คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : You don't know I LOVE [Chan X Kai] ft.EXO : THREE *Edit theme
จริงๆแล้ว...
ผมเป็นคนขอให้เขาทำเอง...
เบื้องหน้าเป็นทะเล จงอินนั่งมองมันมาจะครึ่งชั่วโมงแล้วนับตั้งแต่มาถึงที่นี่ด้วยรถของชานยอล ทะเลที่อยู่ข้างหน้ากับพระอาทิตย์สีส้มอ่อนทำให้เขาใจสงบมากขึ้นทีเดียว ต้องยอมรับว่าปาร์คชานยอลรู้ใจเขาไปหมดเสียทุกอย่าง ถึงกับขับพามาไกลถึงที่นี่เพราะรู้ว่าเขาชอบทะเลและต้องเป็นทะเลที่สงบไม่มีนักท่องเที่ยงพลุกพล่าน แถมยังรู้ว่าต้องปล่อยเขาให้อยู่คนเดียวซักพักเพราะเจ้าของรถทิ้งรถไว้ให้เขาแล้วตัวเองก็ขอตัวไปคุยโทรศัพท์ทันทีที่เห็นว่าพี่ซูโฮโทรมา
จะทำยังไงต่อไปดี จะตอบคำถามทุกคนยังไง
จะมองหน้าพี่คยองซูด้วยสีหน้าแบบไหน ไม่รู้เลย
ทำไมเขาถึงอ่อนแอลงทุกวัน ทำอะไรโง่ๆ ประชดประชัน และแค่เห็นเขากอดกัน น้ำตาก็ไหล... อะไรบางอย่างตีที่อกอย่างแรงและทำให้สำนึกรู้ว่าเขาไม่มีใคร ตลกชะมัดเมื่อนึกย้อนกลับไปตอนที่กำลังจะบังคับน้ำตาให้ย้อนกลับไปได้อยู่แล้ว แต่พอถูกดึงเข้าไปกอดเท่านั้นมันก็ไหลออกมาเสียเฉยๆ ใช่ ปาร์คชานยอนคือคนที่ทั้งรู้ใจเขาไปเสียทุกอย่าง และยังเป็นคนที่ทำให้เขาดูน่าสมเพช ทั้งเรื่องร้องไห้และเรื่องที่พากันออกมาแบบนี้แล้วจะกลับไปตอบคำถามบ้าๆมากมายที่รออยู่ได้อย่างไร
ทั้งโง่และบ้าสมกับเป็น ปาร์คชานยอล
โง่และบ้าไม่เคยเปลี่ยน
ไม่ถึงกับสะดุ้งแต่ก็กระชากสติกลับมาที่ปัจจุบันได้ดี จงอินหันหลังไปมองทันทีที่ถูกอะไรบาอย่างเย็นๆสัมผัสที่แก้ม แล้วก็ได้รู้ว่ามันคือขวดน้ำเปล่ายีห้อหนึ่งที่เขาซื้อดื่มและมีติดกระเป๋าประจำ พอจะเอื้อมมือไปรับ คนร่างสูงกว่าก็ชักมันกลับเสียเฉยๆแต่ไม่ได้แสดงออกในท่าทีที่หยอกล้อไม่ให้ของเพื่อให้เขาเล่นด้วยแล้วจะอารมณ์ดีขึ้นภายหลัง
“ร้องไห้ทำไม” ตลก...เขาหยุดร้องไห้ไปตั้งนานแล้ว ทำไมเพิ่งจะมาถามเอาตอนนี้??
ใช่ตลก เขาร้องไห้อีกทำไม?
คนที่นั่งห้อยขาบนอานรถหันหน้ากลับเข้าหาทะเลและรีเอามือปาดน้ำตาลวกๆ มันจะตลกเกินไปหรือเปล่าที่คนอย่างคิมจงอินร้องไห้สองครั้งในวันเดียว แล้วก็เกือบหน้าทิ่มพื้นทรายเมื่อคนที่ยืนอยู่ข้างหลังโถมตัวเข้ากอดเขาอย่างแรง รถที่จงอินนั่งอยู่ถึงกับโยกคลอนเมื่อผู้ชายตัวใหญ่สองคนแทบจะทิ้งน้ำหนักมาที่มันเสียหมด
เสียงครืนถูกกลบด้วยเสียงทุ้มพูดข้างหูว่าไม่เอาแล้ว พอแล้ว อย่าร้อง ก็ไม่อยากจะร้องอยู่หรอก รู้อย่างนั้นก็เลิกพูดเสียที...
