ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : [OS] You know how i feel : ChanKai
- you know how I feel -
Park Chanyeol x Kim Jongin
[-]Hyphen
อ้างอิงเซไคจากหนังสือ VougeKorea กับหน้าตาไม่ได้รีดของชานยอลที่สนามบินมาเก๊า
---------------------------------------------------------------------------
อะไรบางอย่างที่เคลื่อนไหวอยู่ใต้ผ้าห่มทำให้จงอินตื่นจากฝัน ดวงตาเบิกโพรงแต่ร่างกายกลับเกร็งเขม็ง ห้องพักที่ครอบครองอยู่ไม่มีใครอื่นนอกจากเขา ดังนั้นทั้งแรงยวบจากข้างหลังและสัมผัสตรงต้นขาจึงเป็นปริศนา ไม่ปฏิเสธว่าสั่นกลัวแต่เขาจะไม่แสดงออก ใครบางคนที่เข้ามาในห้องนี้ได้ในเวลานี้ไม่น่าจะเป็นคนที่เขาต้องระวังอันตรายขนาดนั้น แต่เขาอาจจะต้องระวังเรื่องอื่นที่ใครคนนั้นกำลังจะกระทำต่อเขา
มีคนเข้ามาในห้องนี้ได้ยังไง นั่นคือสิ่งที่คิดในตอนนี้นอกเหนือจากคำถามที่ว่า คนคนนั้นเป็นใคร
เขากัดฟันทันทีที่ลมหายใจอุ่นร้อนรดต้นคอ มันอุ่นกว่าหลายเท่าเมื่อเทียบกับมือเย็นจัดที่กำลังรุ่มร่ามอยู่ที่เดิมบริเวณต้นขา จงอินไม่รู้ว่าเขาควรทำยังไง จะหันหลังกลับไปมองให้รู้ว่าเป็นใครหรือจะร้องตะโกนโวยวายดี ดึกดื่นแบบนี้ทุกคนน่าจะหลับไปแล้ว หรือจะเป็นเซฮุนที่ชอบเล่นอะไรพิเรนๆ เขาไม่แน่ใจ
“อึ...” คว้าข้อมือใหญ่และหนาที่กำลังจะสอดเข้าใต้กางเกงผ้า จงอินสัมผัสโดนอะไรบางอย่างที่ทำให้คลายปมตรงหว่างคิ้วแต่ก็แค่แป๊บเดียว แล้วตาเฉี่ยวก็เบิกกว้างอีกครั้ง เขาหันไปข้างหลังเพื่อมองหน้าใครคนนั้น แต่ในห้องมืดสนิทเสียจนเขาจนใจ แต่ไม่เป็นไร เขาจับใบหน้านั้นไว้ด้วยมืออีกข้างที่ยังว่างแล้วพยายามเพ่งพินิจ เขาอยากมั่นใจว่าคือคนคนนั้นจริงๆ
แล้วจูบเย็นเฉียบกว่าฝ่ามือก็ทำให้เขาตื่นตระหนก จงอินร้องเสียงหลงในลำคอเมื่อใครอีกคนฉวยจูบรวดเร็วซ้ำยังคว้าข้อมือของเขาไปยึดไว้ด้วยแรงมหาศาล ทั้งปากทั้งจมูกเย็นเฉียบแต่สัมผัสไม่ได้เย็นชืด ตรงกันข้าม มันร้อนแรงเหมือนเขาเป็นเหยื่อที่กำลังถูกล่าจากนายพราน และเขาเป็นกวาง ร่างใหญ่โตกระโจนขึ้นบนตัวเขาทั้งที่ปากยังประกบ จงอินขืนแรงไม่ไหวไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนก็ตามบนร่างกาย มันชาวาบไปหมดทั้งข้อมือที่เจ็บ และเขายังกลัว ความไม่มั่นใจว่าใช่คนที่คิดหรือไม่บวกกับแรงกระทำนั้นต่างจากที่เคยได้รับจากคนที่คิดไว้ทำให้จงอินยังสับสน อาจจะไม่ใช่ หรืออาจจะใช่เขาเองก็จนปัญญาจะหาคำตอบเพราะรำพังตัวเองยังเอาตัวไม่รอด
จูบยังคงดำเนินต่อไปแต่ไม่ใช่ที่ปาก เขาถูกลากไล้ไม่เบาแรงจากริมฝีปากล่างที่ถูกดูดดึงลงไปที่คาง จงอินสูดหายใจเข้าปอดเพราะเกือบจะขาดใจอยู่รอมร่อเปิดทางให้ร่างข้างบนเก็บเกี่ยวทุกพื้นที่บริเวณลำคอ ลิ้นชื้นเลียวนตรงลูกกระเดือกทำจงอินขนลุกซู่....บิดข้อมือคว้าหมอนแล้วจิกเกร็ง ตอนนั้นเองที่นิ้วยาวสอดเข้าประสานราวกับหึงหวงเนื้อหมอนที่ได้อยู่ในอุ้งมืออย่างไรอย่างนั้น จงอินไม่รู้ว่าทำไมทั้งที่เขากำลังโดนลิดรอนจากใครก็ไม่รู้ แต่เขากลับรู้สึกดีกับการถูกกระทำอย่างคุ้นเคย
“ฮา...” หว่างขาถูกเบียดเข้ายึดโดยง่ายทั้งที่เขาขัดขืนเต็มแรง จงอินรู้ว่าเขากำลังจะโดนทำอะไรแต่ก็ยังไม่กรีดร้องออกไป จังหวะที่ใครคนนั้นปล่อยมือทั้งสองข้างออกเพื่อทำอะไรสักอย่างที่เขาเองก็มองไม่เห็น เขาเอี้ยวตัวแล้วเอื้อมแขนสุดแรงไปที่โคมไฟหัวเตียง
