ตอนที่ 3 : CHAPTER 1 [A]
1
เมื่อห้าปีก่อน...
ริชาร์ดไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ เพื่อสืบทอดอาณาจักรธุรกิจของตระกูล เขาได้รับยีนเด่นด้านสติปัญญาอันฉลาดล้ำเลิศเลอค่า หากก็คงความสุภาพอ่อนโยนจากเชื้อสายมารดา ผนวกกับยีนเด่นด้านปฏิภาณไหวพริบที่เฉียบคมจากบิดา แต่ในวันนั้นด้วยวัยเพียงยี่สิบต้นๆ เขายังนับว่าอ่อนประสบการณ์เรื่องสาวๆ และยังมีศรัทธาในรักเหมือนเด็กวัยรุ่นตอนปลายที่มองโลกในแง่ของความงามอยู่เสมอ และเขาก็หลงใหลได้ปลื้มกับสาวน้อยชาวไทยที่มีเชื้อผสมของสเปนและอเมริกาอยู่ด้วย จากภายนอกเธอสวยดูโดดเด่นกว่าสาวเอเชียคนอื่นๆ หน้าคมตาสวยซึ้ง แน่นอนเธอมีเสน่ห์แบบยากอธิบายเมื่อเทียบกับสาวยุโรปหลายๆ คน
เธอทำเขาหัวใจสั่นทุกครั้งเพียงปรายสายตามอง ไม่มีใครทำเขาปั่นป่วนได้เท่านี้มาก่อน...
ตมิสาเรียนในบางคลาสร่วมกับเขา เพราะเธอเรียนด้วยทำงานไปด้วย อาชีพเสริมของเธอในเวลานั้นคือนางระบำฟลามิงโก้ วัฒนธรรมการแสดงของหนึ่งในเชื้อสายที่เธอมี เขาติดตามการแสดงของเธอจนกลายเป็นขาประจำ และพยายามตีสนิทในมหาวิทยาลัย เขารับรู้เรื่องราวครอบครัวที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับพ่อเลี้ยงใจร้าย ที่พอลับตามารดาก็หาเรื่องข่มเหงรังแกราวหมาจิ้งจอกจอมเขมือบ
แน่นอนว่าเรื่องราวภายในครอบครัวที่น่าสงสาร กลายเป็นกาวเชื่อมความสัมพันธ์ เขาเห็นอกเห็นใจเธอและในเวลานั้น เธอก็ต้องการเพียงมีใครคอยรับฟังและให้คำปรึกษา และก็มีแค่เขาที่อยู่ข้างกายตลอดมา
สุภาพบุรุษที่ชื่อริชาร์ด เขาได้รับการอบรมเลี้ยงดูให้คอยช่วยเหลือผู้อ่อนแอกว่า มีความอบอุ่นอ่อนโยนช่างปกป้องและเปี่ยมด้วยภาวะผู้นำ ในแบบฉบับของสุภาพบุรุษผู้สง่างามที่โลกต้องการ
ความหลังวันวานมันมีรสขมขื่นยากจะเปรียบ เพราะความอัปยศที่หมือนอาวุธร้ายคอยทิ่มแทงหัวใจให้เจ็บแปลบปวดแสบปวดร้อน
เขาเสียหน้าอย่างมากและการได้รู้ข่าวคราวของเธอในวันนี้ก็ถึงเวลาเสียทีที่คนผิดจะถูกทำโทษ
เห็นทีว่าเขาจะต้องออกโรงช่วยให้พวกมหาเศรษฐีพวกนั้นตาสว่างกันสักที ริชาร์ดคิดอย่างสะใจ เขากำลังจะแก้แค้นแม่ตัวแสบที่ใครๆ มองว่าเธอเป็นนางฟ้านางสวรรค์มาจุติ
“เธอควรได้รับโทษกับผลกรรมที่เธอทำเอาไว้... แม่ตัวแสบ”
เขาเข่นเขี้ยวฟัน สายตาเพ่งพิศภาพหญิงสาวอันเป็นเป้าหมายของการลงทัณฑ์อย่างมาดหมาย ริชาร์ดบรรจงกดโทรศัพท์หาฝ่ายบัญชีเพื่อรู้ข้อเท็จจริงว่าเงินที่เขาเคยให้ความช่วยเหลือครอบครัวของตมิสา เขาแทบไม่ต้องการสิ่งตอบแทนจากการยื่นมือให้ความช่วยเหลือ แม้แต่เรื่องเงิน เมื่อมารดาของตมิสาเอ่ยปาก เขาก็ยินดี การให้กู้โดยไม่คิดดอกนั้น ปรากฏว่าผู้กู้ไม่เคยจ่ายเลยสักแดงเดียวแม้แต่ตัดดอกเบี้ย และเขาเองก็ไม่รู้สึกแปลกใจกับข่าวที่ได้ยินหรอก เพราะมันควรต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว สิ่งนี้ไม่เพียงทำให้เขาได้รับรู้ความคืบหน้า หากเขาสั่งเสียงกร้าวให้ฝ่ายบัญชีและทางกฎหมายจัดการกับเรื่องนี้อย่างเร็วที่สุด เขาไม่มีความต้องการให้เรื่องนี้คาราคาซัง
“ความยุติธรรมเริ่มขึ้นแล้วยายตัวแสบ!” เขาเอ่ยขณะโยนนิตยสารทิ้งลงอย่างไม่ใยดี
~$~
หญิงสาวนั่งฟังมารดาอย่างตั้งอกตั้งใจ แม้ในใจยังรู้สึกตื่นตระหนกกับสิ่งที่ได้ยิน ซึ่งมันเป็นเรื่องจริงที่ผู้เป็นแม่ปกปิดมันเอาไว้อยู่นานแสนนาน...