คนเป็นน้องไม่อยากเข้มแข็งอีกแล้วอย่างน้อยก็แค่เวลานี้ หัวใจของเขาเหมือนถูกเล่นตลกเสร็จแล้วก็ย่ำยีเหมือนเป็นของไร้ค่า ทำไมสองปีที่ผ่านมาถึงไม่มีค่าอะไรกับโคยองซูเลยหรือ คิมจงอินคนนี้ไม่เคยเข้าไปอยู่ในหัวใจเลยหรืออย่างไร
“บอกว่าผมเป็นคนดี...บอกว่าเป็นผู้ชายที่ดี ทีแท้ก็โกหกมาตลอดเลย” สุ่มเสียงขึ้นจมูกสั่นพล่า แม้ไม้ได้สะอึกสะอื้นฟูมฟายเหมือนเด็กแต่ความเสียใจที่แฝงมาในน้ำเสียงบ่งบอกความรู้สึกได้เป็นอย่างดี ปาร์คชานยอลกระชับกอดน้องแน่นขึ้นเมื่อสำผัสได้ว่าน้องเสียใจมากขนาดไหน
“เคยบอกว่าจะให้โอกาส...อึก...บอกว่ากำลังจะลืมพี่แบคฮยอนได้แล้ว” รอบแขนใหญ่โอบรอบานคอ ออกแรงดึงให้ซบพิงกับอก คนพี่ซบใบหน้าข้างขมับแล้วบอกอีกครั้งว่าพอแล้ว
“พี่คยองซูผมขอโทษ..” น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าที่ไหลจากคางโดนแขนร่างสูง
“จงอินพอแล้ว...” คนน้องหลับตาแน่น จากไม่สะอื้นก็เริ่มสะอื้นเล็กน้อย ไม่นานก็สะอื้นจนตัวโยน
ไม่เอาแล้ว ปาร์คชานยอลไม่ไหวแล้ว จะให้เขาทำอะไรก็ได้ อย่าร้องไห้ อย่าอ่อนแอแบบนี้ อย่าพูดแบบนี้หยุดพูดได้แล้ว จะให้ทำได้แค่มองดูอยู่ห่างๆแต่น้องไม่ต้องร้องไห้แบบนี้ก็ได้ เขายอม
“ผมรักพี่จริงๆ ครับ”
ยอมแล้วจริงๆ
คำพูดที่เปล่งออกมาราวกับสามารถสื่อไปถึงใครคนนั้นได้เมื่อครู่ทำให้เหตุการณ์เดิมๆย้อนกลับมาซ้ำๆ
....เขาเป็นคนขอให้ผมทำเอง..
และผมยอม...
ก๊อกๆ......
ก๊อกๆ......
เสียงเคาะประตูดังขึ้นหลายครั้งแล้วแต่เขาขี้เกียจลุกไปเปิด นึกรำคาญว่าอาจจะเป็นพนักงานกะดึกของแม่ที่พอเจอปัญหาจากลูกค้าเล็กๆน้อยๆก็วิ่งขึ้นมาข้างบนเรียกให้เขาไปสะสางให้ซึ่งเวลาตีหนึ่งกว่าๆแบบนี้พนันได้เลยว่าไอ้พวกขี้เมาทั้งนั้น ถ้าเป็นเวลาปกติเขาก็จะลงไปดูแลร้านอยู่หรอกเพราะหลังห้าทุ่มไปแล้วจะเป็นเวลาพักผ่อนของแม่ ซึ่งเขาจะไปนั่งเคาท์เตอร์บ้างในวันที่พอติดธุระ แต่ไม่ใช่วันที่อารมณ์ศิลปินของเขามาเต็มแบบนี้
อุตส่าคิดเนื้อเพลงเจ๋งๆได้แท้ๆ อารมณ์กำลังไหลลื่น อะไรคือเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาเพราะเสียงเคาะประตูที่ยังไม่หยุดเสียที ไม่รู้กาละเทศะ
ร่างสูงละดินสอที่ใช้เขียนเนื้อเพลงลงบนโต๊ะก่อนจะลุกไปเปิดประตู แรงกระชากบ่งบอกอารมณ์ว่าหงุดหงิดมากจริๆ เตรียมจะด่า แต่พอเห็นว่าหลังบานประตูเป็นใครคำด่าที่คิดไว้ก็ถูกกลืนลงคอไป
“เลิกทำหน้างงปนสงสัยได้แล้ว มันเมา” เซฮุนพยักเพยิดหน้าไปทางคนที่คอพับคออ่อนอยู่ข้างๆ ดีแค่ไหนที่ไม่ล้มตกบันใดไปตอนที่พยุงขึ้นมาข้างบนนี่ ถ่อมาอยู่อะไรชั้นสามวะ พนักงานร้านแม่งก็งานยุ่งจนไม่มีใครปลีกตัวมาช่วยพยุงอีกแรงได้เลย
“แล้วทำไม..” สีหน้ามีแววเคลือบสงสัยและเป็นห่วงอย่างปิดไม่มิด
“เลิกถามก่อนครับ เอามันไปก่อนครับหนักมาก” ชานยอลรับเอาร่างอ่อนปวกเปียกให้มายืนซบไหล่ไว้ ได้ยินเสียงงึมงัมมาจากคนเมา ก่อนจะถอยหลังเล็กน้อยเปิดทางให้เซฮุนเข้ามาข้างในแต่ได้รับเป็นการส่ายหน้าปฏิเสธิกลับมา ก่อนจะรีบอธิบายเพราะกลัวว่าถ้าช้ากว่านี้คงได้อยู่ที่นี่อีกยาว
“มันโทรมาเรียกให้ผมออกไปหา..ขอโทษละกันที่ไม่ได้บอกก่อน” เซฮุนว่าอย่างนั้น ชานยอลส่ายหน้าเบาเชิงบอกว่าไม่ได้ว่าอะไร หลังๆมานี้ชานยอลรับรู้ได้ว่าเซฮุนยอมรับเขามากขึ้น และยังคอนช่วยเหลือเขาเต็มกำลัง