ใบหน้าของคนที่เขาคิดไว้ในใจตั้งแต่จับโดนนาฬิกาในตอนแรก ปรากฏโผล่พ้นคอเสื้อที่เจ้าตัวเพิ่งถอดออกแล้วโยนลงข้างเตียง จงอินยันตัวขึ้นนั่งโผกอดเจ้าของสีหน้านิ่งเฉยที่เขาคิดถึง ถอนหายใจโล่งเมื่อความกลัวถูกกระชากออกจนหมดตั้งแต่เห็นหน้า ในใจร่ำร้อง
คิดถึงเหลือเกิน
“พี่ชานยอล” อีกฝ่ายยังคงนิ่ง จงอินซุกหน้าลงกับไหล่แข็งแรงแล้วหลับตาซึมซับกลิ่นที่ยิ่งสูดเข้าไป ก็ยิ่งทำให้น้ำตาที่เก็บกักไว้ในตอนแรกและตอนที่โล่งอกปนดีใจเอ่อคลอ สวมกอดแน่นขึ้นแต่อีกคนก็ยังเอาแต่นิ่งอยู่อย่างนั้น จงอินใจเสียแต่ก็ไม่เท่าความดีใจที่ได้เจอในเวลานี้ ตีสามที่มาเก๊าหนาวมากขนาดที่ในห้องเปิดฮีสเตอร์แล้วก็ยังหนาวอยู่ดี แต่คนที่ถอดเสื้อออกไปไม่มีท่าทางหวาดหวั่นกับความหนาวเย็นนี้เลย “พี่ชานยอลครับ”
“......” ใจดีสู้เสือเรียกอีกครั้ง จงอินละออกมามองหน้าอีกคนแม้ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดถึงทำให้คนรักของเขามีอาการแบบนี้แต่ถ้าเขาทำอะไรผิดไป เขาหวังว่าชานยอลจะมองหน้าเขาแล้วยกโทษให้ แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นดวงตาคมกริบที่จ้องเขาราวกับโกรธเคือง ใบหน้าตั้งตรงที่ไม่ได้หันมามองมีแต่แววตาเท่านั้นที่ปลายมา ไม่มีเสียงตอบรับ ไม่มีการกอดปลอบ มีแต่แรงกระชากชายเสื้อของเขาจนหลุดพ้นหัวออกไปรวดเร็ว แล้วหลังจากนั้นเขาก็โดนริมฝีปากเย็นจัดคู่เดิมครอบครอง
“พี่ชานยอล เดี๋ยวก่อนครับ” จงอินไม่รู้ ไม่รู้เลยว่าชานยอลเป็นอะไร เจอหน้ากันก็ไม่พูดกับเขาสักคำ พี่ซึงฮวานบอกเขาว่าชานยอลจะบินมาสมทบกับคนอื่นๆ เช้าวันพรุ่งนี้ นั่นทำให้การได้เห็นอีกคนในเวลานี้ทำให้จงอินมีความสุข แต่อะไรคืออีกคนไม่พูดกับเขาแถมยังทำเหมือนกับกำลังลงโทษเขาอยู่ เขาทำอะไรผิดก็ไม่บอกกันสักคำ ความน้อยเนื้อต่ำใจเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ทำเอาน้ำตารื้อขึ้นมาอีกแล้ว ร่างสูงเอาแต่จูบไปทั่วซอกคอและฐานไหล่ ดันร่างเล็กกว่าให้นอนลงไปตามเดิม จงอินพยายามผลักอีกคนออกเพื่อหวังจะยุติเรื่องพวกนี้ไว้ก่อนแล้วนั่งคุยกัน แต่ชานยอลก็เอาแต่กดอีกคนไว้จนจมไปกับที่นอน แรงดิ้นไม่ได้ทำให้มือหนาติดขัด ชานยอลใช้มือข้างหนึ่งลดลงต่ำเพื่อดันกางเกงผ้านิ่มให้หลุดจากสะโพก ลดตัวลงต่ำตามลงมาเพื่อหยอกล้อรุนแรงกับปุ่มเล็กๆ ที่หน้าอก เอื้อให้มือข้างนั้นถอดกางเกงของคนตัวเล็กกว่าให้หลุดไปถึงหัวเข่า ชานยอลยืดตัวขึ้นจับข้อเท้าข้างหนึ่งยกสูงแล้วดึงขากางเกงทีเดียวเท่านั้น ผ้าเนื้อหนาก็หลุดออกจนหมด
เสียงกระพวนจากสร้อยข้อเท้าซ้ายดังชัดเจนในห้องที่เงียบกริบหลังจากชานยอลปล่อยปลายเท้าทิ้งลงพื้นที่นอนเต็มแรง ชานยอลแทรกตัวเข้าหว่างขาจงอินอีกครั้ง โน้มตัวลงมองหน้าอีกคนภายใต้แสงสว่างจากโคมไฟสีส้ม หัวคิ้วห่างรั้งขึ้นน่าสงสาร หน่วยตาใสไหวระริกเป็นคำถามส่งมาให้ใจกระตุกเล่น ร่างกายเปลือยเปล่าสั่นเทาจากความหนาว หรือมันอาจจะมีความกลัวผสมปนอยู่ ชานยอลไม่สนใจ
“พี่เป็นอะไรครับ” ถ้าสีหน้าพวกนี้มันไม่ทำให้เขาเห็นภาพบางอย่างซ้อนทับขึ้นมา เขาคงหยุดแล้วดึงอีกคนเข้ามากอดไปแล้ว แต่เพราะคนใต้ร่างเขาช่างไม่รู้อะไรเลยเขาถึงได้เป็นแบบนี้อยู่เรื่อยไม่เคยเข็ดหราบ จะโทษใครได้ในเมื่อเขารักเด็กคนนี้เอง รักเองก็ต้องเจ็บเอง เป็นบ้าไปเองอยู่คนเดียว
