ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : [SF]-Sono Toki- || WonKai || 50%
-Sono Toki-
Choi Siwon X Kim Jongin
[-]Hyphen
มันเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนนั้นในงานประกาศรางวัล
ตอนที่ถูกเรียกให้เข้าไปใกล้แล้วดึงข้อมือให้นั่งลงข้างๆ อย่างที่นึกอยากปฏิเสธก็ทำไม่ได้ เสียงอึกทึกและกรีดร้องเกรียวกราวเรียกความสนใจของผู้คนให้สนใจกับสิ่งอื่น บางคนพูดคุย บ้างก็ขยับปากร้องเพลงตามบนเวที แต่กลิ่นของน้ำหอมที่มาจากคนข้างๆ กลับเรียกให้สติจดจ่ออยู่แค่ตรงนั้น
แล้วไม่นานก็ถูกโอบล้อมด้วยฝ่ามือตรงหัวไหล่เหมือนกับคำสั่งว่าไม่ยอมให้ลุกไปไหน นั่งตรงนี้เท่านั้น
คิม จงอินได้แต่ก้มหน้ามองแก้วน้ำบนโต๊ะในขณะที่หัวไหล่ถูกนิ้วมือกดย้ำกำลังลงมาหนักๆ สลับไล่ระดับขึ้นจนพ้นปกเสื้อสูทสีกรมท่าที่สวมอยู่ เกลี่ยเบาๆ ที่ผิวเนื้อตรงต้นคอจนขนอ่อนลุกทั้งตัว แล้วดึงรั้งให้เข้าใกล้
แล้วจงอินก็ได้รู้ว่ากลิ่นน้ำหอมนั้นเป็นกลิ่นเดียวกันกับของตัวเอง...
(อยู่ห้องไหม?)
“อยู่ครับ”
(ออกไปกินอะไรด้วยกันหน่อย พี่จอดรถรออยู่ข้างล่าง)
เป็นความไม่เข้าใจที่หาคำตอบไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมเลิกเล่นเกมกับเซฮุนแล้วลุกไปหยิบเสื้อโค้ทมาสวมทับเสื้อยืดแขนยาวที่ใส่อยู่ พันทับด้วยผ้าพันคออีกสักหน่อย
ไม่ไปไม่ได้ รู้แค่นี้ เพราะเสียงที่รอดผ่านโทรศัพท์มานั้นอ้อนวอน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องทำอย่างนั้น เพราะถึงจะบังคับขู่เข็นหรือพูดแบบขอไปที เขาก็ออกไปหาอยู่ดี
ออกไปทั้งที่ไม่รู้ว่า ทำไมต้องเป็นเขา
“ทานได้ไหม?” ทำไมจะไม่ได้ เขามองชามบะหมี่ตรงหน้าสลับกับเจ้าของเงินที่จ่ายซื้อมันด้วยสีหน้างงกับคำถาม แต่ก็ได้แต่พยักหน้าตอบกลับไปแล้วลงมือคีบเส้นบะหมี่ในชามเข้าปากให้ดูเป็นการยืนยันเสียเลย คนอย่างคิม จงอินต้องกินอะไรหรือถึงจะไม่โดนถามว่า ทานได้ไหมด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลอย่างนั้น
“ดีจัง” พูดเสร็จก็ยิ้มแล้งลงมือทานเหมือนกัน
“......”
“มากับพี่ทีไร สีหน้าจงอินดูไม่เอ็นจอย กังวลนะ”
“เพราะผมไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นผมที่โดนเรียกออกมา”
“......” ช่วยไม่ได้จริงๆ ที่เขาเป็นเด็กอย่างนี้ เด็กที่ไม่ค่อยพูด แต่ถ้ามีโอกาสหรือมีใครมาเปิดทางให้ เขาก็จะพูดออกไปตรงๆ ตามที่คิด
“แต่ก็ไม่ได้รู้สึกไม่ดีครับ” พอเห็นว่าคนฟังดูตกใจกับคำตอบ คงไม่คิดว่าจะได้ยินรูปประโยคแบบนั้น เลยก้มหน้าก้มตากินต่อเพราะไม่อยากให้รู้สึกไม่ดีกับคำพูดของเขา
จริงๆ แล้วไม่ได้รู้สึกไม่ดีอะไรเลย ตรงกันข้ามเขากลับรู้สึกอิ่มเอมกับมันทุกครั้ง ไม่มีใครไม่อยากสนิทกับรุ่นพี่ร่วมค่ายหรอก เป็นไปได้ก็อยากได้รับความเอ็นดูด้วยกันทั้งนั้น โดยเฉพาะจากรุ่นพี่ที่เป็นที่ยอมรับในวงการ เป็นที่นับหน้าถือตาแบบไม่มีข้อกังขา
ยิ่งกับคนคนนี้ที่กำลังคีบหมูแดงเข้าปากอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม คิม จงอินมั่นใจ ว่ามีรุ่นน้องทั่วทั้งวงการอยากจะสนิทสนม
แล้วจะไม่ให้อิ่มเอมในหัวใจได้อย่างไรในเมื่อเขาถูกเลือก...
