ตอนที่ 3 : Chapter 1 :: เกมล่าแจ็คพ็อต (100%) - รีไรท์
“ขอโทษนะคะ ขอพูดกับพี่ปกรณ์ค่ะ” ปภาณพิชญ์เอ่ยอย่างกลั้นโกรธ หากแต่ยังคงรักษาความสุภาพเอาไว้ เธอยินดีไว้หน้าทุกคนนั่นแหละ เป็นธรรมดามีแฟนหล่อก็ต้องใจกว้างหน่อย
“เธอจะคุยอะไรกับแฟนฉันเหรอ? แล้วก็ไม่ต้องรออีกต่อไปแล้วนะ แฟนของฉันคงไม่ไปพบเธอตามนัดอีกเข้าใจตรงกันนะ” ปลายสายเว้นจังหวะสูดลมหายใจ ก่อนกระแทกคำพูดแบบเน้นๆ กลับมาอีกครั้ง “เลิก-ยุ่ง-กับ-แฟน-ฉัน-สักที!!”
เจ้าหล่อนวางสายใส่เธออย่างห้วนๆ แต่ทำไมมันถึงเจ็บขนาดนี้‘เจ็บปวดจัง... ปริ่มใจจะขาด’
หญิงสาวเจ็บจนมิอาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้อีกต่อไปมือเรียวเล็กยกขึ้นปาดน้ำตารู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนโลกทั้งใบกำลังหันหลังให้เธอ
“น้องๆ เป็นอะไรจ๊ะ?” ทีมงานสาวห้าวถามขึ้น เธอตามหาคู่รักที่เข้าแข่งขันคู่สุดท้ายไม่เจอนอกจากน้องที่อยู่ตรงหน้า ตอนนี้ดารากำลังจะมาถึงโรงถ่ายแล้ว ฉากก็พร้อมทุกอย่างทีมงานและคนที่มาให้เสียงตบมือก็ประจำที่กันเรียบร้อย
“ปละ... เปล่าค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ” ว่าพร้อมก้มหน้าปาดน้ำตาเงียบๆ
“แล้วน้องร้องไห้ทำไม?” ทีมงานอีกคนที่มาพร้อมกันถามขึ้นบ้าง
“ไม่ได้ร้องค่ะ” เธออ้อมแอ้มแก้ตัวไปทั้งที่มีหลักฐานที่เรียกว่า ‘น้ำตา’ เห็นอยู่ทนโท่
“น้องคือคนที่จะเล่นเกมใช่ไหม เหลืออีกคู่ พี่ตามหาแทบแย่ แล้วนี่แฟนไปไหน?” ทีมงานถามขึ้น เพราะในเวลาที่ใกล้แข่งขันแบบนี้ แต่ละคนเขาอยู่กันเป็นคู่ๆ รอทีมงานฝ่ายประสานงานกองถ่ายเรียกตัวเข้าประจำที่แล้ว แต่ที่เห็นมีอยู่สองคนที่ยืนรอแฟน คนหนึ่งก็ชายหนุ่มมาดเซอร์กับน้องสาวคนนี้ หรือทั้งสองคนจะเป็นแฟนกัน แต่ทะเลาะแง่งอนกันหน้างาน‘รีบทำความเข้าใจกันซะจะแข่งแล้ว’ ทีมงานสาวคิดเพราะตั้งแต่ทำรายการมาเธอเห็นคู่รักที่มาแข่งแล้วงอนกันทะเลาะกันกลางกองถ่ายแบบนี้บ่อยจนชินเสียแล้ว
“อยู่นี่ครับ!” ชายหนุ่มเจ้าของร่างสูงเอ่ยมาแต่ไกล สิ่งนั้นทำเอาปภาณพิชญ์ที่เพิ่งจะเช็ดน้ำตาจนแห้งตกใจขยี้ตาที่ยังพร่าอีกครั้งเพื่อจะได้เห็นชัดๆว่าเสียงใคร ‘ชีวิตนี้มีแฟนคนเดียวนะ แล้วก็เพิ่งถูกแย่งไปถ้าจะต้องมีแฟนใหม่ทำไมฟ้าส่งมาไวนักล่ะ ยังไม่ได้อธิษฐานเลยด้วยซ้ำ’ ปภาณพิชญ์คิดขณะสายตาก็เริ่มมองเห็นหน้าหล่อๆ ของหนุ่มมาดเซอร์เจ้าของประโยคบาดใจนั้นชัดเจนขึ้น
พระเจ้าช่วย... กล้วยทอดของปภาณพิชญ์!
