...ที่ไอวอลซ์ทุกคนจะต้องทำ

    ���������เพราะนี่คือคำสัตย์อันนานแสนนานที่ไอวอลซ์ทุกรุ่นได้มอบไว้ให้แด่อีกาสีนิลกาล...

    �������� ว่าจะพำนักภักดีอยู่ภายใต้ไม้กางเขนดอกุหลาบสีเลือดตลอดกาล�

    ��������� "หัดทำตัวให้สมกับเป็นเด็กหน่อยเถอะ" อิลเอ่ยพูดในขณะที่ดวงตาสีเขียวมรกตยังคงเพ่งมองเข้าไปในจอคอมพิวเตอร์ทีข้อมูลยังดาวน์โหลดไม่เสร็จสิ้น เขายกกาแฟดำที่เอลชงขึ้นมาจิบเล็กน้อยด้วยสีหน้าที่เหมือนกับครุ่นคิด "เพราะถึงยังไงนายก็ยังมีเวลาอีกมาก...ที่จะหาเรื่องมาให้คิดมากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้"

    ����������"นั่นน่ะให้กำลังใจหรือแอบด่ากันวะ?" เซลีนเบ้ปากอย่างขี้เกียจจะตีความหมายที่เจ้าแฝดเอธเทลคนพี่พูด เด็กชายถอนหายใจยาวก่อนจะคลี่รอยยิ้ม


    ��������� "แต่ถึงไงฉันก็ทำด้วยความเต็มใจล่ะนะ"


    ��������� "ครับ...ครับ" อิลพูดก่อนที่จะหยุดนิ่งเล็กน้อยเมื่อข้อมูลในจอคอมพิวเตอร์นั้นดาวนโหลดเสร็จสิ้น เขาขยับยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะกวักมือเรียกน้องชายกับเซลีนให้เข้ามาดูซึ่งทั้งสองก็ส่งเสียงในคอราวกับพึงพอใจอะไรบางอย่างในข้อมูลที่ปรากฏขึ้นเป็นตัวอักษรดิจิตอลเป็นจอ


    ����������� ว่ามันเป็นข้อมูลที่น่าสนุกเกินขาด�����


    ����������� เป็นอย่างที่คิดเลยแหะเซลีนเอ่ยกล่าวน้ำเสียงเชิดหยิ่ง เด็กชายคลี่รอยยิ้มราวกับปีศาจตัวน้อย มือเล็กฉวยก็อบปี้การ์ดจากในกล่องเก็บที่อยู่ใกล้ตัวโดยที่ไม่แคร์ว่าข้างในนั้นจะมีข้อมูลเก็บอยู่มาก่อนแล้วหรือไม่แต่ถึงจะมีก็ห้ามไม่ทันเพราะเจ้าตัวแสบได้เสียบลงเครื่องกดปุ่ม Copy และ Forward ไปเรียบร้อย


    ����������� ไม่เกรงใจเลยเหรอ?” อิลถามห้วนๆ ส่วนเซลีนก็พยักหน้ารับทันทีใยขณะที่เอลได้แต่ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกเพราะการ์ดที่เจ้าตัวเล็กฉกไปนั้นเป็นเพียงแค่การ์ดเปล่าๆ ไม่ได้มีข้อมูลสำคัญแต่อย่างใด

    ������������เมื่อมือเล็กดึงการ์ดออกจากช่องเสียบแล้วเก็บใส่ลงในกระเป๋าเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็หันมาคว้าถ้วยชานมขึ้นมา ยกเข้าปากแล้วดื่มแบบรวดเดียวจบชนิดที่ไม่มีเว้นช่วงหายใจจน่ากลัวว่านอกจากกระเพาะจะตายด้านแล้วลิ้นอาจจะชำรุดก็ได้ถึงได้ดื่มชาร้อนๆ ที่เพิ่งชงเสร็จใหม่ได้โดยที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรได้

    ����������� "ฉันกลับก่อนนะ" เซลีนว่าก่อนจะตบๆ ลงบนกระเป๋ากางเกงเป็นเชิงบอกว่าตนได้ของที่ต้องการแล้ว..."ธุรเสร็จแล้วคงจะไม่มีเหตุผลอะไรให้อยู่ต่อล่ะ" เสียงเล็กว่าแต่ก่อนที่จะหันไปที่ทางออกนั้นอิลก็โยนอะไรบางอย่างมาให้...ซึ่งนั่นก็คือเสื้อโค้ทตัวยาวของเขานั่นเอง

    ����������� "เดือนมกราอากาศหนาวนะ" เขาว่าส่วนเซลีนก็ได้แต่ยิ้มๆ รับเสื้อโค้ทสีน้ำตาลเทาที่ใหญ่กว่าตัวอยู่โขขึ้นมาใส่

    ����������� "ก็เพราะเป็นเดือนมกราคมน่ะสิ" กล่าวได้แค่นั้นมือเล็กก็ยกขึ้นโบกลาเดินหายลับออกไปจากบานประตูอัตโนมัติโดยทิ้งให้คู่พี่น้องมองจนประตูนั้นปิดลงเอง

    ����������� "เป็นเด็กที่ลำบากน่าดูเลยนะครับ...พี่" เอลกล่าน้ำเสียงอ่อนก่อนที่อ้อมแขของคนเป็นพี่จะโอบกอดเอวของเขาไว้จากทางด้านหลัง อิลซุกใบหน้าลงกับบ่าของน้องในขณะที่อีกมือก็ได้แต่ลูบบนเส้นผมสีทองเบาๆ เหมือนแทนคำพูดบางอย่าง

    �����������"เพราะว่าเป็นเด็กน่ะสิ..." พูดได้แค่นั้นสองพี่น้องก็เงียบไปจนกระทั่ง...

    ���������� "เอามืออกจากกระเป๋าของฉันเดี๋ยวนี้เลยนะเอล" อิลเอ่ยพูดแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยที่ทำให้เจ้าตัวดีที่ถือโอกาสตอนที่ถูกกอดสอดมือลงกระเป็เสื้อกราวน์ของคนเป็นพี่เพื่อที่จะฉวยขโมยเบอร์รี่พายที่ได้จากเซลีนต้องชะงักไป อิลคลายอ้อมกอดของตัวเองออกแล้วหันไปให้ความสนใจกับหน้าจอคอมพิวเตอร์

    ����������"โธ่...พี่อ้ะ...ขอแค่นี้เอง" น้ำเสียงนุ่มร้องโวยแต่ดูเหมือนอิลจะแสร้งทำเป็นไม่สนใจ�

    ��������� "ไม่ได้! ส่วนของใครก็ส่วนของมัน" อิลตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยตาก็ยังคงดูข้อมูลในคอมพิวเตอร์ต่อไป

    ���������� "นะครับพี่!!"

    ���������� พูดไปนั่น...เอลที่น่าสงสารนายคงไม่รู้เลยสินนะว่าคนที่หน้าตาเหมือนกับนายกำลังยกมุมปากขึ้นและแอบหัวเราะอยู่ในใจ


    ����������� สุดท้ายก็เป็นไปอย่างที่คิด


    ����������� ความคิดเงียบเฉียบดังขึ้นมาในห้วงความคิดของเด็กน้อยที่เดินเพียงลำพังตามทางเดิอนกระเบื้องสีขาว มือเล็กยกขึ้นมาลูบคางด้วยสีหน้าครุ่นคิดไม่สมกับวัยยามที่ในหัวก็เอาแต่นึกถึงข้อมูลใหม่ที่เพิ่งได้อ่านผ่านสายตามาเมื่อครู่

    ����������� ข้อมูล...ที่เขาไม่รู้ว่าควรจะดีใจดีหรือร้องไห้ดี

    ������������ แต่ถึงอย่างนั้นแล้วเขาก็...