“ตอนไปถึงมันก็ดื่มไปเยอะแล้วห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง แล้วนี่โทรศัพท์เป็นไรโทรไม่ติดผมโทรจะให้ออกไปรับตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้วนี่เลยต้องนั่งแทคซี่มา จะกลับบ้านมันก็กลัวคุณพี่สาวจะถลกหนังหัวเอาคนโตไม่เท่าไหร่ครับคนรองนี่แบบ โอ่ย...ไม่เอาไม่สู้จริงๆ จะเอาไปนอนที่คอนโดด้วยก็กลัวใครบางคนแถวนี้รู้ทีหลังแล้วผมจะซวยอีก” นี่เป็นเด็กพูดมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ยักไหล่เหมือนรู้ว่าเขานึกถามอะไรในใจ เซฮุนโตขึ้นมากนั่นอาจจะเป็นเพราะเขาที่ทำให้ไอ้เด็กนี่รีบสร้างกำแพงขึ้นมาป้องกันตัวเร็วขึ้นกว่ากำหนด ทุกวันนี้มองหน้ากันเรื่องพวกนั้นไม่ฉายในแววตาเซฮุนแล้วเขาสัมผัสได้ ไม่มีการหลบตา ไม่พูดตะกุกตะกัก แถมยังไม่มีรังสีที่ทำเขารู้สึกว่าไม่ไว้ใจให้จงอินอยู่ด้วยสองต่อสองอีกแล้ว
“เอามันมาส่งให้นี่ค่าแทคซี่เล่นเอาค่าขนมร่อยหรอเลยนะรู้ไว้ด้วย ไปละ” พูดเหมือนไม่ได้จริงจังอะไรมาก และเหมือนการที่ต้องพาจงอินมาส่งให้จนเดือดร้อนเงินในกระเป๋าไม่ใช่เรื่องหนักหนาสาหัดอะไร เขานึกขอบคุณไอ้เด็กนี่ในใจแล้วเตรียมจะปิดประตู
คนหมดธุระหันหลังไปได้ไม่เต็มตัวดีก็หันมาเขาเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ แต่พอหันมาก็ทำท่าเหมือนจะพูดดีหรือไม่พูดดีแล้วก็หันกลับไปอีกครั้ง เรียกความสนใจให้ชานยอลยังไม่ปิดประตูทันทีทันใดก่อนจะบอกว่ามีอะไรก็พูด
“คือ..ไม่รู้จะบอกดีรึเปล่า” เว้นระยะไปให้พอสูดอากาศเต็มปอด ชานยอลเลิกคิ้วขึ้นให้สัญญาณว่าแล้วบอกมันไม่ดีตรงไหน แต่รอไม่นานอีกคนก็พูดออกมา “ที่มันเป็นแบบนี้เพราะมันไปบอกรักเขาแล้ว”
“....”
“ผลเป็นไงไม่รู้แต่ก็คงไม่ดีนักหรอก ไม่งั้นคงไม่ไปประเดิมสุราครั้งแรกเอาตอนนี้” ชานยอลหันไปมองคนที่ยังโอบเอวให้ยืนพาดไหล่ “ไปจริงๆละ ดูแลมันด้วยละกัน”
เซฮุนกลับไปได้ซักพักแล้ว และตั้งแต่อุ้มจงอินมานอนบนเตียงเขาก็ยังไม่ได้ลุกไปไหนเพราะเอาแต่นั่งมองน้องที่ยังไม่หลับแต่ก็ไม่ได้สติอยู่ข้างๆเตียง คำพูดของเซฮุนยังวนไปวนมาในหัวของเขาเหมือนเพลงในลิสเครื่องเล่นเอ็มพีสามที่เขาตั้งค่าให้เล่นเพลงเดิมซ้ำๆ จนลืมไปว่าเขาควรเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าให้น้องจะได้นอนสบายๆ
เตรียมจะลุกจากเตียงแต่ก็โดยมือคนที่นอนอยู่คว้าข้อมือไว้เสียก่อน ชานยอลหันกลับไปมองก็สบตาเข้ากับอีกคนพอดี แถมยังเอาแต่จ้องอยู่อย่างนั้น
“นี่รู้ตัวหรือละเมอ” ชานยอลถามด้วยเสียงกลั้วหัวเราะก่อนจะนั่งลงไปใหม่
“ละเมอ” เสียงอู้อี้ตอบก่อนจะละมือไปกุมขมับตัวเอง ตอบแบบนี้ได้ก็คงมีสติพอตัวหล่ะ
“กินน้ำหน่อยนะ เดี๋ยวไปเอามาให้”
จงอินทำท่าจะปฏิเสธิก็ไม่ทันเสียแล้ว ชานเยอลลุกขึ้นอีกครั้งแล้วเดินออกจากห้องไป ไม่นานแต่ก็ช้าเกินไปสำหรับการไปเอาแค่น้ำเย็นแก้วเดียว แต่มือสองข้างกลับเต็มไปด้วยกะละมังขนาดย่อมที่มีน้ำอยู่กว่าครึ่งและผ้าสีขาวผืนย่อมบนบ่า เพื่อจะมาเช็ดตัวให้น้องอย่างที่ตั้งใจ
ชานยอลว่างอุปกรณ์ทำมาหากินไว้ที่โต๊ะที่ก่อนหน้านี้เขาใช้เขียนเพลง แล้วหันมานั่งประคองตัวอีกคนให้ดื่มน้ำจากแก้วได้ถนัด จงอินส่ายหน้าปติฏิเสธิก่อนที่ขอบแก้วจะแตะปากเสียด้วยซ้ำ หัวคิ้วขมวดมุ่นเหมือนโดนขัดใจ
“ไม่เอา” หันหน้าหลบแล้วเอามือดันข้อมือหนาให้เอาแก้วน้ำไปห่างๆ เป็นผลให้น้ำกระฉอกออกนอกแก้วหกรดเสื้อยืดสีดำสนิดของคนผิวเข้ม “ก็บอกว่าไม่เอาไง!”