“หนีมานั่งตรงนี้เอง ไปล้างหน้าก่อนไป เกมใกล้จะเริ่มแล้ว” เขาบอกด้วยท่าทีสนิทสนมพร้อมเผยรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้าที่เคยได้รับฉายาว่า ‘บุรุษหน้าเดียว’ หรือ ‘ช่างภาพหน้าเดียว’ อันเป็นฉายาจากบรรดานางแบบและสไตลิสต์หลายๆ คนในวงการนิตยสารแฟชั่น หากแต่รอยยิ้มของเขานั้นสดใสอย่างยากอธิบาย
ปกติธันยาพัฒน์เป็นผู้ชายยิ้มยากเป็นทุนอยู่แล้ว จนเป็นสาเหตุให้เขาได้รับฉายาว่า ‘ผู้ชายหน้าเดียว’ มาตั้งแต่เด็ก พอโตเป็นหนุ่มหล่อเลี้ยงตัวเองโดยไม่พึ่งเงินทางบ้านด้วยอาชีพช่างภาพอิสระ เขาก็ได้รับฉายาจากบรรดานางแบบนายแบบและสไตล์ลิสต์ทั้งหลายว่าเขาน่ะ เป็น ‘ช่างภาพหน้าเดียว’ จะดีใจเสียใจมีความสุขหรือทุกข์ ใบหน้าเขาก็เรียบนิ่ง นานทีจึงจะเผยรอยยิ้มสักครั้ง แต่ก็เป็นเพียงรอยยิ้มบางๆ เหมือนคนขี้เกียจจะยิ้ม คนที่มีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มของเขานับว่าเป็นคนโชคดีคนหนึ่งเลยก็ว่าได้
“อ้าว! เมื่อกี้น้องบอกแฟนเข้าห้องน้ำ?” ทีมงานท้วงขึ้น มองด้วยดวงตาเจือแววสงสัย
“ครับ แฟนผมขี้อาย เรางอนกันนิดหน่อยครับเลยแอบมานั่งร้องไห้ตรงนี้ มาถึงแล้วไม่อยากเล่นเกมจะหนีกลับบ้านท่าเดียว” เขาบอกเหตุผล มันคือมุสาคำโตเลยนะนั่น!
“อ๋อๆ เออรีบๆ ทำความเข้าใจกันซะ แล้วรีบตามพี่เข้าไปข้างในล่ะ” ทีมงานสาวว่า คิดไว้แล้ว... ‘หนุ่มสาวฮอร์โมนพลุ่งพล่านก็งี้ เอะอะทะเลาะเอะอะงอนง้อ... แหมเห็นใจคนโสดบ้างสิวะพวกแกเอ๊ย...’ ทีมงานคิดในใจก่อนเดินส่ายศีรษะเข้าไปในฮอลล์จัดการถ่ายทำ
“นี่คุณ?” ปภาณพิชญ์กำลังคิดว่าชายหนุ่มตรงหน้าช่างเสียมารยาท เธอยอมรับว่าเขาหน้าตาดีรูปร่างเทียบนายแบบได้เลยล่ะแต่ไม่น่าเสียมารยาทขนาดนี้เลย เธอนึกตำหนิเขาในใจ
“ครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังนะครับ แต่ที่คุณทะเลาะกับแฟนในโทรศัพท์ดังขนาดนั้น... ดีแค่ไหนแล้วที่ทีมงานไม่ได้ยินเข้า”
“คุณมายุ่งทำไมเล่า!” เธอบอกอย่างเซ็งๆ พร้อมก้มหน้าหลบสายตาเขาที่กำลังจับจ้องสังเกตเธอ
“ตอนนี้เราตกที่นั่งเดียวกันนะ จะไม่ได้ยังไง?”