“พี่ชานยอลพี่จะทำอะไร??” เสียงขึ้นจมูกร่ำร้องหวาดกลัว จงอินขืนแรงเมื่ออีกคนกดข้อมือของเขาทั้งสองข้างไว้เหนือหัวด้วยมือเดียว จงอินมองชานยอลที่กำลังถอดหัวเข็มขัดแล้วดึงออกไม่ยากเย็น มองนิ้วเรียวปลดกระดุมกางเกงสลับกับหน้าคมอย่างอ้อนวอน กลัวแล้ว อย่าทำหน้าแบบนั้นตอนที่เขาไม่รู้ว่าในใจอีกคนกำลังมีพายุกี่ลูกในนั้น อย่ามองเหมือนจะฆ่าเขาให้ตายโดยที่เขาไม่รู้ความผิดตัวเองเลย
“!!” จงอินร้องไม่ออกเมื่อชานยอลยอลแทรกตัวเข้าลึกโดยไม่ทำให้พร้อม เบิกตากว้างเพราะความเจ็บจุกภายในและตลอดแนวสันหลังก่อนจะหลับตาแน่นในเวลาต่อมา ร่างสูงนิ่วหน้าเพราะเจ็บแปรบไม่ต่างกันแต่ไม่ถึงสามวินาทีสะโพกสอบก็เคลื่อนไหวช้าๆ พร้อมกับเสียงกึ่กกั่กของโครงสร้างเตียง จงอินยังคงหลับตากลั้นหายใจ แล้วพรั่งพรูออกมาในจังหวะที่สี่ และเมื่อลืมตาขึ้นน้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุดแต่เขาไม่มีโอกาสได้เช็ดมัน
ภาพตรงหน้าคือใครคนหนึ่งที่เขารู้จักดีจนกระทั่งก่อนหน้านี้เขาเริ่มไม่แน่ใจ ชานยอลกัดกราม โน้มกายขนานกับเขา จงอินทันได้มองตาคมที่มองมาก่อนอยู่แล้วแค่แวบเดียวเพราะเขาไม่กล้าพอจะสบสู้กับมันจึงได้แต่หันหนีไปอีกทาง จังหวะในช่วงล่างรุนแรงขึ้น เขาเจ็บมากขึ้นแต่ในขณะเดียวกันความเจ็บก็มาพร้อมกับห้วงอารมณ์สุขสมที่ไม่อยากยอมรับ ตัวเขาถูกดันหลายครั้งจนหัวเลื่อนไปชนกับฝ่ามือที่ถูกกักกันไว้เหนือหัว มันช่วยให้หัวไม่ชนกับเนื้อไม้ของหัวเตียง ในตอนนั้นความอุ่นชื้นก็เข้าครอบครองติ่งหู จงอินสะท้านหวามไหวจนเผลอตอดรัดช่วงล่าง มันทำให้คนที่ถูกรัดจากข้างในสอดลิ้นเข้ามาในหูเป็นการทำโทษ ฟันคมขบกัดกระดูกอ่อนช่วงปีก มันเจ็บนิดหน่อยจนเขาดิ้นแต่ก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น
“สี่ร้อยเล่มจากเว็บไซส์ในจีน” เขาถูกกระทุ้งรุนแรงในจังหวะคำพูดนั้น และความงุนงงเข้าครอบงำช่วงหนึ่งของอารมณ์ แต่ก็ถูกกระชากกับมาด้วยสะโพกและฟัน มันทำงานประสานกันอยู่ที่ช่องทางและหูของเขา “และอีกเป็นพันๆ เล่มจากหลายเว็บในเกาหลี”
“......” เขาไม่ได้พูดอะไรกลับไปเพราะไม่รู้จะพูดอะไร ที่อีกคนพูดมาเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหมายถึงอะไร
“แล้วถ้าเดินเจอที่ไหนก็จะซื้อมาเผาทิ้งให้หมด ไม่ให้เหลือรกหูรกตาแม้แต่เล่มเดียว”
ร่างข้างใต้ส่งสายตาเป็นคำถามส่งมาให้เพราะไม่เข้าใจสิ่งที่อีกคนกำลังสื่อ ชานยอลมองตอบแล้วยันกายตั้งตรงยึดสะโพกเล็กไว้ทั้งสองมือ ไม่ตอบคำถาม แต่ดันกายรุนแรงขึ้นกว่าเดิม
จงอินน้ำตาไหลเมื่อหน้าอกบีบคั้นหนักหน่วง ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรถึงได้เอาแต่เงียบแล้วกระทำกับเขาไม่พูดจา
สองมือปัดป่ายมือที่เอาแต่จับตรึงเขาเอาไว้ แต่สะโพกแข็งแรงไม่ได้ปราณีเขาเลยด้วยซ้ำ ทั้งกดย้ำทั้งรวดเร็วรุนแรง จงอินปล่อยเสียงร้องฮือในตอนที่ชานยอลจับข้อพับดันขึ้นแล้วกระชากเอากางเกงที่ติดพันอยู่ที่ขาขวาออกไปด้วยอารามหงุดหงิด ไม่มีความอ่อนโยน ไม่มีทะนุถนอม เหมือนไม่ได้ทำด้วยความรักเหมือนทุกที
“ร้องทำไม ทำผิดแล้วก็ร้องไห้ นายคิดว่าพี่จะโง่ใจอ่อนให้นายซ้ำๆ อีกกี่ครั้ง?”
