ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    You don't know I LOVE [ChanKai] ft.EXO

    ลำดับตอนที่ #2 : You don't know I LOVE [Chan x Kai] ft.EXO : TWO *Edit theme

    • อัปเดตล่าสุด 26 ม.ค. 59







    CHAPTER : TWO



    ------------------------------------------








     
     

                บรรยากาศแปลกๆ

     

     

                    วันนี้มีซ้อมตั้งแต่เช้าเพราะไม่มีตารางงาน เด็กหนุ่ม12คนจึงมารวมตัวกันที่ห้องซ้อมโดยไม่ต้องนัด จะบอกว่าเป็นเรื่องที่พวกเขาตรัสรู้ได้ด้วยตัวเองก็คงใช่

     

                    ปกติคนที่มาก่อนเป็นคนแรกไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากคิมจงอินน้องเกือบสุดท้อง แต่วันนี้เจ้าตัวเพิ่งมาเมื่อไม่มี่นาทีนี้เอง ถ้าถามว่าแปลกไหม บอกได้เลยว่ามาก เพราะแทบจะไม่เคยมีวันไหนเลยที่จงอินจะไม่มาก่อนแล้วกลับทีหลังเรียกได้ว่าใช้ชีวิตอยู่แต่ในห้องซ้อม บางวันก็นอนที่นี่เลยด้วยซ้ำ แล้วที่แปลกไปกว่านั้นคือ คิมจงอินเวอร์ชั่นไม่เข้าหาโดคยองซู นั่นยิ่งเป็นเรื่องแปลกยิ่งกว่ามาสายเสียอีก

     

     

                    “แฟนทะเลาะกันประมาณนั้นป่ะ?”

                    “ให้เดาฝ่ายหญิงแม่งมีแฟนใหม่”

                    “ฝ่ายหญิงนี่ลู่หานหมายถึงคยองซูเหรอ?”

                    “หมายถึงไคมั้งครับ” กวนตีน...- -


                     สองพี่ใหญ่ที่นั่งวอร์มร่างกายอยู่มุมหนึ่งของห้องซ้อมพูดไปพรางยืดเส้นเอ็นขาหันหน้าเข้าหากัน มินซอกหมันไส้ได้โอกาสตอนลู่หานถูกต่อมเสือกกัดกินจิตใจให้เอาแต่หันไปสังเกตุพฤติกรรมน้องๆใช้สองเท้าดันตรงข้อเท้าที่กำลังอ้าออกกว้างพอประมาณให้มันกว้างกว่าเดิมจนเกินความสามารถของคนที่ร่างกายแข็งทื่ออย่างลู่หานจะรับได้


     

                    “!!!.......เจ็บๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ผลที่ได้คือเสียงร้องประหลาดๆในลำคอกับเสียงโวยวายน่ารำคาญ มินซอกเอานิ้วอุดหูแล้วลุกขึ้นเดินไปหาอี้ซิงที่วอร์มอยู่คนเดียวไม่ไกลปล่อยให้อีกคนดิ้นพล่านจับหว่างขาและต้นขาด้วยท่าทีเจ็บโอเวอร์ตามสไตล์ลู่หาน ถ้าไม่ติดว่ากางเกงลายทหารสี่ส่วนตัวที่ใส่อยู่ค่อนข้างหนา เขาคิดว่าคงมีเป้าขาดกันบ้างเพราะเขาก็ดันไปสุดแรงเหมือนกัน ลู่หานนั่งกุมเป้าโยกตัวไปมาด้วยความเจ็บยกมือชี้คาดโทษคนตัวเล็กกว่าเป็นระยะ ถ้าหายเจ็บแล้วสำรวจได้ว่าน้องชายเขาเป็นอะไรร้ายแรงขึ้นมาหล่ะก็

     

     

                    “ใจร้ายจังนะ” เป็นอี้ซิงที่พูดทันทีที่มินซอกเดินมาถึงตัวโดยไม่สนใจเสียงเรียก มินซอกอ่า มินซอกอ่าของลู่หาน คำพูดเหมือนจะเห็นใจลู่หานแต่ไอ้เสียงกลั้วหัวเราะตบท้ายนี่ย้อนแย้งเหลือเกิน ประหนึ่งว่าสมน้ำหน้าเถอะ ประมาณนั้น

