ตอนที่ 11 : 10
ในซอยเปลี่ยวย่านไนท์ไลว์ฟ ด็อกเตอร์เวทลีย์ก้าวขายาวแกร่งเดินอย่างฉับไว หัวใจชายหนุ่มเต็มไปด้วยความรู้สึกร้อนรน สายตาคมมองสอดส่ายหาร่างบอบบางที่คุ้นตา แม้เขาจะเพิ่งได้ใกล้ชิดเธอเพียงไม่นาน แต่เขาก็จดจำเรือนร่างของเธอได้เป็นอย่างดี สัดส่วนที่เหมาะมือ มันรวมถึงกลิ่นหอมประจำกายของเธอ หรือแม้แต่รสชาติของเธอที่เขารู้สึกดีเหลือเกินเมื่อแรกสัมผัสจากการจูบ...
“หายไปไหนของหล่อนวะ! เอะอะก็วิ่งหนี เอาแต่จะหนี ลืมไปหรือไงที่นี่มันเนเธอร์แลนด์ไม่ใช่อนุสาวรีย์ชัยจะได้หากันเจอง่ายๆ” เขาสบถอย่างหัวเสีย เมื่อออกตามหาเท่าไหร่ก็ไม่เห็นเงาของแม่คุณเธอเลยสักนิด ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้างแล้วก็ไมรู้ยิ่งตัวเล็กๆ อยู่ด้วย
ระหว่างกวาดสายตามองหา เขาก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกของผู้ชายที่พูดภาษาดัชต์ ในขณะเดียวกันก็มีเสียงผู้หญิงที่เขารู้สึกคุ้นหูเป็นอย่างดี ไม่ต้องรอให้แน่ใจ เขารีบก้าวเท้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งไปตามเสียงนั้น ไม่นานก็พบว่าร่างเล็กที่เขาตามหากำลังตกอยู่ในวงล้อมของชายหนุ่มร่างยักษ์และมีท่าทีคุกคามเธอ
“เฮ้ย! พวกแกคิดจะทำอะไรผู้หญิงวะ!” อลันร้องตะโกนขัดจังหวะพวกมันเข้า หนุ่มร่างยักษ์หันมามองเขาเป็นตาเดียว หากอลันก็ไม่คิดกลัวคนของเขาก็กระจายกำลังอยู่รอบๆ บริเวณนี้ ไม่นานก็คงมาสมทบเขา เพราะฉะนั้นพวกมันต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายกลัวเขา
“อย่ามายุ่งดีกว่าโว้ย!” อันธพาลหนุ่มร้องตะโกนกลับมาอย่างเกรี้ยวกราด อลันมองเห็นใบหน้าพวกมันก็รู้ว่าคนละกลุ่มกับที่ก่อกวนเธอในสถานบันเทิงเมื่อครู่ ‘เสน่ห์แรงจริงนะแม่คุณ หนุ่มๆ ตามติดกันเกรียว’ เขาคิดอย่างหงุดหงิด บ้าจริงเขาทั้งโกรธทั้งหงุดหงิด ไม่ชอบเลยที่มีผู้ชายมายุ่มย่ามกับศลิษามากมายขนาดนี้ ‘หงุดหงิดโว้ย!!’
“ต้องยุ่งสิ เพราะนั่นเธอเป็นผู้หญิงของฉัน!” อลันประกาศ และความจริงเขาก็อยากให้เป็นอย่างนั้นและจะเร่งมือทำให้เธอเป็นของเขาเร็วๆ นี้เลย คืนนี้เลยดีมั้ย กลิ่นของเขาจะได้ฉาบทาบนเนื้อตัวเธอ ฟีโรโมนของเขาจะได้ประกาศความเป็นเจ้าไปทั่วทุกอณูเนื้อบนตัวเธอ ผู้ชายคนอื่นมันจะได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ฮึ่ม!