อีกแล้ว พูดแต่เรื่องที่เขาไม่เข้าใจ จงอินหลับตาส่ายหน้าไปมาจนผมเผ้ากระจายบนหมอน พยายามกลืนเสียงสะอื้นลงคอ
"หึ...” แต่ความพยายามก็สิ้นสุดเพราะเสียงทุ้มสั้นๆ น้ำตาไหลออกมาอีกเมื่อเห็นรอยยิ้มเหยียดหยันตรงมุมปาก “เก่งจังเลยนะ เรื่องหว่านสเน่ห์ไปทั่วคงไม่มีใครเกินนายแล้ว”
“ผมทำอะไร...” ทำอะไรให้พี่โมโห
ชานยอลยังคงเคลื่อนไหวช่วงล่างไม่หยุดแม้ภาพตรงหน้าจะทำให้เกือบใจอ่อน แรงอ่อนล้าที่ยังคงปัดป้อง น้ำตา สีหน้าไม่รู้เรื่องรู้ราว น้ำเสียงสั่นเครือเกือบทำให้เชื่อแล้วว่าเด็กคนนี้ไร้เดียงสา
“บอกสิครับ ผมทำอะไรผิด”
"อย่าทำเป็นไม่รู้หน่อยเลย กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง”
"พี่ชานยอล...อึก...ถ้าพี่ไม่พูดผมก็ไม่รู้...” ร่างอ่อนแรงยังคงพูดแม้จะยากลำบากเพราะทุกจังหวะกระแทกกระทั้นไม่หยุดหย่อน คนข้างบนทำเหมือนเขาเป็นสิ่งของอย่างไรอย่างนั้น ไม่ฟังกันไม่เท่าไหร่แต่การกระทำเอาแต่ได้กับเขาสิที่ใจร้าย
คิม จงอินทำอะไรผิดนักหนา
“.......”
"พี่ชานยอล ผมเจ็บ” แม้จะพยายามเท่าไหร่ก็เหมือนจะยิ่งทำให้อีกคนโกรธ จงอินกัดฟันทนความเจ็บที่แล่นปรี๊ดจากสันหลังขึ้นสมองเมื่อชานยอลโน้มตัวทาบทับจนมิด ทั้งตลอดลำตัวและส่วนล่างที่เชื่อมกันไม่มีตรงไหนให้อากาศเล็ดรอดได้เลย เสียงเตียงดังสนั่นจนกลัวว่าห้องข้างๆ จะได้ยินเพราะหัวเตียงเริ่มกระแทกผนังสองสามครั้ง ความเจ็บบริเวณลำคอนั้นเสียวซ่าน จงอินครางอื้ออึงแล้วจิกทึ้งเส้นผมดำสนิทของคนเอาแต่ใจ บังคับทิศทางให้จมูกโด่งซุกไซ้ให้ทั่วบริเวณ เขารักทุกการกระทำของผู้ชายคนนี้แม้มันจะสร้างความเจ็บปวดให้บ่อยครั้ง ชานยอลที่ทั้งเกรี้ยวกราดและใจร้อนซ้ำยังใจร้าย นั่นคือทั้งหมดที่เขารัก
“อือ...” เขาเกี่ยวขาเข้ารัดสะโพกสอบที่ยังคงควบเข้าออกในชองทางที่เริ่มชินของเขา และตอนนั้นเองที่เพิ่งรู้ว่าชานยอลไม่ได้ถอดกางเกงออกไปด้วยซ้ำ คงแค่รูดซิบกางเกงให้พอทำกิจกรรมกับเขาได้ก็พอ เราจูบกันอีกทั้งที่อารมณ์หงุดหงิดเมื่อครู่ยังไม่ได้รับการสะสาง แต่ช่างมัน ความคิดถึงตลอดหนึ่งสัปดาห์บอกให้จงอินช่างมันไปก่อนแล้วยกสะโพกของตัวเองสอดรับกับความป่าเถื่อนที่เขาชื่นชอบ เขาถูกดูดที่คออีกครั้ง นั่นก็เป็นเรื่องช่างมันอีกหนึ่งเรื่องทั้งที่ไม่ควรจะเป็นอย่างนั้น เขาไม่ควรมีร่องรอยบนร่างกายในเมื่อพรุ่งนี้ต้องเล่นคอนเสิร์ต
แต่ช่างมัน
ช่างมัน
“มีอะไรกับมันแล้วใช่ไหม?”
“ห่ะ!!” สิ้นคำถามเขาก็ถูกกัดเข้าที่หัวนมอย่างแรง มันเจ็บมากกว่าทุกที่ในตอนนี้แต่ก็ได้รับการเยียวยาด้วยปลายลิ้นที่ดุนดันหยอกล้อทั้งที่เป็นคนกัดลงไปเองจนจงอินต้องขยุ้มกลุ่มผมของชานยอลเพื่อบรรเทา “พี่หมายถึงใคร...”
“เซฮุน มีอะไรกับมันกี่ครั้งแล้วตอนที่พี่ไม่อยู่”
“......”