                    “ก็ชอบกวนตีน” โอเคจบเถอะ หน้าหงิดเหลือเกิน

     

                    “ว่าแต่ สงสัยเหมือนกันใช่มั้ยหล่ะ” เป็นคนที่ยืนเอาขาข้างหนึ่งพาดกับบาเหล็กแล้วยืดแขนแตะปลายเท้าที่เป็นคนถามขึ้นก่อน มินซอกยืนเอาสะโพกพิงบาแล้วเอาข้อศอกยันไว้อีกที เงียบเป็นเชิงเว้นระยะให้อีกฝ่ายพูดต่อ “ก็ไคกับดีโออ่ะ”

                    “อ่อ....” เว้นระยะเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่า ทำไมเหรอ?

                    “ก็ปกติไคต้องอยู่กับดีโอไง” ภาษาทื่อๆสำเนียงแปล่งๆ ใช้คำง่ายๆตรงไปตรงมา

                    “นั่นดิ แล้วนายคิดว่าไง?”

                    “ผมคิดว่าเหมือนแฟนทะเลาะกัน” อี้ซิงพูด มินซอกหัวเราะขำกับคำพูดของน้องที่เหมือนเขาก่อนหน้านี้ไม่มีผิด

                    “นี่นายคิดวาสองคนนั้นเป็นแฟนกันเหรอ?” พูดไปก็หัวเราะไป แต่ท่าทางที่อีกคนหันมามองด้วยสายตาไม่เข้าใจว่าเขาขำเรื่องอะไรนั่นต่างหากที่ทำให้เขาต้องหยุดขำแล้วใช้ความคิด

     

     

                    นั่นสิ อะไรบ้างที่ทำให้ไม่คิดว่าสองคนนี้เปนแฟนกัน ตั้งแต่พวกเขายังเป็นเด็กฝึกจำได้ว่าตั้งแต่คยองซูเข้ามาเขาก็มักจะเห็นน้องเกือบสุดท้องคนนั้นคอยป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆตลอด ตอนที่พวกเรากำลังจะเดบิวทุกคนต้องย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันในหอพัก ในวันที่แบ่งห้องกันจงอินก็ขอเปลี่ยนห้องกับชานยอลเพื่อที่จะได้เป็นรูมเมทกับคยองซู ถึงจะต้องทนกัดกันทุกวันกับจงแดก็เถอะ ทั้งๆที่ได้อยู่ห้องเดียวกับเพื่อนรักอย่างเซฮุนแท้ๆ ตอนนั้นเขาเองก็แปลกใจ แต่อะไรๆก็ชัดเจนมากขึ้นเมื่อตลอดเวลาหนึ่งในน้องเล็กอย่างจงอินคอยมอง คอยเอาอกเอาใจ ดูแลเอาใจใส่คยองซูมากกว่าใครมาโดยตลอด  แล้วใครบ้างจะไมคิด

     

     

                    “คิดอยู่ใช่ป้ะหล่ะ” ไอ้เด็กนี่ ก็รู้อยู่หรอกว่าพูดทีนึงทำให้คนสะอึกได้ แต่ที่พูดมาทั้งหมดนี้มันแสดงถึงนิสัยชอบสาระแนชัดๆ รู้ทันไปหมดอีกด้วย ร่างเล็กของพี่ใหญ่เหลือบหางตามองคนเด็กกว่า ก่อนจะใช้มือตีหลังคนที่ก้มดัดขาอยู่เบาๆสองสามทีแล้วพยักเพยิดหน้าให้หันไปมองอีกทางเมื่อเห็นคยองซูกำลังเดินไปหาน้องเกือบเล็กของวง ซึ่งนี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องแปลกอีกเรื่องที่จงอินเป็นฝ่ายยืนเฉยๆโดยที่โดคยองซูเป็นคนเดินเข้าหาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดแบบนั้น

     

     

                   

     

     