“เฮ้ย! ถามผู้หญิงรึยังวะ” คนไม่รู้แล้วยังพูดมาก
“ไม่ต้องถาม เพราะเธอเป็นคนรักของฉันโว้ย ถ้าไม่อยากเจ็บพวกแกก็อยู่ให้ห่างเธอไว้” ด็อกเตอร์เวทลีย์คำรามลั่นเหมือนราชวีห์ประกาศความเป็นเจ้าป่า
“ทำไมต้องฟังแกวะ”
“เพราะฉันไม่อยากเห็นแกเอาชีวิตมาทิ้งตรงนี้ไง” สิ้นคำหมัดหนักๆ ของอลันก็ลอยไปกระแทกหน้าฝรั่งร่างยักษ์จนหน้าหัน ตามด้วยช่วงขายาวๆ ของด็อกเตอร์หนุ่มกระทุ้งถีบไปที่ยอดอกจนอีกฝ่ายล้มลงไปนอนหงายหลังอย่างไม่เป็นท่า ก่อนที่จะเกิดการตะลุมบอนสามรุมหนึ่งขึ้น แต่ใครจะเชื่อว่าความแมนของอลัน กอรปด้วยรูปร่างสูงใหญ่ประเปรียวและมีวิชาป้องกันยูโดสายดำตัวอันยอดเยี่ยมของเขา ทำเอาหนุ่มดัชต์อันธพาลทั้งสามคนที่มีรูปร่างผ่ายผอมกว่าเขาอย่างกับคนขี้ยามันก็แพ้อย่างราบคาบ และต่างวิ่งเอาชีวิตรอดไปคนละทิศคนละทางเหมือนหมาวิ่งหางจุกตูดก็ไม่ปาน
ร่างเล็กนั่งกอดเข่าหลบอยู่หลังถังขยะด้วยความกลัว ตัวเล็กสั่นเทาไปด้วยความหวาดผวา เธอยังไม่อยากตาย ตายจากการถูกคุกคามทางเพศยิ่งไม่ต้องการ การถูกชายฉกรรจ์คุกคามในต่างแดนไม่ใช่เรื่องสนุกเลย เธอจะเป็นอะไรไปตอนนี้ไม่ได้ เพราะแม่ยังรักษาและต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อสู้กับมะเร็ง ศลิษาคิดเครียดทั้งน้ำตาไม่เคยจะหยุดไหล ที่เธอข้ามน้ำข้ามทะเลมาลำบากอยู่อย่างนี้ก็เพื่อแม่และเธอจะต้องตามหาพ่อให้เจอ เธอยังตายตอนนี้ไม่ได้ ศลิษาร้องไห้น้ำตาท่วมหัวเข่าอยู่ในมุมมืด
แม้เสียงการต่อสู้จะเงียบลงไปแล้วหลังจากผ่านการต่อสู้ไปหมาดๆ เธอก็ไม่กล้าขยับตัวหรือออกมาพบหน้าใครเพราะกลัวว่าฝ่ายแพ้จะเป็น ‘เขา’
“ลุกขึ้นสิ!” เขายื่นมือออกมา หากเธอยังซุกหน้าลงแนบเข่า และสะอื้นร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว
“...” ศลิษานั่งนิ่งราวก้อนหิน จะว่าโกรธก็โกรธ เพราะเขาเธอถึงน้อยใจและวิ่งหนีออกมาแบบนี้ แต่ถ้าไม่ได้ผู้ชายมาดแมนแอนด์แฮนซั่มแล้วยังช่างปกป้องเก่งวิชาต่อสู้แบบเขา ที่มาช่วยไว้ถึงสองครั้งสองคราวในคืนเดียวกันแบบนี้ เธอก็คงตายแล้วตายอีกอย่างไม่ต้องสงสัยเลย เธอคิดแล้วก็ทั้งโกรธตัวเอง ทั้งกลัว และคิดถึงบ้านที่เมืองไทย น้ำตาก็ไหลพรากอย่างห้ามไม่ได้
