ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    You don't know I LOVE [ChanKai] ft.EXO

    ลำดับตอนที่ #4 : You don't know I LOVE [Chan x Kai] ft.EXO : FOUR *Edit theme

    • อัปเดตล่าสุด 26 ม.ค. 59




    CHAPTER : FOUR

     

     ---------------------------------------------------------------

     
     

     

     

     

                 ผมคิดว่า...

     

                ผมกำลังเคยชินกับการคิดว่า เมื่อให้ไปก็ต้องได้รับ

                ดังนั้นก็ไม่แปลกไม่ใช่เหรอ?  ถ้าผมจะคิดว่าต้องให้ก่อน พี่ชานยอลถึงจะยอมทำทุกอย่างให้...

     

     

     

     

     

     

                อากาศหนาวจากแรงลมที่พัดเข้าทางหน้าต่างห้องจนเกิดเสียงหวีดดังน่ากลัว ร่างที่นอนขดในผ้าห่มรู้สึกเย็นจัดตรงปลายเท้าจนทำให้รู้สึกตัวตื่น  หลี่ตาจากแสงแดดอ่อนๆ  ทั้งกายเปลือยเปล่าแต่อุ่นซ่านอย่างรู้สึกชัดเจน  พยายามหดปลายเท้าเข้ามาใต้ผ้าห่มได้สำเร็จแต่ก็ทำให้คนที่กอดซ้อนอยู่ข้างหลังขยับตัวเพราะโดนความเย็นจากปลายนิ้วเท้าสัมผัสที่เหนือหัวเข่า

     

                จงอินเกร็งนิ่งเมื่อชานยอลขยับตัวพลิกนอนหงายจนทำให้เห็นร่างเปลือยเปล่าครึ่งซีกอันเกิดจากการที่ผ้าห่มคลุมไปไม่ถึง ก้มดูที่ตัวเองก็พบว่ามันมาม้วนอยู่ที่เขาคนเดียวเกือบทั้งหมด ขยับตัวนอนหงายบ้างแล้วคลีผ้าห่มให้กางออกกว้างด้วยสองมือสองเท้าแล้ววาดมือซ้ายที่มีปลายผ้าห่มด้านหนึ่งไปทางคนตัวสูง คลุมเสร็จก็นึกติดใจที่เห็นปลายเท้าของอีกคนโผล่พ้นปลายผ้าห่มในขณะที่ของเขาคลุมได้พอดี

     

                เอาปลายเท้าเขี่ยผ้าห่มให้คลุมเท้าอีกคนอย่างขอไปที

     

     

                ไม่เคยตื่นขึ้นมาแล้วเห็นอีกคนอยู่บนเตียงมาก่อน ยกเว้นในห้องที่หอพักเพราะเราเป็นรูมเมทกัน แต่พวกเขาก็ไม่เคยทำเรื่องแบบนี้ในหอที่มีสมาชิกนับสิบอาศัยอยู่  เคยออกกฏไว้แล้วว่าห้ามอยู่ให้เห็นหน้าหลังจากเสร็จภาระกิจเหตุผลเพราะเขาไม่ชอบความรู้สึกที่เหมือนตัวเองเป็นผู้หญิงทุกครั้งที่สำนึกรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน  แล้วพี่ชานยอลก็รักษาสัญญาได้ดี

     

                ยกเว้นวันนี้

     

     

     

                จะถือซะว่าเพราะเราต้องมานอนค้างอ้างแรมด้วยกันอย่างช่วยไม่ได้ และเขาดันเป็นเด็กดีตื่นตั้งแต่หกโมงเช้าเอาวันนี้ ถ้าตื่นสายกว่านี้อาจจะไม่ต้องมานอนมองหน้าอีกคนตอนหลับไม่รู้เรื่องแบบนี้ก็ได้

     

                กี่ครั้งแล้วนะที่เรามีอะไรกัน  แล้วนานเท่าไหร่แล้วนับจากคำขอร้องงี้เง่าของเขา  รู้สึกตัวอีกทีจงอินก็ลุกขึ้นนั่งหันหลังให้คนที่นอนอยู่  อากาศหนาวเพราะฝนที่ตกทั้งคืนทำให้อุณหภูมิเปลี่ยน  ลุกขึ้นเดินอ้อมไปอีกเพื่อปิดหน้าต่างที่ลืมปิดทั้งคืนจนสนิดและไม่มีลมเล็ดลอดเข้ามาให้เกิดเสียงหน้ารำคาญเหมือนก่อนหน้า

     

                ถึงได้บอกว่าไม่อยากตื่นมาเจอหน้ากันหลังทำเรื่องอย่างว่า  เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกันไม่จำเป็นต้องตื่นมาจูบอรุณสวัสดิ์หรือยิ้มรับรออีกคนตื่น  และเขาก็จะได้ไม่ต้องมารู้สึกกระอักกระอ่วนใจเพราะต้องเห็นหน้าอีกคนแบบนนี้

     

     

                กระอักกระอ่วนใจอย่างที่ไม่เคยต้องรู้สึก

     

     

     

     

     

     

                เกือบเก้าโมงครึ่งแล้ว ชานยอลเดินออกจากห้องน้ำด้วยเสื้อผ้าชุดเดิมที่เขาจำได้ว่าไม่ได้ซักเมื่อคืน  แต่เขาไม่มีอะไรทำตอนนั่งรอคนเป็นพี่ตื่น จึงช่วยไม่ได้ที่ต้องหยิบเสื้อผ้าที่เกลื่อนบนพื้นข้างโซฟามาปั่นเครื่องให้ลวกๆ  อบแห้ง  แล้วเอามาเป่าไดร์อีกเกือบหนึ่งชั่วโมงเพราะมันยังไม่แห้งสนิดพอให้ใส่ได้ทันที   โชคดีที่พี่ชานยอลตื่นสายกว่าที่คิด

     

                รู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกไปจากเดิมๆ  ชานยอลไม่พูดอะไรเลยเพราะคงสำนึกได้ว่าตัวเองทำผิดกฏแล้วไม่อยากต่อปากต่อคำกับเขาเพราะเดี๋ยวจะเป็นเรื่องใหญ่ แล้วเอาแต่เดินเลี่ยงไปจัดการตัวเองเงียบๆ  ส่วนเขาเองที่ไม่พูดอะไรมากไปกว่าอธิบายเรื่องซักเสื้อแล้วนั่งรออีกคนอยู่บนโซฟา  ก็เดาได้ไม่ยากเลยว่ากำลังโกรธเหมือนอย่างทุกๆครั้งที่โดนขัดใจ  แต่มันไม่ใช่

     

                เขาสัมผัสไม่ได้เกี่ยวกับความรู้สึกนั้น  ไม่ได้รู้สึกเหมือนกำลังโกรธหรือไม่พอใจ  จงอินแค่ไม่พูดด้วยแล้วเอาแต่มองไปทางอื่น แต่ไม่ได้โกรธ

     

                แค่ไม่อยากพูด  แต่ไม่ได้โกรธ..