“ตอบสิ อย่าเอาแต่เงียบทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ” ชานยอลยังคงกลืนกินร่างกายใต้ร่าง จนไม่ได้สังเกตุว่าอีกคนที่บิดเร้าไปมาในตอนแรกไม่ได้เคลื่อนไหวอีกแล้ว “ชำนาญอยู่แล้วนี่เรื่องแอบกินกับคนอื่นลับหลัง ขนาดซิคิวริตี้คนนั้นที่บริษัทจ้างมาให้ดูแล นายก็ยังให้เบอร์โทรศัพท์เขาแล้วแอบนัดแนะออกไปเจอกันข้างนอก”
พอแล้ว พอกันที
"......” จงอินปล่อยร่างกายที่ยังคงถูกดุนดันให้เคลื่อนไหวไปตามการชักนำของคนข้างบน เขาไม่ได้ยินอะไรอีกแล้วหลังจากนั้น น้ำตามากมายจากที่คิดว่าแห้งไปหมดแล้วแต่ก็ยังคงมี และมากกว่าเดิม
“พวกไม่รู้จักพอ”
เขาเสียใจ
อีกครั้งที่เราทะเลาะกัน จุดเริ่มต้นเหมือนเดิมทุกครั้งนั่นคือความหึงหวงในตัวเขา จงอินนึกย้อนกลับไป ไม่มีสักครั้งเลยหรือที่ทำให้อีกคนไว้เนื้อเชื่อใจว่าเขาไม่เคยมีคนอื่นแม้ในความคิด
แล้ววันนี้เขาก็ได้คำตอบแล้วว่าไม่เคยเลย
"ผมรักพี่มากนะ...” จู่ๆ ก็พูดขึ้นมา ชานยอลชะงักเล็กน้อยเพื่อฟังแต่ก็ยังคงซุกไซ้ไม่เลิกราราวกับสิ่งที่อีกคนพูดไม่น่าใส่ใจ “แล้วพี่ล่ะเคยรักผม เชื่อใจผมบ้างไหม?”
"......”
"ถ้าร่างกายของผมมันน่ารังเกียจมากนักก็ไม่ต้องแตะต้องมันแล้วก็ได้ ถ้าผมมันไม่ดี ไม่รู้จักพอ ถ้าเป็นอย่างนั้น...”
"จงอิน หยุด...”
"ก็ไม่ต้องรักกันแล้วก็ได้”
.
.
.
"อย่าพูดว่าไม่ต้องรักกันแล้ว อย่าพูดอีก....”
จงอินกำลังจะหนีเขา ขังตัวเองไว้เหมือนทุกครั้งที่เราทะเลาะกัน ชานยอลที่ได้แต่มองคนที่นอนนิ่งอยู่ใต้ร่างอย่างคนทำอะไรไม่ถูก จริงๆ แล้วก็ตั้งแต่ที่ได้ยินประโยคนั้น จงอินไม่ได้ฟูมฟายแต่แค่ปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้จงอินร้องไห้จะเป็นจะตายแต่แรงโกรธที่ปะทุอยู่ในใจทำให้เขาละเลย
แล้วตอนนี้จะเอาอะไรมาเรียกร้องให้เด็กคนนี้พูดกับเขา
ชานยอลจับข้อมือของคนที่บิดตัวนอนตะแคงทั้งที่ช่วงล่างยังคงถูกเขาพันธนาการ แต่ก็ถูกยื้อออก เสียงสูดจมูกของคนร้องไห้ทำเอาหัวใจคนที่โกรธอยู่อ่อนลงทันตา
ทำอะไรลงไปวะชานยอล
นี่คือผลของความหึงหวงไม่ลืมหูลืมตาหรือ? มันคือการทำให้เด็กคนนี้เป็นแบบนี้สินะ... ทำไมไม่เคยจำว่าทุกครั้งก็ทำให้ร้องไห้ ทำไมไม่จำว่าเวลามึงโกรธทีไรก็เอาทุกอย่างมาลงที่จงอินทุกที
"จงอิน...”
"ผมขอร้อง อย่าพูดอะไรแบบนั้นกับผมอีกเลยผมไม่อยากฟัง”
"มันไม่ใช่อย่างนั้นจงอิน นายไม่เข้าใจ” ให้ตายเถอะ เขายังคงเป็นเขา ปาร์ค ชานยอลที่เห็นแก่ตัว โง่ และบ้า
"ผมไม่เข้าใจ...” ใบหน้าเปื้อนน้ำตาหันกลับมามอง “ใช่ ผมไม่เข้าใจอะไรเลยตั้งแต่พี่เข้ามาในห้อง เพราะพี่ไม่อธิบายอะไรเลยแล้วเอาแต่ใช้กำลัง”
“......”
"เราไม่ได้เจอกันเป็นสัปดาห์แล้ว ผมรอว่าจะได้เจอพี่ที่นี่ ก่อนหน้านี้ผมกลัวมาก คิดต่างๆ นาๆ ว่าใครที่เข้ามาแต่พอเห็นว่าเป็นพี่ผมดีใจแทบแย่ ผมคิดถึงพี่” ทุกประโยคเอ่ยอย่างยากลำบากเพราะก้อนสะอื้น ชานยอลเอื้อมมือหวังจะปาดมันออกให้บ้างแต่จงอินหันหลบ
“ไหนว่าจะมาพรุ่งนี้แต่กลับได้เจอในเวลานี้ พี่คิดว่าผมไม่มีคำถามในใจหรือครับ? แค่ผมเห็นหน้าพี่ก็มีคำพูดมากมายอยากพูดด้วย แต่ผมก็ไม่รู้ว่าไปทำให้พี่โกรธตอนไหน”
"......”
“ผมขอโทษถ้าผมเผลอไปทำอะไรให้พี่ไม่พอใจ แต่อย่าพูดแบบนั้นกับผมอีกเลย ผมรักพี่ ผมรอแต่พี่ อย่าพูด...ว่าผมเป็นพวกไม่รู้จัก...พอ” ประโยคท้ายๆ ฟังแทบไม่ได้ศัพท์เมื่อมันมีแต่เสียงสะอื้น
“จงอิน..พอแล้ว” ร่างสูงช้อนตัวอีกคนขึ้นมากอดแนบอก กดวงหน้าให้ซุกอยู่ที่ไหล่ปลอบประโลม
"อย่า...พูดว่าผมจะไปมีอะไรกับใครก็ได้ ผม....”