อิ่มแล้ว แค่ชามเดียวก็อิ่มจนเหมือนจะจุก ระหว่างที่นั่งรอให้ย่อย ใครอีกคนก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วบอกว่าให้ยิ้ม จงอินยิ้มตามที่อีกคนบอก มารู้ทีหลังว่าถูกอัพโหลดภาพลงไอจีก็ตอนที่เจ้าของแอคเคาน์โชว์ให้ดูว่ามีคนมาไลค์แล้วถามถึงเขาเยอะขนาดไหน
ไม่รู้หรอกว่าที่ทำอย่างนี้ต้องการอะไร เพราะคนอย่างเขาก็ไม่มีอะไรจะให้เลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีดีอะไรตรงไหน พยายามหาจุดเชื่อมโยงสถาณการณ์เหล่านี้แล้วแต่ก็ไม่เจอ
“ดูเรื่องนี้ หรือเรื่องนี้?” หันมาถาม มือก็ชี้ไปที่เรื่องแรก มันฉายตอนสามทุ่มครึ่ง กับเรื่องที่สองที่เขาอยากดู แต่มันฉายไปแล้วสิบนาทีถ้ารอรอบต่อไปก็เกือบห้าทุ่ม
“เรื่องนี้ก็ได้ครับ” เขาหมายถึงเรื่องแรก
“ไม่ได้อยากดูขนาดนั้นไม่ใช่เหรอ?” แล้วอย่างนั้นจะถามทำไมล่ะ? จงอินยู่หน้าใส่ และดูเหมือนอีกคนจะรู้ความหมายถึงได้หัวเราะชอบใจออกมา “ดูเรื่องที่จงอินอยากดูเถอะ ฉายไปแค่สิบนาทีเองหนังตัวอย่างยังไม่ทันจบเลยมั้ง”
ว่าแล้วก็ลากข้อมือเขาไปที่จุดซื้อตั๋ว ที่นั่งหลังสุดเป็นแบบบิ๊กซีสและไร้ผู้คนตลอดแนว เจ้าของเงินเลือกจิ้มสองที่นั่งตรงกลางเพื่ออรรถรสที่ดีในการรับชม หนังตัวอย่างยังไม่จบจริงๆ อย่างที่คนตัวใหญ่กว่าสันนิษฐาน แก้วน้ำวางตรงช่องขวามือที่ไม่ใช่ของเขาแทนที่จะวางตรงกลางระหว่างกัน นั่นเป็นเพราะใครอีกคนยกมันออกไม่ให้คั่นกลางเพื่อที่จะ...
จับมือ...
สายตาไม่รู้ไม่ชี้ยังคงมองไปที่จอยักษ์ ทั้งที่เป็นเรื่องที่เขาอยากดู แต่กลายเป็นว่าไม่มีสติกับมันเท่าไหร่ เสียงหัวเราะให้กับตัวละครที่ชื่อจ่าฟาร์รัตดังไปทั่วโรง แต่มีคนหนึ่งตรงนี้ที่ไม่ได้อินไปด้วยเลย นิ้วยาวที่สอดประสานทำให้คิมจงอินไม่กล้าแม้แต่จะแสดงสีหน้าใดใด มันเหนี่ยวรัดจนมือเขาเกร็งไปหมด เหงื่อก็เริ่มออกหน่อยๆ
“นี่” รู้ตัวอีกทีก็ถูกเรียกจนสะดุ้ง คนข้างๆ ต้องรู้แน่ๆ ว่าเขากำลังเหม่อและไม่รู้เรื่องราวในหนังเลยแม้แต่นิดเดียว
“ครับ?”
“ทำไมไม่ได้กลิ่นน้ำหอมเลยล่ะ” เพิ่งรู้ว่าใบหน้าคมคายอยู่ใกล้ต้นคอแค่ไหนก็ตอนที่หันหน้ามาหา จมูกที่ไม่ได้ผ่านการศัลยกรรมมาแม้แต่นิดแทบเฉี่ยวโดนผิวหนัง พอเหลือบตาขึ้นมาก็เห็นหน่วยตาดำกลมโตมองเขาอยู่ก่อนแล้วราวกับคาดคั้น
“วันนี้ไม่ได้ไปไหนเลยไม่ได้ฉีดครับ”
“แล้วตอนนี้ไม่ได้กำลังออกไปไหนหรอกหรือ?”