    ������������ "อ้ะ!! ขอโทษครับ" เซลีนร้องออกมาด้วยความตกใจเล็กน้อยเมื่อเดินมาถึงตรงหัวมุมทางเดินก็ดันไปชนกับใครเข้าเพราะดันเอาแต่คิดมากเรื่องข้อมมูลในก็อบปี้การ์ด เด็กชายก้มหัวขอโทษปลกๆ ด้วยความสุภาพบุรุษนิสัยติดตัวดั้งเดิมของผู้ชายอังกฤษแต่กระนั้น...เมื่อดวงหน้าเยาว์เงยขึ้นก็ต้องเซจะถลา

    ����������� เพราะคนที่เขาไปชนด้วยก็คือชายหนุ่มวัยราวยี่สิบห้าปี เรือนร่างสูงโปร่งดูสง่าสมส่วน เขามัดเส้นผมสีเงินสว่างยาวระหลังด้วยเชือกสีขาวเส้นเล็กๆ จนกลือนกับสีผม ดวงตาเรียวสีฟ้าใสก้มลงมองที่เขาเล็กน้อยแล้วคลี่รอยยิ้ม

    �����������"ด...ดยุคอัสเทียร์!!" เซลีนร้องออกมาพร้อมกับโค้งตัวเคารพในแทบจะทันทีด้วยเครื่องแบบราชการเต็มยศของอีกฝ่ายนั้นบ่งบอกให้เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายสถานะสูงชั้นกว่าเขาถึงเพียงไหน "ต้องขออภัยจริงๆ ครับที่ผมเลินเล่อ"

    ����������เพราะว่าอัสเทียร์คือหนึ่งในสี่ตระกูลที่ก่อตั้งเพียวน์ขึ้นมา...ใช่...และคนที่อยู่ตรงหน้าเขานี้...ก็คือคนๆ นั้น...ผู้นำตระกูลอัสเทียร์คนปัจจุบัน

    ���������� ดยุคเซิร์กฟรีส อัสเทียร์เลิกคิ้วเรียวบางสีเงินสว่างเล็กน้อยแล้วยกท่อนแขนทั้งสองขึ้นมากอดอก�

    ���������� " ไม่เห็นจำเป็นต้องขอโทษอย่างนั้นเลยนี่" น้ำเสียงนุ่มเอ่ยกล่าวก่อนที่ฝ่ามือนุ่มจะกดลงบนเส้นผมสีทองแล้วลูบๆ "เงยหน้าขึ้นมาเถอะ...เห็นคนอย่างนายทำอย่างนี้กับฉันแล้วมันรู้สึกแปลกๆ พิกล"

    �����������"แต่ว่าผม..." เซลีนกำลังจะพูดต่อแต่พอเห็นดวงตาคู่สีฟ้าเท่านั้นแหละก็ต้องรีบพับปากเก็บเงียบทันที

    ���������� "ครับ..."

    ���������� แล้วก็ต้องรับอย่างเสียไม่ได้

    �����������เซลีนถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะเงยดวงหน้าขึ้นมา

    ���������� "พอใจแล้วสินะครับ...ถ้าอย่างงั้นผมขอตัวก่อน" น้ำเสียงเล็กพูดเรียบจนกระทั่งเซิร์กฟรีสโบกมือไปทางด้านหลังนั่นแหละเจ้าตัวถึงได้ก้าวเดิน...จนน่าจะเรียกว่าวิ่งถลาออกไปโดยแทบที่จะไม่ทันได้เห็นหลังแต่กระนั้นกถูกรั้งเอาไว้ด้วยคำพูดจากคนสูงไวกว่า

    ����������� "คืนนี้ดาวมังกรจะสว่างที่สุดนะ"

    ����������� พูดเสร็จร่างเล็กก็หยุดนิ่งหันมาโค้งให้แล้วก็วิ่งต่อไปโดยทิ้ง 'ท่านดยุค' แห่งเพียวน์ตัวแทนจากประเทศอังกฤษผู้เป็นถิ่นฐานที่ตั้งาขาใหญ่เอาไว้เพียงลำพัง เซิร์กฟรีสเอนศีรษะและแผ่นหลังลงกับพนังเล็กน้อยก่อนจะเสยเส้นผมสีเงินสว่างที่ปรกหน้าตัวเองออก

    ����������� เขาหัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงอันแผ่วจาง

    ����������� "จะว่าเหมือนดี...หรือว่าต่างกันดีนะ...กับเธอน่ะ"

    ����������� เพราะเห็นเด็กคนนั้นทีไรก็อดให้คิดถึงคนๆ หนึ่งเมื่อสมัยยังตัวกระเปี๊ยกไม่ได้ซะทุกที
    �������������

    ������������คืนนี้ดาวราศีมังกรจะสว่างที่สุด...

    ������������เรื่องนี้เขาก็พอจะเข้าใจความหมายที่ท่านดยุคจะบอกอยู่หรอกแต่...

    ������������ แต่ว่า...

    ������������ "เสร็จแล้วเหรอครับคุณหนู" น้ำเสียงนุ่มทุ้มของชายหนุ่มในชุดสูทพ่อบ้านหางยาวเอ่ยถาม เฟรเคลื่อนตัวลงจากเบาะรถมอเตอร์ไซด์ช็อบเปอร์ที่จอดอยู่ด้านหน้าเพื่อลงมารับเซลีนที่วิ่งออกจากตัวศูนยฺวิจัยซึ่งอยู่ชั้นใต้ดินของตึกรัฐสภา

    ����������� "อือ...เรียบร้อยแล้วล่ะ" เซลีนตอบเรียบ เด็กชายถูมือตัวเองไปมาทั้งที่มือเสื้อคลุมที่ได้มาจากอิลแล้วแท้ๆ แต่ก็ยังหนาวอยู่ดีผิดกับเจ้าบ้าราศีธนูนี่นี่ทนถึกใส่แค่สูทพ่อบ้านนั่งแหงกในที่หนาวๆ อย่างนี้ได้ตั้งนานสองนาน

    ������������หรือเพราะว่ามันเป็นภูติธาตุไฟหว่า?

    ������������ แต่แล้วเซลีนก็ต้องชะงักความคิดไว้ชั่วครู่เมื่อดวงตาสีทับทิมเลือกของเฟรจับจ้องมายังเขาด้วยท่าทางเหมือนจับผิดอะไรบางอย่าง

    �������������"อ...อะไร?" เซลีนถามด้วยท่าทางเกร็งเหมือนจะกลัวสายตาคมดุของภูติราศีธนูตนนี้อยู่ไม่น้อย

    ������������ "เสื้อโค้ทตัวนั้นของใครหรือครับ" เขาถามน้ำเสียงทุ้มดูเรียบเฉยจนหวานเสียยิ่งกว่าอากาศในตอนนี้เสียอีก แถมถามเสียงเย็นไม่ว่าแต่ไอ้ตาคู่ดุๆ ที่จ้องวมาเหมือนจะเขมือบหัวอีกเนี่ยมันหมายความว่ายังไงกันห๊า!!

    ����������� "ก...ก็ของอิลน่ะ..." เซลีนตอบด้วยท่าทางเหมือนสยองพองขนกับภูติประจำตัวธาตุไฟที่อารมณ์ฉุนเฉียวง่ายแม้หน้ามันจะหลั่นล้าก็ตามที

    ������������ และเมื่อพูดจบเท่านั้นแหละเฟรถึงกับดึงร่างเล็กเข้ามากอดเสื้อโค้ทตัวยาวของอิลออกแล้วสวมเสื้อสูทตัวนอกของตัวเองขึ้นมาสวมให้แทนซะดื้อจนคนเป็นเจ้านายเองก็ตั้งตัวตั้งมือรับแทบไม่ถูก เซลีนที่ตอนนี้รับอดีตเสื้อกันหนาวที่ตนเคยสวมขึ้นมากอดอย่างงๆ...แถมยังถูกพับซะเรียบร้อยอีกต่างหาก

    ������������ "ใส่เสื้อของสองพี่น้องวิปริตอินเซ็คต์ไปเดี๋ยวก็ได้ติดเชื้อไม่พึงประสงค์หรอกนะครับ" เฟรพูดด้วยท่าทางยิ้มๆ ก่อนจะอุ้มร่างเล็กของเจ้านายขึ้นซ้อนท้านรถช็อบเปอร์ไปโดยไม่ปล่อยให้เซลีนได้อ้าปากร้องโต้แย้งแต่อย่างใด

    ����������� แล้วไอ้อินเซ็คต์ที่ว่าน่ะมันหมายถึงอะไรกัน!!!