ชายหนุ่มนั่งลงคุกเข่าข้างๆ เธอ วางมือแกร่งบนบ่าบอบบางที่กำลังสั่นเทาอยู่อย่างอ่อนโยน “ทุกอย่างโอเคแล้ว ลุกขึ้นนะ แล้วกลับบ้านกัน” น้ำเสียงของเขา... ถ้อยคำของเขา มันทำเอาเธอรู้สึกดีเหมือนต้นไม้ห่อเหี่ยวต้องหยาดพิรุณหยดแรก มันชุ่มชื่นไปทั้งหัวใจ โดยเฉพาะคำว่า ‘กลับบ้าน’ ทำไมเขาถึงทำให้เธอรู้สึกว่าเขาคือบ้านหลังใหญ่อันปลอดภัยของเธอในดินแดนที่แปลกแยกแห่งนี้... เมื่อไหร่เขาจะใจอ่อนยอมกลับเมืองไทยไปกับเธอ ภารกิจเสร็จสิ้นเธอจะได้ตามหาพ่อแล้วกลับบ้าน บ้านที่เป็นบ้านจริงๆ ของเธอ ศลิษาคิดถึงตรงนี้แล้วน้ำตาก็เอ่อขึ้นมาคลอเบ้า...
“พะ... พวกนั้นมันตายแล้วหรือคะ?” เธอซบหน้าแนบอกแกร่ง ป้อนคำถามทั้งน้ำตาก็ยังไม่หยุดไหล พิสูจน์ได้จากความเปียกชุ่มบนเสื้อเชิ้ตของเขา แต่อลันก็ไม่ได้ถือสา เขากลับยอมให้เสื้อแบรนด์หรูราคาแพงเป็นผ้าซับน้ำตาให้หญิงสาวอย่างไม่เกี่ยงงอน เขาเองก็มีส่วนผิดที่ทำเธอต้องเจอเรื่องร้ายๆ แบบนี้ ถ้าไม่เพราะเธองอนเขา เธอคงไม่หุนหันวิ่งหนีออกมาแบบนี้ เขายินดีปกป้องเธอในฐานะของลูกผู้ชายคนหนึ่ง เขารู้สึกใจไม่ดีเลยที่เห็นศลิษาร้องไห้จนตัวสั่นแบบนี้
“ไม่มีใครตายหรอก แต่ตอนนี้พวกมันหนีไปแล้ว” เขาเอ่ยเบา จูบปลอบที่ขมับ ลูบศีรษะเธอเบาๆ อย่างปลอบโยน เขาคงไม่ให้อภัยตัวเองถ้าศลิษาเป็นอะไรไป
“คุณไล่พวกมันไปหรือคะ?” เธอกระซิบทั้งร่างน้อยยังสั่นเทา เขารับรู้ได้ถึงความหวาดกลัวที่เธอได้เผชิญมัน เขารู้สึกผิดที่ทำเธอต้องเจอกับอะไรร้ายๆ แบบนี้
“ใช่... ก็ฉันน่ะสิจะใครล่ะ เธอเห็นใครตรงนี้หรือไง? หืม?” เขาแกล้งแหย่อย่างติดตลก ด้วยหวังว่าการทำเธอหลุดเสียงหัวเราะออกมาบ้าง จะช่วยละลายความทรงจำอันหวาดกลัวที่เธอต้องเผชิญมา แม้ว่าความจริงแล้ว เขาไม่ได้ลุยพวกชายฉกรรจ์จอมเกเรพวกนั้นด้วยตัวเองเพียงลำพัง หากมีเหล่าบอดี้การ์ดช่วยจัดการคนอันธพาลให้ด้วย ด็อกเตอร์อลันน่ะไม่ใช่มาเฟียหรอก แต่เขามีชายหนุ่มรูปร่างแข็งแกร่งอยู่รอบกายที่น่าเกรงขามเสียยิงกว่ามาเฟียเสียอีก