“คือ...ผมรีบออกมาก็เลยไม่ทันได้ฉีด”
“......” เหมือนคำตอบจะเป็นที่น่าพอใจ ถึงได้ยิ้มแล้วหันกลับไปให้ความสนใจกับฉากย้อนความจำเกี่ยวกับคดีความในวัยเด็กของนางเอก “คราวหลังถึงไม่ได้ออกไปไหนก็ฉีดไว้นะ เผื่อได้ออกมาด้วยกันอีก”
“มันเปลืองนี่ครับ”
“จะหมดแล้ว??” จะบ้าหรือไง ขวดใหญ่อย่างกับถังแก๊สดับเพลิง แถมเพิ่งจะซื้อให้เมื่อวันเกิดเมื่อสองเดือนที่แล้ว ถ้าใช้หมดแสดงว่าเขาใช้ผสมน้ำอาบแล้วล่ะ ยังไม่ทันจะได้ตอบอะไรกลับไปทั้งนั้น รุ่นพี่คนดังก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีก “ถ้าหมดก็บอก จะซื้อให้ใหม่”
“......” จงอินหดคอเป็นอัตโนมัติเมื่อจมูกโด่งเคลื่อนเข้ามาใกล้ตรงนั้น มันเป็นตอนเดียวกับที่พระเอกกำลังจะจูบนางเอก
“ชอบให้ฉีด ชอบให้จงอินมีกลิ่นนี้ เหมือนได้เป็นเจ้าของเลย”
ตลอดเวลาที่เขาถูกทำเหมือนเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ หรือของเล่นฆ่าเวลาอะไรก็แล้วแต่ มันก็ผ่านมาไม่เท่าไหร่ มันไม่ง่ายเลยที่จะเชื่อว่ารุ่นพี่คนนั้นรู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ วันที่เข้ามา คิมจงอินก็คิดแค่ว่าเราจะเป็นพี่น้อง ดีใจที่ความสนิทสนมในฐานะนั้นจะเพิ่มพูนมากขึ้น ชอบที่ถูกเอ่ยถึงในทวีตเตอร์ ชอบที่ถูกทำเหมือนเป็นที่รักใคร่เอ็นดูจากพี่ๆ
แต่การกระทำวันนี้มันเปลี่ยนความคิดนั้น และตอกย้ำอีกความคิดหนึ่งที่เคยลังเลสงสัย
ใครอีกคนชอบเขาอย่างนั้นใช่ไหม?
บนทางเดินปูพรมหน้าห้องของหอที่เขาพักอาศัย ใครคนที่ยื่นคำขาดว่ายังไงก็จะเดินมาส่งถึงหน้าห้องทั้งที่ไม่จำเป็นเลยด้วยซ้ำ ดันเขาให้ชิดกับบานประตูด้านนอกหลังจากที่เขาเอ่ยล่ำลา แล้วจูบผะแผ่วในตอนแรกแต่เน้นย้ำในตอนหลังก็ทำให้ดวงตาเบิกโต
เด็กคนนั้นน่าสนใจ มากทีเดียว
ตั้งแต่ตอนที่มองไปทางไหนก็เห็นแต่รอยยิ้มประดับประดาบนใบหน้า ทั้งในสื่อโฆษณาตามทีวีหรือสถานที่ต่างๆ ที่บังเอิญพบเจอ มันไม่ต่างจากที่ตัวเป็นๆ ปฏิบัติอยู่เลยเมื่อได้เจอใกล้ๆ อดไม่ได้ทุกครั้งที่จะหยอกล้อด้วยอะไรก็ตามที่พอจะทำได้ และแฟนคลับทั้งของเด็กคนนั้นและของเขาดูจะชื่นชอบทั้งในทวีตเตอร์และไอจี
เขาเริ่มต้นจากส่งของขวัญไปให้ตอนที่รู้ว่าเป็นวันเกิด คิดไม่ออกว่าจะให้อะไร แต่สำหรับเด็กคนนั้นไม่ว่าอะไรก็ดูเหมาะไปเสียหมด แต่เสื้อผ้าหรือ? ใครๆ ก็ให้กันดาษดื่น เขาจะเห็นเด็กคนนั้นใส่สักกี่ครั้ง? อย่างมากก็คงไม่เกินสาม... เครื่องประดับดูจะเป็นของน่ารำคาญน่าดูเมื่อมองไปทั้งตัวแล้วไม่เห็นมีอะไรนอกเหนือจากเสื้อผ้าที่สไตลิสจัดให้อยู่บนร่างกาย เดาได้เลยว่าไม่ชอบ
อีกอย่างที่เขาคิด มันเหมาะกับเด็กคนนั้น เด็กคนที่เขาเคยเดินผ่านในตึกแล้วได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของอะไรสักอย่างที่ไม่ใช่น้ำหอมสักยี่ห้อบนโลก มันอาจจะเป็นกลิ่นน้ำยาสระผมหรือครีมอาบน้ำ แล้วเขาก็ยิ้มพอใจเมื่อคิดได้แล้วว่าจะให้เฟอร์รารี่แบล็ค กลิ่นเดียวกันกับที่เขาใช้อยู่ตอนนี้...