                    ก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้หรอกว่าเขาทำผิด การที่เด็กตรงหน้าเขามาสายแล้วเงียบผิดปกติแบบนี้เป็นเพราะเขาเอง คยองซูใช้โอกาสตอนที่แบคฮยอนขอออกไปโทรศัพท์นอกห้องซ้อมเพื่อเข้ามาคุยหวังปรับความเข้าใจกับอีกคนที่ตั้งแต่เดินเข้ามาก็ไม่แม้แต่จะเอ่ยทักหรือมองเขาเลย มันเป็นการตอกย้ำคามผิดของเขาชัดๆที่ปล่อยให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ และโดยไม่ผิดอะไรเลยซักนิดแต่น้องต้องมาเสียใจเพราะเขาเห็นแก่ตัว

     
     

                    “จงอิน” ทันทีที่ออกเสียงเรียก คนเด็กกว่าก็ละมือจากการค้นอะไรซักอย่างในกระเป๋าที่เหมือนจะหาอยู่นานแล้วตั้งแต่เดินเข้ามาในห้องซ้อมแล้วหันมาเพชิญหน้าเขา จงอินเลิกคิ้วเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไรนั่นทำให้เขาต้องเป็นฝ่าเอยปากก่อนอีกครั้ง

                    “ตื่นสายเหรอวันนี้” ไม่ชินเอาซะเลยแหะ กับการเป็นคนต้องหาเรื่องมาพูดกับใครก่อน ทั้งๆที่ปกติจงอินจะเป็นคนหาเรื่องคุยกับเขาได้ทั้งวัน

                    “....” ได้รับเป็นเพียงการพยักหน้าตอบกลับมา แล้วหันกลับไปค้นอะไรบางอย่างในกระเป๋าต่อ

                    “งั้นเหรอ?...แล้ว...หาอะไรอยู่เหรอ”

                    “ฮยอง...ไม่ซ้อมเหรอ?” คำแรกก็ยังยืนหันหลังอยู่หรอก แต่ประโยคถัดมาร่างสูงกว่าก็หันมามองหน้าคนพูดด้วยสีหน้าบ่งบอกอย่างที่สุดว่าให้เลิกยุ่งวุ่นวายกับเขาเสียทีแล้วไปซ้อมเต้นซะ แล้วคยองซูก็ได้รู้ตอนนั้นว่าคนน้องหาอะไรอยู่ตั้งนาน หูฟังอย่างดีถูกบีบจนกลัวว่าสายมันจะบี้จนขาดคามือถึงรู้อยู่ว่ามันเป็นไปไม่ได้ก็ตาม

                    ทุกสายตาระแวกนั้นหันมามองทั้งสองคนเป็นตาเดียว แน่นอนว่าต้องมองด้วยคำถามและความไม่เข้าใจ จะมีก็แต่เซฮุนที่นั่งกิชานมไข่มุกอยู่บนโซฟาข้างเครื่องเสียงแล้วมองทุกการกระทำตั้งแต่แรก

     

                    “จงอิน ..”

                    “ถ้าพูดแล้วไม่มีอะไรดีขึ้นอย่าพูดเลยครับ” จ้องด้วยสายตาแข็งกร้าว

                    “ผมรู้อยู่แล้วว่าฮยองเลือกอะไร..” จงอินเป็นคนชัดเจน เพราะฉะนั้นตั้งแต่แรกทุกอย่างจึงชัดเจนในความเข้าใจของคยองซู น้องรักเขาทั้งๆที่น้องรู้ว่าเขารักคนอื่น และตอนนี้ก็เหมือนกัน น้องไม่สนใจว่าใครจะรู้เรื่อราวของพวกเขามากแค่ไหนหรือไม่รู้เลยก็ตาม แต่เสียงที่ชัดถ้อยชัดคำทุกๆประโยคก็ยังเปล่งออกมาไม่สนใจใคร “แล้วถ้าเลือกอย่างนี้แล้วก็ไม่ต้องมายุ่งกับผมหรอก”

     

     

                    ไม่รักแล้วให้ความหวังทำไม...?