                เห็นไหมว่าการตื่นมาแล้วต้องเจอหน้ากันมันกระอักกระอ่วน...

               

     

     

     

     

     

                มอไซค์คันใหญ่จอดสนิดที่ใต้หอพัก  ตลอดทางไม่มีใครพูดอะไรเลยทั้งเรื่องเมื่อวานที่ยังไม่เคลียร์ทั้งเรื่องเมื่อคืนหรือแม้กระทั่งปัจจุบันที่ไม่มีใครถามใครว่าหิวไหม จงอินรู้ว่าพี่ชานยอลอยากถามเขาเกี่ยวกับเรื่องต่างๆระหว่างเขากับพี่คยองซู หรือดุด่าที่ทำอะไรไม่ปรึกษา แต่การที่เขาโตมาได้ขนาดนี้ก็ไม่จำเป็นแล้วหรือเปล่าที่จะต้องถามความเห็นพี่ชายทุกเรื่องเหมือนเป็นเด็ก  แค่ก่อนออกจากบังกะโลเขาก็บอกตัวเองว่าต้องบอกพี่ชานยอลให้รู้  ว่าวันนี้เขาจะไปปรับความเข้าใจกับพี่คยองซูก็แค่นั้น

     

                ปัดความคิดทิ้งไปเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องพัก มือใหญ่จับไหล่เขาเหมือนจะบอกว่าไม่เป็นไร ทุกอย่างจะเรียบร้อย จงอินสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะปล่อยออกมาเฮือกใหญ่  ชานยอลเอื้อมมือจากข้างหลังไปบิดลูกบิดประตูให้ ออกแรงดันหลังเล็กน้อยให้เดินเข้าไปข้างใน  จงอินเห็นเซฮุนนั่งกดโทรศัพท์อยู่บนโซฟากลางห้องนั่งเล่น อีกฝ่ายพอเห็นว่าใครเข้ามาก็เด้งตัวลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วรีบเดินเข้าไปหา

     

     

                “ เป็นไงมั่งวะ “ มือขาวจับหัวเพื่อนแล้วออกแรงยีเบาๆ ใบหน้าฉายแววเป็นห่วงชัดเจนถึงจะเบาใจอยู่บ้างก็เถอะที่ยังมีพี่ชานยอลคอยอยู่กับมันแต่ก็อดห่วงไม่ได้เลยเพราะภาพสุดท้ายที่เขาเห็น จงอินมันร้องไห้ 

                “ ก็เห็นอยู่ว่าครบ32ไม่ใช่หรอวะ “ จงอินยิ้มบางก่อนจะส่ายหน้าให้เข้าใจว่าไม่ได้เป็นอะไร

                “ ยังปากดีได้อีกนะมึง ที่บ้านเขาเป็นห่วงจะแย่ แถมยังโทรมาไล่บี้เอาจากกูนี่  “

                “ ขอโทษครับคุณโอเซฮุนที่กูทำให้มึงลำบากขนาดนี้ “

     

                เซฮุนผลักหัวทุยไปข้างหลังเล็กน้อยอย่างหมันไส้ ดูอาการแล้วไม่ได้แย่อย่างที่คิด จังหว่ะนั้นถึงได้ส่งสายตาทักทายคนที่ยืนนิ่งอยู่ข้างหลัง ชานยอลเองก็มองมาที่เซฮุนเหมือนกัน   ไม่มีใครพูดอะไรจนกระทั่งประตูห้องห้องหนึ่งถูกเปิดออก เป็นซูโฮและแบคฮยอนที่เดินออกมาจากห้องของพี่คยองซูซึ่งนั่นก็หมายถึงห้องของเขาด้วย

     

                จงอินไม่ได้คิดไว้ว่าเขาจะตอบคำถามที่มาจากพี่ซูโฮยังไง ไม่ได้เตรียมใจต่อการต้องเผชิญหน้ากับพี่แบคฮยอน แต่เขาตั้งใจว่าไม่ว่าพี่จะพูดหรือด่าอะไร เขาจะรับฟังและขอโทษอย่างเดียว

     

                แต่เขาคิดผิดเพราะทันทีที่เขาเตรียมจะเอ่ยปากพูดอะไรกลับ ไม่มีใครว่าอะไรเขา พี่แบคฮยอนไม่เดินเข้ามากระชากเสื้อต่อยเขาเหมือนที่คิดภาพไว้แม้จะยืนนิ่งไม่ยิ้มให้เหมือนเคย หนำซ้ำพี่ซูโฮยังเข้ามากอดเขา ลูบหัว แล้วบอกว่าไม่ต้องพูดอะไรแล้ว

     

                ทุกอย่างทำเขางงไปหมด เขาเห็นเซฮุนมองไปที่พี่ชานยอลเหมือนต้องการคำตอบของสถานการณ์แต่ก็ได้รับเป็นการแบมือขึ้นข้างลำตัวแล้วยักไหล่แบบขอไปที นั่นบอกให้เขารู้ว่า นี่น่าจะเป็นการจัดการปัญหาให้อยู่ในวงแคบๆ  แค่พี่ซูโฮ พี่แบคฮยอน และใครอีกคนที่เขาต้องการเจอที่สุดตอนนี้

     

     

     

     