“คุณแม่เป็นหนี้เขาทั้งหมดเท่าไหร่คะ?” หญิงสาวย้ำคำถามเป็นรอบที่สอง รู้สึกว่าตัวเองกำลังปากสั่นด้วยความมีโทสะ หากก็แสดงออกอะไรมากไม่ได้ด้วยความที่อีกฝ่ายคือบุพการี
“แม่เสียใจจ้ะ” ผู้เป็นมารดาเอ่ยเสียงเศร้า ในที่สุดความลับที่สู้อุตส่าห์เก็บงำเอาไว้ คราวนี้ก็เรื่องแดงขึ้นมาหาข้อแก้ตัวไม่ได้
“เท่าไหร่คะแม่?” คำถามย้ำออกมาเป็นรอบที่สาม ใบหน้าของผู้เป็นแม่สลดด้วยความรู้สึกผิด
“แม่เสียใจจริงๆ แม่ควรจะบอกลูกตั้งแต่สามเดือนที่แล้ว แต่ให้ตายสิ แม่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง” ใบหน้าที่อาบด้วยน้ำตามองมาอย่างทุกข์ทรมานใจ นางย้ำบอกตัวเลขด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
หญิงสาวสุดช็อกกับจำนวนเงินที่มากมายมหาศาล มันมากโขชนิดที่ว่าเธอคงทำงานทั้งชาติก็ชดใช้ไม่หมด มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ หรือไม่ใครก็ใครคงเข้าใจอะไรผิดสักอย่าง ไม่มีทางที่ครอบครัวเธอจะมียอดหนี้สินมากเป็นเงินเท่าภูเขาเลากา หญิงสาวนึกไม่ถึงเลยว่ามารดาจะสะสมหนี้สินได้มากมายถึงเพียงนี้
ให้ตาย... นี่มันเรื่องมหัศจรรย์บ้าบออะไร!
หญิงสาวอยากรู้นักว่าใครใจใหญ่ใจป้ำให้เงินมากมายขนาดนี้แก่มารดา ที่กำลังขาดเงิน ดอกเบี้ยแพงหูฉี่ มันถึงทบต้นทบดอกจนงอกเงยขึ้นมาเท่าภูเขาเลากาได้อย่างทุกวันนี้ หญิงสาวเริ่มถามคำถามสำคัญๆ เพื่อจะได้รู้ว่าหนี้ก่อนโตขนาดนี้มันมีต้นกำเนิดที่อัปยศอย่างไร
“คุณแม่กู้เงินจากใครคะ?” มารดาเช็ดน้ำตาป้อยๆ ไม่กล้าสู้หน้าลูกสาว
“ห้าปีก่อน... ก็แม่ไม่แน่ใจว่าจะเรียกว่าเงินกู้ยืมได้หรือเปล่า เพราะเจ้าของเงินเขาบอกว่าจะช่วยแม่” มารดาเอ่ยเบาแผ่ว ด้วยความรู้สึกผิดอย่างใหญ่หลวงกัดกร่อนหัวใจมาโดยตลอด นางพูดความจริงทั้งที่ไม่กล้าสู้หน้าลูกสาวคนโตที่นับว่าเป็นเสาหลักของครอบครัวด้วยซ้ำ