“คุณหมายความว่าไง?” ปภาณพิชญ์เงยหน้าถามอย่างนึกสงสัยขณะสายตาสบประสาน นาทีนั้นเองหญิงสาวจึงได้พบว่าดวงตาของผู้ชายหน้าเดียวมีสีเทาอมฟ้า... มันน่าหลงใหลพอๆกับพระเอกภาพยนตร์ฮอลลิวูดชื่อดังเลย
“แฟนผมหนีกลับบ้านไปแล้ว ส่วนคุณคงไม่ต้องให้บอก...” ชายหนุ่มหยุดจ้องตาคู่นั้นที่กำลังช้ำแดงเพราะผ่านการร้องไห้มาหมาดๆ แล้วชายหนุ่มก็พูดต่อไปอีกว่า “ปัญหาที่เกิดกับคุณไม่ใช่ผมไม่รู้” พูดจบเขาก็มองเห็นละอองน้ำตาที่กำลังสั่นระริกในดวงตาคู่สวย ก่อนที่มันจะเอ่อรื้นขึ้นมาอย่างยากจะห้ามได้...
“อืม” หญิงสาวพยักหน้าหงึกๆ น้ำตาก็พานจะไหล
“คุณหยุดร้องไห้ก่อนได้ไหมครับ... เรามาคิดช่วยกันว่าจะผ่านวันนี้ไปได้ยังไงดีกว่า” เขาเอ่ยชวนสายตาคล้ายว่ากำลังปลอบโยน แต่ตอนนี้เขายังอยู่ในฐานะคนแปลกหน้า ซึ่งทำอะไรมากกว่านั้นไม่ได้
หญิงสาวแหงนหน้าสบประสานสายตาเขา
“แล้วคุณว่าเราควรทำไง?” หญิงสาวเอ่ยถาม... หวังว่าสิ่งที่เขาจะตอบออกมา คงไม่ตรงกับที่เธอกำลังเดานะ
“ในเมื่อแฟนเราต่างก็ไม่มาที่นี่ ไม่อยู่ตรงนี้ และเรากำลังจะแข่ง เราก็มาจับคู่กันสักพัก?” เขาบอกอย่างมีแผนการแต่สีหน้าเขายังคงนิ่งเรียบเช่นเดิม
“แล้วมันก็ต้องมีคู่หนึ่งที่หายไป” ปภาณพิชญ์ตั้งข้อสังเกต เพราะแผนการที่ทั้งสองกำลังจะทำนั้นมันมีช่องโหว่!
“เราแค่...” เขาจ้องเธออย่างครุ่นคิดก่อนโน้มหน้าเข้ามาใกล้แล้วกระซิบเบาๆที่ข้างหู “เงียบๆ ไว้ แล้วผมจะเข้าไปช่วยทีมงานหาคนมาแทนแฟนของเราเอง” เขาหยุดพูดครู่หนึ่ง หากทว่าลมหายใจอุ่นร้อนของเขามันเป่ารดใบหูบอบบางของเธอพาให้หัวใจหญิงสาวเต้นแรงไม่เป็นส่ำ
‘คนบ้า! เพิ่งรู้จักกันก็ถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ ทำไมอันตรายขนาดนี้เนี่ย กับพี่หมอคบกันมาเป็นปียังไม่เคยทำใจเต้นรัวแบบนี้เลยนะ!’