     

     

                    เงียบ ....ไม่มีใครพูดอะไรแม้จะได้ยินชัดเจนทุกคน เซฮุนถอนหายใจก่อนหยิบโทรศัพท์ออกมากดอะไรบาอย่างหาใครคนหนึ่งที่ยังมาไม่ถึงซักที ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีแน่ พี่ๆคนอื่นๆเริ่มอยากรู้ความเป็นมาเป็นไปของเรื่องนี้แล้ว แล้วไอ้เพื่อนตัวดีของเขานี่แหล่ะจะทำทุกคนรู้ แล้วถึงเวลานั้นคงต้องประชุมวงกันยาวแน่ๆ

     
     

                    คยองซูเดินเข้าไปจับจงอินที่ใส่หูฟังเข้าหูแล้วตัดตัวเองออกจากบทสนทนาหลังจากนี้ด้วยการซ้อมเต้นคนเดียวจากเพลงในเครื่องเอ็มพีสาม แต่ด้วยไม่รู้ว่าน้องจะทำแบบนี้เพราะที่ผ่านมาจงอินไม่เคยทำแบบนี้กับเขา

     

     
     

                    “เหี้ย...” ทันทีที่ร่างของคนตัวเล็กถูกสะบัดจนล้มลงพื้นเซฮุนก็ถึงกับสบถคำหยาบแบบไม่ต้องฝืนตัวเอง มินซอกกับอี้ซิงคือคนที่ไปถึงตัวและพยุงคยองซูขึ้นมาได้ก่อนคนอื่นๆที่บ้างก็ยืนอึ้ง บ้างก็เดินเข้ามาหาหน้าตาเลิกลัก

     

                    “อะไรกัน เกิดอะไรขึ้น?” ซูโฮเป็นคนที่ถามหลังจากถามคยองซูว่าเป็นอะไรหรือเปล่าแล้วได้รับคำตอบว่าไม่เป็นไรหลายครั้ง

                    “พี่ถามว่าเกิดอะไรขึ้นจงอิน?” เวลาโกรธแล้วถูกปฏิเสธิการตอบคำถามในสถานการณ์แบบนี้ คนที่คิดว่าใจเย็นที่สุดแล้วอย่างซูโฮก็เหลืออดเหมือนกัน คริสเดินเข้ามาตบบ่าเบาๆ ตอนนี้ดูเหมือนคนใจร้อนอย่างคริสจะดูใจเย็นกว่าเขาหลายเท่า

                    “พี่...ผมไม่เป็นอะไร” เป็นคยองซูเข้ามาจับแขนซูโฮที่ทำท่าจะเข้าไปดุจงอินอย่างคาดโทษด้วยสายตาตื่นตระหนก โดยที่คนเป็นน้องยังยืนนิ่งไม่หือไม่อือแต่แววตารู้สึกผิดฉายชัด จงอินตกใจที่เขาพลั้งมือกับคนที่ชีวิตนี้ไม่คิดว่าจะทำ เขาแค่น้อยใจเท่านั้นเอง

     
     

                    เดินเข้าไปหาเพราะจะขอโทษแต่ก็อีกฝ่ายก็ถูกพวกพี่ๆที่ใช้สายตามองเขาเหมือนผิดหวังพยุงแล้วดันตัวหลบไปด้านหลังเหมือนกลัวว่าเขาจะเข้าไปทำร้ายพี่คยองซูเสียอย่างนั้น เขาน่ะเหรอ? คิมจงอินคนนี้น่ะเหรอ?? ตลกหรือเปล่า แต่พอจะเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายอีกครั้งมือของเซฮุนก็เข้ามาดันอกเขาไว้แล้วเอาตัวมาบังขั้นกลาง “มึงใจเย็นๆ”

     
     

                    เท่านั้นเองเขาถึงได้รู้ตัวว่าเขาทำทุกคนกลัว และเพิ่งรู้ตัวเดี๋ยวนั้นว่าตัวเองกำหมัดแน่นแค่ไหน แม้แต่พี่คยองซูยังเบิกตาโตน้ำตาคลอแล้วก้าวเท้าถอยหลังตอนที่เขาก้าวเดินหน้าเพื่อจะไปหาอย่างยากลำบาก แล้วจะไม่ให้พวกพี่ๆมองเขาด้วยสายตาผิดหวังแบบนั้นได้ยังไง จงอินหันมองหน้าเพื่อนรักที่เข้ามาเรียกสติเขาก่อนจะหันไปมองพี่คยองซูอีกครั้ง ตอนนี้รู้ตัวแล้วว่าผิดจริงๆ  พี่คยองซูเจ็บขาเพราะโดนเขาพลักก่อนหน้านี้...