    �����������ท่ามกลางความวุ่นวายในห้องรับแขกที่กินพื้นที่อาณาบริเวณที่น่าเรียกได้ว่ากว้างพอๆ กับสวนหลังบ้านนั้นดวงตาสีฟน้ำทะเลหรี่ลงเล็กน้อยหลังจากมองผ่านหน้ากระดาษหนังสือสอนทำขนมไปเห็นความวุ่นวายของ 'เพื่อนที่อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน'���������

    ���������� เขาขมวดเรียวคิ้วเล็กน้อยเหมือนไม่ค่อยเข้าใจนัก

    ���������� "อะไรกันน่ะ!! เจ้าหนูเซลีนยังไม่กลับมาอีกเหรอนี่มันเลยเวลานอนแล้วนะ!!" แล้วอยู่ๆ ชายเรือนเส้นผมสีน้ำตาลผู้ได้ชื่อว่ามาจาก 'ราศีมีน'...อิวานก็ร้องโวยขึ้นมาและนั่นคือเสียงหนึ่งในความวุ่นวายที่เขาเห็นด้วยอย่างมากถึงมากที่สุด...ใช่...เลยเวลานอนของนายท่านมามากแล้วแต่ทว่าหลังจากที่อิริคพาตัวฝาแฝดเจมินี่ที่ออกไปปฎิบัติ 'ภารกิจ'�ร่วมกับคุณเฟรและเจ้านายที่อยู่เหนือหัวพวกเขาทั้งสิบเอ็ดคนแล้ว...ก็แทบจะไร้วี่แววของคนที่เขาเฝ้ารอคอยเลย

    ���������� จะว่าไปไอ้ที่กำลังวุ่นวายอยู่เนี่ย...ก็เพราะว่าคนๆ เดียวยังกลับมาไม่ตรงเวลานั่นแหละ

    �����������แสงแปลบคมกริบของใบมีดเล่มเรียวบางลอยตัดผ่านข้ามโซฟาที่เขานั่งไปแบบเสี้ยวเซนติเมตรก่อนจะปักลงตรงจุดกึ่งกางของเป้าลูกดอกที่แขวนอยู่ตรงประตู แม้ว่าจะถูกมือของคนๆ หนึ่งลากถูกไถหลบทันโดยไม่สะกิดแม้แต่ปลายเส้นผมยังไงแต่มันก็ทำให้ใจแทบจะร่วงไปอยู่ใต้ตาตุ่มแทบไม่ทันเหมือนกัน

    ���������� "ทำอย่างนี้มันอันตรายนะนาทาชา" น้ำเสียงเรียบเฉยจนแทบเรียกได้ว่าไร้อารมณ์ของคนราศีตุลย์ที่กำลังพูดติว่าหญิงสาวร่างผมบางในชุดเมดสาวใช้สไตล์อังกฤษช่วงยุควิคตอเรีย นาทาชาหันขวับมามองอิริคแทบจะทันทีก่อนจะขยับยิ้มเย็น

    ���������� "อันตรายแน่ค่ะ...งั้นดิฉันขอถามอะไรสักคำทำไมคุณถึงไม่พาท่านเซลีนกลับมาด้วย!"

    ���������� โธมัสขยับเสียงถอนหายใจยาวก่อนจะเบนหน้าออกจากหนังสือเหลือบหันมางนาฬิกาที่ตอนนี้เข็มยาวชี้ไปยังเลขสองของวันใหม่ไปร่วมยี่สิบห้านาทีกับสามสิบสองจุดศูนย์ศูนย์ห้าวินาทีแล้วแต่ทว่าคนที่ทุกคนกำลังรอคอยนั้นก็ยังไม่กลับมาสักที

    ������������น่าเป็นห่วงจัง...นายท่านจะเป็นอะไรหรือเปล่านะ...

    ����������� "ทะ...ทุกคนอย่าลนลานสิคะ!" เสียงหนึ่งจากเด็กสาวร่างบางเจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำที่นั่งหลบมุมอยู่หลังสุดของห้อง โซเฟียสาวน้อยราศีเมษกำมือหลวมๆ ระดับอกพยามยามบังคับไม่ให้เสียงตัวเองสั่น...พยายามบอกกับตัวเองว่าตอนนี้เธอต้องเป็นคนที่มีสติที่สุดในท่ามกลางความวุ่นวายเป็นห่วงของทุกคน

    ����������� "อย่าลืมสิคะว่าคุณเฟรก็อยู่ด้วย...คุณหนูน่ะต้องไม่เป็นอะไรแน่ๆ ค่ะ!"

    ����������� อา...นั่นสินะ...คุณเฟร...ราศีธนู ชายผู้ที่มีความรับผิดชอบสูงที่สุด จงรักภักดีที่สุดเพราะเขาภูติตัวแรกที่นายท่านสามารถเรียกมาได้และยังได้อยู่กับนายท่านมานานกว่าพวกเราทุกคนทั้งหมด

    ����������� ยิ่งคิด...ก็รู้สึกอิจฉาอยู่นิดๆ เหมือนกัน

    ������������"นั่นแหละที่ยิ่งอันตรายที่สุดล่ะ!" หลายเสียงที่ร้องตอบโซเฟียแทบจะทันที่กับที่เธอพุดจบจนเล่นหญิงสาวถึงกับถอยกรูด

    ����������� "ว่าใครอันตรายที่สุดกันเหรอครับ..." น้ำเสียงเย็นยะเยียบดังแว่วมาจากด้านหลัง...น้ำเสียงไพเราะคุ้นเคยมาเสียจนน่าสยองพองขน เฟรที่ยืนกอดยกยิ้มแย้มอยู่เบื้องหน้าประตูทางเข้าช่างดูเหมาะกับคำว่าสุภาพบุรุษ...ถึงแม้ว่าเบื้องหลังจะมีลูกไฟขนาดมหึมาลั่นเปรี๊ยะๆ เตรียมจะปะทุได้ทุกเมื่อก็ตามที...

    ������������ซึ่งแน่นอนว่าทั้งสิบเอ็ดชีวิตที่เหลือต่างเงียบรูดซิปปากสนิทจนไม่มีเสียงรอดออกมาเลยสักแอะ...ต่างคนต่างหน้าซีดส่ายหน้าดิกๆ เป็นพัดลม

    ������������ "อะไร...พวกนายยังไม่กินกันอีกเหรอ...?"�เสียงจากเรือนร่างเล็กบางที่อยู่ด้านหลังของคนราศีธนู แม้จะอู้อี้ไปบ้างตามอากาศที่หนาวเย็นแต่ก็เหมือนราวกับว่าเป็นเสียงสวรรค์ เซลีนเดินอ้อมหลังของเฟรแล้วชูถุงแมคโดนัลล์ถุงใหญ่ขึ้นมาระดับสายตา

    ������������� "จะเย็นหมดแล้วนา..." เซลีนพูดอย่างไม่คิดอะไรมากแต่แล้วเจ้าตัวเล็กเป็นอันต้องถลาถอยเมื่อกองทัพสิบผลทหารสิบเอ็ดนายยกขโยงพุ่งตรงมาที่เขาในแทบจะทันที่กับที่โผล่หัวออกมาจากหลังเฟร

    ������������ "เซลีนนน...ทำไมกลับช้าจังอ้ะ! เจมี่เป็นห่วงม้ากมากเลยนะรู้ไหม!" แม่สาวแฝดคู่เจมินี่ร้องขึ้นมาพลางเขขย่าไหล่ของคนเป็นเจ้า น้ำตาไหลพรากอาบแก้มอย่างดูไม่น่าสงสารสักเท่าไร...

    ������������ "อะไรกันน่ะเจ้าหนู! กลับช้าอย่างนี้น่ะแล้วไม่โทรบอกแบบนี้น่ะปรับเงินซะให้เข็ด!" ทราวิสร้องแต่ยังดีที่ว่าเขาไม่เขย่างเซลีนจนตากลอกเหมือนเจมี่แต่ไหงลายงกของคนราศีกุมภ์ถึงได้ออกลายอย่างนั้นน่ะ...ทั้งที่ห่วงเขาแท้ๆ พ่อคุณ�

    ������������ "เกิดอะไรขึ้น...เนี่ย...?"� เซลีนพึมพำน้ำเสียงดึงมือของเจมีออกจากไหล่เอนแผ่นหลังบางพิงกับพนังอย่างกับจะหาหนทางแทรกตัวหนี ใบหน้าเยาว์เหยเกอย่างไม่รู้ว่าจะปั้นยังไง� กับบรรดาคำถามที่ยิงรัวเป็นชุดแถมขยังจ่ออยู่ตรงหน้าไม่เว้นช่องไฟให้ตอบอีกต่างหาก

    ������������ "ช้าๆ หน่อยสิทุกคน...ท่านเซลีนฟังไมรู้เรื่อง" แต่แล้วก็ดูเหมือนเสียงสวรรค์จากชายราศีกันย์ที่เข้ามาช่วยพูดให้ทันทีที่เขาพยายามจะจับใจความคำถาม เซลีนพุ่งตัวเข้าไปกอดเอวของเทรเซียหมับเหมือนกับได้ตัวช่วยเหลือ

    ����������� "ข...ขอบใจเทรเซีย..." เซลีนพึมพำก่อนเทรเซียจะพยักหนา มือหนาลูบๆ เส้นผมสีทองของผู้เป็นนายอย่างแผ่วเบา

    ����������� "เอาเป็นว่าทุกคนมานั่งฟังที่คุณหนูพูดแล้วกินแฮมเบอร์เกอร์ไปดีกว่านะครับ" แล้วสุดท้านเฟรก็เป็นคนปิดฉากความวุ่นวายนี้เอง�


    ����������� ไอ้บรรยากาศชวนอึดอัดนี่มันอะไรกัน...วะ?