“คิดว่าเขาน่าจะมีสแตนอินอยู่น่า อย่างน้อยเอาคนตบมือพวกนั้นมาสวมสิทธิ์เล่นเกมก่อน แหมคุณ... รายการโทรทัศน์ระดับมืออาชีพอย่างพวกเขา ไม่เตรียมงานไว้แค่แผนเดียวหรอก”
“คุณรู้ได้ไง?” ปภาณพิชญ์เอ่ยถามออกไปด้วยความแปลกใจ
“ผมเป็นช่างภาพฟรีแลนซ์ สายงานของผมมันก็คล้ายๆ กันน่ะ งานบันเทิง วงการมายาเค้ามีก๊อกสอง ก๊อกสาม เป็นแผนสำรอง” เขาหยุดจ้องหน้า “ว่าแต่คุณจะเอาไง?” เขาย้ำคำถามไปที่หญิงสาวที่ตาแดงก่ำ เพราะผ่านการร้องไห้มาพอสมควร ชายหนุ่มหน้าเรียบนิ่ง แม้ดูเหมือนหัวใจเย็นชาก็จริง แต่กลับทนไม่ได้ เมื่อเห็นน้ำตาผู้หญิง... ธันยาพัฒน์ไม่เคยทำผู้หญิงต้องร้องไห้ และไม่ชอบเห็นผู้ชายหน้าไหนก็ตามทำร้ายจิตใจผู้หญิง กระทั่งถึงขั้นร้องไห้เสียน้ำตาแบบนี้
สถานการณ์เหมือนทั้งคู่ลงเรือลำเดียวกัน สภาพเธอเองตอนนี้ก็เหมือนเดินมาไกลเกินกว่าจะหันหลังกลับ ความจริงเธอก็ไม่ได้หวังรางวัลอยู่แล้ว แค่อยากง้อคนรัก แต่ถ้าเขาไม่อยู่ การทิ้งไปกลางคันมีแต่จะถูกทีมงานด่าตามหลังน่ะสิ เธออาจจะตกลงกับเขาแล้วแข่งให้จบๆไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราว
“เอาก็เอาค่ะ”หญิงสาวปาดคราบน้ำตา หายใจเข้าปอดลึกสุดก่อนลุกขึ้น “ฉันตกลง!” เธอบอกดวงตาเธอดูเข้มแข็งขึ้นมา
“ไปล้างหน้าก่อนดีไหม...”เขาแนะ ก่อนจะพูดเสริมขึ้นด้วยน้ำเสียงอบอุ่นราวปลอบโยน “เติมแป้งและลิปสติกสักนิดก็ได้ ผมจะรอแถวๆ ทางเข้านะครับ” เขายิ้มบางอย่างเห็นอกเห็นใจหญิงสาวขี้แยตรงหน้า แน่นอนว่าเธอเป็นผู้หญิงที่โชคดีในรอบปีที่มีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มของเขา
“ค่ะ” ปภาณพิชญ์พยักหน้ารับรู้ก่อนเดินตรงไปที่ห้องน้ำของโรงถ่ายทำ
ปภาณพิชญ์ก้าวออกมาหลังจากทำธุระเสร็จเรียบร้อย พบว่าร่างสูงมาดเซอร์กำลังยืนรอเธออยู่ นานแค่ไหนแล้วที่ปภาณพิชญ์ไม่มีผู้ชายยืนรอหน้าห้องน้ำแบบนี้ เขาทำให้เธอหวนกลับไปนึกถึงเวลาหลังชมภาพยนตร์จบ พี่หมอจะต้องยืนรอเธอหน้าห้องน้ำ เหมือนกับแฟนหนุ่มของสาวๆ ทุกคนที่ไปชมภาพยนตร์เป็นคู่ๆ ใครที่เดินออกมาแต่ไม่มีคนรักยืนรออยู่ก็ดูจะมีท่าทีเก้อเขิน... หล่อนต้องดูภาพยนตร์คนเดียวมาพักหนึ่งแล้ว หลังจากพี่หมอให้เหตุผลว่า งานที่โรงพยาบาลที่สังกัดนั้นยุ่งมาก คนไข้เยอะ ไปไหนมาไหนกับเธอบ่อยๆ เหมือนเเต่ก่อนคงจะไม่ได้ ในเวลาต่อมา เพื่อนสนิทของปภาณพิชญ์เล่าให้ฟังว่า พี่หมอของเธอสนิทสนมกับแพทย์สาวที่เธอก็รู้จักแต่... ไม่คิดว่าเขาจะสนิทถึงขั้นคบหากัน และนั่นหมายความว่าพี่หมอคบซ้อน
“เรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ?” เขาเอ่ยถาม สีหน้านิ่งไม่แสดงอารมณ์ แม้จะหน้าตาดีแต่เสียดายที่ใบหน้านิ่งเรียบเหมือนเจ้าชายน้ำแข็ง ถ้าไม่รู้จักก็คงคิดว่าเขาไปฉีดโบท็อกซ์มามากเกินจำเป็นจนใบหน้าแสดงอารมณ์ไม่ได้ แต่ความจริงเขาเป็นคนนิ่งๆ แบบนั้นเอง
“ค่ะ” ปภาณพิชญ์พยักหน้ารับ ดวงตาที่เคยเศร้าหมองดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง เหตุผลที่ปภาณพิชญ์ตัดสินใจอยู่ต่อไม่ใช่เพราะอยากได้รางวัล แต่เพราะเธอไม่อยาก ‘เสียคำพูด’ มากกว่า
“พร้อมนะ?” เขาเอ่ยถามถึงความพร้อมของคนตัวเล็ก เขารูปร่างสูงและดูสมาร์ทมาก จากสายตาของปภาณพิชญ์คะเนดูน่าจะร้อยแปดสิบได้ คางของเขาอยู่ระดับเดียวกันกับหน้าผากมนของเธอ ทำให้หญิงสาวนึกถึงการ์ตูนตาหวานที่พระเอกจะรูปร่างสูงยาวขณะที่นางเอกตัวเล็กนิดเดียว แต่ได้ระดับพอดีเหมาะสมหากเขาโน้มหน้าลงมาแนบจูบที่ริมฝีปากอิ่มสวยนั้น... ปภาณพิชญ์กำลังจินตนาการถึงการ์ตูนตาหวานต่างหาก ทำไมชายหนุ่มตรงหน้าถึงเอาแต่ยิ้ม
“อืม” หญิงสาวเปล่งเสียงขานรับในลำคอ คงไม่กล้าจะพูดอะไรมาก กลัวเขาจะจับได้ว่าตนแอบคิด ‘อกุศล’ กับเขาเข้าแล้วไง
“งั้นเราเข้าไปข้างในได้แล้ว” เขาเอ่ยชวน ปภาณพิชญ์เดินตามเขาต้อยๆ
“เอ่อ... คุณคะ ชื่อคุณ...?” หญิงสาวหยุดชะงักครู่หนึ่ง เงยหน้าสบประสานดวงตาคมของเขา
“เรียกผมว่าแทน... ผมชื่อแทนครับ ธันยาพัฒน์คือชื่อไทยของผมครับ” ชายหนุ่มตอบ ดูเหมือนว่ามุมปากข้างหนึ่งจะโค้งเป็นรอยยิ้มบางๆ น่าค้นหา รอยยิ้มนั้นทำให้เขาดูเป็นผู้ชายมากเสน่ห์อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
“คุณเป็นลูกครึ่งหรือคะ?” ความจริงปภาณพิชญ์ไม่น่าถามเลยด้วยซ้ำเพราะคำตอบมันก็ชัดเจนอยู่ที่รูปลักษณ์ของเขาอยู่แล้ว ทั้งดวงตาสีเทาอมฟ้า ปากสีชมพูธรรมชาติ ผมสีน้ำตาลเข้มและรอยกระที่มีแต่พอน่ารักบนแก้มทั้งสองข้าง