“ฮือๆๆๆ” ไม่เป็นอย่างคาด แต่หญิงสาวกลับยิ่งร้องไห้ คราวนี้เขาเองก็ทำอะไรไม่ถูก เพราะปกติก็ปลอบใครไม่เป็นอยู่แล้ว เขาจะขอความช่วยเหลือจากใครได้ แต่เท่าที่มอง คนของเขาก็มีแต่ผู้ชาย คงต้องหัดปลอบใครบ้าง “ไม่ต้องร้องไห้ เธอปลอดภัยแล้ว” เขาปลอบก่อนประคองร่างเล็กขึ้นยืนอย่างแสนทุลักทุเล เขาเชยคางมนขึ้นมา มองเห็นใบหน้าสวยแม้ดูมอมแมมกลางแสงสลัว เขาอดสงสารไม่ได้จริงๆ แต่ก็ต้องทำเป็นเรียบนิ่งเอาไว้เพื่อไม่ให้เธอได้ใจ
“จริงๆ นะคะ” เอ่ยถามด้วยความหวาดระแวง ศลิษาเข้าใจว่ามีเธออยู่กับเขาเพียงลำพัง อลันไม่ได้บอกเธอว่าเขามีผู้ติดตาม และในเวลานี้คนของเขากระจายกำลังรายล้อมเขาและเธออยู่ เพราะฉะนั้นแล้ว เขาและเธอจึงปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์
“หัดพูดขอบคุณบ้างเวลามีใครทำอะไรให้” เขาท้วง สำหรับเขาไม่มีความกังวลต้องกลัว จึงพยายามหยอดมุกสร้างอารมณ์ขันเป็นระยะๆ เพื่อให้ศลิษารู้สึกผ่อนคลาย
“ขอบคุณค่ะ” เธอยกมือขึ้นปาดน้ำตา เขาประคองบ่าบอบบางเอาไว้ ใช้มือข้างหนึ่งเกลี่ยน้ำตาให้หญิงสาวอย่างเบาถนอม เขาไม่เคยทำอย่างนี้ให้ใครมาก่อน ไม่มีผู้หญิงคนไหนโชคดีแบบนี้ หนุ่มฉกรรจ์ทั้งหลายที่ยืนคอยระวังให้เขาเห็นแล้วก็เข้าใจในทันทีว่า ศลิษาเป็นผู้หญิงคนพิเศษที่มีความหมายกับด็อกเตอร์อลัน
“ดี” เขาชมพลางอมยิ้ม พอเห็นว่าร่างเล็กมีท่าทีอ่อนลงเท่านั้นแหละ ไม่รู้อะไรดลใจให้อลันคว้าเธอเข้ามาใกล้ ปากร้อนแรงบดจูบลงมา ริมฝีปากเขาประกบลงบนกลีบปากบางสวยก่อนบดคลึงลงมาอย่างอ่อนโยน ศลิษาตะลึงถึงกับร่างแน่นิ่งเป็นก้อนหิน ขณะที่หัวใจเต้งแรงเหมือนมีดอกไม้ไฟระเบิดรัวๆ อยู่ภายใน เขาบดเบียดปากร้อนแรงลงมา ลิ้มชิมความหวานฉ่ำอย่างดูดดื่ม ส่งเสียงครางฮึมฮัมในลำคออย่างพึงพอใจจนศลิษาสั่นสะท้าน เธอหลับตาลงเพื่อรับสัมผัสอันอ่อนโยนเจือร้อนแรงนั้นอย่างสมยอม ปล่อยให้ความยั่วเย้ารัญจวนกำซาบไปทั่วกาย จูบจากเขาทำเธอตื่นเต้นจนขนลุก รู้สึกวาบหวามจนเข่าอ่อน ใจเต้นแรงจนบางครั้งเหมือนการหายใจจะสะดุด เธอเคลิบเคลิ้มไปตามจุมพิตแสนรัญจวนที่เขาปรนเปรอให้ราวปลอบประโลม เรียกกำลังใจกลับคืนมาหลังจากเจอเหตุการณ์ชวนเสียขวัญ ชายหนุ่มดุนลิ้นร้อนแทรกเข้ามาอย่างน่ารัก เธอเขินอายจนปริเป็นรอยยิ้ม ก่อนที่ลิ้นเขาจะแทรกเข้ามาควานหาความหวานได้อย่างลึกซึ้งขึ้น ศลิษาวาดวงแขนขึ้นคล้องคอเขา พยายามจูบตอบแต่ก็แสนเงอะงะ เผลอทำเสียงฟันกระทบจนเขาหลุดขำออกมาอย่างนึกเอ็นดู