    ����������� เซลีนกรอกตาไปมาระหว่างที่ถูกภูติทั้งสิบสองของตนจับมานั่งอยู่บนโซฟาส่วนตัวเองก็นั่งล้อมเป็นวงกลม...ท่าทางเหมือนจับเด็กสี่ขวบมาลงโทษให้นั่งสำนึกผิดอย่างบอกไม่ถูก ร่างเยาว์ขยับเสียงถอนหายใจก่อนวาดขาขึ้นไขว่าห้างรับทาวเวอร์เบอร์เกอร์มาจากมือของเฟร

    ����������� "ก็บอกแล้วไงว่าแค่เข้าไปที่เพียวน์...ฉํนไม่ใช่เด็กสี่ขวบที่ต้องคอยรายงานพวกนายตลอดเวลาสักหน่อยนี่" เซลีนเชิดหน้าขึ้นพลางเท้างคางอย่างยโสตามนิสัยถาวรอันแก้ไม่ได้ ดวงตาสีเขียวมรกตหรี่มองภูติทั้งสิบเอ็ดราศีของตนแล้วพวยพ่นลมหายใจ...อ่อนใจกะท่าทางเป็นห่วงอันโอเวอร์เกินเหตุของเจ้าพวกนี้จริงเชียว�

    �������������"โอเค...ไว้คราวหน้าไปไหนจะโทรมาบอกก่อน...ขอโทษนะ" พูดเสร็จก็ฟาดเบอร์เกอร์ในมือหมดพอดีในเวลาอันรวดเร็วจนน่ากลัว...ทาวเวอร์เกอร์ที่มีเบอร์เกอร์ทั้งหมดสามชั้นและเพิ่มชีสแบบพิเศษแต่เจ้าตัวกลับกินหมดในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที

    ������������ แถมเมื่อตอนก่อนกลับบ้านก็เพิ่งฟาดพายบลูเบอร์รี่กับชามาอีกต่างหาก

    ������������ กระเพาะและปากพ่อเจ้าประคุณแกทำด้วยอะไรวะ


    �������������"น้ำชาครับ" อิริคกล่าวถามพร้อมกับส่งถ้วยชาลายดอกคาเมเลียมาให้เซลีน เด็กชายคลี่ยิ้มเล็กๆ ...น่าแปลกใจตรงที่พอเขาพูดขอโทษออกมาเจ้าพวกนี้ก็ดูเหมือนจะพอใจอย่างง่ายๆ�ดวงตาคู่กลมลอบมองผู้ที่อยู่ใต้อาณํติทั้งสองสองที่ดูผ่อนคลายและกินแมคโดนัลล์ที่เขาซื้อมาฝากแล้วก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา

    ������������ ก็เขายังมีเจ้าพวกนั้นอยู่นี่นะ

    ������������ "แล้วได้อะไรมาหรือเปล่าครับ?" รีเซนไรน์ภูติราศีพฤษฏที่เงียบไปนานเอ่ยถามระหว่างคลายกระดาษห่อแฮมเบอร์เกอร์เพื่อพับแล้วเก็บไปทิ้งที่ถังขยะ ดวงตาคู่เรียวคมมองคนเป็นเจ้านายอย่างสงสัย

    �������������"ก็...นี่ไงล่ะ" เมื่อได้รับคำถามมามือเล็กก็ชูก็อปปี้การ์ดที่ฉกมาจากห้องทดลองของฝาแฝดกันอย่างซึ่งๆ หน้าให้เหล่าภูติดูแทบจะทันที "ข้อมูลพันธุ์กรรมของเจ้าหมาชวนสยองนั่นไงล่ะ" เซลีนพูดแล้วก็ลอบขำเมื่อพอเขาพูดถึงเจ้าหมาป่าตายยากตัวนั้นเจมี่กับเจนี่ก็มีอาการสะดุ้งเอือกอย่างหวาดๆ

    ����������� "อุ๊ยแหม...ที่แท้ก็หนีพวกเราไปสวีทกับฝาแฝดคู่นั้นเหรอคะ...ท่านเซลีน..." น้ำเสียงหวานดังแผ่วเบาข้างหูพร้อมกับมือบางเรียวขาวที่ยื่นเข้ามาเชยคางของเซลีน เอลิซาเบธสาวราศีสิงห์อ้อมตัวกอดร่างเล็กของคนป็นเจ้านายจากด้านหลังโซฟาระหว่างที่ริมฝีปากยังคงคาบไปบ์บุหรี่ทรงยาว�

    ���������� "ลีโอ!" น้ำเสียงร้องปรามจากภูติราศีธนูร้องขึ้นก็ไม่รู้ว่าเจ้าตัวโกรธเรื่องที่เอลิซาเบธพูดเรื่องคู่แฝดอินเซ็คต์คู่นั้นหรือเพราะกริยาหวาบหวาบชวนหวาดเสียวที่คุณหล่อนเข้าไปนัวเนียกับเซลีนกันแน่...

    ���������� "อะไรกัน...หึงเหรอจ๊ะ...ซากิสทาเรี่ยน" เอลิซาเบธพูดด้วยน้ำเสียงดวงตาสีแดงคู่เจ้าเล่ห์ แม่สาวลีโอราศีสิงหฺกอดเซลีนแน่นเข้าจนหน้าอกเบียดเข้ากับไหล่บางของเข้านายส่วนเฟรก็ไหวไหล่แล้วตอบอย่างไม่ยี่หร่ะ

    ���������� "ก็คงเป็นเช่นนั้นแหละครับ" รับกันง่ายๆ เลยวุ้ย...

    �����������ระหว่างที่ทั้งสิงห์ทั้งธนูกับลังจิกกัดกันอยู่นั้นเซลีนก็ผลักไปบ์ของเอลิซาเบธออกห่างจากตัวเพราะรำคาญควัน ดวงตาคู่กลมโตสีมรกตหรี่ลง

    ���������� เจ้าสองตัวนี้มันพูดถึงอะไรกันหว่า...

    ���������� จนกระทั้งทราวิสที่เหมือนจะรำคาญจนทนไม่ไหวหิ้วตัวเอลิซาเบธออกจากเซลีน กรอกตาไปมาเล็กน้อย...เจ้านายของเขาก็ซื่อซะขนาดนี้...

    ���������� เพราะงี้เเหละพวกเขาถึงต้องลำบากกันพอดู

    �����������"หยุดนอกเรื่องกันได้แล้วน่า...ไหนเจ้าตัวเล็กบอกข้ามาหน่อยสิว่าพลวิจัยของไอ้ 'งาน' คราวนี้ที่ว่ามันคืออะไร" ทราวิสพึมสพทิ้งตัวลงนั่งเคียงข้างร่างของคนตัวเล็กกว่าที่ทำให้เซลีนต้องขมวดคิ้วอย่างนึกน้อยใขที่ไม่ว่าเมื่อไร่เรียกภูติมาแต่ละตนก็สูงเลยหัวของเขาไปซะฉิบ

    ���������� มือเล็กรับคอมพิวเตอร์โน้ตบุคส์ที่โธมัสยื่นส่งให้ตนอย่างรู้หน้าที่ก่อนจะสอดก็อบปี้การ์ดเข้ากับช่องเสียบเพื่อให้ดูข้อมูลทั้งหมดที่อยู่ภายใน

    ���������� "หมาป่าแปดสิบเปอร์เซ็นกับค้างคาวอีกสิบสามจุดสี่สองเปอร์เซ็น" เซลีนพูดโดยการอ่านตามข้อมูลที่อัพโหลดบนหน้าจอก่อนเด็กชายจะรับชาอีกถ้วยจากมือของอิริคที่คอยส่งให้เขาไม่ขาดแม้จะยังแอบสงสัยอยู่บ้างว่าตอนอัญเชิญเขาลืมใส่ความสามารถในการ 'พูด' ของหมอนั่นไปหรือเปล่า "คือสรุปข้อมูลพันธุกรรมทั้งหมดในมวลกายของอมนุษย์ตัวนั้น"

    ���������� "อย่างนี้สินะ..." อิวานพึมพำเสียงแผ่วเขาแทรกในหน้าเขามาอยู่ในวงแล้อ่านไล่ข้อมูลอย่างไม่ขาดตก "แล้วไอ้อีกเจ็ดจุดห้าสิบแปดเปอร์เซ้นที่เหลือล่ะ?" เขาถามซ้ำซึ่งตรงกับคำที่เซลีนอยากจะพูดพอดีเด็กชสยคลี่ยิ้มข้างมุมปาก