     

                    “เกิดอะไรขึ้น.......คยองซู?!!” แบคฮยอนที่หายไปข้างนอกตั้งแต่ก่อนจะเกิดเรื่องเดินถือโทรศัพท์เข้ามา พอเห็นคนดัวเล็กถูกพี่มินซอกและอี้ซิงพยุงอยู่ทั้งสองข้างก็รีบวิ่งมาหา คยองซูพอเห็นอีกคนก็โผเข้ากอดแล้วบอกไม่เป็นไรทันที แล้วตอนนั้นเองที่ทั้งห้องซ้อมต้องตกอยู่ในสภาวะอึ้งและพูดไม่ออกอีกครั้ง

                   

                   

                   

     

                    ทำไมนะ เขาถึงได้ดูอ่อนแอเมื่ออยู่กับอีกคน ทั้งๆที่อยู่กับเขา โดคยองซูคนนั้นเข้มแข็งอยู่เสมอ..ใช่ที่เขาว่ากันว่าคนเรามักเกิดมาเพื่อให้ใครคนหนึ่งดูแล และใครคนนั้นก็เกิดมาเพื่อดูแลคนอีกคน เขาคงไม่ใช่คนคนนั้นที่เกิดมาเพื่อให้พี่คยองซูหวังอยากให้เป็นคนดูแลตัวเองหรอกใช่ไหม เขาคนนั้นต่างหาก พี่แบคฮยอนต่างหาก

     

     

     

                    เขาดีกันแล้ว

     

                   

     

                    ตลอดเวลาเกือบ2ปี จงอินได้รับหน้าที่ดูแลโดคยองซูโดยไม่มีใครคิดกังขาในข้อนี้ ทุกคนรู้ว่าเขาติดพี่คยองซูขนาดไหน แม้ไม่เคยบอกใครๆในวงว่าเขารักคนเป็นพี่แบบไหน แต่ทุกๆการกระทำก็แสดงออกชัดเจนเสมอจนเขามั่นใจว่าใครๆก็น่าจะรู้เสียแล้วว่าเขาคิดอะไรตลอดมา แล้วอะไรคือพยอน แบคฮยอนที่เข้ามาทำให้อะไรๆมันเป็นแบบนี้ ตั้งแต่วันที่รู้ว่าสองคนนี้เป็นอะไรกันมาก่อน คิมจงอินก็เหมือนคนหน้าด้านที่อยากได้ของที่ไม่ใช่ของตน ความอิจฉาริษยาในตัวคนที่ได้หัวใจโดคยองซู ไม่มีใครรู้นอกจากเขาที่เฝ้ามองแต่โดคยองซูเท่านั้น ทั้งสองคนคบกันมาก่อนที่พี่คยองซูจะออร์ดิชั่นเข้ามาเป็นเด็กฝึกที่นี่ เหตุผลที่เลิกกันนั่นก็เพราะอีกคนหนึ่งอยากทำตามความฝันแต่อีกคนหนึ่งบอกว่ายังไม่ถึงเวลา

     
     

     

                    ยังไม่ถึงเวลาไม่ใช่เหรอ? ถ้าอย่างนั้นจะตามมาทำไม เลิกกันแล้วก็เลิกกันไปสิ คงไม่รู้หรอกใช่ไหมว่าหนึ่งปีก่อนที่พี่จะเข้ามาเรียกร้องอะไรเดิมๆที่เคยเป็นของพี่และมันยังคงเป็นของพี่กลับคืนเขามีความสุขแค่ไหน  พี่คยองซูกำลังจะลืมได้แล้ว จนวันที่พี่เข้ามา เขาก็รู้ว่าพี่คยองซูรักอีกคนยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด

     
     

     

                    “ฝ่ายหญิงมีใหม่จริงๆด้วย” ลู่หานเดินมากระซิบให้ได้ยินกันสองคนกับมินซอกที่ยืนมองแบคฮยอนกอดคยองซูอยู่ข้างๆอี้ซิง สายตาก็มองไปที่ทั้งคู่เหมือนกับนักข่าวกอสซิปตื่นเต้นที่ได้ข่าวไอด้อลชื่อดังไปทำสกู้ปเด็ด น้ำเสียงไม่รู้ร้อนรู้หนาวทำเอาหมันไส้เสียจนอดไม่ได้ มินซอกหันมามองคนที่ยืนซอนหลังช้าๆด้วยหางตา พอเห็นลู่หานยักคิ้วใส่ไม่มีความสลดความเหลืออดก็พุ่งสูงกว่ายอดขายอัลบั้ม