                จงอินเปิดประตูห้องทันทีที่พี่ซูโฮบอกว่าพี่คยองซูนอนหลับอยู่ในนี้  พี่ชานยอลขอตัวกับทุกคนกลับบ้านรูมเมทโดยไม่หันมามองเขาซักนิด  พี่แบคฮยอนเลยขอไปด้วยตามประสาเพื่อนสนิดที่ไหนมาไหนด้วยกันเสมอ ส่วนเซฮุนก็บอกว่าจะปั่นจักรยานไปซื้อชานมไข่มุกแถวๆสถานี  เหมือนทุกคนอยากเปิดโอกาสให้เขา เพราะพอทุกคนออกไปหมดแล้วพี่ซูโฮก็บอกว่าจะออกไปสมทบกับสมาชิคที่เหลือที่ห้องซ้อมของบริษัท นั่นหมายถึงไม่มีใครอยู่ที่นี่เลยนอกจากเขาและคนที่นอนอยู่ในห้อง

                เอื้อมมือไปลูบขมับคนที่นอนอยู่บนที่นอน จงอินนั่งมองหน้าคยองซูที่หลับไม่รับรู้ถึงการมาของเขา แต่ไม่นานเจ้าตัวก็ลืมตาตื่นเพราะรู้สึกได้ถึงสัมผัสที่ถูไถตรงข้างแก้ม

     

                “ จงอิน.. “ คยองซูจับมือที่ลูบหน้าเขาอยู่ พอเห็นว่าเป็นใครก็รีบลุกขึ้นนั่งแล้วดึงน้องเข้ามากอด

                “......” พูดไม่ออก  แค่เห็นหน้าจงอินก็ลืมทุกคำพูดที่เตรียมไว้  ได้แต่หลับตานิ่งแล้วกอดตอบเท่านั้น

                “ พี่ขอโทษจงอิน “ เสียงสั่นแต่ไม่ได้ร้องไห้พร่ำพูดว่าขอโทษไปมาซ้ำๆอยู่อย่างนั้น พร้อมแรงกระชับกอดที่ถาโถมขึ้นเรื่อยๆ

                “ ไม่สบายหรอครับ “

                “ พี่รอนายทั้งคืนไม่ได้นอนเลย อย่าทำแบบนี้อีกนะจงอิน “ ได้รับคำตอบเป็นการส่ายหน้า ก่อนคำอธิบายทำเขาใจเต้นแรงจะถูกเอ่ย รับรู้ได้ถึงความเป็นห่วงที่ปนมากับน้ำเสียงและอ้อมกอด มือเล็กลูบหัวลูบหลังเขาอยู่อย่างนั้นเหมือนจะปลอบ   และนั่นยิ่งย้ำเตือนว่าเขารักคนคนนี้เหลือเกิน  “ พี่คุยกับทุกคนแล้ว พี่อธิบายทุกอย่างว่าพี่ทำร้ายนายยังไงจงอิน นายไม่ผิด พี่ผิดเอง พี่ขอโทษ “

     

                “......” กอดคนตัวเล็กที่เหมือนจะสะอื้นน้อยๆแน่นขึ้น  ความเจ็บแล่นเข้ามาทีละนิดเมื่อประโยคก่อนหน้าทั้งขอโทษและย้ำเตือนความจริงของเขาไปในตัว ว่ารักแค่ไหนก็ไม่มีทางอยู่ข้างๆได้ คำพูดทษตัวเองของคนตัวเล็กนอกจากจะทำให้เขารู้สึกผิดและเกลียดตัวเองแล้ว ยังทำให้เขานึกหัวเราะเยาะตัวเองอยู่ในใจด้วย  ดันตัวคนเป็นพี่ให้มามองหน้ากัน ก่อนจงอินจะใช้นิ้วหัวแม่มือปาดน้ำตาให้คนตัวเล็ก

     

                “......”

                “ อย่าหาว่าผมเป็นคนเลวเลยนะพี่คยองซู ผมรักพี่และผมยอมรับว่าตอนนี้ก็ยังรักถึงพี่จะกลับไปคบกันแล้ว “ พอปาดข้างหนึ่ง อีกข้างก็ไหลเป็นทางจนต้องปาดออกให้อีก  คยองซูมองตาจงอินนิ่งด้วยแววสั่นพล่า  “ ผมขอโทษที่พูดแบบนี้  แต่ให้ผมรอก็ได้ ผมรอได้จริงๆนะ “

     

                “.....จงอิน “

     

                “ ผมไตร่ตรองมาดีแล้ว ผมรักพี่ข้างเดียวตั้งแต่เราเจอกันสองปีก่อนเดบิว อีกสองปีหลังเดบิว ตลอดสี่ปีที่ผมรักพี่และสามปีที่ผมอยู่กับความอิจฉาที่รู้ว่าพี่รักพี่แบคฮยอนขนาดไป  แต่ผมมีความสุขดีเพราะผมได้อยู่ข้างๆพี่ถึงพี่จะมองผมเป็นน้อง แต่ไม่เป็นไร... ผมอยู่ได้ ให้ผมอยู่แบบนั้นเหมือนเดิมนะครับ ผมอยากรอจนกว่าจะได้เป็นผู้ชายที่ดีเหมือนที่พี่เคยพูดกับผม “

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                “ นี่มึงแน่ใจนะว่าไม่อยากเล่าให้กูฟังจริงๆ “  

                “......”

                นอกจากจะไม่ตอบคำถามแล้วยังทำหูทวนลม  ตั้งแต่ออกมาจากหอพัก เขาขอตามชานยอลไปบ้านรูมเมทด้วยเพราะไม่รู้จะไปไหนหลังจากต้องปล่อยให้คยองซูปรับความเข้าใจกับจงอิน ถึงแม้ไม่อยากปล่อยให้แฟนอยู่กับเด็กที่เขารู้ว่ารักคยองซู แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เอ็นดูจงอินเกินกว่าจะเกลียดหรือกีดกันความรู้สึกของน้องที่มีต่อแฟนที่เขาเคยทำให้ความรักหลุดมือมาแล้ว  และเขารู้ว่าเพื่อนรักของเราอย่างชานยอลรู้เรื่องนี้มาตลอดจึงอยากหาโอกาสพูดเรื่องนี้กับมัน  ที่บ้านรูมเมทเขาค่อนข้างถูกรุมเล็กน้อยจากบรรดาพี่ๆที่เอ็นดูชานยอล  เราถูกยิงคำถามเรื่องความสนิดจากรอบด้านจนถึงกับคอแห้งจากการตอบคำถาม  ต้องจิบน้ำตลอดช่วงสนทนา  แต่เหมือนจะมีแค่เขาที่เป็นแบบนั้น  เพราะเพื่อนรักของเขาเอาแต่นิ่เงียบจนผิดสังเกตุ การเอาแต่นั่งก้มหน้ากดโทรศัพท์บ้างและตอบคำถามอย่างขอไปทีนั่น... ดูเหมือนคนอื่นๆจะไม่ทันสังเกตุข้อผิดแปลกนี้  และยังไม่ทันจะคุยเสร็จชานยอลก็ขอตัวไปนอนพักโดยอ้างว่าเหนื่อยแล้วปล่อยให้เขาโดนไฮยีน่ารุมทึ้งอยู่คนเดียว 

