ตอนที่ 12 : 11
“คุณจะพาฉันไปไหนหรือคะ?”
“กลับที่พักของเธอน่ะสิ” เขาไม่แน่ใจว่าศลิษาพักโรงแรมหรืออพาร์ทเม้นท์ ก่อนหน้านี้เขามาสนใจหรอกว่าเธอจะกินอยู่อย่างไร แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนไป เขาคงปล่อยให้เธอกลับที่พักเองลำพังไม่ได้อีกแล้ว
“?” นี่เขาหมายความว่าจะพาไปส่งอพาร์ทเม้นท์ใช่มั้ย
“นี่ถ้าฉันมาไม่ทัน รู้ตัวไหมจะเกิดอะไรขึ้น” แถวนี้เคยมีคดีปล้นบ่อยๆ มันเป็นจุดอับของรอตเตอร์ดัมเลยก็ว่าได้ อย่าได้เข้าใจอย่างคนโลกสวยว่าหนุ่มยุโรปจะใจดีเหมือนพระเอกหนังฮอลิวูดทุกคน ในสังคมยุโรปก็มีทั้งคนดีและคนเลวปะปนกันเหมือนทุกที่ในโลก ผู้คนตกงาน แรงงานคนถูกทดแทนด้วยหุ่นยนต์ ผู้คนที่คิดจะปล้นชิงก็มีอยู่ทั่วไป รวมทั้งพวกที่ชอบคุกคามทางเพศ ยิ่งพวกนั้นเห็นว่าเป็นผู้หญิงเอเชียพวกมันยิ่งได้ใจ สาวเอเชียมาถูกทำร้ายต่างบ้านต่างเมืองใครจะไปสนใจเพราะไม่ใช่ประชากรของเขา
“ใครจะไปรู้ล่ะ!” ยังเถียงคำไม่ตกฟาก “แต่คุณก็มาช่วยฉันเอาไว้ทัน” เธออ้าง เขาเป็นอย่างกับซุปเปอร์แมน มาทันเวลาตลอดเหมือนพระเอกหนัง เธอคิดแล้วหัวใจพองโต อารมณ์ประมาณว่าอินว่ากำลังเป็นนางเอก
“แต่ฉันคงมาช่วยเธอทุกครั้งไม่ได้หรอกนะยายแมลงหวี่!” เขาโต้ สายตาคมกล้ามองมาอย่างผู้ใหญ่กำลังปรามเด็ก
“นี่คงเป็นครั้งสุดท้าย เพราะต่อไปเดี๋ยวคุณก็จะกลับเมืองไทยกับฉัน” เธอโมเม
“ฝันกลางอากาศ” เขาจิ้มนิ้วไปที่กลางหน้าผากสวย เหมือนจงใจให้เธอรีบตื่นจากฝัน เพราะเขาไม่ยอมใจอ่อนกลับไปกับเธอด้วยหรอก ‘ตื่นได้แล้วยายตัวแสบ!’
“ก็คุณจะยังดื้อไปทำไมถ้าฉันเป็นคุณ จะกลับไปรับสมบัติตั้งนานแล้ว ไม่รอให้ท่านอีวานส่งคนมาตามแบบนี้หรอก” ความจริงมันไม่ใช่แค่กลับไปรับสมบัติหรอก เรื่องราวมันซับซ้อนกว่านั้นซึ่งเธอรู้จากแจ็คกี้เพียงแค่ตามตัวเขากลับไปให้ได้เท่านั้น เพราะท่านประธานแก่ตัวลงมากแล้วและต้องการวางมือจากธุรกิจ ด็อกเตอร์ซาเร็คต้องกลับไปสานต่อ
“เธอไม่ใช่ฉัน... เธอไม่มีวันเข้าใจหรอก”
“คุณถือทิฐิหรือคะ”
“ไม่อยากพูดเรื่องนี้อีก จำเอาไว้แล้วก็ลุกขึ้นได้แล้ว” เขาว่าเสียงดุจนเธอเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะมองเห็นว่าเขายื่นมือแกร่งส่งมาให้เธอ หญิงสาวยื่นมือออกไปวางทับมือเข้า ก่อนที่มือเพรียวอันทรงพลังจะดึงเธอลุกขึ้นยืน
“อ๊ะ... อุ๊ย” เธอเซไปซบในอ้อมกอดเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ แม้ว่ามันจะเป็นอุบัติเหตุ แต่ศลิษาก็เผลอสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อดมกลิ่นหอมๆ ของเขาเข้าไปสุดลมหายใจอย่างแสนละโมบ เขารูปร่างสมาร์ทอย่างเดียวเสียที่ไหน ใกล้ๆ ตัวเขารวยรินไปด้วยกลิ่นหอมของผู้ชายที่ยิ่งดมก็ยิ่งหอม ชวนอ่อนระทวย ผิวเขาขาวสวย ดวงตาคมกล้าที่แลดูดุดันในบางครั้ง หากก็มีแววอ่อนโยนอยู่ในทีเวลามองมาที่เธอ แต่ทั้งหมดนี้รวมๆ แล้วเป็นผู้ชายที่ร้อนแรงชวนละลายคนหนึ่ง ซึ่งเธอยอมเชื่อโดยปราศจากข้อสงสัยแล้วว่าทำไมเขาจึงติดอันดับหนุ่มในฝันของสาวๆ ทั่วยุโรปหลายปีซ้อน... ถ้าใครนึกไม่ออก ต้องลองมาอยู่ในอ้อมกอดของด็อกเตอร์อลัน ซาเร็ค เวทลีย์ เหมือนที่เธอเคยเป็น
“ขะ... ขอโทษค่ะ ขาฉัน...” ศลิษาครางแผ่ว ถึงเขาจะหล่อน่าซวนซบแค่ไหน แต่เธอก็เจ็บจริงอะไรจริง ไม่ได้เสแสร้งเพื่อแกล้งให้เขาอุ้ม
“เธอยังเจ็บอยู่งั้นเรอะ?”