หงุดหงิด
เสียงขึ้นจมูกจิ๊ปากแล้วเอามือปัดน้ำเย็นบนอกทั้งๆที่ยังนอนอยู่ ชานยอลเอาแก้วน้ำไปวางไว้กับกะละมังบนโต๊ะแล้วหยิบผ้าหันมาเช็ดน้ำให้น้อง “ขอโทษ”
จงอินเห็นท่าทางของอีกคนแล้วพานอารมณ์เสีย หงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งปวดหัวอยู่แล้วก็ปวดเข้าไปอีก
“เช็ดตัวหน่อยนะจงอิน จะได้นอนสบายๆตัว” ไปกันใหญ่.. ทำไมไม่ว่าอะไรก็สร้างความหงุดหงิดไปให้เสียหมด จะมายุ่งอะไรนักหนา
“ไม่เช็ด ไม่ทำอะไรทั้งนั้นแหล่ะ ทำไมอะไรๆก็ไม่ได้ดั่งใจน่าหงุดหงิดไปหมด” จงอินเริ่มอารมณ์ร้ายขึ้นแล้ว นั่นคือสิ่งที่ชานยอลรู้สึกได้ เขาควรจะทำตามใจจงอินในเวลานี้ ถ้าไม่อยากมีปัญหากับคนเมาครั้งแรก เพราะเขาไม่รู้ว่าแรงปะทะครั้งนี้จะรุนแรงมากน้อยขนาดไหน
“ทำไมอ่ะ...”เสียงอ่อนแรงพูดออกมาอย่างไม่เข้าใจ
หันกลับมามองคนที่หลับตาแต่อยู่ๆก็พูดออกมาเหมือนจะพูดกับเขาแต่ก็ไม่ใช่ จงอินอาจจะหลับไปแล้วหรือเปล่าเพราะดูน้องคงปวดหัวมาก นั่งลงข้างๆ มือหนาเอื้อมไปลูบผมที่ปรกหน้าน้อง จงอินลืมตาขึ้นมองคนเป็นพี่นิ่ง มองอยู่อย่างนั้น
“พี่ชานยอล ..” เว้นระยะ แต่ยังจ้องหน้าชานยอลไม่เลิก จนชานยอลต้องชักมือกลับมาแล้วกุมมือน้องไว้
ไม่คิดว่ามันเร็วไปหน่อยหรือ
ชานยอลนึกกลัวในใจเมื่อวันนั้นที่จงอินกล้าบอกรักคยองซูมาถึง ก่อนหน้านี้ถ้าเป็นเรื่องของคยองซูจงอินจะปรึกษาเขาไปเสียทุกอย่าง หรือไม่ก็ปรึกษาเซฮุน และแน่นอนมันต้องเข้าหูเขาทันทีที่เซฮุนมีโอกาสได้บอก
แต่วันนี้คืออะไร? จงอินทำในสิ่ที่ไม่ถามเขาซักนิดว่า “ดีไหม?” “ดีหรือเปล่าครับ??” ถามสิจงอิน ถามพี่ซักคำ
คงเป็นเพราะพยอน แบคฮยอนคนนั้นที่เพิ่งเข้ามาเทรนด์กับเราเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน จงอินบอกว่า เขาเป็นแฟนคยองซู
“ผมรักพี่คยองซู”
นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่เอาแต่จ้องหน้าน้องที่ก็จ้องกลับมา นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่เอาจิตใจตัวเองหลุดเข้าไปในภวังค์ แต่ประโยคที่จงอินเว้นระยะไว้ให้เขาทำใจก็กระชากสะติเขาให้กลับมาอยู่กับปัจจุบัน
“ผมจะทำยังไงดี เขายังรักกันอยู่” คงหมายถึงแบคฮยอน
“จงอิน..”
“พอบอกรักไปก็เงียบ..ผม ควรทำยังไงดีครับ”
จงอินจ้องตาเขาไม่กระพริบ น้องคงหวังพึ่งเขาที่คงคิดไปเองอีกนั่นแหล่ะว่าน่าจะผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ ชานยอลบีบมือน้องแน่นกว่าเดิม ตอนนี้จงอินละสายตามองขึ้นไปบนเพดานสีขาวสะอาดตา
ถ้าผมจะบอกน้องว่า จงอิน นายไม่ได้ชอบคยองซูหรอก นายชอบผู้หญิงจำไม่ได้เหรอ? จองซูจองคนนั้น นายแค่คิดไปเองว่าชอบคยองซู เพราะหมอนั่นตัวเล็ก เหมือนผู้หญิงจะตายใช่ไหมหล่ะ
ผู้ชายกับผู้ชายจะเป็นไปได้ยังไง แค่คิดก็ขนลุกแล้ว
ใช่...ความรู้สึกของปาร์คชานยอลแค่คิดก็ขนลุกแล้ว น่าขนลุก น่าขยะแขยง
แต่ผม....
“จงอิน...นายไม่ได้ขอบคยองซูหรอก นายชอบผู้หญิงไม่ไช่เหรอ? หื้ม?” จงอินหลับตาแน่น
“......”
“ที่ผ่านมานายแค่คิดไปเอง คยองซูตัวเล็ก เหมือนผู้หญิงจะตายใขไหมหล่ะ”
“......”
“ผู้ชายกับผู้ชาย....จะเป็นไปได้ยังไง” เผลอบีบมือน้องแน่น จงอินลืมตาแต่ก็ยังไม่ละสายตาไปจากเพดานห้อง
“นอนที่นี่นะ เดี๋ยวพี่เช็ดตัวให้” เมื่อเห็นจงอินไม่มีปฏิกิยาตอบสนองก็เตรียมจะละมือออกมาแต่ก็โดนน้องบีบมือไว้ไม่ให้ไป ชานยอลไม่ได้หันกลับไปหาในทันทีเพราะเหมือนในใจบอกว่าจงอินจะพูดอะไรบางอย่างที่เขาไม่อยากจะรับรู้ ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าคือเรื่องอะไร
“มันเป็นไปไม่ได้เลยเหรอ...ผมน่ารังเกียจมากใช่มั้ย?”