     

                และหลังจากนั้นจนผ่านมื้อเย็นไปแล้วชานยอลก็ไม่ออกมาจากห้องนอนอีกเลย  เขานั่งเล่นเกมส์กับพี่เซโฮจนเกือบสองทุ่มนั่นแหล่ะชานยอลถึงออกมาจากห้องด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่แล้วถามเขาว่า จะกลับแล้วใชไหม? เป็นการถามความเห็นที่บังคับกันสุดๆไปเลย   เพราะรถมอไซค์คันใหญ่ไม่ได้พาเขากลับหอพักแต่เป็นผับสำหรับไอด้อลแห่งหนึ่งที่อยู่ระหว่างทางที่จะมาหอ

     

     

                แปลกไหมหล่ะ

     

     

                “ มึงจะไม่ตอบคำถามกูหรือไม่พูดกับกูก็ได้นะ แต่มึงพอก่อนเหอะวะ นี่มึงแดกตั้งแต่สามทุ่มจนตอนนี้ห้าทุ่มกว่าแล้วยังไม่หยุดเลย กูโทรเรียกคยองซูแล้วเดี๋ยวอีกซักพักคงมาถึงมึงกลับกับคยองซูนะเดี๋ยวกูขับพี่ชายมึงกลับเอง “ แบคฮยอนแย่งแก้วมาจากมือชานยอลจนคนตัวสูงที่มีอาการเมามองด้วยท่าทางเอาเรื่อง แบคฮยอนหันไปยิ้มให้ผู้หญิงคนนึงที่เดินผ่านโต๊ะเขาแล้วส่งสายตามาให้เบาๆ ก่อนจะหันมาสู้รบกับเพื่อนที่พยายามแย่งแก้วเหล้าจากมือเขาไป “ ไอ้ห่านี่ก็เสี้ยนจัง มึงเป็นอะไรของมึงเนี่ย แดกอย่างกับคนอกหัก “

     

                ชะงักมือแล้วเลิกแย่งแก้วในมือเพื่อนทันที แบคฮยอนมองท่าทีอีกคนที่หันไปทิ้งตัวพิงหลังกับโซฟาแรงแล้วถึงกับอุทาน

     

                “ เหย้ดดดดดดดด นี่มึงอย่าบอกนะ “ จริงอยู่พวกเขาเป็นไอด้อล การเที่ยวผับดื่มเหล้าเป็นเรื่องต้องห้าม แตทีนี่เป็นที่ที่ไอด้อลส่วนใหญ่มาเที่ยวกัน ในวงการบันเทิงบ้านเรารู้ๆกันอยู่ว่าดารานักร้องไม่ได้มีภาพลักษณ์ใสๆเหมือนเบื้องหน้าทุกคน แล้วพวกเขาก็บรรลุนิติภาวะแล้วแม้จะมีภาพข่าวเป็นร้อยส่งไปที่บริษัทต้นสังกัด  มันก็จะถูกปิดข่าวได้ง่ายๆด้วยเงินไม่กี่หมื่นวอน

     

                “ สัส ” คำหยาบมากมายที่พูดกันอย่างไม่เกรงใจและไม่กลัวคนมาได้ยินเพราะพวกเขานั่งอยู่ในโซนที่ค่อนข้างมิดชิด และลึกเข้ามาด้านในไม่น้อย ชานยอลสรรเสริญเพื่อนรักจนอีกคนร้องอ้าว “ มึงมันสัดหมา “

     

                “ ไอ้เหี้ย แล้วกูไปเกี่ยวอะไรวะ มึงแดกเหล้าเป็นน้ำเปล่าแบบนี้เพราะเสียใจที่มีเพื่อนสัสๆแบบกูงี้เหรอ? “

                “ ...... “

                “ ไอ้ชาน กูไม่เคลียร์ มึงเป็นอะไรตั้งแต่กลับมากับจงอินละ หรือมึงเครียดแทนน้อง? ถ้าเป็นเรื่องนั้นมึงสบายใจได้เลยจงอินเป็นน้องรักมึงแต่ก็เป็นน้องกูเหมือนกัน แล้วกูคุยกับคยองซูแล้วกูเข้าใจสถานการณ์ดีมึงไม่ต้องห่วงว่ากูจะทำอะไรน้องหรือเกลียดน้องเพราะกูไม่ตุ๊ด...คยองซูอธิบายให้กูและทุกคนฟังทุกอย่างและกูก็รู้ว่าส่วนหนึ่งมันเป็นเพราะกู “

                “ เออมึงผิดเต็มๆ  แต่มันไม่ใช่แบบนั้น “

                “ ไม่ใช่แบบนั้นแล้วแบบไหนวะ “ ชานยอลเอาแต่มองไปทางอื่น  ผู้หญิงสองคนเดินโฉบมาทางนี้อีกแล้วเขาจำได้ว่าพวกหล่อนเดินมาตรงนี้รอบที่สามแล้ว ยิ้มจากปากสีแดงสดถูกส่งมาให้เขาทั้งสอง ชานยอลมองกลับไปอย่างเบื่อหน่ายต่างจากแบคฮยอนที่ยิ้มหวานส่งไปให้  “ โคตรสวยอ่ะ นักร้องจากค่ายไหนป้ะวะ? “

     