    ��������� �"มนุษย์ไง" เซลีนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยยากยิ่งที่จะเข้าใจเเม้แต่เฟรเองที่อยู่กับเด็กชายมานานกว่าภูติทุกตนยังต้องขมวดคิ้ว

    ���������� "แต่ว่าตามปรกติแล้วต่อให้เป็นสัตว์สมิงที่สามารถกายร่างเป็นคนได้แต่พวกนั้นก็ไม่มีพันธุ์กรรมของมนุษย์อยู่ในตัวไม่ใช่หรือครับ" รีเซนไรน์เอ่ยถามจนเซลีนต้องแอบถ่างตาอย่างตกใจคนที่ปรกติพูดน้อยระดับที่ใกล้เคียงกับอิริคอยู่ดีๆ ก็พูดขึ้นมายาวเกิดคำว่า 'ครับท่านเซลีน' ได้นี่ช่างเป็นเรื่องแปลกอย่างสุดซึ้ง

    ���������� "ดรื่องนั้นแหละที่น่าสงสัย" เซลีนกล่าวซ้ำ แล้วหันมาให้ควมสนใจกับจอคอมพิวเตอร์ "อาจเเปลได้ว่านี่อาจเป็นอมมนุษย์ที่พันธ์ใหม่หรือไม่ก็..."

    ���������� "หรือไม่ก็..." รีเซนไรน์ทวนคำ

    �����������"ก็แปลว่าเป็นมนุษย์" เซลีนพูดได้แค่นั้นก็ยกชาขึ้นมาจิบท่ามกลางความเงียบงันของเหล่าภูตที่พากันปิดปากเงีบสนิท เด็กชายหรี่ตาลง

    �����������อาจจะเป็นไปได้...และไม่ได้

    ���������� แต่มนุษย์มี่สามาถกลายร่างเป็นอมนุษย์ได้...นอกจากสาวกของพวกแวมไพร์แล้วไม่เคยเจอ

    ���������� หรือไม่ก็...

    �����������แต่ยังไม่ทันที่ถ้วยชาจะออกจากริมฝีปากก็ปรากฏแสงสว่างวาบขึ้นที่กระเป๋าของกางเกงของเด็กชาย...เซลีนหยิบไม้แท่งเรียวสีน้ำตาลไหม้ขึ้นมาจากกระเป๋าของตนแล้วฉงนใจกับมันแต่พลันไม่ทันจะเริ่มสงสัยดวงตาสีเขียวมรกตก็เบิกกว้าง

    �����������หรือว่า!?

    �����������ร่างเล็กลุกพรวดขึ้นจากโซฟาก่อนใช้กำลังขาน้อยๆ ของตนเองวิ่งไปตรงไปทางทางบันไดทางลงไปชั้นใต้ดินให้ว่องไวที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยมีเหล่าภูตตามไปอย่างสงสัยในอาการผิดปรกติของผู้เป็นนาย

    ����������� และเมื่อบานประตูเปิดโพล่งเด็กชายก็ต้องยิ้ม

    ����������� เพราะวงแหวนอันเชิญเกิดประกายแสงสีทองเช่นเดียวกับไม้คฑาเวท!

    ������������ดวงเนตรสีมรกตกระหวัดหันไปยิ้นให้กับภูตทั้งสิบสองตน ท่อนแขนเรียวบางวาดขึ้นมากอดอกอย่างเชิดหยิ่งเต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเอง

    ����������� "ค...คุณหนู?" เฟรเอ่ยถามเสียงแผ่วกับดวงตาคู่กลมที่จ้องกลับมา

    ����������� "พวกนายเตรียมตัวฉลองได้เลย" เซลีนเชิดหน้าขึ้นพร้อมกับก้าวขาเดินเข้าไปกลางวงแหวนอันเชิญอย่างไม่ลังเล "เพราะคืนนี้พวกนายจะได้เพื่อนคนใหม่แน่นอน"

    ������������ ดวงตาคู่สวยหรี่ลงก่อนจะลับสนิท...ถ้อยคำของเซิร์กฟรีสสร้างความมั่นใจให้เขาอย่างไม่น่าเชื่อ

    ������������� ...คืนนี้ดาวราศีมังกรจะสว่างที่สุด...�

    ������������� "ด้วยนามแห่งไอวอลซ์...ตัวตนของข้าคือผู้สืบทอดสายเลือดรุ่นที่สามสิบสามเซลีน" น้ำเสียงเล็กกล่าวถ้อยปฏิญานตนต่อหน้าวงแหวนเวทด้วยน้ำเสียงดังกึกก้อง...ราวกับเอ่นนามแห่งตนต่อหน้าจอมราชันย์แห่งไอวอลซ์ตัวจริง

    ������������ เนตรคู่กลมหลับลงก่อนจะกลั้นใจใช้กริชเงินอันเป็นสิ่งในพิธีกรีดลงบนข้อมมือของตน หยดเลือดสีฉานไหลรินรดวงแหวนสีทองของธาตุดิน...ที่ละหยด...ละหยด...จนย้อมประกายแสงให้เป็นสีแดง

    �����������"จงฟังเสียงเรียกที่จะเอ่ยขานนามของเจ้า จงฟังเสียงที่กังวานนี้แล้วตามมันมา...ดวงดาวที่สว่างสไวที่สุดในคืนค่ำนี้...มังกรที่ปกครองพื้นพิภพให้ชะอุ่มได้ผลิใบเขียวขจีเอ๋ย..." เซลีนร่ายมนต์บริกรรมคาถาที่แตกต่างเหมือนเช่นทุกทีเพราะการเรียกภูตนั้นไม่สามารถใช้คาถาเดิมในการเรียกได้เป็นครั้งที่สอง

    ������������ เพราะเหตุนี้การเรียกภูตแต่ละครั้งผู้เป็นนายจะต้องสร้างบริบทคาถาเองแลจะต้องเป็นคาถาอัขระภาษาอาเคสเท่านั้น...ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องยากเหลือเกินสำหรับผู้อ่อนวิชาและไม่มีพลังเวทมากพอที่จะใช้สร้างภูติเกินหนึ่งตน

    �������������เพื่อเป็นการเลี่ยงไม่ให้พลังเวทหายไปผู้ใช้เวทมาต์จึงไม่เคยมีภูตประจำตัวเกินหนึ่งคนอย่างมากสุดก็แค่สาม...และตามประวัติศาตร์ก็มีเพียงสามจอมเวทแห่งเพียวน์เท่านั้น...

    ���������� แล้วการที่มีถึงสิบสามตนเล่า?

    ����������� "ข้าขอมอบเลือดขอข้าเป็นสิ่งบูชา...อควอริอุส!!!" เซลีนร้องกระแทกเสียงจนดังกึกก้องไปทังห้องใต้ดินก่อเกิดควันประกานสีทองแห่งดินอันอุดมสมบูรณ์คลุ้งไปที่วราวกับม่านหมอกพายุ จน ดวงตาคู่กลมไม่อาจลืมขึ้นมาได้หาแต่ใจกลับท่องภาวนา...อควอริอุส...ภูตราศีมังกรที่ตลอดเกือบหนึ่งเดือนมานี้เขาไม่สามารถเรียกออกมาได้ ทั้งที่ลองมาหลายต่อหลายครั้งก็ไม่ยอมมาตามเสียงเรียกของเขา

    ���������� แต่ในครั้งนี้...

    �����������เขามั่นใจ

    �����������มั่นใจว่าจะสามารถเรียก 'ลิลิธ' ออกมาได้!

    �����������ลำประกายแสงและฝุ่นควันจางหายไปจากแท่นพิธีราวกับเรื่องโกหก เซลีนเปิดตาขึ้นหัวใจเต้นโครมครามดังไม่ไม่เป็นจังหวะเมื่อพบว่าสิ่งที่อยู่ใจกลางวงเวทราศีมังกรนั้นคือ

    ���������� ลูกม้าน้ำตัวกระจิ๊ดริ๊ดขนาดตัวไม่ถึงสิบเซนต์กำลังดิ้นกระแด่วๆ เพราะขาดน้ำ!!