“อืม... ขยันเรียน” เขาชม
“ฉันจูบไม่เก่ง...” เธอครางอย่างกระตือรือร้น
“ไม่ใช่... ไม่เก่ง แต่จูบไม่เป็นต่างหาก”
“ซาเร็ค!” เธอเขินแรงแก้มแดงก่ำ
“ฉันจะค่อยๆ สอน... เดี๋ยวก็เป็น เธอจะจูบเก่งจนอยากจูบฉันทุกวัน...” เขากระซิบแล้วกดริมฝีปากร้อนบรรเลงจูบต่อ คราวนี้จุมพิตที่บดคลึงลงมามันช่างร้อนแรงและทำเธอแทบละลายกลายเป็นไอน้ำก่อนจะลอยละล่องฟูฟ่องหายไปในอากาศ จูบจากเขาเหมือนดูดวิญญาณเธอไปด้วย ทำไมไร้เรี่ยวแรงอย่างประหลาด เข่าอ่อนปวกเปียก ร่างกายจะทรุดลงไปกองกับพื้น ตามแรงโน้มถ่วงของโลกอย่างไรอย่างนั้น
เขาจูบซับความหวานจนหนำใจจึงค่อยผละออกอย่างอ้อยอิ่ง สายตาคมกล้ามองจ้องมาอย่างร้อนแรง ศลิษาหน้าแดงก่ำ ส่งมือเกี่ยวปอยผมขึ้นทัดหนูอย่างสุดเขินอาย
“เรากลับกันเถอะ... ไปต่อที่ห้องของเธอ หรือบนเตียงเธอก็ได้” เขาเอ่ยน้ำเสียงดุดันหากแหบเซ็กซี่ สายตาคมกล้านั่นก็ด้วย มองมาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อเธอ แต่ทำไมนะ... ทำไมเขาถึงทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยเวลามีเขาอยู่ใกล้ๆ แบบนี้...
“ใครจะต่อกับคุณกัน” ทันทีที่สลัดความคิดในภวังค์ออกไปเท่านั้น เธอก็แข็งขืนขึ้นมาทันที เขาหรี่ตามองมา อย่างไม่สบอารมณ์นัก กำลังโรมานซ์หวานๆ อยู่ดีๆ
“ยังโกรธอยู่เรอะ?” เสียงดุอีกแล้ว ความจริงเขาอยากพูดแกล้งยั่วเธอเล่นๆ ให้เธอหายโกรธ แต่ร่างกายเจ้ากรรมทำไมถึงร้อนรุ่มราวกับว่ามันกำลังต้องการเธอจริงๆ
“ใช่” เธอตวาด ก็เมาแล้วโวยวายอย่างไรก็ได้ อีกอย่างเธอไม่สนใจหรอกว่าเขาจะเป็นใคร
“เอาเถอะ จะโกรธหรือหายโกรธ เธอก็ไม่ควรอยู่ที่นี่ต่อไปแล้ว” เขาเอ่ยแทบฟังเป็นคำสั่ง “กลับ!” เสียงดุและเข้มข้น มือใหญ่คว้ามือเธอแน่นแล้วดึงร่างน้อยเข้ามากอดแน่นกว่าเดิมอีก มืออุ่นลูบศีรษะสาวน้อยอย่างปลอบโยน เขาไม่เคยง้อหรือปลอบใครแบบนี้มาก่อนเลย ศลิษาเป็นผู้หญิงคนแรก นี่คือความลับของด็อกเตอร์เวทลีย์ ศลิษาคือทุกความลับของเขาจริงๆ
“ฉันเสียใจ...” หญิงสาวซบหน้าลงอกแกร่งพร้อมเอ่ยพึมพำอย่างรู้สึกผิด