"พอแล้ว พี่ขอโทษ พี่ขอโทษ” ขอโทษที่ปล่อยให้ตัวเองเป็นแบบนี้อีกแล้ว
“......” คนในอ้อมแขนปล่อยโฮในตอนนั้น ชานยอลลูบหัวทุยอย่างที่ชอบทำ หลับตารับแรงทุบจากฝ่ามือที่กระทำต่ออกเขาอย่างยินดี
“ขอโทษที่หึงแบบนี้อีกแล้ว ทำให้นายร้องไห้อีกแล้ว”
“ทำไมไม่ถามกันดีๆ อึก ทำไมต้องทำกับผมแบบนี้ พี่...ไม่เชื่อใจผมเลย” พูดไปก็สะอื้นไปอย่างน่าสงสาร มือก็ยังทุบอยู่อย่างนั้น “เซฮุนเป็นเพื่อน เป็นเพื่อน...จริงๆ ทำไมถึงคิดแบบนั้น...กับ..เซฮุนล่ะครับ”
“ไม่คิดแล้วครับ ไม่เอาไม่ร้องแล้วนะ” ตอนนี้อะไรก็ตามที่พูดออกมาแล้วจะทำให้เด็กของเขาใจชื้นขึ้นมาบ้างเขาจะทำ ทั้งลูบหัวแล้วโยกตัวเหมือนกล่อมเด็กเล็กๆ
“กับพี่คยองฮุน ผมก็บอกกี่ครั้งแล้วว่ามันไม่มีอะไร”
“ครับ ครับ รู้แล้ว”
"งั้นบอกผมสิครับ ว่าผมทำอะไรผิด”
นั่นไง เรื่องยากมาอีกแล้ว ชานยอลนิ่งเงียบใช้ความคิด จะให้บอกจงอินยังไงในเมื่อต้นเหตุมันโคตรไร้สาระ(เหมือนทุกที) เขาไม่อยากพูดเลยว่าครั้งนี้เขาหึงจงอินกับบรรดาคู่กรณีจากอะไร
"พี่ชานยอล...ถ้าพี่ไม่พูดแสดงว่าพี่ยังโกรธ..โกรธผมอยู่”
ไม่ใช่ ไม่ใช่เลย เขาจับหน้าอีกคนให้มามองตากันแล้วส่ายหน้าให้รู้ว่ามันไม่ใช่อย่างที่คิด จูบหน้าผากแล้วเช็ดน้ำตาให้ จงอินมองหน้าเขาแล้วจับมือของเขาไปทาบแก้มก่อนจะพูดออกมาอีกว่าให้เขาบอกเหตุผล ชานยอลจำยอมด้วยความผิดที่ทำไว้ก่อนหน้านี้ จำยอมด้วยหน่วยตาที่คลอน้ำชื้น และขนตาเป็นกระจุก
เขาโคตรจะแพ้ในทุกด้านแต่ก็กล้าจะเปิดศึกแล้วเล่นใหญ่ในทุกครั้ง
“เมื่อสามวันก่อน” เขาเว้นระยะ นั่นทำให้จงอินเลิกคิ้วรอประโยคถัดไป “ในไอจีของโวค...คือ จะว่ายังไงดีล่ะมันก็เป็นเรื่องไร้สาระ” เขาว่าอย่างนั้นแล้วก็ต้องมองหน้าอีกคนอย่างช่วยไม่ได้เมื่อคำว่า เรื่องไร้สาระ เหมือนจะกลายเป็นเชือกใช้รัดคอตัวเองอยู่ตอนนี้
"โอเค ยอมรับแล้วว่าหึงเพราะเรื่องไร้สาระนี่แหล่ะ ก็ไม่ชอบให้ถ่ายแบบนั้น ไม่ชอบให้ถึงเนื้อถึงตัวกับใครก็รู้ไม่ใช่หรอ? แล้วทำไมถึงมีรูปแบบนี้ออกมา” เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนตัวที่ใส่อยู่ สไลด์สองสามทีก็เจอรูปเจ้าปัญหา
จงอินหยิบไปดูแล้วก็ถอนหายใจทั้งที่ยังสะอื้น ตอนนั้นเองที่เขารู้สึกว่าการที่เขาหึงรูปรูปนี้แม่งมันยิ่งกว่าไร้สาระ
"ก็ได้ จริงๆ แล้วมันคือรูปนี้” เขาขึ้นเสียงสูงแล้วกดออกจากโฟลเดอร์รูปภาพแคปสกรีน ไปที่โฟลเดอร์รูปภาพจากไลน์ มันเป็นภาพไฟล์ใหญ่กว่าเดิม และเป็นคนละรูปกับรูปจงอินยืนหันหลังโดยมีเซฮุนยืนซบหลังที่เอาให้จงอินดู มันคือรูปเจ้าปัญหาตัวจริงเสียงจริง รูปที่จงอินนอนหนุนตักเซฮุนอยู่บนโซฟาที่เขาได้มันมาจากแบคฮยอน
“พี่ชานยอล...”
"มันไร้สาระ ใช่ ก็ยอมรับ” ชานยอลยักไหล่ เขาแม่งโคตรปากหมา เหมือนกับว่ามีฟาร์มหมาสร้างอยู่ในปาก เป็นพวกไม่ยอมรับความผิดอย่างเต็มใจเสียเท่าไหร่ หึงทีไรก็ชอบหาเรื่องพาลใส่อีกฝ่ายก่อนทุกที ชอบหาเรื่องให้อีกคนร้องไห้แล้วก็แพ้ให้น้ำตาเหมือนคนโรคจิต ใช้คำพูดดูถูกทำร้ายคนรักบ่อยๆ แถมยังชอบเห่าใส่คนอื่นรอบตัวจงอินไปทั่ว
แต่ก็อยากให้รู้ ว่าที่หมามันเห่าเพราะหมามันรัก
"มัน...จะน่ารักแบบแปลกๆ ไปแล้วนะครับ”
"......”