                “ ทำไมมึงถึงกลับมาคบกับคยองซู “ อยู่ดีๆก็โดนยิงคำถามใส่จนต้องละสายตาจากสาวสวยสองคนนั้นไปหาไอ้เลื้อนที่นั่งคอพับคออ่อนอยู่ข้างๆ แบคฮยอนลืมไปว่าตั้งแต่เขากลับมาคบกันอีกครั้งเขายังไม่ได้อธิบายกรรมวิธีให้เพื่อนรักฟังเลย “ คนเจ้าชู้เหี้ยๆอย่างมึง อย่าคิดว่ากูไม่รู้ว่ามึงยังไม่เลิกนิสัยเดิมๆ “

     

                “ เอาเรื่องนี้มาพูดอีกละ “

                “ ไม่ให้กูพูดได้ไงในเมื่ออยู่ดีๆมึงก็กลับมาคบกัน ถึงกูกับมึงจะรู้จักกันได้แค่สามปี แต่ตลอดสามปีมึงไม่เคยเปลี่ยน มึงกลับมาคบกับคยองซูแบบนี้จะไม่ให้กูข้องใจสันดานมึงได้ยังไง “

                “ นี่ถ้ามึงไม่เมากูจะคิดว่ามึงชอบคยองซูแล้วนะ “

                “ กูไม่ได้เมา แล้วกูก็ไม่ได้ชอบคยองซูด้วย “

                “......”

                “ โหดมากครับมึง “

                “ ไอ้แบคฮยอน... “ เสียงชานยอลจริงจังจนมือที่กำลังยกเหล้าเข้าปากหลังจากเบี่ยงประเด็นต้องชะงัก หันไปมองคนที่จ้องหน้าเขาอยู่ก่อนแล้วก็ถอนหายใจกับแววตาที่ไม่ความล้อเล่นของมันเลย ก่อนจะเล่าโพรเสดงานช้างที่ภาคภูมิใจ

     

                “ กูไม่รู้ว่ามึงเคยรักใครหรือเปล่าเพราะกูไม่เคยเห็นมึงคบใครมาก่อน “ ประโยคนี้แทงใจดำเขาเข้าอย่างจังจนต้องนิ่วหน้า คำว่าไม่เคยรักใครเหมือนจะทิ่มจนเขาปวดไปหมด  “ แต่กูรักคยองซูมากและกูคิดว่ามันถึงเวลาที่กูจะกลับมาดูแลเขา “

     

                “ แล้วที่ผ่านมาทำไมมึงไม่กลับไปดูแลคยองซูตั้งแต่แรก “ ขอบคุณสำหรับคำถาม  มันเป็นคำถามที่ดีมากครับ

                “ ก็มึงบอกว่ายังไม่ถึงเวลา แล้วเขาก็บอกว่าขอเวลาด้วย  “

                “......”

                “ มึงก็รู้ กูเข้ามาออร์ดิชั่นเพราะต้องการจะง้อเขา  นี่กูยอมรับแบบไม่อายและไม่กลัวแฟนคลับกูมาได้ยินแล้วจะเสียใจเลยเอา  แต่สายตาเขาตอนเห็นหน้ากูเหมือนรังเกียจกูเลยไม่กล้าคุย  ตอนนั้นกูก็มีมึงอ่ะที่เข้ามาขอกูเป็นเพื่อน “ 

     

                “......“ ใช่..เขาจำวันที่เข้าไปคุยกับแบคฮยอนได้ดี เพราะมันเป็นเช้าวันต่อมาหลังจากคืนนั้น ที่จงอินขอร้องเขา  หลังจากนั้นเขาก็เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของแบคฮยอน เพื่อนที่ให้คำปรึกษาเรื่องคยองซูมาตลอด...

                “ เกือบหนึ่งปีก่อนเดบิวที่กูเอาแต่ลังเลว่าจะเข้าไปคุยเรื่องนั้นดีมั้ย แต่มึงบอกกูว่ายังไม่ถึงเวลากูก็รอไปก่อน แต่กูยอมรับว่าพอกูรู้ว่าจงอินชอบคยองซูจากมึง ก็ทำให้กูไม่อยากรอ “

     

                “......”

                “ กูถามคยองซูในวันที่เรามีโชว์เคสครั้งแรกว่าจะเป็นไปได้ไหมถ้าเราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม  กูก็ได้คำตอบเป็นประโยคที่บอกมึงไป  คือขอเวลาเพราะเขายังไม่พร้อมให้โอกาสกู “

                “ แล้วทำไม.. “ เหมือนเขามองตัวเองผ่านกระจก คำพูดมากมายจากปากแบคฮยอนทำเอาเขาอยากร้องไห้ให้กับความน่าสมเพชของตัวเอง

                “ ทำไมถึงมีวันนี้ได้ใช่ป้ะ?  ไอ้สัสกูฉลาดไง  กูบอกคยองซูว่าจะพิสูจน์ให้เห็นว่ากูรักคยองซูจริงๆ ถ้าเรามีคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกเมื่อไหร่ หมายความว่าเราสร้างอนาคตร่วมกันได้อย่างสวยงามในระดับหนึ่ง  ถึงตอนนั้น กลับมาคบกันได้ไหม... มึงว่ากูโรแมนติกไหมวะ “

     

                เมื่อสามวันก่อน..

     

                สามวันก่อนที่ทางบริษัทประกาศเรื่องคอนเสิร์ตครั้งแรกของพวกเขาที่กำลังจะมีขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้ากลางดึกในห้องซ้อมที่พวกเราเพิ่งซ้อมกันอย่างหนัก เขาจำบรรยากาศวันนั้นได้ว่าทุกคนทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย แต่พอได้ยินคำพูดจากเมเนเจอร์พวกเข้าลืมสิ้นทุกความเหน็ดเหนื่อย  เขาแทบอยากเอาวีดีโอมาบันทึกภาพตอนที่จงอินยิ้มไม่หุบ  ถ้าเขารู้ว่าวันต่อมาจงอินจะไม่ได้ยิ้มแบบนั้นอีกแล้ว  ถ้าเขารู้เขาจะทำ

     

                นั่นสินะ... แล้วเช้าวันต่อมาเขาถึงได้รับแมสเสจไลน์จากแบคฮยอนว่ากลับมาคบกับคยองซูได้แล้ว  ก่อนหน้าข้อความของจงอินที่เรียกให้ไปหาที่ห้องใต้หลังคาชั้นสี่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง

     

                “ แต่เลิกเจ้าชู้ไม่ได้...หึ “ เหมือนเขาจะอิจฉาสินะ อิจฉาความกล้าของแบคฮยอน อิจฉาที่เป็นแบบนี้แต่ก็ยังได้รับความรัก

                “ อ้าวไอ้นี่ วกมาเรื่องนี้อีกละ  กูรู้ตัวว่ากูกำลังทำอะไรอยู่ การหาเศษหาเลยลับหลังของกูไม่ได้แปลว่ากูรักคยองซูน้อยลง ผู้หญิงพวกนั้นแค่ทำหน้าที่แทนคนที่กูแตะต้องไม่ได้มาตลอดสามปีก็แค่นั้น “ เขาตั้งใจว่า แม้เขาจะกลับมาคบกับคยองซูแล้วก็ตามเขาก็จะยังไม่เลิกทำแบบนี้ เพราะคยองซูคงไม่สามารถให้เรื่องแบบนั้นกับเขาได้ทุกครั้งที่ต้องการไม่ใช่หรือ

     

                 “ มึงนี่มีความสุขดีนะ มีความสุขจนกูอิจฉา “ ใช่...เขาอิจฉาแบคฮยอนจนอยากจะเหยียดปากให้กับความรักของทั้งสองคน  แบคฮยอนกำลังงงกับคำพูดของเพื่อน แต่ก็ต้องตัดเรื่องนั้นทิ้งเพราะชานยอลที่ปากบอกว่าตัวเองไม่เมาแต่กำลังเอามือกุมขมับส่ายหัวไปมาแล้วพยายามลุกจากโซฟาอย่างยากลำบาก

     

                “ เห้ยจะไปไหนวะ ให้กูพาไปไหม “

                “ ไม่ต้อง กูจะไปห้องน้ำ มึงจะตามไปดูจู๋กู? “ พูดเสร็จก็ปัดมือแบคฮยอนทิ้งอย่างขอไปทีทันทีที่ยืนได้เต็มความสูง แต่ไม่ทันที่จะได้ก้าวไปไหนซักก้าว ชานยอลก็เหมือนจะสะดุดขาตัวเองจนล้มพับลงมาที่เดิม แบคฮยอนที่คอยท่าอยู่ก่อนแล้วสอดตัวเองเข้าไปรับเพื่อนตัวโต และเพราะว่ามันตัวโตกว่าเขามากทำให้เรี่ยวแรงแบคฮยอนไม่พอที่จะประคองชานยอลให้นั่งดีๆได้

     

                ไม่นึกไม่ฝันว่าเขาสองคนจะต้องมาอยู่ในสถานการณ์นี้ ผู้ชายตัวควายๆสองคนกำลังประกบปากกันกลางผับที่เต็มไปด้วยไอด้อลและเหล่าเซเลป แบคฮยอนตาเบิกโตและมีสติครบถ้วนในขณะที่ชานยอลที่ไม่ได้หลับแต่ก็ก้ำกึ่งมีสติ

     

                ก่อนชานยอลจะใช้มือจับท้ายทอยของ เพื่อนรัก’ ไม่ให้ผละออกไป อาศัยจังหว่ะที่อีกคนกำลังมึนงงสอดลิ้นเข้าไปอย่างโหยหา  แบคฮยอนไม่มีสติพอจะผลักไสหรือต่อต้านเพราะเขากำลังโดนแอลกอฮอล์ในปากของอีกคนสร้างความปั่นป่วนให้

     

     

                “ กูรักมึงแบค.... “

                ...ได้โปรดหันมามองทางนี้บ้าง

     

     

     

                จะไม่ทำให้ผิดหวังอีกแล้ว...

                ...สัญญา

     

     

     

     

     

     

               

     

                ...จงอินอยู่ไหน...

               

                รถแทคซี่จอดหน้าทาว์โฮมสูงสี่ชั้นในย่านกังนัม จงอินี่นั่งรออยู่ตรงบันไดทางขึ้นร้านกาแฟร์ที่เลยเวลาทำการแล้วของพี่สาวรีบลุกไปจ่ายเงินแบบไม่รอเงินทอนให้คนขับรถ ก่อนจะกระวีกระวาดเข้าไปหาคนตัวเล็กที่ลงมาจากด้านหลัง

     

     

                ใบหน้ามีน้ำตาเต็มไปหมด....

     

                คยองซูโผเข้ากอดคนเป็นน้องแน่น ร้องไห้อย่างไม่อายอยู่ตรงนั้นจนจงอินใจหาย เขาไม่รู้ว่าอีกคนเป็นอะไร ดึกดื่นค่อนคืนจนล่วงเข้าสู่วันใหม่แบบนี้เกิดอะไรขึ้นกับคนตัวเล็กถึงได้โทรมาหาเขาแล้วถามว่าอยู่ไหน มาหาได้ไหม?  จงอินจะไม่ถามถ้าพี่คยองซูไม่อยากเล่า แม้เขาจะอยากรู้เหลือเกินว่าอะไรทำให้อีกคนเป็นแบบนี้  เขาจะไม่ถาม

     

                 ได้แต่ปล่อยให้คนใอ้อมกอดร้องไห้ให้พอ  และได้แต่นึกในใจว่าโชคดีเหลือเกินที่แถวนี้ในเวลานี้ไร้ผู้คน 

     

     

     

                ห้องนอนใต้หลังคาชั้นสี่ที่ไม่เคยมีสมาชิคคนไหนได้เข้ามาก่อนยกเว้นพี่ชานฮยอน จงอินเปิดประตูเข้ามาอีกครั้งหลังหลังจากลงไปเอาน้ำจากตู้เย็นชั้นสองขึ้นมาให้ คยองซูนั่งกอดเขาอยู่บนโซฟา  รับแก้วน้ำจากคนเป็นน้องไว้ในมือแต่ยังไม่ได้ยกดื่มเสียที ดวงตาเลื่อลอยแดงก่ำจากการร้องไห้อย่างหนัก และบนใบหน้ายังคงมีคราบน้ำตาเกลอะกรัง