“.....”
“ถ้าอย่างนั้นแล้วทำไมพี่ถึงชอบผม??” ชานยอลเบิกตากว้างหันไปหาอีกคน ในขณะที่จงอินก็ก็คอยๆหันมาหาเขาเหมือนกัน สิ่งที่คนเป็นน้องพูดเล่นเอาเขาตัวชา เหมือนในหัวขาวโพลน
“จงอินนาย..”
ไปทำให้น้องรู้ได้ยังไง... เผลอไปแสดงท่าทางให้น้องรู้ความรู้สึกตั้งแต่เมื่อไหร่...
ทำไมนายถึงได้โง่ขนาดนี้ ปาร์คชานยอล...
“ผมไม่ได้เข้าใจผิด อย่าทำเหมือนผมเป็นคนโง่”
“......”
“ตอบผมมาสิ ผมน่ารังเกียจถึงขนาดรักไม่ได้เลยเหรอ อย่างนั้นแล้วพี่มาชอบผมทำไม?!!” จงอินลุกขึ้นนั่ง อาการไม่เหมือนคนเมาเลยซักนิด แต่อาการก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่เรื่องโกหก ฝ่ามือที่บีบมือชานยอลไว้สะบัดทิ้งฝ่ามืออีกฝ่ายอย่างแรง
“ไม่จงอิน ไม่ นายไม่ได้น่ารักเกียจ” ร่างสูงกว่าโผเข้าหาน้องแล้วคว้าเข้ามากอดไว้ ไม่มีน้ำตาไม่มีเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นใดใดทั้งสิ้น มีแต่ความนิ่งเงียบ และสองแขนที่ปล่อยทิ้งไว้ข้างลำตัวเหมือนหมดแรง
“ไม่ได้น่ารังเกียจเลยซักนิดเดียว อย่าพูดอย่างนั้น” อย่าพูดเหมือนตัวเองไม่มีค่าพอให้ใครก็ตาม
ชานยอลลูบหัวทุยๆไปมา อีกมือก็ลูบไหล่ลูบหลังน้องปลอบโยน ไม่มีใครพูดอะไรอีก ตัวเขาเองก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาทั้งนั้นเพราะไม่อยากให้จงอินถามกลับมาอีกว่า ทำไมถึงชอบผม เพราะเขายังไม่พร้อมจะตอบคำถามตอนนี้
เวลาผ่านไปเท่าไหร่แล้วไม่รู้แต่ก็นานพอจะทำให้ชานยอลคิดว่าจงอินอาจจะหลับคาไหล่เขาแล้วหรือเปล่า เร็วเท่าความคิดที่จะผละตัวออกมาเพื่อมองหน้า ตั้งใจจะดันกายผอมให้นอนลงอีกครั้ง แต่สองมือที่เคยทิ้งอยู่ข้างลำตัวกลับยกขึ้นโอบใต้แขนเขาแล้วอ้อมเกาะยึดไหล่ทั้งสองข้างของเขาไว้
“พี่ชานยอล ถ้าผมไม่ได้น่ารังเกลียดอย่างที่พี่พูด..” ชานยอลหันหน้าหวังจะมองอีกคนแต่ก็เห็นเพียงกลุ่มผมดำสนิดเพราะเจ้าของมันเอาแต่วางคางเกยไหล่ไม่ไหวติง "พี่ช่วยอะไรผมอย่างหนึ่งได้ไหม"
“แล้วผมจะไม่ขออะไรพี่อีกแถมยังจะให้ในสิ่งที่พี่ต้องการ....”
“......”
“ทำให้ผมรู้ว่าผมไม่ได้น่ารังเกียจจริงๆ ได้ไหม?” จงอินผละตัวออกมาจ้องใบหน้าของคนเป็นพี่ที่ตอนนี้นิ่งไปแล้วกับคำพูด สายตาคมสั่นไหวต่างจากคนเป็นน้องที่เอาแต่จ้องไม่หลบตา ชานยอลนึกกลัวคำพูดที่จะออกมาจากปากคิมจงอินตอนนี้เหลือเกิน กลัวแม้กระทั่งถ้าพูดออกมาจริงๆ เขาจะทำยังไง
“กอดผมที....นะครับ”
เขาควรจะตอบรับ หรือปฏิเสธิ.....