“อืม...ใช่ค่ะ” พยักหน้าหงึก ดวงตามองมาดูเว้าวอนชวนให้สงสาร
“รถฉันอยู่ตรงนั้น ฉันจะอุ้มเธอเอง” ไม่ทันที่หญิงสาวจะตอบตกลงด้วยซ้ำ ร่างน้อยๆ ของเธอก็ลอยหวือเมื่อเขายกขึ้นอุ้มอย่างง่ายดายราวว่าเธอเป็นเด็กสามขวบตัวเล็กๆ อีกครั้งที่ร่างเล็กกลับเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนเขา
“ฉัน...” ยังอ้ำอึ้ง ปากชาหน้ามืดเป็นอาการเวลาอยู่ใกล้คนหล่อ แต่ก่อนไม่เคยเป็นแบบนี้เลย ทำไมด็อกเตอร์ซาเร็คทำเธอปั่นป่วนไปหมด อันตรายจริงๆ เลย...
“หุบปากเถอะน่า เสียงเธอมันน่ารำคาญมาก รู้ตัวหรือเปล่า” เขาดุแต่พอเธอเผลอมองไปทางอื่นเพราะกำลังงอน เขาก็แอบยิ้มกับตัวเอง
คนถูกต่อว่าค้อนตาเขียว ก่อนจะหุบปากแน่น ร่างกายอันแข็งแรงทรงพลังของแบดบอยหนุ่มอุ้มเธอเดินอาดๆ ไม่นานก็ถึงรถหรูของเขา ก่อนจะออกคำสั่งด้วยเสียง
“ยูนิคอร์น! เปิดประตู” รถของเขาชื่อ ‘ยูนิคอร์น’ และมันรับคำสั่งด้วยเสียงได้อย่างว่าง่ายและซื่อสัตย์ ต่อให้รถคันนี้ถูกขโมยไป แยกชิ้นส่วนไปจดประกอบส่งขายข้ามทวีปในตลาดมืดก็ไม่มีใครขับมันได้ เว้นแต่จะซื้อไปจอดไว้เฉยๆ เขาจับยัดร่างเล็กๆ นั่นลงไปนั่งข้างคนขับ ก่อนที่ประตูจะปิดลงแล้วเขาเดินอ้อมมาอีกด้านแล้วพาตัวเองสอดตัวลงมานั่งแล้วเครื่องยนตร์ก็สตาร์ทขึ้นด้วยเพียงถ้อยคำสั่งการที่ทรงพลังของเขา
“เธอพักที่ไหน?” ใบหน้าหล่อเหลาแบบแบดๆ ‘แบดที่ว่า หมายถึงแบดบอย... ไม่ใช่แบดแบดมารุ!’ เขาหันมาเอ่ยถาม ทำไมนั่งใกล้เขาแบบนี้ หัวใจเธอจึงเต้นแรงอย่างประหลาด เธออาจจะกำลังตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่อยู่ก็เป็นได้
‘บ้า... ใครจะไปตื่นเต้นเพราะเขากัน ตำแหน่งหนุ่มหล่อในฝันหลายปีซ้อนทำอะไรเธอไม่ได้หรอก’
“ย่าน Charlois น่ะ” เธอตอบเสียงเบาแผ่ว กังวลกับจังหวะการเต้นของหัวใจตัวเอง... กลัวคนข้างๆ จะได้ยิน เธอรู้สึกได้ว่ามันเต้นแรงมากๆ
“ชื่อที่พักล่ะ?” เขาถามถึงรายละเอียด หญิงสาวขมวดคิ้ว ทำท่าคิด
“ฉันจำไม่ได้” เสียงเศร้าลงไปอีก สมองเธอไม่ทำงานหรือยังไงนะ
“เวรกรรม!” ตบฉาดที่พวงมาลัยรถไปหนึ่งที จริงๆ เขาอยากตบหัวเธอแทนใช่มั้ยเล่า
“อ้อ... รอแปปนะคะ” ว่าแล้วก้มลงเปิดกระเป๋าแล้วควานหาอะไรบางอย่างก่อนหยิบมันขึ้นมา
“ปากกาเรอะ?” ศาตราจารย์หนุ่มกำลังงง ถามชื่อที่พัก แม่นี่หยิบปากกาขึ้นมาทำไม ถ้าเป็นสเตลล่าสงสัยอาการแบบนี้โปรแกรมกำลังรวน
“มันเป็นของแถมในห้องพักน่ะ มีชื่อกับเบอร์โทรของที่พัก คือ... ทางบริษัทที่เมืองไทยจัดการน่ะ” โชคดีที่มีของแถมนะ เหมือนเวลาไปเที่ยวแล้วตามโรงแรมมักจะมีปากกา/ดินสอและกระดาษที่เป็นหัวโรงแรมและเบอร์โทรศัพท์ให้ด้วย คิดถึงว่าที่พักที่เป็นห้องเช่าเล็กๆ สำหรับมนุษย์เงินเดือนแห่งนั้นจะมีบริการแบบนี้ด้วย