“มันผ่านไปแล้ว... แต่อย่าลืมสิ ฉันเคยเตือนเธอแล้วไม่รู้กี่ครั้ง จำไม่ได้แล้วหรือยังไง หืม...?” เขาแกล้งทำเสียงดุแม่แมลงหวี่ตัวน้อย แต่ก็อดสงสารไม่ได้ ด็อกเตอร์หนุ่มเจ้าของรูปร่างสูงใหญ่ประคองเธอลุกขึ้นยืนอย่างอ่อนโยน “กลับเมืองไทยไปซะนะ ฉันไม่อยากเห็นเธอถูกฆ่าตายที่นี่” สุดท้ายเธอก็ถูกดุจนได้ แล้วก็มิวายออกปากไล่เธอกลับเมืองไทยอีกตามเคย ศลิษาปรับอารมณ์ไม่ทัน กลับไปตอนนี้เธอก็คงกลับไปแต่ร่างไร้วิญญาณ เพราะหัวใจเธอมันอยู่กับเขาไปแล้ว
“คุณมีคำเตือนของคุณ ฉันมีภารกิจของฉันค่ะ” เธอดื้อ เตือนก็เตือนสิ แต่ต่อให้เตือนยังไง เธอก็ต้องทำงานที่ได้รับมอบหมายมาให้สำเร็จอยู่ดี เพราะเธอมีเพียงสองทางเลือกคือถ้าไม่สำเร็จก็โดนไล่ออก ใครจะยอมถูกไล่ออกล่ะ
“ยังไงแม่หนูน้อย... จอมตื้อ”
“พ่อของคุณมอบหมายภารกิจนี้ให้ฉันค่ะ ฉันรู้ว่ามันลำบากและคุณก็คงรู้สึกแย่ แต่ฉันทิ้งงานไปไม่ได้” สรุปคือหญิงสาวยืนยันกับเขาว่า ใครก็ล้มเลิกความตั้งใจของเธอไม่ได้ เพราะเธอจะพาเขากลับไปดีกว่ากลายเป็นคนตกงาน
“ถ้าไม่เพราะเธอเป็นคนของพ่อฉัน... คงคิดว่าเธอมันพวกสตอกเกอร์[1]ตามสะกดรอยฉันด้วยความคลั่งไคล้ และมีวิธีเดียวที่จะไล่ไปไกลๆ ง่ายๆ คือนอนกับเธอสักครั้งและสลัดทิ้งซะ”
“คงยากค่ะ เพราะฉันไม่นอนกับลูกเจ้านาย” เธอโต้ เขาหรี่ตาแคบมองเธออย่างพินิจพิเคราะห์ แม่หนูน้อยนอกจากตื้อแล้วยังหยิ่งอย่างถือดีเสียด้วย
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า... บอกความจริงที่เธออาจรับไม่ได้สักข้อให้นะ”
“...” เธอทำหน้าบึ้งด้วยความขี้เล่นของเขา เพราะเธอไม่ตลกไปกับเขาด้วย
“นอนกับเธอ... ฉันใช้บริการตุ๊กตายางดีกว่า เธอก็เห็นนี่ คงรู้ว่าสเปคฉันมันเป็นยังไง” เขาหยุด ใช้สายตามองเธออย่างละลาบละล้วงและข่มขืนเธอด้วยสายตาสุดร้อนแรง ก่อนปรามาสว่า “สำรวจดูแล้ว... เธอไม่มีอะไรดึงดูดเจ้าหนูของฉันเลย อย่าให้บรรยายเลยนะ เธอจะเสียกำลังใจน่ะ” นี่เขาพูดอะไรออกไปวะเนี่ย ก็เห็นๆ อยู่ว่าเขาต้องการเจ้าหล่อนมากแค่ไหน แต่ที่ต้องพูดออกไปแบบนั้นเพราะไม่อยากเสียฟอร์มลูกผู้ชาย แต่ไม่นานหรอก เขาจะทำให้เธอต้องอ้อนวอนเขา คอยดู!