เราก็แค่เด็ก ผมแค่19 และน้องแค่17...เข้าใจดีว่าสำหรับหลายๆคนมันเป็นช่วงอายุที่โตพอจะคิดอะไรหลายๆอย่างได้ดี ผมรู้แต่ทำไม่ได้ ถ้าทำได้อะไรๆมันคงไม่เป็นแบบนี้
ชานยอนห้ามตัวเองไม่ได้อีกแล้วตั้งแต่จงอินโน้มท้ายทอยให้ไปรับจูบเงอะงะไม่ประสีประสา ไม่สามารถปฏิเสธิน้องได้ เขารู้ตัวดีตั้งแต่น้องเอ่ยปาก น้องเมา น้องกำลังอ่อนแอกับการถูกทำร้ายจิตใจ ปัดทิ้งซึ้งความหวังดีจากคยองซู และเขากำลังอาศัยโอกาสนี้ ใคว่คว้าน้องมาหาอยากน่ารังเกียจ ใช่ ชานยอลเป็นผู้ชายที่น่ารังเกกียจ ชานยอลเป็นเพียงผู้ชายน่าสมเพสที่ชัดเจนกับตัวเองแต่ไม่กล้าแม้จะยอมรับความจริงกับน้องว่ารักแค่ไหน สุดท้ายก็เป็นเขาไม่ใช่หรือที่ทำให้น้องตัดสินใจแบบนี้ และเป็นเขาที่ตัดสินใจทำร้ายน้องเองกับมือ
การล้วงล้ำดำเนินมาถึงปลายทาง ทั้งคู่กระตุกเกร็ง แต่เป็นจงอินก่อนที่ปลดปล่อยจนเลอะไปทั้งหน้าท้องตัวเองและของคนเป็นพี่ ก่อนชานยอลจะฉีดพุ่งทุกหยาดหยดความเป็นชายเข้าไปในตัวน้อง
สำนึกสุดท้ายก่อนจะจมลงสู่ห้วงภวังค์ ปาร์คชานยอลยังไม่หยุดสั่นไปทั้งตัวซักเสี้ยววินาที ตั้งแต่ก่อนจะได้ปลดปล่อยออกมาทั้งคู่แบบนี้ชานยอลทั้งกดย้ำและกระชากสติจงอินด้วยความต้องการทั้งหมดที่มี แต่มือหนาไม่เคยเลยจะละออกจากใบหน้าและขมับชื้นเหงื่อ กระทั้งตอนเสร็จสมชานยอลก็ยังไม่ละมือออก
จ้องตาจงอินที่สั่นระริกแล้วเอาแต่พ่นลมหลายใจถี่แรงใส่กัน ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกเหมือนเดิม หลายครั้งเราแอบคิดว่าต่างฝ่ายต่างเป็นใบ้หรือเปล่า ทั้งที่ตลอดมาคิดว่าไม่ต้องพูดกันก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร แต่วันนี้มันบอกเขาอย่างชัดเจนว่าเขาคิดผิด เขาไม่รู้ซักนิดว่าจงอินกำลังคิดอะไร...
โถมตัวลงไปจูบขมับชื้นเหงื่อทำให้คนที่อยู่ข้างล่างเผลอส่งเสียงในลำคอ นั่นทำให้ขอต้องรีบพูดขอโทษออกมายกใหญ่เพราะยังไม่ได้ถอดถอนส่วนนั้นออกมา น้องถึงได้ร้องเพราะอึดอัด
พอรู้ว่าได้รับในสิ่งไหน ชานยอลก็ใจเต้นโครมครามขึ้นมาอีก เขากำลังเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลกรือเปล่า แต่ถ้าคิดดีๆเขาก็รู้ว่ามันไม่ใช่
จงอินยังมองหน้าชานยอลไม่วางตา มองเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด การกระทำนั้นมมันน่าเอ็นดูน้อยเสียเมื่อไหร่ จนชานยอลอดได้ที่จะโถมตัวลงไปกอดน้องจนมิดอกแล้วกดจมเตียง ปลายจมูกยังพรมหอมไม่ทั่วขมับและพวงแก้ม
รักเหลือเกิน
“พี่ได้ไปแล้วนะ หลังจากนี้เป็นทีผมบ้างได้ไหม?”
“......” ชะงักปลายจมูกที่กำลังสูดดมความหอมปนกลิ่นแอลกอฮอล์อ่อนๆ
“จากนี้ไปพี่จะอยากได้ผมกี่ครั้ง เท่าไหร่ เมื่อไหร่ก็ได้”
“......”
“แต่ช่วยทำยังไงก็ได้...
...เอาพยอน แบคฮยอนออกไปจากชีวิตพี่คยองซูที”
เขาคงได้ใจเกินไป หลงคิดว่าน้องจะเห็นใจแต่เปล่าเลย
ลืมไปหรือเปล่าว่าน้องเมาขนาดนี้เพราะใคร ขอร้องให้เขาทำแบบนี้กับตัวเองเพราะอะไร..
อย่าหลงคิดว่าตัวเองมีความสำคัญกับคิมจงอินนักเลย ในเมื่อไม่เคยมีแม้แต่เศษเสี้ยว นอกเหนือจากประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ แล้วจะเป็นอะไรได้มากกว่านั้นอีก
แต่เคยพูดกับตัวเองแล้วไม่ใช่หรือ....... ไม่ว่าอะไรก็ยอม
กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นแล้วพยักหน้าหลายๆครั้งให้รู้ว่าตอบรับในข้อเสนอ เขามาไกลเกินกว่าจะถอยหหลังกลับได้แล้ว ทางเดินเดียวที่จะเดินไปได้ตอนนี้คือทางเดินเส้นที่คิมจงอินจะเดิน ไม่ว่าน้องจะเดินไปทางไหนเขาจะเดินตามหลังไปตลอด จะคอยระวังหลังให้ถ้าตราบใดไม่เลี้ยวหนีหรือโบกรถคันอื่นขึ้นไปกระทันหัน
“ขอแค่ได้อยู่ใกล้ๆได้ดูแล ได้กอดได้จูบนายบ้างก็พอแล้ว ไม่ต้องให้ถึงขนาดนั้นหรอก”
เขามันโง่.....
จงอินเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพที่มีแค่ผ้าขนหนูพันรอบเอว บนหัวก็มีผ้าผืนเล็กๆอีกผื่นที่เจ้าตัวใช้เช็ดผมที่เปียกเพราะต้องสระผมทั้งๆที่เมื่อเช้าเพิ่งสระไป
ฝนตกหนักมากและพวกเขาต้องเปียกเป็นลูกหมาตกน้ำเพราะขับรถหาที่พักใกล้ๆ และเห็นว่ามืดแล้วจะขับกลับโซลกันทั้งเปียกๆอย่างนี้คงไม่ดีแน่ อย่างน้อยพวกเค้าก็ต้องห่วงสภาพเสียงบ้างถึงแม้ไม่ได้เป็นเมนโวคอลก็เถอะ บังกะโลไม่เล็กไม่ใหญ่มากแถมยังมีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครันแม้กระทั่งเครื่องซักผ้าดูจะเป็นที่ที่เหมาะเจาะสำหรับให้เขาทั้งสองคนพักผ่อนคืนนี้ จะว่าไปเขาก็สมควรไปอาบน้ำบ้างแล้วหลังจากยืนตากลมตรงระเบียงคุยโทรศัพท์กับเซฮุนนานสองนาน แถมยังโดนด่าเรื่องพาจงอินมาไกลขนาดนี้แต่ไม่หยิบกระเป๋าสัมพาระจงอินมาด้วย มันเลยโดนพี่สาวจงอินซักจนขาวว่าจงอินไปไหนทำไมไม่เอาโทรศัพท์ไป พอบอกว่าไปกับเขาพี่สาวก็วางไป
มันไม่ใช่แค่ชอบหรอก คิมจงอิน...
มือหน้าขับผ้าที่อยู่บนหัวคนเป็นน้องแล้วลงมือเช็ดเบาๆแทนเจ้าของเดิมที่ขยี้จนเกรงว่าผมที่ทำสีบ่อยๆนั้นจะขาดเอา ออกแรงกดปลายนึ้วโป้งเบาๆคลึงเส้นผมและหนังหัวให้ผ่อนคลาย เขาเคยถูกแม่ทำให้แบบนี้แล้วเขารู้สึกดีจนลืมเรื่องเครียดๆ ร่างของคนน้องที่นั่งอยู่นบขอบโซฟาก็ยอมให้อีกคนทำตามอำเภอใจ
“ในตู้ไม่มีเสื้อคลุมอาบน้ำหรือไง?” ถึงได้ใส่แค่ผ้าขนหนูมาล่อเสือล่อตะเข้แบบนี้
“มี แต่ไม่อยากใส่มันไม่สบายตัว” คำตอบสมกับเป็นคิมจงอิน
“ยังไม่ไปอาบน้ำเหรอ?”
“ยัง เช็ดผมให้นายก่อน เสร็จแล้วจะไปอาบ” พอเห็นว่าผมแห้งดีแล้วก็ก้มลงไปสูดดมความหอมที่กลางหัวคนน้องเสียหน่อย บอกเบาๆว่าหอมแล้ว แล้วใช้มือยีหัวทุยเล่นด้วยความหมันเขี้ยวก่อนจะวางผ้าที่ใช้เช็ดหัวพาดคอคนที่นั่งนิ่งให้เช็ดหัวอย่างว่าง่าย
“ขอบคุณ” ยังไม่ทันจะละไปไหนน้องก็เอ่ยออกมาให้ต้องหยุดตัวเองไว้กับที่เสียก่อน ชานยอลมองหน้าอีกคนที่เงยขึ้นมามองกันอยู่พอดี
“ขอบคุณสำหรับเมื่อตอนบ่าย แล้วก็เมื่อกี้ด้วย” เขาคงคิดดังไปสินะ หรือแสดงสีหน้าชัดเจนขนาดที่น้องดูง่ายขนาดนั้น เอื้อมมือไปลูบหัวน้องแล้วส่ายหน้าเบาๆ
“เคยพูดกับนายไว้ว่ายังไง?” ไม่จำเป็นต้องขอบคุณเลย
“ก็เห็นทำมากกว่ากอดกับจูบทุกที” สิ้นคำน้องชานยอลก็ถึงกับหลุดขำ นี่โฟกัสอยู่แต่เรื่องแบบนี้เหรอ? เห็นเขาเป็นคนยังไงกันนะ
“ พูดถึงเรื่องอยู่ใกล้ๆแล้วคอยดูแลนายอย่างดีบ้างสิ....แล้วใครหล่ะที่เป็นคนทำให้มันไม่จบแค่กอดกับจูบ ”
สิ้นเสียงคนพี่ คนน้องก็เอาแต่มองหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มจางๆส่งมาให้ รอยยิ้มและคำพูดไม่เพียงกังวานอยู่ในหูแต่มันแผ่ซ่านไปถึงจิตใจบอบช้ำ น่าหมันไส้ปาร์คชานยอลเหลือเกิน
เร็วเท่าความคิดจงอินยืดตัวใช้มือโน้มคอคนที่ยืนอยู่ลงมาป้อนจูบรวดเร็ว ไม่ทันตั้งตัวร่างสูงทรุดตัวลงชันเข่ากับพื้นแต่ก็ต้องระวังไม่ให้จูบขาดตอน คืนนี้เขาคงไม่ได้อาบน้ำเสียแล้ว
ลิ้นพันกันมั่วบ่งบอกถึงแรงอารมณ์ของคนตัวเล็กกว่าที่เป็นคนนำเกมส์ได้ดี มือร้อนลูบแก้มนิ่มสองสามทีก่อนจะลากผ่านลำคอเรื่อยลงมาถึงปุ่มไตเล็กสองข้าง ชานอลละริมฝีปากออกมาอย่างนึกเสียดายแต่ก็น่าเสียดายกว่าหากไม่ได้หยอกล้อกับหน้าอกเล็กตอนนี้ ไล้ปลายลิ้นชื้นตั้งแต่แอ่งชีพจรลงมาจนเจอกับปุ่มไต ไม่พลาดที่จะขบกัดเบาๆให้เกิดเสียงครางหวานหูน่าอาย
“ อะ.... ” หน้าท้องหดเกร็งทันทีที่สันจมูกโด่งไล้ผ่าน สองมือสอดเข้ายึดกลุ่มผมแดงเข้มแล้วออกแรงขยุ้มเบาๆ เมื่อรู้สึกได้ว่าลิ้นร้อนกำลังซุกซนอยู่บริเวณสะดือ
จิวสีเงินรูปตัวKตรงสะดือ..