    �����������เซลีนกระพริบตาปริบๆ หันมองภูตประจำตนฝั่งซ้ายที่ขวาทีอย่างสติหลุดจนกระทั้งวิญญาณกลับเข้าร่างนั่นแหละถึงได้รู้ตัว

    ��������� "น้ำ!!!" เซลีนร้องลั่นก่อนจะช้อยลูกม้าน้ำน้อยที่น่าสงสารเพราะกำลังจะขาดน้ำตายขึ้นมาจากวงแหวนเวทที่เต็มไปด้วยฝุ่น เด็กชายวิ่งรุดไปยังที่ๆ มีน้ำเพียงพอซึ่งในหัวของเด็กประถมเกรดหกที่กำลังสับสนก็คืออกแค่เพียงอย่างเดียวคือห้องน้ำ�

    ���������� เซลีนหอบหายใจหนักระหว่างที่เปิดประตูห้องน้ำบอกตามตรงว่าจากชั้นใต้ดินขึ้นมาถึงนี่ก็ไกลเอาเรื่อง ร่างเล็กเดินโงนเงนเหมือนจะขาดออกซิเจน...อา...ทำไมไม่เกิดมามีแรงมากกว่านี้กันวะแค่วิ่งรอบบ้านสองรอบก็เหมือนเกือบตาย

    ����������� ได้แต่บ่นในใจทั้งที่ตัวเองก็ลืมไปว่า...แม้วิชาพละเกรดติดลบแต่แรงหมัดตอนต่อยคนของมันคือเกรดสิบ!!

    ������������แต่ก็ไม่ใช่เวลาที่จะมาบ่นเพระไอ้อาการเหนือยจนตาลายของเจ้าตัวเล็กนี่แหละที่ทำให้ขาอ่อนไม่มีแรงจนไปถึงอ่างอาบน้ำของตน...กว่าจะรู้ตัวอีกก็เกิกเสียงดัง 'ตู้ม' ตามด้วย 'ซ่า' ก็ดังขึ้น

    ����������� ซึ่งแน่นอนไม่ใช่อะไรเพราะทั้งคนทั้งม้าน้ำร่วงลงไปในอ่างจากุชชี่จนเปียกไปด้วยกันแล้วทั้งคู่!

    ����������� "คุณหนูครับ...อ๊ะ!!!" แล้วเสียงเฟรพร้อมคุณภูตที่เหลือซึ่งวิ่งตามนายน้อยและเพื่อนใหม่มาก็เป็นอันต้องชะงักอยู่ที่หน้าประตูโดยเฉพาะเฟร...ที่เมื่อดวงตาคู่สีเลือดได้เห็นภาพตรงหน้าอย่างแจ่มแจ้งกระไอมาคุปนอำมหิตก็พวยพ่นออกจากร่างเจ้าตัวจนคนอื่นที่เหลือพากันถอยกรูดลี้ภัยไปที่อื่นกันเป็นแถบ

    ������������ สิ่งที่เฟร...และทุกคนเห็นก็คือร่างรูปร่างสมส่วนตามวัยของชายหนุ่มเส้นผมสีดำเหลือบน้ำเงินเปียกโชกจนลูกับแก้มกร้าน ดวงตาเรียวสีฟ้าใสดูเป็นประกายอบอุ่นและที่สำคัญกว่านั้น...และสำคัญมาพอที่ทำให้เฟรใชมือบีบบานประตูจนปูนร้าวได้ก็คือเนื้อตัวเปล่าเปลือยไม่มีอาภรณ์เลยสักชิ้นของชายคนนั้นกำลังคร่อมคุณหนูเซลีนอยู่ในอ่างอาบน้ำ!!!

    ������������ "อ...อะ...อะ..." เด็กชายผมทองที่เปียกน้ำไปทั้งตัวค่อยๆ ปล่อยน้ำเสียงที่ไม่เป็นศัพท์ออกจากริมฝีปากบาง พวงแก้มใสแดงเถือกจนลามใบถึงหู เซลีนกันฟันด้วยสีหน้าบรรยาแทบไม่ถูกก่อนจะ...

    ������������� "อ๊ากกก!!!"

    ��������������แหกปากร้องออกมา...

    ��������������หลังจากจบเหตุการณ์ที่จะเรียกได้เต็มปากสุดแสนจะวุ่นวายเพราะไหนที่อิริคจะไล่ให้ภูตสาวๆ ออกไปจากห้องน้ำโดยเฉพาะเอลิซาเบธรายนั้นดูเหมือนระริกระรี้สนุกซะเต็มที่...แล้วไหนจะโธมัสที่ต้องเคลียร์แอเรียรังสีฆ่าฟันของเฟรจนเกือบโดนลูกธนูไฟเฉียวหัวอีกหนึ่ง

    �������������� แล้วลงเอยที่รีเซนไรน์ที่ไปนั่งปลอบโธมัสซึ่งไปนั่งกลัวตัวสั่นหงึกๆ อยู่ข้างตู้เก็บเครื่องหอม

    ���������������จนสุดท้ายพ่อม้าน้ำน้อยก็ถูกทราวิสและเทรเซียจับใส่เสื้อคลุมอาบน้ำเพื่อกลบอนาจารต่อผู้เยาว์อายุไม่เกินสิบแปด

    ��������������� แต่ไหงถึงจบด้วยอิวานไปทั้งคู้คู่กับโธมัสให้รีเซนไรน์ปลอบแถมปากแกพึมพำว่า 'แพ้แล้ว...ไม่อยากจะเชื่อ...'

    ��������������� "แฉะไปถึงด้านในเลยนะครับ" เฟรที่คุมสติของตัวเองได้แล้วค่อยๆ ใช้ผ้าขนหนูผืนนุ่มเดที่เส้นผมสีทองจนหมาดน้ำ เด็กชสยหรี่ตาลงเล็กน้อยทั้งที่ยังแดงจัด...แหง...เด็กตัวแค่นี้แต่ดันมาเห็นอะไรต่อมิอะไรเต็มๆ ตาอย่างนี้มันก็ไม่แปลก...ถึงจะมีเหมือนกันก็เถอะ

    ��������������� แต่แล้วก็เหมือนกับร่างเล็กจะต้องฉะงักไปเมื่อถูกพ่อม้าน้ำที่ถึงแม้จะกลายร่างเป็นคนแล้วก็เถอะคว้าข้อมือไป ดวงตาคู่เรียวสีฟ้าใสหรี่มองบาดแผลที่ข้อมือเล็กก่อนจะลูบมันเบาๆ ด้วยความเป็นห่วงจนเซลีนได้แต่ถอนหายใจ ร่างบางนั่งลงชันเข่าด้านหน้าภูตราศ๊มังกรก่อนจะประทับเลือดจากข้อมือลงบนหน้าผากของชายหนุ่ม

    ���������������แสงสว่างสีทองจึงบังเกิดขึ้นอีกครั้งวงแหวนเวทราศีมังกรค่อยๆ ก่อร่างเป็นลวดลาย
    เบื้องล่างที่ทั้งสองทั่งอยู่...

    �������������� "ข้าจักเอ่ยนามของเจ้า" เซลีนยกข้อมือออกก่อนที่รอยเลือดจะซึมหายเข้าไปกับผิวหนังเด็กชายก็จรดหน้าผากทับกับอีกฝ่าย "นามของเจ้าคือ 'ลิลิธ' ผืนแผ่นดินที่โอบล้อมพิทักษ์ข้าไปตราบจนผืนฟ้าล้มสลาย"�แล้ววงแหวนก็หายไปทันที่ที่สิ้นคำพูดของเขา

    ����������������เพียงเท่านี้พิธีอันเชิญก็เสร็จสิ้น

    ��������������� เซลีนยิ้มแผ่วจาง ดวงตาสีเขียวหรีลงเปล่งประกายอ่อนโยน

    ��������������� ผมมีภูตครบทั้งสิบราศีแล้วละครับท่านแม่...

    ����������������"ครับ...ยินดีด้วยนะครับ" เฟรเอ่ยพูดระหว่าคว้าข้อมือเล็กที่เลือดยังไหลไม่ยอมหยุดขึ้นมาดู ฝ่ามือกร้านคว้าม้วนผ้าพันแผลจากกล่องปฐมพยาบาลที่รีเซนไรน์พกติดตัวเอาไว้...นั่นแหละ...พกติดตัวเอาไว้จริงๆ ชนิดเรียกได้ว่าขาดเหลืออะไรถามได้พ่อคุณราศีพฤษกเขามีหมด

    ��������������� "ไงเด็กใหม่...ลิลิธสินะ!" ไม่ทันไรอิวานที่ซึมเซื่องเมื่อครู่ก็กลับมาร่าเริงได้ทันที ชายหนุ่มคว้าลิลิธเข้ามากอดคอเอาไว้ก่อนจะนึกเจ็บใจ...กระทั้งส่วนสูงยังชนะ "ถ้ามีอะไรก็บอกได้นะ! คนราศีมีนน่ะช่วยได้ทุกเรื่องแหละ!"