“แล้วใครละคะที่เป็นเจ้าของเงิน?” หญิงสาวอัศจรรย์ใจมากที่คนเป็นแม่สามารถเก็บงำความลับนี้ได้มายาวนานถึงห้าปี และด้วยระยะเวลาทำให้เธอหวนระลึกย้อนหลังกลับไปว่า ในเวลานั้นครอบครัวทุกข์ยากขัดสนมากแค่ไหน มันยากจนข้นแค้นชนิดที่ว่าหาอาหารมาใส่ท้องก็ต้องกระเสือกกระสนดิ้นรนมากแล้ว เธอยังงุนงงว่ามารดาพูดว่าไม่ได้กู้ยืมเงินพวกนั้นมาได้ยังไงกัน
“คุณแม่มีหลักฐานการกู้ยืมอะไรบ้างไหมคะ?” คนเป็นแม่ผุดลุกขึ้นพรวด ก่อนเดินไปยังตู้ไม้แล้วดึงแฟ้มพลาสติกออกมา สายตาที่เปรอะไปด้วยน้ำตามองยังลูกสาวอย่างรู้สึกผิด
“แม่ซ่อนจดหมายเอาไว้เพราะกลัวลูกเห็น แม่กลัวลูกกับน้องๆ จะเห็นความอัปยศนี้แล้วเอามาถามจนแม่ลำบากใจ” เอกสารพวกนั้น มันคือสัญญากู้ยืมและจดหมายทวงหนี้ถูกเทกระจาดลงบนโต๊ะ หญิงสาวขมคออย่างที่ไม่มีใครเข้าใจ
“แม่จ่ายเงินคืนเขาครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่คะ?” มารดาเช็ดคราบน้ำตา ใจคอไม่สู้ดี “แม่... ไม่เคยจ่ายเลยจ้ะ”
“ไม่เลยงั้นหรือคะ... โอ... ไม่จริง” หญิงสาวส่ายหน้าช้าๆ ครางอยากร้องไห้เสียสติขณะสายตาแห่งความผิดหวังตรึงนิ่งบนใบหน้าบุพการี
“ก็ตอนแรกแม่ไม่มีเงินเลย... แล้วแม่ก็คิดว่าค่อยเริ่มจ่ายตอนที่อะไรๆ ดีขึ้นก็ได้” ผู้เป็นแม่สารภาพเสียงเครือ พลางซับน้ำตา แล้วพูดต่อ “แต่อะไรมันก็ไม่ดีขึ้นอย่างที่คาดไว้ รายได้น้อยลง รายจ่ายก็เยอะขึ้น น้องๆ ก็มีแต่เรื่องต้องใช้เงินไม่ว่าจะชุดนักเรียน เครื่องเขียน รองเท้า หรือค่าขนมค่ารถไปโรงเรียน” นางหยุดซับน้ำตาอีกครั้ง “ลูกก็รู้... แม่ทนไม่ได้ที่เห็นเด็กๆ ต้องผิดหวัง... แม่ไม่ต้องการเห็นพวกแกรู้สึกว่าขาดแคลน”
“หนูรู้ค่ะแม่...” หญิงสาวรับฟังด้วยหัวใจหดหู่
ตมิสาค่อยๆ พลิกอ่านเอกสารแต่ละสัญญาอย่างละเอียด หญิงสาวพบว่าซองจดหมายแจ้งสถานะลูกหนี้บางฉบับมันยังไม่เคยถูกเปิดออกมาอ่านเลยด้วยซ้ำ
“คุณแม่กู้เงินพวกนั้นมาตั้งแต่ตอนไหนคะ?” หญิงสาวคิดว่าถึงเวลาที่ทุกคนต้องพูดความจริงกันแล้ว “คงไม่มีใครเข้ามายื่นข้อเสนอให้เงินแม่ยืมมากมายขนาดนั้น ให้ถึงบ้านแน่ๆ ใช่มั้ยละคะ?”