ตั้งแต่ครั้งแรกที่เผลอไผลไปกับร่างกายของน้องเมื่อครั้งนั้น เขาก็เห็นมันแล้ว...
ตอนนั้นเอาแต่คิดว่าตั้งแต่เมื่อไหร่? แล้วทำไมเขาถึงไม่รู้มาก่อน?
ความคิดตีกันยุ่งจนลืมไปว่าเขาไม่ใช่เจ้าของร่างกายของคิมจงอินเสียหน่อย แต่ปฏิเสธิไม่ได้เลยนะว่าเขาต้องการเป็นเจ้าของร่างกายนี้
จ้องใบหน้าแดงเห่อร้อนก่อนจะเรียกสติตัวเองให้กลับมา เบนสายตาไปทางอื่นที่ไม่ใช่บริเวณหน้าท้อง หรืออะไรแถวๆสะดือ ไม่เข้าใจตัวเองว่าเป็นบ้าอะไรกับน้องนักหนา และทำไมคิมจงอินถึงไม่ระวังตัวเอาเสียเลยนี่ถ้าเขาจะปล้ำก็ทำได้ แล้วถ้าไม่ใช่เขาที่อยู่ตรงนี้ คิมจงอินคงไม่ได้นั่งลอยหน้าลอยตาแบบนี้แน่ๆ
นี่เขาหงุดหงิดเรื่องอะไรบ้าง? เรื่องน้องไปเจาะจิวโดยไม่บอก เรื่องน้องไม่ระวังตัวเอง หรือเขากำลังหงุดหงิดตัวเองที่งุ่นง่านอยู่ตอนนี้.....
ชานยอลลุกขึ้นแล้วดันร่างที่เปลือยท่อนทนให้นอนราบบนโซฟายาวใหญ่ คร่อมตัวอยู่ด้านบนด้วยมือเดียว ส่วนอีกมือทำหน้าที่ปลดเชือกกางเกงผ้านิ่มที่เขาชอบใส่มาซ้อมเต้นเป็นประจำก่อนจะดึงลงไปอยู่ปริเวณหน้าขา ให้พอแค่พ้นส่วนนั้นลงมาเพื่อกิจกรรมหลังจากนี้จะไม่สะดุด สายตาจ้องกันนิ่ง เอาอีกแล้ว ไม่มีใครพูดอะไรอีกแล้ว แต่สายตาของจงอินก็พอจะรู้อยู่แล้วสินะว่าเขากำลังจะทำอะไร
ละมือจากขอบกางเกงก่อนจะเลิกชายผ้าขนหนูให้สูงขึ้น แหวกรอยแยกของผ้าให้เปิดกว้างจนเห็นไปถึงไหนต่อไหน โดยที่สายตายังไม่ละไปจากโคลงหน้าคม
เกลียดใบหน้าที่ไม่ยอมรู้สึกรู้สา เกลียดที่ปล่อยให้เขาเก็บเกี่ยวทุกอย่างได้ตามใจชอบ เกลียดคิมจงอินที่รับรู้ทุกอย่างแต่ ทำเหมือนไม่รู้แล้วปล่อยให้ปาร์คชานยอลกลายเป็นคนบ้าที่ไคว่คว้าแล้วไม่เคยได้ คิมจงอินดึงปาร์คชานยอลให้ขึ้นมาจากเหวแล้วผลักให้ตกลงไปอีกครั้งกับมือ
ทำอย่างนั้นซ้ำๆ
“พรุ่งนี้.....” การกระทำรุกล้ำโดยไม่ทำให้ชินเสียก่อน ทั้งคู่นิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดแต่ไม่มีแม่แต่เสียงร้องในลำคอให้ได้ยิน “.....จะไม่ทำให้ผิดหวังอีกแล้ว ”
เขาเป็นคนขอร้องให้ผมทำเอง และผมยอม...
ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่การปลอบที่เขาขอมันมากขึ้นเรื่อยๆ จากขอให้ไดกอด เป็นได้จูบ และถลำลึกจนเป็นอย่างที่เห็นโดยที่เราเองก็ไม่รู้ตัว
ไม่ใช่แค่ชอบหรอก ไม่ใกล้เคียงเลยซักนิด
นายต้องไม่อยากรู้และต้องนึกไม่ถึงแน่ๆว่าพี่รู้สึกกับนายมากกว่าคำว่า ‘ชอบ’ ขนาดไหน
รักเหรอ? ถ้ามีคำไหนสามารถบอกความรู้สึกของพี่ได้มากกว่าคำนี้ คำว่า ‘รัก’ ก็คงน้อยไป
ทุ่มเท เสียสละ ใส่ใจ ทะนุถนอม พี่มีทุกอย่างมากกว่านั้นให้นาย
แต่ขอโทษนะ....
ในคำเหล่านั้นพี่มีทั้งความหลงไหล คลั่งไคล้ อิจฉาริษยา และอยากครอบครองอยู่ด้วย
ดังนั้นคงไม่ผิดเลยถ้าพี่จะรู้สึกมากกว่า ‘รัก’ กับนาย...
จิวรูปตัวเคที่เขาคิดมาเสมอว่ามันคือ ‘ไค’
แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่
ความจริงมันโหดร้ายกว่านั้น..
เพราะมันคือ คยองซู....
ความคิดเห็น