     

                    “มัน-ใช่-เรื่อง-ไหม-ลู่-หาน” ฟาดไหล่ไปตามจำนวนพยางค์ ก่อนจะเดินแยกไปนั่งที่โซฟาข้างเครื่องเสียง ปล่อยให้คนสูงกว่ายืนกุมไหล่หมุนตัวโยกตัวเหมือนคนบ้า อาการแบบเจ็บแต่ร้องไม่ออก

     

     
     

     

                    เซฮุนที่ได้แต่ยืนมองหน้าเพื่อนสลับกับหันไปดูภาพที่จงอินก็มองอยู่ตลอดเหมือนกัน พอเห็นว่าพี่คยองซูก็ใช้สายตาเป็นห่วงมองกลับมาที่เพื่อนเขาทั้งๆที่ก็ยังกอดกับพี่แบคฮยอน  ก็ได้แต่ตบไหล่ลูบต้นแขนแล้วพูดว่าใจเย็นๆซ้ำๆ

     

                    จงอินเริ่มเห็นภาพตรงหน้าพล่าเบลอขึ้นเรื่อยๆ และก่อนที่หยดน้ำไร้สีจะไหลรินให้ได้อายและสมเพชกับความอ่อนแอของตัวเอง ทุกอย่างตรงหน้าก็มืดสนิท เสื้อคลุมหนังที่แค่ได้กลิ่นก็รู้แล้วว่าของใครกับแรงกอดกระชับกดหน้าเขาลงกับอกแล้วออกแรงพาเขาเดินไปตามแรงฉุดจนนึกขอบคุณเหลือเกินที่มาทันเวลา

     

                    ท่ามกลางความสงสัยกับความวุ่นวายไม่มีที่สิ้นสุดเซฮุนนึกโล่งใจจนต้องลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ที่ชานยอลมาทันเวลาก่อนที่ไอ้หมีจะตกเป็นทาสของสถานการณ์พาไป ก่อนมันจะแสดงความอ่อนแอที่ไม่เคยมีให้เห็นออกมาต่อหน้าพี่ๆ และก่อนจะได้เห็นแบคฮยอนจูบหน้าผากโดคยองซู ซึ่งหลังจากนี้ต้องเป็นประเด็นถกเถียงกันอีกยาวในวงแน่นอน คำถามที่ว่าทำไมจงอินต้องผลักคยองซู ทั้งสองคนมีเรื่องอะไรกัน แบคฮยอนกับคยองซูมีความลับอะไรไม่ได้บอกคนอื่นไหม แล้วชานยอลกับจงอินไปไหน ซึ่งข้อนี้แน่นอนเลยว่า

     

                    “เซฮุน เดี๋ยวคืนนี้คุยกันหน่อยนะ” มันต้องถูกยิงคำถามมาที่เขาไม่แบบไม่ต้องสงสัย

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                    ‘Oh-SeHun : เมเดๆ ด่วนมากครับมึง หมีนอยNow!’

     

     

                    เพราะรู้อยู่ว่าเวลาจงอินนอยแล้วเป็นยังไง น้องยังเด็ก ไอ้อาการนอยแล้วแสดงออกด้วยการงอแงประชดประชันแบบไม่สนใจคนอื่นน่ะ พี่ๆทุกคนเคยโดนกันหมดแต่ก็คนละรูปแบบกับเขานั่นหล่ะ เขาเองถูกปฏิบัติด้วยหลายครั้งจนนึกภาพออกเลยว่าตอนที่เซฮุนส่งไลน์มาสถานะการณ์มันเป็นยังไง แล้วถ้าเขามาช้ากว่านี้อีกนิด น้องจะเป็นยังไง นึกขอบคุณความฉลาดของเซฮุนที่ใช้ได้เป็นประโยชน์ดีกับเวลาแบบนี้

     
     