ผู้เป็นมารดาเม้มริมฝีปากแน่น ขยับตัวอย่างแสนอึดอัด ใบหน้าสลดลงอย่างรู้สึกผิด ได้แต่บอกตัวเองในใจว่าจะโกหกลูกสาวต่อไปอีกไม่ได้เป็นอันขาด ถึงทางตันที่นางจะต้องคายความจริงออกมาอย่างหมดเปลือก
“นี่คือสิ่งที่คุณแม่ไม่อยากให้หนูรู้หรือคะ?” น้ำเสียงสั่นเครือ มองมารดาด้วยประกายผิดหวัง ไม่ใช่เธอคงไม่รู้หรอกว่าภายในหัวใจนั้นมันเจ็บปวดแค่ไหน... ‘ทำไมรู้สึกเหมือนถูกหักหลังจากแม่ของตัวเอง...’ ถ้อยคำเจือความเศร้าที่หญิงสาวมิอาจเอื้อนเอ่ย
“ใช่... แม่เก็บเอกสารพวกนี้ไว้อย่างมิดชิด แม่จงใจให้มันเป็นความลับ แม่รู้สึกผิดเหลือเกิน แม่ไม่อยากทำให้หนูไม่สบายใจ คือ...” นางสูดลมหายใจลึก “แม่ขอความช่วยเหลือจากริชาร์ด... แล้วเขาก็ให้เงินพวกนี้มา”
หญิงสาวแทบทรุด ใบหน้าซีดเผือดเมื่อแรกได้ยินชื่อเขา
“ริชาร์ดหรือคะ?” เธอพยายามกลั้นน้ำตา “นี่คุณแม่ขอความช่วยเหลือจากเขาจริงๆ งั้นหรือคะ แม่ก็รู้ว่าความสัมพันธ์ของหนูกับเขา...” ‘ขาดสะบั้นลงแล้ว’
“แม่ขอโทษจ้ะลูก”
“แม่” เธอแทบจะร้องไห้ แต่ความอนทนของเธอมีมากกว่า อย่างไรเสียท่านก็เป็นบุพการี
“อย่ามองแม่ด้วยสายตาแบบนี้สิลูก ริชาร์ดเคยบอกว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกัน”
“แต่แม่ก็รู้ว่ามันไม่ใช่”
“แต่ริชาร์ดบอกว่าหนูแค่งอนเขา และหนูกับเขาจะกลับมารักกันเหมือนเดิม”
“แม่ก็รู้ว่าทำไมเราจึงไปกันไม่รอด” ความแตกต่างเรื่องชนชั้นทางสังคม ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมนั้นมันมีทั่วทุกหัวระแหง เธอไม่เหมาะสมกับเขาด้วยประการทั้งปวง เธอเป็นเพียงหญิงสาวตัวเล็กๆ ธรรมดาๆ หน้าตาไม่ได้สวยจัดอย่างดารานางแบบหรือสาวสวยไฮโฟรไฟล์ผู้มีชื่อเสียงสาวๆ หลายๆ คนที่เขาควงไม่มีซ้ำหน้า แม้ว่าครั้งหนึ่งเขาจะเคยพร่ำเอ่ยว่าชอบและสนใจในตัวเธอ หากสายตาจากสังคมและคนรอบข้าง ต่างก็มองด้วยสายตาเหยียดหมิ่น เพราะเธอจน ส่วนเขาร่ำรวยล้นฟ้าทายาทตระกูลดังที่มีเงินมากล้นน่ะสิ ใครก็คิดว่าเธอจะปอกลอกเขาเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก และที่แย่กว่านั้น ตอนสมัยเรียนเธอทั้งเรียนและทำงาน งานระบำฟลามิงโก้แต่ถูกสื่อประโคมให้ลั่นโลกว่าเธอเป็นนางระบำเปลื้องผ้ายั่วเซ็กซ์ และเพราะอาชีพเสริมอันล่อแหลมนี่ไงล่ะ ผู้ชายร่ำรวยสูงส่งอย่างเขาจึงได้โคจรมาพบเธอได้
‘รักร้ายในแหล่งอโคจร’ แย่นะ
“ใช่... แม่ผิด แม่คิดว่าการที่แม่รับความช่วยเหลือตรงนี้จากเขา มันจะเป็นกาวเชื่อมให้เรายังคงมีความสัมพันธ์กันอยู่”
“ด้วยหนี้สินงั้นหรือคะ?”
“โอ... ไม่ แม่ไม่ได้คิดว่าเรื่องทุกอย่างจะเป็นแบบนี้”
“แม่คะ หนูผิดหวัง...” เธอเอ่ยด้วยเสียงเบาแผ่ว ทำไมเธอถึงรู้สึกผิดหวังได้มากมายขนาดนี้ หัวใจดวงน้อยๆ กำลังแตกสลาย ความเจ็บร้าวทำให้เธอเผลอขยำจดหมายในมืออย่างไม่ตั้งใจ น้ำตาร่วงเผาะ หากพยายามตั้งสติและคิดหาทางแก้ปัญหาที่ต้องเผชิญอย่างยากลำบาก แม้ว่าสถานการณ์ตอนนี้จะมืดแปดด้านก็ตาม
“แม่เชื่อว่าเขารักหนู และมั่นใจว่าเขาจะแต่งงานกับลูก แม่ก็เลยคิดเสมอว่ามันไม่เป็นไรหากแม่จะรับความช่วยเหลือจากเขา” ผู้เป็นมารดาสารภาพเสียงเครือด้วยจนมุมด้วยความผิด
หญิงสาวฟังมารดาด้วยความรู้สึกไม่อยากเชื่อ คำอธิบายของแม่ที่พอเข้าตาจน เธอก็สารภาพหมดเปลือก ตมิสารู้ดีว่ามารดาเป็นคนใสซื่อ นางรู้ไม่เท่าทันเกมของเขาหรอก ใครจะไปหน้าเนื้อใจเสืออย่างเขา
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