“ฉันมันทำไมคะ?”
“เธอมันก็โต-แต่-ตา ยังไงล่ะ อย่างอื่นเล็กนิดเดียว ฉันเคยบอกเธอแล้วนี่ จำไม่ได้เรอะ” เขาย้ำความว่าเธอโตเพียงแค่ดวงตาอย่างชัดๆ แต่อย่างอื่นไม่ได้โตตามอายุไปด้วย... หรือเธอจะซ่อนรูป แต่กระนั้นเขาก็ไม่เคยเห็นหรือสัมผัสด้วยตนเองนี่ เพราะฉะนั้น เธอก็ไม่มีดีอะไรเลยนอกจากตาโตๆ และความจอมตื้อยิ่งกว่าแมลงหวี่ที่ดีแต่ก่อความรำคาญ
“ไม่รู้จริงอย่าพูดดีกว่า” เธอค้านอย่างหัวชนฝา ของแบบนี้มันหยามกันได้ที่ไหน ศลิษาคิดแล้วทำหน้างอนใส่เขาโดยอัตโนมัติ จะว่าไม่รู้ตัวก็ว่าได้
“จะบอกว่าไม่เล็ก?” เขาเยาะเย้ย
“อืม”
“ไหนล่ะ... มาให้พิสูจน์ทีสิ กล้ารึเปล่า”
“กล้าก็บ้าแล้ว อย่ามาเนียนแอ้ม มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะคะ”
“หึหึ...” เขาส่งเสียงหัวเราะในลำคอ พยายามกลั้นขำอย่างมีความสุข เขายอมรับว่าชอบแกล้งคนตัวเล็ก ไม่รู้สิ นานๆ ทีจะมีใครสักคนหลงเข้ามาให้ได้แกล้ง แต่ก็มีศลิษานี่แหละที่ยิ่งแกล้งเขาก็ยิ่งชอบ ยิ่งอยู่ใกล้ก็ยิ่งมีความสุข มีชีวิตชีวาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แล้วบางครั้งเธอก็ทำเขารู้สึกร้อนแรงได้อีกด้วย ทั้งที่เธอไม่ต้องแต่งตัวเซ็กซี่หรือโชว์เนื้อหนังอะไรมากมายเหมือนบรรดานางแบบสวยๆ คู่ควงคู่นอนของเขาเลย
หญิงสาวหน้างอ ก้มหน้าปัดแข้งขาและตามเนื้อตัวที่เปื้อนฝุ่นจากที่หกล้มเพราะวิ่งหนีเอาชีวิตรอดจากนาทีวิกฤติเมื่อครู่ อยู่เนเธอร์แลนด์แดนศิวิไลซ์ใครจะคิดว่าที่นี่ก็มีโจรด้วย
“เอาล่ะ... กลับกันเถอะ” เขาคว้าลำแขนเล็ก
“คุณจะพาฉันไปไหนหรือคะ?”
[1] Stalkers สตอล์คเกอร์ – คนโรคจิตชอบติดตามคนอื่น มีพฤติกรรมชอบติดตามคนอื่นแม้อีกฝ่ายจะไม่ต้องการ ถือเป็นกลุ่มคนที่มีอาการผิดปกติชนิดหนึ่ง
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ
ตอนนี้ #ล้วงรักจอมวายร้าย มีอีบุคแล้วค่ะ
และขอฝากผลงานที่ผ่านมาในแบบอีบุคด้วยน้าาาาา ขอบคุณทุกยอดโหลดเลยค่ะ
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