“รูปพวกนี้ผมก็ถ่ายไปตามที่ได้รับคำสั่ง...เซฮุนก็เป็น..เพื่อน เป็นน้องในวงเดียวกับพี่เหมือนกัน ไม่เบื่อบ้างหรือครับที่,,,หึงเซฮุน?” จงอินเอาหน้าผากแตะกับหน้าผากของเขา มันน่ารักมากเสียจนอยากฟัดให้สักที แล้วปลายจมูกรั้นก็คลอเคลียไปมากับจมูกของเขาเหมือนจะรู้
"เลิกสักทีเถอะนิสัยโมโหหึง...พวกนี้ ไม่รู้หรอว่ามันทำผม...เสียน้ำตากี่ครั้งแล้ว”
“......”
"ผมรักพี่ แล้วก็รัก...คนเดียวจริงๆ”
"รู้แล้ว หยุดร้องได้แล้วน่า”
ให้ตายเถอะ ทำลูกชายเขาร้องไห้เองแล้วก็ปลอบให้หยุดเอง คงมีแต่ปาร์ค ชานยอลเท่านั้นแหล่ะที่หาเรื่องใส่ตัวแบบนี้อยู่เรื่อย แล้วไงล่ะ ไอ้ที่ค้างอยู่ในตัวเด็กมันนี่จะยังไง...
ถ้าจะขอทำต่อหลังจากหายสะอื้นเด็กจะยอมไหม?
แม่งเอ้ย ทำไมไม่เคลียร์เรื่องนี้ให้จบก่อนจะ...กับเด็กวะ??
.
.
.
.
"เฮียทำอะไรวะ?” เขาถามกับคนที่นั่งก้มหน้าอยู่กับโทรศัพท์มือถือ ทั้งที่คนอื่นๆ แยกย้ายกันไปแต่งหน้าทำผมกันหมดแล้ว เขาเองก็กำลังจะเข้าไปในห้องแต่งตัวเช่นกัน
“เช็คสถานะสั่งซื้อหนังสือ มึงถามทำไม”
"อ่าว ผมถามไม่ได้เลยดิ?” เซฮุนเหวใส่เมื่อได้รับคำถามไม่ถูกใจกลับมา ในใจคิดว่าเป็นอะไรของแม่งวะแต่ก็ไม่กล้าพูด “แล้วสั่งหนังสืออะไรไป?”
"โวคโคเรีย”
"โห...เฮียแม่งน่ารัก อุดหนุนสินค้าจากผลงานของน้องและเมีย”
"อือ กูน่ารัก จงอินก็พูดบ่อยๆ” น้ำเสียงยังคงเรียบนิ่งแต่กวนตีนในความคิดเซฮุน
“เฮียสั่งไปกี่เล่ม ของดีมีคุณภาพห้ามสั่งน้อยกว่าสิบเล่ม”
"เว็บนี้สั่งไปสี่ร้อย” ชานยอลหันมามองหน้าคนถามแป๊บเดียวแล้วก็กลับไปให้ความสนใจหน้าจอโทรศัพท์ต่อ คำว่าเว็บนี้สั่งไปสี่ร้อยเล่ม ทำให้เซฮุนคิดว่าอีกฝ่ายเหมือนพวกโรคจิตคลั่งเมีย
"ที่สุดแห่งสามีที่ดี สั่งไปปูเตียงหรอครับเยอะขนาดนั้น”
"กูสั่งไปเผา กูจะเอาไปใส่เครื่องย่อยกระดาษก่อนแล้วค่อยเผา เผาเสร็จกูจะเอาขี้เถ้าไปโปรยลงทะเล มึงอยากรู้อะไรอีกมั้ย?” ทุกประโยคนั้นเอ่ยทั้งที่ไม่มองหน้าเซฮุนเลย คนเด็กกว่าเสียวสันหลังวาบกับรูปหระโยคโรคจิต
"โอ่......ไม่แล้วเฮีย ผมต้องไปแต่งหน้าทำผมแล้ว นี่ก็ได้เวลาพอดี” และคิดว่าถ้าไม่รีบปลีกตัวออกมาคงไม่ใช่แค่ตัวเขาในหนังสือที่โดนเผา แต่ตัวจริงก็อาจจะไม่เหลือ
เซฮุนเดินเข้ามาในห้องแต่งตัวที่ถูกแยกไว้ให้ใช้เป็นคู่ๆ แล้วเขาใช้กับจงอิน ช่างแต่งหน้าไม่ได้อยู่ในห้อง มีแต่จงอินที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนเก้าอี้หน้ากระจก ถือวิสาสะหยิบโทรศัพท์อีกคนขึ้นมาเพื่อจะเล่นเกมกดเข้ารหัสอย่างชำนาญ เมื่อเสร็จเรียบร้อยภาพบีจีก็ประกฎ เป็นภาพที่คุ้นตาเซฮุนมากทีเดียว ติดตรงที่ว่าหน้าของคนที่จงอินนอนหนุนตักอยู่ไม่ใช่เขาอย่างที่ควรจะเป็น แต่กลายเป็นใครอีกคนที่เขาเพิ่งปะฉะดะด้วยก่อนหน้านี้
เอางี้เลยหรอวะ
"นี่ถึงกับต้องตัดต่อหน้ากันจริงดิ....จงอิน นั่นรอยอะไรอ่ะ” เซฮุนชี้นิ้วแล้วจิ้มๆ ไปตรงรอยที่ว่านั่นบริเวณฐานคอ จงอินได้ยินอย่างนั้นก็วางหนังสือแล้วโน้มตัวเข้าหากระจกเพื่อมองดูรอยที่ว่า ทั้งๆ ที่ลงรองพื้นเองมาแล้วส่วนหนึ่งแต่ก็ยังเห็นรอยจางๆ