แล้วยิ่งพอใจมากจนเก็บ
อาการแทบไม่อยู่ตอนที่ได้กลิ่นมันอยู่บนตัวเด็กคนนั้นในงานประกาศรางวัล
ไม่ได้จะล้อเล่น ไม่ได้แต่จะหยอกเอิน คนอย่างเขาใครๆ ก็รู้ว่าจริงจังกับทุกอย่างที่สนใจ เขาเป็นรุ่นพี่ แน่นอนการเข้าหาก่อนจึงดูไม่ใช่เรื่องน่าเกลียด และเด็กคนนั้นว่าง่าย
จนดูน่ารักน่าเอ็นดู
อดไม่ได้ที่จะจูบอย่างเอาแต่ใจโดยไม่ลังเล
“พี่...” ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะโดนผลักออก ไม่สิ เด็กคนนั้นมารยาทดีพอจะทำแค่ดันออกด้วยกำลังไม่มากนักทั้งที่การกระทำของเขาควรจะถูกต่อยให้คว่ำด้วยซ้ำ
“ขอโทษนะ....แต่พี่ชอบจงอิน” มันมาถึงตรงนี้ได้อย่างไร? จะไม่ถูกคิดว่าเร็วไปหรือกับคำบอกกล่าวที่ดูไม่มีน้ำหนัก
“......”
“จะคิดว่ากำลังถูกล้อเล่นอยู่ก็ได้ แต่มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น”
“กลับไปก่อนเถอะครับ ถ้ามีใครมาเห็นตอนนี้ไม่ดีแน่” มันอาจจะเป็นหลังจากที่มองเห็นถึงความไม่เข้าใจในการกระทำของเขาที่ส่งผ่านมาจากคิม จงอิน เด็กคนนั้นไม่มั่นใจอะไรจากเขาสักอย่าง ใช่ มันเริ่มจากตรงนั้นนั่นแหล่ะ
“จะมีใคร ตรงนี้มีแค่พี่กับนาย”
“เซฮุนนอนดึกมาก ตอนนี้หมอนั่นคงกำลังนั่งเล่นเกมอยู่...” ก้มหน้าก้มตาพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน และเขาจะไม่ใจอ่อนทำตามอย่างว่าง่ายได้อย่างไร ตามใจอยู่แล้ว ก็เอ็นดูเด็กตรงหน้านี่จะตายไป
“เอาเถอะ...เก็บสิ่งที่พี่พูดไปคิด ถ้าจงอินไม่ได้รู้สึกอะไรเลยก็บอกกัน พี่เข้าใจว่าถ้าฝืนใจ นายจะอึดอัดกับมันแค่ไหน” แต่ก็บอกไปแล้วความรู้สึกที่มี เด็กตรงหน้าเขาเงยหน้าขึ้นมามอง แววตายังคงสงสัยในความรู้สึกและคำพูดของเขา
โธ่เอ๋ยเด็กน้อย ไม่เคยมีใครกล้าเข้ามาพูดอะไรแบบนี้ด้วยเลยหรือยังไงนะ คนรอบตัวปล่อยให้เป็นอิสระจนรอดพ้นมาถึงมือนี้ได้ยังไง
“......” เขาเอื้อมมือไปยีหัวคนที่ยืนค้อมหลังอยู่หน้าประตู ยิ้ม เพื่อให้รู้สึกผ่อนคลายและบอกว่าอย่าคิดมาก ถ้าหากไม่ได้คิดอะไรต่อกัน ‘พี่ก็จะปล่อยมือจากนายเท่านั้นเอง’ ไม่ฝืนใจ ไม่เหนี่ยวรั้ง จะไม่ทำให้รู้สึกแย่และอึดอัดกับความกดดันทั้งหมดที่เขาสร้างขึ้น
“......” แต่ตอนที่ตัดสินใจหันหลังเพื่อเดินกลับไป แรงรั้งตรงชายเสื้อก็เรียกให้หันกลับไปหา คิม จงอินยังยืนอยู่ที่เดิมแถมยังไม่มองกันเลยด้วยซ้ำ “ครับ?”