                    ชานยอลพาจงอินมาถึงรถมอไซค์คันเก่งที่จอดไว้หน้าทางเข้าบริษัท เพราะรีบจะไปให้ถึงห้องซ้อมเร็วๆจึงไม่ได้เอาไปจอดไว้ที่ลานจอดรถ และก็คิดไม่ผิดจริงๆที่จอดไว้หน้าบริษัทแทนที่จะเป็นลานจอดรถ หน้าบริษัทไม่มีแฟนคลับมารอเนื่องจากยังเช้าอยู่มากอำนวยความสะดวกให้ชานยอลพาอีกคนออกมาขึ้นรถในท่าทางแปลกๆได้โดยไม่ต้องกังวล

     

                    เสื้อคลุมถูกดึงออกโดยเจ้าของเสื้อ ไม่มีใครพูดอะไรทั้งนั้นเพราะรู้ว่าพูดไปก็ไร้ประโยชน์ เขาจะคุยกับน้องแน่ๆแต่ไม่ใช่ในเวลาที่จงอินไม่ปกติแบบนี้ นิ้วโป้งเอื้อมไปปาดน้ำตาที่เจ้าตัวแค่ปล่อยให้มันไหลเฉยๆให้เบามือก่อนตัวเองจะวาดขาขึ้นคล่อมรถอย่างถนัดถนี่ใส่หมวกกันน็อคของตัวเองเรียบร้อยแล้วแล้วส่งอีกใบให้น้องที่ยังยืนก้มหน้าอยู่ข้างรถ จงอินไม่แม้แต่มองด้วยซ้ำว่าชานยอลยื่นอะไรมาให้ เดือดร้อนให้คนเป็นพี่สวมให้เสียเลยแล้วดึงมือให้เข้ามาใกล้รถมากขึ้นจนเจ้าตัวยอมขึ้นรถในที่สุด

     

     

                    เขาไม่เคยเห็นน้องร้องไห้ คิมจงอินไม่ใช่คนอ่อนแอ ไม่ใช่คนที่เสียใจแล้วจะร้องไห้ฟูมฟาย เขาเคยเห็นคนเป็นน้องร้องไห้ครั้งแรกตอนที่เราได้รางวัลกับตอนที่สามทหารเสือแห่งบ้านคิมป่วย เพราะฉะนั้นเวลานี้คิมจงอินกำลังผิดปกติ ผิดปกติอย่างมาก

     

     

     

                    รักเขามากถึงกับร้องไห้เลยเหรอจงอิน?

     

                   

     

                    รถสองล้อคันใหญ่ขับเคลื่อนไปเรื่อยๆ จุดหมายปลายทางเป็นที่ไหนเขาก็ยังไม่รู้ คิดแค่ว่าต้องเอาน้องออกมาจากตรงนั้นให้ได้ก่อนก็พอ ไม่ได้คิดไว้เลยว่าจะพาไปที่ไหนเพื่อให้น้องปลดปล่อยความทุกนั้นออกมา แม่น้ำฮันใกล้ๆนี้เหรอ? แต่เพียงแค่ได้รับแรงกระชับกอดบริเวณช่วงเอวและหลังเขาถูกพิงซบเบาๆ ชานยอลก็บอกตัวเองได้แค่ว่า ให้ขับไปให้ไกลเท่าไหร่ได้ยิ่งดี ขับไปเรื่อยๆ อย่าเพิ่งหยุดเลย

     

     
     

                   

                  ได้แต่หวัง

                ได้แต่ฝัน

                จะอยู่ในสายตาซักครั้ง

     

                เธอเพียงแค่มองข้ามข้ามมันไป

                เหมือนฉันระเหยและกลายเป็นไอ

               

                แค่หยดฝน

                แค่ฝุ่นผง

                ที่ถูกลมพัดปลิวผ่านไปเท่านั้น...

     
     

     

     



     

    TBC


    ------------------------------------------------



     

    จะขับไปจอดที่ไหน ?
    ขับไปไกลๆเลยนะ นานๆ น้องจะกอดที
    น้องมันกำลังอ่อนแออยู่อ่ะ

    สกรีมคุยกันได้ที่ #ชานไคด้อนโนว ค่ะ  เดี๋ยวเราจะไปส่องนะ^^


    [-]Hyphen
     

     

    @SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×