     

                ผ้าขนหนูสองผืน เสื้อยืดสีดำ กางเกงนอนลายสก็อตสีเทาดำถูกวางบนโต๊ะเตี้ยๆตรงหน้าคยองซู  ร่างเล็กมองสิ่งที่วางอยู่ตรงหน้าแล้วมองคนที่เอามาวางไว้ให้  จงอินยิ้มส่งมาให้ก่อนจะบอกเขาให้ไปอาบน้ำ  แปรงสีฟันอันใหม่ยังไม่ได้แกะถูกยื่นมาให้อีกจนคยองซูต้องรับแล้วลุกไปอาบน้ำอย่างเสียไม่ได้

     

               

               

                ไม่นานเกินไปนักคยองซูก็เดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำพร้อมผ้าขนหนูผืนใหญ่ในมือ เสื้อผ้าที่ใส่แล้วเขาใส่ไว้ในตะกร้าผ้าในห้องน้ำแต่กับผ้าขนหนูนี่ไม่รู้จริงๆว่าควรทำยังไงกับมัน  บ้านคิมเขาใช้ครั้งเดียวซักหรือเปล่า? 

     

                เห็นจงอินกำลังปูฟูกสีครีมผืนใหญ่ตรงพื้นข้างเตียงนอนขนาดหกฟุตก็เดาได้ไม่ยากว่าเจ้าตัวคงระเห็ดตัวเองไปนอนพื้นแล้วให้เขานอนเตียงกว้างๆนั่นคนเดียว  อะไรบางอย่างตีตื้นมาในอก 

     

                คิมจงอินดีกับเขาเหลือเกิน  ข้อนี้เขารู้มาตลอด และมันชัดเจนแม้กระทั่งตอนนี้  จงอินรู้ทุกอย่าง รู้จักทุกอย่างที่เป็นเขา ในขณะที่เขาแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับน้องเลย อย่างเช่น ห้องนี้  ...มีคำถามมากมายและคำตอบของคำถามที่เขาต้องการจะรู้ รวมถึงเรื่องราวของคิมจงอินที่คิดว่าหลังจากนี้เขาต้องเรียนรู้มันอีกเยอะ

     

                “ นอนด้วยกันก็ได้ “ คยองซูว่าอย่างนั้นตอนที่จงอินเดินมาหยิบผ้าขนหนูไปจากมือแล้วบอกว่าจะเอาไปตากให้  เอ่ยของคุณน้องก่อนจะเดินไปนั่งบนโซฟาตัวเดิม เจ้าของห้องคนใจดียังไม่วายส่งยิ้มมาให้อีก “ เวลาไมได้กลับไปนอนหอก็มานอนที่นี่เหรอ? ห้องสวยเนอะ ไม่รู้เลยแหะว่าจงอินมีห้องที่นี่ด้วย “

     

                “ มันไม่ไกลจากหอกับบริษัทเท่าไหร่ อีกอย่างทำห้องไว้นอนเฉยๆนะครับ วันนี้ที่บ้านบ่นใหญ่เรื่องที่..เอ่อ...หายไปเมื่อคืนก็เลยต้องกลับมานอนบ้านเอาใจแม่ซะหน่อย “ คยองซูมองจงอินแหวกเสื้อผ้าหาไว้แขวนเสื้อว่างๆเพื่อเอามาแขวนผ้าขนหนู  จิตใจของเขามันพาให้เขานึกไปถึงเรื่องก่อนหน้านี้อย่างช่วยไม่ได้  คนที่ยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าตรงนี้คือเด็กผู้ชายที่เขาเอ็นดูเหมือนน้องมาตลอด แต่แปลกที่เด็กคนนี้เอาแต่หยิบยื่นสิ่งดีๆมาให้เขา  ในขณะที่ใครอีกคน... 

               

     

     

     

                “ จงอิน “

                “......”

                “ ถ้าอยู่ดีๆวันหนึ่งจงอินเกิดไปรู้เข้าว่าคนที่ปากบอกว่ารักจงอินนักหนากำลังมีความลับถึงขั้นเกินเลยกับคนที่เป็นเพื่อนรักของจงอิน....จงอินจะทำยังไง... “

     

                ไม้แขวนเสื้อกับผ้าขนหนูในมือร่วงพื้อตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้  จงอินหันรีหันขวาง อึกอักอยู่ในลำคอ ก่อนจะรีบเก็บของบนพื้นหลบหลีกสายตาเป็นคนถามที่ถูกส่งมาจากอีกคนที่ไม่ทันสังเกตเห็นท่าทีที่อึ้งค้างไปนานของคนเป็นน้อง

     

                บ้าไปแล้วแน่ๆที่เขาคิดว่าพี่คยองซูหมายถึงเขากับพี่ชานยอล  ไม่มีอะไรสามารถสื่อถึงเรื่องนั้นได้เสียหน่อย

     

                “ ทำไมถึง.. “

                “ ไม่มีอะไรหรอก  ก็ถามไปอย่างนั้นแหล่ะ “ จับความรู้สึกได้จากน้ำเสียงแผ่วเบา จงอินแขวนผ้าขนหนูเรียบร้อยแล้วแขวนไว้กับที่จับตรงประตูตู้เสื้อผ้าก่อนจะหันไปหาคนที่เอาแต่ก้มหน้ามุดกับหัวเข่ามองแก้วน้ำที่น้ำไม่พร่องไปเลยตั้งแต่ก่อนอาบน้ำ

     

                คยองซูกำลังใช้ความคิดกับตัวเองอย่างหนัก  รู้สึกตัวอีกทีก็โดนสะกิดเข้าที่ไหล่ “ ไปนอนเถอะครับ จะตีสองแล้วนะ “

               

                จังอินปิดไปห้องทั้งหมดแล้วแต่ยังเหลือไฟหัวเตียง ฟูกสีครีมผืนใหญ่ยังวางอยู่ที่เดิม แต่คนที่ตั้งใจปูมันให้ตัวเองนอนถูกบังคับขึ้นไปนอนบนเตียงด้วยกันด้วยเหตุผลว่าถ้าไม่อย่างนั้นจะลงไปนอนข้างล่างแทน

     