    ��������������� ลิลิธพยักหน้าเล็กน้อย และหลักจากอิวานก็มีคนอื่นๆ เข้ามาแนะนำตัวตัวกันยกใหญ่เพราะอิริคที่เห็นว่าสถานะการเรท R 18 นั้นผ่านพ้นได้ด้วยดีแล้วนั่นเอง

    ��������������� แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้ตอบอะไรนอกจากพยักหน้าและส่งเสียงอือในลำคอ

    �������������� จนเพื่อนๆ สงสัยว่าเจ้านี่จะกลายเป็นน้องใบ้เบอร์สามของบ้านหรือเปล่ากระทั่งพ่อราศีมังกรเหลือบไปเห็นบานประตูที่ร้านเนื่อจากพิษรักแรงหึงของเฟร ลิลิธเอียงคอเล็กน้อยก่อนจะใช้มือดึงเบาๆ ที่ชายเสื้อคลุมอาบอาบของเซลีน

    ��������������� "นั่น...มันเสียอยู่สินะครับ" เขาถามก่อนจะชี้ไปยังขอบประตูที่แตกร้าวซึ่งเสียงแรกที่เขาเปล่งออกมาบอกตามตรงเลยว่าทำให้เซลีนโล่งใจอย่างแรงเพราะนึกว่าตนเรียกภูตพิทักษ์ที่เป็นใบ้มาซะแล้ว

    ��������������� "อื้อ" เซลีนรับก่อนจะพยักหน้าในใจก็คิดว่าค่าซ่อมประตูมันราคาเท่าไรกัน...คงจะไม่แพงกว่าราคากระเป๋านักเรียนของเขาหรอกนะ

    ���������������"ไว้เดี๋ยวผมจะจัดการเรียกช่างมาที่หลังครับ" เฟรเอ่ยพูดก่อนจะถอนหายใจแรงๆ�เพราะถึงยังไงไอ้นั่นมันก็เป็นความผิดของเขาเต็มประตู�"ยังไงซะพวกคุณก็อย่างเพิ่งยุงกับมันว่าอาจะเกิดอันตรายยย....!!!"

    ���������������เฟรชะงักคำพูดไปพลางเมือเห็นว่าพ่อม้าน้ำนั้นเดินเข้าไปใกล้กับบางประตูก่อนขลุกๆ ขลัๆ ทำอะไรสักอย่างจนคุณธนูต้องสะดุ้งกึ้กหลุดมาด�

    �������������� "ก็บอกแล้วไงครับว่าอย่า..."�แต่พลันเสียงร้องตะคอกของเฟรก็หรี่ลงจนเงียบเฉยบเมื่อเห็นว่ารอยร้านที่เรียกได้เต็มปากว่าร้านฉานขั้นรุนแรงนั้นต่อสมานอย่างเดิมจนเด็นประกายออร่าวิ้งวับ...กลับเป็นเหมือนเดิม...ไม่สิ...ใหม่กว่าเดิมเสียอีก

    �������������� "คุณเป็นคนทำเหรอครับ" เฟรถามน้ำเสียงเรียบพลางมองดูลิลิธที่นั่งตัวสั่งหงึกๆ เอามือกุมหัวพย่ยามบีบตัวให้เล็กที่สุดแล้วมุดเข้สไปในหลืบแคบๆ ของตู้เพราะสะดุ้งตกใจกับเสียงดุของเฟร ดวงตาคู่เรียวมีน้ำตาเอ่อคลอเล็กน้อย...ท่าทางเหมือนหม่าที่เพิ่งถูกเจ้าของดุไม่มีผิ

    ���������������"ครับ...ขอโทษครับ...คราวหลังผมจะไม่ทำอีกแล้วครับ...ฮือ..." พูดไปพลางสะอื้นร้องไห้ไปพลางจนฟังไม่รู้เรื่องบอกตามตรงคือภาพแรกในหัวของลิลิธนั้นเห็นเฟรเป็นยักษ์แดงมีไฟรายล้อมรอบตัวไปแล้วนั่นแหละ...

    �������������� "ใครว่าล่ะครับ...คุณลิลิธ" เฟรพูดน้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยอย่างอ่อนโยน�"คุณทำได้ดีมากเลยครับ!"�ว่าแล้วเขาก็ตบบ่าของลิลิธแล้วพยุงชายหนุ่มผมน้ำเงินให้ลุกขึ้นมาด้วยรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นราวกับเทพบุตร

    �������������� "คุณคงจะยังไม่คุ้นเคยกับที่นี่เท่าไรนักถ้าไม่รังเกียจ...ไปดื่มชาในห้องรับแขกสักครู่ดีไหมครับ?"�

    �������������� "ค...ครับ!!" ลิลิธตอบรับทันทีโดยหารู้ไม่ว่าเพื่อๆ ทั้งสิบเอ็ดคนนั้นกลับจ้องมองด้วยสายตาสงสารอย่างสุดแสน

    ��������������� ลิลิธนายโดนหลอกแล้วล่ะ...นั่นน่ะมันรอยยิ้มทางการค้าชัดๆ เลย!!

    ����������������อิริคหลับตาลงเล็กน้อยก่อนจะคลอนศีรษะ

    ���������������ที่บอกให้ไปในห้องรับแขกนั่นก็คงจะเพราะอยากให้ซ่อนพนังที่นาทาชาปักมีดจนเป็นรูพรุนสินะ...

    ��������������� คิดได้เช่นนั้นก็เดินตามคุณหนูเซลีนออกไปจากห้องน้ำเป็นคนสุดท้าย


    ��������������� สายลมหนาวยามราตียังคงพัดผ่านอย่างไร้เยื่อใย เย็นยะเยียบแสนเย็นชาเปรียบสเมือนปิศาจร้าย....แม้มันจะแสนงดงามสักเพียงใดก็ตาม อิลปล่อยตัวให้เอนลงกับพนักเก้าอี้�ดวงตาคูสีมรกตเบนออกจากจอคอมพิวเตอร์คล้ายจะหลับลงตรงนั้นเสียให้ได้

    ��������������� "โต้รุ่งมากๆ มันไม่ดีนะครับ" น้ำเสียงห่วงใยจากคนที่ใบหน้าเหมือนกัน เอลอ้อมตัวไปด้านหลังแล้วดึงแว่นตาออกจากดวงตาคู่เรียวของคนเป็นพี่ ชายหนุ่มคลี่ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะก้มลงประทับริมฝีปากลงกับหน้าผากของอีกฝ่าย "แทนที่จะโหมงานดึกผมว่าพี่น่ะไปพักสักตื่นดีกว่านะ...อ๊า!!" แล้วอยู่ๆ เจ้าคนผมทองก็ร้องขึ้นมาเมื่อถูกคุณพี่ชายดึงลงไปนั่งตักแล้วกอดเอวเสียแน่น

    ��������������� "ไม่อยากพักแล้วล่ะ" อิลตอบน้ำเสียงเรียบๆ หากแต่รอยยิ้มที่ข้างมุมปากมันทำให้คนเป็นน้องชายรู้สึกหวั่นใจอย่างน่าประหลาด

    �����������������ความรู้สึกใกล้เคียงกับระแหวงอันตราย...ไม่ก็มากกว่านั้น

    ���������������� "ถ้าจะทำลูกกันก็ช่วยเกรงใจคนหน่อยสิ"

    ����������������� แล้วเสียงที่ดังจากข้างหลังก็ช่วยยกธงห้ายกได้อย่างรวดเร็วจนอิลถึงกับหน้าหงิดกระหวัดสายตาคู่คมจ้องไปยังบานประตูอัตโมตที่เปิดอ้าไปเอาไว้ แสงสว่างจากทางเดินส่องกระทบร่างสูงโปร่งของคนที่ จงใจ 'เป็นกขค'�จนแสบตา

    ������������������เจ้าของเส้นผมสีทองสว่างที่อาจจะรกรุงรังประหรึ่งว่าไม่ได้หวีมาแถมด้วยหนวเคราที่ดูราวกับไม่ได้โกนมาร่วมค่อนเดือนก้าวเท้าเข้ามาให้ห้องทำงานของฝาแฝด เขากวาดสายตาไปทั่วห้องแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อมองไปยังเก้าอี้ของเอลที่ว่างอยู่

    ������������������ "นั่งนะ..." เขาถามแต่ก็ไม่ได้รอคำตอบอะไรมากนัก มือใหญ่วางกระเป๋าที่ถืออยู่ลงกับโต๊ะแล้วทรุดตัวลงนั่งทันทีเพราะถึงยังไงเจ้าของก็มีตักของพี่ใช้แทนเป็นเก้าอี้อยู่แล้วนี่

    �������������������"นายกลับมาจากอิตาลีตั้งแต่เหมือนไร่ฟรานซิส" อิลถามเรียบๆ โดยที่ดวงตาคู่คมยังคงจ้องคนตรงหน้าไม่วางตาแถมดูเหมือนจะกอดน้องตัวเองแน่นกว่าเดิม...ท่าทางคล้ายๆ หมาหวงห้างเหมือนภูตราศีธนูบางตนแบบแปลกๆ

    ������������������� "ที่จริงควรจะกลับมาตั้งแต่สี่ทุ่มแล้วล่ะแต่ติดเครื่องดีเลย์นิดหน่อย" ฟรานซิสตอบก่อนจะคว้าถ้วยชาเย็นชืดที่เอลชงทิ้งไว้ขึ้นมาดื่มจากไม่ใส่ใจ...ดีเลย์นิดหน่อยที่ไหน...นี่มันตีสามครึ่งแล้วนะเฟ้ย!