"รอยดูด” คำตอบรวดเร็วแถมยังพูดออกมาง่ายๆ เซฮุนมองหน้าเพื่อนรักผ่านกระจก มองใต้ตาบวมๆ ปากเจ่อๆ แล้วก็นึกไปถึงไอ่พี่ชายอีกคน
“ของใคร?” จงอินชะงักมือที่ลงรองพื้นทับรอยที่คอเพิ่ม หันมองเพื่อนตัวดีที่พูดระคายหู
"ของพี่ชานยอล ถามแบบนั้นหมายความว่าไงวะ”
"อ่าว ก็เมื่ออาทิตย์ก่อนกูก็เห็นแบบเนี้ย กูก็คิดว่าพี่ชานยอลทิ้งไว้ให้มึงดูต่างหน้าก่อนไปเซี่ยงไฮ้ แต่ที่ไหนได้....” เซฮุนลากเสียงยาวเพื่อนกวนอารมณ์เพื่อนสนิท จงอินไม่ได้หันมามองแต่ส่งฝ่าเท้าเตะเข้าหน้าแข้งอีกคนเต็มๆ
"เหี้ย กูเจ็บ”
“เออ กูเตะให้เจ็บ ชั่วนัก พูดจาหมาๆ”
"กูก็นึกว่ามึงชอบคนพูดจาหมาๆ แบบพี่ชานยอล หรืออาจะไม่ได้ชอบเพราะพี่คยองฮุนอะไรนั่นก็ไม่เห็นจะเป็นแบบนั้นนี่นะ”
“เลิกพูดได้ยัง” จงอินเสียงแข็งเมื่ออีกคนเอาเรื่องพวกนี้มาพูดที่นี่ มองประตูห้องแต่งตัวเมื่อกลัวว่าจะมีใครเดินเข้ามาได้ยินคำพูดของเซฮุนเข้า
"เออ เลิกก็ได้ ดุจัง” เดินมายืนซ้อนหลังแล้วจับเอวอีกคนให้หันกลับมาหา “ไหนดูดิ๊” ก่อนจะเอาหลอดรองพื้นมาบีบเนื้อครีมแล้วทาลงไปบริเวณที่เป็นรอย
"ไม่ง่ายเลยนะเนี่ย สงสัยคงต้องติดกระดุมให้ชิดคอ ตอนโซโล่ต้องเปียกน้ำด้วยมึงเอ้ย” เซฮุนว่าอย่างนั้น
“......” จงอินถอนหายใจให้กับเรื่องยุ่งยาก
"ไม่ต้องถอนหายใจ มึงนี่นะ ทีกับกูไม่เคยยอมให้ทำรอยแบบนี้บ้างหรอก แต่กับคนอื่น...”
"เซฮุน มึงจะพูดให้ได้อะไร มึงพูดเหมือนไม่รู้ว่าพี่มึงเป็นยังไงเวลาโมโห”
"...โอเคๆ กูไม่พูดละกูขอโทษ” เซฮุนปิดปากเงียบเมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ก่อนที่เขาจะเข้ามาในห้องแต่งตัว แล้วตบแป้งพับลงไปเพื่อเกลี่ยรองพื้นให้เนียนไปกับเนื้อผิว จงอินมองอีกคนที่ก้มหน้ามุ่งมั่นอยู่กับการช่วยลบรอยของพี่ชานยอลออกจากคอของเขา ก่อนจะมองไปที่ประตูห้องอีกครั้ง
จังหวะที่คนผิวขาวกว่าเงยหน้าขึ้นมาเพื่อพูดอะไรบางอย่าง ปากอิ่มช้ำก็ส่งริมฝีปากไปประกบมอบจูบยาวนานให้ เซฮุนคว้าต้นคอยึดไว้แล้วสอดลิ้นเข้าช่วงชิงเพราะกลัวว่าอีกคนจะยุติมันเสียก่อน ดันอีกคนไปข้างหลังจนมือข้างหนึ่งเท้าไปกับโต๊ะ เครื่องสำอางบางส่วนเทกระจาดลงพื้น แต่ไม่มีใครสน เซฮุนแทบอุ้มจงอินขึ้นนั่งบนนั้นแต่แรงดันเบาๆ ตรงแผงอกทำให้ได้สติ
"กลับไปเกาหลีแล้วกูจะให้ ตอนนี้เอาไปแค่นี้ก่อนแล้วอย่างอแง”
"คร้าบ”
END
--------------------------------------------------------------------
จบเหอะ งงไปหมด =_____=
หาเรื่องทำโควทในทวีตเตอร์ แล้วอยู่ดีๆ ก็นึกไปถึงตอนที่โวคปล่อยรูปในไอจีแล้วชานอัพไอจีเป็นภาพที่ยืนเล่นมิวสิควิดีโอ อื้อหือมาเป็นเรื่องราว ยิ่งมาเห็นรูปชานที่สนามบินตอนมามาเก๊า สีหน้าของผ้ายับๆ ที่ไม่ได้รีด มันมาเข้าคอนเซ็ปหึงเมียอะไรประมาณนั้น เลยคิดฉากคาดคั้นเอาคำตอบตอนมีอะไรกันขึ้นมา ดีไม่ดีแล้วแต่จะโปรด เพราะเป็นฟิคที่ฉาบฉวยมากเป็นน้ำที่ไม่มีเนื้อ อ่านไปเถอะ
ที่ตอนจบออกมาเป็นแบบนี้เพราะผลโหวตในทวีต ผช.ทุกคนที่ถูกเอาไปทำโควท จะได้รับการเอ่ยนามในฟิคเรื่องนี้5555 #ผีบ้า
ดีไม่ดียังไงก็เม้นเป็นกำลังใจ หรือทวีตติดแฮสแท็ก #howifeelCK
[-]Hyphen
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น