“เขารับปากกานั่นจากมือเธอมาอ่านอย่างผาดๆ ก่อนส่ายหน้าช้าๆ
“เธอนี่มันสมองปลาทองชัดๆ” เขาตำหนิเธอตรงๆ ก่อนออกรถแล้วมุ่งหน้าตรงไปยังที่พักของเธอ เพียงไม่ถึงชั่วโมงรถก็จอดเทียบลานจอดรถหน้าที่พัก คนที่นี่ส่วนมากก็เดินทางไปไหนมาไหนด้วยรถราง ขนส่งสาธารณะและจักรยาน เพราะเนเธอร์แลนด์เป็นประเทศที่เลนสำหรับรถจักรยานสมบูรณ์แบบที่สุดในโลก ดังนั้นที่นี่ที่จอดรถยนต์จึงโล่งและว่างสำหรับรถเขาโดยไม่ต้องแก่งแย่งกับใคร เมื่อรถจอดสนิท สายตาคมกล้ามองสำรวจโดยรอบๆ ‘นี่มันย่านอะไรของมัน พ่อกล้าให้แม่นี่มาพักแถวนี้ได้ยังไงวะ!’ เขาคิดอย่างหัวเสีย ไม่เข้าใจคนเป็นบิดาว่าทำไมจัดการเรื่องที่พักให้สาวน้อยร่างเล็กมาพักในย่านนี้ เพราะมันไม่ค่อยปลอดภัยเท่าที่ควร
“นี่ละค่ะที่พักของฉัน” ศลิษายิ้มหน้าแป้นแล้น ดีใจกลับถึงที่พักสักที วันนี้มีราชรถมาส่งด้วย โชเฟอร์ก็หล่อเหลาไร้ที่ติ เลิศสุดๆ ไปเลย แล้วพอมองเห็นหลังคาที่พักเท่านั้นล่ะ เธอก็เหนื่อยล้าและเริ่มง่วงอยากนอนพักขึ้นมาทันทีเลย เธอยอมรับว่าวันนี้เหน็ดเหนื่อยมากๆ
“ลงสิ!” คำสั่งแบบมะนาวไม่มีน้ำ กำลังจะซึ้งอยู่แล้วเชียวว่ามีน้ำใจมาส่ง แต่น้ำเสียงดุๆ แบบนั้นทำให้คิดว่าเขาอาจไม่เต็มใจมา
“รู้แล้วน่า” เธอว่าอย่างงอนตุ้บป่อง ทำไมไม่พูดกับเธอดีๆ บ้าง นี่เธอเป็นผู้ประสบภัยนะ เพิ่งผ่านเหตุการณ์เฉียดเป็นเฉียดตายมาอย่างน้อยก็สองครั้งในคืนเดียวกัน ศลิษาทำหน้ามุ่ยเมื่อคิดอย่างน้อยเนื้อต่ำใจก่อนจะเปิดประตู แต่พอแง้ม ร่างกายแข็งแรงของเขาก็มาช่วยเปิดประตูรถแล้วก็อุ้มเธอขึ้นมาจากรถเอาดื้อๆ เขาทำกับเธอโดยไม่ทันตั้งตัวอีกแล้ว เขานี่มันมือไวจริงๆ ทำอะไรปุบปับฉับพลันตลอด เดิมก็ใจเต้นแรงอยู่แล้ว นี่จะทำเธอหัวใจวายตายไปอีกหรือไง
“ไม่เต็มใจก็ไม่ต้องอุ้มฉันหรอก” เธอว่าอย่างงอนๆ
“ฉันบอกตอนไหน... ว่าไม่เต็มใจ” เขาอุ้มเธอ ก่อนคว้ากระเป๋าของเธอขึ้นมาหิ้วพาดไหล่หนาและเป็นแนวสวย อ้อมอกเขาคงอบอุ่นน่าดู ทำไมใจเต้นแรงอีกแล้ว... โอ้ย เขาจะได้ยินไหม...
++++++++++++++++++++++++++++++++
จบตอนแล้วค่ะ โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ
ไรต์ขอฝากอุดหนุนผลงานที่ผ่านมาในแบบอีบุคด้วยนะคะ
ขอบพระคุณมากมายสำหรับทุกๆ ยอดโหลดนะคะ ^^
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|



นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