    ������������������� "ไม่ใช่ว่าเจ้าหน้าที่ต้องค้าตัวนายนานเกินกำหนอดเพราะคิดว่าเป็นผู้ก่อการร้ายข้ามชาติหรอกนะ" อิลถามซ้ำก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเมื่อถูกเอลตบแขนเป็นเชิงบอกว่ากอดแน่นไปแล้ว

    ������������������� "รู้ได้ไงน่ะ?"�ฟรานซิสตอบเสียงซื่อจนทำเอาอิลถึงกับอยากเอาหัวโขกโต๊ะ นิ้วเรียวยาวยกขึ้นนวดขมับตัวเองโดยที่มีเอลนั่งยิ้มแหะๆ บนตัก...ทั้งๆที่ตัวเองเป็นนักวิจัยแนวหน้าของเพียวน์แท้ๆ หัดดูแลสภาพตัวเองหน่อยสิวะลุง!!!

    ��������������������"แล้วนั่นน่ะ...มันอะไร?" แล้วอยู่ๆ เสียงจากพ่อคุณท่านที่ทักขึ้นมาดื้อๆ เมื่อได้เห็นข้อมูลตัวอักษรสีกฟ้าบนจอคอมพิวเตอร์�

    �������������������อิลเลิกคิ้วก่อนจะลืมตาขึ้นมา

    ��������������������"งานชิ้นใหม่ที่คุณหนูไอวอลซ์ประเคนมาให้น่ะ"

    ������������������� แล้วข้อมูลพันธุกรรมหมาป่าอมนุษย์นั้นก็ยังคงคีย์อย่างต่อเนื่องในหน้าจอคอมพิวเตอร์...ด้วยข้อมูลที่มากกว่าที่อยู่ในก็อบปี้การ์ดของเซลีน

    ��������������������สิ่งที่ระบุว่างานชิ้นนี้...ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ

    ��������������������สานส์ท้ารบชิ้นแรกจากศัตรูตลอดกาลของเพียวน์...กางเขนโรซาเรียกลับหัว

    �������������������� กลุ่มนอกรีต!���



    �������������������� ที่สนามบินใจกลางกรุงลอนดอนแม้ยามราตรีผ่านพ้นเช้าวันใหม่มาร่วมสามชั่วโมงกว่าแล้วแต่ก็ยังคงมีคนพลุกพล่านอยู่ไม่ขาดสายที่เดินสวนทางสลับกันไปมาราวกับเป็นชั่วโมงเร่งด่วนซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเขา...

    ��������������������� ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดในเสื้อในสีน้ำตาลตัวยาวตัดกับเส้นผมสีแดงสดที่แม้จะไม่แน่ใจว่าย้มอหรือของแท้เดินลากรถขนสัมภาระไปพลางระหว่างที่แนบโทรศัพท์กับซอกคอแล้วคุยไปพลางผ่านเหล่าชาวต่างชาติในแอร์พอร์ตที่เรียกได้เต็มปากว่าแน่นอยู่ตลอดเวลา

    ���������������������'ที่อังกฤษตอนนี้หน้าหนาวอยู่นะ...โทยะคุงใส่เสื้อกันหนาวอยู่หรือเปล่า' น้ำเสียงหวานจากปลายสายโทรศัพท์ทางไกลเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง ส่วนโทยะก็ได้แต่พยักหน้า

    �������������������� "โทรมาเพื่อจะบอกแค่นี้เหรอไงซึบาสะถึงญี่ปุ่นจะยังสว่างอยู่แต่ที่อังกฤษมันตีสามแล้วนะเฟ้ย" แม้บาจะทำเป็นบ่นแต่หน้าก็ยังยิ้มอยู่ดีสำหรับเขาแล้ว...จะรู้สึกดีทุกครั้งที่คุยกับลูกพี่ลูกน้องคนนี้...ทั้งที่เป็นผู้ชายแท้ๆแต่นิสัยท่าทางกริยารวมทั้งหน้าตาก็เหมือนกับเด็กผู้หญิงเสียไปหมด

    �������������������� 'คนเขาพูดเพราะห่วงแท้...โทยะคุงคนบ้า!' เสียงร้องจากปลายสายที่ทำให้โทยะต้องกลั้นหัวเราะไม่แน่ว่าที่เขาชอบคุยกับซึบาสะคงจะเพราะหมอนี่แกล้งง่ายดีกระได้ล่ะมั้งคิดไปพลางก็ยกมือลูบที่รอยแผลเป็นใต้ดวงตาข้างซ้ายไปพลาง

    ������������������� 'เจ็บแผลเหรอ?' อยู่ดีๆ เสียงหวานจากคนปลายสายก็เอ่ยถามขึ้นมาจนชายผมแดงสะดุ้งเฮือกเขาลดมือลงจากใต้ตาด้วยสีหน้าเหมือนไม่เชื่อหู...ทั้งๆ ที่ไม่ได้ฝึกพลังวิญญาณเพื่อเป็นองเมียวเลยแท้ๆ แต่เซนส์ดีเกินไปแล้วนะพ่อคุณ������������������
    ���������������
    �������������������"อาการมันเย็นนะก็เคยรู้สึกคันๆ " โทยะตอบแต่ซึบาสะกลับส่งเสียงร้องอืมยาวๆ กลับมาเหมือนไม่เชื่อใจจนเขาต้องมุ่ยหน้าหาทางเปลี่ยนเรื่อง "แทนที่จะห่วงฉันไปห่วงคุณแฟนของนายก่อนเถอะ...ได้ยินว่าเป็นนายแบบรูปงามไม่ใช่เหรอไง!" �

    ������������������'ทะ...โทยะคุง!!' ซึบาสะร้องซึ่งถ้าให้เดาแล้ว...เสียงอย่างนั้นอีกฝ่ายคงต้องหน้าแดงถึงหูแน่ๆ

    ���������������� "ล้อเล่นหรอก...แต่ก็จริงส่วนหนึ่งน่ะนะ" โทยะว่าก่อนจะถอนหายใจออกมา สองเท่าหยุดก้าวเดินเมื่อดวงตาคู่สีเขียวหันไปสบกับชาวต่างชาติคนหนึ่ง...เรือนร่างผอมบางและขาวสะอาดราวหิมะดูเข้ากันดีกับเส้นผมสีทองสว่างจนเกือบทำให้หยุดหายใจ

    ����������������� "ซึบาสะ...แค่นี้ก่อนนะมีคนมารับแล้วล่ะ" เขากล่าวลากับอีกรอสักพักให้ซึบาสะส่งเสียเบาๆ ตอบรับมาแล้วจึงวางหูลง

    ����������������� ดวงตาสีเขียวใบไม้หันมองกับชาวต่างชาติคนนั้นเพระสิ่งที่สะกิดใจไม่ใช่ความเจิดจ้าของสีผมแต่เป็นรอยสักรูปกางแขนกุหลาบบนฝ่ามือและเครื่องแบบเป็นทางการขององค์กรที่ต่อจากนี้ไปเขาจะต้องทำงานด้วย

    ������������������ "ผมซางาระ โทยะ...ตัวแทนองเมียวจิจากตระกูลซาระขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ"

    +++++++++++++++++
    ตัดจบ!!!

    เนื่องจากหมดมุขจะเขียนต่อ

    (เลว)

    หลังจากอยู่กับตอนที่หนึ่งมานานคราวหน้าขึ้นตอนที่สองกันนะค้า
    ป.ล.�

    http://writer.dek-d.com/chiorichan/writer/view.php?id=568802

    ฝากนิยายอีกเรื่องค่ะ!!!

    (เรื่องที่ซึบาสะคุงเป็นตัวเอก)

    เรื่อแนวรักหวานเลี่ยนปนระทึกขวัญที่เขียนมาจกความเพ้อ

    และสำคัญของสำคัญ

    [Y] Yaoiตัวโตๆ เลย!!!


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×