                “ ตอนอยู่หอนอนเตียงสามฟุตยังนอนได้ นี่ตั้งหกฟุตจะให้นอนคนเดียวได้ไง “ คยองซูพูดก่อนจะห่มผ้าจนถึงอก จงอินยิ้มให้ก่อนจะปิดโคมไฟหัวเตียงจนทั้งห้องมืดสนิด  ได้ยินแค่เสียงห่มผ้าดังมาจากร่างใหญ่และเสียงสวบสาบจากการพลิกตัวไปอีกด้าน หันหลังให้คนตัวเล็ก

     

                เป็นเรื่องไม่คาดคิดที่เขามีพี่คยองซูในตอนนี้  และอีกคนคงไม่รู้ว่าเขาต้องควบคุมอาการตัวเองแค่ไหน ไม่รู้ว่าไปเจออะไรมา ไม่รู้ว่าใครทำให้เสียใจ ไม่รู้ จงอินไม่รู้อะไรเลย ไหนจะเรื่องที่เจ้าตัวถามก่อนหน้านี้มันทำให้เขาหลับตาไม่ลง

     

     

                “ จงอิน “

                “......”

                “ จงอินหลับหรือยัง “ ผ่านไปไม่นาน อยู่ดีๆเสียงเล็กของคนที่นอนอยู่ข้างหลังก็เอ่ยขึ้นในความมืด จงอินยังไม่หลับแต่ก็ไม่ได้เอ่ยตอบกลับไป เขารอฟังว่าอีกคนจะพูดอะไรอยู่เงียบๆ

     

                “ จงอิน.... “ เว้นระยะไว้เหมือนชั่งใจว่าจะพูดดีไหม จงอินกลั้นใจเหมือนกลัวในคำพูดที่อีกคนกำลังจะพูด แม้ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไรแต่สถานการณ์ในต้อนนี้ก็แปลกเกินกว่าจะคิดถึงเรื่องธรรมดาทั่วไปได้  เพราะแค่มีโดคยองซูนอนอยู่บนเตียงเดียวกับเขาในห้องนี้ก็เป็นเรื่องที่เรียกได้ว่าเหนือจินตนาการของเขาจะคาดคิด “ พี่เห็นชานยอลจูบกับแบคฮยอน... “

     

                “ ...... “

     

                “ สองคนนั้นไม่เห็นพี่  ..น่าตลกนะที่ไปเห็นอะไรแบบนั้นเข้าเหมือนพวกสอดรู้สอดเห็นเลย “ จงอินกระชับผ้าห่มให้แน่นขึ้นและสูงขึ้นจนถึงปลายคาง เขาตอบไม่ได้ว่าความรู้สึกที่เป็นอยู่นี้คืออะไรและเขาต้องทำตัวแบบไหน ได้แต่นิ่งรอฟังสิ่งที่กำลังจะถูกระบายออกจากปากคนตัวเล็ก “ พี่ไม่ไหวแล้วจงอิน มันคงถึงเวลาที่พี่ต้องตัดสินใจเลือกทางที่ถูกต้องให้ตัวเองสักที “

     

                เสียงสวบสาบที่เกิดจากการขยับตัว  ผ้าห่มผืนไม่ใหญ่มากที่ร่างสูงกว่าห่มอยู่ถูกอีกคนสอดตัวเข้ามาภายใน จงอินคลายมือที่กระชับผ้าห่มไว้แน่นจนเจ็บมือก่อนประสาทสัมผัสจะรับรู้ถึงแรงกอดจากด้านหลัง

     

                ใจเต้นรัวถี่ยิบเหมือนมีใครมาตีกลองอยู่ในอก หรืออาจจะมีใครกำลังเอาผีเสื้อมาปล่อยให้บินเล่นอยู่ในตัวเขา จงอินตอบไม่ได้ว่าตอนนี้เขาดีใจแค่ไหน  แต่ก็บังคับตัวเองไม่ให้แสดงออกอะไรมากปกว่านี้ คยองซูซบหน้าลงกับแผ่นหลังกว้าง  จงอินมีหลังที่กว้างขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ไหล่ของน้องดูแข็งแรงขนาดนี้

     

                นั่นสินะ  เขามองข้ามความรักของจงอินมาตลอด  โง่หลงเชื่อความรักจากคนคนหนึ่งที่เคยปฏิเสธอนาคตที่อยากมีร่วมกันมาแล้วครั้งหนึ่ง  แล้วตอนนี้เขาก็เหมือนกับโดนปฏิเสธซ้ำๆ

     

                ฝังหน้าลงกับเสื้อยืดตัวบาง  น้ำตาซึมจนเจ้าของเสื้อรู้สึกได้ “ มาเป็นผู้ชายที่ดีของพี่นะจงอิน พี่จะได้รับรู้ความรู้สึกที่ถูกรักอย่างจริงใจจริงๆเสียที “

     

     

     

                ไม่รู้จริงๆ..

     

                แม้กระทั่งวันที่รอคอยมาถึง จงอินก็ตอบตัวเองไม่ถูกว่ากำลังรู้สึกดีใจจนพูดไม่ออกหรือเพราะคนที่นอนอยู่ข้างหลัง  ตอบตัวเองไม่ได้ว่าที่ใจยังเต้นรัวแบบนี้เพราะแรงกอดปนสะอื้นนี่หรือเปล่า  ไม่รู้เลยว่าที่ยังกำมือแน่นทั้งที่ปล่อยชายผ้าห่มไปแล้วเพราะเกร็งไปทั้งตัวหรือเพราะอะไรกันแน่....

     

                แล้วที่น้ำตาไหลอยู่ตอนนี้เพราะ ดีใจกับสิ่งที่ได้รับ

     

     

                หรือเพราะเสียใจกับสิ่งที่กำลังเสียไป...

                คิมจงอินไม่รู้อะไรเลย...

     

     

     

      

     

    TBC

               

     ----------------------------------------------------------------
     

    เราบอกแล้วว่าเชปนี้ไม่ดราม่า
    คุณชานยอลอะไรยังไง?? เราก็ยังไม่รู้แหะ
    รอนางเฉลยต่อไป


    สกรีมติดแทค  #ชานไคด้อนโนว  ค่ะ^^

    [-]Hyphen

     

     

    @SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×