“.....ไม่ได้อึดอัดเลย” รออยู่อึดใจเสียงขึ้นจมูกก็พูดเบาๆ อยู่ในลำคอ “ผมไม่ได้รู้สึกแย่เลยนะ”
“......” มองต่ำลงไปก็เห็นว่ามือเล็กกว่ากำชายเสื้อเขาแน่นเหมือนไม่อยากให้ไป ทั้งที่ตัวเองเป็นคนบอกให้เขากลับก่อนแท้ๆ เด็กคนนี้
“น้ำหอมที่ซื้อให้ก็ชอบ ใช้ทุกวัน...เสื้อโค้ทตัวนี้ก็ชอบ” พูด ในขณะที่อีกมือก็จับสาบเสื้อโค้ทที่ใส่อยู่เพื่อบอกว่าหมายถึงตัวไหน
“......”
เขาก้าวเข้าไปหาด้วยอารมหมั่นเขี้ยว เพียงก้าวเดียวก็ไปถึงตัว
จงอินจะรู้รึเปล่าว่าปากของเขาพูดอะไรออกมา ในใจเขาอาจจะไม่ได้อยากให้มันออกมาในรูปแบบนี้แต่เขาต้องไม่รู้ตัวแน่ๆ
“เวลาโทรมาหาผมทีไร ตรงนี้มันก็กระตุก...มันดีใจ”
ตรงนี้ที่ว่า เด็กคนนั้นทุบมือลงไปที่หัวใจ..... จนเขาอดไม่ได้จริงๆ ที่จะดึงเข้ามากอด เนื้อตัวนุ่มนิ่มไม่ได้ขัดขืนเลย นี้ก็คงเป็นอีกอย่างที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว
“รู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมา” เขาส่ายหน้าทันทีเหมือนไม่ยอมเสียเวลาคิดทบทวนคำถามสักนิด นั่นยิ่งทำให้ต้องกอดแรงขึ้นอีกด้วยความหมั่นเขี้ยวทวีคูณ “รู้ความหมายของมันไหม?”
“เหมือนจะรู้...แต่ก็ไม่แน่ใจ”
ให้ตายเถอะ ยอมเลยจริงๆ
“งั้นจะบอกให้เอาไหม?”
“......” จงอินพยักหน้า
“จงอินกำลังบอกว่าตัวเองก็รักพี่เหมือนกัน”
“......”
.
.
.
“......”
“ก็.....คงจะเป็นอย่างนั้น...อือ...”
เด็กบ้า...
ถ้ากระดูกแตกก็อย่ามาว่ากันนะ ถ้าหายใจไม่ออกห้ามโทษกันเด็ดขาด
และถ้าซูโฮถามว่าทำไมปากถึงช้ำ ก็บอกให้หมอนั่นโทรมาถามเอาเอง
เขาจูบจงอิน จูบแบบที่ตั้งใจจะช่วงชิงทุกอย่างมาจากเด็กคนนั้น กอดรัดจนแทบจะกลายเป็นฟัดเหวี่ยง ไม่สนใจใครทั้งนั้น ไม่กลัวว่าใครจะเดินขึ้นมาชั้นนี้และไม่กลัวว่าเซฮุนจะเปิดประตูออกมาหรือเปล่า
แล้วขอให้รู้ไว้เลยว่าหลังจากนี้
“งั้นเป็นแฟนกันนะ”
“....อือ”
คิม จงอิน จะเป็นของ ชเว ซีวอนคนเดียวเท่านั้น
TBC...
-------------------------------------------------------------------------
เห็นว่ามีคนชอบคู่นี้อยู่พอควร....
สรุปจะต่อยอดเรื่องนี้จาก OS เป็น SF เพื่อเอาลงเล่ม 'คิม จงอินกับคนเมะทั้ง7' ที่มีแพลนจะรวมเล่มในอนาคต
ส่วนเนื้อหาที่ลงไปข้างบน ถือเป็น 50% ของเนื้อเรื่องทั้งหมดไปละกัน(จริงๆ ก็ไม่ถึง 50% ดี แค่ 30%)
หลังจากนี้เรื่องไหนที่ไม่ใช่คู่ชานไค แล้วเราลงแค่ 50% หมายความว่าเรื่องนั้นจะได้เอาลงเล่มนะคะ
[-]Hyphen.
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น