“ไทย-อังกฤษ แพทริค เจ. วิลเลี่ยม ชื่ออังกฤษครับ” เขาตอบน้ำเสียงของเขาเรียบนิ่งฟังดูมั่นคงดี ปภาณพิชญ์บอกตัวเองอย่างนั้น
“ฉันชื่อปภาณพิชญ์ เรียกโยเกิร์ตก็ได้... นั่นชื่อเล่นฉันค่ะ” เธอตอบเขาแต่กลับเขินอายขึ้นมาเฉยๆ อยู่ดีๆ ก็ใจเต้นแรง
“ยินดี... เอ่อ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” เขาหยุดสบประสานสายตา ‘โยเกิร์ต... ผมก็ชอบกินโยเกิร์ตเหมือนกันนะ!’ เมื่อพิศให้ดีเขาก็พบว่าหญิงสาวตรงหน้าก็หน้าตาน่ารัก สวย หวานจิ้มลิ้มพริ้มเพรา ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าผู้ชายที่ทำเธอร้องไห้ ทำไมถึงโง่ขนาดนี้นะ
“ค่ะ ยินดีเช่นกัน” เธอตอบขณะหัวใจก็เต้นแรงเหลือเกิน ไม่อาจทนสบประสานสายตากับช่างภาพรูปหล่อได้นาน เพราะมันทำให้เธอรู้สึกร้อนวูบวาบที่พวงแก้มทั้งสองข้างถ้าไม่รีบหลบตาตอนนี้มีหวังสีแดงๆ ของแก้มสาว ได้สะท้อนอยู่ในดวงตาของเขาเป็นแน่คงเป็นเรื่องน่าอายน่าดู ถ้าปล่อยให้เกิดเรื่องอะไรแบบนั้นขึ้นต่อหน้าผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกัน
“ถึงแม้ว่าเราจะรู้จักกันในสถานการณ์ที่ไม่ค่อยจะโอเคเท่าไหร่” เขาบอกอย่างแค่นยิ้ม
“แต่ก็ยังถือว่าเป็นเรื่องดีนะคะ” เธอตอบพร้อมใช้นิ้วเกี่ยวปอยผมขึ้นเหน็บใบหูแก้เขิน‘ทำไม... ต้องรู้สึกเขินกับผู้ชายคนนี้ด้วยนะ?’ หญิงสาวตำหนิตัวเอง
“ครับผม เราเข้าไปข้างในกันได้แล้ว” เขาชวนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ไม่พูดเปล่า มืออบอุ่นเกี่ยวมือนุ่มจับจูงเดินเข้าไปด้านใน หากหญิงสาวขืนตัวไว้ ก่อนพูดอะไรบางอย่าง
“ว่าแต่เรื่องที่มันจะต้องมีทีมหนึ่งที่หายไปล่ะคะ?” หญิงสาวยังถามด้วยความเป็นกังวลเพราะกลัวถูกทีมงานจับได้แล้วเรื่องเล็กมันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่น่ะสิ
“ผมบอกทีมงานไปแล้วครับ ไม่ต้องกังวล” เขาบอก สิ่งนั้นสร้างความสบายใจให้ปภาณพิชญ์ขึ้นมาทันที
“โอ... ดีจังค่ะ” ปภาณพิชญ์รู้สึกโล่งใจจนเผยรอยยิ้มหวานละมุนละไมออกมา รอยยิ้มนั้นตรึงอยู่ในหัวใจใครบางคน ทั้งที่เพิ่งรู้จักกันเพียงไม่นาน ผู้ชายอย่างธันยาพัฒน์ผู้ไม่เคยเชื่อเรื่อง ‘รักแรกพบ’ แต่ตอนนี้ชายหนุ่มชักลังเลสับสน!
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ปล.รอเรื่องนี้อยู่น้าา สู้ๆ